คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #147 : Login 144: ราม Vs นารายณ์
Login 144: ราม Vs นารายณ์
“ที่พูดมานั่นน่ะเรื่องจริงเรอะ”
อิงศรอยากจะยืนยันเรื่องที่อิซานามิซึ่งบัดนี้เหลือแค่เพียงไพ่อาคานาร์ไม่สมประกอบใบหนึ่งเท่านั้น
คำตอบซึ่งเทพมารดรตอบรับด้วยเสียงหนักแน่นนั่นก็คือ
“แหงอยู่แล้วสิ
เดิมทีข้าเคยอยู่ในตัวของเจ้าหนูนรินทร์มาก่อนนี่แต่ครึ่งหนึ่งถูกแยกออกไปคิดว่าคงจะเป็นเจ้านกสติแตกนั่นแล้วก็ยัยอลิสที่เจอในโลกประหลาดนั่นแหละ”
โลกประหลาดที่ว่านั่นคืออาคาชิกเรคคอร์ดเป็นมิติที่ซีลอร์ดผู้ถูกลืมเลือนอาศัยอยู่
ซึ่งจนบัดนี้เขาเองก็ยังไม่รู้ถึงความหมายในการคงอยู่ของมิติแห่งนั้น
รู้เพียงแค่ว่าโลกที่ถูกลบหายจะไปอยู่ที่นั่นในฐานะข้อมูลสำรอง
แต่อะไรคือข้อมูลสำรอง
ความหมายที่แท้จริงนั้นก็ยังไม่รู้อยู่ดี
อิซานามิยังคงพูดต่อไปว่า
“เพราะงั้นวิธีช่วยเจ้าหนูนรินทร์น่ะก็แค่เอาข้าใส่คืนเข้าไปก็พอเดี๋ยวจะเข้าไปรวมกับส่วนที่เหลือแล้วอาคานาร์ก็จะหลุดออกจากร่างแค่นั้นคงหยุดการอาละวาดได้แล้วล่ะ”
“แล้วถ้าทำแบบนั้นเธอจะเป็นยังไงต่อล่ะ”
“ก็ไม่รู้สิแต่เดิมเคยเป็นหนึ่งเดียวกันมาก่อนก็ไม่รู้สึกตัวหรืออะไรหรอกนะอัตตาตัวตนของข้าในตอนนี้ก็เป็นเพียงรูปๆ
หนึ่งสำแดงออกมาถ้าเจ้าเข้าใจในแก่นของพุทธก็คงจะพอเข้าใจได้ล่ะนะว่ารูปนั้นแท้จริงแล้วคือความว่าง”
หรือก็คือหล่อนจะบอกว่าตัวตนของเธอในตอนนี้เป็นแค่ภาพลวงตา
“ตัวข้านั้นเป็นเหมือนลำโพงที่ช่วยเปล่งเสียงความนึกคิดออกมาให้คนอื่นรับรู้ได้เท่านั้น
นั่นก็คือกลไกอย่างหนึ่งของอาคานาร์ ปีศาจที่เป็นได้ในหนึ่งสถานะของไพ่ก็คือลำโพงที่ป่าวร้องว่าโชคชะตานี้คืออะไร”
เหมือนจะเข้าใจขึ้นมาเล็กน้อยว่าอาคานาร์นั้นไม่ใข่ของที่สร้างปีศาจขึ้นมาโดยตรงแต่ปีศาจเป็นเพียงความสามารถหนึ่งของอาคานาร์แต่ละใบต่างหาก
ถ้าคิดแบบนี้พลังในส่วนของ
เดอะ
เอ็มเพอเรอร์ ที่ช่วยให้เรียกปีศาจจากแอพพลิเคชั่นให้ออกมามีตัวตนในความเป็นจริง
เดอะ
เทมเพอแรนซ์ ที่ช่วยให้รวมร่างปีศาจได้
เดอะทาวเวอร์
ที่ช่วยให้หยิบเอาสกิลของปีศาจที่ครอบครองมาใช้ได้เอง
เดอะ
เสตร็งท์ ที่ทำให้เคลื่อนไหวขณะใช้สกิลที่จำกัดการเคลื่อนที่ได้
และอาคานาร์กลุ่มเพิ่มสกิลอื่นๆ
ก็จะมีคำตอบที่เข้าเค้ากับอาคานาร์กลุ่มที่เรียกปีศาจมาเป็นเดม่อนแอพให้นั่นเอง
เมื่อได้ข้อสรุปตามนั้นจึงเข้าใจได้ว่าไพ่ของอิซานามิในตอนนี้มีไว้เพื่อหยุดนรินทร์และด้วยเหตุผลนั้นหล่อนจึงปรากฎตัวออกมาในตอนที่พญาครุฑได้ร่างของนรินทร์ไป
ก็เพื่อเลี่ยงที่จะไม่ตกไปอยู่ในสถานการณ์ที่กลับไปรวมเป็นอาคานาร์ที่สมบูรณ์ไม่ได้
ซึ่งนั่นก็หมายความว่า
“นี่ก็รู้อยู่แต่แรกแล้วน่ะสิว่ามันจะเป็นแบบนี้ถึงได้มาอยู่กับฉันน่ะ”
“ก็ราวๆ
นั้นแหละแต่ก็ดีแล้วนี่เพราะว่ามองจิตใจของมนุษย์ออกข้าถึงได้เลือกมาอยู่กับเจ้าที่ยังไงก็ต้องช่วยนรินทร์อย่างแน่นอนยังไงล่ะ”
สรุปก็คือเขาถูกหลอกใช้นั่นเอง
แต่ก็เป็นการหลอกใช้ที่ยอมรับได้เพราะมันเป็นแบบนั้นตอนนี้ถึงได้มีวิธีช่วยนรินทร์โผล่ออกมา
“งั้นแค่เอาเธอใส่คืนไปก็พอสินะแล้วต้องทำยังไง”
“อาคานาร์ที่เหลือคงจะไปอยู่แถวหัวใจเอาตัวข้าไปแตะบนร่างกายเจ้าหนูให้ใกล้กับหัวใจให้มากที่สุดก็พอ”
อิงศรพยักหน้าให้คำพูดนั้นแล้วเก็บอาคานาร์ของอิซานามิขึ้นมา
หันหลังกลับไปบอกแผนให้กับคนที่เหลืออยู่
คนที่เหลืออยู่ในตอนนี้ก็มี
กวินทร์ เมษา มิกซ์ สี่คนนี้เท่านั้น
“พวกนายใช้สกิลโจมตีไกลล่อมันไว้ทีขอแค่สองวิเดี๋ยวจะตรึงมันด้วยไกรพ์นิล”
อิงศรพูดพลางเหน็บดาบเก็บที่เอวแล้วเปลี่ยนคันธนูเป็นหน้าไม้
แล้วเมื่อทุกคนให้สัญญาณว่าพร้อม
“เอาเลย!”
อิงศรก็ตะโกนพร้อมกับเล็งหน้าไม้ขึ้นไปข้างบน
กวินทร์ เมษา มิกซ์เริ่มการโจมตีในตอนนั้น
“ฟาสช็อต!”
มิกซ์ร่ายสกิลพร้อมกับลั่นไกปืนรัวหลายนัดในเวลาเสี้ยววินาทีเป็นสกิลเร่งจู่โจมด้วยความเร็วสูง
ขณะเดียวกันเมษาก็ตั้งท่ารวบรวมพลัง
“วอยด์บลาส!”
แล้วปล่อยลำแสงจากพลังงานที่รวบรวมไว้ที่มือออกไป
มีแต่กวินทร์คนเดียวที่ไม่ได้ทันโจมตีเพราะเด็กหนุ่มไม่มีสกิลจู่โจมไกลแบบที่ปุบปับก็ใช้ได้ทันที
แน่นอนว่าการโจมตีของเมษากับมิกซ์ถูกต้านไว้อย่าง่ายดาย
นรินทร์เพียงแค่ใช้มือเปล่าจับลูกกระสุนที่รวดเร็วทั้งหมดด้วยความเร็วที่ยิ่งกว่าและจับแสงทำลายของเมษาไว้ก่อนจะเขี้ยงพวกมันกลับคืนไป
การโจมตีที่ย้อนกลับมานั้นได้กวินทร์ช่วยปัดป้องไว้ให้
“ดราโกนิกเบลด!”
กวินทร์เคลือบดาบด้วยศิลาเกล็ดมังกรจนดาบกลายเป็นเหมือนหยกรูปหินงอกซึ่งช่วยมอบพลังในการป้องกันทำให้สามารถกวัดแกว่งดาบปัดการโจมตีที่ย้อนกลับมาทิ้งไปได้
แล้วตอนนั้นเองก็ครบสองวินาที
ลูกดอกแนบยันต์จำนวนห้าลูกที่อิงศรยิงขึ้นไปข้างบนโน้มตัวตกลงมาปักพื้นเป็นอาณาเขตล้อมรอบตัวนรินทร์เอาไว้
“มหาเขตแดนตรวนผนึกหมาป่าไกรพ์นิล!!”
สิ้นคำอิงศร
โซ่ตรวนอาคมก็พุ่งอกมาจากยันต์ทั้งห้าแผ่นเข้ามัดร่างกายนรินทร์นารายณ์
เพียงเท่านี้ก็หยุดการเคลื่อนไหวได้แล้วที่เหลือก็แค่เอาอาคานาร์ของอิซานานามิใส่เข้าไปเท่านั้นทุกอย่างก็…
“คำสาปนี้ขอคืนให้ก็แล้วกัน
อัปสราวตาร”
นรินทร์กล่าวเช่นนั้นแล้วกลายร่างเป็นนางฟ้าด้วยพลังของนารายณ์
นางฟ้าหรือนางอัปสรในตำนานเทพฮินดูซึ่งมีความงดงามเป็นอย่างมาก
เครื่องแต่งตัวค่อนข้างเหมือนกับที่เห็นในลิเกไทยเมื่อรวมกับใบหน้าของนรินทร์ที่เดิมก็งดงามราวกับสาวงามอยู่แล้วทำให้เป็นนางอัปสรที่ไร้ที่ติ
ทว่า
ถึงจะงามอย่างไรก็ไม่น่าจะหลุดออกจากตรวนอาคมนั่นได้แล้วทำไมถึงกลายเป็นร่างนี้กันล่ะ?
ช่วงที่อิงศรเผลอคิดไปนั่นเองนางอัปสรนรินทร์ก็ยกเท้าข้างหนึ่งขึ้นตั้งแขนจีบนิ้วราวกับจะรำโชว์ทั้งสภาพที่ถูกตรึง
แล้วเมื่อนางชี้นิ้วไปที่ขาตัวเอง
บัดนั้น…
มหัศจรรย์ก็บังเกิด ตรวนอาคมที่เคยรัดกายของนางไว้ได้อันตรธานหายไป
แล้วเขตอาคาก็ปรากฎขึ้นใต้เท้าของพวกเขาแทน
อิงศรจำลวดลายของเขตอาคมนั้นได้
“ไอ้นี่มันไกรพ์นิลเมื่อกี้นี่”
แต่กว่าจะรู้ตัวเขากับเพื่อนทั้งหมดสี่คนก็ถูกตรวนอาคมที่พุ่งขึ้นจับมัดรวบเป็นกำไปเสียแล้ว
“ไหงสกิลมันถึงย้อนกลับมาเล่นพวกเราล่ะฟะศร!”
เมษาโวยมาจากทางด้านหลัง
มิกซ์กับกวินทร์ถูกมัดอยู่ทางซ้ายและขวาของเขาก็พยายามจะงัดตัวเองออกจากตรวนกันสุดชีวิต
ตอนนั้นเองอัปสรนรินทร์ก็คืนร่างแล้วปล่อยการโจมตีใส่พวกเขาที่อยู่สภาพป้องกันตัวไม่ได้
“ศักติ!”
เมื่อนัยน์ตาแห่งนารายณ์เปล่งแสงก็จะปลดปล่อยพลังจิตใช้ฉีกร่างพวกเขาที่ถูกจ้องเป็นชิ้นๆ
แต่ว่าที่นี่อยู่ในฮีโร่เวิร์ส
ดินแดนซึ่งความเสียหายจะกลายเป็นระเบิดสะเก็ดไฟแบบในหนังฮีโร่
ตูม
ตูม ตูม ตูม เสียงระเบิดดังตูมตามหลายต่อหลายครั้งประกายไฟพุ่งพล่านจากร่างกายของทั้งสี่จนกระทั่งทรงตัวไว้ไม่ไหวจึงล้มกลิ้งลงกับพื้น
“อั่ก”
อิงศรโดนร่างกายของทั้งสามกดทับลงมาถ้าหากเรนเจอร์อย่างเขาไม่ได้รับการฝึกสุดโหดจากพลเอกสิงห์
จนมีร่างกายที่แข็งแรงกว่าปกติคงจะกระดูกหักไปแล้วโดยเฉพาะน้ำหนักตัวของเมษาที่มีกล้ามเนื้อมากกว่าใครรวมกับน้ำหนักตัวของกวินทร์ที่ถึกพอๆ
กันแล้วเหมือนโดนลูกตุ้มเหล็กทับอยู่เลยทีเดียว
“เฮ้ย!
ศรทำใจดีๆ ไว้ก่อน รอเดี๋ยวนะ”
เมษาพูดจากนั้นก็เหวี่ยงตัวเต็มแรงจนทุกคนตัวลอยก่อนจะลงพื้นโดยที่เมษาใช่ไหล่ของตัวเองรับน้ำหนักของทุกคนไว้
กวินทร์ที่เห็นแบบนั้นก็ชิงกดน้ำหนักตัวลงไปอีกข้างเพื่อให้เฉลี่ยกันพอดีตอนนี้พวกเขาเลยนอนแอ้งแม้งกันแบบนี้
มิกซ์ อิงศร
เมษา กวินทร์
“โอ้ย!”
กวินทร์โอดครวญเสียงดังตอนที่ไหล่กระทบกับพื้นรุ่นน้องหนุ่มกัดฟันเสียงดังกรอดฝืนทนความเจ็บปวดนั่นเอาไว้
นอกจากนี้อิงศรยังรู้สึกถึงแผ่นหลังที่สั่นเกร็งของเมษาซึ่งถูกมัดหลังชนกันอยู่ทำให้รู้ว่าทางนี้ก็กัดฟันทนความเจ็บปวดเหมือนกัน
ก็กระแทกเข้าไปซะขนาดนั้นถ้าเป็นปกติไหล่อาจจะหลุดได้แต่เจ้าพวกนี้ตามสายอาชีพแล้วสามารถแบกเขากับมิกซ์ที่เป็นเรนเจอร์ซึ่งตัวเบากว่าได้อย่างสบายๆ
ดังนั้นเมษาจึงคิดเป็นห่วงตั้งแต่ตอนที่เขาล้มลงมาแล้วน่าขอบใจอยู่หรอกแต่สถานการณ์ไม่เปลี่ยนไปเลยนี่สิต่อให้ไม่โดนพวกเดียวกันทับตายสภาพอย่างนี้จะเอาอะไรไปต่อต้านอะไรนรินทร์นารายณ์ได้
“…”
อิงศรหันไปทางนรินทร์ก็ยังเห็นว่าไม่ได้เคลื่อนไหวอะไรอีกหลังจากอัดพวกเขาล้ม
แต่กลับกำลังมองสำรวจสถานที่รอบๆ
เมืองจำลองแห่งนี้
“เป็นเพราะพรคุ้มครองของดินแดนแห่งนี้ทุกคนถึงได้ไม่ยอมตายกันซักทีสินะ”
บางทีคงจะกำลังหมายถึงฮีโร่เวิร์สนี่
นรินทร์ถอนหายใจอย่างเหนื่อยหน่ายแล้วพูดขึ้นว่า
“เอาอย่างนั้นก็ได้จะให้ทุกคนได้เห็นยุคทองคำกันอีกสักครั้ง
สัตยายุค!”
แต่ไม่ได้มองมาที่พวกเขาเลย
นรินทร์เพียงแค่พูดกับตัวเองแล้วตวัดดาบชูขึ้นไปเหนือศีรษะพร้อมกับเริ่มขยับปากกล่าวร่ายบทสวดอะไรซักอย่างที่ฟังเหมือนจะเป็นภาษาบาลีสันสกฤต
ทันใดนั้นเอง
คำสาปสีดำที่เคลื่อนไหวอย่างขมุกขมัวอยู่บนร่างของนรินทร์ก็ทยอยลอยออกจากตัว
ลอยขึ้นไปรวมกันเป็นกลุ่มก้อนเมฆ
จากนั้นจึงกลายเป็นโพรงมิติที่มีความบิดเบี้ยวสูง
มีพลังงานมหาศาลไหลออกมาจากรูโพรงนั่นเหมือนกับสายฟ้าแลบอยู่ตลอด
ขณะเดียวกันร่างของนรินทร์นารายณ์ก็เกิดการเปลี่ยนแปลง
ผิวพรรณผุดผ่องเนื้อหนังสีทองเปล่งประกายที่ซ่อนอยู่ใต้คำสาปเผยออกมา
ร่างกายขยายใหญ่สูงทะลุขึ้นไปถึงรูโหว่งบนเพดานที่ถล่มลงมาก่อนหน้านี้
เส้นผมงอกยาวขึ้น
มีแขนงอกเพิ่มอีกสองแขนถือตะบองดอกบัวกับกงจักรอย่างละข้าง
แล้วจึงเก็บดาบที่ถืออยู่ในมือขวาเสียบกลับไปที่เอวก่อนจะเสกดาบใหม่ที่ใหญ่กว่าอันเก่าออกมาพลางยื่นมันเข้าในวังวนมิติที่บิดเบี้ยวนั่น
สายฟ้าในวังวนเหล่านั้นทยอยไหลเข้าไปในตัวดาบแล้วย้อมมันเป็นสีดำที่ละเล็กทีละน้อย
ดูแล้วน้าจะเป็นการบริกรรมพิธีที่ใช้เวลาเตรียมการนาน
ถ้าอย่างนั้นอาจจะเป็นโอกาสแล้วก็ได้…อิงศรคิด
เพียงแต่จะโจมตีโดยมีกันแค่นี้คงไม่สำเร็จแน่
ความล้มเหลวเมื่อครู่ก็เป็นสิ่งยืนยันแล้วว่าแค่พวกเขาสี่คนไม่มีทางรับมือไหว
ถ้าอย่างนั้นล่ะก็…
“กวินทร์ใช้ไอ้นั่นสิที่เคยใช้กันตอนซ้อมน่ะ”
พอพูดออกไปแบบนั้นรุ่นน้องก็ทำหน้าเหมือนเพิ่งนึกขึ้นได้
“จริงด้วย!
ดราโกเบรฟไง รอเดี๋ยวนะครับ”
ทั้งที่เจ้าตัวก็เสริมพลังดาบด้วยศิลาเกล็ดมังกรแล้วแท้ๆ
แต่ก็ยังลืมใช้สกิลปลดพันธนาการอยู่ดี
“อึ้ย
มันดึงดาบขึ้นมาประสานไม่ได้อะครับ”
แขนของกวินทร์ติดอยู่ข้างล่างจึงดึงมันขึ้นมาไม่ได้
ตอนนั้นเองเมษาก็เสนอตัวเข้าช่วยทันที
“งั้นเดี๋ยวจะยกนายขึ้นไปรีบทำเลยละกัน”
“แต่จะไหวเหรอครับแบบนั้นพี่เมษาต้องแบกพวกเราสามคนเลยนะ”
“เฮ้ย
แค่นี้สบายน่าฉันวิดพื้นแบกเบนเพรสร้อยกิโลทุกวันแค่นี้สบายบรื๋อ”
เมษาพูดอวดอย่างภาคภูมิแล้วไม่รีรอเริ่มขยับตัวทันที
ซึ่งหมอนี่ก็แรงช้างจริงๆ
นั่นแหละพวกเขาสามคนถูกแบกเอาไว้บนแผ่นหลังของหมอนี่คนเดียว
“ฮึ้ยยย!!”
ท่ามกลางเสียงครางเค้นแรงกายทั้งหมดของเมษาที่แบกพวกเขาไว้กวินทร์ก็ดึงดาบคู่ขึ้นมาประสานไขว้กันได้
“ดราโก..เบรฟ”
เป็นเพราะรีบเกินไปจนเกือบจะออกเสียงร่ายสกิลผิดแต่กวินทร์ก็ทำสำเร็จ
หินที่เคลือบใบดาบลุกโชนกลายเป็นมังกรพุ่งออกมากัดกินโซ่คลายพันธนาการให้ก่อนจะกลับไปรวมกันที่ดาบอีกครั้งแล้วกลายเป็นพลังสี่ธาตุห้อมล้อมดาบแต่ละเล่ม
ทันทีที่เป็นอิสระอิงศรก็ออกคำสั่งให้ทุกคนไปดำเนินแผนที่คิดเอาไว้ทันที
“กวินทร์นายไปดึงความสนใจเอาไว้
เมษา มิกซ์ พวกนายไปปลุกคนอื่นที่สลบทีส่วนฉันจะไปช่วยขวัญออกมา!”
ทุกคนพยักหน้ารับคำสั่งนั่น
จากนั้นจึงพากันแยกย้าย
กวินทร์ประสานดาบคู่กลับเป็นเล่มใหญ่แล้วลากดาบที่เปล่งแสงทองคำอร่ามวิ่งออกไปข้างหน้า
“เอจออฟเอเลเมนทัล!”
ร่ายสกิลแล้วจึงฟาดดาบตรงออกไปพลังธาตุที่ควบรวมกันอยู่ในดาบถูกปลดปล่อยออกมา
พายุหิมะโหมพัดกระหน่ำ
แขนงหินงอกทะลุพื้นขึ้นมาเป็นทางมุ่งไปด้านหน้า
ไฟพวยพุ่งออกจากตัวดาบผสมรวมเข้าไปในพายุกลายเป็นวังวนอัคคี
ตามด้วยสายฟ้าแล่นปราบ
การโจมตีทั้งสี่ธาตุพุ่งออกไปและหมุนวนด้วยสายลมแห่งเวทมนต์กลายเป็นพายุแห่งการทำลายล้างที่แท้จริง
แต่นั่นก็คงถูกหยุดเอาไว้ได้อีกนั่นแหละ
กวินทร์คาดการแบบนั้นไว้ถึงใช้ท่านี้เพื่อให้ตอบโต้กลับมาได้ยาก
การโจมตีที่กระจายเป็นรัศมีวงกว้างน่าจะใช้มอผลักกลับมาแบบที่เห็นก่อนหน้านี้ไม่ได้ง่าย
แต่แล้ว…
เบื้องหน้านรินทร์นารายณ์กลับมีนางอัปสรปรากฎขึ้นมา
“อะ…?”
กวินทร์จับจ้องไปที่นางอัปสรด้วยความตกใจ
ทั้งที่นรินทร์อยู่ตรงหน้าแต่กลับมีนรินทร์อีกคนในร่างอัปสรโผล่ออกมาขวางทางยิงของพายุเวท
นางอัปสรเริ่มร่ายรำในตอนที่พายุเกือบจะพัดเข้าไปฉีกขยี้ร่างของหล่อน…ไม่สิ
นรินทร์อวตารอีกร่างนั่น
แต่พายุเวทกลับหักเลี้ยวอ้อมหลังนางอัปสรแล้วพุ่งกลับมาหาเขาแทน
อิงศรซึ่งวิ่งไปถึงตัวมิ่งขวัญแล้วมองเห็นกวินทร์กำลังจะถูกพายุเวทของตัวเองเล่นงานพอดีก็
“กวินทร์!!”
ตะโกนไปเพื่อเรียกสติหวังให้รุ่นน้องหลบออกมา
แต่กวินทร์กลับยืนเฉย
พอมองไปที่ดวงตาก็เห็นว่ากำลังจับจ้องไปที่พายุเหมือนกับจะรอจังหวะอยู่
“ไม่เป็นไรสินะ”
อิงศรเลือกเชื่อใจกวินทร์พร้อมกับหันไปทำหน้าที่ของตัวเอง
ระหว่างนั้นก็ได้ยินเสียงร่ายสกิลของกวินทร์ดังขึ้นว่า
“ท่าฟันสี่ธาตุ ควอเต็ตแสลช!”
พอเหลือบตาไปมองแวบหนึ่งก็เห็นกวินทร์กำลังเหวี่ยงดาบตัดพายุเวทที่สะท้อนกลับมาขาดสะบั้น
คงไม่มีอะไรต้องเป็นห่วงแล้วกับทางนั้นตอนนี้จึงมีสมาธิกับการช่วยมิ่งขวัญได้อย่างเต็มที่
มิ่งขวัญที่โดนเสียบคาพื้นนั้นยังมีสติอยู่เขาจึงบอกไปว่า
“ขวัญอย่าเกร็งนะไม่งั้นมันจะดึงไม่ออก”
น้องชายพยักหน้ารับแต่สีหน้าไม่สู้ดีนัก
มิ่งขวัญเม้มริมฝีปากไว้เหมือนไม่แน่ใจ
ที่จริงอิงศรก็ยังไม่แน่ใจว่าจะทำได้รึเปล่า
แต่ก็ต้องทำเท่านั้น
อิงศรกำด้ามดาบเพชรที่เสียบร่างน้องชายด้วยสองมือแล้วออกแรงถอนมันสุดกำลัง
“ฮึ่ย
ย้ากก!!”
“อ๊าก”
แต่ดาบไม่ขยับออกเลยแม้แต่น้อย
มีแต่เสียงครางของมิ่งขวัญเท่านั้นที่ดังออกมา
“บ้าเอ้ย
ทำไมมันแน่นแบบนี้นะ”
อิงศรพูดสบถด้วยความหงุดหงิด
ลองเป็นแบบนี้คงต้องดึงตัวขวัญย้อนทางดาบขึ้นมาเลย
จุดที่ดาบแทงทะลุแขนลงไปอยู่แถวๆ
หน้าอกไกลจากหัวใจอยู่ถึงจะเสี่ยงทำให้ปอดหรือวัยวะภายในอื่นๆ
เสียหายแต่ก็ต้องทำแล้ว
มิ่งขวัญ Lv.102 [///..7300:25000..…]
พลังชีวิตของน้องชายยังพอมีอยู่ไว้ดึงออกมาแล้วค่อยให้พลอยรักษาทีหลัง
ที่จริงควรจะใช้สกิลวาร์ปของเน็กส์ทดลองดูก่อนแต่ถ้าล้มเหลวขึ้นมาก็เสียเวลากับสกิลเคลื่อนย้าย
ที่หลังจากนี้ต้องเป็นแกนสำคัญในแผนเอาชนะนรินทร์ไป
แผนที่เขาเพิ่งจะคิดขึ้นมาตอนที่หลุดออกจากโซ่พันธนาการ
ถ้าอย่างนั้นก็มีแค่ทางเดียว
“ขวัญทนเอาหน่อยละกัน”
เขาพูดกับน้องชายด้วยสีหน้าที่พยายามฝืนไม่แสดงความกังวลออกไป
“อืม”
มิ่งขวัญก็ตอบรับอย่างไม่ค่อยมั่นใจนัก
อิงศรหลับตาลงและสัมผัสกับพลังในร่างตัวเอง
รู้สึกได้ว่าปีศาจที่ถูกทำลายไปตอนที่สู้กับพวกมนุษย์ต่างดาวนั้นฟื้นกลับมาแล้ว
“งั้นเริ่มล่ะนะ
เมอร์คาบาห์!!”
อิงศรเรียกให้ปีศาจออกมา
ทูตสวรรค์กึ่งจักรกลซึ่งมีใบมีดที่ตัดได้ทุกอย่างแม้แต่แสง
เขาหันไปสั่งเมอร์คาบาห์ว่า
“ช่วยหักด้ามดาบออกไปทีหักให้ชิดปากแผลมากที่สุดแล้วเหลือไว้ประมาณหนึ่งพอ”
ทูตสวรรค์พยักหน้ารับแล้วกางใบมีดที่แขนขวาออก
ใช้มือซ้ายกดด้ามดาบลงไปเพื่อให้ดาบนิ่งมากที่สุดแล้วจึงฟาดใบมีดสับลงไปบนตัวดาบที่เป็นเพชร
เสียงกระทบหักแหลมสูงดัง
ปะกิ๊ง แล้วดาบครึ่งหนึ่งก็กระเด็นหลุดออก
“…”
สัมผัสของการหักดาบคงจะเบามากเพราะมิ่งขวัญไม่แสดงอาการออกมา
จากจุดนี้จะยากที่สุด
การดึงเอามิ่งขวัญออกมาจากเศษดาบที่เหลือต้องทำอย่างเบามือและนิ่งเป็นอย่างมาก
อิงศรเข้าไปหิ้วขาน้องชายแล้วให้เมอร์คาบาห์หิ้วปีก
จะต้องยกขึ้นมาพร้อมกันไม่อย่างนั้นอวัยวะของมิ่งขวัญจะถูกเศษดาบที่เหลือบาดเอา
ในจุดนี้เมอร์คาบาห์ที่ลอยตัวได้จึงมีประโยชน์มากเพราะสามารถดึงร่างกายท่อนบนที่โดนเสียบให้ลอยสูงกว่าเศษดาบที่เหลือได้
ถึงอย่างนั้นมันก็ยังไม่ใช่วิธีการที่ควรจะใช้อยู่ดีเพราะถึงทำอย่างระมัดระวังที่สุดแล้วมิ่งขวัญก็ยังได้รับบาดเจ็บจากวิธีนี้จนกระทั่งสำลอกเลือดออกมา
“อ่อก แค่ก แค่ก”
และหอบหายใจแรงเหมือนใกล้ตาย
เนื้อบริเวณแผลเหมือนกับจะละลายเป็นของเหลวอยู่เล็กน้อย
นั่นเป็นลักษณะการตายของมนุษย์ต่างดาว....
เมื่อมนุษย์ต่างดาวตายลงร่างกายก็จะละลายเป็นของเหลวสีเงินเหมือนกับปรอทตอนนี้มันกำลังจะเกิดกับมิ่งขวัญ
ทั้งที่พลังชีวิตก็ยังมีเหลือแถมเลือดก็ไม่ได้ออกมามากมายขนาดนั้น
...หรือจะเป็นเพราะวิธีช่วยของเขามันผิดกันแน่
ไม่ควรจะไปดึงย้อนทางแบบนั้น บางทีเศษดาบอาจจะไปโดนอวัยวะสำคัญเข้า
“ทำใจดีๆ ไว้ก่อนนะขวัญ!”
อาการของน้องชายทำให้เขาลนลานไปด้วย
”พลอยยังไม่มาอีกเหรอ”
เด็กหนุ่มหันไปทางที่เมษาไปปลุกทุกคน
ซึ่งตอนนั้นเองที่พลอยวิ่งสวนมาพอดี
“ขวัญเป็นยังไงบ้างคะพี่ศร”
เด็กสาวถามหน้าตาตื่นพอหล่อนเห็นเลือดที่กองอยู่บนพื้นกับเปรอะตามตัวมิ่งขวัญก็มีอาการเข่าสั่นในทันที
แต่อิงศรก็พูดดึงสติไว้
“พลอยช่วยรักษาตรงแขนกับหน้าอกที่เป็นรูที”
“....”
แต่เด็กสาวยังตื่นตระหนกอยู่จนเหมือนไม่รู้ว่าจะต้องทำอะไรก่อน
“พลอย!”
อิงศรพูดเสียงดังขึ้นแล้วจับมือเด็กสาววางบนแผลของน้องชายทำให้เธอได้สติแล้วเริ่มทำการรักษา
“ฮ...ฮีล..”
หลังจากร่ายสกิลแสงสว่างก็เปล่งออกจากมือและเริ่มสมานบาดแผล
บาดแผลของมิ่งขวัญฟื้นฟูอย่างรวดเร็วเพียงแค่ไม่กี่วินาทีก็สมานได้ทั้งหมด
ผิวหนังไม่ละลายแล้ว เริ่มหอบหายใจช้าลงด้วย เรียกได้ว่าพ้นขีดอันตรายเสียที
มิ่งขวัญ Lv.102 [/////10000:25000..…]
ทันทีที่แสงจากสกิลหายไป
พลอยที่ยืนอยู่ในท่านั่งเขย่งเท้าก็ล้มก้นคะมำ
ใบหน้าเต็มไปด้วยเม็ดเหงื่อจากความตื่นตระหนกเมื่อครู่
ดูเหมือนว่าจะร้องไห้ไปนิดหน่อยด้วย
อิงศรดึงตัวน้องสาวเข้ามากอดแล้วปลอบว่า
“ขอบใจนะพลอยเธอ ทำได้ดีแล้ว ขวัญรอดแล้ว”
เขาพูดไปก็พลางมือสั่นไปด้วยแวบหนึ่งที่ตัวเองคิดว่าอาจจะต้องเสียมิ่งขวัญไป
ในตอนนั้นเอง...
“อ๊าก!!”
ก็มีเสียงกรีดร้องของกวินทร์ตามมากับเสียงระเบิดตูมตามหลายครั้ง
พอหันไปตามเสียงกวินทร์ที่โดนเล่นงานด้วยพลังฉีกร่างจนประกายไฟพุ่งพล่านไปทั้งตัวก็ลอยกระเด็นมาหล่นตรงหน้าพวกเขาพอดี
“กวินทร์”
อิงศรผละจากพลอยแล้วเข้าไปดูอาการรุ่นน้อง
กวินทร์ Lv.75 [/....1240:10200.....]
พลังชีวิตอยู่ในขีดอันตรายแม้ว่าร่างกายจะไม่ได้มีบาดแผลสาหัสแต่ก็คงให้ต่อสู้ยื้อเวลาไม่ได้แล้วจนกว่าจะรักษาตัวก่อน
อิงศรแบกร่างของกวินทร์ขึ้นมาส่งให้พลอย
“รักษาให้ทีเดี๋ยวพี่จะไปดึงความสนใจเจ้านั่นเอง”
“เฮ้ย!! ศรฉันปลุกทุกคนหมดแล้วนะ”
เมษาวิ่งมาสมทบพร้อมกับ
เน็กส์ นิว ฟู และมิกซ์ จึงรวมทีมครบเก้าคนอีกครั้ง
แต่นรินทร์นารายณ์ก็ดูจะไม่ได้สนใจ
ไม่สิที่ต่อสู้กับกวินทร์นั่นก็เพื่อป้องกันตัวเองหมายความว่าเจ้านี่ตั้งใจจะใช้สิ่งนั้นกำจัดพวกเขา
มีความมั่นใจถึงขนาดนั้น
เน็กส์พูด
“พี่ศรฮะผลวิเคราะห์ของเมลคีเซเด็คมัน...”
“ว่าไงบ้าง!”
อิงศรถามโดยที่สายตาจับจ้องอยู่บนโพรงมิติที่นรินทร์นารายณ์เสียบดาบเข้าไป
เน็กส์เริ่มอ่านผลการวิเคราะห์ที่แว่นตาปีศาจรวบรวมมาได้
“หลุมดำข้างบนนั่นคือพิธีชุบดาบธรรมมะหากว่าทำสำเร็จก็จะใช้ ‘สัตยายุค’ ที่สามารถตัดผ่ามิติได้เอ่อ...”
แล้วจู่ๆ
เด็กชายก็นิ่งไป
“เป็นอะไรไปน่ะเน็กส์”
”คือผมอ่านไม่ค่อยเข้าใจน่ะฮะ งั้นจะอ่านตามให้ฟังละกัน
ผลคำนวณบอกว่าถ้าไอ้นั่นฟันลงมาจะเกิดรอยแยกมิติขนาดใหญ่จนทำให้อมฤตไหลบ่าลงมาแล้วสิ่งมีชีวิตทั้งหมดก็จะช็อกตายเพราะปรับตัวกับระดับความเข้มข้นที่เพิ่มขึ้นของอมฤตไม่ทันน่ะฮะ”
แน่นอนว่าไม่มีใครเข้าใจประโยคพวกนั้นหรอกถึงจะฟังเรื่องต่างๆ
จากอิงศรมาบ้างแล้วเรื่องของสวนแห่งที่หนึ่ง เรื่องของอมฤต
แต่พวกนั้นก็ล้วนเป็นข้อมูลที่ฟังจากปากต่อปากอีกทีไม่ได้ผ่านกระบวนการวิเคราะห์เลยก็คงไม่เข้าใจกันหรอก
“สรุปคือถ้าไอ้พิธีชุบดาบอะไรนี่สำเร็จโลกก็จบกันแค่นั้นแหละ”
พอพูดใจความของเรื่องให้ทุกคนฟังก็ทำหน้าตื่นตระหนกกัน
มันยากจะเชื่อจริงๆ นั่นแหละที่ทำลายโลกได้ด้วยวิธีง่ายแค่นั้นแต่...
มันคงทำได้จริงๆ
“ทุกคน!
ต้องหยุดนรินทร์ไว้ให้ได้ช่วยกันดึงความสนใจให้หน่อยฉันจะเข้าไปใกล้หมอนั่นให้มากที่สุดแล้วจัดการเอง”
พอสั่งไปแบบนั้นมิกซ์ก็พูดขัดขึ้นมา
“พี่ศร...จะฆ่าพี่รินเหรอ”
มิกซ์ทำหน้าลำบากใจขณะที่ถาม
แต่ไม่ใช่แค่หมอนี่ทุกคนเองก็ยังมีความลังเลอยู่เหมือนกันตอนที่ได้ยินว่าจะจัดการกับนรินทร์
แล้วตัวเขาเองล่ะ...
จะเชื่อที่อิซานามิบอกร้อยเปอร์เซ็นต์มันดีแล้วจริงรึเปล่า
ยัยนั่นไม่ได้บอกว่าจะรับประกันความปลอดภัยให้นรินทร์
แถมตัวนรินทร์เองยังพูดด้วยว่าถ้าสูญเสียร่างของนารายณ์ไปก็จะเสียชีวิตทันทีเพราะว่ารับเอาอาคานาร์แห่งความตายไว้แล้ว
แต่อิซานามิจะบังคับให้อาคานาร์หลุดออกมา
ถ้าอย่างนั้นนรินทร์ก็น่าจะรอดตายไม่ใช่หรือ?
ได้แต่เชื่อแบบนั้น...
อิงศรบังคับให้ตัวเองเชื่อเพราะไม่อย่างนั้นแล้วนรินทร์ก็จะทำลายทุกอย่างรวมถึงตัวเองด้วย
พวกเขามาที่นี่ก็เพื่อช่วยหมอนั่นเพราะอย่างนั้น...
“ไม่เป็นไร นรินทร์น่ะจะต้องช่วยได้อย่างแน่นอน”
อิงศรจึงพูดออกไปด้วยความมั่นใจจอมปลอม
ยอมหลอกตัวเองว่าที่ทำอยู่จะช่วยนรินทร์ได้โดยที่ไม่มีหลักประกันใดๆ
“ถ้างั้นก็ไปกันเลยครับ”
มิกซ์ยอมเชื่อคำโกหกนั่น
คนอื่นก็เหมือนกัน
ทุกคนไม่รู้ว่าเขาพูดโกหกหรือไม่ก็ยอมให้ถูกหลอกไปด้วย
ไม่รู้เหมือนกันว่าเป็นอย่างไหน
มิ่งขวัญที่ฟื้นตัวแล้วเดินมาอยู่เคียงข้างแล้ววางมือลงบนไหล่
“จะให้ถ่วงเวลาใช่ไหมงั้นก็วิ่งไปเลยขวัญน่ะ...”
น้องชายหยุดคำพูดไปครู่หนึ่งพลางหันกลับไปสบตามองกับทุกคน
ทีละคน
กวินทร์
เมษา
ฟู
มิกซ์
พลอย
เน็กส์
นิว
สายตาของทุกคนรวมเป็นหนึ่งเดียวราวกับจะส่งข้อความเดียวกัน
“ทุกคนเชื่อใจศรกันทั้งนั้นแหละไม่ว่าผลจะออกมายังไงก็ทำตามที่ศรคิดว่าดีเถอะ”
“…”
อิงศรไม่รู้จะตอบรับอย่างไร
ควรจะซาบซึ้งดีหรือว่าควรจะต่อว่ากันดีล่ะ
ความเชื่อใจที่ไม่มีหลักประกันอะไรแบบนั้นจะแก้ไขสถานการณ์นี้ได้หรือว่าแค่ปลอบโยนกันเองว่าจะไม่เสียใจภายหลัง
ทำหรือไม่
จะทางไหนก็มีแต่ต้องผลลัพธ์ที่อาจจะต้องเสียใจในภายหลังกันทั้งนั้น
ถ้าอย่างนั้นแล้ว...
“งั้นก็ฝากด้วยนะ!”
อิงศรพูดอย่างนั้นแล้วกำหน้าไม้วิ่งออกไป
ตอนนั้นเอง
นรินทร์นารายณ์ก็เคลื่อนไหวตอบโต้ นอกจากนางอัปสรที่ออกมาก่อนแล้วก็มีร่างแยกอื่นๆ
ตามออกมา
“นิว! ให้เน็กส์เข้ามาสิงพี่ที!”
ทันทีที่อิงศรออกคำสั่งไป
เน็กส์ก็ถูกเปลี่ยนเป็นวิญญาณลอยเข้ามาสิงที่ร่าง
“ข้ามพวกมันไปเลย”
‘วินด์วาร์ป’
ร่างของอิงศรหายวับไปในตอนนั้นแล้วปรากฏขึ้นอีกครั้งในวินาทีถัดมา
ข้ามผ่านพวกร่างแยกที่เต็มไปด้วยสิงสาราสัตว์มากมาย
แล้วเมื่อพวกมันจะไล่ตามเขามาเหล่าพวงพ้องและครอบครัวก็ช่วยกันหยุดยั้งมันเอาไว้
อิงศรละสายตาจากทุกคนแล้วหันหน้าเข้าหาการต่อสู้ของตัวเอง
ตอนนี้เขาอยู่เบื้องหน้านรินทร์แต่ขนาดของร่างกายที่ขยายขึ้นไปทำให้ตำแหน่งของหัวใจยังสูงเกิน
“เน็กส์ช่วยที!”
‘สตอร์มวาร์ป’
ด้วยสกิลของเน็กส์ทำให้ย้ายขึ้นไปถึงเอวของนรินทร์
แต่อีกฝ่ายก็ไม่อยู่เฉยถึงขนาดที่จะให้เขาเข้ามาประชิดตัวได้ง่ายๆ
นรินทร์นารายณ์ฟาดตะบองดอกบัวลงมาด้วยขนาดที่ใหญ่เหมือนเอาบ้านทั้งหลังมาทุ่มใส่ถ้าโดนเข้าไปร่างกายคงจะแตกร้าวเลยทีเดียว
ตอนนั้นเองลมจากพายุที่ก่อตัวขึ้นเบื้องล่างด้วยสกิล สตอร์มวาร์ป ก็พัดขึ้นมา ด้วยการกะจังหวะอันซับซ้อนเพียงเล็กน้อยอิงศรก็ใช้ลมนั่นช่วยพยุงแล้วดีดตัวกระดอนหลบตะบองไปได้อย่างฉิวเฉียด
“อย่าพยายามเลยพระรามน่ะเป็นแค่อวตารยังไงก็สู้ร่างต้นที่เป็นนารายณ์ผู้นี้ไม่ได้”
นรินทร์นารายณ์กล่าวแล้วขว้างกงจักรลงมา
อิงศรเดาะลิ้น
“ชิ โธ่เว้ย ได้แค่นี้เรอะ... เน็กส์!!”
ถึงจำใจยังไงแต่ก็ต้องเอาสกิลเคลื่อนย้ายสกิลสุดท้ายขึ้นมาใช้แล้ว
‘ไต้ฝุ่นวาร์ป’
กงจักรพัดลงมาห่างไปแค่ไม่กี่เซนพอดีก่อนที่จะวาร์ป
อิงศรขึ้นไปถึงช่วงอกแล้วแต่ก็ยังห่างจากอกซ้ายที่มีหัวใจอยู่เกือบสิบเมตร
นรินทร์ยื่นมือข้างที่เหลืออยู่ออกมาหมายจะกำขยี้ให้ดับดิ้น
“เสร็จกัน”
ตอนนี้ขยับตัวไม่ได้
ไม่มีสกิลเคลื่อนที่เหลือแล้วต่อให้โจมตีสวนจนหยุดมือนั่นไว้ได้ก็ยังไปไม่ถึงจุดหมายอยู่ดี
ต้องเริ่มใหม่สถานเดียว
“ถ้างั้นก็ต้องรอดให้ได้ก่อน”
อิงศรเล็งหน้าไม้ไปที่มือยักษ์ของนรินทร์
“ดราโค...”
แต่เน็กส์ก็พูดขัดขึ้นมา
‘เดี๋ยวก่อนฮะ!’
เขาชะงักมือตัวเองไปเพราะคำพูดนั่น
ฟุ่บ
เสียงแบบนั้นดังขึ้นแล้วเน็กส์ก็คลายการรวมร่างออกมา
ในสถานการณ์ที่กำลังจะถูกคว้าไปอยู่ในกำมือศัตรูเน็กส์คิดจะทำอะไรกันแน่
“ไปเลยฮะพี่ศร!”
เน็กส์ประกบเท้าตัวเองเข้ากับของเขาแล้วหันหัวไม้เท้าลอดใต้ตัวมาทางนี้
“วาโยราโอ”
สิ้นคำไม้เท้าก็เปล่งแสงสีเขียวสดใสสว่างวาบ
ใบมีดเวทพุ่งออกจากปลายไม้เท้าเป็นสายทำให้เกิดแรงปฏิกิริยาสะท้อนจนดีดเท้าของอิงศรลอยข้ามมือยักษ์ไปส่วนเน็กส์ก็ร่วงลงไปข้างล่าง
“เน็กส์!!”
อิงศรเอื้อมมืออกไปในตอนที่กระเด็นหวังจะช่วยฉุดเด็กชายขึ้นมาแต่ก็ไม่ทัน
หากตกจากความสูงขนาดนี้ล่ะก็...
ตอนที่เขาคิดแต่เรื่องเป็นตายของเน็กส์อยู่นั่นเอง
เจ้าตัวก็เล็งไม้เท้ามาแล้วขยับปากเหมือนกับร่ายสกิลทั้งที่อยู่ในสภาพดิ่งพสุธา
“วาโย!!”
ฉับพลันสายลมก็พุ่งเข้ามาผลักร่างของเขาให้ลอยออกไป
ลอยไปกระแทกหน้าอกซ้ายของนรินทร์
ที่แท้เน็กส์ก็เล็งแบบนี้ไว้น่ะเอง
เด็กชายหัวดีขนาดที่คิดวิธีนี้ขึ้นมาแล้วก็ยังกล้ามากขนาดไม่คำนึงถึงตัวเอง
แล้วเน็กส์จะเป็นยังไงบ้าง...ตัวเขาในตอนนี้ไม่สมควรจะไปสนใจเรื่องนั้น
ถ้าหากว่าคำนึงถึงความตั้งใจของเน็กส์
แต่ว่า..
ก็ทำไม่ได้จริงๆ
นั่นแหละ
อิงศรเกือบจะหันหลังกลับไป
แต่มิ่งขวัญในร่างอัศวินทองคำก็บินมาพร้อมกับตะโกน
“ไปเลยศร! ไม่ต้องห่วงทางนี้”
แล้วโฉบไปรับร่างของเน็กส์ไว้ก่อนจะร่วงกระแทกพื้น
เมื่อเป็นแบบนั้น...
เสี้ยววินาทีที่ไม่มีชนักติดหลังใดๆ
เหลืออีกแล้วอิงศรก็
“ไปเลยอิซานามิ!!”
ตวัดมือจะขว้างไพ่อาคานาร์
แต่ทว่า
“จบกันแค่นี้แหละราม!”
นรินทร์นารายณ์ก็ตวัดดาบที่ชุบไว้ลงมาในตอนนั้น
***จ...จบไม่ลงแหะ =[]=' ต้องยืดไปอีกตอนแล้วเหรอเนี่ย Orzlll ตอนวันเสาร์ต้องไปลุ้นกันแล้วว่าจะยัดลงมาได้หมดรึป่าวอยากเขียนให้ถึงฉากนั้นโดยด่วน โอ้ มาย ก็อด โอเมก้า!!***
ความคิดเห็น