ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    Apocalypse Online เกมโกงวันโลกาวินาศ

    ลำดับตอนที่ #110 : Login 107: เส้นยาแดงผ่าแปด

    • เนื้อหาตอนนี้เปิดให้อ่าน
    • 378
      17
      11 พ.ค. 60

    Login 107: เส้นยาแดงผ่าแปด

     

                กวินทร์ใช้แขนเสื้อปาดเม็ดเหงื่อที่ผุดเต็มหน้าผากออก

                อุณหภูมิรอบๆ ซากโบสถ์สูงขึ้นมาอย่างรวดเร็ว

                บางทีอาจจะเกินสี่สิบองศาไปแล้วก็ได้

                สาเหตุมาจากแสงรัศมีที่ปีศาจตนหนึ่งปล่อยออกมา

                เบื้องหน้ากวินทร์คือปีศาจซึ่งมีร่างเป็นรูปปั้นหญิงนักบุญกำลังอุ้มจอกที่ใส่เด็กทารกไว้ ตัวเด็กเองก็เป็นรูปปั้นเช่นเดียวกันรวมถึงจอกด้วย ฐานของรูปปั้นนักบุญเชื่อมต่อกับโครงสายหินจำนวนเจ็ดเส้นที่ยึดรูปหล่อทองคำของเทวทูตกำลังถือคันแตรอยู่ในมือ

                ถ้าจะให้เปรียบจากที่เรียนมาในชั่วโมงปีศาจศาสตร์ของเมตไตรยแล้วเจ้าสิ่งนี้น่าจะเรียกว่ารูปปั้นพระแม่มารีย์หรืออะไรทำนองนั้นแต่ปีศาจกลับบอกว่ามันคือ ‘ยฮวฮ’

                กวินทร์เหลือบตาไปมองซากิริ ตอนนี้เขารู้แล้วว่าทำไมหล่อนถึงได้มีท่าทางตกอกตกใจกับการปรากฏตัวของปีศาจตนนี้เพราะหล่อนเป็นเทวทูตแล้วยฮวฮก็เป็นชื่อของพระเจ้าถ้าว่ากันตามไบเบิลแล้วปีศาจตนนี้ก็เป็นเจ้านายของเธอ

                ทว่า ซากิริกับเปลี่ยนท่าที...

                หล่อนเก็บสีหน้าตกตะลึงเมื่อครู่ไปแล้วตั้งคำถามกับปีศาจว่า

                “อ้างพระนามสูงสุดเลยเหรอน่าสนใจนี่ แต่มันก็ยังมีข้อที่น่าสงสัยอยู่นะว่าเจ้าจะใช่ยฮวฮจริงๆ รึเปล่า”

                ดูเหมือนว่าหล่อนจะไม่ได้ปักใจเชื่อที่ปีศาจพูดมาเต็มร้อย

                ”ถ้าสามารถตรวจสอบมันได้ล่ะก็แต่โชเน็นก็ไม่อยู่ที่นี่ด้วยสิ”

                กวินทร์ค่อนข้างเห็นด้วยกับคำพูดตัดพ้ออย่างน่าเสียดายนั่น

                ถ้าหากว่าพี่นรินทร์อยู่ที่นี่สถานการณ์อาจจะน่าชื่นใจกว่านี้

                เด็กหนุ่มหันไปมองความหวังสุดท้ายซึ่งยังไม่ตื่นขึ้นมา

                อิงศรยังคงสลบอยู่บนหน้าตักของพลอยและที่ตรงนั้นเองสายตาก็เหลือบไปเห็นอิซานามิหญิงสาวชุดจีนที่บอกว่าตัวเป็นปีศาจจากตำนานพื้นบ้านของญี่ปุ่นซึ่งขัดกันอย่างเห็นได้ชัดทำไมหล่อนถึงไม่ใส่กิโมโนหรืออะไรที่มันดูเข้ากับชาติกว่านี้นะแต่หล่อนเป็นปีศาจ...

                สามัญสำนึกของมนุษย์คงเอามาใช้ตัดสินอะไรไม่ได้รวมถึงเรื่องที่ตอนนี้หล่อนกำลังจ้องอิงศรตาเป็นมัน

                “ท่าทางจะต้องไปช่วยนะเนี่ย”

                เขาได้ยินอิซานามิพึมพำออกมาแบบนั้น

                แต่จะช่วยอะไร? หรือคิดจะช่วยปลุกพี่ศรขึ้นมากันนะ...กวินทร์คิด

                จากนั้นอิซานามิก็จับแขนอิงศรขึ้นมาถือแล้วทำปากเหมือนกับพึมพำอะไรบางอย่างแต่เสียงมันเบามากจนเขาไม่ได้ยิน

                ตอนที่พยายามจะเงี่ยหูฟังอยู่นั่นเองก็มีเงาคนพุ่งขึ้นมาจากหลุมห้องใต้ดินที่ซากิริกับอิซานามิเคยเข้าไปหลบ มีด้วยกันสองคน...

                คนหนึ่งเป็นผู้หญิง ไม่สิเป็นมนุษย์ต่างดาวต่างหากแถมยังเป็นชั้นราชครูด้วยเลเวลของเธอมันบอก

     

    Sodium Lv. 144

    [/////49500:49500/////]

     

                ราชครูตนนั้นคล้ายกับคนที่เคยสู้ด้วยตอนไปปล่อยตัวมนุษย์ NPC กับตอนที่เกิดเรดบอสกับค่ายที่กรุงเทพ ราชครูมนุษย์ต่างดาวลำดับที่ห้าโซเดียม แต่นั่นก็แค่คนที่เหมือนกันเท่านั้นเพราะโซเดียมได้ตายไปแล้วในวันที่เกิดเรดบอสที่ค่ายกรุงเทพเธอคนนี้ดูเหมือนจะเป็นราชครูคนใหม่ที่มาแทนเป็นคนที่ค่อนข้างซุ่มซ่ามต่างจากคนก่อนลิบลับ

                “ในที่สุดก็เจอทางออกซักทีนะคะ”

                โซเดียมคนนั้นพูดด้วยใบหน้าที่มอมแมมเครื่องแบบราชครูก็มอมแมมเปื้อนทั้งคราบน้ำคราบดินโคลนเหมือนไปลุยท่อที่ไหนมาบางทีคงจะเป็นอุโมงค์ใต้ดินที่พวกเขาเคยผ่านมานั่นก็ได้

                แล้วก็อีกคนที่ตามโซเดียมออกมากลับเป็นมนุษย์

                กวินทร์รู้จักชายคนนั้น เขาคือพันเอกพิจิก ธุวดารกะ

                พันเอกพิจิกก็สบักสะบอมพอกันแต่พอลองดูให้ดีที่เหมือนว่าจะไปคลุกฝุ่นคลุกดินมาก็ไม่มีบาดแผลบนตัวเลยหรือต่อให้มันหายดีแล้วเพราะไดรับการฟื้นฟูก็ควรจะมีรอยฉีกขาดของเสื้อหลงเหลืออยู่บ้างแต่นี่กลับไม่มีดังนั้นน่าจะเป็นไปได้ว่าชายผู้น่าสมเพชคนนี้ร่วมมือกับมนุษย์ต่างดาวเพื่อหนีออกมาจากอุโมงค์ใต้ดิน

                “ตกใจแทบตายแน่ะตอนที่ทางออกถล่มลงมาโชคดีจังที่มีทางเชื่อมมาห้องใต้ดินนี่อยู่ด้วยน่ะ”

                พิจิกพูด

                สรุปว่าเป็นไปตามที่คาดเดาไว้อย่างนั้นสินะ...กวินทร์คิด

                เขาเองก็พอจะรู้มาบ้างว่าพิจิกเป็นธุวดารกะที่ไม่เอาไหนบางทีอาจจะรู้มากกว่าอิงศรที่ไม่ค่อยสนใจเรื่องพวกนี้เสียด้วยซ้ำ

                ตอนนั้นเองยฮวฮก็เริ่มเคลื่อนไหว

                รูปหล่อเทวทูตทั้งเจ็ดกำลังขยับ พวกมันเอาแตรใส่ปากแล้วก็เริ่มเป่า

                เสียงแตรดังกังวานค่อยๆ ดังขึ้น

                ดังขึ้น

                ดังขึ้น

                ดังจนแสบแก้วหู

                กวินทร์ยกมือขึ้นปิดหูตัวเองทันทีคนอื่นๆ ก็ทำแบบเดียวกัน

                เสียงแตรดังกระหึ่มแถมยังแหลมสูงเหมือนเป็นเสียงกรีดร้องเสียมากกว่า

                แล้วก็ไม่รู้ว่าทำไมถึงรู้สึกอ่อนเพลีย เรี่ยวแรงเหือดหายไปอย่างเป็นปริศนา

                หรือจะเป้นเพราะเสียงพวกนี้...กวินทร์ได้แต่คิดแบบนั้น

                “…”

                จากนั้นก็หมดสติไป

                ...

     

                ที่โลกฝั่งโน้น บนรากของอาคาชิกเรคคอร์ด

                อิงศรเพิ่งจะใช้แอพพลิชั่นปีศาจของนรินทร์ไป

                ‘เจ้า...ไม่ใช่นรินทร์นี่’

                เสียงของปีศาจดังก้องอยู่ภายในหัวอิงศรจึงตอบกลับไปว่า

                “ช่างเถอะตอนนี้ขอยืมพลังก่อนเรื่องเจ้านายแกพูดแล้วมันยาว”

                ปีศาจนิ่งเงียบไปครู่หนึ่งคงกำลังชั่งใจอยู่ถึงค่อยตอบกลับมา

                ‘เอาเถอะข้าก็รู้ตั้งแต่ตอนที่เจ้ามาจับถูกตัวข้าแล้วเพราะข้าคือนัยน์ตาแห่งการทำนายนี่นะแล้วก็เพื่อแลกเปลี่ยนกับการให้เจ้าไปช่วยเจ้านายของข้าจะยอมให้ยืมพลังก่อนก็ได้’

                “ขอบใจมาก”

                อิงศรวิ่งอยู่บนถนนด้วยกำลังขาของตัวเองด้านหลังปีศาจที่ชื่อโลกิกำลังไล่ตามมา หลังจากลาพาสตอบรับคำขอร้องร่างปีศาจโครงกระดูกของมันก็ปรากฏขึ้นตรงหน้า

                พอเขาวิ่งมันก็ลอยถอยหลังห่างออกไปด้วย

                “นายคือ...ปีศาจของนรินทร์เหรอ”

                “…”

                โครงกระดูกพยักหน้าตอบรับคำพูดของเขาแล้วประสานมือขึ้นเหนือศีรษะเรียกเอาแว่นตาแบบที่นรินทร์ใส่อยู่เสมอตอนที่สู้ออกมา แว่นตาปีศาจลาพาส

                โครงกระดูกสวมแว่นนั้นให้และหายไป

                เมื่ออิงศรหันกลับไปมองปีศาจที่ไล่ตามมาข้อมูลของก็เริ่มปรากฏขึ้นมาให้เห็นเป็นตัวหนังสือลอยกลางอากาศ

                นี่คือภาพที่นรินทร์เห็นอยู่เสมอเหรอ...อิงศรคิด

                จากนั้นก็ลองหันไปมองปีศาจตนอื่นที่กำลังสู้กับซีลอร์ดบ้าง ที่กำลังสู้กับโอดินบ้าง

                ข้อมูลของปีศาจทั้งหมดปรากฏออกมา อิงศรเริ่มอ่านชื่อของปีศาจเหล่านั้น

                “จอมมารโลกิ สัตว์อสูรเฟนริล วิญญาณร้ายอลิส แล้วก็...”

                นอกจากข้อมูลของปีศาจแล้วสายตาของเขาก็ไปสะดุดเข้ากับเส้นสีดำที่ลอยอยู่เหนือตัวปีศาจแต่ละตนเส้นพวกนั้นเชื่อมติดกับสันคอและทอดยาวขึ้นไปข้างบนสูงไปถึงท้องฟ้ามันยังทอดยาวออกไปอีกแต่สูงกว่านั้นก็มองไม่เห็นแล้ว

                “เจ้าเส้นดำๆ นั่นมันอะไรกัน”

                เขาถามลาพาส

                จากนั้นก็มีเสียงตอบคำถามดังก้องอยู่ในหัว

                ‘นั่นสิ...น่าแปลกที่ข้าเองก็มองไม่ออกเช่นกันเป็นครั้งแรกไม่สิครั้งที่สองแล้วครั้งแรกคือตอนที่นรินทร์ขอให้ข้าตรวจสอบเครื่องทำสวนศักดิ์สิทธิ์ที่เจ้าเป็นผู้ขับเคลื่อนบางทีเจ้าสิ่งนี้อาจจะมีพลังในการปกปิดระดับเดียวกันก็ได้ เท่าที่ข้าจะบอกได้ก็คือมีพลังงานบางอย่างส่งผ่านสิ่งนั้นไปยังพวกปีศาจและควบคุมมัน’

                “หมายความว่าเจ้าสามตัวนี้โดนเชิดอยู่อย่างนั้นเหรอ”

                ‘จะว่าแบบนั้นมันก็ใช่’

                “งั้นถ้าตัดมันได้เจ้าพวกนี้ก็อาจจะหยุดสินะ”

                อิงศรดึงเส้นเอ็นโก่งคันธนูจนงอแล้วหมุนตัว เมื่อลูกศรเพลิงปรากฏขึ้นบนโก่งคันธนูแล้วก็ปล่อยมือแผลงลูกศรยิงตัดเส้นสีดำของปีศาจแต่มันกลับทะลุผ่านไป

                ‘ไม่ได้ผลหรอกสิ่งนั้นไม่ได้มีตัวตนอย่างที่เจ้ามองเห็นมันไม่เพียงอำพรางตัวเองแต่ยังไม่มีกระทั่งสสารให้ทำลายได้การที่เจ้ามองเห็นมันเพราะอำนาจเปิดสิ่งที่ปิดบังออกไปของข้าเท่านั้น’

                พอได้ฟังที่ลาพาสพูดอิงศรก็เดาะลิ้นอย่างหงุดหงิด

                “ชิ แปลว่ามองเห็นก็ทำอะไรไม่ได้อยู่ดีสินะ”

                แล้วออกวิ่งต่อ

                ตอนนี้มีแต่ต้องกำจัดปีศาจพวกนี้ด้วยกำลังเท่านั้นพอคิดแบบนั้นแล้วเด็กหนุ่มก็หันไปจ้องมองร่างกายมหึมาของหมาป่าปีศาจเฟนริลแล้วตัดพ้ออย่างเหนื่อยหน่าย

                “ถึงจะบอกให้จัดการก็เถอะแต่แบบนี้ไม่ไหวหรอกไม่มีวิธีรับมือกับพวกมันบ้างเลยเหรอ”

                ‘ทั้งสามตัวเป็นประเภทเคออสถ้าใช้การโจมตีของปีศาจสายลอว์ก็จะได้เปรียบพวกมัน’

                อิงศรเบ้หน้าเพราะลาพาสพูดเรื่องประหลาดออกมา เขาไม่เข้าใจมันเลยซักนิด

                “ห๊ะ? เคออส... ลอว์.. อะไรกันน่ะนั่นพูดถึงเรื่องอะไรอยู่เนี่ย”

                ‘เป็นประเภทของปีศาจน่ะไม่รู้จักเหรอ’

                “ถ้าแค่ธาตุก็พอจะรู้อยู่แต่ไอ้เคออสหรือลอว์อะไรนั่นไม่เห็นเคยได้ยินเลย”

                ‘คืองี้นะปีศาจน่ะนอกจากธาตุแล้วก็ยังจำแนกออกตามประเภทของปีศาจที่ให้คุณกับโทษหรือไม่ก็เป็นกลาง ประเภทเคออส (Chaos) คือคุณลักษณะของปีศาจที่ชั่วร้ายจะอ่อนแอต่อประเภท ลอว์ (Law) ที่เป็นปีศาจจำพวกวิญญาณศักดิ์สิทธิ์หรือพวกที่มีหน้าที่ธำรงกฎแห่งความเป็นไป’

                ลาพาสอธิบายมารวดเดียวจนเกือบจะตามไม่ทัน ไหนยังจะต้องวิ่งหนีปีศาจอีกระหว่างที่ตั้งใจฟังไปพร้อมกับวิ่งอย่างเอาเป็นเอาตายปีศาจก็ไล่หลังมาติดๆ

                ต้องรีบหาทางจัดการกับสถานการณ์นี้ซะก่อนคิดดังนั้นแล้วอิงศรก็เร่งฝีเท้าพร้อมกับมองหาโอกาสตอบโต้เขากวาดสายตามองไปทั่ว

                ข้างหน้าที่กำลังจะวิ่งไปเป็นสี่แยกเขาจะเลี้ยวขวาตรงนั้นแล้วเตรียมการโจมตีสำหรับหยุดการเคลื่อนไหวเอาไว้ช่วงห่างของระยะทางน่าจะพอทำให้ปีศาจไม่ทันระวังตอนที่เลี้ยวตาม

                อิงศรวิ่งมาถึงสี่แยกเขาเลี้ยวขวาพร้อมกันนั้นก็ดึงยันต์กระดาษออมาจากแขนเสื้อหลายแผ่น ง้างธนูแล้วหนุนตัวกลับเตรียมพร้อมให้ปลดปล่อยสกิลได้ทุกเมื่อ

                ทันทีที่ปีศาจโผล่หน้าออกมาถึงทางเลี้ยวจะใช้ ’ชาร์คชู้ต’ ยิงซัดให้ชะงักไปก่อนแล้วร่าย ’ชาร์คแฟงค์ฟรอสไบท์’ เพื่อแช่แข็งมันคอมโบนี้นน่าจะหยุดมันไปได้ซักพัก

                มาเลยเซ่...อิงศรคิดในใจ

                “...”

                แต่ปีศาจกลับไม่ตามมา

                ทำไม...

                วินาทีถัดมาอิงศรก็รู้ตัวประสาทสัมผัสอันเฉียบคมจับสัญญารอันตรายได้มันมาจากทางด้านบน

                เด็กหนุ่มเงยหน้าทันที

                ปีศาจบินอยู่ข้างบนนั่นกางมือที่เต็มไปด้วยเล็บยาวโง้งราวกับดาบและเปล่งเสียงหัวเราะน่าหมันไส้ออกมา

                “ฮะๆๆ มนุษย์นี่น้า~~”

                พูดแบบนั้นและกำลังดิ่งลงมา

                แต่อิงศรตอบโต้ทันควันยกคันธนูที่โก่งรอขึ้นไปด้านบนแล้วร่ายสกิล

                “บัพ-แอโร่ว”

                แผลงลูกศรที่กลายเป็นมหิงสาเพลิงพุ่งขึ้นไปขวิดใส่ปีศาจจนร่างลอยกระเด็น

                ในตอนนั้นเอง...

                ตอนที่คิดว่าจะซัดคอมโบแช่แข็งเพื่อหยุดยั้งโลกิก็พลันมีเสียงหวีดของเลื่อยไฟฟ้าดังใกล้เข้ามา

                พอหันไปตามเสียงนั้น...

                เลื่อยไฟฟ้าก็เหวี่ยงเข้ามาเกือบจะถึงใบหน้า ถ้าไม่หันมาก็คงโดนฟันคอขาดแต่จะอย่างไหนก็ตายอยู่ดี

                มาคิดตอบโต้เอาตอนนี้ก็สายเกินไปเสียแล้ว

                “กู๊ดไนท์นะพ่อหนุ่มฟันเฟืองเลือก”

                ปีศาจเด็กสาวที่เหวี่ยงเลื่อยไฟฟ้าใส่พูดมาแบบนั้นที่จริงหล่อนควรจะต้องสู้อยู่กับซีลอร์ดไม่ใช่รึไง

                เลื่อยไฟฟ้าอยู่ห่างจากใบหน้าแค่ไม่กี่เซนติเมตร

                ยัยเด็กปีศาจตัวเล็กกว่าแต่อาศัยกระโดดแล้วหมุนตัวเหวี่ยงเลื่อยเข้ามาทั้งที่ตัวลอยอยู่และเพราะแบบนั้นน่ะเอง...

                “อ้าวๆ ยะตัวให้มันดีๆ หน่อยน่อแล้วก็ปิ๊กมาหาแม่ซะมามะ”

                สำเนียงเหน่อกับภาษาเหนือก็ดังขึ้นมาและช่วยชีวิตอิงศร

                อิซานามิปรากฏตัวขึ้นด้านหลังเด็กปีศาจคว้าคอเสื้อเธอไว้แล้วกระชากออกก่อนจะเหวี่ยงไปกระแทกกับอาคารดังโครม

                อิซานามิหันมาส่งยิ้มให้พลางกล่าวด้วยความยินดี

                “เส้นยาแดงผ่าแป๊ดเลยล่ะน่อ”

    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    นิยายที่ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×