ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    12Tails: Tails Apocalypse Ⓣ (Turn Bringer Invasion)

    ลำดับตอนที่ #11 : Chapter 8.5: Mana/Myth Tailogy Special

    • อัปเดตล่าสุด 11 พ.ค. 59


    Mana/Myth Tailogy
    รวมภาคผนวกอธิบายเกร็ดเล็กเกร็ดน้อยในเนื้อเรื่องจ้า

     
    เนื่องจากการอ่านแต่ตัวFic อย่างเดียวบางครั้งจะเจอกับศัพท์เฉพาะทางซึ่งอธิบายใน Fic ทีเดียวไม่หมดจึงขอแยกมา
    อธิบายข้างนอกแทนละกันเน่อ เผื่อบางท่านต้องการรายละเอียดเชิงลึกทางแฟนตาซี ของเรื่องนี้ หรือพวกธีมในการตั้งชื่อ
    ของตัวละครแต่ละตัวเอามาจากไหน ก็มีในนี้เช่นกันจ้า



    **กษัตริยา ยุวราชแห่งแสง บุตรผู้เป็นดั่งแสงสว่าง
     
    จะกล่าวถึงเวทมนต์บทต่างๆของ กษัตริยา ในตอนที่ผ่านมาว่ารายละเอียดของมันมายังไงเป็นยังไง
    โดยในครั้งนี้จะขอกล่าวถึงบทศาสตราศักดิ์สิทธิ์ ล้วนๆ
     
    -----------------Holy Arms-------------------
    ศาสตราศักดิ์สิทธิ์  ซึ่งเป็นเวทมนต์สายถนัดของ กษัตริยา ราชาแกะสาวแห่งโรจนคร ที่จริงถึงจะพูดว่าเป็นเวทมนต์ แต่โดยเนื้อแท้แล้วมันไม่ใช่เวทมนต์เสกอาวุธออกมาจริงๆ
    หรอก มีเรื่องเล่าในบรรดาหมู่สัตว์หางว่า บนโลกใบนี้มีคลังวิเศษในตำนาน ซึ่งว่ากันว่าเป็นของชนเผ่าไร้หาง คลังแห่งนั้นเก็บรักษา ต้นฉบับของอาวุธวิเศษจากทั่วโลกเอาไว้
    และมีเพียงผู้ที่ได้รับอนุญาต เท่านั้นที่จะเชื่อมต่อกับคลังวิเศษนั้นเพื่อนำเอา อาวุธที่เก็บอยู่ออกมาใช้
     
    การนำออกมาใช้ในที่นี้มีแบ่งเป็นระดับคือการนำเอาพลังของต้นฉบับอาวุธมาใช้ กับ นำตัวอาวุธจริงๆออกมาใช้ โดยการจะนำตัวอาวุธจริงๆออกมาใช้นั้นจำเป็นต้อง
    ขานชื่อเรียกของอาวุธที่จะนำออกมาด้วย อาวุธที่ กษัตริยาสามารถเรียกใช้ได้มีทั้งหมด 5 ชนิด คือ ศรพรหมมาสตร์ ดาบเอกซ์คาลิเอร์ หอกกุงกุเนียร์ ขวานปรศุ  กริชอาเกดะห์  และ โล่ โรห์ เอียส
     
    -------------------คลังวิเศษ---------------------
    ตัวจริงของคลังอาวุธวิเศษที่กษัตริยา เรียกมาใช้นั้น คือ "ปรากฏการณ์ทางเวทมนต์รูปแบบหนึ่ง" ที่เก็บบันทึกข้อมูลของ ศาสตราวิเศษมากมายในอดีตกาลเอาไว้
    เมื่อมีการเชื่อมต่อกับคลัง ตัวคลังวิเศษจำลองศาสตราขึ้นมาจากข้อมูลต้นฉบับที่มี ขึ้นมา แล้วส่งออกไปให้ผู้เชื่อมต่อ ดังนั้นศาสตราที่เรียกใช้จากคลังนี้
    จึงไม่ใช่ของที่เป็นวัตถุร่างจริงหากแต่เป็นวัตถุสมมติที่สร้างขึ้นมา ในรูปแบบของวิญญาณอาวุธ
     
     
    =============Light Bind=============
     จงแผลงออกไปจากหน่วยเป็นสิบ จากร้อยเป็นพัน พรหมมาสตร์ เอ๋ย เจ้าจงพิฆาตอริข้าให้สิ้นไป 
    ==> นี่เป็นคาถาสำหรับพันธนาการศัตรู แม้ว่าในเนื้อเรื่องจะเห็นว่ายิงออกไปเป็น ร้อยเป็นพันดอกในคราเดียวก็ตามที แต่พลังทำลายก็ไม่ได้รุนแรงอะไรมาก เป้าหมายของเวทย์นี้คือการหยุดศัตรู ตัวบทเวทย์
    จะกล่าวถึง ศรพรหมมาสตร์ ซึ่งเป็นศรจากตำนานรามเกียรติ์ เป็นหนึ่งในศรทั้งสามของ อินทรชิต
     
    จึ่งจับพรหมมาสตร์ขึ้นพาดสาย                        หมายองค์พระลักษณ์รังสรรค์
    หน่วงน้าวเหนือคอเอราวัณ                             กุมภัณฑ์ก็ผาดแผลงไป
     
       
     
         บันดาลเป็นศรเกลื่อนกลาด                       ทำอำนาจพ่างพื้นแผ่นดินไหว
    ต้องพระน้องพระตรีภูวไนย                             กับหมู่พลไกรโยธี
    ทั้งสิบแปดมงกุฎวานร                                  สุครีพฤทธิรอนกระบี่ศรี
    องคตลูกพระยาพาลี                                    ล้มลงกับที่พสุธา
    (Credit: http://www.reurnthai.com/index.php?topic=3289.0)
    จากด้านบนเป็นกลอนที่ตัดมาจากตอนหนึ่งในรามเกียรติ์ ซึ่งในตัวบทเวทย์ได้บอกว่า แผลงออกไปจากร้อยเป็นพันนั้น คือการบ่งบอกถึงอำนาของศร ที่แตกตัวเกลื่อนกลาดใส่กองทัพของพระรามนั่นเอง
     
     ==============Repel==============
     ข้าได้ภาวนาและกล่าวอย่างนอบน้อมต่อ มหาวงแหวนทั้งเจ็ดแห่งสรวงสวรรค์  โรห์ เอียส สามในเจ็ดของ
    เจ้าจงมาปกปักพิทักษ์ข้า 
    ==============Reverse==============
    ข้าได้ภาวนาและกล่าวอย่างนอบน้อมต่อ มหาวงแหวนทั้งเจ็ดแห่งสรวงสวรรค์  โรห์ เอียส วงแหวนทั้งเจ็ดของเจ้าจงมาปกปักพิทักษ์ข้า   
     
    ==> ทั้งสองเวทย์นี้จะกล่าวถึง โรห์เอียส/โรห์ ไออัส (Rho Aias)  ซึ่งเป็นโล่ของ ไออัสหรืออาแจกซ์ ในมหาสงครามโทรจันกล่าวกันว่าเป็นโล่สัมฤทธิ์หุ้มด้วยหนังวัว 7 ชั้น
     
    ==========Divinity Sword==========
    ราชาผู้หลับไหลในศิลาหิน ผู้ผูกพันด้วยสัญญา ข้าขอน้อมรับชัยชนะตามคำสัตย์ของท่าน….. 
    ==>ผู้หลับไหลในศิลาหินนั้นหมายถึงดาบชื่อดัง ดาบเอกซ์คาลิเบอร์ ดาบของกษัตริย์อาเธอร์ ที่ว่ากันว่าเสียบอยู่ในก้อนหินนั่นเอง และยังเป็นดาบแห่งชัยชนะ ตัวบทจึงกล่าวถึงพลังอำนาจที่ว่าจะมอบชัยชนะ
     
    ==========Divinity Spear==========
    ราชาผู้ประทับบนพระหัตถ์ของพระเจ้า ผู้ไล่ล่าไม่ลดละ ข้าขอน้อมรับการไล่ล่าไม่สิ้นสุดของท่าน….. 
     
    ==>อันนี้ก็เป็นหอกชื่อดังเช่นกัน ที่ว่าประทับบนพระหัตถ์ของพระเจ้า พระเจ้าในที่นี้คือโอดิน
    เทพสูงสุดของนอร์ธ เช่นนั้นแล้วหอกนี้คือหอก กุงกุเนียร์ หอกประจำตัวของโอดิน นั่นเอง
    ซึ่งพลังของมันคือหอกที่ขว้างไปล้วจะไม่มีวันพลาดเป้า ตามตัวสกิลเป๊ะเลย ใช้แล้วทิ่มรัว
    หนีไม่พ้นนั่นเอง  จึงนับเป็นหอกแห่งการไล่ล่าโดยแท้จริง
     
    ==========Divinity Axe==========
    ราชาผู้จมปักในพระศอ ผู้ประหารทรราชย์ ข้าขอน้อมรับภาระกิจของท่าน…..
    ==>สำหรับบทนี้ อ่านแล้วอาจจะงงว่าหมายถึงอาวุธอันไหนเพราะว่ากันตามตรงแล้วแทบจะไม่มี
    ตำนานที่ดังๆของขวานเลย ซึ่งเวทย์บทนี้ที่จริงแล้วมันกล่าวถึง ปรศุรามาวตาร ซึ่งเป็นหนึ่งในปางอวตารของพระวิษณุ ตัวบทเวทย์กล่าวถึงมันในฐานะขวานปราบทรราชย์ ก็มีที่มาจากเรื่องราวของปรศุรามาวตารอวตารนั่นเอง
    (รายละเอียดไปหาเพิ่มเอาเองนะครับอันนี้ย่อไม่ไหวจริงๆ=_=)
     
     
    =========Seal of Attack & Seal of Defense==========
    สังฆราชผู้สถิตย์กับองค์ศาสดา ผู้มอบการทดสอบ ข้าขอน้อมรับการทดสอบของท่าน
    ==> สกิลปักซีลนี้ตัวคำร่ายเวทย์ จะแปลกกว่า เวทย์ศาสตรา อันก่อนๆที่ผ่านมาไม่ว่าจะ ดาบ หอก ขวาน ก็จะขึ้นต้นด้วยชนชั้นกษัตริย์ หรือ ราชา ทั้งสิ้น ส่วนหอกนั้นกล่าวพระเจ้าซึ่ง
    พระเจ้าที่ว่านั้นเป็นประมุขของเหล่าเทพแห่งนอธก็นับว่าเป็นชนชั้นกษัตริย์เช่นกัน ส่วนเวทย์ปักซีล เนื่องจากจะหาอาวุธที่มีความเกี่ยวข้องกับพิธีกรรมมากที่สุดก็คงไม่พ้นกริช  หรือ มีดหมอซึ่ง
    ในเนื้อเรื่อง กษัตริยา จะใช้กริชทองคำ หย่อนให้จมลงไปในดินแล้วจะเกิดตราสัญลักษณ์ของซีลขึ้นบนพื้น ตัวบทเวทย์ กล่าวถึงสังฆราช ก็เพื่อเป็นการบอกถึงชนชั้นกษัตริย์ในทางศาสนานั่นเอง
    ส่วนอาวุธที่ถูกกล่าวถึงนี้คือ กริชสังหารบุตรอาเกดะห์ ซึ่งมาจากคำสอนทางคริสต์เรื่องหนึ่ง โดยมีอยู่ว่า
     
    - อับราฮัมเป็นผู้ที่มีศรัทธามั่นในพระผู้เป็น เจ้าเสมอจนแม้จะจับบุตรชายคนเดียวของตนมาสังเวยต่อพระองค์ก็ทำได้ 
    แต่พระเป็นเจ้าก็ทรงเมตตาทดลองใจเท่านั้น แล้วทรงส่งทูตสวรรค์ลงมายับยั้งไว้ กริชเล่มนั้นมีอีกชื่อในภาษาฮีบรูว์ว่า “อาเกดะห์ (Akedah)”-
     
    ==================Soul of Arm==================
    ข้าขอวิงวอนต่อ องค์กษัตริย์ทั้งสี่ที่ได้รับเลือก ผู้หลับไหลในศิลาหิน ผู้ประทับบนพระหัตถ์ของพระเจ้า ผู้จมปักในพระศอ ผู้สถิตย์กับองค์ศาสดา ภายใต้นามแห่งกษัตริย์ เอกซ์คาลิเบอร์ กุงกุเนีย ปรศุ อาเกดะห์ ข้าขอน้อมรับ วิญญูศาสตรา!!
    ==>เวทย์สุดอลังการ(แต่เบา)ของน้องแกะนั่นเอง ตัวเวทย์จะเป็นการกล่าวถึงอาวุธ ศักดิ์สิทธิ์ในบทก่อนๆ
    แต่มีการประกาศนามที่แท้จริงออกไปด้วยเพื่อเป็นข้อตกลงในการเรียกใช้พลังเต็มๆหรือก็คือเรียกใช้ต้นฉบับตัวจริงของอาวุธเหล่านั้น
    คำว่า วิญญูศาสตรา (อ่านว่า วิน-ยู-ศาส-ตรา) มาจาก การประสมคำระหว่าง วิญญาณ + ศาสตรา ซึ่งก็ตรงชื่อสกิล
    เป๊ะๆ 
     
    -----------------------------------------------------------------------------------------------------------


    Endless Arts Bless สุดขีดแห่งการเรียนรู้แดนแห่งสรรพวิชาอนันต์



    สุดยอดท่าไม้ตายของ เรจิ พระเอกจอมลอกข้อสอบของเรานั่นเองครับ เริ่มจากคาถาเรียกใช้กันก่อนเลย


    I am the Glass of those Glasses.  - ตัวข้าคือแก้วของกระจกเหล่านั้น 
     
    'All Arts' in my left hand and  'Experience' Own  Right. - สรรพวิชาในมือซ้าย และ ประสบการณ์เป็นของข้า 
     
    I have seen a thousand Arts. - ข้าได้เห็นวิชามานับพัน
     
    Some are Simple, Some are Difficult. - บ้างเรียบง่าย บ้างลำบากยาก
     
    Endure pain to train many arts. - กล้ำกลืนต่อความเจ็บปวดเพื่อฝึกฝนวิชาทั้งหลาย
     
    Although  those eyes will never find anything. - แม้ดวงตาคู่นั้นจะไม่เคยพบสิ่งใด
     
    my life will the next alive. - ชีวิตของข้าจะคงอยู่ต่อไป
     
    my wishful only " Endless Arts Bless " - ความปรารถนาของข้ามีเพียง พรแห่งสรรพวิชาไร้ขีดจำกัด
     
    คาถาของเรจิ ซึ่งใช้ขยายโลกที่อยู่ภายในจิตใจออกมาสู่ภายนอก เนื่องจากมันเป็นโลกที่สร้างขึ้นมาจากจิตของ เรจิ
    ตัวตนของโลกจึงมีความหมายเชิงลึกเกี่ยวกับตัวของเรจิ ด้วย 
    ความหมายของคาถาบทนี้คือ เปรียบเปรยตัว เรจิ คือแก้วที่เกิดจากทรายก่อตัวเป็นกระจกเหมือนกระจกในโลกสมมติที่สร้างขึ้น
     คุณสมบัติของกระจกคือการสะท้อน

     
     "นั่นแสดงถึงการโต้ตอบด้วยท่าวิชาเดียวกัน"(output) และ อีกความหมายนึงของ glass ในบทคาถา ก็ยังหมายถึงเลนส์ด้วย
    ใช่ครับเลนส์แว่นตานั่นแหละ แต่ในที่นี้จะเป็นการเปรียบเปรยถึงเลนส์ในดวงตา ซึ่งใช้มองท่าวิชาของคู่ต่อสู้ "นี่ก็คือการลอกเลียนแบบมา" (input) 
     
    'All Arts' in my left hand and  'Experience' Own  Right. (ในวรรคที่สองตรงนี้จงใจให้เป็นการเล่นคำ ที่จริงจะแปลว่า ประสบการณ์ในมือขวาก็ได้ แต่ Right ตัวนี้ให้อีกความหมายว่า สิทธิ
     ได้ด้วยเลยแปลให้เป็นสิทธิในการครอบครองประสบการณ์ ซึ่งก็ตรงตามความสามารถของ เรจิ ที่สามารถเลียนแบบ ท่าไม้ตายของคู่ต่อสู้ได้)
    ซึ่งจริงอยู่ว่าเล่นแบบนี้มันผิดหลักไวยากรณ์กันเห็นๆ แต่หยวนๆเถอะครับ เพราะยังไงซะนี่ก็คาถาอย่างนึง บางทีการที่มันผิดหลักการอาจจะมีความนัยแฝงไว้จริงๆก็ได้ XD
     
    Some are Simple, Some are Difficult. - บ้างเรียบง่าย บ้างลำบากยาก
    วิชาทั้งหลายมีทั้งที่ยากและง่ายแต่สิ่งสำคัญต่อการฝึกฝนวิชาคือความอดทน สำหรับการฝึกท่าวิชาที่มากมายก็จะต้องอดทนมากตามไปด้วย
     
    5 วรรคแรก คือการบอกเล่าวิถีชีวิตของ เรจิ จะเห็นได้ว่าที่ผ่านมา เรจิ จะมีนิสัยเหมือนเด็กไร้เดียงสาที่ไม่รู้ความอะไรเท่าใหร่
    แต่ก็ค่อยๆซึมซับและเรียนรู้ จากผู้คนรอบตัวคล้ายกับกระจกที่สะท้อนตัวตนของผู้คนเหล่านั้น
    จนเป็นที่มาของความสามารถในการลอกเลียนแบบท่าวิชาต่างๆได้เหมือนในวรรคบนๆนั่นเอง
     
    3 วรรคสุดท้ายนั้นความมหมายของมันค่อนข้างจะตรงตัว คือถึงแม้จะเรียนรู้จากมองดูผู้คนรอบตัวมามากมาย แต่ ความรู้และความารถที่พบมาเป็นเหมือนภาพลวงตาที่หล่อหลอมให้เป็นตัวเค้า
    เรจิ ไม่เคยพบกับตัวตนที่แท้จริงของตัวเอง แต่ที่เขารู้คือเขาอยากมีชีวิตต่อไปและเพื่อการนั้น
    หากความรู้และประสบการณ์คือ วิชาและ ความปรารถนาทั้งหมดของเขาก็มีเพียง การเรียนรู้ที่ไม่จบสิ้น
    ตามชื่อของ โลกสมมตินี้ Endless Arts Bless นั่นเอง

    -----------------------------------------------------------------------------------------------------------


    Avartara Ability(AA)
     
    ความสามารถอวตาร เป็นกลุ่มของขุมพลังหลักของ  เซเวอร์กัลกี(Kalki) ซึ่งชื่อ กัลกี เองก็มาจากปางอวตารหนึ่งของ พระวิษณุเช่นกันครับ
    รวมไปถึงอวตารที่จะพูดถึงต่อไปนี้ซึ่งปรากฏขึ้นมาแล้วในเนื้อเรื่อง
     
    Kurma (Sanskrit: कुर्म)  เกราะป้องกันไร้เทียมทาน
    ในเนื้อเรื่อง เซเวอร์ได้อธิบายไปหน่อยนึงแล้วเกี่ยวกับ อวตารนี้เป็นภาคหนึ่งของ พระวิิศณุที่อวตารลงมาเป็นเต่ายักษ์เพื่อใช้กระดอง
    รองรับเขามันทระที่ใช้ในการกวนเกษียรสมุทร ความแข็งแกร่งของกระดองเต่าที่รองรับภูเขายักษ์ทั้งลูกเอาไว้ คือหัวใจ
    ของ AA นี้นั่นเองครับ ซึ่งจะสร้างเกราะป้องกันโปร่งแสงขึ้นมาได้โดยไม่จำกัดรูปร่างหรือรูปแบบใดๆ คล้ายๆกับการดูละครใบ้
    ที่ผู้แสดงละครใบ้ทำเหมือนกับว่ามีกำแพงอยู่ตรงหน้าทั้งที่จริงๆแล้วมันไม่มี(ถ้ารู้จักโปเกม่อนที่ชื่อ บาเรียด(Mr.Mine)
    ก็จะเข้าใจดีครับว่าพลังมันเป็นยังไง ประมาณนั้นเลยครับ(ฮา))


    Varaha (Sanskrit: वराह) 
    อำนาจพลิกผืนดินหรือยกแผ่นดินขึ้น
    เป็นภาคอวตารของพระวิษณุเช่นกัน อวตารเป็นหมูป่า มีสองตำนานหลักๆคือ 1) เพื่อปราบอสูรนาม "หิรัณยากษะ" ซึ่งลักเอาแผ่นธรณีไปโดยการม้วนแล้วเหน็บไว้ที่ข้างกาย และ 2) เพื่อยุติการประลองพลังอำนาจกันระหว่าง พระศิวะ และ พระพรหม
    ในFicจะอิงตามตำนานแรก ซึ่งหลังจากปราบ หิรัณยากษะ สำเร็จ พระวิษณุร่างหมูป่าก็เอาเขี้ยวงัดแผ่นธรณีปูกลับไปบนโลก
    ซึ่งที่มาของพลังในการควบคุมปฐพี ให้พลิกกลับแยกแผ่นดินออก หรือ ยกแผ่นดินขึ้นด้วยนั่นเอง


    Vamana (Sanskrit: वामन) 
    เพียงสามย่างก้าวไปได้ทั้งจักรวาล
    อวตารนี้ พระวิษณุจะอวตารเป็นพราหมณ์เตี้ย เพื่อปราบอสูรนาม "พาลี" ผู้เป็นเหลนของ "หิรัณยกศิปุ" เนื้อเรื่องเต็มๆหาอ่านเอาที่ลิงค์นี้เลยครับ
    เนื้อความสำคัญของอวตารนี้ คือ"ตรีวิกรม" หรือ "ย่างสามขุม" ซึ่งมาจากตอนที่ พราหมณ์เตี้ยคืนร่างเป็นพระวิษณุแล้วทรงขยายร่างให้
    ใหญ่เท่าจักรวาล ย่างก้าวแรกเหยียบหมดทั้งผืนโลก ก้าวที่สองย่างเหยียบสวรรค์ เพียงสองก้าวของพระองค์ก็ทรงได้ทั้งสวรรค์ทั้ง
    โลกมนุษย์กลับคืนมา จึงกลายเป็นพลังในการก้าวสามก้าวแล้ววาปไปได้ทุกที่นั่นเองครับ

    Rama (Sanskrit:राम )  
    ทักษะการยุทธระดับกษัตริย์ และ บารมีสะท้อนคำสาป
    อวตารนี้คิดว่าทุกคนต้องรู้จักแน่ๆครับ มันคือ รามาวตาร หรือ รามเกียรติ์ สำหรับความสามารถ AA อันนี้
    คือที่มาของพลังในการต่อสู้หลักๆหรือก็เชิงดาบยุทธวิธีต่างๆในการรบของ เซเวอร์ นั่นเอง ทุกท่านอาจจะงงกันบ้าง
    ว่าทำไมในตอนที่ 2 เซเวอร์ถึงใช้ AA นี้ในการสะท้อนคำสาปของ มอร์กาน่า ได้ เพราะว่าแท้จริงแล้ว AA อันนี้
    ได้พ่วงอวตารอีกหนึ่งอวตารไว้ด้วยซึ่งเป็นอวตารย่อยในบรรดาอวตารหลักๆของ อวตารอื่นๆซึ่งก็คือ
    อัปสราวตาร (อวตารเป็นนางอัปสร หรือ นางฟ้าผู้เลอโฉม)  ซึ่งอวตารนี้ปรากฏในตอนกวนเกษียรสมุทรด้วยเช่นกัน
    เพื่อหลอกล่อเหล่าอสูร เพื่อให้เหล่าเทวดาได้ดื่มน้ำอมฤตที่ได้จากการกวนเกษียรสมุทร และอีกตอน ในอวตารพระรามนี้
    นางอัปสร ปรากฏขึ้นในเรื่อง นนทก คิดว่าคงจะเคยได้ยินกันมาบ้างกับเรื่องเล่านี้เพราะมันคือ ต้นกำเนิดของ รามาวตารอีกทีครับ
    เรื่องมีอยู่ว่า

    นนทกเป็นยักษ์รับใช้พระศิวะ ทำหน้าที่ล้างเท้าเทวดาที่จะเข้าเฝ้าพระศิวะอยู่ที่เขาไกลลาส ถูกเหล่าเทวดาข่มเหงเสมอ
    จึงไปขอพรจากพระศิวะ พระศิวะประธานพรให้มีนิ้วเพชรชี้ให้ตายตามคำขอ ด้วยจิตอาฆาตเหล่าเทวดาที่เคยข่มเหงรังแก
    จึงเที่ยวชี้ให้เทวดาเหล่านั้นตายมากมาย ร้อนถึงพระนารายณ์ต้องมาปราบนนทก พระนารายณ์จึงแปลงกายเป็นนางฟ้ามี
    รูปโฉมงดงามมาหลอกให้นนทกรักใคร่ นนทกเกดจิตปฏิพัทธ์ในตัวนางฟ้าแปลง จึงหลงกลร่ายรำตามคำเชิญของ
    นางฟ้าแปลง นนทกลืมตัวร่ายรำในท่าใช้นิ้วชี้เข้าหาตัวเองจึงล้มลงตาย นางฟ้าจำแลงจึงสำแดงกายแท้จิงให้เห็นเป็น
    พระนารายณ์ นนทกก่อนตายได้ตัดพ้อต่อว่าเพราะมีสี่กร พระนารายณ์จึงชนะตนได พระนารายณ์จึงประธานพรให้นนทก
    เกิดชาติหน้าเป็นทศกัณฑ์ มี10เศียร20กร มีฤกธ์เดชมาก ครองเมืองลงกา ส่วนตัวพระนารายณ์จะไปกิดเป็นพระรามมนุษย์
    เดินดิน มี 2กร เดินทางไปปราบทศกัณฑ์ (Credit
    : http://www.thaigoodview.com/library/studentshow/st2545/5-5/no29/nontok.htm)


    ดังนั้นมันจึงเป็นที่มาของพลังในการย้อนคำสาปนั่นเองครับผม ก็ขนาดคำสาปของ พระศิวะ ยังย้อนกลับไปได้(ถึงจะเป็นการใช้เล่ห์กลก็เถอะ=w=)
    จะเอาอะไรกับ มอร์กาน่า ที่เป็นแค่ค้างคาวตัวหนึ่งล่ะครับ เหอๆ=w='


    Kalki (Sanskrit: कल्कि) 
    ทรงร่างราชันย์วีรชน เคียงคู่ดาบ"ธรรมะ"(Dharma)

    กัลกิยาวตาร (อวตารเป็นมนุษย์ผู้ขี่ม้าขาว หรือ กัลกี) เป็นอวตารที่ยังไม่เกิดขึ้น แต่เป็นการทำนายอนาคตไว้ว่า
    ในยามที่เป็นปลายแห่งกลียุค ที่ที่เมื่อผู้คนไม่รู้จักธรรมะ ไม่รู้ผิดชอบชั่วดีอีกต่อไป โลกทั้งโลกต้องเผชิญกับยุคเข็ญไปทุกหย่อมหญ้า
    จะมีบุรุษขี่ม้าขาวปรากฏตัวขึ้นเพื่อปัดเป่าความทุกข์ยาก และนำธรรมะกลับมาสู่มวลมนุษย์อีกครั้งหนึ่ง


     
    คำจำกัดความของ อวตารนี้คือตัวตนที่เที่ยงแท้ของ เซเวอร์ ครับคือเป็นผู้มาช่วยเหล่ามนุษย์อย่างพวกเราซึ่ง ล้มหายตายจากไปแล้ว
    เป็นเวลา 5000ปี จนตอนนี้กลายเป็นสัตว์หางขึ้นมาครองโลกแทนแล้ว หรือก็คือ เซเวอร์ เป็นศัตรูกับ สัตว์หางนั่นเองเพราะเขาคือผู้ที่
    จะช่วยชนเ่ผ่าไร้หางหรือก็คือมนุษย์นั่นเองแลครับ การที่ เรจิ ประกาศตัวว่าจะเป็น ผู้ช่วยเหลือของเหล่าสัตว์หาง
    จึงเป็นการบอกกลายๆแล้วว่าจุดจบของความสัมพันธ์อันแน่นแฟ้นระหว่าง เด็กหนุ่มคนหนึ่งกับหมาป่าสีแดง
    คือการต่อสู้ที่มีเดินพันธุ์เป็นความอยู่รอดของ แต่ละเผ่าพันธ์นั่นเอง เพระางั้นตอนใกล้ๆจบเตรียมตับของทุกท่านเอาไว้ด้วยนะขอรับ
    ไม่งั้นจะหาว่าไม่เตือน นะเอ้อ~~~ เอิงเอย~~~


    ------------วิเคราะห์ เซเวอร์ กัลกี คือใครกันแน่-----------
    อันนี้จะมีเฉลยเต็มๆใน เนื้อเรืองครับซึ่งก็ต้องรอลุ้นกันต่อไปว่าจริงๆแล้ว เด็กหนุ่มแสนเทพผู้นี้เป็นใครหรือตัวอะไรกันแน่
    ถึงจะมีคำอธิบายว่า เขาคือ กัลกี ก็ตาม แต่นั่นก็บอกแค่ว่าภารกิจของ เซเวอร์คือ อะไรเท่านั้นยังไม่ได้บอกว่า
    ตัวเขาจริงๆแล้วคืออะไรกันแน่ แต่จุดสังเกตุร่วมอย่างหนึ่งคือ เหล่า AA ของ เซเวอร์ นั้นจะเป็นอวตารของพระวิษณุล้วนๆ
    อาจจะเป็นไปได้ว่าแท้จริงแล้ว เซเวอร์ คือพระวิษณุที่อวตารลงมาปราบยุคเข็ญก็เป็นได้เช่นกัน ทั้งนี้กระผมไม่ขอฟันธง
    เพราะการวิเคราะห์ นี้ก็อาจจะเป็นแผนของผมที่หลอกท่านผู้อ่านให้หักมุมหัวทิ่มดินเอาในตอนท้ายๆก็ได้นาขอร้าบบบ หุๆๆๆๆ
    รอลุ้นกันต่อปายยยยย~~~~~~~~~~


    ------------------------------------------------------------------------------------------------


    เกร็ดเล็กเกร็ดน้อยของธีม คาแรกเตอร์ตัวละครใน Tails Apocalypse



    ทอล โลกิ โอดิน: สามสัตว์หางครอบครัวหมาลิง นี้หากท่านสันทัดตำนานทางสแกดิเนเวียร์แล้วล่ะก็ต้องร้องอ๋อเป็นแน่แท้
    เพราะชื่อของ ทอล นั้นเอามาจาก ทอร์ เทพแห่งสายฟ้าของนอธ แต่ที่ไม่ตั้ง ทอร์ ตรงๆเลย เหตุผลเพราะมันจะดูแปลกๆ
    น่ะครับ=w= แถมชื่อนี้พิมพ์บ่อยด้วยจะสะกดการันต์บ่อยๆมันก็เสียเวลา เลยแผลงเป็น ทอล แทน และสื่อถึงเหล่าหมาพาลาดิน
    ในเกมที่บ้าลงค่าสเตตัส Tal(ทอล) กันหนักๆด้วยนั่นแลXD

    ส่วน โลกิ ที่ตั้งชื่อตรงเป๊ะเลยมีเหตุผลอยู่ครับแต่จะเฉลยในเนื้อเรื่องอีกทีว่าทำไม

    ที่ตั้งตั้งชื่อตัวพ่อหมาป่าขาว ว่าโอดิน เพราะจะช่วยให้ทุกท่านได้สะกิดใจว่า เอ๊ะชื่อครอบครัวนี้มันมีความเกี่ยวข้องกันนิ
    นั่นแลคร้าบบบ(แถแหลกแถลาน เหอๆ) ซึ่งตรงนี้จะตรงตามตำนานเลยคือมั้ง ทอร์ และ โลกิต่างก็เป็นลูกเทพของโอดิน
    เช่นเดียวกับ ทอล และ โลกิ ใน TailsApocalypse ด้วยครับ


    คอย์น และ นิโค่: สองเหมียวตัวผู้ในเนื้อเรื่อง หากสะกดชื่อเป็นภาษา Eng ทุกท่านจะรู้ถึงความนัยแอบแฝงที่ผมแทรกไว้นะครับ

    Coin -->Nico ส่วนเฉลยรอเนื้อเรื่องเอาครับ หุๆอันนี้เอามาหยอดเป็นน้ำจิ้มเล่นๆ


    แชร์คาน: แมวสาวห้าว ผู้เป็นศัตรูตามธรรมชาติของ คอย์น ชื่อของเธอในตอนที่พยายามคิดตั้งใจว่าจะให้เป็นชื่อแบบอินเดียๆ
    ที่ทุกคนร้องอ๋อทันทีที่ได้ยินชื่อ แต่ก็หายากเหลือเกินนนนน จนสุดท้ายเอาชื่อ เสือแชร์คานจาก นวนิยายเรื่องเมาคลีมาใช้นั่นแหละครับ


    ซาจิทาเรียส: ทุกท่านอาจจะคิดว่าผมไปลอกแฟรี่เทลมา แต่ผิดถนัดครับอันที่จริงผมเองก็ไม่ได้อ่านเรื่องนี้เลยนะขอรับ (ก็พึ่งจะรุ้มาเมื่อไม่นาน
    ว่าแฟรี่เทล เล่นธีมจักรราศีเหมือนกัน) แต่ ซาจิทาเรียส เป็นชื่อของ ราศีคนยิงธนูครับ ก็ตรงตามคาแรกเตอร์เป็น ก็กิ้งก่าเขาเป็นนักธนู
    ครั้นจะตั้งชื่อว่า แป้งเย็นตรางูโดนธนูเสียบกบาลก็ยังไง้ยังงายอยู่เนาะๆๆๆๆ(ฮา)
      

    กษัตริยา:สำหรับตัวละครนี้ไม่ค่อยมีอะไรมากครับ เนื่องจากอยากให้ฟังดูแล้วรู้สึกว่าตัวละครตัวนี้คือ พระราชาจริงๆนะอะไรแบบนี้



    สำหรับMana/Myth Tailogy Special ครั้งีน้ก็หมดลงเท่านี้ แล้วพบกันใหม่ใน Chapter 9 Tails Apocalyspe กันนะคร้าบบบ~~~~~~~~~


    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน
    นิยายแฟร์ 2024

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×