คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #300 : Extra Log 296: ดอปเปลแกงเกอร์
Extra
Log 296: ดอปเปลแกงเกอร์
เคยคิดบ้างรึเปล่าว่าบางทีบนโลกใบนี้อาจจะมีคนที่หน้าเหมือนคุณอยู่อีกคนก็ได้
คนๆ
นั้นที่ไม่ใช่พี่หรือน้องฝาแฝดของคุณ
อาจจะเป็นตัวตนจากโลกคู่ขนานที่ใครบางคนไฮพีเรียลไลซ์มา
อาจจะเป็นคนที่ปลอมตัวเป็นคุณด้วยผลประโยชน์บางอย่าง
อาจจะเป็นมนุษย์ต่างดาวที่ตั้งใจใช้ใบหน้าหลอกพี่ชายเจ้าของใบหน้าแต่ก็ดันถูกจับได้ซะก่อนเพราะไม่คำนึงเรื่องของอายุทางร่างกาย
หรืออาจจะเป็นไอ้บ้าเสียสติที่หน้าเหมือนคุณเปี้ยบแถมยังชอบหนังขบวนการฮีโร่
หรือไม่สิ่งนั้นก็อาจจะเป็น
‘ดอปเปลแกงเกอร์’ ก็ได้ล่ะมั้ง?
…ดอปเปลแกงเกอร์มีการพูดถึงมันมากมาย
บ้างก็ว่าเป็นปรากฏการณ์ที่มีคนหน้าเหมือนกัน หรือไม่ก็ปีศาจที่เลียนแบบคนๆ นั้น
แล้วเมื่อคนๆ นั้นกับดอปเปลแกงเกอร์มาเจอกัน
ว่ากันว่าทั้งสองจะฆ่าฟันกันเพื่อกลายเป็นตัวจริงเพียงหนึ่งเดียว
แล้วตอนนี้ดอปเปลแกงเกอร์ก็กำลังยืนอยู่ตรงหน้า
อาจจะเป็นมนุษย์ต่างดาวก็ได้เพราะกรณีของมันก็เหมือนกับแฟรนเซียมที่ถูกพาตัวมาจากโลกคู่ขนานที่แตกพ่าย
เป็นตัวเองที่อายุมากกว่าตอนนี้ประมาณสองปี
เป็นตัวเองที่รวมร่างเข้ากับปีศาจ
รวมกับเมอร์คาบาห์จนมีรูปร่างแปลกประหลาด
ตัวตนนั้นโก่งหลังยืนจนแทบจะคลานสี่ขา
มีหางสีดำงอกจากแถวก้นตวัดไปมาปลายหางแยกเป็นแฉกเหมือนกับหัวลูกศรราวกับหางของปีศาจ
เวิร์สแอกเกรเซอร์แห่งจุดจบอินโดร่า
คือนามแห่งผู้รุกรานของตัวเองอีกคน
“สกิลของอินโดร่าเรียกวิญญาณไพ่ที่ใส่อยู่กับตัวออกมาที่สนาม”
อีกตัวตนของเขาซึ่งราหูสวมเอาไว้กล่าว
นั่นคงเป็นความสามารถที่ทำให้ผู้รุกรานซึ่งเป็นภาพสะท้อนของพวกพ้องเขาซึ่งถูกส่งไปเพลนัลตี้บ็อกซ์กลับมาปรากฏตัวอีกครั้งบนสนามรบแห่งนี้
ตอนนั้นเอง
พันธะนาการที่ขังคนที่ยังเหลือไว้ก็คลายออก
มีนา พลอย นิว
ซากิริ วิเชียรมาศ ทั้งห้าคนกลับมายังสนามรบ
ในสภาพที่ยังสับสนกับสถานการณ์อยู่
แบบนั้นไม่ใช่เรื่องที่ดีเลย
สถานการณ์ที่ย่ำแย่ขนาดที่ว่าการสูญเสียกำลังรบที่มีอยู่ในตอนนี้ไปเมื่อไหร่ก็แพ้
สถานการณ์ที่กำลังรบที่มีอยู่ตอนนี้เอาชนะอีกฝ่ายไม่ได้
“ทุกคน”
ถึงอย่างนั้นก็ยังไม่สิ้นหวัง
ถึงจะจนมุมถึงที่สุดแล้วก็ตามอิงศรก็ยังไม่ยอมทิ้งความหวัง
เพราะถ้าไม่ทำแบบนั้นการเสียสละที่ผ่านๆ
มาจะสูญเปล่าทันที
อินโดร่าพุ่งออกมา
มุ่งตรงมาทางนี้
“อิงศร”
ออร์ฟี่ส่งแส้ใบมีดออกไปหวังขัดขวาง
แต่เจ้านั่นหลบได้ทั้งหมดจากนั้นแค่เสี้ยววินาทีตัวเองอีกคนก็หายไปจากตรงนั้น
“อะ…”
แล้วมาโผล่อยู่ตรงหน้า
ย่นระยะไกลขนาดนั้นด้วยความเร็วอันน่าเหลือเชื่อ
อินโดร่าเงื้อแขนทั้งสองข้างเตรียมจะฟันเขาด้วยใบดาบที่ติดกับแขน
อิงศรยกคันธนูกับดาบขึ้น
การเคลื่อนไหวของตนเองก็ยังไล่ตามอีกฝ่ายได้ทัน
แสดงว่าพลังไม่ได้แตกต่างกันมากจนถึงขนาดเทียบไม่ติดแบบพวกมังกรนั่น
เคร้ง
คันธนูกับดาบ และ ดาบกับดาบ ปะทะกัน
อินโดร่าพยายามดันดาบเข้ามา
“เอลิกอร์เอาพลังทั้งหมดมาให้ฉัน!”
อิงศรเรียกร้องเอาพลังทั้งหมดกับปีศาจที่สถิตอยู่ในคันธนู
พลังกายถูกเพิ่มขึ้นอย่างก้าวกระโดดหากไม่ทำแบบนี้ก็จะต้านรับดาบที่ปะทะเข้ามาไม่ไหวแค่ประดาบกันเบาๆ
แขนก็รู้สึกชาไปหมด
เรื่องความเร็วอาจจะไม่ได้ห่างกันมากแต่พลังเป็นของจริง
เขาถูกดันจนเท้าถอยครูดไปข้างหลัง
“อิงศร!”
ออร์ฟี่ฟาดไม้เท้ามาจากทางด้านหลังของอินโดร่า
“อือออออ โอววว!!”
อินโดร่าส่งเสียงคราง
เค้นพลังทั้งหมดออกมาฟาดอิงศรจนกระเด็นไปทั้งธนูทั้งดาบพร้อมกับเหวี่ยงตัวทั้งอย่างนั้นปัดไม้เท้าหลุดจากมือ
ออร์ฟี่ไปพร้อมกัน
“อึก เจ้านี่”
อิงศรถ่างขาออกให้ตัวเองหยุดกระเด็นแต่ก็ออกห่างมาก
ตอนนั้นเอง
ฟุ่บ ฟุ่บ ฟุ่บ
“อ๊ะ”
พวกตัวตนจากโลกคู่ขนานที่เหลืออีกห้าคนก็วิ่งสวนเขาไปด้านหลังของอิงศรเสียแล้ว
ข้างหลังที่ตอนนี้ไม่มีใครที่เป็นพวกสายยืนแนวหน้าเลยซักคน
อย่างน้อยที่สุดถ้าพวกมีนายังใช้ร่างไฮพีเรี่ยนได้ก็ยังพอจะมีหวังแต่สนามรบถูกควบคุมด้วยกฎของเจ้าราหูอยู่จึงเป็นไปไม่ได้
ดังนั้นจึงให้ทะลวงผ่านแนวหน้าไม่ได้โดยเด็ดขาด
เด็ดขาด และ เด็ดขาด
อิงศรหันกลับไป
พยายามหันอย่างเต็มที่
ทันทีที่เขาหันกลับไปเพื่อจะช่วยพวกพ้องแต่มันก็สายไปเสียแล้ว
“…..”
แถบพลังชีวิตของทุกคนว่างเปล่ากันหมด
จากนั้นร่างก็ทยอยแตกเป็นเสี่ยงๆ ไปทีละคน ทีละคน
เพียงแค่กะพริบตา
ร่างของพวกพ้องก็แตกเป็นเสี่ยงๆ
เมื่อกะพริบตาอีกครั้งก็ไม่เหลือใครอีกแล้วชีวิตของพวกพ้องถูกช่วงชิงไปทั้งหมด
“…..”
อิงศรทรุดเข่าลงกับพื้น
“......”
เขาโกรธที่ถูกทำลายพวกพ้องอย่างง่ายดาย
แต่กลับไม่มีจิตใจที่จะต่อสู้หรือไฟแห่งความแค้นที่จะลุกโชนขึ้นมาเลยกลับเป็นบางอย่างที่น่าสมเพชกว่านั้นที่ลอยขึ้นมา
ความว่างเปล่า.....
ไม่ใช่ทั้งความหวาดกลัวหรือความสิ้นหวัง
แต่เป็น
‘ความเปล่า’ ความรู้สึกที่เหมือนกับไม่มีอะไรจะให้เสียอีกแล้ว
เป็นความรู้สึกที่น่าแปลกประหลาด
เพราะว่าต่อสู้กับตัวตนที่เป็นดั่งความว่างเปล่าอย่างนั้นหรือเปล่านะ
เพราะผู้รุกรานมีพลังที่น่าสิ้นหวังเกินไปจนทำให้จิตใจเตรียมพร้อมที่จะรับจุดจบแบบนี้เอาไว้จนถึงขั้นปลุกพลังหรือความรู้สึกขึ้นมาไม่ได้เลย
“นี่เรา...”
ว่างเปล่า
ว่างเปล่าไปหมดเลย
“นั่นคือบาปแห่งความว่างเปล่าไงล่ะ”
อินโดร่าพูดพร้อมกับมองมาทางนี้
อิงศรค่อยๆ
หันกลับไป
“บาป....เหรอ”
แล้วทวนคำพูดนั้นซ้ำอีกครั้งด้วยไม่เข้าใจในความหมายของมัน
“การเผชิญหน้ากับเทิร์นบริงเกอร์ก็คือการต่อสู้กับความว่างเปล่าไม่ว่าจะชนะหรือพ่ายแพ้ตัวตนของผู้ที่กล้าต่อกรกับพวกข้าก็จะถูกความว่างเปล่ากัดกินไปอยู่ดี
อาใช่แล้วล่ะแล้วมันก็นึกขึ้นมาได้เลยว่าเคยความทรงจำแบบนั้นอยู่”
ที่พูดอยู่ตอนนี้ดูแล้วน่าจะเป็นตัวราหูเอง
มันกำลังพูดในสิ่งที่พวกเขาไม่มีข้อมูล
เรื่องที่อาจจะเกิดขึ้นจริงข้างนอกเซิฟเวอร์ของโลกจำลองนี่
“เคยมีพวกโง่เขลาที่พยายามต่อต้านเทิร์นบริงเกอร์อยู่พวกมันสู้ได้สูสีเลยล่ะจนกระทั่งคนที่เก่งที่สุดของพวกมันเอาชนะอาจารย์ของข้าเต๋าตี้ลงได้
พริบตานั้นมันก็ถูกบาปแห่งความว่างเปล่ากลืนกินหัวใจไปทั้งหมดและเกิดใหม่ในฐานะเทิร์นบริงเกอร์ที่แข็งแกร่งยิ่งขึ้น
อิงศรตอนนี้เธอก็กำลังจะกลายเป็นแบบเดียวกับคนๆ นั้นล่ะนะ”
“จะบอกว่าอิงศรจะกลายเป็นพวกของแกงั้นเรอะไม่มีทางหรอก”
ออร์ฟี่ปฏิเสธเสียงแข็ง
แต่ราหูก็ชี้ใส่ที่ตัวเอง
ชี้ใส่ตัวเขาจากโลกคู่ขนานที่มันเอามาสวมร่างอยู่
“งั้นจะปฏิเสธตัวตนนี้งั้นเหรอนี่ก็คืออิงศรเหมือนกันนะเป็นตัวตนที่พ่ายแพ้ให้กับบาปแห่งความว่างเปล่าและเกิดใหม่เป็นผู้รุกรานต่างมิติอินโดร่าคนนี้ยังไงล่ะ”
นั่นเหมือนกับจะบอกว่าตัวตนที่แหกกฎพรรค์นั้นจะกลายเป็นอนาคตของอิงศร
คือความเป็นไปได้ที่ถูกกำหนดแล้วอย่างนั้นหรือ?
อินโดร่าพูด
“เอาล่ะสกิลของข้าทำงานในเทิร์นนี้เมื่อทำการต่อสู้แล้วส่งไพ่ของคู่ต่อสู้ไปที่เพลนัลตี้บ็อกซ์ได้สกิลของอินโดร่าก็จะทำงานการ์เดี้ยนทั้งหมดจะกลายเป็นร่างไฮพีเรี่ยน”
อิงศรตาเบิกกว้างขึ้นทันทีที่ได้ยิน
“แบบนั้นมัน....”
“ใช่แล้ว เข้าใจได้ถูกต้องเลยอิงศร
มังกรแห่งความว่างเปล่าที่เคยเผชิญหน้าไปนั่นจะกลับมาทั้งหมดในคราวเดียวกันนี่แหละ”
อินโดร่าหัวเราะ
แล้วพริบตานั้นเอง
เหล่าตัวตนจากโลกคู่ขนานของ
มิ่งขวัญ กวินทร์ นรินทร์ เมษา มีนา
ก็ถูกความมืดที่ไม่รู้จักโอบล้อมแล้วเปลี่ยนร่างไป
แขนกำยำและกรงเล็บสีขาวฉีกความมืดออกมา
ปีกซึ่งลุกโชนไปด้วยแมกม่าร้อนระอุพัดความมืดกระเด็นออก
ดาวกระจายกังหันดำเฉือนความมืดออกจากกัน
ดาบซึ่งพันทับด้วยผ้ายันต์สีเหลืองผ่าความมืดออก
คมเคียวกระชากความมืดที่บดบังให้สลายหายไป
...และแล้ว
มังกรทั้งห้าตนนั้นก็กลับคืนสู่สนามรบล้อมกรอบอิงศรกับออร์ฟี่ไว้ใจกลางวงล้อม
“ทีนี้ก็มาถึงตอนสุดท้ายของ
‘บท’
เสียทีจะปิดฉากละครแห่งโชคชะตาจอมปลอมนี่ด้วยฉากละเลงเลือดของผู้กอบกู้ที่ใกล้จะตกลงสู่ความว่างเปล่าล่ะนะ”
อินโดร่าพูดแล้วจึงสะบัดมือเป็นสัญญาณ
“ฆ่า.....เลย”
มังกรทั้งหมดโจมตีเข้ามาพร้อมๆ
กัน
โดยปกติแล้วแค่การโจมตีของตัวเดียวก็แทบเป็นไปไม่ได้ที่จะป้องกันด้วยพลังในร่างนี้
ดังนั้นอิงศรจึงไม่ขยับตัว
ขยับตัวไม่ได้เพราะมันกะทันหันเป็นอย่างมาก
เส้นทางหนีถูกปิดตายจากทุกทาง
จะใช้ปีศาจหรืออาคานาร์ก็ไม่ได้ผลกับราหูอยู่แล้วอย่างเจ้ามังกรพวกนี้แข็งแกร่งกว่าจึงตัดไปได้เลย
“….”
อิงศรหลับตาลง
เขายอมรับความตาย
‘นี่ถ้าจะให้จบอยู่แบบนี้ล่ะก็ยอมรับออกมาไม่ดีกว่าเหรอ’
เสียงของเมอร์คาบาห์ซึ่งเอาแต่ยืนดูดังก้องในจิตใจ
‘น่าจะเอาออกมาใช้ได้แล้วล่ะมั้งตัวเธอเองก็น่าจะเข้าใจดีตั้งแต่ตอนที่ได้ฉันกลับมาแล้วนี่
เป็นวิธีที่มีแต่เธอที่เคยเป็นท่านซูลวานเท่านั้นที่จะ....’
แต่เขาไม่ใช่ซูลวาน
ไม่อยากจะยอมรับเรื่องนั้น
ถ้ายอมรับทุกอย่างจะกลายเป็นเรื่องโกหก
เรื่องที่องิศรคนนี้ไม่เคยมีตัวตนนั้นเป้นเรื่องที่ไม่มีวันยอมรับได้เด็ดขาดไม่อย่างนั้นทุกคนจะต้องเสียใจภายหลังแน่
‘ถ้าไม่รีบเข้าล่ะก็
‘บท’
มันก็จะเดินหน้าไปอีกขั้นจามทางของมันเองแล้วนะลืมตาสิแล้วมองดูผลลัพธ์ของทางเลือกที่เธอจะก้าวเดินต่อไปจากนี้’
คำพูดนั้นทำให้อิงศรปรือตาขึ้น
เพราะเห็นว่าเวลาผ่านไปนานแล้วแต่ก็ยังไม่รู้สึกถึงความเจ็บปวด
“….”
นั่นก็เพราะว่า
“อ....ออร์ฟี่!”
ออร์ฟี่ช่วยกางสนามพลังป้องกันต้านทานการโจมตีของพวกมันอยู่แต่ก็จวนเจียนจะไปแล้วเหมือนกัน
“อึก...ม...ไม่ไหวแล้ว”
สนามพลังหายไปทันทีหลังจากกล่าวคำพูดนั้นแต่การโจมตีก็หยุดลงเช่นกัน
ตอนที่คิดว่ารอดจากวิกฤติไปได้แล้วนั่นเอง
เผลอคิดไปแวบหนึ่งจริงๆ
ว่าจะมีหนทางให้ไปต่อได้
“อา
แบบนั้นแหละแสดงใบหน้าที่มีความหวังแบบนั้นแล้วดิ่งลงไปยังก้นบึ้งแห่งความสิ้นหวังซะ”
มังกรดำหยาจื้อก็พุ่งเข้ามา
เหวี่ยงคมเคียวเกี่ยวท้องออร์ฟี่แล้วจับเหวี่ยงทิ้งออกไปทั้งแบบนั้น
“อั่ก”
ออร์ฟี่ลอยละลิ่วขึ้นไปข้างบน
ขณะเดียวกันมังกรอีกตัว
เต๋าตี้ก็สร้างกังหันสีดำขึ้นที่ด้านหน้าของมัน
“เมบิอุสบลาสเตอร์”
ลำแสงสีดำกราดยิงออกจากกังหันเป็นสาย
ลำแสงปะทะกับออร์ฟี่แล้วก็ระเบิด
ตูม ตูม ตูม หมอกควันจากการระเบิดบดบังทัศนียภาพจนไม่รู้ว่าออร์ฟี่เป็นอย่างไรบ้าง
ดวงตาสีแดงของมังกรเต๋าตี้มองลึกเข้าไปในหมอกนั่น
มองทะลุหมอกแล้วพูดผลของการโจมตี
“หายไปแล้วถูกส่งไปที่เพลนัลตี้บ็อกซ์แล้วสินะ”
เมื่อหมอกควันจางลงก็ไม่มีวี่แววของออร์ฟี่เหลืออยู่เลยอย่างที่มันบอกจริงๆ
“ตัวคนเดียวแล้วนะ”
กงฟู่มังกรซึ่งมีหกปีกและร่างชุ่มไปด้วยแมกม่าพูด
“ทำให้มันจบๆ
ไปซักทีเถอะ”
อินโดร่าพูด
”อิงศรเขาเป้นคนรักพวกพ้องครอบครัวน่าสงสารเขาออกเนอะอย่างไงก็เป็นคนๆ
เดียวกันนี่รีบๆ ส่งไปหาเพื่อนๆ ก่อนที่จะร้องไห้ฟูมฟายดีกว่า”
แล้วหัวเราะเหยียดหยาม
“…..”
อิงศรไม่ได้ยินที่พวกนั้นพูดคุยกันเลยนับตั้งแต่ที่ออร์ฟี่เสียทีพวกมันไป
ภายในหัวมันก็โล่งไปหมด
และแล้วเสียงก็ดังขึ้นมาอีก
‘นี่....’
เสียงรบเร้าของเมอร์คาห์ที่เขาไม่รู้จักอีกแล้ว
ตั้งแต่ตอนที่ได้คืนมาหลังจากการทดสอบคราวนั้นเมอร์คาบาห์ก็ไม่ใช่ตัวตนของกันและกันอีกต่อไป
บางทีอาจจะตั้งแต่ตอนที่อดัมแยกตัวออกไปแล้วก็ได้ที่เมอร์คาบาห์เปลี่ยนไปก็เพราะแบบนั้น
เพราะแบบนั้นเลยกลายเป็นข้ารับใช้ของซูลวาน
แล้วมอบก็สัญญาแลกเปลี่ยนมา
ข้อเสนอที่จะทำให้จบสงครามนี้อย่างง่ายดายเพียงแค่พลิกฝ่ามือเลยทีเดียว
แต่ตัวเขาเอง...
ตัวตนของอิงศรที่สู้ร่วมกับพวกพ้องมาโดยตลอดเลือกที่จะไม่ตอบรับข้อเสนอนั้น
ตัวเขาเลือกที่จะต่อสู้ไปพร้อมกับพวกพ้องจนถึงที่สุดเลยเมินตัวเลือกนี้ไป
“….”
พอรู้สึกตัวหอกแห่งเมสสิยาห์ที่เก็บมาจากมิ่งขวัญของโลกคู่ขนานซึ่งเขาเก็บเอาไว้ในคลังเก็บของก็มาอยู่ในมือตั้งแต่เมื่อไหร่ก็ไม่รู้
หอกอันนี้คือปากกาเซ็นสัญญากับเมอร์คาบาห์
คือสิ่งที่ใช้สำหรับพิธีกรรมคืนชีพที่แท้จริง
เสียงของเมอร์คาบาห์รบเร้ามาอีก
‘ถ้ายอมกลับไปเป็นซูลวานก็จะลบราหูออกไปจากเรคคอร์ดของรากอาคาชิกได้ทันทีทั้งที่มันก็ชัดเจนอยู่แล้วว่ามีแต่ทางนี้ทำไมถึงยังดื้อดึงอีกล่ะ’
แต่ว่า
ถ้าทำแบบนั้นก็จะไม่ใช่มนุษย์อีกต่อไป....
‘ทั้งที่รู้บทสรุปของการต่อสู้นี้ตั้งแต่แรกก็ยังเลือกที่จะฝืนมันหรือว่าไม่อยากให้เป็นไปตามที่ขีดเอาไว้งั้นเหรอ
อยากจะให้ราหูเป็นผู้เลือกส้นทางสินะ’
“ไม่ใช่!”
อิงศรตะโกน
เขากำหอกในมือแน่นแล้วลุกขึ้น
“พวกเราจะเลือกหนทางเอง…
จะตัดสินทางที่จะก้าวเดินไปข้างหน้าเอง”
***ตอนหน้าอาจจะลงไม่ทันวันอาทิตย์เพราะต้องเขียนสรุปทีเดียวหมดจบในตอนเลยครับ
เรื่องที่ดำเนินยาวนานมาถึงสามปี ไม่สิสี่ปีแล้วจะจบลงตรงนี้แล้วสินะ
จะว่าไปตอนช่วงปีแรกๆ
มีรีดที่เคยคุยกับไรท์ว่าตอนจบส่อแววแบดเอนด์เหลือเกิน(ช่วงนั้นน่าจะเขียนถึงตรงที่อิงศรขึ้นดีเซมแมร์ครั้งแรกแล้วอาละวาดอยู่ล่ะมั้ง)
เอาล่ะมาดูกันว่าตอนจบนี้จะตรงกับที่ใครได้คาดการกันไว้หรือไม่ โอเมก้า!! ****
ความคิดเห็น