ตอนที่ 136 : Login 133: มื้อดึก
Login 133: มื้อดึก
โลกได้ล่มสลายลง
เหตุเพราะมนุษย์หมดกำลังใจที่จะก้าวต่อไปข้างหน้า
พระเจ้าจึงได้มอบบททดสอบแก่มนุษยชาติส่งเครื่องทำสวนศักดิ์สิทธิ์กับไวรัสน้ำอมฤตลงมายังโลก
มนุษย์ต่างดาวได้เข้าแทรกแซงบททดสอบนั้น
มนุษย์ใช้พลังของปีศาจเพื่อแทรกแซงบททดสอบนั้น
ดังนั้นโลกจึงยุ่งเหยิงและถูกลบหายอย่างค่อยเป็นค่อยไป
ด้วยสาเหตุบางอย่างฟันเฟืองที่ใช้เพื่อขับเคลื่อนเครื่องทำสวนได้ตกมาอยู่ในมือของอิงศร
มือของมิ่งขวัญ
มือของกวินทร์
เหตุการณ์ราวกับเป็นเรื่องล้อเล่นนั้นเกิดขึ้นจริงและน่าจะมีจุดเชื่อมโยงกันอยู่
“…”
อิงศรพยายามคิดเชื่อมโยงเรื่องต่างๆ ที่รู้มาเข้าด้วยกัน
แต่มันยังขาดศูนย์รวมของเรื่องทั้งหมด
คนที่เป็นศูนย์กลางนั้นจะเป็นมนุษย์รึเปล่านะ
หรือว่าเป็นมนุษย์ต่างดาว
หรือว่าเป็นข้าบริวารของพระเจ้าอย่างพวกทูตสวรรค์ที่เจอในเมตไตรย
หรือจะเป็น อารย-สนธยา ที่คิดจะใช้พลังของปีศาจเพื่อโปรดสัตว์ให้กับมนุษย์
หรือพระเจ้าก็แค่นึกครึ้มอยากทำลายมนุษย์ขึ้นมา
หากมองอย่างผิวเผินบนผังความสัมพันธ์พวกนั้นแล้วตัวการคือพระเจ้าอย่างไม่ต้องสงสัย
ตัดสินมนุษย์เอาเองตามใจชอบแล้วมอบบททดสอบตามใจชอบอีก
เป็นพระเจ้าที่ไร้เหตุผลซึ่งมีชื่อว่าแอดมินิสเทรเตอร์
โซลาริส
ลูนาริส
“…”
อิงศรมองดูรอบตัว จ้องมองศาสนสถานอันยิ่งใหญ่ในอดีตที่มีชื่อว่า อารย-สนธยา แล้วครุ่นคิด
คิดว่า…บางทีเหตุผลของพระเจ้าอาจจะมาจากการเคลื่อนไหวของมนุษย์ที่อยู่ที่นี่
ปีศาจอยู่มาก่อนที่จะเกิดการทดสอบแล้วมนุษย์ก็ขวนขวายหาวิธีควบคุมพวกมันหรือไม่ก็ถูกบงการซะเอง
อวโลกิตะ
มิตราพุทธะ
เกวตซัลโกอัตล์
จาตุมหาราชิกกา
ยฮวฮ
ยัลดาเบาธ์
มีแต่ปีศาจเลื่องชื่อเต็มไปหมดแถมในตัวเขาเองก็มีปีศาจอยู่
ปีศาจที่อารย-สนธยาพยายามจะครอบครองเมื่อหลายปีก่อนซึ่งอ่านเจอรายละเอียดเหล่านั้นจากเอกสารที่พบในห้องทดลองใต้ดินทำให้รู้ว่า...
เมอร์คาบาห์…ปีศาจที่จะทำให้ความทะเยอทะยานใฝ่สูงจนเกินตัวของมนุษย์กลายเป็นจริง ความฝันที่บอกเล่าว่ามนุษย์โลภมากเพียงใด
เมอร์คาบาห์…ราชรถแห่งสวรรค์หนึ่งเดียวผู้นำพามนุษย์ขึ้นไปยังที่มั่นของพระเจ้าเพื่อทำสงครามตัดสินผู้ที่จะครอบครองดาวเคราะห์ดวงกระจ้อยที่มีชื่อว่าโลกใบนี้
เมอร์คาบาห์…เผยให้เห็นบางสิ่งที่ซ่อนอยู่ในตัวเขาด้วยเช่นกัน
มนุษย์จะถูกกอบกู้โดยมนุษย์เท่านั้น
วลีอันเย่อหยิ่งที่ไม่หยี่ระต่อหน้าโลกที่เทพมารคอยชักใยมนุษย์เหมือนเป็นของเล่นนั่นหลุด ออกจากปากของตนเองมาหลายครั้งโดยที่ไม่แม้แต่จะรู้ถึงความหมาย
ที่จริงแล้วยังมีอีกปัจจัยหนึ่งที่หากนำมาคิดรวมกันด้วยอาจจะทำให้กระจ่างขึ้นแต่อิงศรไม่ค่อยอยากจะนึกถึงนัก
สิงห์ ธุวดารกะ... ชายที่เขาพยายามจะหนีไปให้ไกลที่สุดมาโดยตลอดน่าจะมีส่วนเกี่ยวของด้วยและอาจเป็นจุดเชื่อมโยงของเรื่องทั้งหมดหรืออาจเพียงเล็กน้อย
สิงห์เป็นคนเก็บเขาไปเลี้ยงหลังจากถูกมนุษย์ต่างดาวแยกกับพวกมิ่งขวัญแถมหมอนั่นรู้จักกับซีลอร์ด
บางทีเพราะแบบนั้นแหละหมอนั่นถึงได้รู้ว่าเขามีฟันเฟืองอยู่และพยายามรวบรวมมันแม้ว่าตอนนี้หมอนั่นจะตายไปแล้วก็ตามแต่สถานการณ์กลับบีบให้ต้องเข้าหาฟันเฟืองมากขึ้น
ได้พลังเพิ่มขึ้น
ได้มิ่งขวัญกลับคืนมา
ได้เหล่าครอบครัวที่เสียไปกลับคืนมา
ได้กวินทร์ที่มีฟันเฟืองมาร่วมชะตากรรมด้วยกัน
ราวกับถูกจัดวางเอาไว้เรื่องน่ายินดีพวกนั้นส่งกลิ่นหอมหวานโชยจนรู้สึกได้ว่าถ้ายังมีพวกพ้องในตอนนี้ล่ะก็จะต้องฝ่าฟันทุกอุปสรรค์ไปได้แน่เป็นกลิ่นอันตรายที่ไม่รู้ว่าปลายทางจะมีใครออกมาหัวเราะแล้วพูดว่า
ทุกอย่างเป็นไปตามแผนของฉัน
ถ้าจะมีล่ะก็คงมีแต่สิงห์นั่นแหละแล้วตอนนี้ตัวเขาก็ได้เชื่อไปเรียบร้อยแล้วว่าสิงห์ยังไม่ตายทั้งที่ไม่มีหลักฐานยืนยันแต่กลับเชื่ออย่างแรงกล้า
แต่อีกฝ่ายก็เป็นคนเหมือนกันจะคาดเดาได้ถึงขนาดนั้นเลยหรือ?
จะรู้กระทั่งว่าเมตไตรยจะต้องจับมือกับมนุษย์ต่างดาวแล้วข่มขู่เขาให้มาร่วมต่อสู้ด้วยอย่างนั้นจริงๆ น่ะหรือ
“…”
ท้ายที่สุดเขาก็ยังหนีไม่พ้นมือสิงห์อยู่ดี
ไม่มีอะไรเปลี่ยนไปเลยคำถามนับพันคำตอบเป็นศูนย์
ถ้าอยากจะรู้คำตอบมันก็มีวิธีอยู่เหมือนกัน
ถ้าได้ไปถามซีลอร์ดอาจจะรู้ขึ้นมาก็ได้แต่ก็อีกนั้นแหละ
เจ้านั่นคงจะเล่นตัวเหมือนอย่างเคย ที่ผ่านมาก็แทบไม่ได้รับคำตอบเป็นชิ้นเป็นอันแล้วยังจะมีคำถามมาให้ขบคิดเพิ่มพูนยิ่งขึ้นไปอีก
“…”
ตอนที่ขบคิดเรื่องน่าปวดหัวมือของเขาก็กำลังเคี่ยวน้ำซุปในหม้อซึ่งตั้งบนเตาที่เอาหินจากซากวิหารรอบๆ มากองเรียงกันแล้วจุดไฟ
หม้อ ทัพพี เครื่องปรุงเป็นของที่มีพกติดตัวในฐานะเสบียงอยู่แล้วแต่ก็มีเหลือไม่มากนักจึงเอามาทำน้ำซุป
ซุปสีดำเข้มข้นถูกเคี่ยวจนเริ้มส่งกลิ่นหอมในตอนนั้นเองกวินทร์ก็กลับมาพร้อมกับมิ่งขวัญ ฟู และมิกซ์ที่เพิ่งออกไปหาอาหารมาเพิ่ม
ในมือกวินทร์ถือกระป๋องที่มีฉลากแปะเป็นรูปแป้งเส้นก๋วยจั๊บแช่อยู่ในน้ำมาด้วยกันสี่กระป๋อง
“แถวนี้ไม่ค่อยมีสัตว์เทวะที่ดรอปของกินเลยล่ะครับ แถมเซเว่นใกล้ๆ นี่ก็โดนรื้อจนเละเทะไปหมดเหลือแต่เส้นก๋วยจั๊บกระป๋องเนี่ยแหละ”
กวินทร์กล่าว จากนั้นมิกซ์ก็พูดเสริม
“ข้างในอารย-สนธยาก็มีเขตแดนที่คล้ายกับฮาบิแทชพอยท์แต่เป็นลดจำนวนการเกิดน่ะเลยทำให้สัตว์เทวะไม่ค่อยจะมี”
อิงศรรับกระป๋องเส้นก๋วยจั๋บเหล่านั้นมาดูฉลากมันเพิ่งจะหมดอายุมาได้ไม่กี่วันนี้เอง เขาวางกระป๋องทั้งหมดลงบนพื้นแล้วใช้ดาบสั้นแงะเปิดทีละอัน
เส้นข้างในยังแช่อยู่ในน้ำและไม่มีกลิ่นเปรี้ยว
“น่าจะยังกินได้แหละ”
อิงศรพูดแล้วเทเส้นในกระป๋องลงหม้อซุปไป
“แต่จะกินก๋วยจั๋บไม่มีเครื่องเนี่ยมันก็…”
แต่เดิมก็เป็นอาหารจำพวกเด่นที่เครื่องในสัตว์ฃและมีเส้นเป็นเครื่องประกอบอยู่แล้วการที่จะกินแต่เส้นอย่างเดียวคงไม่ค่อยอิ่มท้องนัก
“…”
อิงศรมองไปยังเหล่าครอบครัวพวกพ้องแล้วคิดว่าคงไม่มีใครบ่นหรอก
แต่หลังจากนี้ไปการต่อสู้อาจจะหนักหนาสาหัสขึ้นไปอีกสารอาหารที่ครบถ้วนเพื่อให้มีแรงไปต่อก็เป็นสิ่งจำเป็น
หลังจากเอาชนะยัลดาเบาธ์ลงพวกเขาก็เลเวลอัพขึ้นมาเหมือนกัน
แต่เพราะไม่ได้เป็นผู้ที่ลงดาบสุดท้ายด้วยตัวเองเนื่องจากพญาครุฑเข้ามาแย่งปิดฉากทำให้ค่าประสบการณ์ไม่ค่อยเต็มเม็ดเต็มหน่วยนักเลเวลจึงขยับขึ้นมาจากเดิมเพียงไม่มากนัก
อิงศร Lv.93 [/////12500:12500/////]
มิ่งขวัญ Lv.102 [/////25000:25000/////]
ฟู Lv.83 [/////15000:15000/////]
เน็กส์ Lv.83 [/////9100:9100/////]
เว้นแต่กลุ่มของกวินทร์ พลอย มิกซ์ นิว ที่ไม่ได้อยู่ในกลุ่มตอนที่จัดการกับมิตราพุทธะเลเวลที่ตามหลังพวกเขามาจึงขยับใกล้เข้ามา
มิกซ์ Lv.71 [/////7800:7800/////]
พลอย Lv.76 [/////8300:8300/////]
นิว Lv.71 [/////7300:7300/////]
กวินทร์ Lv.75 [/////10200:10200////]
อิงศรสำรวจทีมของตนจนกระทั่ง
“…”
สายตาไปสะดุดกับปีกแวมไพร์ของมิกซ์ซึ่งมีร่องรอยการต่อสู้จากการไปล่าอาหารฉีกแหว่งเป็นรูอยู่หลายจุด
“ปีกนั่นน่ะก่อนหน้านี้เหมือนมันเคยแหว่งหนักกว่านี้รึเปล่า”
อิงศรชี้ไปที่ปีกซึ่งก่อนหน้านี้เคยเห็นมันโทรมหนักกว่าสภาพปัจจุบัน
ได้ยินแบบนั้นมิกซ์ก็ดึงปีกที่ห้อยตกขึ้นมาด้วยมือเหมือนจงใจอยากให้เห็นแล้วพูดอธิบาย
“อ๋อ มันงอกใหม่ได้น่ะครับเหมือนเส้นผมน่ะแหละเมื่อก่อนจะใช้ถอนอันเก่าออกแต่มันเจ็บหลังๆพอทำให้มันหายไปได้เองแล้วก็เลยเลือกทำแบบนั้นมากกว่า”
“ถ้างั้นอย่าเพิ่งทำให้มันหายไปนะ”
อิงศรพูดพลางกระชับดาบในมือ ตอนนั้นเองที่มิกซ์เริ่มเอะใจว่ากำลังจะเกิดอะไรบางอย่างขึ้นกับตัวเอง
“เอ๋ เอ๋ จะทำอะไรน่ะพี่สอ….”
เด็กหนุ่มทำสายหวาดระแวงและเบ้หน้า แต่มือของอิงศรก็กุมไหล่เอาไว้จนนึกอยากจะหนีก็หนีไม่ได้แล้ว
อิงศรเงื้อดาบ
ทุกคนทำหน้าตกใจแต่คงพอเดาได้ว่าเขาจะทำอะไรจึงไม่ได้ห้ามเอาแต่ยืนส่งสายตาคอยลุ้นอยู่ห่างๆ มิกซ์เองก็เหมือนจะเข้าใจและยอมรับชะตากรรมนั้นจึงพูดว่า
“ค…ค่อยๆ ทำหน่อยนะครับ”
“…”
แต่อิงศรกลับหยุดมือไว้แค่นั้น
ไม่ใช่ว่าเกิดสำนึกขึ้นมาได้ว่าไม่ควรจะเอาครอบครัวตัวเองมาเป็นของกินอะไรเทือกนั้นเพียงแต่...
“ปกติถ้าโดนแวมไพร์กัดเนี่ยจะกลายเป็นแวมไพร์ด้วยใช่มะแล้วถ้าเอาแวมไพร์มากินเนี่ยมันจะเป็นยังไงเหรอ”
หลังคำถามมิ่งขวัญ มิกซ์ ฟู ทั้งสามคนก็ประสานเสียงขึ้นมาพร้อมๆ กัน
“หา?”
กวินทร์ชันคางอย่างใช้ความคิดแล้วตอบเหมือนเดาสุ่ม
“จะว่าไปก็เคยอ่านหนังสือที่ว่าถ้ามนุษย์ดื่มเลือดแวมไพร์หรือมนุษย์หมาป่าเข้าไปก็จะกลายเป็นอย่างนั้นๆ มาเหมือนกันนะครับ”
จากนั้นสายตาของอิงศรกับกวินทร์ก็ย้ายไปที่มิ่งขวัญแทน
“อะไรเล่าทำไมอยู่ๆ ก็มาจ้องกันซะงั้นล่ะ”
มิ่งขวัญพูดด้วยท่าทางหวาดหวั่นพลางกอดอกไปด้วยระหว่างที่พูด
แอบมองเห็นว่าน้องชายแขนขาสั่นในระหว่างนั้น
จู่ๆ จากที่ถกกันเรื่องของกินสถานการณ์ก็เปลี่ยนเป็นเรื่องน่าอกสั่นขวัญแขวนอย่างการกินกันเองแบบกลายๆ จะเครียดขึ้นมาคงไม่ใช่เรื่องแปลกแต่ที่เขาอยากถามน้องชายซึ่งกลายเป็นมนุษย์ต่างดาวนั้นเป็นอีกเรื่องที่ไม่เกี่ยวกัน
อิงศรพูด
“เอเลี่ยนเนี่ยกินข้าวด้วยรึเปล่า”
เรื่องของมนุษย์ต่างดาวเท่าที่รู้มาคือไม่มีน้ำตา ถ้าตายจะกลายเป็นปรอทแต่ก็ไม่รู้ว่าพวกนั้นกินอะไรเป็นอาหาร ขับถ่าย นอน ใช้ชีวิตประจำวันกันอย่างไร
แล้วกวินทร์ก็สันนิษฐานตามไปถึงเรื่องอื่น
“จะว่าไปแวมไพร์ของมิกซ์เนี่ยเป็นปีศาจสินะครับมนุษย์ต่างดาวไม่ถูกโรคกับปีศาจถ้ากินเข้าไปท้องจะเสียไหมหว่า”
มิ่งขวัญเบ้หน้าให้กับคำถามแล้วขึ้นเสียงตอบด้วยความโมโห
“ก็กินตามปกตินั่นแหละ!”
ทว่าไม่เพียงแค่มิ่งขวัญที่หัวเสียโซเดียมซึ่งไม่รู้ว่ามาตั้งแต่เมื่อไหร่ก็พูดเสริมมาเช่นกัน
“นอกจากนี้ก็ยังสามารถสังเคราะห์แสงเป็นพลังงานได้ด้วยแต่การกินดื่มมันจะอิ่มเร็วกว่าน่ะ”
กวินทร์ทำหน้าตกใจพร้อมกับพูดว่า
“เอ๋! แต่ไม่เห็นตัวจะเขียวเลยนี่นาไม่มีคลอโรฟิลด์ก็สังเคราะห์แสงได้ด้วยเหรอครับ”
ไม่รู้ว่านั่นเป็นคำถามที่ออกมาจากความไร้เดียงสาหรือหมอนี่ตั้งใจจะกวนประสาทกันแน่ถึงอย่างนั้นมิ่งขวัญก็ช่วยเขกกะโหลกโทษฐานปากเสียไม่เข้าเรื่องในรุ่นน้องไปแล้ว
“พวกฉันไม่ใช่ต้นไม้นะเฟ้ย!”
“โอ้ย!”
“…”
ทีนี้ก็ได้คำตอบเรื่องมนุษย์ต่างดาวแล้วต่อไปก็เดโมนอยด์...
อิงศรถามคำถามเดียวกันนั้นกับมิกซ์และฟูด้วย
“แล้วแวมไพร์กับมนุษย์หมาป่าต้องกินเลือดแทนรึเปล่า”
ตามเรื่องเล่าในตำนานนั้น มนุษย์หมาป่าก็เป็นประเภทเดียวกับแวมไพร์เป็นปีศาจที่คอยทำร้ายผู้คนยามวิกาลแล้วดูดเลือดสดๆ เป็นอาหาร
ถ้าเลือดของมนุษย์ก็มีแค่เขากับกวินทร์สองคนเท่านั้นจะพออิ่มท้องรึเปล่านะ
ถ้าโดนดูดเลือดแล้วจะกลายเป็นแวมไพรหรือมนุษย์หมาป่าไปด้วยไหมแต่แบบนั้นอาจจะดีกว่าก็ได้เปลี่ยนตัวเองเป็นสัตว์ประหลาดที่มีพลังมหาศาลเป็นเรื่องน่าสนใจไม่น้อย
ความใฝ่ฝันแบบเด็กๆ ยังคงมีอยู่ เคยคิดว่าอยากจะเป็นมนุษย์หมาป่าเพราะมันดูเท่ดีหมาป่าที่ปกป้องกระต่ายตัวน้อยในหนังสือนิทานสมัยเด็กที่เนื้อเรื่องค่อนข้างจะแหวกแนวไปหน่อย
เอาเถอะเขาชอบกระต่ายมากกว่าแล้วหมาป่าก็เป็นศัตรูทางธรรมชาติถ้างั้นแวมไพร์อาจจะดีกว่า
แต่เจ้าของคำตอบเหมือนจะไม่ได้ยินดียินร้ายกับคำถามนัก
“ตกลงคุยเรื่องอะไรกันอยู่เนี่ย”
เนื่องจากฟูทำหน้าไม่เข้าใจเรื่องที่พวกเขากำลังคุยกันดังนั้นมิกซ์จึงเป็นคนเดียวที่คาดหวังคำตอบได้
เด็กหนุ่มถอนหายใจพลางเกาหัวอย่างรำคาญปอยผมสีทองสะบัดพลิ้วไหวในตอนนั้น
“คือ...ถึงจะเป็นแวมไพร์หรือมนุษย์หมาป่าก็เถอะแต่พวกเราทำให้ใครเป็นปีศาจไม่ได้หรอก”
จากนั้นโซเดียมก็พูดตามมาอีกว่า
“แล้วก็ที่ไม่ถูกกับปีศาจน่ะเพราะคลื่นที่ปล่อยออกตอนที่ปีศาจโจมตีต่างหากล่ะซึ่งมีแต่เดม่อนแอพพลิเคชั่นที่ทำแบบนั้นได้”
สรุปก็คือทุกคนที่นี่ทั้งที่เป็นและไม่เป้นมนุษย์ยังคงต้องดื่มกินกันตามปกติ
อิงศรยิ้มเจื่อนแล้วถามเป็นอย่างสุดท้าย
“ถ้างั้นก๋วยจั๊บแวมไพร์เนี่ยคงจะกินกันได้สินะ”
อันที่จริงตอนที่ยังฝึกทหารอยู่ก็เคยต้องล่าสัตว์เทวะค้างคาวที่ดรอปปีกเป็นไปเอทมาต้มกินประทังชีวิตมาแล้วนี่ก็คงจะรสชาติไม่ต่างกันนัก
“...”
ไม่มีใครตอบคำถามเขาหรือแม้แต่จะแย้งทุกคนแค่ทำหน้ายิ้มเจื่อนตามๆ กัน
ดังนั้นจึงสรุปอย่างเป็นเอกฉันท์ว่าจะกิน
มิกซ์ถูกจับตัวไว้โดยฟูกับมิ่งขวัญ
อิงศรจับมีดแล้วเด็ดปีกแวมไพร์ออก
“อึ๊!”
มิกซ์ส่งเสียงร้อง
“ก็อย่าดิ้นสิ”
อิงศรพยายามที่จะลงมีดอย่างระวังที่สุดและกำชับให้ฟูกับมิ่งขวัญจับมิกซ์ให้แน่นขึ้น
“งื้อ~~~”
แวมไพร์หนุ่มส่งเสียงคราง
“นิ่งๆ หน่อยสิเดี๋ยวแทงลึกเกินไปก็ได้เจ็บหรอก”
“ง่า~~~~~”
....
ท่ามกลางความชุลมุนนั้น
พลอยซึ่งจ้องมองเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น
“สี่พี...เหรอ”
เด็กสาวเลียริมฝีปากขณะพึมพำเช่นนั้น
“หืม? มีอะไรรึป่าวครับพี่พลอย”
เน็กส์ถามแต่เธอก็ส่ายหัวแล้วบอกปัด
“ไม่มีอะไรจ๊ะ”
...
ผ่านไปอีกซักพักใหญ่
อาหารก็ทำเสร็จและถูกตักแจกจ่ายให้กับทุกคน
อิงศรตักให้ตัวเองเป็นคนสุดท้ายซึ่งอาหารก็หมดหม้อพอดี
จาน ชาม ช้อน ก็เป็นของที่เขากับกวินทร์พกติดตัวค้างมาตั้งแต่ที่ไปออกค่ายเก็บเลเวลกันเมื่อคราวก่อน
พวกเขานั่งล้อมวงโดยหาเอาก้อนหินมานั่งแทนเก้าอี้
ฟูที่นั่งก่อนใครตักชิ้นส่วนปีกแวมไพร์ที่หั่นเป็นชิ้นและโดนต้มจนเปื่อยเข้าปากเป็นคนแรกแล้วน้ำตาไหลพรากทันทีเมื่อกลืนคำแรก
“อึก...อร่อยมากเลยมิกซ์นายไม่เสียของแล้วล่ะหลับให้สบายนะ”
“ผมยังไม่ตายซะหน่อย!!”
มิกซ์ที่อยู่ข้างๆ กระแทกเสียงต่อว่าแต่ฟูทำเมินไม่สนใจ
ตอนนั้นเอง พลอยที่นั่งอยู่ฟากตรงข้ามซึ่งนั่งเรียงกันแต่พวกผู้หญิงเป็นลำดับแบบนี้
พลอย นิว อิซานามิ โซเดียม
ก็พูดพร่ำเพ้อกับตัวเองด้วยสายตาหยาดเยิ้มราวกับฝันหวาน
“ฟูกำลังกินมิกซ์ล่ะ”
ไม่รู้ว่าแถวนั้นไม่มีใครได้ยินเพราะมิกซ์กำลังตวาดเสียงดังใส่ฟูหรือเพราะไม่มีใครอยากจะสนใจกันแน่แต่อิงศรก็ไม่อยากจะสนเหมือนกัน
ทางมิกซ์ที่ต่อว่าฟูจนพอใจก็กลับไปนั่งที่แล้วจับช้อนตักอาหารในชามพลางบ่นต่อ
“ให้ตายสิต้องมากินครอบครัวตัวเองเพื่อให้อยู่รอดต่อไปเนี่ยมันแปลกเกินไปแล้วนะ”
พอกินชิ้นส่วนปีกตัวเองเป็นคำแรก
“อืม~~ รสดีเหมือนกันแฮะเราเนี่ย”
นายก็กำลังกินตัวเองอยู่ไม่ใช่รึไง!!...สายตาของทั้งวงกินข้าวส่งสัญญาณแบบนั้นออกมา
“…”
อิงศรมองวงกินข้าวตอนนี้แล้วก็รู้สึกเหมือนกับว่าบรรยากาศเก่าๆ ลอยกลับมา
เหล่าครอบครัวกับพวกพ้อง(กวินทร์)ต่างก็กินไปคุยไปอย่างสนุกสนานดูเหมือนจะสนิทกันแล้วแม้แต่มิ่งขวัญยังเหมือนลืมไปว่าตัวเองกลายเป็นมนุษย์ต่าวงดาว
แต่เอาเถอะที่นี่ก็ไม่มีคนธรรมดาอยู่เลยเหมือนกันแม้แต่เขากับกวินทร์ก็ยังเป็นมนุษย์ที่มีฟันเฟือง
....
ผ่านไปอีกพักหนึ่งหลังจากอิ่มท้องกันเป็นที่เรียบร้อย
ก็ช่วยกันทำความสะอาดภาชนะโดยอาศัยน้ำจากสกิล ถึงจะบอกว่าช่วยกันแต่พวกผู้หญิงก็ขอไปทำกันเองบอกว่าตอบแทนที่พวกผู้ชายออกไปล่าอาหารกันมาแน่นอนว่ามีแค่พลอย นิว กับ อิซานามิ เท่านั้นราชครูโซเดียมพยายามตีตัวออกห่าง
หลังผ่านช่วงกินข้าวมาได้ก็ดูเหมือนว่าทุกคนจะทำใจกับการจากไปของซากิริได้กันแล้วจึงสมควรแก่เวลาที่จะเริ่มทำในสิ่งที่ควรทำ
เขาเรียกเน็กส์
“เน็กส์มานี่หน่อย”
เด็กชายตัวเล็กพยักหน้าแล้วเดินตรงเข้ามา
ระหว่างนั้นอิงศรนึกถึงเรื่องที่เกิดขึ้นตอนที่สู้กับยัลดาเบาธ์
เขาจ้องมองเด็กชาย
“ตอนนั้นที่ร่ายมหาวาโยใส่กระแสน้ำที่ยิงไปโจมตีศัตรูน่ะคิดอะไรอยู่”
แล้วทำเสียงจริงจัง ทำใบหน้าจริงจังเหมือนเวลาอยู่ในกองทัพ
พอทำแบบนั้นเน็กส์ก็มีทีท่าเหมือนกับหวาดกลัวขึ้นมา
“คือ...คือว่า”
เด็กชายพูดทั้งที่ริมฝีปากสั่นดังนั้นอิงศรจึงพูดในสิ่งที่เขาคาดเดาเอาไว้แต่แรก
“ถ้ามันหนีไปแบบตอนนั้นลมก็จะพัดน้ำช่วยเพิ่มระยะโจมตีให้แต่ถ้าไม่ก็เป็นการสร้างความเสียหายเพิ่มไปอีกทางยังไงก็มีแต่ได้คิดอย่างงั้นสินะ”
“...”
เน็กส์พยักหน้าแค่ครั้งเดียวแล้วทำหน้าราวกับจะร้องไห้
ฟูกับมิกซ์ซึ่งแอบจับตาดูอยู่พอเห็นท่าทางเริ่มไม่ดีก็เตรียมจะเข้ามา
“ฟู มิกซ์ ไม่ต้องเข้ามา”
ทั้งสองทำหน้าตกใจกับคำพูดของเขา
แล้วฟูก็ถามว่า
“พี่ศรคิดจะทำอะไรกันแน่”
มิกซ์พูด
“นั่นสิทำไมถึงทำหน้าน่ากลัวแบบนั้นล่ะ”
ตอนนี้เริ่มจะส่อเค้าของความวุ่นวายขึ้นมาทั้งที่มันเพิ่งจะเริ่มเท่านั้นเอง
ที่ผ่านมาเพราะเขาคอยช่วยประคับประคองในการต่อสู้และเพราะว่าแต่ละคนต่างก็มีพลังที่ได้เปรียบและเป็นต่อศัตรูมาตลอดกลุ่มจึงยังไม่แตกสะเปะสะปะกันถึงขั้นเลวร้ายแต่หลังจากนี้ไป...
หากว่าการเคลื่อนไหวของพวกเขาคือแผนการที่ใครบางคนวางเอาไว้จริงแล้วล่ะก็จะต้องมีการต่อสู้ที่ยากลำบากและศัตรูที่แข็งแกร่งกว่าพวกปีศาจที่นึกดูถูกมนุษย์ออกมาอย่างแน่นอน
แล้วถ้าต้องเจอกับศัตรูที่เหนือกว่าชนิดที่ต้องร่วมมือกันต่อสู้เท่านั้นกลุ่มของครอบครัวในตอนนี้ยังไม่มีวินัยแล้วก็ความอดทนพอจะต้องแตกพ่ายอย่างแน่นอน
เพียงแค่เขาเริ่มไล่ต้อนคนที่อ่อนแอที่สุดคนอื่นๆ ก็ทำท่าจะแตกตื่นกันแล้วหากว่าคนที่ไล่ต้อนเน็กส์อยู่ในตอนนี้ไม่ใช่เขาล่ะ ถ้าอย่างนั้นเน็กส์ก็คงจะถูกฆ่าตายทันทีเหมือนกัน
อิงศรเริ่มตำหนิเด็กชายอีก
“ถ้าตอนนั้นน้ำที่ถูกลมพัดจนเกิดกระจายหนักขึ้นคนอื่นๆ ที่อยู่ข้างหน้าก็จะโดนไปด้วยแล้วถ้าเกิดว่าระหว่างนั้นศัตรูโจมตีกลับมาล่ะ ถ้าเกิดว่าทุกคนที่อยู่ตรงนั้นตายขึ้นมาเพราะฝีมือนายล่ะเคยคิดถึงตรงนั้นรึเปล่า”
ไม่จำเป็นต้องรอให้ตอบเขาก็พอจะรู้แล้วว่าเด็กชายไม่ได้คิดไปถึงขนาดนั้นเพราะว่าเน็กส์
“ฮึก...ผม....ผมขอ...โทษ..ฮึก”
ร้องไห้แล้ว
“อย่าร้องสิ!”
อิงศรตะหวาดพร้อมกับกุมมือที่ไหล่ทั้งสองข้างของเด็กชายมันสั่นไม่หยุดแล้วก็เริ่มจะร้องไห้หนักขึ้น
รู้สึกได้ทันทีว่าสายตาของทุกคนกำลังจับจ้องมาแต่ไม่มีใครเข้ามายุ่ง
อิงศรลดระดับเสียงลงพยายามปั้นหน้าใหม่ให้ดูใจดีขึ้น
“เน็กส์อย่าร้องไห้ร้องไปก็ทำอะไรไม่ได้ นายรู้ตัวแล้วใช่ไหมว่าผิดน่ะ”
เด็กชายพยักหน้าที่เขรอะไปด้วยน้ำตา
“ฮะ..”
“งั้นคราวหน้าคิดถึงทุกคนให้มากกว่านี้แล้วค่อยตัดสินใจนะถ้าทำแบบนั้นได้นายจะเป็นโอเปอเรเตอร์ที่ช่วยพี่ได้มากเลยล่ะ”
อิงศรปล่อยมือจากไหล่แล้วเน็กส์ก็เริ่มเช็ดหน้าตัวเองเข้ากับแขนเสื้อ
พอแน่ใจว่าเด็กชายหยุดร้องไห้แล้วระหว่างนั้นพวกผู้หญิงก็ล้างภาชนะเสร็จพอดี
เขาจึงเรียกให้ทุกคนมา
“ช่วยมารวมกันทีจะประชุมหารือน่ะ”
***เจอกันใหม่วันอังคารหน้านะคร้าบบ***
นิยายที่ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ

318 ความคิดเห็น
-
#134 MoePunCH (จากตอนที่ 136)วันที่ 29 กรกฎาคม 2560 / 11:40ฟูโดนปฏิเสธเพราะงี้เอง5555#1340
-
#133 raigeki (จากตอนที่ 136)วันที่ 29 กรกฎาคม 2560 / 09:56ทำไมมันดูเหลืองๆหว่า ตอนนี้#1331
-
#133-1 R@ji(จากตอนที่ 136)29 กรกฎาคม 2560 / 10:11.มันเป็นเพียงอิเมจิ้นของพลอยเท่าน้านนเอ๊งง(เสียงสูง)#133-1
-