ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    Apocalypse Online เกมโกงวันโลกาวินาศ

    ลำดับตอนที่ #83 : Login 80: พบหน้าอีกครั้ง

    • เนื้อหาตอนนี้เปิดให้อ่าน
    • 554
      23
      21 ก.พ. 60

    Login 80: พบหน้าอีกครั้ง

     

                วัดอารย-สนธยามหาวิหารนั้นเป็นศาสนสถานที่มีความยิ่งใหญ่อลังการเกินกว่าจะเป็นสถานที่ปฏิบัติธรรมอันที่จริงมันแทบจะเทียบได้กับพระราชวังหลังหนึ่ง

                เจดีย์หลังคาสีทองที่ส่วนยอดมีลักษณะเป็นครึ่งวงกลมดูแล้วอาคารทั้งหลังคล้ายกับจานบินของมนุษย์ต่างดาวแบบที่เห็นในหนัง ตั้งอยู่บนสวนเนื้อที่หลายร้อยไร่นอกจากมหาเจดีย์ขนาดยักษ์นี่แล้วก็ยังมีสิ่งก่อสร้างอื่นๆ อีกแต่ฐานทัพหลักน่าจะตั้งอยู่ที่นี่เพราะมันถูกฉายบนภาพในประกาศของอารย-สนธยา

                ช่วงหลายปีก่อนที่โลกจะล่มสลายลัทธิอารย-สนธยาถือว่ามีอิทธิผลเป็นอย่างมากมีบุคคลสำคัญวิ่งเข้าออกที่แห่งนี้ไม่เว้นวันและยังมีผู้ศรัทธาอยู่อีกเป็นจำนวนมหาศาล

     

                มิ่งขวัญและไทเทเนียมกำลังลาดตระเวนรอบๆ  เจดีย์ที่ส่องประกายท่ามกลางแสงจันทร์ในคืนจันทร์เพ็ญซึ่งมีพูดกันมาตั้งแต่โบราณแล้วว่าพระจันทร์มอบพลังให้กับปีศาจแต่ก็ไม่มีใครสนใจมันหรอกโลกเหลือเวลาอีกไม่มากดังนั้นกำหนดการโจมตีก็จะยังเป็นภายในคืนนี้ไม่เปลี่ยนแปลง

                หลังจากเดินวนรอบเจดีย์แล้วพวกเขาก็กลับมายืนรอตรงลานซีเมนต์หน้าทางเข้า

                ลานกว้างขนาดที่จอดรถทัวร์สามสิบคันได้อย่างสบายๆ เป็นพื้นที่กว้างไม่มีที่หลบซ่อนทำให้ระมัดระวังตัวได้ง่ายพวกเขาต้องรอจนกว่ากำลังรบของทั้งจากเมตไตรยกับพวกของตนจะมาถึง

                "ทางนี้ไม่พบอะไรเลยทางนั้นล่ะ"

                หญิงสาวต่างดาวถาม ดวงตาของหล่อนเปล่งประกายท่ามกลางความมืดเขาเองก็เช่นกันนี่คือลักษณะพิเศษอีกอย่างของมนุษย์ต่างดาว

                "ไม่"

                มิ่งขวัญตอบห้วนๆ แล้วหันไปทางอื่นทันที เด็กหนุ่มยังคงนึกถึงเรื่องที่หล่อนมาล่วงเกินตนในวันนั้นทุกครั้งที่เจอหน้าแม้แต่ตอนนี้พอจับที่ริมฝีปากก็ยังรู้สึกถึงสัมผัสของริมฝีปากที่หล่อนเข้ามาปะทะในวันนั้น

                ไทเทเนียมจ้องมาทางนี้ไม่วางตาแล้วแต่ขยับปากเหมือนกับจะพูดอะไรซักอย่าง

                "..."

                แต่ไม่มีเสียงดังออกมาเพราะหล่อนหยุดคำพูดไว้ก่อนเนื่องจากได้ยินเสียงประหลาด

                "นี่ได้ยินอะไรไหม"

                หล่อนถาม

                "อือ"

                มิ่งขวัญหันมาพยักหน้าให้เขาเองก็ได้ยินเช่นกันเสียงเหมือนนกหวีดแต่โทนมันฟังดูแหลมสูงจนเหมือนกับเสียงโหยหวนมากกว่า

                จู่ๆ รอบข้างก็มืดลงเล็กน้อยเหมือนกับมีเมฆลอยมาบังพระจันทร์แต่พอแหงนหน้าขึ้นไปมองกลับเห็นอะไรขางอย่างที่น่าสยดสยองกำลังจ้องมองมาจากทางด้านหลังของเจดีย์แทน

                เงาร่างที่บังแสงจันทร์เอาไว้สูงโปร่งยิ่งกว่าเสาไฟฟ้าดวงตาสีแดงก่ำสะท้อนอยู่ในความมืดเหมือนกับจะปูดออกมาจากเบ้า ส่วนของปากนั้นเห็นเป็นรูเข็มขนาดเล็กเสียงหวีดที่ได้ยินน่าจะออกมาจากตรงนั้น สิ่งมีชีวิตปริศนายืนจับยอดของเจดีย์เหมือนทำท่าจะหลบซ่อน

                แต่พวกมิ่งขวัญก็เห็นตัวมันแล้วจึงตั้งท่าเตรียมสู้พอทำแบบนั้นเจ้าสิ่งมีชีวิตประหลาดก็ปล่อยมือจากยอดเจดีย์แล้วยืดตัวสูงขึ้นกว่าเดิม

                "ปีศาจ!"

                ไทเทเนียมพูด

                "..."

                เจ้าสิ่งมีชีวิตประหลาดนี้น่าจะเป็นปีศาจอย่างที่หล่อนว่า บางทีคงจะเป็นเปรตวิญญาณคนบาปที่มาเกิดเป็นปีศาจร้ายเหมือนที่เคยเห็นในละครหลังข่าว

                เปรตใช้มือที่ใหญ่เท่าใบพายตะปบใส่

                ทั้งสองจึงแยกกันกระโดดหลบไปคนละทางแต่มืออีกข้างก็พุ่งเข้าใส่มิ่งขวัญ

                "รอยัลเซเบอร์"

                เด็กหนุ่มชักดาบจากเอว อาบมันด้วยพลังแสงของสกิลจากนั้นก็ตวัดฟันใส่มือยักษ์ที่จู่โจมเข้ามา นิ้วทั้งห้าขาดสะบั้นในการฟันเพียงครั้งเดียวแล้วเปรตก็ดึงมือกลับไปพร้อมกับเปล่งเสียงร้องโหยหวนน่าสยดสยองออกมา

                ทว่ายังไม่ทันจะได้พักหายใจให้ทั่วท้องก็กลับมีเสียงดังมาจากทางสวนที่ล้อมลานซีเมนต์เอาไว้เสียงโหยหวนอย่างทุกข์ทรมานของฝูงปีศาจที่แห่กันกรูออกมาจากสวนมุ่งตรงมาทางนี้

                บรรดาปีศาจเหล่านั้นประกอบไปด้วย

                ปีศาจหญิงแก่ที่มีแต่หัวกับเครื่องในส่องแสงลอยไปลอยมาได้

                ปีศาจเด็กทารกที่ส่งเสียงร้องน่ากลัวและบินได้

                ปีศาจชายฉกรรจ์ที่ติดกระด้งกระพือมันแทนปีกและหนีบไม้พายไว้ตรงหว่างขา

                ทั้งหมดนั่นเป็นปีศาจในตำนานพื้นบ้านที่มาจากทุกภูมิภาค แห่กันมาหลายร้อยตนบางทีคงจะเป็นผู้คุ้มกันที่อารย-สนธยาส่งมา

                ไทเทเนียมตะโกนสั่งมาจากอีกฟากทันที

                "มิ่งขวัญ!"

                หล่อนคงอยากจะบอกให้เขาจัดการเพราะตอนนี้มีแค่คนเดียวที่ยังใช้สกิลได้และการจะต่อกรกับศัตรูที่มีจำนวนแตกต่างกันก็มีแต่ต้องพึ่งพาสกิลเท่านั้น

                มิ่งขวัญตั้งโล่ขึ้นแล้วร่ายสกิล

                "เอลิเชี่ยนฟินาเล่"

                โล่เปล่งแสงสว่างเจิดจ้าใช้เวลารวมพลังอยู่พักหนึ่งแล้วจึงปลดปล่อย

    ลำแสงทำลายออกไปข้างหน้า

                มิ่งขวัญค่อยๆ หมุนตัวลากให้ลำแสงปล่อยไปโดนฝูงปีศาจที่ตีวงล้อมเข้ามาเพียงแค่พริบตาพวกมันก็ถูกแสงแผดเผาจนสลายหายไปราวกับควัน

                "ก็ไม่เห็นจะเท่าไหร่..."

                มิ่งขวัญหยุดคำพูดดูแคลนปีศาจไว้เพียงเท่านั้นเพราะว่ามีเสียงดังแทรกเข้ามา

                "แน่ใจแล้วรึ...ลองชะโงกหน้ามองดูค่าประสบการณ์ตัวเองหน่อยเป็นไง"

                มิ่งขวัญกับไทเทเนียมมองตามเสียงนั้นไป

                เจ้าของเสียงปรากฏตัวออกมาจากด้านในของทางเข้าเจดีย์

                เป็นปีศาจ...

                ปีศาจหญิงชรานุ่งโสร่งเหมือนหลุดยุคหลุดสมัยมา

                ใบหน้าของปีศาจค่อนข้างจะบิดเบี้ยวดวงตาปูดโปนเล็กน้อย

                แขนขาหงิกงอและเดินตัวสั่นตลอดเหมือนเป็นสันนิบาต

                "คราวนี้เป็นปอบรึไงฟะ"

                มิ่งขวัญสบถแต่ก็รู้สึกคาใจกับคำพูดของปีศาจเมื่อครู่จึงลองเปิดหน้าต่างสถานะแล้วตรวจสอบค่าประสบการณ์

                ค่าประสบการณ์ 90 %

                "ได้ไง!"

                มิ่งขวัญถลึงตามองตัวเลขบนหน้าจอซ้ำอีกครั้งแต่เขาไม่ได้ตาฝาดไป

                ค่าประสบการณ์ที่ควรจะมีอยู่ไม่ถึงครึ่งกลับเพิ่มขึ้นมาขนาดนี้ หมายความว่าพวกปีศาจเองก็ให้ค่าประสบการณ์เหมือนกับสัตว์เทวะแถมยังเป็นจำนวนที่มากกว่าหลายเท่าตัว

                ยังได้ยินเสียงหัวเราะอย่างมาดร้ายมาจากปีศาจอีกว่า

                “ตกใจขนาดนั้นเลยเรอะคิกๆๆ พวกเรามีข้อมูลของคนที่ต้องระวังเป็นพิเศษอยู่เจ้าก็เช่นกันดังนั้นจึงได้เตรียมกับดักนี้เอาไว้ทีนี้จะทำยังไงล่ะเจ้าหนูคิกๆๆๆ ถ้าลงมือก็จะเลเวลอัพแต่ถ้าไม่ทำก็ต้องตาย!

                ฟังจากคำพูดของปีศาจแล้วดูท่าศัตรูจะมีข้อมูลของเขาทั้งหมดรวมไปถึงเรื่องที่ไม่อยากอัพเลเวลเพราะจะทำให้เข้าใกล้ความเป็นมนุษย์ต่างดาวที่แสนรังเกียจ

                ไม่ทันไรก็มีปีศาจฝูงใหม่แห่กันออกมาจากข้างในเจดีย์เป็นชนิดเดียวกับพวกที่มิ่งขวัญฆ่าไป

                “มัวเหม่ออะไรอยู่รีบหนีเร็วเข้า

                มีเสียงดังมาจากไทเทเนียมพอหันไปก็เห็นหล่อนเตรียมจะวิ่งหนีแล้ว

                “หรือว่านายทำใจเลเวลอัพได้แล้วรึไง

                หล่อนคงเข้าใจดีว่าเขาไม่สามารถต่อสู้ภายใต้เงื่อนไขตอนนี้ได้ดังนั้นจึงเสนอให้หนีมิ่งขวัญตอบรับคำชวนของหล่อนทันทีแล้วก้าวเท้าวิ่งตามไป

                พวกเขาวิ่งตรงไปยังทางออกจากลานเพื่อจะเข้าไปหลบในสวนที่มีจุดให้ซ่อนตัวมากกว่าลานกว้างเปิดโล่งเช่นนี้แต่วิ่งไปได้ไม่ทันไรก็ต้องชะงักฝีเท้า

                เพราะจากทางออกที่กำลังจะมุ่งไปนั้นกลับมีพวกปีศาจแห่ทะลักกันมาด้วย พวกเขาถูกปิดล้อมทางหนีเอาไว้แล้ว

                “ชิ...นี่เป็นกับดักตั้งแต่แรกสินะ

                ไทเทเนียมสบถ หล่อนดูร้อนรนนั่นก็เพราะตอนนี้ไม่มีพลังของเกมและถึงมนุษย์ต่างดาวจะยังเหลือพลังเหนือมนุษย์อยู่ในตัวแต่ก็แพ้ทางปีศาจที่เป็นของแสลงถ้ามิ่งขวัญไม่ยอมสู้ทั้งเขาทั้งเธอก็จะต้องตายอย่างแน่นอน

                ปีศาจแผดเสียงกรีดร้องดังระงมไปทั้งลานกว้างบาดลึกเข้าไปถึงโสตประสาทยิ่งกับมนุษย์ต่างดาวที่ประสาทสัมผัสดีกว่ามนุษย์เสียงกรีดร้องเหล่านี้นับเป็นมลพิษทางเสียงที่เลวร้ายที่สุด

                พวกปีศาจเริ่มบุกเข้ามาโจมตี

                คมเขี้ยวของปีศาจหญิงที่มีแต่หัวกับเครื่องในพุ่งเข้าหามิ่งขวัญแต่เด็กหนุ่มสะบัดดาบใส่หวังเพียงแค่ขู่ให้ถอยกลับไปแต่ปีศาจไม่ถอยมันพุ่งเข้ามารับดาบ...

                ถูกฟันเครื่องในขาดสะบั้น กรีดร้องโหยหวนแล้วก็ดับสูญไป

                ค่าประสบการณ์เพิ่มขึ้นอีกแล้ว

                ตัวอื่นๆ ก็ด้วยพวกมันบุกเข้ามาอย่างไม่เสียดายชีวิต...

                “ก็พวกมันตายไปตั้งแต่แรกแล้วนี่หว่า

                มิ่งขวัญสบถแล้วซัดโล่ใส่ปากของปีศาจทารกที่พุ่งเข้ามาจนมันกระดอนลงไปกลิ้งบนพื้น

                ค่าประสบการณ์ไม่เพิ่มเพราะปีศาจไม่ได้ถูกฆ่าดูเหมือนว่าจะแตกต่างกับสัตว์เทวะที่แค่ทำความเสียหายให้ก็จะได้รับค่าประสบการณ์แล้วแต่ปีศาจต้องจัดการขั้นเด็ดขาดก่อนสินะ

                ตอนนี้มิ่งขวัญจึงทำได้เพียงแค่ปัดรังควานพวกมันไม่ให้เข้ามาทำร้ายและต้องออมแรงชนิดที่ว่าไม่ทำให้ถึงตาย ขณะเดียวกันไทเทเนียมก็อาศัยพลังเหนือมนุษย์กับมือเปล่าฆ่าปีศาจด้วยพลังดิบๆ ไปหลายตัว

                ถึงจะดูยังได้เปรียบเพราะปีศาจแต่ละตัวพลังไม่ค่อยสูงแต่จำนวนที่มีมากมายหลายร้อยตนก็ทำให้ความได้เปรียบลดลงไปเรื่อยๆ จนกลายเป็นเสียเปรียบไป เมื่อจำนวนของปีศาจที่กรูกันเข้ามาทำร้ายมีมากเกินรับมือ

                มิ่งขวัญถูกจับกดลงกับพื้นและถูกปิดปากด้วยมือของปีศาจตนหนึ่งทำให้ใช้เสียงสั่งการแอพพลิเคชั่นปีศาจไม่ได้รวมไปถึงสกิลด้วยพวกมันเล็งเอาไว้อย่างนั้น

                ขณะเดียวกันก็ได้ยินเสียงไทเทเนเยมขัดขืนอย่างเต็มกำลัง

                “อย่าเข้ามานะ!

                มีเสียงดังพล่อกตามมาแล้วศีรษะของปีศาจตนหนึ่งก็ลอยเคว้งกระเด็นไปบางทีคงโดนลูกตบหรืออะไรทำนองนั้น ไม่นานนักเสียงขัดขืนก็หยุดลงแต่มิ่งขวัญก็ไม่มีเวลาให้สนใจกับทางนั้นนักเพราะตอนนี้เขี้ยวของปีศาจหลายตัวกำลังเล็งมาที่ต้นคอ

                หากถูกทำร้ายด้วยพลังปีศาจความเสียหายที่ร่างกายมนุษย์ต่างดาวได้รับนั้นจะรุนแรงเป็นเท่าทวี ที่ผ่านมาก็ยังไม่เคยโดนการโจมตีจากอาวุธติดตั้งปีศาจเลยเพราะพวกมนุษย์ที่เคยสู้ด้วยเคลื่อนไหวอืดอาดทำให้หลบอาวุธเหล่านั้นได้ทั้งหมดแต่ตอนนี้เขากำลังจะได้ลิ้มลองมันแล้ว

                มิ่งขวัญหลบตาปี๋แล้วฝืนทนกัดฟันรอรับความเจ็บปวดที่ไม่มีทางขัดขืนได้

                แต่แล้ว...

                “จงสถิตในคันศรข้าบัพ-แอโร่ว!!

                มีเสียงที่คุ้นเคยดังมาอย่างนั้นครู่ต่อมาก็เกิดเสียงระเบิดดังสนั่นพร้อมกับน้ำหนักของพวกปีศาจที่กดลงมาหายไป มิ่งขวัญปรือตาขึ้นมองสำรวจรอบตัวเอง

                ไม่มีปีศาจอีกแล้ว เขามองหาพวกมันแล้วก็พบว่าถูกมหิงสาเพลิงขวิดไปกองรวมกันที่ไกลๆ

                จากนั้น...

                “ดราโคเม็ท!

                เสียงเดิมก็ดังขึ้นอีกแล้วก็มีลำแสงรูปมังกรบินตัดผ่านท้องฟ้าที่มืดมิดขึ้นไประเบิดเหนือฝูงปีศาจกลายเป็นฝนดาวตกถาโถมใส่ พื้นซีเมนต์ถูกระเบิดคว้านเป็นหลุมลึกพร้อมกับส่งวิญญาณพวกปีศาจให้หายลับไปจากตรงนั้น

                “อ...อะไรกันเนี่ย!

                ปีศาจปอบน้ำเสียงดูตกตะลึงกับสิ่งที่เกิดขึ้นแล้วจากทางด้านหลังของมันก็ปรากฏเงาของคนขึ้นอย่างกะทันหัน

                “เจ้าเองก็รีบตามเพื่อนไปด้วยเลยสิ

                เงานั้นพูดแล้วตวัดดาบผ่าร่างของปีศาจขาดสะบั้นเป็นสองท่อนในพริบตามันส่งเสียงกรีดร้องด้วยความทุกทรมานแล้วก็ดับสูญไป

                พวกปีศาจถูกจัดการจนเรียบไม่มีเหลือซักตนเดียว

                เงาของคนที่ปลิดชีพปีศาจปอบไปนั้นปรากฏขึ้นใต้แสงจันทร์ซึ่งก็ทำให้สังเกตเห็นว่าปีศาจเปรตเองก็ถูกจัดการไปแล้วจึงไม่มีอะไรบดบังแสงจากดวงจันทร์อีก คนๆ นั้นมีใบหน้าคล้ายกับมิ่งขวัญ

                “ขอบคุณที่ช่วยค่ะท่านแบเรียม

                เสียงของไทเทเนียมดังมาจากทางด้านหลังดูเหมือนหล่อนเองก็ปลอดภัย

                คนที่มาช่วยพวกเขาไว้คือผู้ติดตามและเป็นน้องชายของราชครูลำดับที่สอง

                “เปล่าเลยกระผมไม่ได้ทำอะไรเลยซักนิดเดียวถ้าจะขอบคุณก็ไปขอบคุณเขาเถอะ

                แบเรียมเก็บดาบลงฝักขณะที่พูดแล้วหันหน้าไปทางคนที่ว่าทำให้มิ่งขวัญหันตามไปด้วย

                ที่นั่นชายคนหนึ่งซึ่งดูคุ้นตากำลังถือคันธนูอยู่ ชายคนนั้น...

                “ศร…”

                มิ่งขวัญกล่าวอย่างตกตะลึงใบหน้าของเขาก็กำลังแสดงอาการเช่นเดียวกับคำพูด

                ...ก็เพราะชายคนนั้นคือพี่ชาย

                คืออิงศร

                คือคนที่โหยหามาตลอด...

                อิงศรก็กำลังจ้องมองเขาเช่นกัน จากนั้นความกลัวก็ขึ้นมาจับหัวใจเมื่อนึกไปถึงว่าพี่ชายจะคิดอย่างไรกับร่างกายของตัวเองในตอนนี้

                เขาเป็นมนุษย์ต่างดาว

                เป็นเผ่าพันธุ์ที่เคยสังหารพวกฟู

                เป็นของน่ารังเกียจสำหรับพวกเขาที่ต่างก็มีความแค้นต่อเรื่องในอดีต

                "ขวัญ"

                ไม่รู้ว่าตั้งแต่เมื่อไหร่พอถูกเสียงเรียกนั้นดึงกลับมาจากภวังค์ความคิดอิงศรก็มาอยู่ตรงหน้าแล้ว

                ขณะเดียวกันอิงศรก็นึกถึงเรื่องที่คุยกับแบเรียมในรถระหว่างที่เดินทาง

                'ตอนนี้มิ่งขวัญกลัวการอัพเลเวลเพราะจะทำให้พลังก้าวข้ามขีดจำกัดทำให้คล้ายกับมนุษย์ต่างดาวมากยิ่งขึ้น'

                นั่นคือข้อมูลที่ได้รับมาเนื่องจากแบเรียมอยากให้เขาช่วยจัดการกับความคิดอันไร้สาระนี้ที่จะกลายเป็นจุดอ่อนในการต่อสู้กับอารย-สนธยา

                "มันก็ไร้สาระจริงๆ น่ะแหละ"

                อิงศรพึมพำ

                "ห๊ะ.."

                มิ่งขวัญมีปฏิกิริยากับเสียงพึมพำนั่นดูเหมือนว่าจะหูดีจนได้ยิน

                พอมองหน้ามิ่งขวัญแล้วถึงได้รู้ว่าหมอนี่ยังคงเป็นน้องชายขี้แยไม่เคยเปลี่ยน

                ใบหน้าที่เหมือนกับจะร้องไห้อยู่รอมร่อแสดงออกมาทันทีเมื่ออยู่ต่อหน้าเขาก็พอจะช่วยให้จินตนาการได้ว่ามิ่งขวัญอดกลั้นความรู้สึกของตัวเองมากขนาดไหนเพราะเขาก็ดูตอนที่มิ่งขวัญต่อสู้อยู่และเห็นว่าไม่ได้แสดงอ่อนแอออกมาเลยแม้จะถูกไล่ต้อนจนมุมก็ตาม

                น้องชายแสดงความอ่อนแอออกมาแค่ตอนที่อยู่ต่อหน้าเขาเท่านั้นคงเพราะนี่คือคนในครอบครัวคนที่สามารถวางใจได้ที่จะเปิดเผยความอ่อนแอออกมาให้เห็นและช่วยปลอบประโลมมัน

                ดังนั้นตอนนี้ก็จะเป็นการทำหน้าที่ในฐานะพี่อีกครั้งในรอบสามปี

                "เจ้าบ้าขี้แยเนี่ยแก้ยังไงก็ไม่หายสินะ"

                อิงศรพูดแล้วดึงตัวน้องชายขึ้นมาสวมกอด พอทำแบบนั้นถึงสัมผัสความรู้สึกของมิ่งขวัญได้

                ร่างของน้องชายกำลังสั่นระริกและเต้นขึ้นลงตามจังหวะของการสะอึก

                ร้องไห้อีกแล้วสินะ....อิงศรคิด

                เขาไม่ได้มองหน้ามิ่งขวัญแต่ก็รับรู้ได้ถึงแรงกอดที่ส่งกลับมา

                ศาสตราวุธในมือของมิ่งขวัญถูกทิ้งกองอยู่ที่พื้นแล้วสองมือก็สวมกอดกลับอย่างแน่นเสียจนรู้สึกอึดอัดแต่เขาก็ไม่ได้ว่าอะไรและปล่อยให้มิ่งขวัญกอดเอาไว้อย่างนั้น

                ...

                ช่วงที่รู้สึกราวกับว่าเวลาจะหยุดอยู่แค่ตรงนั้นดำเนินไปได้ครู่หนึ่ง...

                พลันก็มีเสียงพูดกับเสียงปรบมือดังแทรกเข้ามา

                เป็นการพบกันอีกครั้งที่น่าประทับใจดีนี่

                อิงศรเงยหน้าขึ้นไปมองตรงไปทางที่เสียงนั่นดังมาชายเจ้าของเสียงเป็นผู้นำของกงอกำลังมนุษย์ต่างดาวที่กำลังเดินเข้ามาสมทบกัน

                มาถึงโดยสวัสดิภาพสินะขอรับท่านพี่

                แบเรียมโค้งศีรษะให้รวมถึงไทเทเนียมก็โค้งให้เช่นกัน

                ดูจากเครื่องแบบแล้วคงเป็นชั้นราชครูจึงไม่แปลกที่ทั้งสองจะแสดงการเคารพ

                แต่เหนือสิ่งอื่นใด...

                อิงศรจ้องมองใบหน้าของตนเองที่สะท้อนอยู่บนใบหน้าของราชครูตนนั้นแต่ต่างกันตรงสีผมที่อีกฝ่ายเป็นผมสีเงินแบบมนุษย์ต่างดาวด้วยความรู้สึกทึ่งเล็กน้อย

                ถ้าหากไม่ได้มีตัวอย่างกรณีของแบเรียมกับมิ่งขวัญมาก่อนบางทีเขาคงจะตกใจไปแล้ว

                ฮ..เฮ้! มนุษย์ต่างดาวนั่นหน้าเหมือนพี่ศรเลย!”

                กวินทร์ที่ยืนเยื้องไปทางด้านหลังกับอิซานามิแสดงอาการตกใจเหมือนๆ กับตอนที่ได้พบกับแบเรียม

                อิงศรดึงตัวขวัญออกแล้วให้ไปหลบข้างหลังส่วนตัวเองก็ออกหน้าเผชิญกับอีกตัวตนหนึ่งในรูปลักษณ์ของต่างดาว

                นายคือราชครูลำดับที่สองสินะ


    ***อาทิตย์นี้มีโควต้าสองตอนคือวันอังคาร(วันนี้) กับอีกทีวันพฤหัส เช่นเดิมครับ ตอนนี้อาจจะบรรยายค่อนข้างรวบลัดเอามากๆ ไว้ถ้ามีโอกาสว่าจะกลับมารีไรท์เพิ่มรายละเอียดอีกที(ที่จริงคือกลัวโดนซิวเอาเพราะเรฟเฟอเรนซ์ฐานทัพของอารย-สนธยานี่แหละเลยบรรยายแบบคลุมเครือๆ 555+) เนื่องจากช่วงนี้อยากจะรีบตัดให้เข้าเนื้อสำคัญของแพทซ์อามาเกดดอนเร็วๆเพราะค้างเติ่งกับการเตรียมทัพและสงบศึกมาหลายตอนไปแล้วก็พาลกลัวผู้อ่านจะเบื่อกันเสียก่อน สำหรับคุยท้ายตอนวันนี้ก็ไม่มีอะไรครับแค่แวะมาหาอะไรพูดเท่านั้นเอง(แล้วจะคุยไปทำม๊ายย) ที่จริงตอนแรกกะว่าจะให้ปอบเว่าอีสานซักหน่อยแต่ไม่มีเวลาค้นคำแล้วเลยตัดทิ้งไปครับยังไงก็ออกแค่มาตายอยู่แล้วเหอๆ (แต่อิซานามิยังคงต้องเว่าเหนือกันต่อปายยย)***

    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    นิยายที่ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×