คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #87 : Login 84: Awakening Power
Login
84: Awakening Power
ตอนนี้น่าจะเป็นโอกาสเหมาะที่จะทดลองใช้บิลด์สกิลชุดที่เพิ่งจัดขึ้นมาระหว่างเดินทางมาที่นี่ชุดสกิลที่ใส่สกิลใหม่ที่เพิ่วมาตอนแพทซ์อามาเก็ดดอนอัพเดท
อิงศรนึกถึงรายละเอียดของแพทซ์ในส่วนของ
'Awakening Power System' ที่อ่านมาก่อนหน้านี้มันเขียนเอาไว้ว่า
'ยอดวิชาในตำนานที่ตื่นขึ้นมาจากอดีตกาลและกลับมาจากอนาคตอันห่างไกล...จบรวบรวมแสงแห่งการตื่นเพื่อบรรลุสุดยอดพลังมาครอบครอง'
พอนึกถึงขึ้นมาแล้วก็รู้สึกส่าซีบอร์ดยังคงเขียนรายละเอียดของเกมได้ลิเกเหมือนเคยยังดีที่ว่าสกิลพวกนั้นอธิบายรายละเอียดการใช้งานเอาไว้หมดแล้วเลยไม่ต้องมานั่งถอดความคำใบ้พวกนั้น
อิงศรเรียกหน้าจอระบบขึ้นมาเป็นหน้าจอที่แสดงชุดสกิลซึ่งติดตั้งอยู่ในขณะนี้เขาเลือกไอคอนของสกิลหนึ่งในนั้นแล้วมัยก็แสดงหน้าต่างที่มีรายละเอียดของสกิลว่า...
[Wind
Shock Lv(1/1)
Element:
-
Attribute:
Charge, Technical
(Cast
Cost) 'ยันต์อาคม' 1 แผ่น; สกิล Projectile และไม่ใช่ Awakening ที่ร่ายครั้งถัดไปต้องไม่จ่าย Cost และหากมีธาตุได้รับ
1 Awakening Unit ตามธาตุนั้น]
"เริ่มจากอันนี้ก่อนก็แล้วกัน"
อิงศรดึงยันต์แผ่นหนึ่งที่ล้นออกมานอกแขนเสื้อ
"วินด์ช็อก"
แล้วร่ายสกิล
เกิดเสียงดังฟุ่บ แผ่นยันต์หายไปแล้วสร้างสายลมพัดขึ้นมารอบตัว
จากนั้นจึงปาดนิ้วลงบนหน้าจอเพื่อเลื่อนให้รายละเอียดของสกิลถัดไปปรากฏขึ้นมา
[Jupiter
Strike Lv(1/4)
Element:
Electric
Attribute:
Projectile, Technical, Special Attack, Debuffs
(Cast
Cost) 'ยันต์อาคม' 1 แผ่น , ร่าย 'จงคำรามดาวอัสนี'; สร้างความเสียหายแก่เป้าหมายด้วยสายฟ้าอาจทำให้ติดสถานะอัมพาต
หากฝนตกพลังทำลายจะเพิ่มเป็น1.5เท่า]
เป็นสกิลประเภท Projectile
หมายถึงสกิลนี้ต้องใช้อาวุธที่มีการโจมตีประเภทนั้นๆ
ซึ่งได้แก่ธนูหรือหน้าไม้เป็นต้น Technical หมายถึงสกิลนี้เป็นสกิลที่ต้องใช้อาวุธเทคนิคัลในการร่าย
Special Attack หมายถึงความเสียหายของสกิลนี้จะเป็นความเสียหายพิเศษหรือที่เรียกกันในหมู่นักเล่นเกมว่า
'ดาเมจเวท' และ Debuffs หมายถึงสกิลสามารถสร้างสถานะผิดปกติได้
อิงศรเลือกจะทดลองสกิลนี้เป็นอันแรกจึงตั้งหน้าไม้แล้วเล็งไปที่ปีศาจงู
"จูปิเตอร์สไตรค์"
เนื่องจากสกิล
วินด์ช็อกที่ใช้ไปก่อนหน้านี้ทำให้ร่ายชื่อสกิลโดยที่ไม่ต้องพูดวลีร่ายซึ่งระบุเอาไว้ในสกิลและยังไม่ต้องใช้ยันต์ประกอบการร่าย
พอร่ายเสร็จก็ลั่นไกหน้าไม้ไปอย่างไม่ลังเล
สายลมที่พัดรอบตัวหยุดพัด
ลูกดอกพุ่งออกไปจากหน้าไม้พอจะเข้าปะทะกับเป้าหมายมันกลับระเบิดขึ้นเสียก่อน
แต่นั่นก็เป็นการแสดงผลอย่างหนึ่งของสกิลอยู่แล้ว
จากกลุ่มควันระเบิดที่เกิดขึ้นได้ปรากฏวงเวทวาดด้วยแสงสีม่วงครามขยายออกมาและปลดปล่อยสายฟ้าจู่โจมปีศาจ
แบเรียมรู้ตัวตั้งแต่ตอนที่อิงศรพูดร่ายสกิลจึงกระโดดถอยฉากออกมาทันจังหวะเดียวกับที่สายฟ้าพุ่งลงมา
ปีศาจถูกไฟฟ้าช็อต...
ดูเหมือนอิงศรจะลืมไปเรื่องหนึ่ง
"ฮ่าๆๆ
ลืมไปแล้วรึไวว่าไฟฟ้าใช้กับข้าไม่ได้"
ปีศาจหัวเราะร่าแล้วมันก็ดูดสายฟ้าเข้าไปในปากก่อนจะพ่นกลับออกมา
แบเรียมเข้ามาขวางเอาไว้ก่อนเขารับมันด้วยโล่กับดาบ
ไฟฟ้าไหลเข้าหาสื่อนำที่เป็นโลหะช็อตร่างของแบเรียมจนกล้ามเนื้อกระตุก
แต่หมอนั่นก็ใช้แค่พลังใจทนรับเอากระแสไฟเหล่านั้นไว้จนกระทั่งมันสลายไปถ้าหากว่ายังอยู่ในระบบของเกมพลังชีวิตคงลดลงไม่มากนักเพราะสกิลที่อิงศรใช้ไปมีเลเวลแค่หนึ่งเท่านั้นความเสียหายจึงน้อยตามไปด้วย
"โทษทีเมื่อกี้ลืมไปน่ะ"
อิงศรพูดขอโทษแต่น้ำเสียงไม่ได้มีความจริงจังเจืออยู่เลยแล้วปาดมือดูสกิลอันถัดไป
ทว่าแบเรียมก็ตอบกลับมา
"ช่วยตั้งใจหน่อยเถอะขอรับ"
น้ำเสียงฟังแล้วยังแข็งแรงดีอยู่
ดูเหมือนที่อีกฝ่ายพูดว่าจะร่วมมือด้วยนั้นน่าจะเป็นความจริงกระสุนนัดเมื่อครู่อิงศรก็แค่ลองใจเท่านั้น
ตอนนี้รู้แล้วว่าแบเรียมยอมให้ความร่วมมือ
ตอนนั้นเองที่หน้าไม้ก็มีลูกไฟสีม่วงครามลอยออกมาแล้วบินวนเวียนอยู่อย่างนั้น
เมื่อลูกไฟบินขึ้นมาชนเข้ากับข้อมือมันก็ทะลุผ่านไปโดยที่ไม่รู้สึกร้อนหรือสัมผัสอะไรจากมันได้เลยราวเป็นภาพลวงตา
สิ่งนี้คือเสี้ยวพลังที่เรียกว่า
Awakening Unit และสีม่วงครามเป็นสีของธาตุไฟฟ้า
อิงศรได้รับมันจากสกิลวินด์ช็อกบวกกับที่เป็นธาตุไฟฟ้าก็เพราะใช้จูปิเตอร์สไตรค์ไปนั่นเอง
สกิลถัดมาที่อิงสรเลือกคือ...
[Mercury
Strike Lv(1/4)
Element:
Water, Ice
Attribute:
Projectile, Technical, Special Attack, Debuffs
(Cast
Cost) 'ยันต์อาคม' 1 แผ่น , ร่าย 'จงไหลบ่าดาววารี'; สร้างความเสียหายแก่เป้าหมายด้วยน้ำเย็นจัด
หากฝนตกหรือมีหิมะจะทำให้ติดสภาวะแช่แข็งด้วย]
หลังจากอ่านรายละเอียดเสร็จก็ชักยันต์ขึ้นมาแผ่นหนึ่งแต่ยังไม่ร่ายสกิลทันที
"วินด์ช็อก"
เขาร่ายสกิลที่เคยร่ายไปตอนแรกเพื่อจะได้รับยูนิทเพิ่มอีกเมื่อใช้สกิลจากนั้นจึงเล็งหน้าไม้ไปที่ปีศาจแล้วลั่นไกพร้อมกับร่ายชื่อสกิลนั้น
"เมอคิวรี่สไตรค์!"
ลูกดอกพุ่งออกไปและก่อนจะเข้าปะทะมันก็ระเบิดสร้างวงเวทขึ้นมาเหมือนอันก่อนหน้าสายธารเย็นจัดไหลบ่าใส่ปีศาจ
"น...น...ห~น~า~ว"
มันคำรามเสียงสั่นกึกๆ
เพราะความเย็นของน้ำรวมถึงเริ่มเคลื่อนไหวอย่างอืดอาดกว่าเดิม
หัวที่เคยชูตั้งสูงจรดเพดานอุโมงค์ตอนนี้ต้องลงมานอนหมอบราบคาบพื้นเสียแล้วหรือเป็นเพราะความเย็นทำให้สัตว์เลือดเย็นอย่างงูเคลื่อนไหวเชื่องช้าลงกันนะ
"ตกลงว่าเป็นงูหรือปีศาจกันแน่ล่ะเนี่ย"
อิงศรบ่นพร่ำเพรื่อไปอย่างนั้นขณะที่รอจนยูนิทธาตุน้ำซึ่งเป็นลูกไฟสีฟ้าอมเขียวลอยออกมาจากหน้าไม้แล้วจึงปัดหน้าจอไปยังสกิลต่อไป
[Mar
Strike Lv(1/4)
Element:
Fire
Attribute:
Projectile, Technical, Special Attack
(Cast
Cost) 'ยันต์อาคม' 1 แผ่น , ร่าย 'จงลุกไหม้ดาวอัคนี'; สร้างความเสียหายรุนแรงแก่เป้าหมายและทำลายสภาวะแช่แข็ง]
เหมือนทุกครั้งอิงศรหยิบยันต์ออกมาแล้วร่ายวินด์ช็อกโดยหนนี้เล็งหน้าไม้เตรียมเอาไว้
"วินด์ช็อก"
แล้วร่ายสกิลกับลั่นไกทันที
"มาร์สไตรค์!"
ลูกดอกที่ยิงออกไปสร้างวงเวทที่เสกคลื่นเพลิงร้อนระลุเผาร่างของปีศาจแต่แทนที่มันจะทุรนทุรายเพราะไฟกลับกลายเป็นว่าเคลื่อนไหวรวดเร็วขึ้นเร็วยิ่งกว่าก่อนที่มันจะถูกราดน้ำเย็นเสียอีกบางทีความร้อนอาจช่วยกระตุ้นมัน
ปีศาจพุ่งเข้าหาอิงศรด้วยร่างที่ลุกโชน
อ้าปากอวดเขี้ยวยาวโง้งที่หากโดนขย้ำขึ้นมาคงเจ็บหนักไม่ใช่น้อย
"เฮ้ๆ
พี่ชายเมินกันแบบนี้ก็แย่สิ"
แบเรียมกระโดดเข้ามาขวางเอาไว้ก่อนแล้วซัดลูกเตะใส่ขมับของปีศาจเสยหัวของมันขึ้นไปเกยเพดาน
จากนั้นก็พูดมาว่า
"ทำให้มันช้าลงด้วยสกิลก่อนหน้านี้สิ"
หมายถึงตอนที่ใช้เมอคิวรี่สไตรค์อย่างนั้นสินะ
อิงศรปิดหน้าต่างรายละเอียดสกิลเพื่อให้มันแสดงหน้ารวมชุดสกิลขึ้นมา
ตรงไอคอนของสกิลที่ใช้ไปก่อนหน้านี้นอกจากวินด์ช็อกที่เป็นสกิลไม่ต้องรอเวลาฟื้นฟูพลังก่อนจะใช้ซ้ำแล้วที่เหลือก็ยังเป็นสีดำอยู่เพราะรอฟื้นพลัง
"มันยังต้องรอดีเลย์ไทม์อยู่น่ะ"
อิงศรตอบแต่เขาเองก็ไม่คิดจะปล่อยให้ปีศาจเคลื่อนไหวเร็วอยู่แบบนี้เหมือนกันเพราะมันทำให้ตั้งรับลำบาก
"งั้นเอาแบบนี้ก็แล้วกัน"
เขาหยิบยันต์ออกมาสองแผ่นแล้วเล็งหน้าไม้ไปยังปีศาจที่กำลังแกะหัวตัวเองลงมาจากเพดานพลางร่ายสกิล
"ชาร์คชู้ต"
แผ่นยันต์ลุกไหม้หายไปแผ่นหนึ่งพร้อมกับที่อิงศรลั่นไก
ลูกดอกพุ่งออกไปและกลายเป็นมวลน้ำรูปฉลามกระแทกใส่ร่างของปีศาจจนมันกระเด็นถอยไปข้างหลัง
[Shark
Shoot Lv(4/4)
Element:
Water
Attribute:
Special Attack
(Cast
Cost) 'ยันต์อาคม' 1 แผ่น; ยิงธนูฉลามออกไปสร้างความเสียหายแก่เป้าหมาย]
ความเสียหายน่าจะมากพอดูเพราะมันเป็นสกิลที่เขาใส่ไว้ในชุดสกิลจนเต็มเลเวล
และเมื่อตัวของปีศาจชุ่มไปด้วยน้ำจากฉลามแล้วเขาก็ร่ายสกิลต่อเนื่องทันทีทำให้แผ่นยันต์อีกใบที่หยิบมาหายไป
"เขี้ยวฉลามน้ำแข็งเขมือบ
ชาร์คแฟงฟรอสไบท์"
[Shark
Fang, Frost Bite Lv(2/4)
Element:
Ice
Attribute:
Debuffs
(Cast
Cost) 'ยันต์อาคม' 1 แผ่น , ร่าย 'เขี้ยวฉลามน้ำแข็งเขมือบ'; ใช้สกิลนี้ได้เมื่อ Shark Shoot โจมตีสำเร็จจะทำให้เป้าหมายติดสภาวะแช่แข็ง]
พริบตาถัดมาน้ำเหล่านั้นก็จับตัวเป็นน้ำแข็งแช่ปีศาจให้หยุดนิ่ง
เท่านี้แบเรียมก็คงจะไม่บ่นแล้วเพียงแต่...
มีเรื่องไม่คาดฝันเกิดขึ้นเล็กน้อย
ตอนที่ยิงชาร์คชู้ตไปนั้นรู้สึกว่าแบเรียมจะโดนลูกหลงพัดตามน้ำไปด้วยทำให้ตอนนี้เจ้านั่นโดนแช่แข็งไปพร้อมกัน
"โดนไปตอนไหนล่ะเนี่ย"
อิงศรพูดด้วยใบหน้าอิหลักอิเหลื่อ
ตอนนี้รอบหน้าไม้มีลูกไฟยูนิทลอยอยู่สามลูกด้วยกัน
สีม่วงคราม สีฟ้าอมเขียวและสีแดงสดอย่างละลูก
ขาดอีกเพียงลูกเดียวก็จะใช้สุดยอดสกิลที่ทำความเสียหายได้มากที่สุดเท่าที่มีในตอนนี้
อิงศรดึงคันชักหน้าไม้ขึ้นลูกดอกมันแล้วหยิบแผ่นยันต์จากแขนเสื้อมาร่ายสกิล
"วินด์ช็อก"
จากนี้ไปจะทำอะไรต่อ...เด็กหนุ่มคิด
ถ้าจัดการกับปีศาจได้
ถ้าจัดการกับปัญหาเรื่องน้ำอมฤตได้
ถึงตอนนั้นแล้วพวกมนุษย์ต่างดาวจะยังยอมร่วมมือกันต่อไปจนจัดการอารย-สนธยาได้จริงๆ
รึเปล่า
จะเป็นอย่างไหนผลลัพธ์สุดท้ายมันก็ไม่ต่างกันอยู่ดี
สุดท้ายมนุษย์ก็จะเป็นฝ่ายปราชัยในตอนสุดท้ายโครงเรื่องแบบนั้นถึงพยายามให้ตายก็แก้ไขมันไม่ได้
ทั้งที่รู้อย่างนั้นแล้วยังจะปล่อยให้แบเรียมรอดไปได้อีกทำไม
นี่เป็นโอกาสแล้วไม่ใช่หรือ?
ถ้าเป็นตอนนี้อาจจะจัดการแบเรียมได้หากทำแบบนั้นกำลังของมนุษย์ต่างดาวที่อยู่ที่นี่ก็จะลดลงไปและเพิ่มโอกาสรอดชีวิต
แขนของอิงศรขยับไปตามความคิดนั้น
เล็งหน้าไม้ใส่แบเรียมที่ตัวแข็งทื่ออยู่ภายในก้อนน้ำแข็ง
แต่ใบหน้าของมิ่งขวัญก็สะท้อนขึ้นมามันทำให้ลั่นไกไม่ลง
"นี่ไม่ใช่ขวัญ"
เขาบอกกับตัวเองอย่างนั้นแล้วกดไกหน้าไม้
"มาร์สไตรค์..."
ลูกดอกพุ่งออกไปพร้อมกับที่ยูนิทลูกที่สี่ลอยออกมา
เปลวไฟจากวงเวทที่ลูกดอกสร้างทำให้น้ำแข็งรอยตัวแบเรียมละลาย
"ขอบใจเจ้ามาก"
แบเรียมที่ชุดเครื่องแบบเปียกโชกกล่าว
"นี่จะมีคำพูดกี่แบบกันแน่เนี่ยคาแรกเตอร์เอาแน่เอานอนไม่ได้เลยนะนาย"
อิงศรบ่นพลางลดหน้าไม้ลง
กำด้ามจับเอาไว้แน่นจนเส้นเลือดปูดขึ้นมา
ชนะแล้ว...
เอาชนะพลังกระตุ้นของอาคมที่อารย-สนธยากางเอาไว้ได้แล้ว
หากเมื่อครู่ยิงปลิดชีพใส่แบเรียมไปตามอารมณ์แล้วล่ะก็คงไม่แคล้วถูกฆ่าเองแน่
หากประเมินตามสถานการณ์ถึงจะดูเหมือนได้เปรียบและอีกฝ่ายก็ไม่สามารถป้องกันตัวได้แต่สกิลทั้งหมดของเขาก็ไม่สามารถฆ่าแบเรียมได้ในการยิงครั้งเดียวอยู่แล้วเพราะนอกจากชาร์คชู้ตกับสกิลที่ต้องใช้ยูนิทสี่ลูกที่ว่านั่นที่เหลือก็เป็นแค่สกิลเลเวลหนึ่งที่ใส่มาเพื่อให้ใช้งานอเวคเคนนิ่งสกิลได้เท่านั้น
ดูเหมือนว่าประสบการณ์ที่เคยโดนเอลิกอร์ล่อลวงมาจะเอามาใช้ตอนนี้ได้อย่างเหมาะเจาะ...
"ฮะฮะฮะ"
แบเรียมหัวเราะให้กับคำพูดประชดประชันของเขา
"ก็โดนท่านพี่ว่าเอาบ่อยๆ
อยู่เหมือนกันขอรับว่าหัดใช้คำพูดให้มันสม่ำเสมอหน่อยแต่มันก็ยากจริงๆ
ล่ะนะขอรับฮะฮะฮะ"
อิงศรเมินคำพูดแก้เขินที่ดูไม่เข้ากับมาดของสัตว์ประหลาดที่โดนแช่เย็นจนแข็งโป๊กแล้วยังรอดมาเล่นมุกฝืดๆ
ได้นั่นไปแล้วยกหน้าไม้เล็งไปที่งู
แต่ทว่า...
สิ่งที่อยู่ในน้ำแข็งนั่นพอดูดีๆ
แล้วมันเป็นแค่คราบของงูเท่านั้น
เพราะความมืดของอุโมงค์ทำให้เพิ่งจะรู้ตัวเอาก็ตอนที่แสงจากไฟของสกิลเมื่อครู่ส่องให้เห็นคราบใสที่แช่อยู่ในน้ำแข็ง
"เจ้านั่นมันไม่อยู่ในน้ำแข็งแล้วระวัง..."
พูดไม่ทันขาดคำสิ่งที่จู่โจมเข้ามากลับเป็นมือของแบเรียม
คอเสื้อเขาถูกกระชากแล้วดึงจนตัวลอยไปตามแรง
“ถือว่าหายกันแล้วนะขอรับ”
แบเรียมพูด
จากนั้นตรงที่ๆ เขาเคยยืนก็มีเขี้ยวของปีศาจทะลวงลงมา
ถ้าไม่ได้แบเรียมช่วยเอาไว้คงได้บาดเจ็บหนักไปแล้ว
เกวตซัลโกอัลต์...มันลอกคราบทิ้งไว้ตั้งแต่ตอนที่โดนน้ำพัดแล้วไปซุ่มรอจนถึงตอนนี้แต่ว่ามันทำได้อย่างไรกันอุโมงค์ไม่ได้มีที่เยอะขนาดให้มันหลบซ่อนได้แน่
คมเขี้ยวยังคงพุ่งเข้ามาหาต่อเนื่องจากเมื่อครู่
แบเรียมเข้าไปยันไว้ด้วยโล่กับดาบและหยุดมันไว้แค่ตรงนั้น
“ชิ
แรงเยอะขึ้นกว่าเดิมนะเนี่ยขอรับ”
แบเรียมพูด แขนที่ยันเขี้ยวเอาไว้นั้นสั่นกึกๆ
ท่าทางจะไม่ได้พูดเล่น
บางทีปีศาจคงตั้งใจจะปิดฉากกันตรงนี้ถึงได้ทุ่มสุดแรงโจมตี
กระทั่งแบเรียมที่แสดงความเหนือชั้นให้เห็นมาตลอดยังเข้าตาจน
สำหรับอิงศรสถานการณ์ในตอนนี้ไม่มีความหมายเขามีสี่ยูนิทแล้วสกิลท่าไม้ตายก็พร้อมใช้งานแต่...
ตอนนั้นเองดวงตาของงูก็มองมาทางนี้
“คิดจะยิงพวกเดียวกันด้วยรึไง”
อย่างที่มันว่าจากมุมนี้ไม่ว่าจะใช้สกิลอะไรไม่แคล้วแบเรียมก็ต้องโดนไปด้วย
แต่อิงศรกลับยิ้มแล้วลุกขึ้นยืน
"หา
นี่แกบ้ารึเปล่าเอาเอเลี่ยนมาต่อรองกับมนุษย์เนี่ยนะ"
จากนั้นก็เล็งหน้าไปข้างหน้าโดยไม่ลังเลแล้วร่ายสกิล
"จ่ายสี่ยูนิท
จงตื่นขึ้น!"
อิงศรกดไก
ลูกไฟยูนิททั้งสี่ถูกดูดเข้าไปแล้วทำให้หน้าไม้เปล่งประกาย
"นี่เจ้า..."
ปีศาจสบถได้เพียงแค่นั้นเพราะวินาทีต่อมาบรรยากาศรอบข้างก็เปลี่ยนไป
อุโมงค์เปลี่ยนเป็นสถานที่เวิ้งว้างและเต็มไปด้วยระยับจากดวงดาวราวกับเป็นอวกาศ
แบเรียมหายไป
เหลือแค่อิงศรกับปีศาจที่ยืนอยู่ตรงข้ามกันด้วยระยะห่างหลายสิบเมตรเท่านั้น
"ท...ที่นี่มันที่ไหนกันทำไมข้าขยับตัวไม่ได้!"
ปีศาจดูร้อนรนขึ้นมาทันใด
อิงศรจึงพูดตอบปีศาจไปว่า
"เข้าใจละ
ที่นี่คือมิติที่สกิลสร้างขึ้นมาเพื่อป้องกันความเสียหายภายนอกสินะ"
เด็กหนุ่มพยักหน้าให้ตัวเองระหว่างที่พูดก็ทำความเข้าใจสกิลที่ยังไม่เคยใช้นี้ไปด้วย
ดูเหมือนว่าที่นี่จะไม่ใช่อวกาศจริงๆ
แต่เป็นแค่มิติเสมือนที่จำลองให้คล้ายกันเพราะไม่อย่างนั้นเสียงคงไม่ดังออกมาอย่างนี้แล้วก็ไม่ใช่แค่ปีศาจที่ขยับไม่ได้แต่อิงศรเองก็ขยับไม่ได้เหมือนกันได้แต่ส่องหน้าไม้ไปทางปีศาจ
แล้วตอนนั้นเอง...
ก็มีบางอย่างมุ่งหน้ามาทางนี้จากที่ห่างไกล
มันเคลื่อนที่เร็วมาก
จนอึดใจต่อมาสิ่งนั้นก็ทะยานข้ามหัวพวกเขาไป
อิงศรเบิกตากว้าง
เพราะสิ่งนั้นคือม้าที่เหมือนกับตัวที่ออกมาจากอุกกาบาตแล้วอาละวาดที่ค่ายในวันนั้น
"..."
ม้าลากรถเทียมมาด้วยรายละเอียดเหมือนกับที่เคยเห็นผ่านทางภาพบันทึกของซีลอร์ด
มันปลดรถเทียมทิ้งไว้แล้วควบทะยานต่อจนกระทั่งหายลับไป
รถเทียมที่ทิ้งไว้กางแง่งสองอันออกมาจนเหมือนกับเป็นคันธนู
ลูกศรขนาดใหญ่เท่าไม้หลาวเลื่อนขึ้นมาบนรางที่ประกอบติดกับตัวรถเทียมโดยหันปลายเล็งมาที่ปีศาจ
อิงศรเข้าใจในทันทีว่านั่นคืออวตารแห่งดวงดาวที่ถูกพูดถึงในสกิลไม้ตายที่ว่า
[Ballista
Punisher Lv(1/2)
Element:
-
Attribute:
Ultimate, Physical Attack, Awakening
(Cast
Cost) 4 Awakening Unit, ร่าย 'จงตื่นขึ้น!
ศรแห่งดวงดาวที่ทะยานผ่านฟากฟ้า!!'; พาตัวเองและศัตรูเข้าสู่ห้วงอวกาศแล้วให้อวตารแห่งกลุ่มดาวธนูโจมตี
ความเสียหายจะเกิดแก่เป้าหมายเท่านั้นและไม่สามารถถูกยกเลิกหรือทำให้ลดลงได้]
เมื่อนึกถึงรายละเอียดของสกิลที่อ่านมาก่อนใช้ก็ทำให้เข้าใจว่าตอนนี้ต้องร่ายวลีปลดปล่อยต่อจากที่ค้างไว้
"ศรแห่งดวงดาวที่ทะยานผ่านฟากฟ้า!!
บัลลิสต้า..."
หลังจากตะโกนร่ายวลีตามที่ว่ารถเทียมก็เริ่มสั่นไหวลูกธนูยักษ์ที่ขึ้นเอาไว้จู่ๆ
ก็ลุกไหม้ขึ้นมาอย่างไม่มีสาเหตุ
"พันนิชเชอร์!!!!"
อิงศรลั่นไกหน้าไม้พร้อมกันนั้นลูกธนูก็ถูกยิงออกมา
ลูกธนูพุ่งเข้าหาปีศาจ
ขนาดของมันนั้นใหญ่กว่าหลายสิบเท่า
ทันทีที่เข้าปะทะและบดขยี้ร่างของปีศาจก็ทำให้เกิดระเบิดขึ้น
แสงสว่างจากการระเบิดขยายย้อมทุกสิ่งทุกอย่างจนขาวโพลน
"..."
พริบตาต่อมาเมื่ออิงศรปรือตาขึ้นอีกครั้งหลังจากตาพร่าเพราะแสงสว่างเจิดจ้าเกินไป
เขาก็กลับมาอยู่ในอุโมงค์อีกครั้ง
เบื้องหน้ามีแบเรียมที่ยืนมองมาทางนี้ด้วยสายตาเหมือนกับจะมีเรื่องแล้วถัดไปทางด้านหลังนั้นปีศาจงูก็ล้มนอนในสภาพหมดท่าราบคาบ
"รู้อยู่แล้วหรือขอรับว่าสกิลนั่นจะไม่โดนข้าพเจ้าไปด้วยน่ะ"
แบเรียมถาม
"ก็เปล่านี่แค่คิดว่าถ้าโดนไปด้วยกันทั้งคู่เลยก็คงดี"
อิงศรยักไหล่ตอบพลางทำหน้ากวนโอ๊ย
แต่แบเรียมก็พูดมาอย่างสนิทใจว่า
"โกหกสินะไม่มีทางที่คนรอบคอบอย่างคุณจะใช้สกิลโดยไม่อ่านรายละเอียดก่อนชักจะน่าสนใจขึ้นมาแล้วสิ"
ตอนนั้นเองร่างของงูก็สลายไปทำให้ได้รับค่าประสบการณ์
จำนวนนั้นมากมายมหาศาลเสียจนเลเวลอัพจาก
70 ขึ้นไปทีเดียวแปดเลเวล
อิงศร Lv. 78
[/////8020:8020/////]
ดูแล้วปีศาจน่าจะให้ค่าประสบการณ์มากกว่าสัตว์เทวะอยู่โขเลยทีเดียวไม่อย่างนั้นคงไม่เลเวลอัพได้ขนาดนี้
เรื่องของปีศาจน่าตกใจก็จริงแค่ยังมีอีกเรื่องที่น่าตกใจไม่แพ้กัน
ม้าที่ปรากฏตัวออกมาตอนใช้บัลลิสต้าพันนิชเชอร์นั่นคือดีเซมแมร์หนึ่งในเครื่องทำสวนศักดิ์สิทธิ์อย่างไม่ต้องสงสัย
ในระหว่างที่กำลังครุ่นคิดเรื่องน่าสงสัยเหล่านั้นจู่ๆ
ก็มีของบางอย่างโผล่ออกมาจากซากของร่างปีศาจที่สลายไป เป็นชายในชุดทหารของเมตไตรยกับทรงผมพังค์สีเขียวที่ดูคุ้นเคย
“นั่นมันพิจิก
ธุวดารกะนี่ทำไมถึง...”
อิงศรจ้องเขม็งไปยังร่างที่นอนขดตัวไม่ได้สติอยู่นั่น...
ปิ๊บๆๆ
เสียงเมล์เข้าก็ดังขึ้น
แต่คนที่น่าจะติดต่อมาได้ตอนนี้ก็มีแค่ซีลอร์ดกับมิ่งขวัญที่เพิ่งบันทึกชื่อสำหรับติดต่อตอนที่พบกันอีกครั้งเท่านั้น
หรือว่าจะเป็นเมล์ขอความช่วยเหลือจากมิ่งขวัญกันนะ...อิงศรคิดแล้วเปิดเมล์ขึ้นมาดู
แต่กลับไม่ใช่ทั้งสองอย่าง
เมล์ที่ส่งมานั้นจั่วหัวว่า... ‘@Clipius Death
Timing Delivery’
ราวกับโชคชะตาเล่นตลกอิงศรสบถใส่เมล์นั่น
“อีกแล้วเรอะ”
ฉบับนี้จะเป็นของใคร
ใครกันที่กำลังโดนหมายหัวจากโชคชะตา?
***บทนี้อาจจะดูเป็นตอนขายของ(อวดสกิล)ไปหน่อยนะครับ ระบบนับเคาเตอร์อย่าง Awakening Unit นี่เคยคิดจะเขียนตั้งแต่ภาคแรกแล้วเหมือนกันรวมถึงเขียนเจาะลึกรายละเอียดสกิลด้วยแต่เนื้อเรื่องช่วงนั้นค่อนข้างต้องการความว่องไวบวกกับยังเอาแน่เอานอนเรื่องสกิลได้ไม่เต็มที่เลยได้แต่เขียนอธิบายคร่าวๆ ไปแทนเลยต้องปรับให้สกิลเพิ่งมาเอาตอนอัพเดทแพทซ์ไปสกิลส่วนใหญ่จึงยังใหม่เอามากๆ ผู้คนก็เลยยังไม่ค่อยรู้ผลของสกิลกันซักเท่าไหร่น่ะครับ
ดังนั้นตั้งแต่ตอนนี้ไปสกิลไหนเพิ่งเคยใช้ก็จะมีหน้าต่างอธิบายสกิลบอกไว้แล้วล่ะครับว่างๆอาจจะรวมสกิลมาทำเป็นตอนพิเศษสำหรับเจาะลึกระบบเกมไปในตัวด้วย พูดถึงระบบใช้สกิลแล้วได้เคาเตอร์นี่ไม่แน่ใจว่ามีเกมRPG ยุคเริ่มใช้กันบ้างหรือยังนะครับเพราะไม่ค่อยได้ตามเลย แนวคิดมันมาจากอาชูร่าสไตรค์ของมังค์ในแรคนาร็อคผสมกับระบบการ์ดเกมที่เรียก Overlay Unit จากยูกิโอน่ะครับพวกชื่อสกิลบางอย่างได้แรงบันดาลใจในการตั้งมาจากเกมการ์ดอื่นๆอีกด้วยแหะๆ ก็อย่างว่าระบบสกิลบของเกมนี้จงใจออกแบบมาให้เหมือนการจัดDeckของเกมการ์ดอยู่แล้วด้วยถึงให้เพิ่มเลเวลสกิลด้วยการใส่สกิลซ้ำๆกันลงไปและมีSizeของแต่ละสกิลเพื่อจำกัดการจัดชุดสกิลด้วยน่ะครับ
สำหรับวันนี้ก็จบเท่านี้แหละครับอาทิตย์หน้าเจอกันใหม่วันอังคารกับพฤหัส กับเนื้อเรื่องฝั่งมิ่งขวัญเน่อ***
ความคิดเห็น