ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    Apocalypse Online เกมโกงวันโลกาวินาศ

    ลำดับตอนที่ #107 : Login 104: The Almighty

    • เนื้อหานิยายตอนนี้เปิดให้อ่าน
    • 334
      10
      3 พ.ค. 60

    Login 104: The Almighty

     

                ...และแล้วเวลาก็มาบรรจบกันที่ปัจจุบัน

               

                “อาวุธถูกทำลายสกิลท่าไม้ตายก็คูลดาวน์ตัวฉันในตอนนี้ไม่เหลือไพ่ในมือที่จะใช้พลิกสถานการณ์แล้วจริงๆนั่นแหละ”

                ไทเทเนียมพูดมาอย่างนั้น

                หลังจากอิงศรใช้พลังของอาคานาร์กับแอพพลิเคชั่นปีศาจก็สามารถทำลายการผสานอันไร้เทียมทานของมาสเตอร์แวริเอเบิลเอ็นด์ลงได้ในที่สุดแต่มันก็แลกมาด้วยการใช้แรงกายทั้งหมด

                เนื่องจากโอดินไม่ยอมทำตามที่สั่งจึงต้องฝืนใช้พลังของปีศาจเองด้วยอาคานาร์เดอะทาวเวอร์และรับความเสี่ยงด้านการจ่ายพลังงานจนทำให้ตกอยู่ในสภาพอ่อนกำลังเช่นนี้

                อิงศรขาเริ่มสั่นเพราะอาการอ่อนแรงจนทรุดเข่าลงกับพื้น มือไม้เองก็สั่นไปหมดอย่าว่าแต่จะสู้เลยแค่ตอนนี้แรงจะจับอาวุธยังแทบไม่มีเหลือ

                เมื่อกี้มนุษย์ต่างดาวพูดเองว่าตัวมันไม่เหลือหนทางจะพลิกสถานการณ์แล้ว แต่ตอนนี้มันเป็นสถานการณ์แบบไหนกันล่ะ ?

                พวกเขากำลังได้เปรียบอยู่จริงๆ น่ะเหรอ

                อิงศรเหลือบสายตากลับไปมองครอบครัวอยู่แวบหนึ่ง

                แล้วตระหนักว่าทุกคนต่างก็สะบักสะบอมกันหมดเพราะช่วงก่อนจะทำลายการผสานลงได้ก็ตกอยู่ท่ามกลางลำแสงของมาสเตอร์แวริเอชั่นจนบาดเจ็บไปตามๆ กัน ในขณะที่อีกฝ่ายไม่มีแม้แต่รอยขีดข่วน มิหนำซ้ำยังทำหน้าตาระรื่นได้ทั้งที่บอกว่าตัวเองจนตรอก

                เป็นคำพูดที่ฟังดูน่าเชื่อดีนะ...

                “…”

                อิงศรคิดอย่างประชดประชันแต่ตอนนี้ไม่เหลือกระทั่งเรี่ยวแรงจะพูด เด็กหนุ่มเริ่มต้องใช้มือยันพื้นเพื่อให้ร่างกายทรงตัวอยู่

                ภาพจากดวงตาพร่ามัวลงเล็กน้อย เขาเห็นเหมือนมนุษย์ต่างดาวแยกออกเป็นหลายคน ถูกอาการวิงเวียนจู่โจมเข้าเสียแล้ว จะหมดสติเมื่อไหร่ก็ขึ้นกับเวลาเท่านั้น

                ตอนนั้นเองไทเทเนียมก็เริ่มพูด

                “แต่ว่านะมันก็มีไอเทมที่จะสวมใส่ได้ต่อเมื่อไอเทมเดิมถูกทำลายอยู่เหมือนกันเป็นไอเทมที่มีเงื่อนไขการใช้งานยุ่งยากแต่พลังน่ะเป็นของจริง”

                เอาแล้วไง... อิงศรคิด ทันทีที่ได้ยินคำพูดของไทเทเนียม

                อีกฝ่ายนั้นเตรียมแผนรับมือ ไม่สิ ก็ตั้งใจให้มันเป็นแบบนี้อยู่แล้วพวกเขาแค่เต้นไปตามแผนของศัตรูเท่านั้น

                มนุษย์ต่างดาวเปิดหน้าจอที่น่าจะเป็นคลังเก็บของแล้วดึงเอาสิ่งของบางอย่างออกมาจากที่นั่น

                หล่อนจับสิ่งนั้นเหมือนกำด้ามดาบและดึงมัน ลากเอาส่วนที่เป็นใบดาบขนาดใหญ่ออกมา

                “ติดตั้งดาบอสูรแห่งจุดจบอาร์มาอิติ (Armaiti)”

                แล้วทิ้งให้ปลายดาบทิ่มลงไปบนพื้นน้ำหนักมากถึงขนาดทำให้พื้นยุบตัวแตกในทันทีและปลายดาบก็ฝังลงไปลึกพอสมควร

                ช่วงของใบดาบค่อนข้างกว้างแบบ บรอดซอร์ดแบบที่ใช้สำหรับทุบชุดเกราะอัศวินที่แทงเข้าได้ยากให้บุบสลายได้และยังสร้างความเสียหายภายในอย่างรุนแรง

                แต่พลังของดาบเล่มนี้น่าจะไม่ใช่แค่ทุบชุดเกราะแต่อาจจะเป็นบดขยี้พื้นผิวโลกแทนก็ได้อิงศรประเมินไว้อย่างนั้น

                ไทเทเนียมเกร็งข้อมือที่กำด้ามดาบไว้เหมือนกำลังพยายามดึงดาบขึ้นมา

                ถึงตรงนี้สติของอิงศรก็หลุดลอยไปแล้ว

                เด็กหนุ่มล้มฟุบแต่ก่อนที่ทุกอย่างจะกลายเป็นความเงียบก็ได้ยินเสียงเรียก

                "ศร!!"

                เสียงของมิ่งขวัญ แต่มันก็ไกลออกไปและกลายเป็นความเงียบ

     

                มิ่งขวัญในร่างอัศวินทองคำทะยานตรงเข้ามาทันทีที่อิงศรล้มลง

                จากนั้นตรงหน้าไทเทเนียม...

                กวินทร์ก็ออกมาขวางไว้พร้อมกับดาบไฟฟ้าและน้ำแข็งที่ร่ายทิ้งไว้มาซักพักแล้ว

                "พอแค่นี้เถอะพี่ฟ้าไม่มีเหตุผลที่เราต้องมาสู้กันเลยถึงจะเป็นมนุษย์หรือมนุษย์ต่างดาวมันก็ไม่ต่างกันหรอก"

                เด็กหนุ่มยังคงหวังจะเกลี้ยกล่อมอยู่แต่ไทเทเนียมบิดเบี้ยวเกินกว่าจะย้อนกลับไปแล้ว

                หล่อนพูดตอบ

                "มีสิเหตุผลน่ะไม่ใช่มนุษย์กับมนุษย์ต่างดาวหรอก แต่เป็นเรื่องของเกมเมอร์กับพวกสามัญชนที่ไม่มีวันเข้าใจความสูงส่งของโลกใบนี้พวกที่ไม่เข้าใจความเมตตาของท่านแฟรนเซียมต่างหากที่ควรจะหายไป"

                แล้วดึงดาบขึ้นมาจากหลุมบนพื้นกวัดแกว่งมันราวกับไร้น้ำหนัก

                ทุกครั้งที่หวดดาบก็จะเกิดสายลมกรรโชกพัดออกมา

                ดาบที่มีน้ำหนักถึงขนาดนั้นถ้าใช้ความเร็วก็เอาชนะได้ถึงอีกฝ่ายจะแกว่งมันแบบสบายๆ ให้ดูแล้วก็ตามแต่ความคล่องตัวดูจะตกลงไปเพราะถ้าเป็นตามปกติแล้วสายตามนุษย์คงมองตามการแกว่งอาวุธของมนุษย์ต่าวดาวระดับไทเทเนียมไม่ทันหรอก

                กวินทร์กำดาบแน่น เขาต้องหาช่องว่างเพื่อโจมตีอย่างน้อยที่สุดก็ตัดแขนตัดขาให้ได้ก่อนถึงจะไม่อยากทำร้ายเธอแต่การจะหยุดยั้งมนุษย์ต่างดาวที่มีพลังเหนือมนุษย์มันก็มีแค่วิธีนี้เท่านั้น

                จังหวะที่เริ่มหวดดาบน่าจะเป็นโอกาส

                กวินทร์คิดเช่นนั้นแล้วก็รอให้ไทเทเนียมเป็นฝ่ายบุกเข้ามาถึงตอนนั้นแล้วเขาจะตอบโต้ให้จบในครั้งเดียว

                "คงจะคิดอยู่สินะว่าฉันจะใช้ดาบนี่ฟันเข้าไปหาน่ะ"

                จู่ๆ ไทเทเนียมก็พูดออกมาแบบนั้น

                ไม่เข้าใจว่าหล่อนต้องการจะสื่อถึงอะไรกันแน่ ตอนนั้นเองไทเทเนียมก็เงื้อดาบขึ้น

                "..."

                กวินทร์ตั้งท่าเตรียมแต่ว่า...

                ระยะห่างจากจุดที่ไทเทเนียมยืนอยู่นั้นยังห่างกันเกินกว่าที่ดาบจะฟาดมาถึงหรือจงใจจะโจมตีร่วมมากับสกิล ?

                คิดได้ดังนั้นกวินทร์ก็เอาดาบทั้งสองมือมาวางทับกันแล้วยื่นออกไปด้านหน้าให้ข้อศอกกางออกสี่สิบห้าองศา เป็นท่าตั้งรับที่เรียนมาจากอาจารย์สอนดาบตอนอยู่ค่ายฝึกทหารเมตไตรย ท่านี้จะใช้ดาบรับการโจมตีของศัตรูแล้วอ่านทางในชั่วพริบตาว่าจะหลบออกไปทางไหนเป็นท่าตั้งรับแบบใช้ความอ่อนสู้ความแข็ง

                ซึ่งกับมนุษย์ต่างดาวที่มีพลังกล้าแข็งกว่านี่เป็นยุทธวิธีรับมือที่พื้นฐานที่สุดของนักดาบสายเมตไตรยก็ว่าได้แล้วตอนนี้เด็กหนุ่มก็มีแต่เพลงดาบที่ร่ำเรียนมาให้พึ่งพาเท่านั้นเพราะสกิลแทบจะทั้งหมดกำลังฟื้นฟูหลังจากถูกแช่แข็งด้วยแวริเอเบิลไนท์

                และแล้ว...

                ดาบของไทเทเนียมก็ตวัดลง พุ่งลงพื้นไป ดำดิ่งไปเกือบครึ่งหนึ่งของตัวดาบ หล่อนฟาดมันลงมาเต็มแรงดูจากการที่ร่างกายท่อนบนโน้มลงจนแทบจะโหม่งพื้นตรมดาบไปด้วย

                เพียงแค่นั้นก็ทำให้เกิดการสั่นสะเทือนรุนแรงระดับแผ่นดินไหว

                พื้นด้านหน้าจุดที่ดาบทุบลงไปนั้นเกิดรอยแยกแตกเป็นทางแต่ไม่กว้างมาก

                ร้ายที่สุดคือแรงกระแทกจากการฟาดดาบลงมาต่างหากที่ทำให้พื้นดินรอบๆ คว้านตัวเองขึ้นมาราวกับน้ำพุ

                ทั้งหิน ทั้งดิน ทั้งทราย ต่างก็พวยพุ่งขึ้นสู่ท้องฟ้าส่งให้ร่างของคนที่ยืนอยู่ในอาณาบริเวณโดยรอบลอยตามขึ้นไปด้วย

                กวินทร์ร่างกายลอยละล่องขึ้นสู่อากาศ

                ระหว่างที่ร่างกายกำลังลอยเด็กหนุ่มได้แต่เกร็งสีหน้า

                ทำอะไรไม่ถูก

                ตอบโต้ไม่ถูก

                ไม่รู้ว่าจะต้องทำอย่างไร

                จนกระทั่งร่างหล่นลงมากระแทกพื้น

                เขากลิ้งไปประมาณสามตลบและทำดาบหลุดมือไปในระหว่างนั้น

                ดินทรายร่วงตามลงมาจนเกิดเสียงเปาะแปะราวกับเม็ดฝนกระทบพื้น

                กวินทร์ลุกขึ้นมาทันทีหลังจากตั้งสติได้

                รู้สึกแสบที่บริเวณริมฝีปากดูเหมือนจะมีเลือดออกเพราะปากไปกระแทกโดนเศษหินตอนกลิ้งจนมันแตก

                ตามเนื้อตัวก็มีแต่รอยถลอกเพราะกลิ้งโดนกองเศษหินอยู่เหมือนกัน

                ท่าทางว่าก้อนหินก้อนน้อยก่อนใหญ่ที่หล่นเกลื่อนทั่วบริเวณจะถูกป่นเป็นเศษแล้วลอยตามคนขึ้นไปทีหลังทำให้แถวนี้ไม่มีเศษหินก้อนใหญ่ที่จะก่อให้เกิดบาดแผลฉกรรจ์ตกอยู่เลยซักก้อนจะนับว่าเป็นโชคดีได้รึเปล่านะ

                การโจมตีของดาบยักษ์นั่นทำได้ถึงขนาดนี้ คลื่นกระแทกที่ปล่อยออกมาหลังการปะทะคงจะเป็นการโจมตีแบบ บลาสเหมือนตอนที่ไทเทเนียมใช้เคียวเก็บสะสมยูนิทจากพวกเขาเพียงแค่นั้นก็ยังป่นหินเป็นเศษขนาดนี้ถ้าโดนเข้าไปตรงๆ ร่างกายอาจจะกลับคืนสภาพเดิมอีกไม่ได้เลยก็ได้

                กวินทร์เริ่มกวาดสายตามองหาคนอื่นบ้าง ไม่มีใครบาดเจ็บร้ายแรงอะไร อิงศรก็ได้มิ่งขวัญช่วยแบกช่วยประคองเอาไว้และกำลังลอยอยู่เหนือพื้นบางทีคงรีบบินหนีตั้งแต่ตอนที่เห็นคลื่นน้ำพุดินพุ่งขึ้นมา

                พิ้ง!! เกิดเสียงโลหะแหลมสูงดังขึ้นเมื่อไทเทเนียมถอนดาบขึ้นจากพื้น

                "จะบอกให้ก็ได้ว่าเป้าหมายที่แท้จริงไม่ใช่การเก็บกู้ฟันเฟืองหรอกนะที่ท่านแฟรนเซียมฝากมาก็คือให้ทดลองอาวุธชิ้นนี้ต่างหาก"

                หล่อนพูดพร้อมกับทำท่ายื่นดาบมาด้านหน้าเหมือนจงใจจะอวดให้เห็นตัวดาบกันชัดๆ

                "นี่คืออาวุธติดตั้งอสุราเป็นการปฏิวัติใหม่ของเกมนี้ยังไงล่ะเมื่ออยู่ต่อหน้าอสุรา ปีศาจตนใดก็ไม่อาจต่อกรได้พวกเรามนุษย์ต่างดาวได้ทำมันขึ้นมาสำเร็จแล้ว"

                อาวุธติดตั้งอสุรา ช่างเป็นชื่อที่คล้ายกับอาวุธติดตั้งปีศาจอะไรอย่างนี้ราวกับจะล้อกันเล่น ถ้าแค่ตีความตามที่พูดมาล่ะก็หมายความว่าอาวุธปีศาจที่เคยลดความเหลื่อมล้ำเรื่องพลังของมนุษย์กับมนุษย์ต่างดาวลงมาก็จะกลับไปต่างกันราวฟ้ากับเหวอีก

                แต่พลังมันไม่ใช่แบบนั้น...

                กวินทร์คิด หลังจากสัมผัสกับอำนาจทำลายของมันมาเขาไม่ได้คิดว่าที่โดนไปนั้นจะเป็นทั้งหมดบางทีน่าจะเป็นแค้เสี้ยวเดียวของพลังที่มันมีเพราะถ้าเป็นไทเทเนียม... ถ้าเป็นลูกพี่ลูกน้องของที่เขานับถือคนนี้แล้วล่ะก็คงไม่ใช้พลังมาเต็มที่ตั้งแต่ทีแรกกับคู่ต่อสู้ที่ยังไงก็ชนะได้ชัวร์ๆ อยู่แล้วคงตั้งใจจะแสดงความสิ้นหวังให้เห็นก่อนจะปิดฉาก

                สรุปก็คืออาวุธติดตั้งอสุรานั่นมีพลังมากกว่าอาวุธติดตั้งปีศาจอย่างไม่ต้องสงสัย

                ตอนนั้นเอง ช่วงที่กำลังประเมินความสามารถอยู่นี้มิ่งขวัญก็บุกโจมตี

                แทคีออนสไลเซฮร์!!”

                มิ่งขวัญตะโกนตอนที่ลอดข้ามบ่วงไฟสีฟ้าครามนั่นแค่เสี้ยววินาทีก่อนจะกลายเป็นแสง สกิลที่ทำให้การโจมตีข้ามกาลเวลาถึงแม้ไทเทเนียมจะเคยแสดงวิธีรับมือด้วยการขว้างอาวุธสวนไปในทิศทางเดียวกับที่มิ่งขวัญจะบุกมาแล้วก็ตามแต่ครั้งนี้มีสิ่งที่ต่างออกไป

                นั่นก็คือการจู่โจมโดยไม่ให้ตั้งตัว มิ่งขวัญจงใจร่ายสกิลออกมาตอนที่ศัตรูกำลังจวนตัวที่สุดแล้ว

                ส่วนไทเทเนียมที่ยังไม่เคยหลบแทคีออนสไลเซอร์แบบตรงๆ ก็น่าจะหลบไม่ได้ถ้าการโจมตีนี้เล็งที่จุดตายล่ะก็ทุกอย่างก็จบ ลูกพี่ลูกน้องคนสำคัญของเขาจะถูกฆ่าตายดังนั้นก็ควรจะหยุดมิ่งขวัญไว้ถึงมันจะทำให้เกิดการผิดใจกันในภายหลังแต่กวินทร์ไม่อยากจะสูญเสียครอบครัวของตัวเองเช่นกัน

                ทว่าเด็กหนุ่มไม่ขยับตัวตามที่คิด ไม่ใช่ว่าตัดใจที่จะห้ามหรืออะไรทำนองนั้นแต่เข้าใจเป็นอย่างดีต่างหาก

                เข้าใจใบหน้าเปี่ยมความมั่นใจทั้งสายตาและรอยยิ้มอันเหลือล้นที่ไทเทเนียมแสดงให้เห็นบางทีหล่อนคงรับมือได้ ไม่สิยังก็รับมือได้แน่ๆ เธอทำให้เห็นมาหลายครั้งแล้วและครั้งนี้ก็น่าจะเหมือนกัน

                วินาทีนั้นเองมิ่งขวัญก็พุ่งออกไป กลายเป็นแสงแล้วจู่โจมใส่ไทเทเนียม

                แต่การโจมตีสะท้อนออก !!

                มองเห็นเป็นลำแสงปะทะโดนกำแพงที่มองไม่เห็นเกิดเสียงดังโครมใหญ๋แล้วแสงก็กระดอนออก

                วินาทีถัดมาแสงก็กลายเป็นมิ่งขวัญที่มีใบหน้าเจ็บปวดกำลังลอยละล่องจนกระทั่งร่วงลงพื้น

                อั่ก!”

                มิ่งขวัญกระอักเพราะหลังกระแทกพื้นอย่างจัง

                “เป็นอย่างที่คิดไว้เลย

                กวินทร์สรุปแล้วมองไปทางไทเทเนียมที่ยืนยิ้มกริ่มราวกับจะรอดูปฏิกิริยาของพวกเขา

                “ขวัญ!”

                น่าเสียดายที่เสียงตอบรับของพวกครอบครัวมิ่งขวัญนั้นความเป็นห่วงเป็นใยมาก่อนจะถามหาความเรื่องพลังของไทเทเนียมแล้วก็ไม่รู้ว่าเพราะแบบนั้นรึเปล่าเธอจึงเริ่มพูดด้วยตัวเองโดยที่ไม่มีใครถาม

                อาร์มาอิติเล่มนี้มีสกิลติดอาวุธ ออลไมตี้ (Almighty) อยู่ดังนั้นการโจมตีเดี่ยวๆ ไม่ได้ผลหรอกนะ

                หรือก็คือต้องโจมตีเข้าไปพร้อมๆ กันอย่างนั้นสินะ ถือว่าเป็นไอเทมที่มีพลังแปลกๆ แต่สร้างความยุ่งยากได้พอตัวเลยทีเดียว ถ้าเป็นการสู้ตัวต่อตัวล่ะก็ไม่มีทางเอาชนะได้เลยไม่ใช่หรือ ?

                “อย่างน้อยถ้าพี่ศรอยู่ล่ะก็

                กวินทร์เหลือบสายตาไปยังอิงศรที่นอนหมดสติอยู่ในวงล้อมของพวกครอบครัว

                คงหวังพึ่งพาแต่อิงศรอย่างเดียวไม่ได้แล้ว...


    ***อาจจะสั้นไปหน่อยสำหรับตอนนี้เนื่องจากไรท์ติดสอบเมื่อวันอาทิตย์ที่ผ่านมาเลยปั่นให้ไม่ทันครับ ต้องขออภัยจริงๆ***

    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    นิยายที่ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×