ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    Apocalypse Online เกมโกงวันโลกาวินาศ

    ลำดับตอนที่ #72 : Login 69: Binary Star

    • เนื้อหาตอนนี้เปิดให้อ่าน
    • 480
      31
      20 ม.ค. 60

    Login 69: Binary Star

     

                หลังจากรู้ว่ามีนาตกลงไปในหลุม เมษา นรินทร์ กวินทร์ก็...

                "มีนา!"

                "คุณมีนา!"

                “พี่มีนาตกลงไปในหลุมแล้ว!

                หน้าตาตื่นตระหนกแล้วพากันมองลงไปในหลุมนั่นแต่ข้างล่างมืดและลึกจนมองไม่เห็นก้น

                เมษาลองตะโกน

                "เฮ้เป็นไรป่าว!"

                แต่แทนที่จะมีเสียงตอบรับของมีนากลับมีเสียงของผู้ชายดังขึ้นมาแทน

                "เฮ้ยเดี๋ยวก่อน! นี่ฉันเอ.."

                จากนั้นก็มีเสียงดังเพี๊ยะเหมือนฝ่ามือไปตบกับอะไรเข้า

                “โอ้ย!

                “ว้าย... ตายแล้ว!

                เสียงเอะอะดังขึ้นมา ทั้งสามคนมองหน้ากันแล้วเดาว่าเกิดอะไรขึ้นข้างล่างนั่น

                นรินทร์พูด

                "หลุมนี่เกิดจากสกิลส่วนฝีมือคนทำ..."

                "ยังจะต้องเดาอีกเรอะเมื่อกี้มันเสียงเจ้าศรไม่ใช่รึไง"

                เมษาพูดพลางทำคิ้วกระตุกเหมือนจะจับสัมผัสอันคุ้นเคยของสถานการณ์นี้ได้

                แล้วกวินทร์ก็พูดเสริมมา

                "จะว่าไปตอนศึกในสวนสาธารณะนั่นพี่เขาก็ใช้สกิลขุดหลุมกับดำดินช่วยพวกเราไว้นี่ครับ"

                นรินทร์ช่วยพูดแก้ตรงชื่อสกิลให้

                "หมายถึงใช้ แทรปโฮล์ (Trap Hole) ขุดหลุมแล้วก็ใช้ดีฟไดรเวอร์ (Deep Driver) เคลื่อนที่ไปใต้ดินอย่างนั้นเหรอ"

                ตอนนั้นเองมีนาก็ปีนขึ้นมาจากหลุมแล้วช่วยดึงโดโกบาร์ตามด้วยอิงศรที่แก้มข้างขวาแดงจัดเหมือนไปกระแทกถูกอะไรขึ้นมา

                เมษายิงคำถามใส่ทันที

                “ทำไมมาช้านักวะ

                แต่ยังไม่ทันได้ตอบมีนาก็ทำหน้ามุ่ยแล้วถามเสริมอีกคำ

                “แถมยังเลอะเทอะมอมแมมมาเชียวนะคะแอบไปเล่นปั้นปราสาททรายมาหรือไง

                อิงศรตอบกลับไปด้วยความรำคาญ

                “รอไอ้เด็กเวรนี่ผูกเชือกรองเท้าอยู่จนโดนลูกหลงถล่มหอพังน่ะเซ่ ดีนะที่ใช้ดีฟไดรเวอร์หนีออกมาทัน วันหลังเธอเอาไปเลี้ยงเองเลยเหอะ

                แล้วมองค้อนใส่โดโกบาร์ที่ทำเป็นทองไม่รู้ร้อน

                มีนาพูดแก้ตัวว่า

                “ช่วยไม่ได้นี่คะก็โดโรธีเขาอยากอยู่กับคุณอิงศรนี่นา

                "..."

                อิงศรไม่ได้ตอบโต้คำพูดอีกเพราะเขากำลังจ้องไปที่มิซาร์ซึ่งพยายามจะข้ามม่านพลังด้วยการแบ่งตัวขึ้นไปเป็นชั้นๆ ให้สูงกว่าม่านพลังแล้วค่อยข้ามไปนี่ควเป็นวิธีที่มันบุกแนวกำแพงไออัสกับไอจิสมาได้สินะ

                เขาค่อนข้างแปลกใจที่ขนาดตัวของมิซาร์ใหญ่กว่าปีก่อน ปกติหน่อหนึ่งมีขนาดเท่ารถยนต์แต่ที่อยู่ตรงนี้มีขนาดเท่าบ้านแล้วพอมองไปที่อื่นก็พบว่าไม่ได้มีแค่มิซาร์เท่านั้นแต่สัตว์เทวะตัวอื่นก็มีขนาดใหญ่ขึ้นจึงไม่น่าแปลกใจที่สนามรบจะวุ่นวายกันขนาดนี้

                ระหว่างที่ประเมินสถานการณ์อยู่คนอื่นๆ นอกจากพวกเขาก็กำลังระดมโจมตีหน่อของมิซาร์ที่พยายามจะไต่ม่านพลังและถึงจะหยุดไว้ได้มันก็เริ่มให้หน่ออื่นแบ่งตัวเพิ่มขึ้นมาจนต้องแบ่งกำลังไปจัดการอีกหน่อ หากยังดำเนินต่อไปอย่างนี้พวกเขาที่ไม่ได้มีจำนวนไร้ขีดจำกัดเหมือมิซาร์ก็จะหยุดมันไม่ได้

                จะทำอย่างไรดี? อิงศรพร่ำถามกับตัวเองสถานการณ์ในตอนนี้มีสิทธิ์ที่จะแพ้สูงจนน่าสิ้นหวัง ถ้าว่ากันตามตำราตอนนี้ก็ควรอพยพประชาชนและถอยหนีกันได้แล้ว แต่พวกเขาไม่มีที่ให้หนี...

                อาณาเขตคราฟเมืองของศูนย์ใหญ่กินเนื้อที่กว้างมหาศาลเกือบครึ่งค่อนจังหวัดถ้ามันเกิดพังขึ้นมาสัตว์เทวะที่แสนร้ายกาจก็จะผุดขึ้นมาบนพื้นที่ทั้งหมดนั่นการอพยพออกจากพื้นที่กว้างขนาดนี้นั้นเป็นไปไม่ได้เลย ไหนยังจะประชาชนที่ไม่มีพลังจะต่อสู้จะเอาชีวิตรอดข้างนอกเขตเมืองที่มีแต่สัตว์เทวะอยู่เต็มไปหมดได้อย่างไรกัน

                แต่ไม่มีเวลาให้ไปคิดอีกแล้วเพราะอาริออทกำลังเคลื่อนที่มาทางนี้ มันยกหนวดขึ้นปล่อยหยดหมึกจำนวนมหาศาลออกมาจากปุ่มดูดใต้หนวดลงมาบนพื้นจนแทบจะกลายเป็นแอ่งพิษ ไอแห่งความตายระเหยออกมาจากแอ่งนั้นและคืบคลานเข้ามา

                อิงศรออกคำสั่ง

                "ทุกคนไปหยุดอาริออทกันก่อนไม่วั้นแนวป้องกันสุดท้ายได้พังแน่"

                มีนาพูด

                "แค่พวกเราห้าคนสินะคะงานช้างเลยนะเนี่ย"

                เมษาพูด

                "ยังไงก็ต้องทำเท่านั้นแหละถ้าปล่อยแนวป้องกันนี้พังข้างหน้าก็เป็นเมืองแล้วนะ"

                จากนั้นพวกเขาก็จับกลุ่มบุกโจมตีอาริออทกันห้าคนโดยไม่มีโดโกบาร์กับซากิริ

                อิงศรดึงยันต์ออกมาจากแขนเสื้อห้าแผ่นแล้วยิงมันไปยังจุดต่างๆ สร้างเขตแดนล้อมรอบศัตรู

                มหาเขตแดนตรวนผนึกหมาป่าไกลนิลพ์!”

                คำสั่งให้อาคมเขตแดนทำงานโซ่พันธนาการพุ่งจากตราเขตแดนทั้งห้ามัดพันหนวดของอาริออทไว้แต่มันยังมีหนวดเหลืออีกสามเส้นซึ่งแค่นั้นก็เพียงพอจะอาละวาดได้อย่างเหลือเฟือ

                อาริออทสะบัดหนวดที่เหลือโปรยหยดหมึกลงไปยังที่พวกอิงศรกระจุกตัวกัน แต่ทุกคนกระโจนตัวหลบได้หมดหมึกจึงตกลงบนทรายแล้วเริ่มระเหยเป็นไอพิษ

                ทุกคนติดพิษจากไอเหล่านั้นรวมถึงโดโกบาร์กับซากิริที่อยู่ห่างออกไปก็ถูกไอพิษที่กระจายตัวอย่างรวดเร็วในเวลาไม่กี่วินาที

                โดโกบาร์ที่สัมผัสกับพิษรู้สึกได้ว่าไอเหล่านี้เป็นภัยคุกคาม

                ถ้าปล่อยเอาไว้ร่างนี้ก็จะตายสินะ...

                เด็กชายพูดก่อนจะเริ่มสำลักพิษรู้สึกเหมือนกับโลกทั้งใบเอนเหวี่ยงไปมาจนน่ารำคาญ

                ไม่นานนักพันธนาการที่อิงศรสร้างก็หมดฤทธิ์หนวดทั้งหมดของอาริออทเป็นอิสระ มันปล่อยหยดพิษอย่างบ้าคลั่งจนไอพิษกลายเป็นหมอกปกคลุมบริเวณโดยรอบ

                ท่ามกลางหมอกพิษที่บดบังทัศนวิสัยเป็นอย่างมากนั้นหนวดของอาริออทได้ลอบโจมตีเข้ามาจากทุกทิศทาง

                ทุกคน...แค่ก...จับกลุ่มกันไว้แล้วคอยระวังหลัง!”

                อิงศรพยายามตะโกนให้ทุกคนได้ยินแต่หมอกหนาเกินไปจนพากันไม่รู้ว่าใครอยู่ตรงไหนบ้าง

                ในตอนนั้นเองก็เสียงของมีนาก็ดังขึ้น

                ซาลาแมนเดอร์!”

                ทันใดนั้นก็ปรากฏแสงสว่างสีแดงเปล่งประกายวูบวาบในสายหมอก อิงศรรู้ได้ในทันทีว่านั่นคือสัญญาณที่มีนาสร้างขึ้นเพื่อเรียกทุกคนมารวมกันเขาวิ่งตามแสงนั่นไปจนกระทั่งเจอมีนากำลังเหวี่ยงเคียวที่ใบมีดลุกเป็นไฟ

                คนอื่นๆ ก็ตามมาที่นี่ได้ด้วยวิธีเดียวกันจากนั้นโดยไม่ต้องใช้คำพูดพวกเขาหันหลังชนกันเพื่อคอยระวังหนวดที่จะโจมตีมาจากทางที่มองไม่เห็น

                หนวดเส้นหนึ่งจู่โจมเข้ามา

                มีนาเหวี่ยงเคียวที่ลุกไหม้ตัดหนวดเส้นนั้นขาดสะบั้นแต่มันงอกกลับขึ้นมาอีกก่อนจะถอยกลับไปท่าทางว่าการโจมตีจะทำให้มันเกิดความกลัวขึ้นมาบ้างกระมัง

                อย่างไรก็ตามพวกเขายังคงเสียเปรียบหากอยู่ในหมอกพิษต่อไปแบบนี้พลังชีวิตคงหมดก่อนที่แนวป้องกันจะสุดท้ายจะถูกทำลายระหว่างที่กลืนไม่เข้าคายไม่ออกกันอยู่นี่เองกวินทร์ก็...

                "อ๊ะ! พี่มีนามีดูเบติดอยู่ที่หลังตัวหนึ่งด้วยครับ"

                พูดแบบนั้นแล้วหยิบดูเบที่ติดอยู่กับเสื้อของหล่อนออกมาบี้ทิ้งด้วยมือเปล่า

     

    Heraldic Beast Deity: Dubhe Lv.70

    […..0:1…..]

     

                เรื่องน่าจะจบลงแค่นั้นถ้าหากสิ่งที่กวินทร์บี้ไปคือดูเบจริงๆ แต่ทว่า..

                "โอ้ย!"

                ซากของดูเบที่เละคามือกลับเกิดระเบิดขึ้น มือข้างนั้นของกวินทร์ได้รับบาดเจ็บ

                นรินทร์เข้ามาจับมือนั้นไปดูบาดแผล

                "ไม่เป็นไรแค่ถลอกน่ะว่าแต่เมื่อกี้มันอะไร..."

                ไม่ทันขาดคำตรงหน้าพวกเขาก็ปรากฏร่างที่เจิดจรัสไปด้วยแสงสว่าง

                สัตว์เทวะ...

                มันลอยตัวอยู่กลางอากาศมีขนาดและรูปร่างคล้ายขวดน้ำ

                มีหนวดแหลมสองอันอยู่บนหัว

                มีระยางค์เล็กคล้ายปีกยื่นออกมาข้างลำตัวคู่หนึ่ง

                ไม่มีขา ไม่มีใบหน้า ลำตัวใสมองจนเห็นเครื่องในสีแดงอมชมพูกำลังเต้นตุบตับและเปล่งแสงวูบวาบออกมา

                ถ้าจะให้นิยามเปรียบกับสัตว์น้ำเหมือนพวกจ่าฝูงของเรดนี้แล้วล่ะก็มันคล้ายกับสัตว์ทะเลลึกที่เรียกว่า ซีแองเจิล หรือ นางฟ้าทะเล

                อิงศรพูด

                "เฮ้ย! นี่มันเบเนทนาซไม่ใช่เรอะ"

                ชื่อของสัตว์เทวะเองก็เขียนเอาไว้แบบนั้น

     

    Heraldic Beast Deity: Benetnasch Lv.70

    [/////10000:10000/////]

     

                "บ...เบ...เบอะไรนะครับ"

                ไม่รู้ว่ากวินทร์หน้าซีดลงเพราะพิษหรือกำลังตื่นตระหนกคิดว่าตัวเองทำเรื่องผิดพลาดเข้ากันแน่

                แต่อิงศร มีนา เมษา ที่มีประสบการณ์ไม่ได้คิดแบบนั้นพวกเขารู้สึกขอบคุณความบังเอิญนี้มากกว่าที่จะโกรธเพราะมันทำให้เจอสัตว์เทวะตัวสุดท้ายของเรด ซึ่งถ้าหามันไม่เจอก็อาจจะเกิดเรื่องที่ทำให้สถานการณ์ยิ่งแย่ลงไปกว่านี้

                มีนาพยายามอธิบายให้กวินทร์กับนรินทร์ที่ไม่มีประสบการณ์

                เบเนทนาซค่ะเจ้านี่มีความสามารถเปลี่ยนร่างเป็นอีกหกตัวได้...

                แต่เมษาก็พูดแทรก

                ”รีบจัดการมันก่อนจะเปลี่ยนร่างอีกเหอะ

                ทว่าเบเนทนาซก็เร่งแสงสว่างที่เปล่งจากอวัยวะข้างในให้เจิดจ้าขึ้น จนดวงตาของพวกเขาพร่ามัวไปชั่วขณะ

                พริบตาต่อมานางฟ้าทะเลก็กลับกลายเป็นปลาวาฬยักษ์เมเกรซแหวกว่ายอยู่กลางอากาศก่อนจะดีดตัวพุ่งออกไปจากหมอกพิษ แรงดีดทำให้เกิดคลื่นลมพัดไอพิษให้กระจายออกจนทัศนวิสัยดีขึ้น

                ตูม! เพล้ง!

                เกิดเสียงดังเหมือนระเบิดตามมาด้วยเสียงกระจกแตกจากทิศทางที่เบเนทนาซพุ่งออกไป มันชนเข้ากับเสามิซาร์ที่กำลังก่อตัวข้ามม่านพลังและชนม่านพลังแตกกระเจิงพลางงุ้มหัวลงให้รูบนศีรษะเล็งเข้าไปในเมือง

                แย่แล้ว! มันคิดจะปล่อยฝูงดูเบเข้าไปในเมืองเลย

                อิงศรพูดเพื่อให้ใครซักคนหยุดมันแต่สายเกินไปและการปรากฏตัวของเบเนทนาซก็กระชั้นชิดเกินไป ไม่มีใครทันตั้งตัวหรือเตรียมพร้อมรับมือกับเหตุสุดวิสัยนี้

     

    แทบจะในเวลาเดียวกันนั่นเอง...

                โดโกบาร์ก็ตระหนักว่าหากปล่อยให้สัตว์เทวะอาละวาดต่อไปร่างนี้จะถึงแก่ความตาย

                นั่นเป็นเรื่องที่คิดเกี่ยวกับไอพิษเท่านั้นไม่ได้พิจารณาจากเรื่องที่ประชาชนในเมืองจะถูกฆ่าตายหมดหากเรดบอสชนะในสงครามนี้ ไม่ได้คิดถึงเรื่องสวัสดิภาพของพวกอิงศรด้วยแม้แต่น้อย

                เด็กชายเพียงคำนึงถึงความอยู่รอดของตัวเองโดยสัญชาตญาณ....

                แต่เครื่องทำสวนที่เป็นอีกตัวตนหนึ่งก็พึงระลึกถึงหน้าที่ของตนคือการทำลายทุกสิ่งในสวนแห่งนี้ปลดปล่อยสวนจากวัชพืชที่ปกคลุมไปทุกหนทุกแห่งนั่นคือสิ่งที่เขารู้มาตั้งแต่แรก

                ถ้าอย่างนั้นตัวตนของเขาในตอนนี้คืออะไรกันล่ะ?

                'วัชพืช' หมายถึงทุกอย่างในสวนแห่งนี้ไม่ว่าจะเป็นสัตว์เทวะ มนุษย์ หรือ บุตรแห่งแสง หน้าที่ของเขาคือการถอนรากถอนโคนทั้งหมดนั่นแต่กลับเลือกถอนแค่บางอย่างแล้วเก็บสิ่งที่เรียกว่ามนุษย์เอาไว้

                โดโกบาร์ปิดตาลงพยายามสลัดความสับสนในจิตใจทิ้งไปตอนนี้จะต้องช่วยพวกมนุษย์ไว้ก่อนเพื่อดูว่าการตัดสินของเหล่าแอดมินิสเทรเตอร์นั้นถูกต้องหรือไม่

                นั่นแหละคือหน้าที่ในฐานะผู้ตรวจสอบ

                เด็กชายเปิดตาแล้วยืดแขนไปข้างหน้า

                "ลิเบอร่าเม"       

                เพียงกล่าวคำพูดสั้นๆ เท่านั้นความอัศจรรย์ก็บังเกิด

                ลำแสงสีแดงโปรยปรายลงมาจากฟากฟ้าโดยเล็งตกใส่แต่สัตว์เทวะ

                เริ่มจากมิซาร์ที่อยู่หน้าม่านพลังตายจากนั้นหน่อทั้งหมดก็ถูกลำแสงแผดเผาพร้อมกันจนไม่ทันเพิ่มจำนวน

     

    Heraldic Beast Deity: Mizar Lv.70

    [.....0:5000.....]

     

                ตามด้วยเบเนทนาซในร่างเมเกรซถูกลดพลังชีวิตที่เลียนแบบเมกรซมาจนหมดและกลับคืนร่างเดิมก่อนจะถูกลำแสงระลอกถัดมาฆ่าตาย

     

    Heraldic Beast Deity: Benetnasch Lv.70

    [.....0:10000.....]

     

                รายต่อมาคืออาริออทลำแสงแผดเผาร่างของมันจนหนวดเริ่มม้วนเพียงไม่กี่วินาทีหลังจากนั้นมันก็ตาย

     

    Heraldic Beast Deity: Alioth Lv.70

    [.....0:267000.....]

     

                ลำแสงที่ตกกระทบพื้นหลังจากร่างของสัตว์เทวะมอดไหม้ไปหมดทำให้เกิดระเบิดควันขึ้นมาบดบังบริเวณโดยรอบ จากนั้นโดโกบาร์ก็เล็งไปที่ทะเลซึ่งเพ็คด้าและเมเกรซตัวจริงกำลังต่อสู้กับแนวหน้าที่นำโดยสิงห์ ธุวดารกะ

                เด็กชายชี้ตรงออกไปข้างหน้าปากก็พึมพำว่า

                โซเดียราโอ

                แล้วลำแสงก็พุ่งจากนิ้วชี้ยิงทะลวงเพ็คด้าที่หดตัวเข้ากระดองกำลังเตรียมจะหมนุตัวเพื่อปล่อยลำแสงแต่มันก็ถูกลำแสงของโดโกบาร์ยิงทะลุกลางกระดองไป

     

    Heraldic Beast Deity: Phecda Lv.70

    [.....0:85000.....]

     

                โดโกบาร์ลากนิ้วเบนทิศให้ลำแสงตวัดลงมาผ่าร่างของเมเกรซขาดสะพายแล่งก่อนจะหยุดมือ

     

    Heraldic Beast Deity: Megrez Lv.70

    [.....0:205000.....]

     

                เนื่องจากสัตว์เทวะจ่าฝูงถูกจัดการแทบจะพร้อมกันทำให้จำนวนค่าประสบการณ์ที่ทุกคนได้รับนั้นเหมือนกับโดนเทน้ำทั้งมหาสมุทรใส่ก็มิปาน แถบค่าประสบการณ์ถูกเติมเต็มแล้วเต็มอีกเลเวลของทุกคนเพิ่มขึ้นไม่ต่ำกว่าเจ็ดขั้นแม้แต่ตัวโดโกบาร์เองก็ได้รับค่าประสบการณ์จนเลเวลเพิ่มขึ้นรวดเดียวสิบขั้น

     

    โดโรธี Lv.70

    [/////15000:15000/////]

     

                รวมทั้งพวกอิงศรที่มองเห็นเหตุการณ์ทุกอย่างแต่เพียงกลุ่มท่ามกลางหมอกควันมหาศาลก็เลเวลอัพกันทีเดียวแปดขั้น

     

    อิงศร Lv. 70

    [/////7320:7320/////]

     

    มีนา Lv. 68

    [/////6000:6000/////]

     

    กวินทร์ Lv. 69

    [/////8300:8300/////]

     

    เมษา Lv. 69

    [/////10030:10030/////]

     

    นรินท์ Lv. 69

    [/////7300:7300/////]

     

                ก่อนที่ควันซึ่งช่วยปิดบังความจริงที่ว่าโดโกบาร์เป็นคนทำลายสัตว์เทวะทั้งหมดจะหายไปจะต้องรีบหาทางกลบเกลื่อนโดยเร็วที่สุด

                ด้วยความเร่งรีบจนไม่เลือกวิธีการอิงศรก็คิดออกมาได้หนทางหนึ่ง

                อาคานาร์ฟอร์ซ!

                เขาเรียกใช้พลังของอาคานาร์

                ไพ่อาคานาร์ เดอะเอ็มเพอเรอร์ที่ทำให้ปีศาจจากแอพฯมีตัวตนปรากฏขึ้นในมืออิงศรกำมันไว้พร้อมกับขยี้จนแตกเกิดสายลมพัดกรรโชกจากคันธนูในมืออีกข้างอัญเชิญราชันย์เทพแห่งแดนเหนือโอดินออกมา

                ต่อจากนั้นก็ประนมมือยกขึ้นเสมอหน้าผากพร้อมกับพูดว่า

                 “ไหว้ล่ะช่วยยืนอยู่ตรงนั้นไปก่อนนะ

                อิงศรลองขอร้องไปแบบนั้น

                '...'

                โอดินไม่ขยับและยืนอยู่ที่เดิมตามที่ต้องการไม่รู้ว่าเพราะยอมรับคำขอหรือเพราะงงที่ถูกเรียกออกมาด้วยเรื่องแปลกๆ กันแน่

                แต่ควันกำลังจะหายไปหมดและพวกพ้องก็กำลังเป็นงงว่าเขาตั้งใจทำอะไรกันแน่

                อิงศรอ้อมไปข้างหลังมีนาแล้วดันเธออกไปข้างหน้าโอดิน

                "ด...เดี๋ยวสิคะคุณอิงศรนี่คิดจะทำอะไรกันคะเนี่ย"

                แต่อิงศรไม่ฟัง

     

    ก่อนหน้านั้นเพียงเล็กน้อย...

                สิงห์ ธุวดารกะ มองดูทะเลที่พวกตนเพิ่งจะต่อสู้กันอย่างยากลำบากกลายเป็นความว่างเปล่า

                ที่นั่นไม่มีสัตว์เทวะอีก ทั้งหมดถูกทำให้หายไปในเวลาแค่ชั่วพริบตาต้องใช้เวลาซักพักกว่าจะเข้าใจได้ว่าเรดครั้งนี้ชัยชนะตกเป็นของพวกเขาแล้ว แต่คนอื่นดูเหมือนจะยังไม่รู้ตัว

                ครู่ต่อมาทุกคนก็มองกลับขึ้นไปบนหาดมองไปที่กลุ่มควันซึ่งยังลอยโขมงออกมาจากแนวกำแพงไอจิส

                มีคำถามเกิดขึ้นมากมาย อะไร ทำไม อย่างไร คือใจความของเสียงเอะอะที่ดังจอแจไปทั้งสนามรบ

                ข้าวหลามเข้ามาใกล้แล้วพูดกระซิบที่ข้างหู

                นี่นายรู้ใช่ไหมว่ามันเกิดอะไรขึ้น

                ทางนี้ก็อยากจะถามเหมือนกัน

                สิงห์ตอบห้วนๆ แต่ในใจพอจะเดาคำตอบได้อยู่และคิดว่าอิงศรน่าจะมีส่วนเกี่ยวข้องทิศทางที่ลำแสงซึ่งปลิดชีพสัตว์เทวะถูกยิงมาคือจุดที่ควันลอยโขมงทั่วทั้งแนวกำแพงไอจิสและที่นั่นเขาก็เป็นคนสั่งให้หน่วยของอิงศรไปจัดการ

                ค่าประสบการณ์จากเรดคราวนี้ช่วยเพิ่มระดับของคนเลเวลเก้าสิบขึ้นไปที่เจ็ดขั้น

    สิงห์ Lv.97

    [/////21000:21000/////]

     

    ข้าวหลาม Lv.97

    [/////20050:20050/////]

     

                อีกแค่สองขั้นก็จะถึงระดับสูงสุดที่ปลดล็อกออกมาในแพทซ์ปัจจุบัน ส่วนวิเชียรมาศที่เป็นเลขานั้นก่อนเลเวลอัพระดับอยู่ที่ 88  

     

    วิเชียรมาศ Lv.96

    [/////19800:19800/////]

     

                หล่อนเพิ่มระดับขึ้นมาแปดขั้น

                เป็นเรื่องดีที่กำลังรบจะแข็งแกร่งขึ้นแต่นั่นไม่ได้ทำให้ความหวาดระแวงต่อสิ่งที่จัดการกับสัตว์เทวะที่พวกเขาทุ่มสุดตัวก็ยังล้มไม่ได้หายไป

                ตอนที่ควันตรงหน้ากำแพงไอจิสเริ่มคลายตัวลงก็ปรากฏเงาร่างของยักษ์ตนหนึ่ง...

                ไม่สิ นั่นคือปีศาจต่างหาก...

                พวกทหารที่มองเห็นที่มาของลำแสงเริ่มส่งเสียงเอะอะขึ้นมาอีก

                นั่นมันปีศาจนี่

                มีซัมมอนเนอร์เรียกออกมาเหรอ

                เจ้านั่นคือปีศาจที่ทำลายบอสทั้งหมดเหรอเนี่ย

                จากนั้นทุกสายตาก็ควานหาคนที่น่าจะเป็นเจ้าของปีศาจจนกระทั่งทั้งหมดหยุดลงที่สาวน้อยคนหนึ่งซึ่งปรากฏตัวขึ้นจากกลุ่มควันด้านหน้ายักษ์ตนนั้น

                นั่นมันท่านมีนาแห่งธุวดารกะนี่

                โอ้! เธอคือเจ้าของปีศาจนั่นไม่ผิดแน่สายเลือดธุวดารกะนั้นศักดิ์สิทธิ์

                มีหลายคนที่เชื่ออย่างนั้นเชื่อว่ามีนาคือผู้เรียกปีศาจซึ่งกอบกู้วิกฤตมาและยังมีอีกหลายคนที่เคลือบแคลงแต่ไม่ได้พูดอะไร

                ตอนนั้นเอง...

                สิงห์ก็เข้าร่วมผสมโรงด้วยอย่างไม่ทันคาดคิด

                เอ้ามัวยืนงงอะไรกันอยู่อีกล่ะเทพีแห่งชัยชนะของพวกเราอยู่ที่นั่นแล้วไง

                เขาพูดพร้อมกับชี้ไปที่มีนา

                ฝั่งมีนาก็เป็นงงแต่พอจะรู้ตัวแล้วว่าถูกอิงศรใช้เป็นตัวตายตัวแทนเพื่อจะกลบเกลื่อนเรื่องของโดโกบาร์

                เอ๋ !!!

                แต่เธอไม่เข้าใจว่าทำไมพี่ชายถึงพูดแบบนั้นเขาไม่รู้หรือว่าเธอไม่มีพลังที่จะทำอะไรยิ่งใหญ่แบบนี้ ไม่หรอกคนอย่างสิงห์จะต้องรู้อยู่แล้วแต่แกล้งทำเป็นไม่รู้เพื่อผลประโยชน์บางอย่าง

                อย่างไรเสียเพราะการสนับสนุนของสิงห์ทำให้คนอื่นๆ เริ่มเชื่อกันอย่างนั้นมีเสียงสรรเสริญเธอดังขึ้นมาไม่หยุด

                ไชโยให้ท่านมีนา

                ท่านมีนา!!”

                ท่านมีนา!!”

     

                ทุกอย่างดำเนินไปด้วยดีการกลบเกลื่อนสำเร็จตามที่อิงศรคิดเอาไว้แต่หลังจากนี้เขาคงต้องเคลียร์กับมีนากันยาวน่าดู

                อะ...

                พริบตาหนึ่งที่เส้นแห่งความตึงเครียดเริ่มจะผ่อนออกอิงศรก็สัมผัสได้ถึงความสั่นไหวเพียงเล็กน้อยของอากาศ

                จากทางด้านหลัง จากซากของมิซาร์ที่ไหม้เป็นเถ้าถ่าน มีบางอย่างผุดขึ้นมาจากตรงนั้นกำลังดูดอากาศรอบตัวเข้าไป

                ไม่มีเวลามองว่าสิ่งนั้นคืออะไรแต่มันกำลังเล็งเป้ามาที่โดโกบาร์

                อิงศรพุ่งตัวออกไปทันทีผลักหลังโดโกบาร์จนเซถลาไปไกล

                ครู่ถัดมาที่ตรงนั้นก็ยุบตัวลงเหมือนโดนค้อนทุบแต่มองไม่เห็นค้อนที่ว่านั่น...

                มีเพียงสัมผัสอันละเอียดอ่อนของอิงศรที่รู้สึกถึงสายลมที่พัดกระจายออกมาจากศูนย์กลางของพื้นที่ยุบ

                ระเบิดก้อนอากาศ..

                อิงศรสรุปไปอย่างนั้น

                วี้ด----

                เสียงอากาศเสียดสีดังหวีดมาอีกเจ้าสิ่งที่ยิงค้อนอากาศนั่นปรากฏตัวขึ้นเหนือซากของมิซาร์ เป็นสิ่งมีชีวิตที่เหมือนกับหนอนทะเลแต่ขนาดตัวใหญ่เท่าช้างมันมีรูปร่างเพรียวผอมลำตัวยาวไร้ขามีปากขนาดใหญ่อยู่ตรงหน้าและมีฟันเป็นเขี้ยวงุ้มโง้งล้อมรอบ

     

    Heraldic Beast Deity: Alcor Lv.70

    [/////9500:9500/////]

     

                อิงศรมองไปที่สัตว์เทวะตัวนั้น คอนแทคเลนส์ของเขากำลังค้นหาข้อมูลที่ตรงกับมันและแสดงรายละเอียดออกมา...

     

    สัตว์เทวะประเภทเทพแห่งดวงดาว อัลคอร์เป็นดาราแฝดคู่กับมิซาร์หรือไมซาร์ เชื่อกันว่าหากใครผู้ได้ที่มองกลุ่มดาวจระเข้แล้วเห็นดาวอัลคอร์ด้วยตาเปล่าจะต้องพบกับความตาย อัลคอร์คือปรสิตที่อาศัยอยู่ในมิซาร์เมื่อมิซาร์ตายมันจะปรากฏออกมาและฆ่าเหยื่อด้วยระเบิดก้อนอากาศที่บดขยี้ได้ทุกอย่าง

     

                คราวนี้ตัวอะไรอีกล่ะเนี่ย

                กวินทร์พูดสบถขณะที่วิ่งเข้ามาขวางหน้าอิงศรกับโดโกบาร์จากอัลคอร์ จากนั้นคนอื่นๆ ก็รู้ตัวและตั้งท่าจะต่อสู้ต่อ

                แต่แล้ว...

                กลับมีลูกธนูพุ่งลงมาเสียบทะลุหัวของอัลคอร์ไม่ใช่แค่ครั้งเดียวแต่มียิงซ้ำลงมาอีกสองครั้งทุกดอกเข้าเป้าขนาดของลูกศรแต่ละดอกนั้นใหญ่เกินกว่าจะให้คนธรรมดายิงมิหนำซ้ำความเร็วที่เพิ่มพิษสงของธนูจนสังหารสัตว์เทวะได้ในการยิงเพียงสามครั้งแสดงให้เห็นว่าผู้ที่ยิงธนูนั้นน่าจะไม่ใช่มนุษย์หรือไม่ก็เป็นมนุษย์ที่ได้รับพลังมาจากปีศาจ

     

    Heraldic Beast Deity: Alcor Lv.70

    [.....0:9500.....]

     

                อัลคอร์ล้มลงบนกองเลือดของมันเองแล้วเริ่มสลายตัว

                นั่นคือสัตว์เทวะตัวสุดท้ายของเรดนี้

                การหายไปของมันทำให้ฝูงดูเบที่ยังกระจัดกระจายพลอยหายไปด้วย

                นี่คือชัยชนะจริงๆ แล้วสินะ?

                อิงศรยังไม่ค่อยแน่ใจนัก ความสงสัยต่อธนูที่ปลิดชีพอัลคอร์ทำให้เบือนสายตาไปยังทางที่ลูกศรถูกยิงมาแต่มันกลับยิ่งทำให้เขาสงสัยมากกว่าเดิมเพราะมุมที่ยิงลูกศรดูแล้วน่าจะยิงมาจากที่สูงมากๆ แต่ตรงทิศที่เขาหันไปนั้นไม่มีสิ่งก่อสร้างหรือภูเขาตามธรรมชาติตั้งอยู่

                แล้วมันยิงมาจากไหนกันแน่?

                ความสงสัยนั่นถูกแก้ด้วยความสงสัยถัดไปเมื่อดวงตาของจับโฟกัสไปที่จุดหนึ่งของท้องฟ้า

                รูปร่างแบบมนุษย์แต่มีปีก...

                ทูตสวรรค์?

                สิ่งนั้นน่าจะนิยามได้ใกล้เคียงที่สุด เจ้าสิ่งมีชีวิตปริศนารูปแบบมนุษย์มีปีกถือคันศรในมืออิงศรมองเห็นรายละเอียดแค่นั้นเพราะมันอยู่สูงจากพื้นดินไปมากหลังจากมองดูอยู่ซักพักสิ่งนั้นก็หายไปราบกับควัน

                มีหลายคนที่เห็นเหมือนเขาทุกคนมองท้องฟ้าอ้าปากค้างตาค้างแล้วพอมันหายไปก็หันหน้าถามกันไปถามกันมา ดูเหมือนจะไม่มีใครรู้ว่ามันคืออะไรเว้นเสียแต่...

                พวกธุวดารกะทั้งมีนาและเมษาต่างก็มีปฏิกิริยากับสิ่งนั้น ทั้งสองทำสีหน้าเคร่งเครียดแบบที่ไม่ค่อยจะได้เห็นบ่อยอิงศรอยากจะถามแต่กลับถูกโดโกบาร์ดึงแขนเสื้อ

                มีอะไร

                ทำไมถึงมาช่วย

                อีกฝ่ายถามสั้นๆ แต่การตอบมันเป็นอะไรที่ยากกว่า

                อิงศรเลยตอบไปว่า

                ไม่รู้สิจะช่วยใครมันต้องมีเหตุผลด้วยเหรอทีนายยังช่วยพวกฉันมาตั้งสองครั้งแล้วนี่

                แต่โดโกบาร์ทำหน้าไม่เข้าใจสิ่งที่เขาพูด หลังจากครุ่นคิดอยู่ซักพัก

                นั่นเป็นการทดแทนบุญคุณเหรอ

                ถึงนายไม่เคยช่วยแต่จะปล่อยให้มีคนตายมันก็คงไม่ได้แหละ

                พอได้ฟังที่พูดแล้วโดโกบาร์ก็ไม่ได้ถามอะไรกลับมาอีก

                ...

                เอาแต่ทำหน้าครุ่นคิดอยู่เงียบๆ

                ตอนนั้นเองก็มีสายแชทเข้ามาจากซีลอร์ด อิงศรรับแชทนั้น

                ว่าไง

                มีอาคานาร์ใบใหม่เพิ่มมาแล้วนะจะส่งไปให้

                จากนั้นไพ่อาคานาร์ใบใหม่ก็ปรากฏขึ้นในมือของอิงศร

                เขามองดูมัน ไพ่รูปทูตสวรรค์กำลังเป่าคันแตรที่มีชื่อเขียนว่า ‘The Judgement’

                ไม่เข้าใจว่าทำไมถึงได้มีอาคานาร์ใบใหม่ปรากฏขึ้นทั้งที่ไม่ได้มีเมล์ตัวจับเวลาตายแต่เขาค่อนข้างมั่นใจว่าไพ่ใบนี้ได้จากการช่วยเหลือโดโกบาร์

                ผู้ตรวจสอบกับอาคานาร์แห่งการพิพากษาเรอะเข้ากันเป็นปี่เป็นขลุ่ยเชียวนะ

                อิงศรพึมพำกับตัวเองอย่างเข้าใจ

                เข้าใจว่าแนวทางเรื่องอาคานาร์ที่เคยคิดกันเอาไว้นั้นแทบจะถูกรื้อใหม่ทั้งหมด

    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    นิยายที่ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×