คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #145 : Login 142: กัลกยาวตาร
Login 142: …
นี่คือเรื่องราวที่บอกเล่าว่ามนุษย์นั้น…
ได้สูญเสีย
‘ธรรมะ’ ไปจากหัวใจ
และโอบอุ้ม
‘อธรรม’ ไว้ในหัวใจ
ได้อย่างไร
….
ตอนที่อายุได้สิบสองขวบพอดี
นรินทร์ ระจินดา ก็ได้พบกับ สีดา
เด็กสาวโตกว่าเขามาก
เธอผมยาวมีเส้นผมสีทองแบบชาวต่างชาติแต่งตัวค่อนข้างมิดชิดเพราะชุดที่สวมเป็นเครื่องแบบที่เหมือนกับทหาร
นรินทร์กำลังอุ้มเด็กผู้หญิงคนหนึ่งและรอบตัวก็มีแต่เด็กๆ
เป็นเด็กกำพร้าที่ถูกเลี้ยงดูอยู่ในสถานสงเคราะห์อารย-สนธยา
ระหว่างตามพ่อมาดูงานที่นี่ตนจึงมาเล่นกับพวกเด็กๆ
เพื่อฆ่าเวลา
ทุกคนที่สถานสงเคราะห์รู้จักนรินทร์เป็นอย่างดีในฐานะ
‘พี่ชายที่มาเล่นด้วยเป็นครั้งคราว’
ด้วยความที่เพิ่งจะเปิดทำการได้ไม่ถึงปีทำให้มีแต่เด็กเล็กที่อายุน้อยกว่าเขาจึงกลายเป็นผู้นำของพวกเด็กๆ
ไปนั่นเอง
ถึงจะแค่สิบสองขวบแต่นรินทร์ก็ฉายแววเฉลียวฉลาดเกินวัยสามารถดูแลเด็กๆ
ไร้ญาติเหล่านี้ให้เชื่อฟังได้และยังงดงามเป็นอย่างมาก
เป็นเด็กหนุ่มแต่กลับมีผิวพรรณผุดผ่องมีน้ำนวลเหมือนหญิงสาว
ใบหน้าสวยได้รูปแต่มีแววตาคมคายดุจเทพบุตร
สถานที่นั้นเป็นห้องสำหรับเด็ก
ผนังสีขาวมีภาพวาดงานฝีมือแปะติด กระดานดำวาดรูปหมาหน้าประหลาดทิ้งไว้ยังไม่ได้ลบ
และมีของเล่นวางอยู่เต็มไปหมด
“พี่สาวเป็นพนักงานที่นี่หรือครับ”
นรินทร์ถามเพราะเขาไม่เคยเห็นเธอที่สถานสงเคราะห์มาก่อน
อันที่จริงเห็นชุดที่หล่อนสวมก็ไม่คิดว่าจะเป็นเจ้าหน้าที่หรอกแต่ก็แอบคิดไปว่าหล่อนอาจจะแค่แต่งคอสเพลย์มาเล่นกับพวกเด็กๆ
ก็ได้จึงลองถามไปอย่างนั้น
สีดาส่ายหน้าแล้วตอบคำถามของเด็กชาย
“เปล่าจ้ะ
พี่มีธุระกับพ่อของหนูนิดหน่อยน่ะแต่พ่อของหนูยุ่งมากพี่ก็เลยมารอที่นี่”
“กับหลวงพ่อเหรอครับ”
พ่อของนรินทร์ตอนนี้เป็นเจ้าอาวาสของวัดอารย-สนธยาเด็กชายจึงเรียกพ่อแบบนั้น
สีดายิ้มกว้าง
เป็นยิ้มแบบธรรมชาติที่ช่วยขับให้ใบหน้าอันผุดผ่องของหล่อนดูสดใสงดงามยิ่งขึ้น
“จ้ะ”
“พี่สาวกำลังกลุ้มอยู่เหรอครับ”
นรินทร์น้อยถาม
“…”
เป็นคำถามที่ตอบได้ยาก
พูดตามตรงแล้วเธอไม่คิดว่าจะถูกเด็กตัวแค่นี้มองออกด้วยซ้ำ
มาสคาร่าที่ใช้คลุมใบหน้าเป็นเทคโนโลยีปลอมตัวรุ่นล่าสุดของเมตไตรยที่เธอเอามาพัฒนาเพิ่มเองด้วยความรู้ของมนุษย์ต่างดาว
เป็นใบหน้าสังเคราะห์ที่ปกปิดใบหน้าจริงๆ ได้อย่างมิดชิดที่สุด
แต่กลับถูกเด็กตัวแค่นี้มองออก
“สมแล้วที่เป็นผู้กอบกู้
ถ้าทำให้สิงห์เชื่อได้…”
หล่อนหลุดปากพึมพำออกมาเพราะดีใจมากเกินไป
“พี่สาวพูดว่าอะไรนะครับ”
“เปล่าจ้ะพี่แค่ดีใจมากไปหน่อยเพราะคิดปริศนาในเกมที่กำลังเล่นได้จากคำพูดของหนูเมื่อกี้น่ะ”
ปริศนาที่จะหลอกให้สิงโตกัดเหยื่อคำนี้…
“มาอยู่ที่นี่เองหรือโยมลูก”
ชายคนหนึ่งก้าวเข้ามาในห้องเด็ก
เป็นนักบวชห่มผ้าเหลืองโกนศีรษะ
“หลวงพ่อครับ!”
สีหน้าของนรินทร์เปลี่ยนไปในทันทีใบหน้าแสดงความเบิกบานเป็นอย่างมากจึงฝากเด็กที่อุ้มไว้กับเด็กหญิงที่โตที่สุดในกลุ่มคนหนึ่งแล้ววิ่งหาพ่อที่เป็นนักบวช
แต่เด็กชายในกลุ่มก็ดึงชายเสื้อนรินทร์ไว้
เส้นผมสีทองดูนุ่มฟู
ดวงตาสีน้ำเงินเข้มคงจะมีเชื้อสายของชาวต่างชาติ
นรินทร์หันกลับมาสนทนากับเด็กคนนั้นด้วยความสงสัย
“มีอะไรเหรอมิกซ์”
เด็กชายที่ถูกเรียกว่ามิกซ์ชี้ไปยังเด็กชายอีกคนที่ทำหน้าเหมือนอดกลั้นอะไรอยู่พลางกุมมือไปที่เป้ากางเกง
“ฟูเขาอยากไปห้องน้ำอ่ะคับพี่ริน”
“อุหวา
ถ้างั้นรีบไปกันเถอะ ทางนี้ๆ”
แล้วนรินทร์ก็ลากพวกเด็กๆ
ออกไปจากห้อง ไปเข้าห้องน้ำ
ตอนนี้ก็เลยเหลือแค่สีดากับเจ้าอาวาสวัดอารย-สนธยา
“มีลูกที่ดีนะคะหลวงพ่อ”
เด็กสาวเอ่ยกล่าว
เจ้าอาวาสยิ้มรับคำพูดของหล่อนเป็นยิ้มอ่อนโยนที่เหมือนกันมากกับนรินทร์
เป็นพ่อลูกกันจริงๆ
ไม่ใช่เด็กผสมเทียมที่เตรียมไว้สร้างเดโมนอยด์อย่างพวกที่รายล้อมนรินทร์อย่างนั้นสินะ
“ว่าแต่โยมมีธุระอันใดกับอาตมากันล่ะ”
“มาเตือนไว้ก่อนน่ะค่ะเพราะดูเหมือนว่าทางนั้นจะไปทำอะไรให้
ส.ส. วชิระไม่พอใจเข้าซะแล้วถ้าต้องเป็นศัตรูกับพรรคการเมืองขึ้นมาช่วงที่กำลังเข้าด้ายเข้าเข็มแบบนี้เดี๋ยวโลกจะพาลบึ้มเอาซะก่อนก็เลยเป็นห่วงค่ะ”
ที่เด็กสาวมาวันนี้ก็ด้วยเรื่องระหว่างองค์กร
เนื่องจากเมตไตรยกับอารย-สนธยา
กำลังร่วมมือกันในโปรเจคสำคัญที่จะสร้างโปรแกรมอัญเชิญปีศาจออกมาสู่โลกแห่งความจริง
แต่แล้วอีกฝ่ายก็ดันทำตัวมีปัญหากับรัฐบาล
เมตไตรยก็จะพลอยลำบากไปด้วยถ้าอารย-สนธยาถูกกำจัดไปการวิจัยก็จะไม่คืบหน้า
เจ้าอาวาสตอบอย่างสุขุมสงบนิ่งว่า
“อย่าห่วงไปเลยโยมก็แค่เรื่องเล็กน้อยเท่านั้นเอง”
พออีกฝ่ายพูดแบบนั้นมาสีดาหรือกุมภาแห่งเมตไตรยก็ส่ายหน้าเล็กน้อย
คนๆ
นี้คงไม่มีอะไรจะต้องพูดกันต่อแล้ว หล่อนคิดอย่างนั้น
หละหลวม
ไม่มีการคาดเดาล่วงหน้า ไม่รู้เอาซะเลยว่าชะตาตัวเองจะถึงฆาตในเร็วๆ นี้
ในวันนี้...
ข้างนอกมีเสียงเครื่องยนต์รถหลายคันกำลังมุ่งหน้ามาที่นี่
หูของหล่อนในฐานะราชครูมนุษย์ต่างดาวรับรู้ได้ถึงมือสังหารจำนวนมากที่ ส.ส. วชิระ
จ้างมา พวกนั้นจะรอให้นักบวชกับลูกชายออกจากที่นี่แล้วก็ฆ่าทิ้ง
ถ้าหากว่าอีกฝ่ายมีแก่ใจจะกระตุ้นตัวเองมากกว่านี้คงพอจะยื่นมือช่วยอะไรได้บ้าง
อย่างน้อยก็คงเด็ดหัวพวกมือสังหารโดยทำให้ดูเป็นอุบัติเหตุได้
แต่เอาเถอะถึงจะเสียดายลูกชายที่ยอดเยี่ยมขนาดนั้นแต่ในเมื่อไม่ใช่ฟันเฟืองอย่างที่ได้ยินมาก็ไม่มีความจำเป็นจะต้องดึงไว้ใช้งาน
“ขอให้โชคดีค่ะ”
สีดากล่าวลาแล้วออกจากที่แห่งนั้นไป
และแล้ว...
ในวันนั้นหลังจากที่หล่อนกลับไปก็มีการทำร้ายร่างกายเจ้าอาวาสกับลูกชายอย่างอุกอาจเกิดขึ้น
เจ้าอาวาสเสียชีวิตส่วนลูกชายโดนลูกหลงจนเป็นเจ้าชายนิทรา
หนังสือพิมพ์ประโคมเป็นข่าวใหญ่อยู่พักหนึ่ง
โซเชียลเล่นประเด็นนี้กันอย่างดุเด็ดเผ็ดมัน
ผู้คนเอาไปพูดกันอย่างสนุกปาก
...ว่าเจ้าอาวาสหลอกต้มตุ๋นนักการเมืองผู้ทรงอิทธิพลเลยถูกสั่งเก็บ
แต่กลับไม่มีใครล่วงรู้เลย
แม้แต่มนุษย์ต่างดาวผู้แฝงตัวอยู่ในสังคมมาเนิ่นนาน
แม้แต่เทวทูตที่รอวันคืนจะทวงแผ่นดินสวรรค์คืนก็ยังไม่อาจคาดเดา
แม้แต่พระเจ้าก็ไม่ล่วงรู้
ว่านั่นคือจุดเริ่มต้นแห่ง
‘อีเด็นฟอล’
แล้วสิงโตที่รูบิเดียมพยายามจะหลอกให้งับเหยื่อก็ได้เข้าใจผิดไปเองโดยที่หล่อนไม่ต้องลงมือ
ไม่สิ
อาจจะต้องบอกว่าหล่อนเองก็โดนหลอกไปด้วย
เมื่อจู่ๆ
ทางอารย-สนธยาก็สามารถอัญเชิญปีศาจออกมาได้จริงๆ มนุษย์กึ่งปีศาจจำนวนมากได้ถูกเตรียมสายการผลิต
จะเพื่อการใหญ่อันใดก็ยากจะหยั่งถึงแต่ก็ไม่มีใครล่วงรู้มันได้อีกแล้ว
เพราะว่าเมตไตรยได้หักหลังอารย-สนธยาแล้วเข้าแทรกแซงโดยหวังจะแย่งชิงการทดลองสุดยอดที่ภรรยาของเจ้าอาวาสรับสานต่อมา
ในฐานะมนุษย์ต่างดาวที่ถือกำเนิดขึ้นบนสวนแห่งนี้
แฟรนเซียมหรือสิงห์ และ รูบิเดียมหรือกุมภาได้เข้าใจไปว่า...
นรินทร์คืออาชาแห่งความตาย
คือฟันเฟืองที่กำหนดชะตาของสวนแห่งที่สองนี้
แต่นั่นเป็นคำตอบที่ผิด
การแทรกแซงครั้งนั้นเริ่มขึ้นในวันปีใหม่
ภายในห้องทดลองซึ่งจัดวางเครื่องมือทันสมัยและประรำพิธีสำหรับบริกรรมคาถาหรืออะไรบางอย่างที่ดูขัดตากับความเป็นวิทยาศาสตร์ของห้องทดลอง
นรินทร์ซึ่งนอนเป็นเจ้าชายนิทรามาเกือบปีถูกวางอยู่บนแท่นของประรำพิธี
ขณะบริกรรมอาคมกันอยู่นั่นเอง
ทหารของเมตไตรยก็บุกเข้ามาและฆ่าพวกอารย-สนธยาทั้งหมด
ภรรยาของเจ้าอาวาสผู้รับสืบทอดองค์กรได้ร้องขอชีวิตลูกชายที่อยู่บนแท่นพิธี
“ขอร้องล่ะ
ขอแค่ชีวิตนรินทร์ ขอให้เขาได้ตื่นขึ้นมะ...”
แต่คำขอร้องก็หยุดลงเมื่อหัวหน้าทหารลงดาบ
หล่อนสิ้นใจคาแท่นพิธีโดยกอดร่างไม่ได้สติของลูกชายไว้
“ลากศพผู้หญิงออกไป
จากนั้นทุกนายไปประจำตำแหน่งแทนพวกที่ฆ่าไปซะเราจะดำเนินพิธีกรรมต่อแล้วชิงเอาเมอร์คาบาห์มา”
หัวหน้าทหารในตอนนั้นคือ
สิงห์ ธุวดารกะ ชายหนุ่มได้เข้าใจผิดว่าอารย-สนธยาจะเรียก ‘เมอร์คาบาห์’
ผู้เป็นกุญแจสำคัญของตน
แต่เมื่อดำเนินพิธีกรรมไปจนถึงตอนที่เรียกปีศาจออกมาสำเร็จ
“นานเพียงใดกันนะที่มนุษย์สูญสิ้นธรรมมะแล้วโอบอุ้มอธรรมไว้ในหัวใจ”
สิ่งที่ออกมาจากร่างของเด็กหนุ่มซึ่งถูกเข้าใจผิดว่าจะอัญเชิญ
‘เมอร์คาบาร์’ กลับเป็นเทพเจ้า
“ไม่มีทางอื่นอีกแล้วนอกจากชำระล้างให้บริสุทธิ์
มนุษย์เอยหากปรารถนาจะเปลี่ยนใจข้าก็จงแสดงธรรมะของเจ้า!!”
เทพเจ้าผู้มีกายสีดำสนิทอันบ่งบอกถึงยุคสมัยที่บิดเบี้ยว
ยุคสมัยที่มนุษย์เต็มไปด้วยความโหดร้ายและน่ารังเกียจ
ยุคสมัยที่ความโลภความรู้สึกต่างๆ
ของมนุษย์ฉาบอยู่บนหัวใจ
สิงห์
ธุวดารกะ จ้องมองเทพเจ้าองค์นั้นด้วยความรู้สึกเหลือจะกล่าว
จ้องมองวิศนุเทพผู้ที่ขานเรียกตนว่า...
“จงมาเถิดธรรมมะ
มาสู่มือเราในนาม นรินทร์นารายณ์!”
แล้วในวันนั้นดาบที่ชื่อว่า
‘ธรรมะ’ แห่งองค์วิศนุเทพก็ได้ตัดเส้นแบ่งเขตของสวน
อมฤตจึงไหลรินตกสู่โลก
อุบัติเป็น
‘อีเด็นฟอล’
…
..
.
“อา
อา อา~ อานอิลสตอล อันอินสตอล”
ผู้ถูกลืมเลือนพึมพำเป็นทำนองราวกับกำลังขับขาน
ภายในรูนรูมซึ่งไม่มีแขกมาเยือน
ซีลอร์ดจึงได้แต่บ่นรำพึงกับตัวเองเท่านั้น
“มนุษย์ได้ล่วงละเมิดแล้ว
ไวรัสได้แพร่ออกไปแล้ว”
และขับขานบทเพลงแห่งวันวินาศ
“ธรรมะที่นารายณ์ตวัดมันในวันนั้นได้อันอินสตอลกำแพงไฟชั้นสุดท้าย
อาชาสีนิลแห่งวิบัติได้นำความอดอยากมาแล้ว”
ความจริงแห่งวันวินาศ
สิงห์
ธุวดารกะผู้กลายเป็นอาชาสีนิลแห่งวิบัติเสียเอง
เพราะเหตุนั้นมนุษย์จึงต้องเผชิญกับโรคภัยที่ชื่อว่า
‘อมฤต’
เหมือนดั่งที่กล่าวไว้ในไบเบิล
“อา
อา อา~ อานอิลสตอล อันอินสตอล อมฤตอินสตอล…”
ความวินาศถูกติดตั้งลงบนสวนแห่งที่สอง
“มนุษย์อันอินสตอลธรรมมะ
อา อา อา~ อานอินสตอล อธรรมอินสตอล~”
บทเพลงหยุดเพียงแค่นั้นแล้วผู้ถูกลืมเลือนก็เบนสายตาไปที่หน้าจอระบบซึ่ง)ายภาพสถานการณ์ของพวกอิงศร
…
เพราะมนุษย์ได้โอบอุ้มอธรรมไว้ในหัวใจ
เพราะมนุษย์ได้สูญเสียธรรมมะไปจากหัวใจ
นี่คือเรื่องราวที่บอกเล่าว่าทำไมมนุษย์จึงสูญสิ้น
ทำไมจึงกระเสือกกระสนที่จะรอดชีวิต
ทำไมผู้ที่ช่วยมนุษย์ถึงต้องเป็นมนุษย์
Login 142: กัลกยาวตาร…
เนื่องจากเพดานห้องถล่มลงมาเพราะการปรากฎตัวของพญาครุฑ
ทำให้โดโกบาร์ที่ถูกแขวนไว้ร่วงลงมาด้วย
แต่พลอยก็เล็งเอาไว้ตั้งแต่ก่อนหน้านี้แล้วว่าหากมีโอกาสที่จะชิงตัวโดโกบาร์เธอจะทำทุกวิถีทาง
แล้วตอนนี้โอกาสก็เข้ามาหาแบบกะทันหัน
เด็กสาวเร่งจ้ำฝีเท้าอย่างสุดกำลัง
พลางก็สิ่งหลบเศษซากเพดานที่ร่วงลงมาไปด้วย
หล่อนวิ่งไปถึงเกือบกลางห้องแต่โดโกบาร์กำลังจะกระแทกพื้น
“ย้า!!”
พลอยคำรามแล้วถีบตัวสุดแรงพุ่งกระโจนออกไป
คว้าตัวเด็กชายเอาไว้
อ้อมแขนของเด็กสาวจึงสัมผัสถูกใบหูสุนัขที่ให้ความรู้สึกนุ่มนิ่ม
“เอ๊ะ
ไม่ใช่มนุษย์หรอกเหรอ!”
ในขณะที่อุทานเช่นนั้นตัวของหล่อนก็ยังคงลอยไปข้างหน้าไม่หยุด
อีกเพียงไม่กี่เซนติเมตรก็จะถูกเศษเพดานที่ตกลงมาตรงนั้นกระแทกใส่ศีรษะ
แต่ก่อนที่จะเป็นแบบนั้นขาของเด็กสาวก็ถูกดึงด้วยแรงมหาศาลจนลอยกลับไปในทางตรงกันข้ามและตกอยู่ในอ้อมแขนของเมษาผู้ที่ช่วยเหลือเธอไว้
“เฮ้
ไม่เป็นไรใช่ไหมระวังหน่อยล่ะเกิดเธอเป็นอะไรไปเดี๋ยวเจ้าศรมันร้องไห้เอา”
เด็กหนุ่มที่ดึงร่างเธอเข้ามาอยู่ในอ้อมกอดพูดจาค่อนข้างจะห่ามไปบ้าง
แต่ก็เป็นเด็กหนุ่มที่หน้าตาค่อนข้างดี
รูปร่างกำยำกล้าหาญและพึ่งพาได้
แล้วจู่ๆ
เธอก็เผลอพึมพำออกไปแบบไม่ตั้งใจ
“พ่อของลูกค่ะ”
“หา?
เมื่อกี้พูดอะไรเปล่า”
ด้วยความตกใจพลอยจึงยกมือปิดปากตัวเองจนเกือบจะปล่อยโดโกบาร์หลุดลงไป
“เปล่าค่ะไม่มีอะไร”
แล้วกล่าวปฏิเสธคำพูดเมื่อครู่ที่ออกหลุดออกมาโดยมิได้ไต่ตรอง
ซึ่งทั้งสองสนทนากันระหว่างที่วิ่งผ่านฟูกลับไปรวมตัวกับพวกแนวหลัง
เด็กหนุ่มผู้เป็นอดีตรักข้างเดียวเลยได้ยินที่พวกเขาพูดคุยกัน
“หมอนั่น…”
ฟูพูดด้วยน้ำเสียงเย็นเยียบขณะชายตามองศัตรูหัวใจที่วิ่งผ่านไป
ทันใดนั้นเอง
สันมือของมิกซ์ก็เคาะลงมาบนศีรษะ
“นี่มันกลางสนามรบนา~”
มิกซ์กำลังทำหน้าเอือมระอาเพราะเดาใจเพื่อนสมัยเด็กออก
“แต่!”
ฟูพยายามจะโต้แย้งแต่มิกซ์ก็พูดขัด
“ยังไงพลอยก็มองเราเป็นแค่พี่น้องในครอบครัวอยู่แล้วเพราะงั้นค่อยเล่นบทพี่สะใภ้ทีหลังก็ยังไม่สายน่า”
ฟูพูดเหมือนกับจะเห็นด้วย
“ก็จริงแหะ
แต่ว่านะ...”
แล้วเปลี่ยนสายตาที่มองมิกซ์เป็นสายตาระแวงจ้องจับผิด
“ลองพูดแบบนี้แปลว่านายก็ด้วยใช่ไหมมิกซ์”
ฟูยื่นมือไปคว้าคอเสื้อมิกซ์แล้วดึงเข้ามา
“เหวอ”
“นายก็ชอบพลอยงั้นสิ”
ใบหน้าของมิกซ์ขึ้นสีแดงระเรื่อในทันที
“พูดเรื่องอะไรน่ะไม่ใช่ซักหน่อย”
เพียงเท่านั้นก็ดูออกได้ต่อให้เป็นฟูที่ค่อนข้างทึ่มก็เข้าใจได้ทันทีว่านี่กลายเป็นรักสี่เส้าไปแล้ว
อย่างไรก็ตาม...
“นรินทร์!!”
เสียงของอิงศรก็ดึงทุกคนกลับสู่ความเป็นจริง
ความจริงที่ว่าศัตรูฝ่ายใหม่ได้ปรากฏตัวออกมา
นรินทร์กำลังลอยตัวลงมาจากรูบนเพดาน
ดูเหมือนว่าพระเจดีย์หลังนี้จะสร้างไว้สองชั้นโดยสร้างเพดานชั้นหนึ่งเป็นโดมสูงเพื่อหลอกตาว่ามีแค่ชั้นเดียว
ห้องด้านบนที่มองผ่านรูบนเพดานขึ้นไปแลเห็นผนังห้องเป็นสีชมพูอ่อนคล้ายสีของดอกบัว
นรินทร์นอนหลับอยู่บนนั้นมาตลอดตั้งแต่ที่ถูกลักพาตัว
แล้วเมื่อสายตาของเหล่าเด็กกำพร้าทั้งห้าเบนไปยังทิศนั้นนั่นเอง
“พี่ริน!”
เสียงของทั้งห้าก็ประสานกัน
มิกซ์หันไปพูดกับอิงศร
“คนที่พี่ศรจะมาช่วยคือพี่รินงั้นเหรอ”
“พวกนายก็รู้จักหมอนั่นเรอะ”
อิงศรถามกลับ
“ก็รู้จักอยู่หรอกแต่ไม่ใช่ว่าพี่เขาตายไปแล้วหรอกเหรอ”
พอได้ยินที่มิกซ์พูดอิงศรก็เบ้หน้า
“หมายความว่ายังไง”
แต่ไม่ทันจะได้ไถ่ถามกันให้ดี
พระเจดีย์ก็เกิดสั่นสะเทือนอย่างรุนแรงจนถล่มลงมาทั้งหลัง
“ไม่ได้การแล้วแบบนี้!”
กวินทร์พูดตัดพ้อแต่มือของเด็กหนุ่มกลับประกบดาบที่แยกออกให้เป็นหนึ่งเดียวแล้วฟาดพลังทั้งสี่ธาตุที่อาบชโลมตัวดาบไว้ก่อนแล้ว
“ท่าฟันสี่ธาตุ ควอเท็ตแสลช!!”
พลังงานจากดาบของกวินทร์ตวัดเป็นคลื่นแสงขึ้นไปพัดเศษซากเพดานที่ถล่มลงมาทางพวกเขาและทำลายทิ้งทั้งหมด
ในขณะเดียวกันฝั่งมนุษย์ต่างดาวนั้น...
“พวกอารย-สนธยาที่ยังเหลืออยู่สินะ”
ลิเธียม
กระชับดาบในมือแล้วพุ่งกระโจนขึ้นไปสูงถึงจุดที่นรินทร์ลอยตัวพร้อมกับเงื้อดาบจะฟัน
แต่เพียงชั่วพริบตา
เพียงแค่นรินทร์ยื่นมือออกไป มือนั่นควรจะถูกตัดแต่มันกลับทำให้ลิเธียมได้รับความเสียหายที่มองไม่เห็นบวกกับพลังของ
‘ฮีโร่เวิร์ส’ ที่ทำให้ความเสียหายทั้งหมดลดลงและกลายเป็นการกระแทก
ร่างของลิเธียมจึงเกิดระเบิดประกายไฟปะทุขึ้นมาจากหลายๆ จุดพร้อมกัน
“อ๊าก!!”
ราชครูคลั่งสีแดงร่วงหล่นลงมาอย่างหมดท่า
Lithium LV. 144 [/////15608:39698.....]
ความเสียหายที่เกิดขึ้นมาเกินคณานับถึงกับลดพลังชีวิตของลิเธียมคนนั้นลงได้ครึ่งหนึ่งในกระบวนท่าเดียว
ด้วยมือของนรินทร์คนนั้นเป็นเรื่องที่เป็นไปไม่ได้
ลิธียมปักดาบลงกับพื้นแล้วยันตัวเองขึ้นมายืนอีกครั้ง
“พลังอะไรกันเนี่ย”
พลางสบถแบบนั้น
ทำให้ถูกพญาครุฑหัวเราะเยาะ
หัวเราะสมน้ำหน้าอย่างสะใจ
“ฮะ ฮะ ฮะ บุตรแห่งแสงเอ๋ยไม่มีใครจะหยุดผู้กอบกู้ของข้าได้อีกแล้ว”
พญาครุฑกล่าวอย่างมั่นใจหรือนั่นจะเป็นเพราะนรินทร์ในตอนนี้ไม่ใช่มนุษย์ไปแล้วกันแน่
“นรินทร์...”
อิงศรพึมพำออกมาแล้วตอนนั้นเอง
ซีเซียมที่อยู่อีกฟากของห้องก็...
“ไม่เห็นเหมือนที่เจ้างูนั่นบอกเลย...อึก”
ราชครูหน้าเมือนเขายังคงมีอาการปวดหัวและกุมขมับอยู่ตลอดเวลาที่พูด
“ไม่ไหว ความทรงจำมัน...”
แล้วจึงกัดฟันสั่งถอนกำลังออกมา
“ทุกคนถอยก่อน!!”
โซเดียมที่ยืนอยู่มุมห้องมาตลอดพอได้รับคำสั่งก็กระโจนเข้ามาช่วยพยุงซีเซียมไว้จากนั้นมนุษย์ต่างดาวทั้งหมดก็พากันถอยหนีไป
แต่เมษาก็ตะโกนเรียกไว้ซะก่อน
“เฮ้ย!
ลิเธียมแกคิดจะหนีเหรอพวกเรายังไม่ได้ตัดสินกันเลยนะ!!”
ราชครูสีแดงชะงักฝีเท้าไปครู่หนึ่งเพราะเสียงของเมษาแล้วหันใบหน้ากลับมาแค่ครึ่งเดียวพร้อมกับทิ้งคำพูดเอาไว้
“ไปฝึกฝนให้เก่งกว่านี้ก่อน ไม่สิรอดชีวิตมาให้ถึงครั้งไปที่เราจะตัดสินให้ได้ก่อนเถอะ”
คราวนี้จึงจากไปอย่างแท้จริง
มนุษย์ต่างดาวทั้งหมดวิ่งหายลับไปท่ามกลางทัศนวิสัยที่ขมุกขมัวด้วยฝุ่นควันจากการถล่มของพระเจดีย์
ในตอนนี้เองการต่อสู้กับมนุษย์ต่างดาวก็สิ้นสุดลงและ...
เริ่มต้นการต่อสู้กับเทพเจ้า
อิงศรจ้องมองไปที่ตาของนรินทร์
แววตานั่นยังคงอ่อนโยนและเปล่งประกายไม่ได้ว่างเปล่าเหมือนกับมีนาตอนที่โดนสัตว์เทวะมังกรสิงสู่
เป็นแววตาของนรินทร์จริงๆ
นั่นแหละเพียงแต่
“นานเพียงใดแล้วนะที่ธรรมมะสูญสิ้นไปจากหัวใจของมนุษย์”
นรินทร์ที่เขารู้จักไม่พูดแบบนั้น
นรินทร์ซึ่งดูแปลกไปได้หันมาทางเขา
จ้องมองมาที่อิงศร
“ผมจำได้หมดแล้วเรื่องของตัวเอง เรื่องก่อนที่โลกจะล่มสลาย
เรื่องที่ผมเป็นลูกของผู้นำอารย-สนธยารวมถึงหน้าที่ต้องสืบทอดมันแล้วก็...”
เด็กหนุ่มหลับตาลง
ราวกับต้องการเวลาทำใจที่จะบอกกล่าวคำพูดออกมา
“ถึงเวลาโปรดสัตว์แล้ว นามของข้าคือ นรินทร์นารายณ์”
***วันนี้อาจจะสั้นไปหน่อยเนื่องจากไรท์ติดงานกะทันหันถ้าพรุ่งนี้งานเสร็จอาจจะชดเชยให้ตอนของวันศุกร์ยาวขึ้นเล็กน้อยได้ครับ...ถ้าว่างนะ แอ่ว~~~~~~~~ TwT***
ความคิดเห็น