คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #106 : Login 103: Death Arcana
Login
103: Death Arcana
ภาพแห่งความตายเกิดขึ้นเมื่อโชคชะตาถึงจุดเปลี่ยนผัน
อาคานาร์จะทำการทดสอบและตัดสินผล
ผู้ที่เอาชนะโชคชะตาได้ก็จะได้รับพลังจากอาคานาร์มากน้อยก็แล้วแต่ละคนอย่างไรเสียก็ไม่มีทางเกินขีดจำกัดที่มนุษย์จะแบกรับได้
มันเคยเป็นแบบนั้นมาก่อน
จนกระทั่งตอนนี้
อิงศร
มนุษย์ผู้เดียวที่เขารู้จักและเป็นผู้ที่รับเอาพลังจากอาคานาร์มาทั้งหมดหลังจากเอาชนะโชคชะตานั้นๆ
ได้เรื่องนี้น่าจะมีเบื้องหลัง
ซีลอร์ดจ้องมองภาพใบหน้ายามสิ้นชีพของตัวเองที่ปรากฏอยู่บนหน้าจอของเด็กหญิงแล้วก็ยิ้มพลางคิดไปว่าเบื้องหลังที่กำลังสงสัยอาจจะเกี่ยวกับเด็กสาวผู้เป็นเจ้าของภาพ
ซีลอร์ดยิ้มให้กับภาพที่ตัวเองนอนจมกองเลือดด้วยใบหน้ามีความสุขนั่นจากนั้นก็หัวเราะ
"แต่งภาพได้ไม่เนียนเลยนะถ้าผมจะตายล่ะก็คงไม่ทำหน้ามีความสุขขนาด..."
ทว่าเด็กสาวก็พูดแทรก
"แน่ใจแล้วเหรอ"
"..."
ได้ยินกังนั้นซีลอร์ดก็หุบยิ้มแล้วเริ่มทำหน้าจริงจัง
เด็กหญิงพูดต่อไปว่า
"ในฐานะผู้ชี้นำความตายแล้วข้ารู้ดีว่าเจ้าปรารถนาอะไรผู้ถูกลืมเลือนเจ้าปรารถนามันมาตลอด
ปรารถนาที่จะตาย"
"พูดจนพอใจแล้วใช่ไหมอลิซ
ไม่สิเดธอาคานาร์"
ซีลอร์ดถามน้ำเสียงขุ่นหลังจากเธอพูดจบ
ถ้าต้องการจะกำจัดทิ้งเสียเลยก็ได้เพราะหล่อนไม่ใช่มนุษย์และถึงจะเคยมีชีวิตอยู่ในฐานะของมนุษย์ก่อนที่จะกลายเป็นวิญญาณร้ายอย่างตอนนี้ก็ควรจะมอบความตายให้เธอไปเสีย
วิญญาณของเด็กสาวที่เสียชีวิตอย่างน่าเศร้าแต่ชีวิตหลังความตายกลับทำให้เธอทุกข์ทรมานจนกลายเป็นปีศาจที่คลั่งไคล้ในความตาย
ว่ากันว่าเธอเคยเป็นมนุษย์ที่ถูกเรียกว่า
‘ชาวอังกฤษ’
และด้วยเหตุผลที่พิเศษบางอย่างภาพลักษณ์ของเธอนั้นดันไปตรงเข้ากับเรื่องแต่งชื่อดังในหมู่มนุษย์ทำให้ผู้คนพากันเรียกเธอว่า
‘อลิซ’ โดยที่ไม่รู้ว่านั่นเป็นชื่อจริงๆ
หรือไม่แต่ปีศาจก็ชอบใจและใช้นามเช่นนั้นเรื่อยมา
เธอกลายเป็นผู้แสวงหาความตายและต่อมาก็ออกหาเพื่อนและทำให้เพื่อนตาย
เด็กๆ
มากมายต้องสังเวยให้กับความปรารถนาต่อความตายอันบ้าคลั่งของเธอด้วยเหตุนั้นจึงถูกลงดาบ
การลงดาบทำให้วิญญาณของเด็กหญิงกลายเป็นส่วนหนึ่งของอาคานาร์ที่ร้ายกาจ
มันคืออาคานาร์แห่งความตายที่เรียกว่า
‘เดธอาคานาร์’
เด็กหญิงยังคงพูดต่อไปว่า
"แค่การมีชีวิตอยู่ก็คือการต่อสู้กับความตายแต่ไม่มีใครหนีมันพ้นแล้วทำไมเครื่องทำสวนที่มีวิญญาณเช่นกันจึงไม่เคยตายกันเล่าเจ้าเองก็อยากสินะอยากแสวงหาจุดจบที่แสนสบายจะได้ไม่ต้องทุกทรมานกับความผิดพลาดในอดีตที่เจ้าก่อไว้”
ตอนนั้นเองพื้นเบื้องหน้าปีศาจก็ถูกเผาจนไหม้เกรียมและถูกคว้านเป็นหลุมลึกด้วยลำแสงสีแดงที่สาดออกมาจากโดรนรูปศีรษะงูซึ่งไม่รู้ว่าซีลอร์ดพาออกมาตั้งแต่เมื่อไหร่
“ที่ผมอยากจะฟังน่ะไม่ใช่เรื่องของเธอหรอกนะรีบตอบมาได้แล้วใครที่อยู่เบื้องหลังเรื่องนี้”
ถึงจะพูดข่มขู่ไปเต็มที่กระนั้นแล้วปีศาจก็ยังยิ้มหน้าระรื่น
“เจ้าอาจจะช่วยผู้คนจากความตายได้แต่เจ้าไม่ได้ทำลายความตายดังนั้นเจ้าจึงต้องตาย”
ตอนที่หล่อนพูดคำว่า
‘ตาย’ เวลาบนเมล์ก็หมดลงพอดี
และเป็นตอนนั้นเองที่ซีลอร์ดรู้สึกตัวเรื่องข้างหลัง
มีสัมผัสที่ชั่วร้าย
จิตสังหาร จุดใหญ่อยู่ทางด้านหลังแถมยังกระชั้นชิดแบบสุดๆ
จนน่าฉงนระคนสงสัยว่าทำไมที่ผ่านมาเขาถึงไม่รู้สึกตัวเลย
การปิดกั้นตัวตนของอีกฝ่ายสมบูรณ์แบบถึงขนาดที่สัมผัสไม่ได้หรือเป็นเพราะตัวเขาเองที่มั่นใจเรื่องไม่มีใครจะบุกรุกรากแห่งอาคาชิกเรคคอร์ดเข้ามาได้
แต่ทว่า...
“สัมผัสแบบนี้เมจิกเชี่ยนอาคานาร์สินะ”
พวกมันประมาณพลังของซีลอร์ดผู้นี้ต่ำเกินไป
ผู้ถูกลืมเลือนอีกคนปรากฏตัวขึ้น
หนึ่งคน
สองคน
สามคน
ซีลอร์ดสี่คนยืนล้อมปีศาจทั้งสองตน
“ดูท่าจะไม่หมูล่ะสิงานนี้”
ปีศาจตนใหม่พูดขณะอยู่ในท่าที่เตรียมจะทะลวงหลังของหนึ่งในร่างแยกด้วยมือที่มีเล็บยาวแหลมคม
ใบหน้าเรียวรูปโฉมงามเรือนผมสีทองและไว้ผมยาวปีศาจตนนี้มีรูปแบบเป็นมนุษย์เพศชายสวมชุดรัดรูปสีดำ
มีผ้าคลุมสีเดียวกันลอยเผยอขนานไปกับไหล่ขวาเหมือนเป็นปีกข้างเดียว
ข้อมูลของปีศาจตนนี้ซีลอร์ดก็รู้จักเป็นอย่างดี...ที่จริงเขาก็รู้จักปีศาจทุกตัวที่ถูเก็บไว้ในอาคาชิกเรคคอร์ดนั่นแหละ
ดังนั้นจึงรู้จักอาคานาร์ทั้งหมดด้วยเช่นกันรวมถึง โลกิแห่งเมจิกเชี่ยนอาคานาร์
ปีศาจที่มาจากตำนานนอร์สตนนี้เป็นหนึ่งในตัวเป้งที่มีความร้ายกาจ
ทั้งอลิซและโลกิ
ถ้าหากว่าอิงศรได้พวกมันไปครอบครองคงน่ากลัวที่จะถูกยึดชิงร่างเอาได้ง่ายๆ พวกมันเป็นปีศาจร้ายที่ไม่ควรให้มีครอบครองยิ่งกว่าเอลิกอร์เสียอีก
อลิซเริ่มพูดกับโลกิ
“เอาไงดีล่ะเพราะเจ้าทำพลาดแท้ๆ
ตอนนี้เราหมดทางชนะแล้วล่ะมั้งข้าเองก็ยังไม่ใช่ร่างที่สมบูรณ์เพราะแต่ละส่วนโดนแยกไปอยู่กับเด็กนั่นคนหนึ่งแล้วก็อยู่กับกลุ่มของผู้ถูกฟันเฟืองเลือกอีก”
“เอาน่าๆ
ยังไม่ได้อับจนหนทางขนาดนั้นนี่ถึงจะสายไปบ้างแต่มาทำให้ภาพทำนายอนาคตนั่นเป็นจริงกันตอนนี้เลยดีกว่าไหม”
สิ้นคำของโลกิ
อาคารทั้งหลังก็เริ่มสั่นไหว สั่นอย่างรุนแรงทั้งที่อาคารอื่นๆ
ไม่ได้โยกไหวไปด้วยแท้ๆ
หมายความว่ามีแค่ที่นี่เท่านั้นที่โยกไหวไปมา
ไม่นานนักพวกเขาที่อยู่บนดาดฟ้าก็ต้องหนีออกมาเพราะอาคารเริ่มถล่ม
แต่สิ่งที่ปรากฏขึ้นหลังจากอาคารถล่มลงมาเป็นซากนั้นน่าตกใจยิ่งกว่า
ประมาณสองเท่าของตึกที่มันพังออกมาได้กระมังจนน่าสงสัยว่ามันเอาขนาดตัวแบบนั้นใส่เข้าไปในตึกได้อย่างไร
หมาป่ายักษ์ที่ถูกทำนายว่าจะเป็นผู้กลืนกินราชันย์เทพ
หมาป่าปีศาจเฟนริล
"เจ้านี่โลกิก็พามางั้นเหรอ"
ซีลอร์ดพูดโดยที่รู้ถึงความเกี่ยวพันของปีศาจกับหมาป่ายักษ์เป็นอย่างดี
ตอนนั้นเองช่วงที่มัวแต่ไปสนใจเฟนริล
'คราบ' อีกสามร่างก็ถูกโลกิกับอลิซทำลาย
เดิมทีคราบเหล่านั้นก็มีไว้เพื่อสร้างความสับสนเท่านั้นจึงอ่อนแอกว่าตัวจริงหลายพันเท่าจะถูกจัดการเอาง่ายๆ
ก็ไม่แปลก
อย่างไรก็ตาม...
ปีศาจสามตนแล้วสถานที่ยังเป็นที่นี่อีก
ถ้าเป็นที่ซึ่งอยู่ใกล้กับอาคาชิกเรคคอร์ดที่สุดปีศาจจะแข็งแกร่งขึ้นเพราะอยู่ใกล้แหล่งพลังและถึงจะเป็นเครื่องทำสวนแต่ก็ไม่แน่ว่า...
"อาจจะตายก็ได้ล่ะมั้งแบบนี้น่ะ"
ซีลอร์ดพูดสรุปการประเมินสถานการณ์ออกมา
แต่ใบหน้ากลับแสดงออกไปคนละทาง
เขายิ้ม...กำลังยิ้มอยู่
"เพราะว่าผมที่เป็นเครื่องมือนั้นสามารถพังได้อย่างเดียวดังนั้นที่จะตายคงต้องขอให้เป็นพวกเธอแทนแล้วล่ะ"
...
"พี่สาวใช่คนๆ
นั้นหรือเปล่าครับที่ออกทีวีเรื่องเกมน่ะ"
นรินทร์ในวัยสิบขวบกำลังถามเด็กสาวที่อายุมากกว่าถือเครื่องเกมและกำลังเล่นด้วยใบหน้าเบื่อหน่าย
นี่ไม่ใช่เรื่องที่กำลังเกิดขึ้นอยู่ในปัจจุบันนรินทร์รับรู้มันได้จากการมองเห็นตัวเองในวัยเด็กที่นี่คงจะเป็นในความทรงจำหรืออาจจะเป็นความฝัน
เป็นช่วงที่เด็กหนุ่มยังไม่ได้ล้มป่วยจนเป็นเจ้าชายนิทราและยังอยู่กับกับแม่สองคนขณะที่พ่อออกบวชเป็นเจ้าอาวาสของวันอารย-สนธยาที่ยังไม่ได้ยิ่งใหญ่เช่นในปัจจุบัน
ตอนนั้นยังเป็นแค่วัดธรรมดาๆ ที่มีชื่อเสียงเรื่องการให้พรจนมีผู้ศรัทธามากันอย่างอุ่นหนาฝาคั่ง
น่าแปลกที่ความทรงจำเหมือนจะทยอยไหลเข้ามาในหัว
จนตอนนี้ก็จำได้กระทั่งที่มาของความรู้สึกเกลียดชังความคาดหวัง สาเหตุมันก็เป็นเรื่องง่ายๆ
พวกผู้ศรัทธาที่โลภมากเหล่านั้นน่ะเองที่พอไม่ได้ดั่งที่หวังก็พาลมาลงกับวัดจนถึงขั้นทำร้ายผู้เกี่ยวข้องและทำให้นรินทร์ต้องสูญเสียพ่อไปรวมถึงกลายเป็นเจ้าชายนิทราสาเหตุก็มาจากเรื่องพวกนั้นด้วย
แต่ความทรงจำนี้ยังเป็นช่วงก่อนจะถึงเวลานั้น
ดูเหมือนว่าเด็กสาวจะไม่ได้ฟังที่นรินทร์พูดและเล่นเกมขงเธอต่อไปอยู่คนเดียว
ถึงอย่างนั้นนรินทร์น้อยก็ยังทำตาแป๋วและจ้องมองเธออย่างไร้เดียงสา
“...”
สถานที่คลับคล้ายคลับว่าจะเป็นลานใต้ต้นใบหูกวางของวัดในอดีตแล้วจากตรงนี้น่ะเอง
“พี่ฟ้า!! คุณลุงกำลังหาพี่อยู่อ่ะ”
ก็มีเสียงตะโกนของเด็กชายอายุราวแปดขวบดังแว่วมา
เด็กคนนั้นถึงจะต่างกันอยู่มากตรงที่ไว้ผมเกรียนและยังเด็กอยู่แต่เค้าหน้ากับแววตานั้นเหมือนกับกวินทร์ไม่มีผิด
เขาไม่มีทางดูผิดไปแน่
เด็กคนนั้นในอดีตคือ กวินทร์ วชิระ ถ้าอย่างนั้นเด็กสาวที่อยู่ตรงนี้ก็คือพี่สาวของกวินทร์อีกทั้งยังหน้าคล้ายกับมนุษย์ต่างดาวเมื่อตอนนั้น
มนุษย์ต่างดาวเพศหญิงที่จู่โจมด้วยวิชาควบคุมเงาของชาโดวเอ็นฟอร์สเซอร์
ตอนที่ค่ายกรุงเทพต้านเรดบอสอยู่
ไม่อยากเชื่อว่าในอดีตจะเคยเจอกับทั้งสองคนมาก่อนแต่เพราะอาการเจ้าชายนิทราก็เลยทำให้ลืมเรื่องราวเหล่านั้นไป
อยากตื่นจากความฝัน...นรินทร์คิดเช่นนั้น
เขาจำแทบไม่ได้แล้วว่าปัจจุบันเป็นอย่างไร
ทำไมตัวเขาถึงได้กำลังฝันพอเริ่มคิดถึงกวินทร์ใบหน้าของทุกคนในทีมอิงศรก็ลอยเต็มความนึกคิดไปหมดจนทำให้รู้สึกคะนึงหาโลกในปัจจุบันโลกที่อดีตพรรค์นี้ไม่มีค่าอะไรเลย
โลกที่มีพวกพ้องอยู่นั้นอบอุ่นกว่า
เด็กหนุ่มตัดสินใจจะทิ้งอดีตของตัวเอง
ไม่ต้องการจะรู้ชาติกำเนิดตัวเองอีก
ในตอนนั้นเอง...
ก็มีผู้หญิงหนึ่งเดินเข้ามาใต้ร่มเงาของต้นใบหูกวาง
เป็นผู้หญิงวัยกลางคน
ตามใบหน้าเริ่มมีริ้วรอยบ้างแล้ว เธอสวมชุดสีขาวเนื้อผ้าบางน่าจะระบายความร้อนได้ดี
น่าแปลกที่รู้สึกคุ้นเคยกับคนๆ
นี้...นรินท์คิดขณะที่ตัวเขาในวัยเด็กพอเห็นผู้หญิงคนนั้นก็ละความสนใจจากทุกเรื่องแล้ววิ่งตรงเข้าไปหาด้วยท่าทางร่าเริง
“หม่าม้า”
นรินทร์น้อยเรียกเธอว่าอย่างนั้น
…
นรินทร์ปรือตาขึ้นแต่เปลือกตากลับหนักจนรู้สึกล้า
ภาพทิวทัศน์ที่มองเห็นผ่านช่องตาแคบๆ
นั้นคือ
ท้องฟ้าสีชมพูอ่อน
ผนังสีชมพูอ่อน
เขานอนอยูบนเตียงตะปุ่มตะป่ำสีเขียวเข้ม
อันที่จริงมันแค่นุ่มจนรู้สึกเหมือนนอนอยู่บนเตียงแต่กลิ่นของมันบอกให้รู้ว่าที่นอนพิงอยู่นั้นเป็นวัสดุธรรมชาติจำพวกพืช
เป็นกลิ่นที่คลับคล้ายคลับคลาว่าจะรู้จักมาก่อน
นี่มันกลิ่นดอกบัว...
พอทำความเข้าใจกับสถานที่แห่งนี้ได้ก็ออกจะน่าตกใจอยู่บ่างแต่ที่นี่คือข้างในดอกบัวยักษ์ขนาดใส่คนเข้าไปได้อย่างแน่นอน
นรินทร์พยายามจะลุกแต่กลับลุกไม่ขึ้นรู้สึกเหมือนร่างกายโดนถอดกระดูกออกไปจนหมด
“อย่าเพิ่งตื่นเลย”
ได้ยินเหมือนเป็นเสียงครางแหบต่ำแต่เสียงนั้นกำลังพูดกับเขา
ไม่รู้ว่าเป็นใครดวงตามันล้าไปหมด
“จงนอนให้เต็มอิ่มอย่าเพิ่งตื่นเลยผู้กอบกู้เอ๋ย”
นรินทร์ปิดดวงตาและกลับสู่ห้วงนิทราอีกครั้ง
“หลับให้สบายเถิดผู้กอบกู้ของข้า กัลกีของข้า”
เจ้าของเสียงแหบแห้งนั้นอยู่ด้านนอกของดอกบัวมีเพียงเงาที่สะท้อนเข้ามา
เงามีรูปร่างใหญ่โตและมีปีก
“เมื่อเจ้าตื่นมาจะได้กอบกู้โลกใบนี้นารายณ์”
ความคิดเห็น