ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    Apocalypse Online เกมโกงวันโลกาวินาศ

    ลำดับตอนที่ #145 : Login 142: กัลกยาวตาร

    • เนื้อหาตอนนี้เปิดให้อ่าน
    • 244
      7
      23 ส.ค. 60

    Login 142: …

     

                นี่คือเรื่องราวที่บอกเล่าว่ามนุษย์นั้น…

                ได้สูญเสีย ‘ธรรมะ’ ไปจากหัวใจ

                และโอบอุ้ม ‘อธรรม’ ไว้ในหัวใจ

                ได้อย่างไร

                ….

                ตอนที่อายุได้สิบสองขวบพอดี นรินทร์ ระจินดา ก็ได้พบกับ สีดา

                เด็กสาวโตกว่าเขามาก เธอผมยาวมีเส้นผมสีทองแบบชาวต่างชาติแต่งตัวค่อนข้างมิดชิดเพราะชุดที่สวมเป็นเครื่องแบบที่เหมือนกับทหาร

                นรินทร์กำลังอุ้มเด็กผู้หญิงคนหนึ่งและรอบตัวก็มีแต่เด็กๆ

                เป็นเด็กกำพร้าที่ถูกเลี้ยงดูอยู่ในสถานสงเคราะห์อารย-สนธยา

                ระหว่างตามพ่อมาดูงานที่นี่ตนจึงมาเล่นกับพวกเด็กๆ เพื่อฆ่าเวลา

                ทุกคนที่สถานสงเคราะห์รู้จักนรินทร์เป็นอย่างดีในฐานะ ‘พี่ชายที่มาเล่นด้วยเป็นครั้งคราว’ ด้วยความที่เพิ่งจะเปิดทำการได้ไม่ถึงปีทำให้มีแต่เด็กเล็กที่อายุน้อยกว่าเขาจึงกลายเป็นผู้นำของพวกเด็กๆ ไปนั่นเอง

                ถึงจะแค่สิบสองขวบแต่นรินทร์ก็ฉายแววเฉลียวฉลาดเกินวัยสามารถดูแลเด็กๆ ไร้ญาติเหล่านี้ให้เชื่อฟังได้และยังงดงามเป็นอย่างมาก เป็นเด็กหนุ่มแต่กลับมีผิวพรรณผุดผ่องมีน้ำนวลเหมือนหญิงสาว ใบหน้าสวยได้รูปแต่มีแววตาคมคายดุจเทพบุตร

                สถานที่นั้นเป็นห้องสำหรับเด็ก ผนังสีขาวมีภาพวาดงานฝีมือแปะติด กระดานดำวาดรูปหมาหน้าประหลาดทิ้งไว้ยังไม่ได้ลบ และมีของเล่นวางอยู่เต็มไปหมด

                “พี่สาวเป็นพนักงานที่นี่หรือครับ”

                นรินทร์ถามเพราะเขาไม่เคยเห็นเธอที่สถานสงเคราะห์มาก่อน อันที่จริงเห็นชุดที่หล่อนสวมก็ไม่คิดว่าจะเป็นเจ้าหน้าที่หรอกแต่ก็แอบคิดไปว่าหล่อนอาจจะแค่แต่งคอสเพลย์มาเล่นกับพวกเด็กๆ ก็ได้จึงลองถามไปอย่างนั้น

                สีดาส่ายหน้าแล้วตอบคำถามของเด็กชาย

                “เปล่าจ้ะ พี่มีธุระกับพ่อของหนูนิดหน่อยน่ะแต่พ่อของหนูยุ่งมากพี่ก็เลยมารอที่นี่”

                “กับหลวงพ่อเหรอครับ”

                พ่อของนรินทร์ตอนนี้เป็นเจ้าอาวาสของวัดอารย-สนธยาเด็กชายจึงเรียกพ่อแบบนั้น

                สีดายิ้มกว้าง เป็นยิ้มแบบธรรมชาติที่ช่วยขับให้ใบหน้าอันผุดผ่องของหล่อนดูสดใสงดงามยิ่งขึ้น

                “จ้ะ”

                “พี่สาวกำลังกลุ้มอยู่เหรอครับ”

                นรินทร์น้อยถาม

                “…”

                เป็นคำถามที่ตอบได้ยาก พูดตามตรงแล้วเธอไม่คิดว่าจะถูกเด็กตัวแค่นี้มองออกด้วยซ้ำ มาสคาร่าที่ใช้คลุมใบหน้าเป็นเทคโนโลยีปลอมตัวรุ่นล่าสุดของเมตไตรยที่เธอเอามาพัฒนาเพิ่มเองด้วยความรู้ของมนุษย์ต่างดาว เป็นใบหน้าสังเคราะห์ที่ปกปิดใบหน้าจริงๆ ได้อย่างมิดชิดที่สุด

                แต่กลับถูกเด็กตัวแค่นี้มองออก

                “สมแล้วที่เป็นผู้กอบกู้ ถ้าทำให้สิงห์เชื่อได้…”

                หล่อนหลุดปากพึมพำออกมาเพราะดีใจมากเกินไป

                “พี่สาวพูดว่าอะไรนะครับ”

                “เปล่าจ้ะพี่แค่ดีใจมากไปหน่อยเพราะคิดปริศนาในเกมที่กำลังเล่นได้จากคำพูดของหนูเมื่อกี้น่ะ”

                ปริศนาที่จะหลอกให้สิงโตกัดเหยื่อคำนี้…

                “มาอยู่ที่นี่เองหรือโยมลูก”

                ชายคนหนึ่งก้าวเข้ามาในห้องเด็ก เป็นนักบวชห่มผ้าเหลืองโกนศีรษะ

                “หลวงพ่อครับ!”

                สีหน้าของนรินทร์เปลี่ยนไปในทันทีใบหน้าแสดงความเบิกบานเป็นอย่างมากจึงฝากเด็กที่อุ้มไว้กับเด็กหญิงที่โตที่สุดในกลุ่มคนหนึ่งแล้ววิ่งหาพ่อที่เป็นนักบวช

                แต่เด็กชายในกลุ่มก็ดึงชายเสื้อนรินทร์ไว้

                เส้นผมสีทองดูนุ่มฟู

                ดวงตาสีน้ำเงินเข้มคงจะมีเชื้อสายของชาวต่างชาติ

                นรินทร์หันกลับมาสนทนากับเด็กคนนั้นด้วยความสงสัย

                “มีอะไรเหรอมิกซ์”

                เด็กชายที่ถูกเรียกว่ามิกซ์ชี้ไปยังเด็กชายอีกคนที่ทำหน้าเหมือนอดกลั้นอะไรอยู่พลางกุมมือไปที่เป้ากางเกง

                “ฟูเขาอยากไปห้องน้ำอ่ะคับพี่ริน”

                “อุหวา ถ้างั้นรีบไปกันเถอะ ทางนี้ๆ”

                แล้วนรินทร์ก็ลากพวกเด็กๆ ออกไปจากห้อง ไปเข้าห้องน้ำ

                ตอนนี้ก็เลยเหลือแค่สีดากับเจ้าอาวาสวัดอารย-สนธยา

                “มีลูกที่ดีนะคะหลวงพ่อ”

                เด็กสาวเอ่ยกล่าว

                เจ้าอาวาสยิ้มรับคำพูดของหล่อนเป็นยิ้มอ่อนโยนที่เหมือนกันมากกับนรินทร์

                เป็นพ่อลูกกันจริงๆ ไม่ใช่เด็กผสมเทียมที่เตรียมไว้สร้างเดโมนอยด์อย่างพวกที่รายล้อมนรินทร์อย่างนั้นสินะ

                “ว่าแต่โยมมีธุระอันใดกับอาตมากันล่ะ”

                “มาเตือนไว้ก่อนน่ะค่ะเพราะดูเหมือนว่าทางนั้นจะไปทำอะไรให้ ส.ส. วชิระไม่พอใจเข้าซะแล้วถ้าต้องเป็นศัตรูกับพรรคการเมืองขึ้นมาช่วงที่กำลังเข้าด้ายเข้าเข็มแบบนี้เดี๋ยวโลกจะพาลบึ้มเอาซะก่อนก็เลยเป็นห่วงค่ะ”

                ที่เด็กสาวมาวันนี้ก็ด้วยเรื่องระหว่างองค์กร เนื่องจากเมตไตรยกับอารย-สนธยา กำลังร่วมมือกันในโปรเจคสำคัญที่จะสร้างโปรแกรมอัญเชิญปีศาจออกมาสู่โลกแห่งความจริง แต่แล้วอีกฝ่ายก็ดันทำตัวมีปัญหากับรัฐบาล เมตไตรยก็จะพลอยลำบากไปด้วยถ้าอารย-สนธยาถูกกำจัดไปการวิจัยก็จะไม่คืบหน้า

                เจ้าอาวาสตอบอย่างสุขุมสงบนิ่งว่า

                “อย่าห่วงไปเลยโยมก็แค่เรื่องเล็กน้อยเท่านั้นเอง”

                พออีกฝ่ายพูดแบบนั้นมาสีดาหรือกุมภาแห่งเมตไตรยก็ส่ายหน้าเล็กน้อย

                คนๆ นี้คงไม่มีอะไรจะต้องพูดกันต่อแล้ว หล่อนคิดอย่างนั้น

                หละหลวม ไม่มีการคาดเดาล่วงหน้า ไม่รู้เอาซะเลยว่าชะตาตัวเองจะถึงฆาตในเร็วๆ นี้

                ในวันนี้...

                ข้างนอกมีเสียงเครื่องยนต์รถหลายคันกำลังมุ่งหน้ามาที่นี่ หูของหล่อนในฐานะราชครูมนุษย์ต่างดาวรับรู้ได้ถึงมือสังหารจำนวนมากที่ ส.ส. วชิระ จ้างมา พวกนั้นจะรอให้นักบวชกับลูกชายออกจากที่นี่แล้วก็ฆ่าทิ้ง

                ถ้าหากว่าอีกฝ่ายมีแก่ใจจะกระตุ้นตัวเองมากกว่านี้คงพอจะยื่นมือช่วยอะไรได้บ้าง อย่างน้อยก็คงเด็ดหัวพวกมือสังหารโดยทำให้ดูเป็นอุบัติเหตุได้

                แต่เอาเถอะถึงจะเสียดายลูกชายที่ยอดเยี่ยมขนาดนั้นแต่ในเมื่อไม่ใช่ฟันเฟืองอย่างที่ได้ยินมาก็ไม่มีความจำเป็นจะต้องดึงไว้ใช้งาน

                “ขอให้โชคดีค่ะ”

                สีดากล่าวลาแล้วออกจากที่แห่งนั้นไป

                และแล้ว...

                ในวันนั้นหลังจากที่หล่อนกลับไปก็มีการทำร้ายร่างกายเจ้าอาวาสกับลูกชายอย่างอุกอาจเกิดขึ้น

                เจ้าอาวาสเสียชีวิตส่วนลูกชายโดนลูกหลงจนเป็นเจ้าชายนิทรา

                หนังสือพิมพ์ประโคมเป็นข่าวใหญ่อยู่พักหนึ่ง

                โซเชียลเล่นประเด็นนี้กันอย่างดุเด็ดเผ็ดมัน

                ผู้คนเอาไปพูดกันอย่างสนุกปาก

                ...ว่าเจ้าอาวาสหลอกต้มตุ๋นนักการเมืองผู้ทรงอิทธิพลเลยถูกสั่งเก็บ

                แต่กลับไม่มีใครล่วงรู้เลย

                แม้แต่มนุษย์ต่างดาวผู้แฝงตัวอยู่ในสังคมมาเนิ่นนาน

                แม้แต่เทวทูตที่รอวันคืนจะทวงแผ่นดินสวรรค์คืนก็ยังไม่อาจคาดเดา

                แม้แต่พระเจ้าก็ไม่ล่วงรู้

                ว่านั่นคือจุดเริ่มต้นแห่ง ‘อีเด็นฟอล’

                แล้วสิงโตที่รูบิเดียมพยายามจะหลอกให้งับเหยื่อก็ได้เข้าใจผิดไปเองโดยที่หล่อนไม่ต้องลงมือ

                ไม่สิ อาจจะต้องบอกว่าหล่อนเองก็โดนหลอกไปด้วย

                เมื่อจู่ๆ ทางอารย-สนธยาก็สามารถอัญเชิญปีศาจออกมาได้จริงๆ มนุษย์กึ่งปีศาจจำนวนมากได้ถูกเตรียมสายการผลิต

                จะเพื่อการใหญ่อันใดก็ยากจะหยั่งถึงแต่ก็ไม่มีใครล่วงรู้มันได้อีกแล้ว

                เพราะว่าเมตไตรยได้หักหลังอารย-สนธยาแล้วเข้าแทรกแซงโดยหวังจะแย่งชิงการทดลองสุดยอดที่ภรรยาของเจ้าอาวาสรับสานต่อมา

                ในฐานะมนุษย์ต่างดาวที่ถือกำเนิดขึ้นบนสวนแห่งนี้ แฟรนเซียมหรือสิงห์ และ รูบิเดียมหรือกุมภาได้เข้าใจไปว่า...

                นรินทร์คืออาชาแห่งความตาย คือฟันเฟืองที่กำหนดชะตาของสวนแห่งที่สองนี้

                แต่นั่นเป็นคำตอบที่ผิด

                การแทรกแซงครั้งนั้นเริ่มขึ้นในวันปีใหม่

                ภายในห้องทดลองซึ่งจัดวางเครื่องมือทันสมัยและประรำพิธีสำหรับบริกรรมคาถาหรืออะไรบางอย่างที่ดูขัดตากับความเป็นวิทยาศาสตร์ของห้องทดลอง

                นรินทร์ซึ่งนอนเป็นเจ้าชายนิทรามาเกือบปีถูกวางอยู่บนแท่นของประรำพิธี

                ขณะบริกรรมอาคมกันอยู่นั่นเอง ทหารของเมตไตรยก็บุกเข้ามาและฆ่าพวกอารย-สนธยาทั้งหมด

                ภรรยาของเจ้าอาวาสผู้รับสืบทอดองค์กรได้ร้องขอชีวิตลูกชายที่อยู่บนแท่นพิธี

                “ขอร้องล่ะ ขอแค่ชีวิตนรินทร์ ขอให้เขาได้ตื่นขึ้นมะ...”

                แต่คำขอร้องก็หยุดลงเมื่อหัวหน้าทหารลงดาบ หล่อนสิ้นใจคาแท่นพิธีโดยกอดร่างไม่ได้สติของลูกชายไว้

                “ลากศพผู้หญิงออกไป จากนั้นทุกนายไปประจำตำแหน่งแทนพวกที่ฆ่าไปซะเราจะดำเนินพิธีกรรมต่อแล้วชิงเอาเมอร์คาบาห์มา”

                หัวหน้าทหารในตอนนั้นคือ สิงห์ ธุวดารกะ ชายหนุ่มได้เข้าใจผิดว่าอารย-สนธยาจะเรียก ‘เมอร์คาบาห์’ ผู้เป็นกุญแจสำคัญของตน

                แต่เมื่อดำเนินพิธีกรรมไปจนถึงตอนที่เรียกปีศาจออกมาสำเร็จ

                “นานเพียงใดกันนะที่มนุษย์สูญสิ้นธรรมมะแล้วโอบอุ้มอธรรมไว้ในหัวใจ”

                สิ่งที่ออกมาจากร่างของเด็กหนุ่มซึ่งถูกเข้าใจผิดว่าจะอัญเชิญ ‘เมอร์คาบาร์’ กลับเป็นเทพเจ้า

                “ไม่มีทางอื่นอีกแล้วนอกจากชำระล้างให้บริสุทธิ์ มนุษย์เอยหากปรารถนาจะเปลี่ยนใจข้าก็จงแสดงธรรมะของเจ้า!!”

                เทพเจ้าผู้มีกายสีดำสนิทอันบ่งบอกถึงยุคสมัยที่บิดเบี้ยว

                ยุคสมัยที่มนุษย์เต็มไปด้วยความโหดร้ายและน่ารังเกียจ

                ยุคสมัยที่ความโลภความรู้สึกต่างๆ ของมนุษย์ฉาบอยู่บนหัวใจ

                สิงห์ ธุวดารกะ จ้องมองเทพเจ้าองค์นั้นด้วยความรู้สึกเหลือจะกล่าว

                จ้องมองวิศนุเทพผู้ที่ขานเรียกตนว่า...

                “จงมาเถิดธรรมมะ มาสู่มือเราในนาม นรินทร์นารายณ์!”

                แล้วในวันนั้นดาบที่ชื่อว่า ‘ธรรมะ’ แห่งองค์วิศนุเทพก็ได้ตัดเส้นแบ่งเขตของสวน

                อมฤตจึงไหลรินตกสู่โลก

                อุบัติเป็น ‘อีเด็นฟอล’

                …

                ..

                .

                “อา อา อา~ อานอิลสตอล อันอินสตอล”

                ผู้ถูกลืมเลือนพึมพำเป็นทำนองราวกับกำลังขับขาน

                ภายในรูนรูมซึ่งไม่มีแขกมาเยือน ซีลอร์ดจึงได้แต่บ่นรำพึงกับตัวเองเท่านั้น

                “มนุษย์ได้ล่วงละเมิดแล้ว ไวรัสได้แพร่ออกไปแล้ว”

                และขับขานบทเพลงแห่งวันวินาศ

                “ธรรมะที่นารายณ์ตวัดมันในวันนั้นได้อันอินสตอลกำแพงไฟชั้นสุดท้าย อาชาสีนิลแห่งวิบัติได้นำความอดอยากมาแล้ว”

                ความจริงแห่งวันวินาศ

                สิงห์ ธุวดารกะผู้กลายเป็นอาชาสีนิลแห่งวิบัติเสียเอง

                เพราะเหตุนั้นมนุษย์จึงต้องเผชิญกับโรคภัยที่ชื่อว่า ‘อมฤต’

                เหมือนดั่งที่กล่าวไว้ในไบเบิล

                “อา อา อา~ อานอิลสตอล อันอินสตอล อมฤตอินสตอล…”

                ความวินาศถูกติดตั้งลงบนสวนแห่งที่สอง

                “มนุษย์อันอินสตอลธรรมมะ อา อา อา~ อานอินสตอล อธรรมอินสตอล~”

                บทเพลงหยุดเพียงแค่นั้นแล้วผู้ถูกลืมเลือนก็เบนสายตาไปที่หน้าจอระบบซึ่ง)ายภาพสถานการณ์ของพวกอิงศร

                …

                เพราะมนุษย์ได้โอบอุ้มอธรรมไว้ในหัวใจ

                เพราะมนุษย์ได้สูญเสียธรรมมะไปจากหัวใจ

                นี่คือเรื่องราวที่บอกเล่าว่าทำไมมนุษย์จึงสูญสิ้น

                ทำไมจึงกระเสือกกระสนที่จะรอดชีวิต

                ทำไมผู้ที่ช่วยมนุษย์ถึงต้องเป็นมนุษย์

              

    Login 142: กัลกยาวตาร…

     

                เนื่องจากเพดานห้องถล่มลงมาเพราะการปรากฎตัวของพญาครุฑ ทำให้โดโกบาร์ที่ถูกแขวนไว้ร่วงลงมาด้วย

                แต่พลอยก็เล็งเอาไว้ตั้งแต่ก่อนหน้านี้แล้วว่าหากมีโอกาสที่จะชิงตัวโดโกบาร์เธอจะทำทุกวิถีทาง

                แล้วตอนนี้โอกาสก็เข้ามาหาแบบกะทันหัน

                เด็กสาวเร่งจ้ำฝีเท้าอย่างสุดกำลัง พลางก็สิ่งหลบเศษซากเพดานที่ร่วงลงมาไปด้วย หล่อนวิ่งไปถึงเกือบกลางห้องแต่โดโกบาร์กำลังจะกระแทกพื้น

                “ย้า!!”

                พลอยคำรามแล้วถีบตัวสุดแรงพุ่งกระโจนออกไป คว้าตัวเด็กชายเอาไว้

                อ้อมแขนของเด็กสาวจึงสัมผัสถูกใบหูสุนัขที่ให้ความรู้สึกนุ่มนิ่ม

                “เอ๊ะ ไม่ใช่มนุษย์หรอกเหรอ!”

                ในขณะที่อุทานเช่นนั้นตัวของหล่อนก็ยังคงลอยไปข้างหน้าไม่หยุด อีกเพียงไม่กี่เซนติเมตรก็จะถูกเศษเพดานที่ตกลงมาตรงนั้นกระแทกใส่ศีรษะ

                แต่ก่อนที่จะเป็นแบบนั้นขาของเด็กสาวก็ถูกดึงด้วยแรงมหาศาลจนลอยกลับไปในทางตรงกันข้ามและตกอยู่ในอ้อมแขนของเมษาผู้ที่ช่วยเหลือเธอไว้

                “เฮ้ ไม่เป็นไรใช่ไหมระวังหน่อยล่ะเกิดเธอเป็นอะไรไปเดี๋ยวเจ้าศรมันร้องไห้เอา”

                เด็กหนุ่มที่ดึงร่างเธอเข้ามาอยู่ในอ้อมกอดพูดจาค่อนข้างจะห่ามไปบ้าง

                แต่ก็เป็นเด็กหนุ่มที่หน้าตาค่อนข้างดี รูปร่างกำยำกล้าหาญและพึ่งพาได้

                แล้วจู่ๆ เธอก็เผลอพึมพำออกไปแบบไม่ตั้งใจ

                “พ่อของลูกค่ะ”

                “หา? เมื่อกี้พูดอะไรเปล่า”

                ด้วยความตกใจพลอยจึงยกมือปิดปากตัวเองจนเกือบจะปล่อยโดโกบาร์หลุดลงไป

                “เปล่าค่ะไม่มีอะไร”

                แล้วกล่าวปฏิเสธคำพูดเมื่อครู่ที่ออกหลุดออกมาโดยมิได้ไต่ตรอง

                ซึ่งทั้งสองสนทนากันระหว่างที่วิ่งผ่านฟูกลับไปรวมตัวกับพวกแนวหลัง

                เด็กหนุ่มผู้เป็นอดีตรักข้างเดียวเลยได้ยินที่พวกเขาพูดคุยกัน

                “หมอนั่น…”

                ฟูพูดด้วยน้ำเสียงเย็นเยียบขณะชายตามองศัตรูหัวใจที่วิ่งผ่านไป

                ทันใดนั้นเอง สันมือของมิกซ์ก็เคาะลงมาบนศีรษะ

                “นี่มันกลางสนามรบนา~

                มิกซ์กำลังทำหน้าเอือมระอาเพราะเดาใจเพื่อนสมัยเด็กออก

                “แต่!”

                ฟูพยายามจะโต้แย้งแต่มิกซ์ก็พูดขัด

                “ยังไงพลอยก็มองเราเป็นแค่พี่น้องในครอบครัวอยู่แล้วเพราะงั้นค่อยเล่นบทพี่สะใภ้ทีหลังก็ยังไม่สายน่า”

                ฟูพูดเหมือนกับจะเห็นด้วย

                “ก็จริงแหะ แต่ว่านะ...

                แล้วเปลี่ยนสายตาที่มองมิกซ์เป็นสายตาระแวงจ้องจับผิด

                ลองพูดแบบนี้แปลว่านายก็ด้วยใช่ไหมมิกซ์

                ฟูยื่นมือไปคว้าคอเสื้อมิกซ์แล้วดึงเข้ามา

                เหวอ

                นายก็ชอบพลอยงั้นสิ

                ใบหน้าของมิกซ์ขึ้นสีแดงระเรื่อในทันที

                พูดเรื่องอะไรน่ะไม่ใช่ซักหน่อย

                เพียงเท่านั้นก็ดูออกได้ต่อให้เป็นฟูที่ค่อนข้างทึ่มก็เข้าใจได้ทันทีว่านี่กลายเป็นรักสี่เส้าไปแล้ว

                อย่างไรก็ตาม...

                นรินทร์!!”

                เสียงของอิงศรก็ดึงทุกคนกลับสู่ความเป็นจริง

                ความจริงที่ว่าศัตรูฝ่ายใหม่ได้ปรากฏตัวออกมา

                นรินทร์กำลังลอยตัวลงมาจากรูบนเพดาน ดูเหมือนว่าพระเจดีย์หลังนี้จะสร้างไว้สองชั้นโดยสร้างเพดานชั้นหนึ่งเป็นโดมสูงเพื่อหลอกตาว่ามีแค่ชั้นเดียว

                ห้องด้านบนที่มองผ่านรูบนเพดานขึ้นไปแลเห็นผนังห้องเป็นสีชมพูอ่อนคล้ายสีของดอกบัว นรินทร์นอนหลับอยู่บนนั้นมาตลอดตั้งแต่ที่ถูกลักพาตัว

                แล้วเมื่อสายตาของเหล่าเด็กกำพร้าทั้งห้าเบนไปยังทิศนั้นนั่นเอง

                พี่ริน!”

                เสียงของทั้งห้าก็ประสานกัน

                มิกซ์หันไปพูดกับอิงศร

                คนที่พี่ศรจะมาช่วยคือพี่รินงั้นเหรอ

                พวกนายก็รู้จักหมอนั่นเรอะ

                อิงศรถามกลับ

                ก็รู้จักอยู่หรอกแต่ไม่ใช่ว่าพี่เขาตายไปแล้วหรอกเหรอ

                พอได้ยินที่มิกซ์พูดอิงศรก็เบ้หน้า

                หมายความว่ายังไง

                แต่ไม่ทันจะได้ไถ่ถามกันให้ดี พระเจดีย์ก็เกิดสั่นสะเทือนอย่างรุนแรงจนถล่มลงมาทั้งหลัง

                ไม่ได้การแล้วแบบนี้!”

                กวินทร์พูดตัดพ้อแต่มือของเด็กหนุ่มกลับประกบดาบที่แยกออกให้เป็นหนึ่งเดียวแล้วฟาดพลังทั้งสี่ธาตุที่อาบชโลมตัวดาบไว้ก่อนแล้ว

                ท่าฟันสี่ธาตุ ควอเท็ตแสลช!!”

                พลังงานจากดาบของกวินทร์ตวัดเป็นคลื่นแสงขึ้นไปพัดเศษซากเพดานที่ถล่มลงมาทางพวกเขาและทำลายทิ้งทั้งหมด

                ในขณะเดียวกันฝั่งมนุษย์ต่างดาวนั้น...

                พวกอารย-สนธยาที่ยังเหลืออยู่สินะ

                ลิเธียม กระชับดาบในมือแล้วพุ่งกระโจนขึ้นไปสูงถึงจุดที่นรินทร์ลอยตัวพร้อมกับเงื้อดาบจะฟัน

                แต่เพียงชั่วพริบตา เพียงแค่นรินทร์ยื่นมือออกไป มือนั่นควรจะถูกตัดแต่มันกลับทำให้ลิเธียมได้รับความเสียหายที่มองไม่เห็นบวกกับพลังของ ฮีโร่เวิร์สที่ทำให้ความเสียหายทั้งหมดลดลงและกลายเป็นการกระแทก ร่างของลิเธียมจึงเกิดระเบิดประกายไฟปะทุขึ้นมาจากหลายๆ จุดพร้อมกัน

                อ๊าก!!”

                ราชครูคลั่งสีแดงร่วงหล่นลงมาอย่างหมดท่า

     

    Lithium LV. 144 [/////15608:39698.....]

     

                ความเสียหายที่เกิดขึ้นมาเกินคณานับถึงกับลดพลังชีวิตของลิเธียมคนนั้นลงได้ครึ่งหนึ่งในกระบวนท่าเดียว ด้วยมือของนรินทร์คนนั้นเป็นเรื่องที่เป็นไปไม่ได้

                ลิธียมปักดาบลงกับพื้นแล้วยันตัวเองขึ้นมายืนอีกครั้ง

                พลังอะไรกันเนี่ย

                พลางสบถแบบนั้น ทำให้ถูกพญาครุฑหัวเราะเยาะ

                หัวเราะสมน้ำหน้าอย่างสะใจ

                ฮะ ฮะ ฮะ บุตรแห่งแสงเอ๋ยไม่มีใครจะหยุดผู้กอบกู้ของข้าได้อีกแล้ว

                พญาครุฑกล่าวอย่างมั่นใจหรือนั่นจะเป็นเพราะนรินทร์ในตอนนี้ไม่ใช่มนุษย์ไปแล้วกันแน่

                นรินทร์...

                อิงศรพึมพำออกมาแล้วตอนนั้นเอง ซีเซียมที่อยู่อีกฟากของห้องก็...

                ไม่เห็นเหมือนที่เจ้างูนั่นบอกเลย...อึก

                ราชครูหน้าเมือนเขายังคงมีอาการปวดหัวและกุมขมับอยู่ตลอดเวลาที่พูด

                ไม่ไหว ความทรงจำมัน...

                แล้วจึงกัดฟันสั่งถอนกำลังออกมา

                ทุกคนถอยก่อน!!”

                โซเดียมที่ยืนอยู่มุมห้องมาตลอดพอได้รับคำสั่งก็กระโจนเข้ามาช่วยพยุงซีเซียมไว้จากนั้นมนุษย์ต่างดาวทั้งหมดก็พากันถอยหนีไป

                แต่เมษาก็ตะโกนเรียกไว้ซะก่อน

                เฮ้ย! ลิเธียมแกคิดจะหนีเหรอพวกเรายังไม่ได้ตัดสินกันเลยนะ!!”

                ราชครูสีแดงชะงักฝีเท้าไปครู่หนึ่งเพราะเสียงของเมษาแล้วหันใบหน้ากลับมาแค่ครึ่งเดียวพร้อมกับทิ้งคำพูดเอาไว้

                ไปฝึกฝนให้เก่งกว่านี้ก่อน ไม่สิรอดชีวิตมาให้ถึงครั้งไปที่เราจะตัดสินให้ได้ก่อนเถอะ

                คราวนี้จึงจากไปอย่างแท้จริง มนุษย์ต่างดาวทั้งหมดวิ่งหายลับไปท่ามกลางทัศนวิสัยที่ขมุกขมัวด้วยฝุ่นควันจากการถล่มของพระเจดีย์

                ในตอนนี้เองการต่อสู้กับมนุษย์ต่างดาวก็สิ้นสุดลงและ...

                เริ่มต้นการต่อสู้กับเทพเจ้า

                อิงศรจ้องมองไปที่ตาของนรินทร์

                แววตานั่นยังคงอ่อนโยนและเปล่งประกายไม่ได้ว่างเปล่าเหมือนกับมีนาตอนที่โดนสัตว์เทวะมังกรสิงสู่

                เป็นแววตาของนรินทร์จริงๆ นั่นแหละเพียงแต่

                นานเพียงใดแล้วนะที่ธรรมมะสูญสิ้นไปจากหัวใจของมนุษย์

                นรินทร์ที่เขารู้จักไม่พูดแบบนั้น

                นรินทร์ซึ่งดูแปลกไปได้หันมาทางเขา จ้องมองมาที่อิงศร

                ผมจำได้หมดแล้วเรื่องของตัวเอง เรื่องก่อนที่โลกจะล่มสลาย เรื่องที่ผมเป็นลูกของผู้นำอารย-สนธยารวมถึงหน้าที่ต้องสืบทอดมันแล้วก็...

                เด็กหนุ่มหลับตาลง

                ราวกับต้องการเวลาทำใจที่จะบอกกล่าวคำพูดออกมา

                ถึงเวลาโปรดสัตว์แล้ว นามของข้าคือ นรินทร์นารายณ์


    ***วันนี้อาจจะสั้นไปหน่อยเนื่องจากไรท์ติดงานกะทันหันถ้าพรุ่งนี้งานเสร็จอาจจะชดเชยให้ตอนของวันศุกร์ยาวขึ้นเล็กน้อยได้ครับ...ถ้าว่างนะ แอ่ว~~~~~~~~ TwT***

    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    นิยายที่ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×