คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #107 : Login 104: The Almighty
Login
104: The Almighty
...และแล้วเวลาก็มาบรรจบกันที่ปัจจุบัน
“อาวุธถูกทำลายสกิลท่าไม้ตายก็คูลดาวน์ตัวฉันในตอนนี้ไม่เหลือไพ่ในมือที่จะใช้พลิกสถานการณ์แล้วจริงๆนั่นแหละ”
ไทเทเนียมพูดมาอย่างนั้น
หลังจากอิงศรใช้พลังของอาคานาร์กับแอพพลิเคชั่นปีศาจก็สามารถทำลายการผสานอันไร้เทียมทานของมาสเตอร์แวริเอเบิลเอ็นด์ลงได้ในที่สุดแต่มันก็แลกมาด้วยการใช้แรงกายทั้งหมด
เนื่องจากโอดินไม่ยอมทำตามที่สั่งจึงต้องฝืนใช้พลังของปีศาจเองด้วยอาคานาร์เดอะทาวเวอร์และรับความเสี่ยงด้านการจ่ายพลังงานจนทำให้ตกอยู่ในสภาพอ่อนกำลังเช่นนี้
อิงศรขาเริ่มสั่นเพราะอาการอ่อนแรงจนทรุดเข่าลงกับพื้น
มือไม้เองก็สั่นไปหมดอย่าว่าแต่จะสู้เลยแค่ตอนนี้แรงจะจับอาวุธยังแทบไม่มีเหลือ
เมื่อกี้มนุษย์ต่างดาวพูดเองว่าตัวมันไม่เหลือหนทางจะพลิกสถานการณ์แล้ว
แต่ตอนนี้มันเป็นสถานการณ์แบบไหนกันล่ะ ?
พวกเขากำลังได้เปรียบอยู่จริงๆ
น่ะเหรอ
อิงศรเหลือบสายตากลับไปมองครอบครัวอยู่แวบหนึ่ง
แล้วตระหนักว่าทุกคนต่างก็สะบักสะบอมกันหมดเพราะช่วงก่อนจะทำลายการผสานลงได้ก็ตกอยู่ท่ามกลางลำแสงของมาสเตอร์แวริเอชั่นจนบาดเจ็บไปตามๆ
กัน ในขณะที่อีกฝ่ายไม่มีแม้แต่รอยขีดข่วน
มิหนำซ้ำยังทำหน้าตาระรื่นได้ทั้งที่บอกว่าตัวเองจนตรอก
เป็นคำพูดที่ฟังดูน่าเชื่อดีนะ...
“…”
อิงศรคิดอย่างประชดประชันแต่ตอนนี้ไม่เหลือกระทั่งเรี่ยวแรงจะพูด
เด็กหนุ่มเริ่มต้องใช้มือยันพื้นเพื่อให้ร่างกายทรงตัวอยู่
ภาพจากดวงตาพร่ามัวลงเล็กน้อย
เขาเห็นเหมือนมนุษย์ต่างดาวแยกออกเป็นหลายคน ถูกอาการวิงเวียนจู่โจมเข้าเสียแล้ว
จะหมดสติเมื่อไหร่ก็ขึ้นกับเวลาเท่านั้น
ตอนนั้นเองไทเทเนียมก็เริ่มพูด
“แต่ว่านะมันก็มีไอเทมที่จะสวมใส่ได้ต่อเมื่อไอเทมเดิมถูกทำลายอยู่เหมือนกันเป็นไอเทมที่มีเงื่อนไขการใช้งานยุ่งยากแต่พลังน่ะเป็นของจริง”
เอาแล้วไง...
อิงศรคิด ทันทีที่ได้ยินคำพูดของไทเทเนียม
อีกฝ่ายนั้นเตรียมแผนรับมือ
ไม่สิ ก็ตั้งใจให้มันเป็นแบบนี้อยู่แล้วพวกเขาแค่เต้นไปตามแผนของศัตรูเท่านั้น
มนุษย์ต่างดาวเปิดหน้าจอที่น่าจะเป็นคลังเก็บของแล้วดึงเอาสิ่งของบางอย่างออกมาจากที่นั่น
หล่อนจับสิ่งนั้นเหมือนกำด้ามดาบและดึงมัน
ลากเอาส่วนที่เป็นใบดาบขนาดใหญ่ออกมา
“ติดตั้งดาบอสูรแห่งจุดจบอาร์มาอิติ
(Armaiti)”
แล้วทิ้งให้ปลายดาบทิ่มลงไปบนพื้นน้ำหนักมากถึงขนาดทำให้พื้นยุบตัวแตกในทันทีและปลายดาบก็ฝังลงไปลึกพอสมควร
ช่วงของใบดาบค่อนข้างกว้างแบบ
บรอดซอร์ดแบบที่ใช้สำหรับทุบชุดเกราะอัศวินที่แทงเข้าได้ยากให้บุบสลายได้และยังสร้างความเสียหายภายในอย่างรุนแรง
แต่พลังของดาบเล่มนี้น่าจะไม่ใช่แค่ทุบชุดเกราะแต่อาจจะเป็นบดขยี้พื้นผิวโลกแทนก็ได้อิงศรประเมินไว้อย่างนั้น
ไทเทเนียมเกร็งข้อมือที่กำด้ามดาบไว้เหมือนกำลังพยายามดึงดาบขึ้นมา
ถึงตรงนี้สติของอิงศรก็หลุดลอยไปแล้ว
เด็กหนุ่มล้มฟุบแต่ก่อนที่ทุกอย่างจะกลายเป็นความเงียบก็ได้ยินเสียงเรียก
"ศร!!"
เสียงของมิ่งขวัญ
แต่มันก็ไกลออกไปและกลายเป็นความเงียบ
มิ่งขวัญในร่างอัศวินทองคำทะยานตรงเข้ามาทันทีที่อิงศรล้มลง
จากนั้นตรงหน้าไทเทเนียม...
กวินทร์ก็ออกมาขวางไว้พร้อมกับดาบไฟฟ้าและน้ำแข็งที่ร่ายทิ้งไว้มาซักพักแล้ว
"พอแค่นี้เถอะพี่ฟ้าไม่มีเหตุผลที่เราต้องมาสู้กันเลยถึงจะเป็นมนุษย์หรือมนุษย์ต่างดาวมันก็ไม่ต่างกันหรอก"
เด็กหนุ่มยังคงหวังจะเกลี้ยกล่อมอยู่แต่ไทเทเนียมบิดเบี้ยวเกินกว่าจะย้อนกลับไปแล้ว
หล่อนพูดตอบ
"มีสิเหตุผลน่ะไม่ใช่มนุษย์กับมนุษย์ต่างดาวหรอก
แต่เป็นเรื่องของเกมเมอร์กับพวกสามัญชนที่ไม่มีวันเข้าใจความสูงส่งของโลกใบนี้พวกที่ไม่เข้าใจความเมตตาของท่านแฟรนเซียมต่างหากที่ควรจะหายไป"
แล้วดึงดาบขึ้นมาจากหลุมบนพื้นกวัดแกว่งมันราวกับไร้น้ำหนัก
ทุกครั้งที่หวดดาบก็จะเกิดสายลมกรรโชกพัดออกมา
ดาบที่มีน้ำหนักถึงขนาดนั้นถ้าใช้ความเร็วก็เอาชนะได้ถึงอีกฝ่ายจะแกว่งมันแบบสบายๆ
ให้ดูแล้วก็ตามแต่ความคล่องตัวดูจะตกลงไปเพราะถ้าเป็นตามปกติแล้วสายตามนุษย์คงมองตามการแกว่งอาวุธของมนุษย์ต่าวดาวระดับไทเทเนียมไม่ทันหรอก
กวินทร์กำดาบแน่น
เขาต้องหาช่องว่างเพื่อโจมตีอย่างน้อยที่สุดก็ตัดแขนตัดขาให้ได้ก่อนถึงจะไม่อยากทำร้ายเธอแต่การจะหยุดยั้งมนุษย์ต่างดาวที่มีพลังเหนือมนุษย์มันก็มีแค่วิธีนี้เท่านั้น
จังหวะที่เริ่มหวดดาบน่าจะเป็นโอกาส
กวินทร์คิดเช่นนั้นแล้วก็รอให้ไทเทเนียมเป็นฝ่ายบุกเข้ามาถึงตอนนั้นแล้วเขาจะตอบโต้ให้จบในครั้งเดียว
"คงจะคิดอยู่สินะว่าฉันจะใช้ดาบนี่ฟันเข้าไปหาน่ะ"
จู่ๆ
ไทเทเนียมก็พูดออกมาแบบนั้น
ไม่เข้าใจว่าหล่อนต้องการจะสื่อถึงอะไรกันแน่
ตอนนั้นเองไทเทเนียมก็เงื้อดาบขึ้น
"..."
กวินทร์ตั้งท่าเตรียมแต่ว่า...
ระยะห่างจากจุดที่ไทเทเนียมยืนอยู่นั้นยังห่างกันเกินกว่าที่ดาบจะฟาดมาถึงหรือจงใจจะโจมตีร่วมมากับสกิล
?
คิดได้ดังนั้นกวินทร์ก็เอาดาบทั้งสองมือมาวางทับกันแล้วยื่นออกไปด้านหน้าให้ข้อศอกกางออกสี่สิบห้าองศา
เป็นท่าตั้งรับที่เรียนมาจากอาจารย์สอนดาบตอนอยู่ค่ายฝึกทหารเมตไตรย
ท่านี้จะใช้ดาบรับการโจมตีของศัตรูแล้วอ่านทางในชั่วพริบตาว่าจะหลบออกไปทางไหนเป็นท่าตั้งรับแบบใช้ความอ่อนสู้ความแข็ง
ซึ่งกับมนุษย์ต่างดาวที่มีพลังกล้าแข็งกว่านี่เป็นยุทธวิธีรับมือที่พื้นฐานที่สุดของนักดาบสายเมตไตรยก็ว่าได้แล้วตอนนี้เด็กหนุ่มก็มีแต่เพลงดาบที่ร่ำเรียนมาให้พึ่งพาเท่านั้นเพราะสกิลแทบจะทั้งหมดกำลังฟื้นฟูหลังจากถูกแช่แข็งด้วยแวริเอเบิลไนท์
และแล้ว...
ดาบของไทเทเนียมก็ตวัดลง
พุ่งลงพื้นไป ดำดิ่งไปเกือบครึ่งหนึ่งของตัวดาบ
หล่อนฟาดมันลงมาเต็มแรงดูจากการที่ร่างกายท่อนบนโน้มลงจนแทบจะโหม่งพื้นตรมดาบไปด้วย
เพียงแค่นั้นก็ทำให้เกิดการสั่นสะเทือนรุนแรงระดับแผ่นดินไหว
พื้นด้านหน้าจุดที่ดาบทุบลงไปนั้นเกิดรอยแยกแตกเป็นทางแต่ไม่กว้างมาก
ร้ายที่สุดคือแรงกระแทกจากการฟาดดาบลงมาต่างหากที่ทำให้พื้นดินรอบๆ
คว้านตัวเองขึ้นมาราวกับน้ำพุ
ทั้งหิน
ทั้งดิน ทั้งทราย
ต่างก็พวยพุ่งขึ้นสู่ท้องฟ้าส่งให้ร่างของคนที่ยืนอยู่ในอาณาบริเวณโดยรอบลอยตามขึ้นไปด้วย
กวินทร์ร่างกายลอยละล่องขึ้นสู่อากาศ
ระหว่างที่ร่างกายกำลังลอยเด็กหนุ่มได้แต่เกร็งสีหน้า
ทำอะไรไม่ถูก
ตอบโต้ไม่ถูก
ไม่รู้ว่าจะต้องทำอย่างไร
จนกระทั่งร่างหล่นลงมากระแทกพื้น
เขากลิ้งไปประมาณสามตลบและทำดาบหลุดมือไปในระหว่างนั้น
ดินทรายร่วงตามลงมาจนเกิดเสียงเปาะแปะราวกับเม็ดฝนกระทบพื้น
กวินทร์ลุกขึ้นมาทันทีหลังจากตั้งสติได้
รู้สึกแสบที่บริเวณริมฝีปากดูเหมือนจะมีเลือดออกเพราะปากไปกระแทกโดนเศษหินตอนกลิ้งจนมันแตก
ตามเนื้อตัวก็มีแต่รอยถลอกเพราะกลิ้งโดนกองเศษหินอยู่เหมือนกัน
ท่าทางว่าก้อนหินก้อนน้อยก่อนใหญ่ที่หล่นเกลื่อนทั่วบริเวณจะถูกป่นเป็นเศษแล้วลอยตามคนขึ้นไปทีหลังทำให้แถวนี้ไม่มีเศษหินก้อนใหญ่ที่จะก่อให้เกิดบาดแผลฉกรรจ์ตกอยู่เลยซักก้อนจะนับว่าเป็นโชคดีได้รึเปล่านะ
การโจมตีของดาบยักษ์นั่นทำได้ถึงขนาดนี้
คลื่นกระแทกที่ปล่อยออกมาหลังการปะทะคงจะเป็นการโจมตีแบบ ‘บลาส’ เหมือนตอนที่ไทเทเนียมใช้เคียวเก็บสะสมยูนิทจากพวกเขาเพียงแค่นั้นก็ยังป่นหินเป็นเศษขนาดนี้ถ้าโดนเข้าไปตรงๆ
ร่างกายอาจจะกลับคืนสภาพเดิมอีกไม่ได้เลยก็ได้
กวินทร์เริ่มกวาดสายตามองหาคนอื่นบ้าง
ไม่มีใครบาดเจ็บร้ายแรงอะไร อิงศรก็ได้มิ่งขวัญช่วยแบกช่วยประคองเอาไว้และกำลังลอยอยู่เหนือพื้นบางทีคงรีบบินหนีตั้งแต่ตอนที่เห็นคลื่นน้ำพุดินพุ่งขึ้นมา
พิ้ง!!
เกิดเสียงโลหะแหลมสูงดังขึ้นเมื่อไทเทเนียมถอนดาบขึ้นจากพื้น
"จะบอกให้ก็ได้ว่าเป้าหมายที่แท้จริงไม่ใช่การเก็บกู้ฟันเฟืองหรอกนะที่ท่านแฟรนเซียมฝากมาก็คือให้ทดลองอาวุธชิ้นนี้ต่างหาก"
หล่อนพูดพร้อมกับทำท่ายื่นดาบมาด้านหน้าเหมือนจงใจจะอวดให้เห็นตัวดาบกันชัดๆ
"นี่คืออาวุธติดตั้งอสุราเป็นการปฏิวัติใหม่ของเกมนี้ยังไงล่ะเมื่ออยู่ต่อหน้าอสุรา
ปีศาจตนใดก็ไม่อาจต่อกรได้พวกเรามนุษย์ต่างดาวได้ทำมันขึ้นมาสำเร็จแล้ว"
อาวุธติดตั้งอสุรา
ช่างเป็นชื่อที่คล้ายกับอาวุธติดตั้งปีศาจอะไรอย่างนี้ราวกับจะล้อกันเล่น
ถ้าแค่ตีความตามที่พูดมาล่ะก็หมายความว่าอาวุธปีศาจที่เคยลดความเหลื่อมล้ำเรื่องพลังของมนุษย์กับมนุษย์ต่างดาวลงมาก็จะกลับไปต่างกันราวฟ้ากับเหวอีก
แต่พลังมันไม่ใช่แบบนั้น...
กวินทร์คิด
หลังจากสัมผัสกับอำนาจทำลายของมันมาเขาไม่ได้คิดว่าที่โดนไปนั้นจะเป็นทั้งหมดบางทีน่าจะเป็นแค้เสี้ยวเดียวของพลังที่มันมีเพราะถ้าเป็นไทเทเนียม...
ถ้าเป็นลูกพี่ลูกน้องของที่เขานับถือคนนี้แล้วล่ะก็คงไม่ใช้พลังมาเต็มที่ตั้งแต่ทีแรกกับคู่ต่อสู้ที่ยังไงก็ชนะได้ชัวร์ๆ
อยู่แล้วคงตั้งใจจะแสดงความสิ้นหวังให้เห็นก่อนจะปิดฉาก
สรุปก็คืออาวุธติดตั้งอสุรานั่นมีพลังมากกว่าอาวุธติดตั้งปีศาจอย่างไม่ต้องสงสัย
ตอนนั้นเอง ช่วงที่กำลังประเมินความสามารถอยู่นี้มิ่งขวัญก็บุกโจมตี
“แทคีออนสไลเซฮร์!!”
มิ่งขวัญตะโกนตอนที่ลอดข้ามบ่วงไฟสีฟ้าครามนั่นแค่เสี้ยววินาทีก่อนจะกลายเป็นแสง
สกิลที่ทำให้การโจมตีข้ามกาลเวลาถึงแม้ไทเทเนียมจะเคยแสดงวิธีรับมือด้วยการขว้างอาวุธสวนไปในทิศทางเดียวกับที่มิ่งขวัญจะบุกมาแล้วก็ตามแต่ครั้งนี้มีสิ่งที่ต่างออกไป
นั่นก็คือการจู่โจมโดยไม่ให้ตั้งตัว
มิ่งขวัญจงใจร่ายสกิลออกมาตอนที่ศัตรูกำลังจวนตัวที่สุดแล้ว
ส่วนไทเทเนียมที่ยังไม่เคยหลบแทคีออนสไลเซอร์แบบตรงๆ
ก็น่าจะหลบไม่ได้ถ้าการโจมตีนี้เล็งที่จุดตายล่ะก็ทุกอย่างก็จบ
ลูกพี่ลูกน้องคนสำคัญของเขาจะถูกฆ่าตายดังนั้นก็ควรจะหยุดมิ่งขวัญไว้ถึงมันจะทำให้เกิดการผิดใจกันในภายหลังแต่กวินทร์ไม่อยากจะสูญเสียครอบครัวของตัวเองเช่นกัน
ทว่าเด็กหนุ่มไม่ขยับตัวตามที่คิด
ไม่ใช่ว่าตัดใจที่จะห้ามหรืออะไรทำนองนั้นแต่เข้าใจเป็นอย่างดีต่างหาก
เข้าใจใบหน้าเปี่ยมความมั่นใจทั้งสายตาและรอยยิ้มอันเหลือล้นที่ไทเทเนียมแสดงให้เห็นบางทีหล่อนคงรับมือได้
ไม่สิยังก็รับมือได้แน่ๆ เธอทำให้เห็นมาหลายครั้งแล้วและครั้งนี้ก็น่าจะเหมือนกัน
วินาทีนั้นเองมิ่งขวัญก็พุ่งออกไป
กลายเป็นแสงแล้วจู่โจมใส่ไทเทเนียม
แต่การโจมตีสะท้อนออก
!!
มองเห็นเป็นลำแสงปะทะโดนกำแพงที่มองไม่เห็นเกิดเสียงดังโครมใหญ๋แล้วแสงก็กระดอนออก
วินาทีถัดมาแสงก็กลายเป็นมิ่งขวัญที่มีใบหน้าเจ็บปวดกำลังลอยละล่องจนกระทั่งร่วงลงพื้น
“อั่ก!”
มิ่งขวัญกระอักเพราะหลังกระแทกพื้นอย่างจัง
“เป็นอย่างที่คิดไว้เลย”
กวินทร์สรุปแล้วมองไปทางไทเทเนียมที่ยืนยิ้มกริ่มราวกับจะรอดูปฏิกิริยาของพวกเขา
“ขวัญ!”
น่าเสียดายที่เสียงตอบรับของพวกครอบครัวมิ่งขวัญนั้นความเป็นห่วงเป็นใยมาก่อนจะถามหาความเรื่องพลังของไทเทเนียมแล้วก็ไม่รู้ว่าเพราะแบบนั้นรึเปล่าเธอจึงเริ่มพูดด้วยตัวเองโดยที่ไม่มีใครถาม
“อาร์มาอิติเล่มนี้มีสกิลติดอาวุธ
ออลไมตี้ (Almighty) อยู่ดังนั้นการโจมตีเดี่ยวๆ ไม่ได้ผลหรอกนะ”
หรือก็คือต้องโจมตีเข้าไปพร้อมๆ
กันอย่างนั้นสินะ ถือว่าเป็นไอเทมที่มีพลังแปลกๆ
แต่สร้างความยุ่งยากได้พอตัวเลยทีเดียว ถ้าเป็นการสู้ตัวต่อตัวล่ะก็ไม่มีทางเอาชนะได้เลยไม่ใช่หรือ
?
“อย่างน้อยถ้าพี่ศรอยู่ล่ะก็”
กวินทร์เหลือบสายตาไปยังอิงศรที่นอนหมดสติอยู่ในวงล้อมของพวกครอบครัว
คงหวังพึ่งพาแต่อิงศรอย่างเดียวไม่ได้แล้ว...
***อาจจะสั้นไปหน่อยสำหรับตอนนี้เนื่องจากไรท์ติดสอบเมื่อวันอาทิตย์ที่ผ่านมาเลยปั่นให้ไม่ทันครับ ต้องขออภัยจริงๆ***
ความคิดเห็น