คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #157 : Login 154: อูโรโบรอส
Login
154: อูโรโบรอส
อิงศรจ้องมองไปทางซีลอร์ดที่ยืนอยู่ท่ามกลางกลุ่มของพวกพ้องคนอื่นๆ
ในสภาพที่ตัวเขากับเมษากำลังจะประหมัดกันเพื่อตัดสินทางเดินของแต่ละคน
เพราะเมษาถูกมัดมือชกให้ต้องมาเอาหัวของเขาไปแลกกับชีวิตของมีนาโดยที่ไม่มีหลักประกันอะไรเลยซักอย่างเดียว
แล้วเขาเองก็ปรารถนาจะช่วยมีนาเหมือนกัน
แต่ถ้าเมษาหักหลังเมตไตรยที่นี่ชีวิตของมีนาก็อาจจะตกอยู่ในอันตรายทันที
ถ้าอย่างนั้นก็มีแต่ต้องทำตามที่ตัวเองเชื่อมั่น
ถ้า
เมษา ธุวดารกะ มีทางเลือกเพียงแค่ต่อสู้และหยุดเขาไว้ที่นี่
ถ้าทางเลือกของ
อิงศร โรจน์จุฬา คือการก้าวเดินต่อไปข้างหน้า
ทางเลือกทั้งสองจึงขัดแย้งกัน
จึงหลีกเลี่ยงการต่อสู้ไม่ได้
แต่ทว่า…
เจ้านั่นกลับทำได้
ทำให้การต่อสู้ที่ไร้สาระนี่จบลงโดยทำให้สถานการณ์แย่ลงไปกว่าเดิม
บนจอภาพที่ซีลอร์ดหมุนมาให้ดู
มีนากำลังทรมาน
หล่อนอ้าปากกว้างเหมือนจะกรีดร้องแต่หน้าจอไม่มีเสียงออกมาอาจจะปิด เอาไว้ด้วยเหตุผลบางอย่างที่เขาเองก็ไม่รู้ว่าทำไมซีลอร์ดจึงเลือกทำแบบนั้น
ด้านหลังของมีนา
มองเห็นแง่งของฟันเฟืองยื่นโผล่ออกมา นั่นคือฟันเฟืองที่ใบ้ควบคุมเครื่องทำสวนไม่ผิดแน่
ไหนยังจะฉากหลังในจอภาพนั่นก็มีสภาพเหมือนกับห้องควบคุมของเครื่องทำสวน
ห้องแคบๆ
ที่ผนังทั้งหมดเป็นกระจกใสที่ส่องออกไปเห็นฟันเฟืองสีทองอร่ามตาท่วมท้นไปทุกหนแห่ง
ภาพฉายอยู่แค่สิบวินาที
เวลาขนาดนั้นกับภาพเล็กเท่าจอโทรศัพท์กลับมีรายละเอียดที่มากเกินกว่าจะเก็บได้ทั้งหมดในสิบวินาทีนั่น
แล้วภาพก็ตัดไปยังด้านนอก
สถานที่แห่งนั้นน่าจะเป็นชายหาดหน้ากำแพงของศูนย์บัญชาการหลักเมตไตรยที่เคยเป็นสนามรบกับเรดบอสเลเวลเจ็ดสิบเมื่อวาน
จำนวนของทหารมากมายที่ออกมาต่อสู้เหมือนๆ
กับเมื่อวานราวกับเป็นภาพวิดีโอย้อนต่างกันแค่ศัตรู...
ศัตรูที่บุกมาคือมนุษย์ต่างดาว
เป็นการบุกโจมตีอย่างเต็มรูปแบบทั้งมนุษย์ต่างดาวชั้นศิษย์ติดอาวุธ
ยานรบที่บินบนท้องฟ้าได้
ยานเกราะที่ระเบิดภาคพื้นดินด้วยปืนยิงลูกระเบิดจนทหารมากมายตัวแตก
อวัยวะหล่นเกลื่อนกราดสนามรบ
โลหิตสีแดงสดอาบนองผืนทราย
ควันไฟตลบอบอวล
หากว่าหน้าจอนั้นถ่ายทอดเสียงได้คงเหมือนกำลังดูหนังสงครามเรื่องไหนซักเรื่องอยู่แน่
ภาพเบนไปทางซ้าย
ทัศนวิสัยหมุนเคว้ง และหยุดลงที่กำแพงค่ายซึ่งล้อมเมืองเอาไว้สามชั้น
จากทางด้านในที่เป็นตัวเมืองนั่นเอง
ที่นั่นมีควันไฟ
ไม่สิ ดูจากสีของควันแล้วเหมือนเป็นฝุ่นทรายมากกว่าอาจจะมีอะไรบางอย่างระเบิดขึ้นที่ตรงนั้นแล้วไม่สร้างควันไฟหรือไม่ก็…
วัตถุที่มวลมหาศาลพอจะทำให้ฝุ่นทรายลอยคละคลุ้งขึ้นมาได้ขนาดนั้น
เมื่อฝุ่นทรายจางลงไปเล็กน้อยก็เริ่มมองเห็นวัตถุที่อยู่ภายใน
เพียงแค่เห็นเสี้ยวเดียวของใบหน้าสิงโตที่โผล่พ้นออกมาจากกลุ่มควันนั่น
ใบหน้าของสิงโตที่เป็นสีเงินและมีความมันวาวเหมือนอะลูมิเนียมหรือวัตถุที่ใกล้เคียง
เมื่อรวมเข้า กับรูปลักษณ์ของสิ่งที่กวินทร์อัญเชิญออกมาจากสกิลไม้ตายเท็งกะโกะเคนแล้วเจ้านั่นก็คือ…
ซีลอร์ดเริ่มพูด
“ตอนนี้มีนาคนนั้นกำลังขับเคลื่อน
ออร์ทิเกสซาร์ด้วยฟันเฟืองที่สังเคราะห์ขึ้นมา
ดูเหมือนว่าจะทำการทดลองโดยให้ต่อสู้ในสงครามแตกหักระหว่างเมตไตรยกับมนุษย์ต่างดาวนั่นคือสถานการณ์ปัจจุบัน”
หน้าจอปิดตัวลงไป
ความเงียบงันเข้าปกคลุมพระเจดีย์ที่พังไปครึ่งหนึ่ง
อิงศรลดหมัดของตัวเองลงในขณะที่สายตายังจับจ้องจุดที่หน้าจอนั่นหายไป
เมษาก็ทำแบบเดียวกัน
“…”
จากนั้นเมษาก็เอ่ยถามซีลอร์ด
“ทำไม…”
แน่นอนว่าคำถามนั้นอิงศรก็อยากจะรู้
ทำไมมีนาถึงโดนส่งไปอยู่ข้างในเครื่องทำสวน
ทำไมมนุษย์ต่างดาวถึงบุกโจมตีเมตไตรยทั้งที่สัญญาสงบศึกน่าจะเพิ่งยกเลิกไปเองแต่กลับเตรียมกองกำลังขนาดนั้นไว้ได้
ทำไมทางเมตไตรยถึงได้มีกำลังพลพอจะต่อต้านกับทัพมนุษย์ต่างดาวจำนวนขนาดนั้นได้ทั้งที่ส่งกองกำลังมาที่อารย_สนธยาตั้งขนาดนั้น
คำตอบของสองคำถามหลังนั้นง่ายมาก
สัญญาเป็นแค่เรื่องบังหน้าที่กะจะหลอกใช้พลังของอีกฝ่ายเพื่อจัดการก้างขวางคอในขณะที่แต่ละฝ่ายต่างก็ไปเตรียมทัพของตัวเองเพื่อทำสงครามนี้
หากเป็น
กุมภา ธุวดารกะ ที่เหลี่ยมจัดขนาดนั้นคงจะทำได้จริงๆ
นั่นแหละรวมถึงฝั่งมนุษย์ต่างดาวที่มีรูบิเดียมซึ่งเคยหลอกเขาอย่างแนบเนียนมาแล้วด้วย
ทั้งสองฝั่งนั้นต่างก็มีผู้นำที่รอบจัดชนิดกินกันไม่ลง
ตอนนั้นเองที่ซีลอร์ดพูดขัดความคิดเข้ามาว่า
“กุมภา ธุวดารกะ
ที่พวกเธอรู้จักตัวจริงก็คือรูบิเดียม ราชครูลำดับที่สามยังไงล่ะ”
หมอนั่นพูดเรื่องที่หากไม่อ่านใจก็คงไม่รู้ว่าคำพูดนี้จะทำให้เขาตกใจได้
“…”
เกือบจะตกใจไปแล้ว
อิงศรแทบจะอ้าปากหวอหากไม่ฝืนกัดฟันเอาไว้สุดแรงเขาคงจะร้อง
เฮ้ย! เสียงดัง…
“เฮ้ยยยย!!!!”
นั่นเป็นเสียงของเมษา
แล้วก็…
“หา!!!!”
เสียงของกวินทร์
นรินทร์ถึงจะไม่ได้ส่งเสียงโหวกเหวกเหมือนเจ้าพวกนี้แต่ก็ออกอาการทางสีหน้าชัดเจนว่าตกใจอยู่
ซีลอร์ดมองไปที่เมษาแล้วเริ่มพูด
“ไม่มีประโยชน์ที่จะทำแบบนั้นหรอกนะ
กุมภาที่ให้คำสั่งเธอมาน่ะเป็นผู้ที่อาศัยอยู่ในสวนแห่งที่สองและตอนนี้พี่สาวของเธอก็ไปอยู่ที่สนามรบแล้วด้วย”
แต่เมษาก็แย้งเป็นเชิงต่อว่ากลับไปด้วยคำถามซึ่งตอนนี้ทุกคนอยากรู้มากที่สุด
“จะบ้าเรอะ!
พี่กุมภาเนี่ยนะเป็นเอเลี่ยนถ้าอย่างนั้นความไม่แตกไปนานแล้วเรอะไงก็พวกเรามีระบบตรวจจับการแฝงตัวของพวกมันแล้วนี่”
ถูกอย่างที่เมษาว่า
หากกุมภาคือรูบิเดียมราชครูมนุษย์ต่างดาวจริงแล้วล่ะก็ทำไมก่อนหน้านี้คอนแทคเลนส์ของเขาซึ่งก็ได้ติดตั้งระบบตรวจจับหลังจากที่ได้เก็บข้อมูลตอนที่เกิดเรื่องของห้องคิงมาแล้วแต่กลับไม่เห็นว่ากุมภาจะเป็นมนุษย์ต่างดาวเลยแล้วก็ยังมีช่องโหว่ใหญ่ในคำพูดของซีลอร์ดอยู่…
“ก่อนหน้านี้ตอนที่เอเลี่ยนหน้าเหมือนขวัญที่ชื่อเจ้าแบเรียมอะไรนั่นมาตามตัวฉันเพื่อให้มาที่อารย-สนธยา
ฉันก็เห็นรูบิเดียมกับกุมภาอยู่พร้อมหน้ากันมาแล้วนะ”
ถึงสิ่งที่เห็นจะเป็นจากหน้าจอมอนิเตอร์ของอุปกรณ์ที่มนุษย์ต่างดาวเอามาก็เถอะแต่คิดว่าการประชุมเมื่อตอนนั้นน่าจะเป็นของจริง
มีการเผชิญหน้าพูดคุยกันอย่างจริงจังระหว่างคนที่ถูกบอกว่าเป็นคนๆ เดียวกัน
แต่ซีลอร์ดก็ยังยืนยันเหมือนเดิมแล้วยกเหตุผลขึ้นมากล่าวอ้าง
“แล้วเธอคิดว่าระบบตรวจจับนั่นใครเป็นคนสร้างมันขึ้นมากันล่ะแล้วก็ระบบปลอมตัวเป็นมนุษย์อีก
ทั้งหมดคือฝีมือของรูบิเดียม อย่างเธอเองก็น่าจะรู้ดีเพราะโดนมากับตัวไปแล้วนี่”
คำพูดนั้นสมเหตุสมผล
ก่อนหน้านี้ก็เคยโดนรูบิเดียมปลอมตัวเป็นมนุษย์แล้วใช้ชื่อปลอมว่าสีดามาแล้วดังนั้นจึงมีโอกาสเป็นไปได้ที่ระบบตรวจจับจะถูกโปรแกรมให้ยกเว้นเจ้าตัวเอาไว้
“แต่ก็ยังตอบเรื่องที่สองคนนั่นอยู่พร้อมกันในเวลาเดียวกันไม่ได้อยู่ดี”
ซีลอร์ดพยักหน้า
“นั่นน่ะเป็นทริคที่รูบิเดียมใช้เพื่อให้ตัวเองอยู่สองที่ในเวลาเดียวกันได้คิดว่าคงจะได้เจอกับอาวุธที่เรียกกันว่า
‘อาวุธติดตั้งอสุรา’ มาแล้วสินะ”
‘อาวุธติดตั้งอสุรา’
ครั้งแรกที่ได้ยินชื่อนี้คือตอนที่ปะทะกับไทเทเนียมพี่สาวลูกพี่ลูกน้องของกวินทร์ที่กลายเป็นมนุษย์ต่างดาวเหมือนกับขวัญ
หล่อนเก็บงำอาวุธนั่นไว้จนถึงตอนสุดท้าย
จนกระทั่งบัดนี้ตัวเขาก็ยังจำความรู้สึกอันรุนแรงของอาวุธที่ไม่สามารถทำความเขาใจได้นั่นอยู่เลย
เท่าที่พอจะรู้
อาร์มาอิติ ‘อาวุธติดตั้งอสุรา’ ของไทเทเนียมมีพลังที่ทำให้การโจมตีเดี่ยวๆ
ไร้ผลและพลังทำลายที่คว้านพื้นปฐพีขึ้นมาได้ราวกับตักไอศครีม
จากนั้นก็เจอกับซีเซียมมนุษย์ต่างดาวฝาแฝดของตัวเอง
หมอนั่นก็มีอาวุธติดตั้งอสุราเหมือนกันแต่พลังเป็นคนละแบบกับอาร์มาอิติ
เป็นพลังที่ทำให้อาชีพของผู้ถือครองเปลี่ยนเป็น ‘ฮีโร่’ การที่อาวุธแต่ละอันมีชื่อเรียกเป็นของตัวเองจึงเป็นไปได้ว่าพลังของอาวุธติดตั้งอสุราทั้งหมดอาจจะไม่เหมือนกันเลยและมีเอกลักษณ์เป็นของตัวเอง
แต่ซีเซียมไม่ได้บอกชื่อของอาวุธตัวเองจึงมีข้อมูลไม่พอ
ซีลอร์ดยังพูดต่อไปว่า
“ด้วยพลังของอาวุธติดตั้งอสุราทำให้รูบิเดียมสามารถสร้างร่างจำลองอีกร่างของตัวเองได้นั่นคือทริคที่หล่อนใช้แสดงให้เธอเห็นยังไงล่ะอิงศร”
ถึงฟังคำอธิบายไปก็ช่วยแค่ให้รู้ว่าตนเองถูกหลอกเท่านั้น
ก็ยังไม่รู้อยู่ดีว่าอาวุธติดตั้งอสุราคืออะไรกันแน่แล้วก็ไม่ได้ช่วยให้รู้ว่าทำไมรูบิเดียมถึงต้องแทรกแซงเข้าไปเมตไตรยแล้วจัดฉากสงครามนี้ขึ้นมาด้วย
คนที่มีปฏิกิริยากับเรื่องของรูบิเดียมคงมีแค่
กวินทร์ เมษา นรินทร์ แล้วก็ตัวเองที่เคยอยู่กับเมตไตรยมาก่อน
พวกฟูกับคนที่เหลือแค่ทำหน้างุนงงเพราะไม่เข้าใจเรื่องที่กำลังพูดคุย
และแล้ว...
เจ้าซีลอร์ดนั่นก็ทำเรื่องน่าตกใจขึ้นมาอีก
“ไม่ใช่แค่รูบิเดียมหรอกนะ
สิงห์ ธุวดารกะ เองก็เช่นกันอีกโฉมหน้าคือแฟรนเซียมดำรงตำแหน่งราชครูลำดับที่หนึ่งและเป็นผู้ที่บงการอารย-สนธยาในคราวนี้ก็เพื่อให้อิงศรสร้างเมอร์คาบาห์ขึ้นมา”
“หา?!”
กวินทร์ เมษา
นรินทร์พากันร้องเป็นเสียงเดียว แต่กลับกัน
“...”
อิงศรแค่อ้าปากหวอขึ้นมานิดหน่อย
ไม่รู้ทำไมแต่รู้สึกว่าตัวเองไม่ค่อยตกใจซักเท่าไหร่
พอได้ยินว่าสิงห์เองก็เป็นมนุษย์ต่างดาวแล้วก็ยังเป็นแฟรนเซียมราชครูลำดับที่หนึ่งซึ่งเป็นผู้บงการสถานการณ์ที่ทำให้เขาได้มาที่อารย-สนธยา
อย่างที่คิดจริงๆ แล้วก็รู้สึกได้ว่ามันสมเหตุสมผลอยู่
ถ้าเชื่อว่ารูบิเดียมคือกุมภา
การที่แฟรนเซียมจะเป็นใครซักคนที่เกี่ยวข้องกับเมตไตรยด้วยก็ไม่น่าแปลกใจซักเท่าไหร่
เพียงแต่...
“ถ้างั้นสิงห์...เจ้านั่นยังไม่ตายสินะ”
ซีลอร์ดพยักหน้า
“อืม ตอนนี้คงกำลังใจจดใจจ่อกับการทดลองฟันเฟืองอยู่นั่นแหละ”
ถ้านั่นเป็นเรื่องจริงทั้งหมดก็จะสรุปสถานการณ์ของตัวเองได้แบบนี้
สิงห์กับกุมภาจัดฉากเล่นละครกัน
สิงห์แกล้งทำเป็นว่าตัวเองตายเพื่อจะได้ไปเตรียมการทดลองหรือไม่ก็เป็นผู้จัดเตรียมทัพมนุษย์ต่างดาวที่กำลังโจมตีเมตไตรยอยู่ในตอนนี้รวมถึงสร้างสถานการณ์ที่อารย-สนธยาเอาไว้ด้วย
ส่วนกุมภาที่ฉากหน้าเป็นคู่แข่งแต่แท้จริงแล้วเป็นคนทีร่วมดำเนินแผนการกับสิงห์
พยายามจัดฉากเพื่อให้เขามาที่อารย-สนธยา
ถ้าหากรวมเข้ากับเรื่องของเทวทูตที่ฟังมาจากโซเดียมคนใหม่ซึ่งเป็นราชครูลำดับที่ห้าแล้วล่ะก็เป็นไปได้ว่าทั้งสิงห์
และ กุมภาอาจจะพยายามต่อต้านพวกเทวทูตด้วยเหตุผลบางอย่างถ้าอย่างนั้นคำถามที่เหลืออยู่ก็คือ...
“จะต้องการเมอร์คาบาห์ไปทำไม”
ถ้าบอกว่าต้องการด้วยเหตุผลด้านพลังแล้วล่ะก็ดูมันจะขัดแย้งกับความเป็นจริงเกินไปหน่อย
จากมุมมองของอิงศรถึงจะกลายเป็นเมอร์คาบาห์ฮันเซลัชช่าแล้วก็ตาม
แต่แค่พลังอย่างเดียวไม่น่าจะเพียงพอต่อการจัดฉากที่ต้องเตรียมการมากมายถึงขนาดนี้มันน่าจะมีอะไรมากไปกว่านั้น
“เธออยากรู้เหตุผลที่สิงห์ต้องการเมอร์คาบาห์อย่างนั้นสินะ”
แน่นอนว่ามาถึงขั้นนี้แล้วความอยากรู้ของเขาแทบจะฉีกหัวใจออกมาเลยด้วยซ้ำ
“แต่แบบนั้นน่ะมันจะดีแล้วจริงๆ
เหรอ”
“หมายความว่ายังไง”
อิงศรไม่เข้าใจตามคำพูดของเขาเองเลย
ทำไม?
ถ้ารู้เหตุผลแล้วมันจะเกิดเรื่องไม่ดีขึ้นรึไงถึงเป็นแบบนั้นจริงๆ
สภาพตอนนี้ยังจะมีอะไรแย่ไปกว่านี้ได้อีก
มีนาถูกใช้เป็นตัวทดลอง
โลกเหลือเวลาแค่หนึ่งเดือนหรืออาจจะน้อยกว่านั้น
กับอีแค่รู้เหตุผลที่โดนหลอกให้มาเสียเวลาอยู่ที่อารย-สนธยา
แค่นั้นมันจะส่งผลต่อสถานการณ์ตอนนี้ได้อย่างไรกัน
ยังไความเป็นจริงที่ว่าพวกเขาไม่มีเวลาเหลือมากนักก็ไม่เปลี่ยนแปลงอยู่ดี
หรือเวลาอาจจะน้อยลงไปกว่านี้ก็คงไม่น่าแปลกใจซักเท่าไหร่
ซีลอร์ดสบตาเขาและรับรู้ความตั้งใจที่อยากจะล่วงรู้ถึงเหตุผลนั้น
“เพื่อไปให้ถึงคำตอบสุดท้ายที่ถูกต้องที่สุดฉันควรจะต้องรู้เรื่องทั้งหมด
จำเป็นจะต้องขึ้นไปยืนบนเวทีเดียวกับสิงห์แล้วก็คนอื่นๆ
ที่กำลังเล่นเกมชะตากรรรมบ้าๆ นี่เพราะงั้นบอกมาเถอะ”
อิงศรพูด
ซีลอร์ดยอมรับคำขอนั้นแล้วก็...
“เธอ”
ชี้ไปที่กวินทร์
สายตาของทุกคนหันตามไปเป็นทิศเดียวกัน
“คือลูกของคนที่ฆ่าเจ้าอาวาส อารย-สนธยา พ่อของนรินทร์”
“อะ...”
กวินทร์หน้าถอดสีขึ้นมาทันที
แต่ซีลอร์ดยังไม่หยุดพูด
“พ่อของกวินทร์
วชิระ เป็นนักปิดปากที่คอยทำงานให้กับนักการเมืองคนที่มีปัญหาเจ้าอาวาสวัดอารย-*สนธยา”
กวินทร์เลิ่กลั่กตั้งท่าจะพูดแย้งกลับแต่ก็ถูกฟูดึงคอเสื้อเอาไว้
“นี่แกเองเรอะที่ทำร้ายพี่รินกับพ่อพี่รินน่ะ”
แล้วง้างกำปั้นขึ้น
กวินทร์พยายามปฏิเสธ
“ด...เดี๋ยวเซ่ ผมไม่เห็นจะรู้เรื่อง...”
“แน่นอนว่าเด็กที่หนีออกจากบ้านไปอยู่กับญาติแทนเพราะทนความเหลวแหลกของพ่อตัวเองไม่ไหวอย่างเธอน่าจะไม่รู้อะไรเลย”
แล้วซีลอร์ดก็พูดเสริมมาแบบนั้น
กำปั้นของฟูจึงค้างอยู่อย่างนั้นไปด้วย
พริบตาหนึ่ง
อิงศรสังเกตเห็นท่าทีของกวินทร์เปลี่ยนไปเล็กน้อย
แววตาของหมอนั่นซึ่งมักจะดูสดใสอยู่ตลอดแต่กลับด่างพร้อยและมัวหมองขึ้นมาอย่างผิดหูผิดตาก่อนจะกลับคืนไปสภาพเดิม
จะว่าไปแล้วนอกจากเรื่องของพี่สาวกวินทร์แล้วตัวเขาเองก็ไม่ค่อยรู้ความเป็นมาของกวินทร์ซักเท่าไหร่
เพราะความร่าเริงและใสซื่อแบบเด็กๆ ของหมอนี่ทำให้ไม่เคยฉุกใจคิดไปถึงเรื่องฐานะทางบ้าน
ก็เป็นถึงญาติกับลูกสาว
ส.ส. อย่างไทเทเนียมหรือฟ้ากมล คนนั้นแสดงว่าบทบาททางสังคมของหมอนั่นคงยิ่งใหญ่พอๆ
กับมีนา และ เมษาที่เป็นคนของธุวดารกะเลยล่ะมั้ง
ทั้งอย่างนั้นแล้วกลับหนีออกจากบ้าน...บางทีเรื่องนี้คงห้ามถลำเข้าไปยุ่งมากกว่านี้
ไม่ควรจะไปขุดคุ้ยอดีตที่ไม่มีใครอยากให้รู้
แต่ก็ดูเหมือนจะมีคนที่ไม่คิดแบบนั้นอยู่
“ยังไม่หมดหรอกนะเมษา
ธุวดารกะ”
คราวนี้ซีลอร์ดเบนสายตาไปทางเมษาบ้าง
“ตระกูลของเธอพี่น้องของเธอเองก็มีส่วนในการฆ่าปิดปากคราวนั้นจนทำให้นรินทร์ต้องกลายเป็นเจ้าชายนิทราแถมยังฆ่าแม่ของเขาเพื่อแย่งชิงผลการทดลองมาสร้างเมอร์คาบาห์เพื่อสนองต่อความโลภที่ไม่รู้จักพอนั่นอีกโลกเลยล่มสลายยังไงล่ะ”
พอทุกคนได้ยินแบบนั้นเข้า...
พอนรินทร์ได้ฟังเบื้องหลังของความจริงที่เกิดขึ้นกับตัวเองว่ามีความสัมพันธ์กับทุกคนที่อยู่ด้วยกันมาตลอดตรงนี้เข้า...
“…”
เด็กหนุ่มก็ก้มหน้า
ใบหน้าที่สวยเหมือนผู้หญิงนั่นมองเห็นลางๆ
ในเงาว่ากำลังหวั่นไหวกับเรื่องนี้
หากปล่อยเอาไว้แบบนี้กลุ่มอาจจะแตกสาแหรกขาดเอาได้
“ฟู ปล่อยกวินทร์ก่อน”
อิงศรสั่งจากนั้นก็หันไปพูดกับซีลอร์ด
“ส่วนแกก็เลิกพูดยุให้คนเขาตีกันซะที”
แต่ซีลอร์ดกลับแย้งมาว่า
“ก็เธอเป็นคนขอเองนี่”
หรือจะบอกว่าที่เที่ยวยุพวกพ้องของเขานี่คือคำตอบเรื่องเหตุผลที่สิงห์กำลังหมายตาเมอร์คาบาห์อย่างนั้นหรือ?
“เพราะนรินทร์คือเด็กหนุ่มผู้ทำให้โลกล่มสลายเพราะเขาเป็นร่างทดลองอัญเชิญเมอร์คาบาห์เมื่อสี่ปีก่อนแต่เพราะใช้ตัวทดลองที่ผิดนั่นแหละทำให้มันพังพินาศสิ่งที่อัญเชิญออกมาก็คือนารายณ์”
“ด...เดี๋ยวก่อนสิ”
อิงศรตั้งใจจะให้หยุดการยั่วยุไว้แค่นั้นแต่ทว่า...
ซีลอร์ดกลับชี้นิ้วมาที่เขาแล้วพูด
“ถ้าไม่ใช่เพราะพ่อกับแม่ของเธอปกปิดเรื่องตัวทดลองสร้างเมอร์คาบาห์ที่ถูกต้องเอาไว้บางทีผลลัพธ์อาจจะต่างออกไปจากนี้ก็ได้”
“อึก...”
พอได้ยินแบบนั้นอิงศรก็กลั้นสะอึก
แล้วซีลอร์ดก็พูดเหมือนกำลังข่มขู่เขาที่อยากรู้ความจริง
“คงไม่รู้สินะว่าพวกเธอทุกคนที่นี่ได้มารวมตัวกันด้วยปัญหาที่วนกันเป็นงูกินหาง
เป็นอูโรโบรอสที่สิงห์สร้างเอาไว้ นี่ถ้าได้รู้เรื่องต่อไปนี้แล้วพวกเธอยังจะตีหน้าเป็นพวกพ้อง
เป็นครอบครัวกันต่อไปได้รึเปล่านะ”
***อาทิตย์นี้สองตอนที่ลองอาจจะสั้นๆ ลงบ้าง ต้องขอภัยด้วยนะครับ TwT ไรท์กลับจากต่างจังหวัดเมื่อคืนวันอาทิตย์ก็เจอสารพัดงานรุมเข้ามาจนตามทำกันไม่ทันแทบจะเจียดเวลามาเขียนไม่ได้เยย นี่ได้เวลาตอนนั่งBTSช่วยเอาไว้นะเนี่ยไม่งั้นตอนของวันนี้คงได้โกร๋นแหงม ฮรือออ~~~~***
ความคิดเห็น