คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #72 : Login 69: Binary Star
Login 69: Binary Star
หลังจากรู้ว่ามีนาตกลงไปในหลุม เมษา นรินทร์ กวินทร์ก็...
"มีนา!"
"คุณมีนา!"
“พี่มีนาตกลงไปในหลุมแล้ว!”
หน้าตาตื่นตระหนกแล้วพากันมองลงไปในหลุมนั่นแต่ข้างล่างมืดและลึกจนมองไม่เห็นก้น
เมษาลองตะโกน
"เฮ้เป็นไรป่าว!"
แต่แทนที่จะมีเสียงตอบรับของมีนากลับมีเสียงของผู้ชายดังขึ้นมาแทน
"เฮ้ยเดี๋ยวก่อน! นี่ฉันเอ.."
จากนั้นก็มีเสียงดังเพี๊ยะเหมือนฝ่ามือไปตบกับอะไรเข้า
“โอ้ย!”
“ว้าย... ตายแล้ว!”
เสียงเอะอะดังขึ้นมา
ทั้งสามคนมองหน้ากันแล้วเดาว่าเกิดอะไรขึ้นข้างล่างนั่น
นรินทร์พูด
"หลุมนี่เกิดจากสกิลส่วนฝีมือคนทำ..."
"ยังจะต้องเดาอีกเรอะเมื่อกี้มันเสียงเจ้าศรไม่ใช่รึไง"
เมษาพูดพลางทำคิ้วกระตุกเหมือนจะจับสัมผัสอันคุ้นเคยของสถานการณ์นี้ได้
แล้วกวินทร์ก็พูดเสริมมา
"จะว่าไปตอนศึกในสวนสาธารณะนั่นพี่เขาก็ใช้สกิลขุดหลุมกับดำดินช่วยพวกเราไว้นี่ครับ"
นรินทร์ช่วยพูดแก้ตรงชื่อสกิลให้
"หมายถึงใช้ แทรปโฮล์ (Trap Hole) ขุดหลุมแล้วก็ใช้ดีฟไดรเวอร์
(Deep Driver) เคลื่อนที่ไปใต้ดินอย่างนั้นเหรอ"
ตอนนั้นเองมีนาก็ปีนขึ้นมาจากหลุมแล้วช่วยดึงโดโกบาร์ตามด้วยอิงศรที่แก้มข้างขวาแดงจัดเหมือนไปกระแทกถูกอะไรขึ้นมา
เมษายิงคำถามใส่ทันที
“ทำไมมาช้านักวะ”
แต่ยังไม่ทันได้ตอบมีนาก็ทำหน้ามุ่ยแล้วถามเสริมอีกคำ
“แถมยังเลอะเทอะมอมแมมมาเชียวนะคะแอบไปเล่นปั้นปราสาททรายมาหรือไง”
อิงศรตอบกลับไปด้วยความรำคาญ
“รอไอ้เด็กเวรนี่ผูกเชือกรองเท้าอยู่จนโดนลูกหลงถล่มหอพังน่ะเซ่
ดีนะที่ใช้ดีฟไดรเวอร์หนีออกมาทัน วันหลังเธอเอาไปเลี้ยงเองเลยเหอะ”
แล้วมองค้อนใส่โดโกบาร์ที่ทำเป็นทองไม่รู้ร้อน
มีนาพูดแก้ตัวว่า
“ช่วยไม่ได้นี่คะก็โดโรธีเขาอยากอยู่กับคุณอิงศรนี่นา”
"..."
อิงศรไม่ได้ตอบโต้คำพูดอีกเพราะเขากำลังจ้องไปที่มิซาร์ซึ่งพยายามจะข้ามม่านพลังด้วยการแบ่งตัวขึ้นไปเป็นชั้นๆ
ให้สูงกว่าม่านพลังแล้วค่อยข้ามไปนี่ควเป็นวิธีที่มันบุกแนวกำแพงไออัสกับไอจิสมาได้สินะ
เขาค่อนข้างแปลกใจที่ขนาดตัวของมิซาร์ใหญ่กว่าปีก่อน
ปกติหน่อหนึ่งมีขนาดเท่ารถยนต์แต่ที่อยู่ตรงนี้มีขนาดเท่าบ้านแล้วพอมองไปที่อื่นก็พบว่าไม่ได้มีแค่มิซาร์เท่านั้นแต่สัตว์เทวะตัวอื่นก็มีขนาดใหญ่ขึ้นจึงไม่น่าแปลกใจที่สนามรบจะวุ่นวายกันขนาดนี้
ระหว่างที่ประเมินสถานการณ์อยู่คนอื่นๆ นอกจากพวกเขาก็กำลังระดมโจมตีหน่อของมิซาร์ที่พยายามจะไต่ม่านพลังและถึงจะหยุดไว้ได้มันก็เริ่มให้หน่ออื่นแบ่งตัวเพิ่มขึ้นมาจนต้องแบ่งกำลังไปจัดการอีกหน่อ
หากยังดำเนินต่อไปอย่างนี้พวกเขาที่ไม่ได้มีจำนวนไร้ขีดจำกัดเหมือมิซาร์ก็จะหยุดมันไม่ได้
จะทำอย่างไรดี? อิงศรพร่ำถามกับตัวเองสถานการณ์ในตอนนี้มีสิทธิ์ที่จะแพ้สูงจนน่าสิ้นหวัง
ถ้าว่ากันตามตำราตอนนี้ก็ควรอพยพประชาชนและถอยหนีกันได้แล้ว
แต่พวกเขาไม่มีที่ให้หนี...
อาณาเขตคราฟเมืองของศูนย์ใหญ่กินเนื้อที่กว้างมหาศาลเกือบครึ่งค่อนจังหวัดถ้ามันเกิดพังขึ้นมาสัตว์เทวะที่แสนร้ายกาจก็จะผุดขึ้นมาบนพื้นที่ทั้งหมดนั่นการอพยพออกจากพื้นที่กว้างขนาดนี้นั้นเป็นไปไม่ได้เลย
ไหนยังจะประชาชนที่ไม่มีพลังจะต่อสู้จะเอาชีวิตรอดข้างนอกเขตเมืองที่มีแต่สัตว์เทวะอยู่เต็มไปหมดได้อย่างไรกัน
แต่ไม่มีเวลาให้ไปคิดอีกแล้วเพราะอาริออทกำลังเคลื่อนที่มาทางนี้
มันยกหนวดขึ้นปล่อยหยดหมึกจำนวนมหาศาลออกมาจากปุ่มดูดใต้หนวดลงมาบนพื้นจนแทบจะกลายเป็นแอ่งพิษ
ไอแห่งความตายระเหยออกมาจากแอ่งนั้นและคืบคลานเข้ามา
อิงศรออกคำสั่ง
"ทุกคนไปหยุดอาริออทกันก่อนไม่วั้นแนวป้องกันสุดท้ายได้พังแน่"
มีนาพูด
"แค่พวกเราห้าคนสินะคะงานช้างเลยนะเนี่ย"
เมษาพูด
"ยังไงก็ต้องทำเท่านั้นแหละถ้าปล่อยแนวป้องกันนี้พังข้างหน้าก็เป็นเมืองแล้วนะ"
จากนั้นพวกเขาก็จับกลุ่มบุกโจมตีอาริออทกันห้าคนโดยไม่มีโดโกบาร์กับซากิริ
อิงศรดึงยันต์ออกมาจากแขนเสื้อห้าแผ่นแล้วยิงมันไปยังจุดต่างๆ
สร้างเขตแดนล้อมรอบศัตรู
“มหาเขตแดนตรวนผนึกหมาป่าไกลนิลพ์!”
คำสั่งให้อาคมเขตแดนทำงานโซ่พันธนาการพุ่งจากตราเขตแดนทั้งห้ามัดพันหนวดของอาริออทไว้แต่มันยังมีหนวดเหลืออีกสามเส้นซึ่งแค่นั้นก็เพียงพอจะอาละวาดได้อย่างเหลือเฟือ
อาริออทสะบัดหนวดที่เหลือโปรยหยดหมึกลงไปยังที่พวกอิงศรกระจุกตัวกัน
แต่ทุกคนกระโจนตัวหลบได้หมดหมึกจึงตกลงบนทรายแล้วเริ่มระเหยเป็นไอพิษ
ทุกคนติดพิษจากไอเหล่านั้นรวมถึงโดโกบาร์กับซากิริที่อยู่ห่างออกไปก็ถูกไอพิษที่กระจายตัวอย่างรวดเร็วในเวลาไม่กี่วินาที
โดโกบาร์ที่สัมผัสกับพิษรู้สึกได้ว่าไอเหล่านี้เป็นภัยคุกคาม
“ถ้าปล่อยเอาไว้ร่างนี้ก็จะตายสินะ...”
เด็กชายพูดก่อนจะเริ่มสำลักพิษรู้สึกเหมือนกับโลกทั้งใบเอนเหวี่ยงไปมาจนน่ารำคาญ
ไม่นานนักพันธนาการที่อิงศรสร้างก็หมดฤทธิ์หนวดทั้งหมดของอาริออทเป็นอิสระ
มันปล่อยหยดพิษอย่างบ้าคลั่งจนไอพิษกลายเป็นหมอกปกคลุมบริเวณโดยรอบ
ท่ามกลางหมอกพิษที่บดบังทัศนวิสัยเป็นอย่างมากนั้นหนวดของอาริออทได้ลอบโจมตีเข้ามาจากทุกทิศทาง
“ทุกคน...แค่ก...จับกลุ่มกันไว้แล้วคอยระวังหลัง!”
อิงศรพยายามตะโกนให้ทุกคนได้ยินแต่หมอกหนาเกินไปจนพากันไม่รู้ว่าใครอยู่ตรงไหนบ้าง
ในตอนนั้นเองก็เสียงของมีนาก็ดังขึ้น
“ซาลาแมนเดอร์!”
ทันใดนั้นก็ปรากฏแสงสว่างสีแดงเปล่งประกายวูบวาบในสายหมอก
อิงศรรู้ได้ในทันทีว่านั่นคือสัญญาณที่มีนาสร้างขึ้นเพื่อเรียกทุกคนมารวมกันเขาวิ่งตามแสงนั่นไปจนกระทั่งเจอมีนากำลังเหวี่ยงเคียวที่ใบมีดลุกเป็นไฟ
คนอื่นๆ
ก็ตามมาที่นี่ได้ด้วยวิธีเดียวกันจากนั้นโดยไม่ต้องใช้คำพูดพวกเขาหันหลังชนกันเพื่อคอยระวังหนวดที่จะโจมตีมาจากทางที่มองไม่เห็น
หนวดเส้นหนึ่งจู่โจมเข้ามา
มีนาเหวี่ยงเคียวที่ลุกไหม้ตัดหนวดเส้นนั้นขาดสะบั้นแต่มันงอกกลับขึ้นมาอีกก่อนจะถอยกลับไปท่าทางว่าการโจมตีจะทำให้มันเกิดความกลัวขึ้นมาบ้างกระมัง
อย่างไรก็ตามพวกเขายังคงเสียเปรียบหากอยู่ในหมอกพิษต่อไปแบบนี้พลังชีวิตคงหมดก่อนที่แนวป้องกันจะสุดท้ายจะถูกทำลายระหว่างที่กลืนไม่เข้าคายไม่ออกกันอยู่นี่เองกวินทร์ก็...
"อ๊ะ! พี่มีนามีดูเบติดอยู่ที่หลังตัวหนึ่งด้วยครับ"
พูดแบบนั้นแล้วหยิบดูเบที่ติดอยู่กับเสื้อของหล่อนออกมาบี้ทิ้งด้วยมือเปล่า
Heraldic Beast Deity: Dubhe Lv.70
[…..0:1…..]
เรื่องน่าจะจบลงแค่นั้นถ้าหากสิ่งที่กวินทร์บี้ไปคือดูเบจริงๆ แต่ทว่า..
"โอ้ย!"
ซากของดูเบที่เละคามือกลับเกิดระเบิดขึ้น
มือข้างนั้นของกวินทร์ได้รับบาดเจ็บ
นรินทร์เข้ามาจับมือนั้นไปดูบาดแผล
"ไม่เป็นไรแค่ถลอกน่ะว่าแต่เมื่อกี้มันอะไร..."
ไม่ทันขาดคำตรงหน้าพวกเขาก็ปรากฏร่างที่เจิดจรัสไปด้วยแสงสว่าง
สัตว์เทวะ...
มันลอยตัวอยู่กลางอากาศมีขนาดและรูปร่างคล้ายขวดน้ำ
มีหนวดแหลมสองอันอยู่บนหัว
มีระยางค์เล็กคล้ายปีกยื่นออกมาข้างลำตัวคู่หนึ่ง
ไม่มีขา ไม่มีใบหน้า ลำตัวใสมองจนเห็นเครื่องในสีแดงอมชมพูกำลังเต้นตุบตับและเปล่งแสงวูบวาบออกมา
ถ้าจะให้นิยามเปรียบกับสัตว์น้ำเหมือนพวกจ่าฝูงของเรดนี้แล้วล่ะก็มันคล้ายกับสัตว์ทะเลลึกที่เรียกว่า
ซีแองเจิล หรือ นางฟ้าทะเล
อิงศรพูด
"เฮ้ย! นี่มันเบเนทนาซไม่ใช่เรอะ"
ชื่อของสัตว์เทวะเองก็เขียนเอาไว้แบบนั้น
Heraldic
Beast Deity: Benetnasch Lv.70
[/////10000:10000/////]
"บ...เบ...เบอะไรนะครับ"
ไม่รู้ว่ากวินทร์หน้าซีดลงเพราะพิษหรือกำลังตื่นตระหนกคิดว่าตัวเองทำเรื่องผิดพลาดเข้ากันแน่
แต่อิงศร มีนา เมษา
ที่มีประสบการณ์ไม่ได้คิดแบบนั้นพวกเขารู้สึกขอบคุณความบังเอิญนี้มากกว่าที่จะโกรธเพราะมันทำให้เจอสัตว์เทวะตัวสุดท้ายของเรด
ซึ่งถ้าหามันไม่เจอก็อาจจะเกิดเรื่องที่ทำให้สถานการณ์ยิ่งแย่ลงไปกว่านี้
มีนาพยายามอธิบายให้กวินทร์กับนรินทร์ที่ไม่มีประสบการณ์
“เบเนทนาซค่ะเจ้านี่มีความสามารถเปลี่ยนร่างเป็นอีกหกตัวได้...”
แต่เมษาก็พูดแทรก
”รีบจัดการมันก่อนจะเปลี่ยนร่างอีกเหอะ”
ทว่าเบเนทนาซก็เร่งแสงสว่างที่เปล่งจากอวัยวะข้างในให้เจิดจ้าขึ้น
จนดวงตาของพวกเขาพร่ามัวไปชั่วขณะ
พริบตาต่อมานางฟ้าทะเลก็กลับกลายเป็นปลาวาฬยักษ์เมเกรซแหวกว่ายอยู่กลางอากาศก่อนจะดีดตัวพุ่งออกไปจากหมอกพิษ
แรงดีดทำให้เกิดคลื่นลมพัดไอพิษให้กระจายออกจนทัศนวิสัยดีขึ้น
ตูม!
เพล้ง!
เกิดเสียงดังเหมือนระเบิดตามมาด้วยเสียงกระจกแตกจากทิศทางที่เบเนทนาซพุ่งออกไป
มันชนเข้ากับเสามิซาร์ที่กำลังก่อตัวข้ามม่านพลังและชนม่านพลังแตกกระเจิงพลางงุ้มหัวลงให้รูบนศีรษะเล็งเข้าไปในเมือง
“แย่แล้ว! มันคิดจะปล่อยฝูงดูเบเข้าไปในเมืองเลย”
อิงศรพูดเพื่อให้ใครซักคนหยุดมันแต่สายเกินไปและการปรากฏตัวของเบเนทนาซก็กระชั้นชิดเกินไป
ไม่มีใครทันตั้งตัวหรือเตรียมพร้อมรับมือกับเหตุสุดวิสัยนี้
แทบจะในเวลาเดียวกันนั่นเอง...
โดโกบาร์ก็ตระหนักว่าหากปล่อยให้สัตว์เทวะอาละวาดต่อไปร่างนี้จะถึงแก่ความตาย
นั่นเป็นเรื่องที่คิดเกี่ยวกับไอพิษเท่านั้นไม่ได้พิจารณาจากเรื่องที่ประชาชนในเมืองจะถูกฆ่าตายหมดหากเรดบอสชนะในสงครามนี้
ไม่ได้คิดถึงเรื่องสวัสดิภาพของพวกอิงศรด้วยแม้แต่น้อย
เด็กชายเพียงคำนึงถึงความอยู่รอดของตัวเองโดยสัญชาตญาณ....
แต่เครื่องทำสวนที่เป็นอีกตัวตนหนึ่งก็พึงระลึกถึงหน้าที่ของตนคือการทำลายทุกสิ่งในสวนแห่งนี้ปลดปล่อยสวนจากวัชพืชที่ปกคลุมไปทุกหนทุกแห่งนั่นคือสิ่งที่เขารู้มาตั้งแต่แรก
ถ้าอย่างนั้นตัวตนของเขาในตอนนี้คืออะไรกันล่ะ?
'วัชพืช' หมายถึงทุกอย่างในสวนแห่งนี้ไม่ว่าจะเป็นสัตว์เทวะ
มนุษย์ หรือ บุตรแห่งแสง หน้าที่ของเขาคือการถอนรากถอนโคนทั้งหมดนั่นแต่กลับเลือกถอนแค่บางอย่างแล้วเก็บสิ่งที่เรียกว่ามนุษย์เอาไว้
โดโกบาร์ปิดตาลงพยายามสลัดความสับสนในจิตใจทิ้งไปตอนนี้จะต้องช่วยพวกมนุษย์ไว้ก่อนเพื่อดูว่าการตัดสินของเหล่าแอดมินิสเทรเตอร์นั้นถูกต้องหรือไม่
นั่นแหละคือหน้าที่ในฐานะผู้ตรวจสอบ
เด็กชายเปิดตาแล้วยืดแขนไปข้างหน้า
"ลิเบอร่าเม"
เพียงกล่าวคำพูดสั้นๆ เท่านั้นความอัศจรรย์ก็บังเกิด
ลำแสงสีแดงโปรยปรายลงมาจากฟากฟ้าโดยเล็งตกใส่แต่สัตว์เทวะ
เริ่มจากมิซาร์ที่อยู่หน้าม่านพลังตายจากนั้นหน่อทั้งหมดก็ถูกลำแสงแผดเผาพร้อมกันจนไม่ทันเพิ่มจำนวน
Heraldic Beast Deity: Mizar Lv.70
[.....0:5000.....]
ตามด้วยเบเนทนาซในร่างเมเกรซถูกลดพลังชีวิตที่เลียนแบบเมกรซมาจนหมดและกลับคืนร่างเดิมก่อนจะถูกลำแสงระลอกถัดมาฆ่าตาย
Heraldic
Beast Deity: Benetnasch Lv.70
[.....0:10000.....]
รายต่อมาคืออาริออทลำแสงแผดเผาร่างของมันจนหนวดเริ่มม้วนเพียงไม่กี่วินาทีหลังจากนั้นมันก็ตาย
Heraldic Beast Deity: Alioth Lv.70
[.....0:267000.....]
ลำแสงที่ตกกระทบพื้นหลังจากร่างของสัตว์เทวะมอดไหม้ไปหมดทำให้เกิดระเบิดควันขึ้นมาบดบังบริเวณโดยรอบ
จากนั้นโดโกบาร์ก็เล็งไปที่ทะเลซึ่งเพ็คด้าและเมเกรซตัวจริงกำลังต่อสู้กับแนวหน้าที่นำโดยสิงห์
ธุวดารกะ
เด็กชายชี้ตรงออกไปข้างหน้าปากก็พึมพำว่า
“โซเดียราโอ”
แล้วลำแสงก็พุ่งจากนิ้วชี้ยิงทะลวงเพ็คด้าที่หดตัวเข้ากระดองกำลังเตรียมจะหมนุตัวเพื่อปล่อยลำแสงแต่มันก็ถูกลำแสงของโดโกบาร์ยิงทะลุกลางกระดองไป
Heraldic Beast Deity: Phecda Lv.70
[.....0:85000.....]
โดโกบาร์ลากนิ้วเบนทิศให้ลำแสงตวัดลงมาผ่าร่างของเมเกรซขาดสะพายแล่งก่อนจะหยุดมือ
Heraldic Beast Deity: Megrez Lv.70
[.....0:205000.....]
เนื่องจากสัตว์เทวะจ่าฝูงถูกจัดการแทบจะพร้อมกันทำให้จำนวนค่าประสบการณ์ที่ทุกคนได้รับนั้นเหมือนกับโดนเทน้ำทั้งมหาสมุทรใส่ก็มิปาน
แถบค่าประสบการณ์ถูกเติมเต็มแล้วเต็มอีกเลเวลของทุกคนเพิ่มขึ้นไม่ต่ำกว่าเจ็ดขั้นแม้แต่ตัวโดโกบาร์เองก็ได้รับค่าประสบการณ์จนเลเวลเพิ่มขึ้นรวดเดียวสิบขั้น
โดโรธี
Lv.70
[/////15000:15000/////]
รวมทั้งพวกอิงศรที่มองเห็นเหตุการณ์ทุกอย่างแต่เพียงกลุ่มท่ามกลางหมอกควันมหาศาลก็เลเวลอัพกันทีเดียวแปดขั้น
อิงศร
Lv. 70
[/////7320:7320/////]
มีนา
Lv. 68
[/////6000:6000/////]
กวินทร์
Lv. 69
[/////8300:8300/////]
เมษา
Lv. 69
[/////10030:10030/////]
นรินท์
Lv. 69
[/////7300:7300/////]
ก่อนที่ควันซึ่งช่วยปิดบังความจริงที่ว่าโดโกบาร์เป็นคนทำลายสัตว์เทวะทั้งหมดจะหายไปจะต้องรีบหาทางกลบเกลื่อนโดยเร็วที่สุด
ด้วยความเร่งรีบจนไม่เลือกวิธีการอิงศรก็คิดออกมาได้หนทางหนึ่ง
“อาคานาร์ฟอร์ซ!”
เขาเรียกใช้พลังของอาคานาร์
ไพ่อาคานาร์ ‘เดอะเอ็มเพอเรอร์’ ที่ทำให้ปีศาจจากแอพฯมีตัวตนปรากฏขึ้นในมืออิงศรกำมันไว้พร้อมกับขยี้จนแตกเกิดสายลมพัดกรรโชกจากคันธนูในมืออีกข้างอัญเชิญราชันย์เทพแห่งแดนเหนือโอดินออกมา
ต่อจากนั้นก็ประนมมือยกขึ้นเสมอหน้าผากพร้อมกับพูดว่า
“ไหว้ล่ะช่วยยืนอยู่ตรงนั้นไปก่อนนะ”
อิงศรลองขอร้องไปแบบนั้น
'...'
โอดินไม่ขยับและยืนอยู่ที่เดิมตามที่ต้องการไม่รู้ว่าเพราะยอมรับคำขอหรือเพราะงงที่ถูกเรียกออกมาด้วยเรื่องแปลกๆ
กันแน่
แต่ควันกำลังจะหายไปหมดและพวกพ้องก็กำลังเป็นงงว่าเขาตั้งใจทำอะไรกันแน่
อิงศรอ้อมไปข้างหลังมีนาแล้วดันเธออกไปข้างหน้าโอดิน
"ด...เดี๋ยวสิคะคุณอิงศรนี่คิดจะทำอะไรกันคะเนี่ย"
แต่อิงศรไม่ฟัง
ก่อนหน้านั้นเพียงเล็กน้อย...
สิงห์ ธุวดารกะ มองดูทะเลที่พวกตนเพิ่งจะต่อสู้กันอย่างยากลำบากกลายเป็นความว่างเปล่า
ที่นั่นไม่มีสัตว์เทวะอีก
ทั้งหมดถูกทำให้หายไปในเวลาแค่ชั่วพริบตาต้องใช้เวลาซักพักกว่าจะเข้าใจได้ว่าเรดครั้งนี้ชัยชนะตกเป็นของพวกเขาแล้ว
แต่คนอื่นดูเหมือนจะยังไม่รู้ตัว
ครู่ต่อมาทุกคนก็มองกลับขึ้นไปบนหาดมองไปที่กลุ่มควันซึ่งยังลอยโขมงออกมาจากแนวกำแพงไอจิส
มีคำถามเกิดขึ้นมากมาย อะไร ทำไม
อย่างไร คือใจความของเสียงเอะอะที่ดังจอแจไปทั้งสนามรบ
ข้าวหลามเข้ามาใกล้แล้วพูดกระซิบที่ข้างหู
“นี่นายรู้ใช่ไหมว่ามันเกิดอะไรขึ้น”
“ทางนี้ก็อยากจะถามเหมือนกัน”
สิงห์ตอบห้วนๆ
แต่ในใจพอจะเดาคำตอบได้อยู่และคิดว่าอิงศรน่าจะมีส่วนเกี่ยวข้องทิศทางที่ลำแสงซึ่งปลิดชีพสัตว์เทวะถูกยิงมาคือจุดที่ควันลอยโขมงทั่วทั้งแนวกำแพงไอจิสและที่นั่นเขาก็เป็นคนสั่งให้หน่วยของอิงศรไปจัดการ
ค่าประสบการณ์จากเรดคราวนี้ช่วยเพิ่มระดับของคนเลเวลเก้าสิบขึ้นไปที่เจ็ดขั้น
สิงห์
Lv.97
[/////21000:21000/////]
ข้าวหลาม
Lv.97
[/////20050:20050/////]
อีกแค่สองขั้นก็จะถึงระดับสูงสุดที่ปลดล็อกออกมาในแพทซ์ปัจจุบัน
ส่วนวิเชียรมาศที่เป็นเลขานั้นก่อนเลเวลอัพระดับอยู่ที่ 88
วิเชียรมาศ
Lv.96
[/////19800:19800/////]
หล่อนเพิ่มระดับขึ้นมาแปดขั้น
เป็นเรื่องดีที่กำลังรบจะแข็งแกร่งขึ้นแต่นั่นไม่ได้ทำให้ความหวาดระแวงต่อสิ่งที่จัดการกับสัตว์เทวะที่พวกเขาทุ่มสุดตัวก็ยังล้มไม่ได้หายไป
ตอนที่ควันตรงหน้ากำแพงไอจิสเริ่มคลายตัวลงก็ปรากฏเงาร่างของยักษ์ตนหนึ่ง...
ไม่สิ นั่นคือปีศาจต่างหาก...
พวกทหารที่มองเห็นที่มาของลำแสงเริ่มส่งเสียงเอะอะขึ้นมาอีก
”นั่นมันปีศาจนี่”
“มีซัมมอนเนอร์เรียกออกมาเหรอ”
“เจ้านั่นคือปีศาจที่ทำลายบอสทั้งหมดเหรอเนี่ย”
จากนั้นทุกสายตาก็ควานหาคนที่น่าจะเป็นเจ้าของปีศาจจนกระทั่งทั้งหมดหยุดลงที่สาวน้อยคนหนึ่งซึ่งปรากฏตัวขึ้นจากกลุ่มควันด้านหน้ายักษ์ตนนั้น
“นั่นมันท่านมีนาแห่งธุวดารกะนี่”
“โอ้! เธอคือเจ้าของปีศาจนั่นไม่ผิดแน่สายเลือดธุวดารกะนั้นศักดิ์สิทธิ์”
มีหลายคนที่เชื่ออย่างนั้นเชื่อว่ามีนาคือผู้เรียกปีศาจซึ่งกอบกู้วิกฤตมาและยังมีอีกหลายคนที่เคลือบแคลงแต่ไม่ได้พูดอะไร
ตอนนั้นเอง...
สิงห์ก็เข้าร่วมผสมโรงด้วยอย่างไม่ทันคาดคิด
“เอ้ามัวยืนงงอะไรกันอยู่อีกล่ะเทพีแห่งชัยชนะของพวกเราอยู่ที่นั่นแล้วไง”
เขาพูดพร้อมกับชี้ไปที่มีนา
ฝั่งมีนาก็เป็นงงแต่พอจะรู้ตัวแล้วว่าถูกอิงศรใช้เป็นตัวตายตัวแทนเพื่อจะกลบเกลื่อนเรื่องของโดโกบาร์
“เอ๋ !!!”
แต่เธอไม่เข้าใจว่าทำไมพี่ชายถึงพูดแบบนั้นเขาไม่รู้หรือว่าเธอไม่มีพลังที่จะทำอะไรยิ่งใหญ่แบบนี้
ไม่หรอกคนอย่างสิงห์จะต้องรู้อยู่แล้วแต่แกล้งทำเป็นไม่รู้เพื่อผลประโยชน์บางอย่าง
อย่างไรเสียเพราะการสนับสนุนของสิงห์ทำให้คนอื่นๆ
เริ่มเชื่อกันอย่างนั้นมีเสียงสรรเสริญเธอดังขึ้นมาไม่หยุด
“ไชโยให้ท่านมีนา”
“ท่านมีนา!!”
“ท่านมีนา!!”
ทุกอย่างดำเนินไปด้วยดีการกลบเกลื่อนสำเร็จตามที่อิงศรคิดเอาไว้แต่หลังจากนี้เขาคงต้องเคลียร์กับมีนากันยาวน่าดู
“อะ...”
พริบตาหนึ่งที่เส้นแห่งความตึงเครียดเริ่มจะผ่อนออกอิงศรก็สัมผัสได้ถึงความสั่นไหวเพียงเล็กน้อยของอากาศ
จากทางด้านหลัง
จากซากของมิซาร์ที่ไหม้เป็นเถ้าถ่าน มีบางอย่างผุดขึ้นมาจากตรงนั้นกำลังดูดอากาศรอบตัวเข้าไป
ไม่มีเวลามองว่าสิ่งนั้นคืออะไรแต่มันกำลังเล็งเป้ามาที่โดโกบาร์
อิงศรพุ่งตัวออกไปทันทีผลักหลังโดโกบาร์จนเซถลาไปไกล
ครู่ถัดมาที่ตรงนั้นก็ยุบตัวลงเหมือนโดนค้อนทุบแต่มองไม่เห็นค้อนที่ว่านั่น...
มีเพียงสัมผัสอันละเอียดอ่อนของอิงศรที่รู้สึกถึงสายลมที่พัดกระจายออกมาจากศูนย์กลางของพื้นที่ยุบ
“ระเบิดก้อนอากาศ..”
อิงศรสรุปไปอย่างนั้น
วี้ด----
เสียงอากาศเสียดสีดังหวีดมาอีกเจ้าสิ่งที่ยิงค้อนอากาศนั่นปรากฏตัวขึ้นเหนือซากของมิซาร์
เป็นสิ่งมีชีวิตที่เหมือนกับหนอนทะเลแต่ขนาดตัวใหญ่เท่าช้างมันมีรูปร่างเพรียวผอมลำตัวยาวไร้ขามีปากขนาดใหญ่อยู่ตรงหน้าและมีฟันเป็นเขี้ยวงุ้มโง้งล้อมรอบ
Heraldic Beast Deity: Alcor Lv.70
[/////9500:9500/////]
อิงศรมองไปที่สัตว์เทวะตัวนั้น
คอนแทคเลนส์ของเขากำลังค้นหาข้อมูลที่ตรงกับมันและแสดงรายละเอียดออกมา...
สัตว์เทวะประเภทเทพแห่งดวงดาว
อัลคอร์เป็นดาราแฝดคู่กับมิซาร์หรือไมซาร์ เชื่อกันว่าหากใครผู้ได้ที่มองกลุ่มดาวจระเข้แล้วเห็นดาวอัลคอร์ด้วยตาเปล่าจะต้องพบกับความตาย
อัลคอร์คือปรสิตที่อาศัยอยู่ในมิซาร์เมื่อมิซาร์ตายมันจะปรากฏออกมาและฆ่าเหยื่อด้วยระเบิดก้อนอากาศที่บดขยี้ได้ทุกอย่าง
“คราวนี้ตัวอะไรอีกล่ะเนี่ย”
กวินทร์พูดสบถขณะที่วิ่งเข้ามาขวางหน้าอิงศรกับโดโกบาร์จากอัลคอร์
จากนั้นคนอื่นๆ ก็รู้ตัวและตั้งท่าจะต่อสู้ต่อ
แต่แล้ว...
กลับมีลูกธนูพุ่งลงมาเสียบทะลุหัวของอัลคอร์ไม่ใช่แค่ครั้งเดียวแต่มียิงซ้ำลงมาอีกสองครั้งทุกดอกเข้าเป้าขนาดของลูกศรแต่ละดอกนั้นใหญ่เกินกว่าจะให้คนธรรมดายิงมิหนำซ้ำความเร็วที่เพิ่มพิษสงของธนูจนสังหารสัตว์เทวะได้ในการยิงเพียงสามครั้งแสดงให้เห็นว่าผู้ที่ยิงธนูนั้นน่าจะไม่ใช่มนุษย์หรือไม่ก็เป็นมนุษย์ที่ได้รับพลังมาจากปีศาจ
Heraldic Beast Deity: Alcor Lv.70
[.....0:9500.....]
อัลคอร์ล้มลงบนกองเลือดของมันเองแล้วเริ่มสลายตัว
นั่นคือสัตว์เทวะตัวสุดท้ายของเรดนี้
การหายไปของมันทำให้ฝูงดูเบที่ยังกระจัดกระจายพลอยหายไปด้วย
นี่คือชัยชนะจริงๆ แล้วสินะ?
อิงศรยังไม่ค่อยแน่ใจนัก
ความสงสัยต่อธนูที่ปลิดชีพอัลคอร์ทำให้เบือนสายตาไปยังทางที่ลูกศรถูกยิงมาแต่มันกลับยิ่งทำให้เขาสงสัยมากกว่าเดิมเพราะมุมที่ยิงลูกศรดูแล้วน่าจะยิงมาจากที่สูงมากๆ
แต่ตรงทิศที่เขาหันไปนั้นไม่มีสิ่งก่อสร้างหรือภูเขาตามธรรมชาติตั้งอยู่
แล้วมันยิงมาจากไหนกันแน่?
ความสงสัยนั่นถูกแก้ด้วยความสงสัยถัดไปเมื่อดวงตาของจับโฟกัสไปที่จุดหนึ่งของท้องฟ้า
รูปร่างแบบมนุษย์แต่มีปีก...
ทูตสวรรค์?
สิ่งนั้นน่าจะนิยามได้ใกล้เคียงที่สุด
เจ้าสิ่งมีชีวิตปริศนารูปแบบมนุษย์มีปีกถือคันศรในมืออิงศรมองเห็นรายละเอียดแค่นั้นเพราะมันอยู่สูงจากพื้นดินไปมากหลังจากมองดูอยู่ซักพักสิ่งนั้นก็หายไปราบกับควัน
มีหลายคนที่เห็นเหมือนเขาทุกคนมองท้องฟ้าอ้าปากค้างตาค้างแล้วพอมันหายไปก็หันหน้าถามกันไปถามกันมา
ดูเหมือนจะไม่มีใครรู้ว่ามันคืออะไรเว้นเสียแต่...
พวกธุวดารกะทั้งมีนาและเมษาต่างก็มีปฏิกิริยากับสิ่งนั้น
ทั้งสองทำสีหน้าเคร่งเครียดแบบที่ไม่ค่อยจะได้เห็นบ่อยอิงศรอยากจะถามแต่กลับถูกโดโกบาร์ดึงแขนเสื้อ
“มีอะไร”
“ทำไมถึงมาช่วย”
อีกฝ่ายถามสั้นๆ แต่การตอบมันเป็นอะไรที่ยากกว่า
อิงศรเลยตอบไปว่า
“ไม่รู้สิจะช่วยใครมันต้องมีเหตุผลด้วยเหรอทีนายยังช่วยพวกฉันมาตั้งสองครั้งแล้วนี่”
แต่โดโกบาร์ทำหน้าไม่เข้าใจสิ่งที่เขาพูด
หลังจากครุ่นคิดอยู่ซักพัก
“นั่นเป็นการทดแทนบุญคุณเหรอ”
“ถึงนายไม่เคยช่วยแต่จะปล่อยให้มีคนตายมันก็คงไม่ได้แหละ”
พอได้ฟังที่พูดแล้วโดโกบาร์ก็ไม่ได้ถามอะไรกลับมาอีก
“...”
เอาแต่ทำหน้าครุ่นคิดอยู่เงียบๆ
ตอนนั้นเองก็มีสายแชทเข้ามาจากซีลอร์ด
อิงศรรับแชทนั้น
“ว่าไง”
“มีอาคานาร์ใบใหม่เพิ่มมาแล้วนะจะส่งไปให้”
จากนั้นไพ่อาคานาร์ใบใหม่ก็ปรากฏขึ้นในมือของอิงศร
เขามองดูมัน ไพ่รูปทูตสวรรค์กำลังเป่าคันแตรที่มีชื่อเขียนว่า
‘The Judgement’
ไม่เข้าใจว่าทำไมถึงได้มีอาคานาร์ใบใหม่ปรากฏขึ้นทั้งที่ไม่ได้มีเมล์ตัวจับเวลาตายแต่เขาค่อนข้างมั่นใจว่าไพ่ใบนี้ได้จากการช่วยเหลือโดโกบาร์
“ผู้ตรวจสอบกับอาคานาร์แห่งการพิพากษาเรอะเข้ากันเป็นปี่เป็นขลุ่ยเชียวนะ”
อิงศรพึมพำกับตัวเองอย่างเข้าใจ
เข้าใจว่าแนวทางเรื่องอาคานาร์ที่เคยคิดกันเอาไว้นั้นแทบจะถูกรื้อใหม่ทั้งหมด
ความคิดเห็น