คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #54 : Login 52: ช่วงเวลาแห่ง Eden Fall
Login 52: ช่วงเวลาแห่ง
Eden Fall
มิ่งขวัญถูกซ้อมจนหมดสภาพใบหน้าข้างซ้ายปูดบวมเล็กน้อย
มีคราบเลือดกลบที่ริมฝีปาก จากนั้นก็ถูกลิเธียมจับทิ้งลงบนพื้น
สถานที่คือห้องวิจัยของรูบิเดียม
“มิ่งขวัญ”
รูบิเดียมเรียก
มิ่งขวัญพยายามแหงนหน้าที่ฟุบกับพื้นมองขึ้นไปและพบว่าราชครูสาวผู้มีผมสีทองยาวสลวยกับสวมแว่นกันแดดกรอบหนาสีดำยืนอยู่ตรงนั้น
“หยุดอาละวาดซักทีสินะ”
หล่อนก้มตัวลงสวมปลอกคอติดระเบิดอันใหม่ให้ที่คอ มันจะทำงานทันทีที่คิดหนี
เท่านี้เขาก็กลับมาเป็นสัตว์เลี้ยงของเธออีกครั้ง
มิ่งขวัญเบิกตาที่ถูกซัดจนปูดบวมเพื่อให้มองหน้าของรูบิเดียมได้ชัดๆ
จากนั้นก็นึกขึ้นได้
นึกถึงอิงศรที่ถูกฆ่าตายต่อหน้าแล้วความโกรธก็พุ่งพล่านรู้สึกเหมือนร่างกายจะลุกเป็นไฟได้
เด็กหนุ่มขบกรามเสียงดังกรอด
รูบิเดียมที่เห็นใบหน้าเคียดแค้นเข้าก็ปรายยิ้มออก จากนั้นหล่อนก็ลุกขึ้น
“โกรธอยู่เหรอ”
แล้วพูดอย่างนั้น
“ช่าย~ โกรธจังเลยล่ะพี่ชายผมถูกฆ่าตายต่อหน้าต่อตาเลยนะแงๆๆ”
น้ำเสียงสนุกสนานดังมาจากทางด้านหลังของมิ่งขวัญแต่ถึงไม่ต้องหันกลับไปมองก็รู้ได้ว่านั่นคือ
ราชครูลำดับที่สี่โพแทสเซียมอย่างไม่ต้องสงสัย
“พูดด้วยนะว่าผมไม่มีเหตุผลจะต้องอยู่อีกต่อไปแล้วขอตายซะดีกว่า”
โพแทสเซียมยังคงพูดต่อไปอย่างนึกสนุกซึ่งมันก็เป็นไปตามที่ว่ามาจริงๆ
แต่ก็ไม่ได้ยืดยาวขนาดนั้น
”ห้ามแทบแย่แน่ะถึงกับต้องให้ซุงลี่ลงไม้ลงมือเลยเพราะงั้นก็ควรจะเล่าให้พวกเราฟังได้แล้วนะว่าตกลงแล้วเบื้องบนน่ะเขาคิดจะทำอะไรกันแน่”
รูบิเดียมหรี่ตามองโพแทสเซียมซึ่งทำท่ากระตือรือร้นขึ้นมา
“แกน่ะเป็นคนยุให้เจ้าโซเดียมมันทำลายห้องเครื่องจนไฟดับเพราะแบบนั้นมิ่งขวัญถึงหนีไปไม่ใช่รึไง”
“เย้ย~~ รู้ได้งายอ่ะ”
โพแทสเซียมร้องพร้อมกับก้าวถอยหลังไปสองก้าว
“ไปค้นมาหมดแล้วล่ะย่ะรวมถึงเรื่องที่ยัยนั่นเคยฆ่าอิงศรตายไปครั้งหนึ่งตอนที่ไปจัดการกับเศษซากเมอร์คาบาห์ที่สถานวิจัยของอารย-สนธยาด้วย”
“กึ๋ย แต่ว่านะผมแค่พูดไปเรื่อยเปื่อยเท่านั้นเอง ถ้าไฟดับล่ะก็คงแย่เลยเนอะ
ถ้าซุงมิ่งหนีไปได้ล่ะก็จะต้องเกิดเรื่องใหญ่แน่เลยเนอะ
อะไรแบบเนี้ยแค่พูดไปเรื่อยเท่านั้นเอ...”
ไม่ทันขาดคำลูกเตะของรูบิเดียมก็หวดเข้ามาสะบั้นคำแก้ตัวของโพแทสเซียมจนต้องเอนหลังแทบหงายท้องเพื่อหลบแต่ก็ยังเฉี่ยวถูกปลายผมจนขาดร่วงไปเล็กน้อย
เป็นลูกเตะที่คมถึงขนาดนั้น
“อย่ามาเล่นลิ้นนะจะฆ่าคนอย่างแกให้ตายน่ะไม่ใช่เรื่องยากอะไรสำหรับฉันเลยด้วยซ้ำ”
คำขู่ของรูบิเดียมเป็นความจริงหล่อนมีพลังในระดับที่ถึงจะห่างกันแค่ขั้นเดียวระหว่างราชครูลำดับที่
3 กับ 4
แต่ยิ่งระดับสูงเท่าไหร่ระยะของความแตกต่างที่ว่าก็จะมีมากตามไปด้วย
ดังนั้นโพแทสเซียมที่ยังยิ้มหน้าแป้นได้กระทั่งตอนนี้ก็จะถูกเธอขยี้ทิ้งอย่างง่ายดาย
“แต่ก็ไม่ทำใช่ไหมล่ะ
ไม่สิทำไม่ได้ต่างหากเพราะถ้าขืนฆ่าพวกผมซะที่นี่ตอนนี้มีหวังความแตกรู้ไปถึงเบื้องบนแหงแซะ”
โพแทสเซียมกล่าวอย่างมั่นอกมั่นใจ
แววตาใต้กรอบแว่นของรูบิเดียมฉายแววแห่งความลังเลอยู่
จากนั้นหล่อนก็มองลงไปที่มิ่งขวัญ ก่อนจะถอนหายใจ
“ถือซะว่าให้นายรับรู้ไว้คงจะดีกว่าล่ะมั้งมิ่งขวัญจะได้เข้าใจด้วยว่าอย่าหนีไปจากฉันอีก”
รูบิเดียมกล่าวแล้วเรียกหน้าจอคลัง
หยิบขวดบรรจุสารรักษาออกมาขวดหนึ่งก่อนจะก้มลงป้อมให้มิ่งขวัญกับปาก
อึดใจต่อมาพลังชีวิตก็ฟื้นฟูจนเต็ม บาดแผลก็ถูกเยียวยาจนหายเป็นปลิดทิ้ง
มิ่งขวัญ
Lv. 90
[/////16000:16000/////]
“เอ้า ลุกสิมิ่งขวัญ”
รูบิเดียมพูด
ชั่งใจอยู่พักหนึ่งมิ่งขวัญก็ตัดสินใจลุกตามที่สั่งและในทันทีที่ลุกขึ้นยืน...
สวบ!
มือของรูบิเดียมก็แทงทะลุอกซ้ายเข้ามาก่อนจะกระฉากออก
รู้สึกเหมือนถูกดึงอะไรบางอย่างข้างในร่างกายออกไปด้วย พอมองดูดีๆ
แล้วก้อนเนื้อสีแดงที่อาบชุ่มไปด้วยเลือดซึ่งอยู่ในมือเธอก็คือหัวใจของเขานั่นเอง
มิ่งขวัญ
Lv. 90
[.....0:16000.....]
พลังชีวิตลดเป็นศูนย์ในพริบตา มิ่งขวัญล้มหงายลงไปทั้งท่ายืน
หายใจไม่ออก
รู้สึกทรมาน
รับรู้ได้ว่าตัวเองกำลังจะตาย
แต่ทว่า...
“เอ้าลุกขึ้นมาสิมิ่งขวัญอย่าทำสำออยเลยความเจ็บปวดแค่นั้นถ้าเป็นลูกผู้ชายคงยืนไหวอยู่แล้วใช่ไหม”
รูบิเดียมกลับพูดแบบนั้นทั้งที่ควักหัวใจไป
ซึ่งเป็นสิ่งสำคัญที่อาจทำให้ตายได้
จะว่าหล่อนไม่รู้เรื่องสำคัญนี้ก็ไม่น่าเป็นไปได้ ดังนั้น...
มิ่งขวัญจึงพยายามลุก
พยายามเป็นอย่างมากจนกระทั่งอาเจียนเป็นเลือด
ทรมานอย่างแสนสาหัสราวกับกำลังปีนยอดเขาที่สูงจนอากาศเบาบางจนหายใจไม่ออก
แต่เด็กหนุ่มก็ลุกขึ้นมาได้ทั้งที่พลังชีวิตเป็นศูนย์
เขาไม่ตาย...
รูบิเดียมยิ้มกริ่มแล้วพูดว่า
”ทั้งนายทั้งอิงศรจะไม่มีวันจะได้ตายอย่างคนธรรมดาๆ
อยู่แล้วเพราะฟันเฟืองอันน่ารังเกียจนั่นจะพยายามยื้อชีวิตของพวกนายเอาไว้อย่างเต็มที่”
“นี่..นี่มัน...อุ่ก...”
มิ่งขวัญสำรอก
มีเลือดปนออกมากับอาเจียนจากนั้นก็เริ่มรู้สึกคันที่บริเวณหลัง
รู้สึกคันเป็นอย่างมาก แล้วจากความคันก็กลายเป็นความเจ็บปวด
“อุ่ก...อ๊ากก!!”
มิ่งขวัญกรีดร้อง
อะไรบางอย่างกำลังเคลื่อนไหวขยุกขยิกอยู่ใต้ผิวหนังตรงบริเวณกระดูกสันหลัง
จากนั้นเนื้อในบริเวณที่ว่าก็เริ่มปูดตัวไม่หยุดจนกระทั่งแหวกเนื้อและฉีกเสื้อผ้าออกมา
“อ๊ากกกก!!!!”
นอกจากเสียงกรีดร้องก็มีเสียง ‘เอี้ยดอ้าด’ เหมือนฟันเฟืองกำลังหมุนดังปนกันมาด้วย
มิ่งขวัญพยายามหุบปากตัวเอง
ทนกัดฟันสู้กับความเจ็บปวดทรมานเพื่อหันกลับไปมองข้างหลังและพบว่ามีฟันเฟืองสีขาวซีดเหมือนกระดูกงอกออกมา
ฟันเฟืองกำลังหมุนไปอย่างเชื่องช้า
สายตาของราชครูทั้งสามจับจ้องอยู่ที่เฟืองบนหลังของมิ่งขวัญ
แล้วลิเธียมก็โพล่งออกมาเบาๆ
“เฟืองนั่น...เหมือนกับตอนนั้นเลย”
เขายังคงจำเหตุการณ์ก่อนที่สัตว์ประหลาดยักษ์ซึ่งออกมาจากอุกกาบาตจะอาละวาดได้เป็นอย่างดีและตอนนั้นบนหลังของอิงศรก็ปรากฏฟันเฟืองขึ้นมาแบบนี้ด้วย
“เอิ่ม จะช่วยอธิบายให้ได้ไหมเนี่ยซุงลี่”
โพแทสเซียมยิ้มพลางหรี่ตาที่หยีกันอยู่แล้วให้แคบลงไปอีก
พลางจ้องมองเฟืองบนหลังของมิ่งขวัญไม่วางตา
แล้วก็ทุบมือตัวเองเหมือนเพิ่งนึกขึ้นได้
“จริงด้วยสิตอนที่ไปรับตัวซุงมิ่งเมื่อสามปีก่อนก็มีโผล่ออกมาด้วยนี่นะเจ้าเฟืองสีขาวนี่น่ะจำไม่ผิดเป็นตอนที่ซุงรูรู่เปิดเผยตัวต่อหน้าซุงมิ่งเขาสินะ
แต่เจ้าเฟืองนี่ดูเหมือนจะใหญ่กว่าตอนนั้นเยอะเลยน้า~”
มิ่งขวัญหันกลับมาจ้องหน้ารูบิเดียมพลางส่งสายตาที่เต็มไปด้วยคำถาม
ฟันเฟืองนี่คืออะไร
ทำไมพลังชีวิตหมดแล้วถึงยังไม่ตายอีก
ทำไมเขาถึงเป็นแบบเดียวกับอิงศรผู้เป็นพี่ชายด้วย
แล้วรูบิเดียมก็เริ่มตอบคำถามทั้งหมดนั่นโดยที่ไม่ต้องเอ่ยปากถาม
“ยังจำรายละเอียดการอัพเดทของเกมครั้งล่าสุดได้รึเปล่า
เครื่องทำสวนทั้งสิบสองรอเวลาที่จะถอนรากวัชพืชอยู่แต่ก็ถูกซาตานขโมยฟันเฟืองอันแสนสำคัญไป
นายกับอิงศรน่ะถูกเลือกโดยฟันเฟืองที่ใช้ควบคุมเครื่องมือสำหรับจัดการสวนศักดิ์สิทธิ์ที่พระเจ้าสร้างขึ้นมาแต่ถึงจะบอกว่าถูกเลือกความจริงแล้วพวกนายสองคนก็แค่ไปอยู่ในสถานที่ที่เฟืองตกลงไปเท่านั้นแหละนะจะเรียกว่าบังเอิญก็ได้
ส่วนเวลาก็ตอนที่เกิด ‘อีเด็นฟอล’ ”
จากนั้นรูบิเดียมก็เดินไปที่คอมพิวเตอร์แล้วเปิดคลิปวิดีโอให้ดู ภาพในวิดีโอคือวันนั้น
วันแรกที่โลกล่มสลาย
สัตว์เทวะขนาดยักษ์ที่บุกโจมตีเมืองหลังจากอุกกาบาตตกลงมา
สัตว์เทวะรูปร่างคล้ายมังกรมีเจ็ดหัวกับสิบเขา
ในเวลานั้นเขากับอิงศรน่าจะยืนอยู่ในชั้นสองของห้างสรรพสินค้าแถวนั้น
รูบิเดียมเริ่มพูด
“
’อีเด็นฟอล’ ก็คือการร่วงหล่นของสวนศักดิ์สิทธิ์
ดาวแม่ที่พวกเราจากมาคือสวนแห่งแรกซึ่งถูกเรียกว่า ‘อีเด็น’
และสวนแห่งที่สองก็คือดาวโลกที่พวกนายอาศัยอยู่
พระเจ้าได้ตัดสินใจทอดทิ้งพวกเราแล้วส่งเครื่องทำสวนทั้งสิบสองลงมาเก็บกวาดสวนแห่งแรกแต่พวกเราก็หนีออกมาก่อนจะเป็นแบบนั้นแล้วมุ่งหน้ามาที่โลกนี้”
ถึงตรงนี้เองวิดีโอก็ฉายไปที่ชื่อของสัตว์เทวะตัวนั้น
Satan Lv. 666
[/////???:???/////]
เมื่อมาถึงตรงนี้มิ่งขวัญก็เริ่มจะเข้าใจแล้วเพราะข้อความที่เขียนเหมือนกับเป็นคำทำนายซึ่งอยู่ในแพทซ์อัพเดทของเกมก็แทบจะตรงกับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น
รูบิเดียมพูด...
“อย่างที่เห็นนั่นคือซาตานที่ขโมยเฟืองไปพวกเราก็เลยไปเอามา
แต่เฟืองกลับตกไปที่พวกนายพี่น้องแทนเพราะงั้นฉันถึงต้องไปพาพวกนายมายังไงล่ะ”
มิ่งขวัญที่ได้ยินเรื่องนั้นก็นึกออกทันที
นึกออกถึงตอนที่ซาตานถูกโค่น ตอนนั้นกระจกหน้าต่างบานที่พวกเขาพี่น้องยืนดูกันอยู่ได้แตกออกแล้วก็รู้สึกเหมือนจะถูกเศษกระจกบาดใส่หลังแต่กลับไม่มีร่องรอย
บางทีคงเป็นตอนนั้นที่ฟันเฟืองแทรกตัวเข้าไปในร่างกายของพวกเขา
“เพราะงั้นก็เลยฆ่าฟู ฆ่ามิกซ์ ฆ่าพลอย แล้วก็ฆ่าทุกๆ
คนเพื่อจะพาตัวพวกเราที่มีไอ้เฟืองบ้านี่มาอย่างนั้นน่ะเหรอ”
มิ่งขวัญตะหวาด ความโกรธเริ่มก่อตัวขึ้นอีก
เพราะเหตุผลที่เห็นแก่ได้ของพวกมนุษย์ต่างดาวพวกพ้องที่เป็นเหมือนครอบครัวถึงกับต้องถูกฆ่า
แต่รูบิเดียมก็แย้งคำกล่าวหานั้น
“ครึ่งหนึ่งแหละนะ แต่อีกครึ่งที่เหลือก็เป็นเหตุผลที่จะต้องเก็บกวาด เพราะว่าเด็กพวกนั้นเป็นเศษซากของเมอร์คาบาห์น่ะ”
มิ่งขวัญเลิกคิ้วขึ้น
“เมอร์คาบาห์? อะไรกันน่ะนั่น”
“ก็สาเหตุที่ทำให้เกิดการร่วงหล่นของสวนศักดิ์สิทธิ์น่ะสิ
เพราะชาวโลกไปแตะต้องเรื่องที่ไม่ควรยุ่งเข้าทำให้แม้แต่สวนแห่งนี้เองก็พลอยต้องพินาศ
ถึงต้องสร้าง ‘เธียเตอร์’ ขึ้นมาควบคุมความประพฤติชาวโลกให้แสดงละครต่อว่าพวกเขายังไม่ได้ละทิ้งความตั้งใจที่จะก้าวเดินต่อไปเพราะถ้าเป็นแบบนั้นเมื่อไหร่ดาวดวงนี้ก็จะพบกับจุดจบทันที”
“แล้วไอ้ความตั้งใจนี่มันเรื่องอะไรกัน”
“ก็เพราะชาวโลกคิดจะหยุดก้าวเดินถึงได้สร้างเมอร์คาบาห์ขึ้นมาไงเล่า”
“…”
มิ่งขวัญเงียบไปพักหนึ่งเพราะต้องทำความเข้าใจสิ่งที่รับฟังมา
แต่เนื้อหามันเหลือจะกล่าวเต็มที
เรื่องที่พูดกันอยู่นี่เหมือนเป็นนิทานปรัมปรามากกว่าจะเป็นความจริง
ในตอนนั้นเองโพแทสเซียมก็...
“เอ้อ เรื่องดาวแม่เราแตกจนต้องย้ายมาที่นี่เนี่ยมันของรู้กันอยู่แล้วอ่ะนะแต่ที่อยากฟังมากกว่าก็คือทำไมถึงได้รวบรวมพวกซุงมิ่งที่มีฟันเฟืองมาต่างหาก”
พูดแทรกเข้ามาตัดบทสนทนา
รูบิเดียมตอบคำถามนั้นอย่างง่ายดาย
“ก็เพื่อกอบกู้ดาวโลกแห่งนี้ยังไงล่ะ”
ความคิดเห็น