ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    Apocalypse Online เกมโกงวันโลกาวินาศ

    ลำดับตอนที่ #300 : Extra Log 296: ดอปเปลแกงเกอร์

    • เนื้อหาตอนนี้เปิดให้อ่าน
    • 171
      6
      1 ก.พ. 62

    Extra Log 296: ดอปเปลแกงเกอร์

     


                เคยคิดบ้างรึเปล่าว่าบางทีบนโลกใบนี้อาจจะมีคนที่หน้าเหมือนคุณอยู่อีกคนก็ได้

                คนๆ นั้นที่ไม่ใช่พี่หรือน้องฝาแฝดของคุณ

                อาจจะเป็นตัวตนจากโลกคู่ขนานที่ใครบางคนไฮพีเรียลไลซ์มา

                อาจจะเป็นคนที่ปลอมตัวเป็นคุณด้วยผลประโยชน์บางอย่าง

                อาจจะเป็นมนุษย์ต่างดาวที่ตั้งใจใช้ใบหน้าหลอกพี่ชายเจ้าของใบหน้าแต่ก็ดันถูกจับได้ซะก่อนเพราะไม่คำนึงเรื่องของอายุทางร่างกาย

                หรืออาจจะเป็นไอ้บ้าเสียสติที่หน้าเหมือนคุณเปี้ยบแถมยังชอบหนังขบวนการฮีโร่

     

                หรือไม่สิ่งนั้นก็อาจจะเป็น ‘ดอปเปลแกงเกอร์’ ก็ได้ล่ะมั้ง?

                ดอปเปลแกงเกอร์มีการพูดถึงมันมากมาย บ้างก็ว่าเป็นปรากฏการณ์ที่มีคนหน้าเหมือนกัน หรือไม่ก็ปีศาจที่เลียนแบบคนๆ นั้น แล้วเมื่อคนๆ นั้นกับดอปเปลแกงเกอร์มาเจอกัน

                ว่ากันว่าทั้งสองจะฆ่าฟันกันเพื่อกลายเป็นตัวจริงเพียงหนึ่งเดียว

     

                แล้วตอนนี้ดอปเปลแกงเกอร์ก็กำลังยืนอยู่ตรงหน้า

                อาจจะเป็นมนุษย์ต่างดาวก็ได้เพราะกรณีของมันก็เหมือนกับแฟรนเซียมที่ถูกพาตัวมาจากโลกคู่ขนานที่แตกพ่าย

                เป็นตัวเองที่อายุมากกว่าตอนนี้ประมาณสองปี

                เป็นตัวเองที่รวมร่างเข้ากับปีศาจ รวมกับเมอร์คาบาห์จนมีรูปร่างแปลกประหลาด

                ตัวตนนั้นโก่งหลังยืนจนแทบจะคลานสี่ขา

                มีหางสีดำงอกจากแถวก้นตวัดไปมาปลายหางแยกเป็นแฉกเหมือนกับหัวลูกศรราวกับหางของปีศาจ

     

                เวิร์สแอกเกรเซอร์แห่งจุดจบอินโดร่า คือนามแห่งผู้รุกรานของตัวเองอีกคน

     

                สกิลของอินโดร่าเรียกวิญญาณไพ่ที่ใส่อยู่กับตัวออกมาที่สนาม”

                อีกตัวตนของเขาซึ่งราหูสวมเอาไว้กล่าว

                นั่นคงเป็นความสามารถที่ทำให้ผู้รุกรานซึ่งเป็นภาพสะท้อนของพวกพ้องเขาซึ่งถูกส่งไปเพลนัลตี้บ็อกซ์กลับมาปรากฏตัวอีกครั้งบนสนามรบแห่งนี้

                ตอนนั้นเอง

                พันธะนาการที่ขังคนที่ยังเหลือไว้ก็คลายออก

                มีนา พลอย นิว ซากิริ วิเชียรมาศ ทั้งห้าคนกลับมายังสนามรบ

                ในสภาพที่ยังสับสนกับสถานการณ์อยู่

                แบบนั้นไม่ใช่เรื่องที่ดีเลย

                สถานการณ์ที่ย่ำแย่ขนาดที่ว่าการสูญเสียกำลังรบที่มีอยู่ในตอนนี้ไปเมื่อไหร่ก็แพ้

                สถานการณ์ที่กำลังรบที่มีอยู่ตอนนี้เอาชนะอีกฝ่ายไม่ได้

     

                ทุกคน”

                ถึงอย่างนั้นก็ยังไม่สิ้นหวัง ถึงจะจนมุมถึงที่สุดแล้วก็ตามอิงศรก็ยังไม่ยอมทิ้งความหวัง

                เพราะถ้าไม่ทำแบบนั้นการเสียสละที่ผ่านๆ มาจะสูญเปล่าทันที

     

                อินโดร่าพุ่งออกมา มุ่งตรงมาทางนี้

                อิงศร”

                ออร์ฟี่ส่งแส้ใบมีดออกไปหวังขัดขวาง แต่เจ้านั่นหลบได้ทั้งหมดจากนั้นแค่เสี้ยววินาทีตัวเองอีกคนก็หายไปจากตรงนั้น

                อะ…”

                แล้วมาโผล่อยู่ตรงหน้า ย่นระยะไกลขนาดนั้นด้วยความเร็วอันน่าเหลือเชื่อ

                อินโดร่าเงื้อแขนทั้งสองข้างเตรียมจะฟันเขาด้วยใบดาบที่ติดกับแขน

                อิงศรยกคันธนูกับดาบขึ้น การเคลื่อนไหวของตนเองก็ยังไล่ตามอีกฝ่ายได้ทัน แสดงว่าพลังไม่ได้แตกต่างกันมากจนถึงขนาดเทียบไม่ติดแบบพวกมังกรนั่น

                เคร้ง คันธนูกับดาบ และ ดาบกับดาบ ปะทะกัน

                อินโดร่าพยายามดันดาบเข้ามา

                เอลิกอร์เอาพลังทั้งหมดมาให้ฉัน!”

                อิงศรเรียกร้องเอาพลังทั้งหมดกับปีศาจที่สถิตอยู่ในคันธนู พลังกายถูกเพิ่มขึ้นอย่างก้าวกระโดดหากไม่ทำแบบนี้ก็จะต้านรับดาบที่ปะทะเข้ามาไม่ไหวแค่ประดาบกันเบาๆ แขนก็รู้สึกชาไปหมด

                เรื่องความเร็วอาจจะไม่ได้ห่างกันมากแต่พลังเป็นของจริง เขาถูกดันจนเท้าถอยครูดไปข้างหลัง

                อิงศร!”

                ออร์ฟี่ฟาดไม้เท้ามาจากทางด้านหลังของอินโดร่า

                อือออออ โอววว!!”

                อินโดร่าส่งเสียงคราง เค้นพลังทั้งหมดออกมาฟาดอิงศรจนกระเด็นไปทั้งธนูทั้งดาบพร้อมกับเหวี่ยงตัวทั้งอย่างนั้นปัดไม้เท้าหลุดจากมือ ออร์ฟี่ไปพร้อมกัน

                อึก เจ้านี่”

                อิงศรถ่างขาออกให้ตัวเองหยุดกระเด็นแต่ก็ออกห่างมาก

                ตอนนั้นเอง

                ฟุ่บ ฟุ่บ ฟุ่บ

                อ๊ะ”

                พวกตัวตนจากโลกคู่ขนานที่เหลืออีกห้าคนก็วิ่งสวนเขาไปด้านหลังของอิงศรเสียแล้ว

                ข้างหลังที่ตอนนี้ไม่มีใครที่เป็นพวกสายยืนแนวหน้าเลยซักคน อย่างน้อยที่สุดถ้าพวกมีนายังใช้ร่างไฮพีเรี่ยนได้ก็ยังพอจะมีหวังแต่สนามรบถูกควบคุมด้วยกฎของเจ้าราหูอยู่จึงเป็นไปไม่ได้

                ดังนั้นจึงให้ทะลวงผ่านแนวหน้าไม่ได้โดยเด็ดขาด เด็ดขาด และ เด็ดขาด

                อิงศรหันกลับไป พยายามหันอย่างเต็มที่

                ทันทีที่เขาหันกลับไปเพื่อจะช่วยพวกพ้องแต่มันก็สายไปเสียแล้ว

                “…..”

                แถบพลังชีวิตของทุกคนว่างเปล่ากันหมด จากนั้นร่างก็ทยอยแตกเป็นเสี่ยงๆ ไปทีละคน ทีละคน

                เพียงแค่กะพริบตา

                ร่างของพวกพ้องก็แตกเป็นเสี่ยงๆ

                เมื่อกะพริบตาอีกครั้งก็ไม่เหลือใครอีกแล้วชีวิตของพวกพ้องถูกช่วงชิงไปทั้งหมด

                “…..”

                อิงศรทรุดเข่าลงกับพื้น

                “......”

                เขาโกรธที่ถูกทำลายพวกพ้องอย่างง่ายดาย

                แต่กลับไม่มีจิตใจที่จะต่อสู้หรือไฟแห่งความแค้นที่จะลุกโชนขึ้นมาเลยกลับเป็นบางอย่างที่น่าสมเพชกว่านั้นที่ลอยขึ้นมา

                ความว่างเปล่า.....

                ไม่ใช่ทั้งความหวาดกลัวหรือความสิ้นหวัง

                แต่เป็น ‘ความเปล่า’ ความรู้สึกที่เหมือนกับไม่มีอะไรจะให้เสียอีกแล้ว เป็นความรู้สึกที่น่าแปลกประหลาด

                เพราะว่าต่อสู้กับตัวตนที่เป็นดั่งความว่างเปล่าอย่างนั้นหรือเปล่านะ เพราะผู้รุกรานมีพลังที่น่าสิ้นหวังเกินไปจนทำให้จิตใจเตรียมพร้อมที่จะรับจุดจบแบบนี้เอาไว้จนถึงขั้นปลุกพลังหรือความรู้สึกขึ้นมาไม่ได้เลย

                นี่เรา...”

                ว่างเปล่า

                ว่างเปล่าไปหมดเลย

                นั่นคือบาปแห่งความว่างเปล่าไงล่ะ”

                อินโดร่าพูดพร้อมกับมองมาทางนี้

                อิงศรค่อยๆ หันกลับไป

                บาป....เหรอ”

                แล้วทวนคำพูดนั้นซ้ำอีกครั้งด้วยไม่เข้าใจในความหมายของมัน

                การเผชิญหน้ากับเทิร์นบริงเกอร์ก็คือการต่อสู้กับความว่างเปล่าไม่ว่าจะชนะหรือพ่ายแพ้ตัวตนของผู้ที่กล้าต่อกรกับพวกข้าก็จะถูกความว่างเปล่ากัดกินไปอยู่ดี อาใช่แล้วล่ะแล้วมันก็นึกขึ้นมาได้เลยว่าเคยความทรงจำแบบนั้นอยู่”

                ที่พูดอยู่ตอนนี้ดูแล้วน่าจะเป็นตัวราหูเอง มันกำลังพูดในสิ่งที่พวกเขาไม่มีข้อมูล เรื่องที่อาจจะเกิดขึ้นจริงข้างนอกเซิฟเวอร์ของโลกจำลองนี่

                เคยมีพวกโง่เขลาที่พยายามต่อต้านเทิร์นบริงเกอร์อยู่พวกมันสู้ได้สูสีเลยล่ะจนกระทั่งคนที่เก่งที่สุดของพวกมันเอาชนะอาจารย์ของข้าเต๋าตี้ลงได้ พริบตานั้นมันก็ถูกบาปแห่งความว่างเปล่ากลืนกินหัวใจไปทั้งหมดและเกิดใหม่ในฐานะเทิร์นบริงเกอร์ที่แข็งแกร่งยิ่งขึ้น อิงศรตอนนี้เธอก็กำลังจะกลายเป็นแบบเดียวกับคนๆ นั้นล่ะนะ”

                จะบอกว่าอิงศรจะกลายเป็นพวกของแกงั้นเรอะไม่มีทางหรอก”

                ออร์ฟี่ปฏิเสธเสียงแข็ง

                แต่ราหูก็ชี้ใส่ที่ตัวเอง ชี้ใส่ตัวเขาจากโลกคู่ขนานที่มันเอามาสวมร่างอยู่

                งั้นจะปฏิเสธตัวตนนี้งั้นเหรอนี่ก็คืออิงศรเหมือนกันนะเป็นตัวตนที่พ่ายแพ้ให้กับบาปแห่งความว่างเปล่าและเกิดใหม่เป็นผู้รุกรานต่างมิติอินโดร่าคนนี้ยังไงล่ะ”

                นั่นเหมือนกับจะบอกว่าตัวตนที่แหกกฎพรรค์นั้นจะกลายเป็นอนาคตของอิงศร

                คือความเป็นไปได้ที่ถูกกำหนดแล้วอย่างนั้นหรือ?

                อินโดร่าพูด

                เอาล่ะสกิลของข้าทำงานในเทิร์นนี้เมื่อทำการต่อสู้แล้วส่งไพ่ของคู่ต่อสู้ไปที่เพลนัลตี้บ็อกซ์ได้สกิลของอินโดร่าก็จะทำงานการ์เดี้ยนทั้งหมดจะกลายเป็นร่างไฮพีเรี่ยน”

                อิงศรตาเบิกกว้างขึ้นทันทีที่ได้ยิน

                แบบนั้นมัน....”

                ใช่แล้ว เข้าใจได้ถูกต้องเลยอิงศร มังกรแห่งความว่างเปล่าที่เคยเผชิญหน้าไปนั่นจะกลับมาทั้งหมดในคราวเดียวกันนี่แหละ”

                อินโดร่าหัวเราะ

                แล้วพริบตานั้นเอง

                เหล่าตัวตนจากโลกคู่ขนานของ มิ่งขวัญ กวินทร์ นรินทร์ เมษา มีนา ก็ถูกความมืดที่ไม่รู้จักโอบล้อมแล้วเปลี่ยนร่างไป

                แขนกำยำและกรงเล็บสีขาวฉีกความมืดออกมา

                ปีกซึ่งลุกโชนไปด้วยแมกม่าร้อนระอุพัดความมืดกระเด็นออก

                ดาวกระจายกังหันดำเฉือนความมืดออกจากกัน

                ดาบซึ่งพันทับด้วยผ้ายันต์สีเหลืองผ่าความมืดออก

                คมเคียวกระชากความมืดที่บดบังให้สลายหายไป

                ...และแล้ว

                มังกรทั้งห้าตนนั้นก็กลับคืนสู่สนามรบล้อมกรอบอิงศรกับออร์ฟี่ไว้ใจกลางวงล้อม

                ทีนี้ก็มาถึงตอนสุดท้ายของ ‘บท’ เสียทีจะปิดฉากละครแห่งโชคชะตาจอมปลอมนี่ด้วยฉากละเลงเลือดของผู้กอบกู้ที่ใกล้จะตกลงสู่ความว่างเปล่าล่ะนะ”

                อินโดร่าพูดแล้วจึงสะบัดมือเป็นสัญญาณ

                ฆ่า.....เลย”

                มังกรทั้งหมดโจมตีเข้ามาพร้อมๆ กัน โดยปกติแล้วแค่การโจมตีของตัวเดียวก็แทบเป็นไปไม่ได้ที่จะป้องกันด้วยพลังในร่างนี้

                ดังนั้นอิงศรจึงไม่ขยับตัว

                ขยับตัวไม่ได้เพราะมันกะทันหันเป็นอย่างมาก เส้นทางหนีถูกปิดตายจากทุกทาง

                จะใช้ปีศาจหรืออาคานาร์ก็ไม่ได้ผลกับราหูอยู่แล้วอย่างเจ้ามังกรพวกนี้แข็งแกร่งกว่าจึงตัดไปได้เลย

                “….”

                อิงศรหลับตาลง เขายอมรับความตาย

     

                นี่ถ้าจะให้จบอยู่แบบนี้ล่ะก็ยอมรับออกมาไม่ดีกว่าเหรอ’

                เสียงของเมอร์คาบาห์ซึ่งเอาแต่ยืนดูดังก้องในจิตใจ

     

                น่าจะเอาออกมาใช้ได้แล้วล่ะมั้งตัวเธอเองก็น่าจะเข้าใจดีตั้งแต่ตอนที่ได้ฉันกลับมาแล้วนี่ เป็นวิธีที่มีแต่เธอที่เคยเป็นท่านซูลวานเท่านั้นที่จะ....’

                แต่เขาไม่ใช่ซูลวาน

                ไม่อยากจะยอมรับเรื่องนั้น ถ้ายอมรับทุกอย่างจะกลายเป็นเรื่องโกหก

                เรื่องที่องิศรคนนี้ไม่เคยมีตัวตนนั้นเป้นเรื่องที่ไม่มีวันยอมรับได้เด็ดขาดไม่อย่างนั้นทุกคนจะต้องเสียใจภายหลังแน่

                ถ้าไม่รีบเข้าล่ะก็ ‘บท’ มันก็จะเดินหน้าไปอีกขั้นจามทางของมันเองแล้วนะลืมตาสิแล้วมองดูผลลัพธ์ของทางเลือกที่เธอจะก้าวเดินต่อไปจากนี้’

                คำพูดนั้นทำให้อิงศรปรือตาขึ้น

     

                เพราะเห็นว่าเวลาผ่านไปนานแล้วแต่ก็ยังไม่รู้สึกถึงความเจ็บปวด

                “….”

                นั่นก็เพราะว่า

                อ....ออร์ฟี่!”

                ออร์ฟี่ช่วยกางสนามพลังป้องกันต้านทานการโจมตีของพวกมันอยู่แต่ก็จวนเจียนจะไปแล้วเหมือนกัน

                อึก...ม...ไม่ไหวแล้ว”

                สนามพลังหายไปทันทีหลังจากกล่าวคำพูดนั้นแต่การโจมตีก็หยุดลงเช่นกัน

                ตอนที่คิดว่ารอดจากวิกฤติไปได้แล้วนั่นเอง

                เผลอคิดไปแวบหนึ่งจริงๆ ว่าจะมีหนทางให้ไปต่อได้

                อา แบบนั้นแหละแสดงใบหน้าที่มีความหวังแบบนั้นแล้วดิ่งลงไปยังก้นบึ้งแห่งความสิ้นหวังซะ”

                มังกรดำหยาจื้อก็พุ่งเข้ามา เหวี่ยงคมเคียวเกี่ยวท้องออร์ฟี่แล้วจับเหวี่ยงทิ้งออกไปทั้งแบบนั้น

                อั่ก”

                ออร์ฟี่ลอยละลิ่วขึ้นไปข้างบน

                ขณะเดียวกันมังกรอีกตัว เต๋าตี้ก็สร้างกังหันสีดำขึ้นที่ด้านหน้าของมัน

                เมบิอุสบลาสเตอร์”

                ลำแสงสีดำกราดยิงออกจากกังหันเป็นสาย

                ลำแสงปะทะกับออร์ฟี่แล้วก็ระเบิด ตูม ตูม ตูม หมอกควันจากการระเบิดบดบังทัศนียภาพจนไม่รู้ว่าออร์ฟี่เป็นอย่างไรบ้าง

                ดวงตาสีแดงของมังกรเต๋าตี้มองลึกเข้าไปในหมอกนั่น มองทะลุหมอกแล้วพูดผลของการโจมตี

                หายไปแล้วถูกส่งไปที่เพลนัลตี้บ็อกซ์แล้วสินะ”

                เมื่อหมอกควันจางลงก็ไม่มีวี่แววของออร์ฟี่เหลืออยู่เลยอย่างที่มันบอกจริงๆ

                ตัวคนเดียวแล้วนะ”

                กงฟู่มังกรซึ่งมีหกปีกและร่างชุ่มไปด้วยแมกม่าพูด

                ทำให้มันจบๆ ไปซักทีเถอะ”

                อินโดร่าพูด

                อิงศรเขาเป้นคนรักพวกพ้องครอบครัวน่าสงสารเขาออกเนอะอย่างไงก็เป็นคนๆ เดียวกันนี่รีบๆ ส่งไปหาเพื่อนๆ ก่อนที่จะร้องไห้ฟูมฟายดีกว่า”

                แล้วหัวเราะเหยียดหยาม

                “…..”

                อิงศรไม่ได้ยินที่พวกนั้นพูดคุยกันเลยนับตั้งแต่ที่ออร์ฟี่เสียทีพวกมันไป ภายในหัวมันก็โล่งไปหมด

                และแล้วเสียงก็ดังขึ้นมาอีก

                นี่....’

                เสียงรบเร้าของเมอร์คาห์ที่เขาไม่รู้จักอีกแล้ว

                ตั้งแต่ตอนที่ได้คืนมาหลังจากการทดสอบคราวนั้นเมอร์คาบาห์ก็ไม่ใชตัวตนของกันและกันอีกต่อไป

                บางทีอาจจะตั้งแต่ตอนที่อดัมแยกตัวออกไปแล้วก็ได้ที่เมอร์คาบาห์เปลี่ยนไปก็เพราะแบบนั้น

                เพราะแบบนั้นเลยกลายเป็นข้ารับใช้ของซูลวาน

                แล้วมอบก็สัญญาแลกเปลี่ยนมา ข้อเสนอที่จะทำให้จบสงครามนี้อย่างง่ายดายเพียงแค่พลิกฝ่ามือเลยทีเดียว

                แต่ตัวเขาเอง... ตัวตนของอิงศรที่สู้ร่วมกับพวกพ้องมาโดยตลอดเลือกที่จะไม่ตอบรับข้อเสนอนั้น

                ตัวเขาเลือกที่จะต่อสู้ไปพร้อมกับพวกพ้องจนถึงที่สุดเลยเมินตัวเลือกนี้ไป

                “….”

                พอรู้สึกตัวหอกแห่งเมสสิยาห์ที่เก็บมาจากมิ่งขวัญของโลกคู่ขนานซึ่งเขาเก็บเอาไว้ในคลังเก็บของก็มาอยู่ในมือตั้งแต่เมื่อไหร่ก็ไม่รู้

                หอกอันนี้คือปากกาเซ็นสัญญากับเมอร์คาบาห์

                คือสิ่งที่ใช้สำหรับพิธีกรรมคืนชีพที่แท้จริง

                เสียงของเมอร์คาบาห์รบเร้ามาอีก

                ถ้ายอมกลับไปเป็นซูลวานก็จะลบราหูออกไปจากเรคคอร์ดของรากอาคาชิกได้ทันทีทั้งที่มันก็ชัดเจนอยู่แล้วว่ามีแต่ทางนี้ทำไมถึงยังดื้อดึงอีกล่ะ’

                แต่ว่า ถ้าทำแบบนั้นก็จะไม่ใช่มนุษย์อีกต่อไป....

                ทั้งที่รู้บทสรุปของการต่อสู้นี้ตั้งแต่แรกก็ยังเลือกที่จะฝืนมันหรือว่าไม่อยากให้เป็นไปตามที่ขีดเอาไว้งั้นเหรอ อยากจะให้ราหูเป็นผู้เลือกส้นทางสินะ’

                ไม่ใช่!”

                อิงศรตะโกน

                เขากำหอกในมือแน่นแล้วลุกขึ้น

                พวกเราจะเลือกหนทางเอง… จะตัดสินทางที่จะก้าวเดินไปข้างหน้าเอง”

               

     

    ***ตอนหน้าอาจจะลงไม่ทันวันอาทิตย์เพราะต้องเขียนสรุปทีเดียวหมดจบในตอนเลยครับ เรื่องที่ดำเนินยาวนานมาถึงสามปี ไม่สิสี่ปีแล้วจะจบลงตรงนี้แล้วสินะ จะว่าไปตอนช่วงปีแรกๆ มีรีดที่เคยคุยกับไรท์ว่าตอนจบส่อแววแบดเอนด์เหลือเกิน(ช่วงนั้นน่าจะเขียนถึงตรงที่อิงศรขึ้นดีเซมแมร์ครั้งแรกแล้วอาละวาดอยู่ล่ะมั้ง) เอาล่ะมาดูกันว่าตอนจบนี้จะตรงกับที่ใครได้คาดการกันไว้หรือไม่ โอเมก้า!! ****

    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    นิยายที่ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×