คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #85 : Login 82: ในอุโมงค์ 1
Login
82: ในอุโมงค์ 1
ภายในสิบวินาที...
ข้าวหลามพูดกดดันให้เขาเลือกภายในเวลาแค่นั้นบางทีคงเพราะอาคมบนพื้นที่กำลังทำงานจะสิ้นสุดเมื่อครบสิบวินาทีอย่างนั้นสินะ
อิงศรตั้งใจจะเอื้อมมือไปชักดาบแต่มิ่งขวัญยังจับมือเขาอยู่จึงสะพายธนูแล้วใช้มือข้างนั้นชักดาบที่เอวออกมาจากนั้นก็ปักมันลงบนพื้น
"ซีลเบรก!! (Seal
Break)"
พลางร่ายสกิลที่มีผลปลดการทำงานของกับดักและอาคมแบบครอบคลุมพื้นที่แต่กลับไม่มีอะไรเกิดขึ้น
"ไม่ได้ผลงั้นเหรอ"
กวินทร์พูด
"หรือว่าพลังเกมของพี่ศรก็หายไปด้วยแล้วน่ะ"
มีเสียงหัวเราะดังมาจากทางข้าวหลาม
"ฮะๆๆ
มันไม่ใช่แบบนั้นหรอกนะแต่ว่าอาคมที่กำลังทำงานอยู่เนี่ยมันไม่ใช่สกิลของเกมแต่เป็นเดม่อนสกิลต่างหาก"
"หมายความว่าเป็นสกิลของปีศาจสินะ"
อิงศรเดาะลิ้นอย่างเจ็บใจแล้วดึงดาบเก็บไป
ตอนนั้นเองหนุ่มพังค์ของเมตไตรย...รู้สึกซากิริจะเรียกเขาว่าพิจิก
ธุวดารกะก็พูดออกมาว่า
“ทุ่นเวลาหาไปได้เยอะเลยนะแกไอ้คนทรยศ”
แล้วตั้งท่าจะก้าวไปจัดการแต่กลับไม่ยอมขยับขาไม่สิน่าจะเป็นขยับไม่ได้มากกว่าเพราะผลของอาคมที่กำลังทำงานได้ตรึงขาของทุกคนเอาไว้ด้วย
ข้าวหลามตอบโต้มาด้วยน้ำเสียงสบายๆ
“แหมๆ
แต่ถ้ามาถึงแล้วเจอบอสเลยมันก็ง่ายไปเนอะ”
พลางยิ้มอย่างสนุกสนานมองดูพวกเขาทำอะไรไม่ได้
เวลาที่ข้าวหลามให้มาเหลืออีกหกวินาที
ถ้าฝ่ายนั้นใช้เดม่อนสกิลก็แปลว่าเป็นสกิลของปีศาจจากแอพพลิเคชั่นซึ่งน่าจะมีหลักการคล้ายกับสกิลในเกมอยู่แล้วถ้างั้นก็ต้องจัดการกับจุดควบคุมอาคมให้ได้ซักจุดก่อน
“เทคนิคัลเวพ่อน!”
อิงศรเปลี่ยนธนูเป็นหน้าไม้แล้วมองหาอย่างรวดเร็วในเวลาที่เหลือแค่สามวินาทีพอเจอจุดควบคุมหนึ่งซึ่งเป็นวงเวทอักขระเขียนด้วยภาษาสันสกฤตวาดอยู่บนพื้นก็ยิงไปตรงนั้นทันที
แต่ลูกดอกกลับถูกปัดออกโดยอาวุธที่มีรูปร่างเหมือนทวน
มีเงาของคนเข้ามาบังวงเวทเอาไว้
พอลองมองดูดีๆ
แล้วก็มีอีกสามจุดที่มีคนคุ้มหันวงเวทประจำอยู่ตามทิศต่างๆ
รอบข่ายอาคมรวมเป็นสี่คนพอดี
“สอง หนึ่ง ศูนย์
เอ้าหมดเวลาขอให้สนุกกับอารย-สนธยาแลนด์นะแขกทุกท่าน”
ข้าวหลามพูด
หมายความว่าอาคมทำงานเสร็จสิ้นแล้ว
มันกำลังจะเกิดอะไรขึ้นกันแน่...อิงศรคิดแล้วยิ่งกุมมือมิ่งขวัญแน่นขึ้นจิตใต้สำนึกสั่งให้ทำอย่างนั้น
เขาไม่อยากจะแยกจากมิ่งขวัญอีกแล้วแต่อาคมก็แผดแสงแรงกล้าจนตาพร่ามัวแทบมองไม่เห็นอะไรอีก
รอบข้างเองก็เริ่มส่งเสียงเอะอะกันแล้ว
“นี่มันจะเกิดอะไรขึ้นกันล่ะเนี่ย”
เสียงของกวินทร์
“แบเรียม!!”
“ขอรับท่านพี่”
เสียงของมนุษย์ต่างดาวที่หน้าเหมือนเข้ากับมิ่งขวัญ
จากนั้นท่ามกลางแสงที่เจิดจ้าก็รู้สึกเหมือนถูกมือของใครซักคนเข้ามาคว้าแขนข้างที่ถือหน้าไม้เอาไว้
แล้วสติรับรู้ของอิงศรก็ขาดหายไปตรงนั้น
...
เย็น...
รู้สึกเย็นและเปียกตั้งแต่ข้างหลังขึ้นมาถึงช่วงอก
อิงศรปรือตาขึ้นเขาอยู่ท่ามกลางความมืดมิดทั้งเย็นทั้งอับชื้น
รู้สึกได้ว่าเสื้อผ้าเปียกแฉะเหมือนแช่อยู่ในน้ำพอสายตาชินกับความมืดก็เริ่มมองเห็นผนังโค้งที่เต็มไปด้วยตะไคร่
ทางน้ำขนาดใหญ่ที่น้ำตื้นแค่ข้อเท้า
ดูเหมือนว่าที่นี่จะเป็นอุโมงค์ระบายน้ำหรืออะไรอย่างนั้น
อิงศรนอนแช่อยู่ในน้ำโดยที่หัวพิงกับผนังทางขวายังคงมีคนจับมือเขาอยู่พอหันไปก็เห็นว่าเป็นมิ่งขวัญ
น้องชายจับมือเขาไว้แน่นทั้งที่ยังไม่ได้สติ
“เอาเถอะก็ยังดีล่ะนะที่นายยังอยู่”
อิงศรผุดยิ้มด้วยความโล่งอกแล้วชันร่างกายขึ้นเพื่อจะตรวจสอบสถานที่ให้ละเอียดก่อนแล้วค่อยปลุกมิ่งขวัญ
แต่สถานการณ์กลับวิกฤตขึ้นมาอย่างกะทันหัน...
จากทางฝั่งที่มิ่งขวัญนอนอยู่นั้นเขามองเห็นแสงสะท้อนสีแดงสองดวงเหมือนเป็นดวงตากำลังจดจ้องมาทางนี้แล้วทันทีที่สบตากับสิ่งนั้นมันก็พุ่งเข้ามาหาอ้าปากกว้างจากนั้น...
“ขวัญ!!”
อิงศรดึงแขนหมายจะลากตัวน้องชายที่ยังไม่ได้สติขึ้นมาแต่ก็สายเกินไปมิ่งขวัญถูกปากนั่นเขมือบเข้าไปพอถูกดึงจากฝั่งนั้นก็ทำให้มือที่กำแขนเขาไว้คลายหลุดออก
มิ่งขวัญถูกกลืนเข้าไปทั้งตัวแล้ว
“บัดซบ!”
อิงศรสบถแล้วเล็งหน้าไม้ใส่เจ้าตัวปริศนานั่นลั่นไกยิงโดยไม่ลังเลแต่ลูกดอกโลหะก็พุ่งไปกระทบถูกผิวที่หนาของมันแล้วกระเด็นออก
ดังนั้นจึงเปลี่ยนมาใช้สกิล
“ชิ!
ถ้างั้นก็...จงสถิตในคันศรข้าบัพแอโร่ว!”
มหิงสาเพลิงพุ่งจากหน้าไม้เข้าไปชนปากยักษ์นั่นในระยะประชิดอิงศรหวังให้มหิงสาเพลิงขวิดงัดปากนั้นจนคายมิ่งขวัญออกมาแต่กลับไม่เป็นแบบนั้น
เจ้านั่นกลืนมิ่งขวัญลงคอไปแล้วสะบัดหัวอัดใส่ลำตัวของมหิงสาเพลิงจนดับสลายไปอย่างง่ายดายก่อนจะหันมางาบอิงศรเป็นรายต่อไป
ไม่มีทางเลือกอื่นนอกจากถอยไปตั้งหลักก่อนในระยะประชิดตัวขนาดนี้ถึงมีพลังของเกมก็ยังเสียเปรียบยิ่งไม่รู้ด้วยว่าอีกฝ่ายเป็นตัวอะไรแล้วด้วย
สัตว์เทวะหรือปีศาจไม่อย่างใดก็อย่างหนึ่งเพราะรูปร่างที่ยามเหมือนกับงูของมันเริ่มปรากฏให้เห็นอย่างเรือนลางท่ามกลางความมืดของสถานที่ๆน่าจะเป็นทางน้ำใต้ดินขนาดใหญ่ตรงไหนซักแห่งของอารย-สนธยาบางทีอาคมที่พวกเขาโดนไปก่อนจะลงมาที่นี่คงจะเป็นอาคมเคลื่อนย้าย
สาเหตุที่ส่งแต่ปีศาจลูกกระจ๊อกออกมาตั้งรับตอนนั้นก็คงเพื่อจะถ่วงเวลาให้พวกเขามารวมกันครบเสียก่อนค่อยใช้อาคามส่งให้กระจัดกระจายกันออกไปตามที่ต่างๆ
จะได้ประหยัดกำลังรบไปในตัวอย่างนั้นสินะ
อิงศรประเมินสถานการณ์ไปด้วยระหว่างที่วิ่งหนี
งูยักษ์ยังคงไล่ล่าตามมาอย่างไม่ลดละ
ได้ยินเสียงรวมถึงสัมผัสลมหายใจที่มันพ่นออกมารดถึงต้นคอหากยังวิ่งต่อไปด้วยความเร็วแค่นี้คงจะหนีไม่พ้นอิงศรจึงเริ่มมองหาเส้นทางที่หลบหักออกไป
แต่มันไม่มี...
ที่นี่เป็นทางใต้ดินซึ่งทอดยาวเป็นทางตรงไม่มีแยกให้เลี้ยวเลยแม้แต่แยกเดียว
ตอนที่เกือบจะตัดใจเรื่องหนีแล้วหันกลับไปสู้ตายอยู่แล้วนั่นเองสายตาก็เหลือบไปเห็นหลืบมุมที่เกิดจากเสาค้ำเพดานสองต้นเว้นระยะห่างกันแค่พอให้คนตัวผอมเข้าไปหลบได้
อิงศรมุดเข้าไปในหลืบนั่นทันทีมันแต่แคบมาก
แคบจนแทรกตัวผ่านเข้าไปแล้วก็ยังติดตรงหน้าไม้ดังนั้นจึงปล่อยมันทิ้งแล้วอัดตัวเข้าไปข้างในจนมิด
ดูเหมือนว่างูยักษ์จะมองไม่เห็นและเลื้อยผ่านไปโดยไม่รู้ตัว
หลังจากรอจนแน่ใจแล้วว่ามันไม่ได้วกกลับมาเด็กหนุ่มก็ดึงตัวออกมาจากซอกแล้วเก็บหน้าไม้ที่ทำตกไว้ขึ้นมาพลางคิดหาทางแก้ไขสถานการณ์
ศัตรูโจมตีปกติไม่ได้ผลแถมยังมีพละกำลังขนาดต้านทานมหิงสาเพลิงที่เป็นสกิลยื้อเวลาที่ดีที่สุดจะใช้
'มหาเขตแดนไกลพ์นิล' ที่นี่ก็คับแคบเกินกว่าจะกางเขตอาคมได้
ส่วนแอพพลิเคชั่นปีศาจที่มีตอนนี้อย่างโอดินก็ไม่ยอมฟังคำสั่งแล้วอาคานาร์ใบอื่นนอกจากเดอะแฮงค์แมนของโอดินแล้วก็มีเดอะเอมเพอเรอร์ที่ใช้เรียกปีศาจออกมา
เดอะเทมเพอแรนซ์ที่ใช้รวมร่างปีศาจกับเดอะแชริออทที่ยังใช้งานไม่ได้ส่วนอาคานาร์ใหม่สองใบที่ได้มาอย่างเดอะทาวเวอร์กับเดอะจัดจ์เมนท์นั้นยังไม่เคยใช้งานจริง
"ถ้างั้นก็ใช้มันตอนนี้นี่แหละ"
อิงศรนึกถึงรายละเอียดพลังของอาคานาร์ที่รับรู้มาตอนที่จับมันแล้วก็คิดจะลองใช้เดอะทาวเวอร์ที่อนุญาตให้เอาสกิลของปีศาจที่ครอบครองออกมาใช้ด้วยตัวเองได้
"อาคานาร์ฟอ..."
แต่พอคิดจะเรียกอาคานาร์ออกมาสัมผัสอันว่องไวก็จับได้เสียก่อนว่ามีอะไรบางอย่างกำลังเพ่งจิตมุ่งร้ายมาที่นี่พอหันไปมอง
"เหวอ!"
อิงศรร้องเสียงหลงเมื่อปากของงูเคลื่อนเข้ามาหาอย่างรวดเร็ว
โดยที่ไม่ทันรู้ตัวปากก็เคลื่อนเข้ามาถึงตัวเขาแล้วด้วยความที่ตกใจจนทำอะไรไม่ถูกทำให้เคบื่อนไหวสะเปะสะปะจนเท้าลื่นเสียหลักล้มหลังกระแทกพื้น
แต่นั่นก็ทำให้เขารอดมาได้...
ปากของงูลอยข้ามตัวเขาไปอีกฝั่ง
เขาพลาดไปที่เผลอตกใจ
แต่ก็ทำให้มันพลาดโอกาสที่จะปิดเกมด้วยเช่นกัน
ไม่รู้ว่าจะโชคดีแบบนี้ได้อีกรึเปล่าแต่ตอนนี้ไม่ใช่เวลามาลังเลเรื่องจะใช้อะไรแล้ว
อิงศรที่คิดแบบนั้นก็กลิ้งตัวลอดผ่านลำตัวของงูที่บินตามปากที่พุ่งไปยังอีกฟาก
เมื่อกลิ้งไปได้ระยะหนึ่งเขาก็พลิกตัวที่เปียกโชกไปด้วยน้ำขึ้นมาเผชิญหน้ากับมัน
เล็งหน้าไม้ที่ชักคันขึ้นลูกศรแล้ว...
"โอดิน!"
สั่งให้แอพพลิเคชั่นปีศาจทำงานแน่นอนว่าไม่มีอะไรเกิดขึ้น
"ปัดโธ่เอ้ย
นี่จะถือทิฐิกันไปถึงไหนล่ะเนี่ย"
อิงศรเลิกล้มความคิดที่จะใช้โอดินตรงๆ
เขาเรียกอาคานาร์เดอะทาวเวอร์ออกมาแทน
"อาคานาร์ฟอร์ซ!"
ไพ่เดอะทาวเวอร์ตกลงมาเขากำมันไว้ด้วยมือซ้ายบีบจนแตกเพื่อให้มันทำงาน
ไพ่แตกกระจายเป็นเศษละอองแล้วหายไปพร้อมกับเปิดหน้าจอหนึ่งขึ้นมา
บนนั้นเขียนชื่อของสกิลที่น่าจะมาจากแอพฯของโอดิน
[Lord of thunder god:
สร้างความเสียหายรุนแรงและทำลายความทนทานของอาวุธเป้าหมาย(หากมี)]
มีปุ่มที่เขียนว่า 'Use'
อยู่ใต้หน้าจอนั้นน่าจะเป็นปุ่มสั่งใช้สกิล
อิงศรเล็งหน้าไม้ไปที่งูซึ่งกำลังกลับตัวหันมาทางนี้เขาต้องเล็งที่หัวเพื่อไม่ให้โดนมิ่งขวัญที่ยังอยู่ในท้องของมัน
เมื่อเป้าเล็งนิ่งแล้ว...
"เอานี่ไปกิน!"
อิงศรก็กดปุ่มบนหน้าจอ
ปัง!!
เสียงดังเหมือนปืนแต่สิ่งที่พุ่งออกจากหน้าไม้คือมวลคลื่นของสายฟ้าที่เห็นเป็นแสงสีทองแล่นแปลบปลาบ
ทำได้จริงแล้วเขาสามารถใช้สกิลของปีศาจที่ครอบครองได้จริง
แต่แรงปะทะของพลังอันมหาศาลที่ปีศาจใช้ก็ย้อนกลับมาด้วยในรูปของแรงกระแทกที่เกิดขึ้นตอนยิงส่งให้ร่างของเด็กหนุ่มลอยกระเด็นไปข้างหลังไกลหลายเมตร
อิงศรร่วงลงมากระแทกกับพื้นจนน้ำสาดกระจายไปทั่วแรงปะทะนั่นทำให้บาดเจ็บจนพลังชีวิตลดลง
อิงศร Lv. 70
[/////7300:7320////.]
"อีก"
เขาครางเพราะความเจ็บปวดแต่ไม่ใช่แค่นั้นร่างกายยังรู้สึกชาไม่มีเรี่ยวแรงเหมือนกับถูกดูดแรงออกไปจากร่างกายจนลุกแทบไม่ไหวบางทีคงจะเป็นผลข้างเคียงจากการใช้สกิลของปีศาจซึ่งทรงพลังกว่าที่มนุษย์จะใช้เองทำให้มันดึงพลังกายไปใช้ในจำนวนมากกว่าปกติ
เกมโลกาวินาศไม่มีระบบ MP
หรือค่าพลังสำหรับการใช้สกิล สิ่งที่ต้องจ่ายให้กับมันนั้นจะเป็นพลังกายที่ไม่มีตัวเลขระบุชัดเจนขึ้นกับความอึดของแต่ละคนว่าจะมีมากหรือน้อยขนาดไหนและในบางทีสายอาชีพก็มีผลกับค่าพลังนี้ด้วยเหมือนกัน
อิงศรนอนหงายแอ้งแม้งอยู่อย่างนั้นขณะเดียวกันการโจมตีก็พุ่งเข้าเป้าอย่างจังเกิดเสียงระเบิดดังเปรี้ยงปร้างเหมือนฟ้าผ่าสะท้อนกึกก้องไปทั้งอุโมงค์
พอชันร่างกายขึ้นเพื่อจะดูผลลัพธ์ซึ่งก็ทำได้ยกหัวขึ้นเล็กน้อยเท่านั้น
ภาพที่คาดหวังว่าหัวของงูน่าจะถูกเป่าประเด็นไปแล้วกลับกลายเป็นว่าหัวของมันยังอยู่ดีแถมสายฟ้ายังเหมือนกับถูกดูดกลืนเข้าไป
แสงจากสายฟ้าทำให้มองเห็นรูปร่างของมันที่เคยซ่อนอยู่ในความมืด
งูตัวใหญ่เหมือนพญานาคเกล็ดสีฟ้าครามมีหงอนเป็นเดือยสีแดงเหมือนไก่และมีปีกนกติดอยู่บนหลังคู่หนึ่งมันกางปีกที่หุบไว้แล้วดูดเอาสายฟ้าเข้าไปทางนั้น
“อะไรอีกวะเนี่ย”
อิงศรสบถและพยายามดึงตัวเองให้ลุกขึ้นมาแต่แขนขาก็สั่นไปหมด
แต่อยู่ๆ ก็มีเสียงพูดดังมาเป็นเสียงยานคางเหมือนคนพูดไม่เก่งหรือไม่ก็อาจจะไม่ใช่คน
‘เป็นสายฟ้าที่ดีนะถ้าเป็นคนอื่นคงจะไหม้เป็นจุลไปแล้วน่าเสียดายที่ข้าคือ
เกวตซัลโกอัตล์ (Quetzalcoatl) ราชาแห่งนภาสายฟ้าและสายลมคือสิ่งกระตุ้นที่เป็นพลังให้แก่ข้าเจ้าหนูผู้ถูกฟันเฟืองเลือกเจ้าชะตาขาดเสียแล้วล่ะ’
ระหว่างที่มันพล่ามอยู่นั้นอิงศรก็ยืนขึ้นสำเร็จโดยที่พิงมือค้ำกับผนังอุโมงค์เอาไว้ส่วนขายังคงสั่นพับๆ
จึงยังก้าวเท้าวิ่งในทันทีไม่ได้
แต่งูยักษ์ที่ดูดสายฟ้าเข้าไปและเหมือนจะเคลื่อนที่เร็วขึ้นก็ง้างคมเขี้ยวเล็งมาทางนี้แล้ว
คงจะต้องตายที่นี่แล้วอย่างนั้นหรือ?
ไม่สิบางทีถ้าปล่อยให้มันกลืนเข้าไปก็จะไปหามิ่งขวัญที่อยู่ข้างในได้แบบนั้นก็จะโจมตีมันจากด้านในได้ด้วยแต่ก็มีความเสี่ยงที่จะไม่เป็นแบบนั้นหากว่าถูกเคี้ยวขึ้นมาคงไม่รอดแน่
ระหว่างที่คิดอย่างลนลานในวินาทีเป็นตายอยู่นั่นเอง...
เกิดเสียงดังฉับเหมือนกระดาษถูกตัดขาดจากนั้นคอของงูก็ลอยเคว้งพุ่งตรงมาทางนี้
อิงศรหมอบลงเพื่อหลบหัวที่กระเด็นมา
แล้วมองกลับไปยังจุดที่ลำตัวของงูยังอยู่
ตรงนั้นเงาของมิ่งขวัญกระโดดออกมาจากลำตัวของงูที่ขาด
ในมือก็ถือดาบแบบเรเปียเอาไว้บางทีคงจะใช้มันผ่าท้องงูแล้วหนีออกมา
แต่ก็ผ่าได้รุนแรงเสียจนร่างของงูขาดเป็นสองท่อน
อย่างไรก็ตามเป็นเรื่องน่ายินดีที่มิ่งขวัญยังมีชีวิตอยู่ยังไม่ได้ตายเพราะถูกงูกินเข้าไป
“ขวัญ”
อิงศรส่งเสียงเรียกใบหน้าเต็มไปด้วยความปิติยินดีก่อนที่จะได้ยินเสียงบ่นพึมพำจากมิ่งขวัญที่อยู่ตรงนั้น
“ตื่นมาก็อยู่ที่ไหนไม่รู้มีแต่น้ำเหนียวเหนอะหนะเต็มไปหมดพอลองผ่าดูก็ออกมาจ๊ะเอ๋คุณซะงั้นแหน่ะขอรับ”
มิ่งขวัญใช้คำพูดแปลกๆ
พอลองจ้องมองดูดีๆ
แล้วเหมือนจะเห็นแสงสะท้อนจากเส้นผมเป็นสีเงิน
“นั่นแก...แบเรียมงั้นเรอะ”
“อื้อแล้วคิดว่าผมเป็นมิ่งขวัญหรือไง”
ความคิดเห็น