คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #76 : Login 73: เชื้อสายพันปี
Login 73: เชื้อสายพันปี
"ขอโทษที่มาสายครับ!"
"ขอโทษที่มาสายค่ะ!"
เมษากับมีนาตะโกนขึ้นพร้อมกันหลังจากวิ่งเข้ามาในห้องโถงผนังหินที่เหมือนกับถ้ำ
มีแสงจากหลอดไฟดวงเล็กๆ บนเพดานเหมือนกับเป็นแสงแดดที่ส่องลอดลงมาท่ามกลางความมืดมิด
สถานที่แห่งนั้นเต็มไปด้วยนายทหารยศสูงหรือไม่ก็พวกผู้บริหารระดับสูงซึ่งทุกคนล้วนเป็นพี่น้องร่วมตระกูลกันทั้งสิ้น
นี่คืองานประชุมที่จัดขึ้นเพื่อคนสำคัญขององค์กรเมตไตรยซึ่งนัดมาอย่างเร่งด่วนเมื่อตอนเช้ามืดตั้งแต่ที่พวกคนอื่นๆ
ในทีมอิงศรยังไม่ตื่นกันแล้วทั้งคู่ก็ตาลีตาเหลือกพากันมาสาย
แต่กลับไม่มีใครว่าอะไร
ทุกคนเอาแต่พูดคุยกันเองโดยไม่ได้สนใจสองฝาแฝด
นั่นเพราะพวกเขาเป็นพวกปลายแถวที่สุดของกลุ่มจึงเหมือนไม่มีตัวตนอยู่แต่แรก
เมษาพูดประชดด้วยใบหน้าไม่สบอารมณ์
"เฮอะ! ยังโดนเมินเหมือนเคย"
มีนาพูด
"ก็เป็นเรื่องปกตินี่เนอะน่าจะชินกันแล้วนะ"
เด็กสาวกวาดตามองผู้คนในงานควานหาตัวคนๆ
หนึ่งที่ควรจะอยู่ที่นี่แต่กลับไม่พบ
"ไม่เห็นพี่สิงห์เลยนะ"
"ว่าไปก็ไม่อยู่จริงๆ
นั่นแหละอย่างพี่สิงห์ไม่น่าจะสายนะ"
เมษาตอบแล้วเริ่มมองหาอย่างจริงจังบ้าง
ระหว่างที่มองหาสิงห์อยู่นั้นสายตาของมีนาก็ไปสะดุดเข้ากับหญิงสาวคนหนึ่ง
หญิงสาวผมสีทองยาวและดวงตาสีน้ำข้าวดูแล้วน่าจะมีเชื้อสายของคนต่างชาติ
มีนารู้จักหล่อนเป็นอย่างดี
พี่สาวผู้ดำรงตำแหน่งว่าที่ผู้สืบทอดองค์กรเมตไตรย
กุมภา ธุวดารกะ และเป็นเพียงคนเดียวที่น่าจะเรียกได้ว่าสูสีกับสิงห์
ทั้งที่สิงห์น่าจะเหมาะกว่าในการเป็นผู้นำเพราะเป็นเพศชายมีความเข้มแข็งกว่าเรื่องความสามารถก็เหมือนจะเหนือกว่าอยู่เล็กน้อยแต่คนที่ถูกเลือกกลับเป็นหญิงสาวร่างบอบบางคนนี้มันมีสาเหตุอยู่....
มันเริ่มมาจากรากเหง้าของตระกูลธุวดารกะเมื่อราว
1500 ปีที่แล้ว
มีเรื่องเล่าว่าเหล่าทูตสวรรค์ได้ปรากฏตัวต่อหน้าเด็กส่วนหนึ่งคัดเลือกพวกเขานำมาเลี้ยงแล้วให้สร้างดินแดนแห่งพันธะสัญญาที่มีชื่อว่า
‘อาณาจักรศักดิ์สิทธิ์พันปี’
เพราะมีทูตสวรรค์คอยสนับสนุน
อาณาจักรจึงเจริญรุ่งเรืองเรื่อยมาไม่ว่าจะต้องรบพุ่งกับกี่ชนชาติก็สามารถเอาชนะได้แต่ไม่รู้ว่าทำไมถึงไม่มีบันทึกหรือหลักฐานอันใดหลงเหลือมาจากยุคนั้น
ไม่มีใครรู้ว่าสภาพการณ์ในตอนนั้นเป็นเช่นไร
มนุษย์มีอารยธรรมแล้วหรือยัง?
มีการจดบันทึกหรือยัง? มีการประดิษฐ์หรือยัง?
ไม่มีใครรู้อะไรเกี่ยวกับอาณาจักรปริศนานั่นเลย
มันเพียงแค่หายไปจากหน้าประวัติศาสตร์
ที่พอจะรู้ก็มีแค่สาเหตุที่ล่มสลาย...
ว่ากันว่าอยู่มาวันหนึ่งทูตสวรรค์กลับหายไปอย่างไม่มีสาเหตุ
เมื่อขาดการสนับสนุนอาณาจักรก็เสื่อมถอยจนกระทั่งล่มสลายและสูญหายไป
เวลาล่วงเลยจากตอนนั้นจนมาถึงราวสองร้อยปีก่อนช่วงเวลาปัจจุบัน
ก็ได้มีการรวบรวมลูกหลานของอาณาจักรศักดิ์สิทธิ์กลับมาสร้างเป็นองค์กรโดยผู้รับตำแหน่ง
มกร ธุวดารกะในสมัยนั้นสามารถนำเหล่าทูตสวรรค์กลับมาได้อีกครั้ง
เหล่าทูตสวรรค์ได้บอกเรื่องของอาณาจักรศักดิ์สิทธิ์พันปีแก่ลูกหลานผู้สืบเชื้อสายเหล่านั้นต่อมาองค์กรที่ถูกก่อตั้งขึ้นในภายหลังก็กลายเป็นตระกูลธุวดารกะเช่นทุกวันนี้
...แล้วกุมภาก็เป็นผู้ที่ได้รับการยอมรับจากเหล่าทูตสวรรค์
มกรเลยเลือกให้หล่อนเป็นผู้สืบทอดเหตุผลทั้งหมดก็มีเพียงเท่านั้นจริงๆ
ผ่านไปได้ซักพักหนึ่ง...สมาชิกที่มาเข้าร่วมการประชุมเองก็น่าจะมากันครบทั้งหมดแต่ก็ยังไม่เห็นวี่แววของสิงห์
ตอนนั้นเองเมษาก็เสนอมาว่า
“นี่ลองไปถามพี่หลามที่อยู่ตรงนั้นดูไหม”
มีนามองตามที่มือของเมษาชี้ไป
พันโทข้าวหลามอยู่ที่นั่นกำลังตามหลังกุมภาต้อยๆ แล้วมีนาก็ส่ายหน้า
“อย่าเพิ่งดีกว่า”
“หา?
ทำไมล่ะ”
“ไม่รู้สึกว่ามันแปลกๆ
เลยเหรอนั่นพันโทเดินอยู่กับพี่กุมภานะ”
เมษาอาจจะไม่ทันคิดแต่นี่ถือเป็นเรื่องแปลกตาและแปลกสถานการณ์เป็นอย่างยิ่ง
โดยปกติแล้วถ้าเห็นพันโทข้าวหลามก็จะเห็นสิงห์อยู่ด้วยกันหรือกลับกันถ้าหากที่ไหนมีสิงห์ที่นั่นจะต้องมีข้าวหลามคอยตามประกบด้วยอย่างแน่นอนแต่วันนี้กลับไม่เป็นอย่างนั้น
มีนาจ้องไปที่กุมภาซึ่งเป็นผู้สืบทอดสายเลือดของชายผู้นำทูตสวรรค์กลับมาสลับกับหันไปทางฝั่งด้านในสุดของห้องที่ซึ่งมีบัลลังก์ทำจากหินตั้งอยู่และบนนั้น...
ตำนานมีชีวิตซึ่งดำเนินมาถึงสองร้อยปี
มกร ธุวดารกะ บิดาในนามของเธอกับเมษาและธุวดารกะทุกคนประทับอยู่ที่นั่นในฐานะ ‘พระเจ้าของโลกหลังการล่มสลาย’
จะเรียกแบบนั้นก็คงไม่ผิดเพราะธุวดารกะที่ควบคุมเมตไตรยซึ่งน่าจะเป็นองค์กรของมนุษย์ที่ต่อต้านผู้รุกรานที่มีอำนาจมากที่สุดบนโลกในขณะนี้ก็คือมกร
“พี่น้องทุกท่านในที่สุดก็มารวมตัวกันครบทุกคนแล้วดังนั้นจะขอเปิดการประชุมตระกูลแล้วนะคะ”
จู่ๆ เสียงของกุมภาก็ดังก้องไปทั้งโถงบรรดาผู้เข้าร่วมการประชุมต่างแหวกทางให้เธอไปยืนที่ตรงกลางห้องโดยที่มีข้าวหลามติดตามไปด้วย
มีเสียงหนึ่งดังมาจากพี่ชายคนที่ห้า พฤกษก
ธุวดารกะ เป็นหนึ่งในผู้บริหารฝ่ายทรัพยากรมนุษย์
“สิงห์ยังไม่มาเลยไม่ใช่เหรอ”
จากนั้นก็มีเสียงพูดมาจากพี่สาวคนรอง
กันยา ธุวดารกะ ผู้บริหารฝ่ายออกแบบและผลิตยุทธภัณฑ์
“ปกติไม่เห็นเคยสายนี่ลืมส่งคนไปบอกรึเปล่า”
กุมภาตอบข้อสงสัยของเหล่าพี่น้องว่า
“เรื่องนั้นเดี๋ยวจะแจ้งให้ทราบเองเพราะมันคือหัวข้อของการประชุมนี้”
สิงห์เป็นหัวข้อประชุม....มีนาเริ่มระวังตัวมากขึ้น
สิงห์เป็นไม้เบื่อไม้เมากับกุมภามาโดยตลอด การที่กุมภายกเอาเรื่องของสิงห์ขึ้นมาพูดในเวลาเช่นนี้ย่อมไม่ใช่เรื่องที่ดีแน่
...แล้วเธอกับน้องชายฝาแฝดที่อยู่ในสังกัดของสิงห์ก็อาจจะพลอยโดนดีไปด้วย
“เอาแล้วไงล่ะ”
มีนากระซิบเสียงเบาแค่พอให้เมษาที่อยู่ติดกันได้ยิน
“อะไร? บอกกันมั่งสิ”
“ทางที่ดีพวกเราเองก็เตรียมตัวเอาไว้ให้พร้อมดีกว่านะเพราะเรื่องมันชักจะแหม่งๆ
แล้วล่ะ”
ตอนนั้นเองกุมภาก็เริ่มประกาศแก่ที่ประชุม...
“แต่ก่อนจะเริ่มกันอยากจะให้พี่น้องทุกท่านได้รับทราบเอาไว้ว่าการประชุมนี้จัดขึ้นเพื่อเป็นการสอบสวนหนอนบ่อนไส้ในหมู่พวกเรา”
คำพูดนั้นทำให้ทั้งโถงเงียบสนิทไปพักหนึ่ง
ก่อนจะกึกก้องไปด้วยเสียงพูดคุยจากบรรดาพี่น้องธุวดารกะ
“ว่าไงนะ หนอนบ่อนไส้เหรอ”
“ในพวกเราเนี่ยนะ”
“จะบอกว่ามีสปายของพวกมนุษย์ต่างดาวอยู่ในนี้รึไง”
“เหลวไหลน่า”
“สิงห์ไม่อยู่ที่นี่หรือว่าจะ...”
“ไม่จริงน่าสิงห์น่ะนะ”
“ถ้าเป็นเรื่องจริงมิแย่เลยรึสิงห์กุมอำนาจทหารครึ่งหนึ่งขององค์กรไว้เชียวนะถ้าเจ้านั่นเป็นสายจริงๆ
ล่ะก็”
ท่ามกลางเสียงคำถามที่ยิงใส่กันไปมา มีนามองเห็นรอยยิ้มของกุมภาเผยอขึ้นเล็กน้อย
บางทีพี่สาวคงจงใจให้เป็นแบบนี้
จงใจสร้างความสั่นคลอนอันนี้ขึ้นมาเพื่อจะกลั่นกรองคนทรยศที่น่าจะแสดงพิรุธเมื่อคิดว่ากำลังจะถูกล้วงลูก
ไม่นานนักเสียงทั้งหมดก็เงียบลงเมื่อบานประตูห้องโถงเคลื่อนตัวเปิดออก
สายตาทั้งหมดนอกจากมีนาจับจ้องไปยังที่นั่น พร้อมกันนั้นกุมภาก็พูดว่า
“แต่ไม่ต้องตกใจไปเพราะพวกเราได้คลี่คลายสถานการณ์ไปแล้วและจะขอเบิกตัวจำเลยที่สมรู้ร่วมคิดกับคนทรยศมาให้ทุกท่านได้เห็นค่ะ”
คลี่คลายไปแล้ว? คำๆ นี้มีความหมายว่าอย่างไรกันแน่
ระหว่างที่มีนากำลังครุ่นคิดอยู่นี้เองเมษาก็สะกิดเธอ
“เฮ้ยๆ นั่นมันศรไม่ใช่เหรอ”
แวบหนึ่งที่ดวงตาของมีนาเบิกกว้าง
เด็กสาวหันตามไปทางที่ว่า
ที่ประตูโถงซึ่งเปิดออกแล้วอิงศรกำลังเดินเข้ามาโดยมีทหารพิเศษของตระกูลคอยประกบ
“ทำไมคุณอิงศรถึงถูกพามาที่นี่ล่ะ”
มีนาพึมพำไปอย่างนั้นขณะที่ประเมินสถานการณ์นี้ว่าอยู่ในขั้นวิกฤติที่สุดบางที...
ทีมอิงศรอาจจะต้องจบลงที่นี่
วันนี้สั้นไปหน่อยเนื่องจากไรท์ติดงานจึงต้องขออภัยด้วยครับไว้วันศุกร์จะเขียนให้ยาวขึ้นกว่าปกติเพื่อชดเชยทีหลังนะครับ
ความคิดเห็น