ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    Apocalypse Online เกมโกงวันโลกาวินาศ

    ลำดับตอนที่ #41 : Login 39: ค่าชดเชยของการเปลี่ยนชะตากรรม

    • เนื้อหาตอนนี้เปิดให้อ่าน
    • 962
      56
      12 ธ.ค. 59

    Login 38: ค่าชดเชยของการเปลี่ยนชะตากรรม

     

    Heraldic Beast Deity: Dusk Shell Lv. 50

    [//…10890:60000…..]

     

                สัตว์เทวะจ่าฝูงดัคส์เชลถูกโจมตีโดยลำแสงปริศนาจนพลังชีวิตลดลงเกินครึ่งโดยที่ยังไม่ได้จัดการสัตว์เทวะจ่าฝูงตัวอื่นๆ หากปล่อยไว้มันจะเรียกพวกมารวมกันบุกโจมตีที่จุดเดียวแต่นั่นยังไม่ใช่ทั้งหมด

                สถานการณ์เลวร้ายยิ่งขึ้นกว่าเดิมเมื่อมนุษย์ต่างดาวปรากฏกายขึ้นมาในจังหวะเช่นนี้

                “บ้าจริงทำไมมนุษย์ต่างดาวถึงมาตอนนี้เนี่ย

                พันโทข้าวหลามสบถคำพูดพลางขบกรามด้วยความเจ็บใจแล้วถึงเพิ่งสังเกตเห็นว่าที่แขนซ้ายของมนุษย์ต่างดาวมีโล่ติดอยู่ โล่สีดำสนิทแล้วโล่นั้นก็มีไอควันลอยฉุยออกมาบางทีคงเพิ่งไปสัมผัสกับความร้อนมาจากที่ไหนหรือไม่ก็

                “หมอนี่เป็นคนโจมตีสัตว์เทวะงั้นเรอะ...

                น่าจะเป็นอย่างนั้น ลำแสงหรืออะไรที่ยิงมาเมื่อครู่คงจะเป็นฝีมือของมนุษย์ต่างดาวตรงหน้าอาจจะเป็นสกิลที่ต้องใช้โล่ประกอบการโจมตีหรืออาจใช้เป็นศูนย์รวมพลังก่อนจะปลดปล่อยออกมาเพราะเหตุนั้นตัวโล่ถึงได้มีไอควันร้อนลอยฉุย

                อย่างไรเสียจะต้องแจ้งเรื่องนี้ให้ทุกคนรวมถึงศูนย์บัญชาการรับทราบสถานการณ์ก่อนดังนั้นหน้าจอสื่อสารจึงถูกเปิด เป็นการสื่อสารถึงนายทหารอีกสี่คนที่อยู่ที่นี่

                “ทุกนายระวังตัวด้วยมีเอเลี่ยนแว๊นมอร์เตอร์ไซค์มาหาแน่ะส่วนสัตว์เทวะรีบกำจัดมันทิ้งก่อนจะเรียกพวกซะพลังชีวิตมันเหลือไม่มากแล้ว

                จากนั้นจึงหันไปสั่งกับทหารอีกคนที่ยืนอยู่ด้านข้าง

                “ฝากแจ้งกองบัญชาการทีเดี๋ยวชั้นจะไปตบหัวไอ้เด็กแว๊นต่างดาวไม่รู้กาลเทศะนั่นก่อน

                “ครับ! ระวังตัวด้วยนะครับ

                แต่ข้าวหลามไม่ได้รอฟังคำพูดอวยพรของลูกน้องเขาพุ่งตัวออกไปทันทีหลังจากฝากคำสั่งเสร็จพร้อมกับควงปืนคู่ใจทั้งสองกระบอกไปด้วย

                สายตาของข้าวหลามจ้องไปที่มนุษย์ต่างดาวหนุ่มแล้ววิเคราะห์ข้อมูลของอีกฝ่าย

                ผ้าคลุมสีขาวเครื่องหมายของมนุษย์ต่างดาวชั้นครู

                เลเวล 90 ระดับพลังเหนือมนุษย์จะอยู่ที่ 6 เท่า

                ส่วนสูงประมาณ 170 เซนติเมตร รูปร่างอายุประมาณเด็กหนุ่มถ้าเป็นมนุษย์อายุน่าจะอยู่ที่ 15 ถึง 16 ปี

                “เด็ก ม. ต้นเรอะ

                ปืนทั้งสองกระบอกเล็งไปที่ศีรษะศัตรู อัตราความแม่นยำในการยิงทดสอบของเขาอยู่ 80.7 เปอร์เซ็นต์โอกาสพิชิตได้ด้วยการโจมตีเพียงครั้งเดียวเป็นที่หวังผลได้

                พันโทหนุ่มลั่นไกปืน ลูกกระสุนยิงตรงไปที่เป้าหมายซึ่งยังคงหันหลังให้

                มันไม่รู้ตัวด้วยซ้ำว่าอีกแค่ไม่กี่วินาทีลูกกระสุนจะเจาะทะลุกะโหลกศีรษะ

                แต่ทว่า... ในเวลาเสี้ยววินาทีที่คิดเช่นนั้นมนุษย์ต่างดาวก็โยกตัวหลบกระสุนได้อย่างง่ายๆ

                มนุษย์ต่างดาวเปรยตามองมาแวบหนึ่ง

                “น่ารำคาญ...

                ขยับปากเหมือนจะพูดอะไรแบบนั้นออกมาก่อนจะวิ่งหนีไป

                “อ้าวเฮ้ย! อย่าเพิ่งหนีเซ่!

                นับเป็นปฏิกิริยาชวนงงจนตอบโต้ไม่ถูกเลยที่มนุษย์อย่างเขาจะต้องมาวิ่งไล่มนุษย์ต่างดาวทั้งที่มันควรจะกลับกัน แต่สถานการณ์กำลังดำเนินไปอย่างนั้น

                ทว่าไม่นานนัก...ข้าวหลามก็อ่านความคิดของมนุษย์ต่างดาวออก อีกฝ่ายไม่ได้หนีแต่ไม่สนใจเขาต่างหาก ที่มันเล็งไว้คือสัตว์เทวะจ่าฝูงซึ่งกำลังจะถูกลูกน้องของเขากำจัด

                “มันรู้เรื่องของสัตว์เทวะ?”

                อาจจะเป็นอย่างนั้น... ข้าวหลามตั้งข้อสังเกตไว้แล้วก็จงใจคิดแบบนั้นเผื่อไว้ก่อนด้วยว่าในกรณีที่เลวร้ายที่สุดคือมนุษย์ต่างดาวตั้งใจจะใช้กองทัพสัตว์เทวะบุกถล่มฐานที่มั่น

                มนุษย์ต่างดาววิ่งผ่านสัตว์เทวะไปแล้วเข้าปะทะกับกลุ่มของลูกน้อง ดูเหมือนว่าที่คาดการไว้จะถูกต้องพวกลูกน้องของเขาเลเวลห่างชั้นกับอีกฝ่ายอย่างเทียบไม่ติดแค่ไม่กี่วินาทีทุกคนก็ถูกจัดการหมด ถูกอัดจนกระเด็นไปกองอยู่บนพื้นทางเดินเท้าแต่ไม่มีใครถูกฆ่า แค่ทำให้สลบไปเท่านั้น...

                ข้าวหลามยิงปืนออกไปหนนี้เขาชักยันต์ออกมาด้วย

                “ชาร์คชู้ต

                กระสุนกลายเป็นฉลาม เข้าจู่โจมมนุษย์ต่างดาว

                “ซุสนัคเคิล

                แต่ทว่า... เด็กหนุ่มต่างดาวเพียงแค่รับมันไว้ง่ายๆด้วยมือเปล่าเท่านั้น มือที่จับฉลามบีบเข้าหากัน กำเป็นกำปั้นแล้วคลื่นไฟฟ้าก็บีบร่างของฉลามจนแหลก

                น้ำจากร่างของฉลามที่แตกกระจายทำท่าจะสาดโครมใส่มนาย์ต่างดาวจังหวะนั้นข้าวหลามก็ชักยันต์ออกมาแล้วร่ายสกิล

                “เป็นน้ำแข็งไปซะเถอะ ชาร์คแฟงฟรอสไบท์!

                น้ำราดลงบนร่างของมนุษย์ต่างดาวแล้วจับตัวแข็งเป็นน้ำแข็งในพริบตา...

                เพล้ง!! 

                แต่ก็ไร้ผลเสียงเหมือนแก้วแตกดังก้อง ร่างของมนุษย์ต่างดาวที่ควรจะแข็งเป็นน้ำแข็งไปแล้วกลับขยับตัวแหวกออกจากก้อนน้ำแข็งอย่างง่ายดาย

                “สถานะผิดปกติใช้ไม่ได้หรอกนะ...

                มนุษย์ต่างดาวพูดแล้วชักดาบจากเอว

                “รอยัลเซเบอร์

                ใบดาบเปล่งแสง

                เขาชูดาบออกไปข้างหน้า

                “บลิโอแน็ค

                ทันใดนั้นแสงจากใบดาบก็ยิ่งทวีความสว่างมากขึ้นอีกทั้งยังยืดยาวออกไปข้างหน้ายาวราวกับหอก

                หอกแสงพุ่งใส่ข้าวหลามแต่เขาก็เบี่ยงตัวหลบมันได้พลางยิงสวนกลับไป

                มนุษย์ต่างดาวยกโล่กันเอาไว้ กระสุนจึงกระแทกเข้ากับโล่แล้วสะท้อนออก

                การรุกรับของต่างฝ่ายต่างไร้ช่องโหว่และดูท่าจะกินเวลานาน

                แต่ข้าวหลามก็รู้สึกได้ว่าอีกฝ่ายจงใจให้เป็นแบบนั้น จากการต่อสู้เขาสัมผัสได้ว่ามนุษย์ต่างดาวกำลังออมมือให้แต่เพื่ออะไร?

                “เฮ้ย! ไอ้เด็กเปรตจะมัวเล่นไปถึงเมื่อไหร่

                ด้วยความสงสัยจึงลองถามออกไป

                แต่มนุษย์ต่างดาวทำหน้าเซ็งๆ แล้วตอบกลับมา

                “เพราะนายมันฝีมือครึ่งๆ กลางๆ ถ้าเอาจริงเดี๋ยวก็ได้ตายก่อนพอดีจะประมาทก็ไม่ได้เพราะไม่รู้ว่าจะเล่นตุกติกเมื่อไหร่

                ได้ยินดังนั้นแววตาของข้าวหลามก็เริ่มมีความขุ่นมัวปรากฏขึ้น

                “อ๋อเหรอ งั้นขอโทษที่คนมันอ่อนไปหน่อยนะคร้าบ

                จากนั้นข้าวหลามก็ถอยหนีเพื่อทิ้งระยะห่างแต่มนุษย์ต่างดาวไม่ได้ตามเข้ามากลับหันหลังให้อย่างง่ายดายเหมือนไม่สนใจ หรือก็คือไม่มีตัวตนในสายตาแต่แรกเขาถูกดูแคลนถึงขนาดนั้น

                “หยิ่งเหลือเกินนะไอ้หนูทำเอานึกถึงคนแถวนี้เลยสิพับผ่า ถ้าเจ้านั่นมีน้องชายคงทำตัวกวนตีนแบบนี้เลยล่ะมั้ง

                ข้าวหลามหมายถึงอิงศร....

                แต่ชายคนนี้ก็ไม่ได้รู้เลยว่ามนุษย์ต่างดาวที่เขากำลังประมืออยู่ด้วยนั้นเป็นไปตามคำพูดลอยๆ ของตัวเอง

                ตอนนั้นเอง ข้าวหลามก็ประกอบปืนทั้งสองอันเข้าด้วยกัน

                “เทคนิคัลเวพ่อน (Technical Weapon)”

                จากปืนสั้นสองกระบอกกลายเป็นปืนไรเฟิลไป

                ข้าวหลามเล็งปืนไรเฟิลไปที่มนุษย์ต่างดาว

                “ลองชิมพลังของอาวุธที่มนุษย์เปลี่ยนคลาสขั้นสูงมาแล้วดูหน่อยเป็นไง

                แล้วลั่นไก

                ปืนไรเฟิลไม่ได้ยิงเป็นลูกกระสุนหากแต่ยิงลำแสงออกมา

                ลำแสงสีแดงพุ่งเป็นเส้นตรง จู่โจมใส่มนุษย์ต่างดาวที่หันหลังให้

                "มิคาเอล"

                มนุษย์ต่างดาวพูดพลางสะบัดดาบ

                วินาทีนั้นเองปีกสีขาวจำนวนสามคู่ก็ผุดงอกขึ้นมากลางหลัง

                วินาทีต่อมาลำแสงก็เข้าปะทะกับเป้าหมายแต่กลับไม่เกิดอะไรขึ้น พลังชีวิตของศัตรูไม่ได้ลดลงไปเลย มิหนำซ้ำ...

                "ฮะ...เฮ้ยเอาจริงดินี่แกใช้เดม่อนแอพได้ด้วยเรอะ"

                ข้าวหลามสีหน้าตกตะลึงยามที่ได้เห็นปีกกลางหลังมนุษย์ต่างดาว

                แทบไม่อยากเชื่อสายตาตัวเอง...

                แต่เขามองไม่ผิดแน่นอน พลังที่อีกฝ่ายสำแดงออกมาไม่ใช่สกิลแต่เป็นเดม่อนแอพ

                ตอนนั้นเอง สัตว์เทวะก็คำราม

                มันกำลังจะเริ่มขึ้นแล้ว...การรวมทัพของสัตว์เทวะ

                มนุษย์ต่างดาวหันกลับมาแล้วพูดด้วยท่าทีหยิ่งผยองราวกับได้รับชัยชนะ

                "มันจบแล้วล่ะ"

                โดยที่ข้าวหลามได้แต่กัดฟันเสียงดัง 'กรอด' ด้วยความเจ็บใจ

                จากนั้นมนุษย์ต่างดาวก็ลดเสียงลงจนกลายเป็นการพึมพำคนเดียวที่ไม่มีคนอื่นได้ยิน

                "ศร...รออีกหน่อยนะขวัญจะไปรับเดี๋ยวนี้แหละ"

     

     

                ห้องศูนย์บัญชาการ

                มีเสียงเรียกเข้าดังปิ๊บสามครั้งติด จากนั้นสิงห์ก็เปิดหน้าจอขึ้นมา

                "เดม่อนแอพของมังกรมาถึงแล้วค่ะ"

                เสียงจากปลายสายเป็นน้ำเสียงแสดงความนอบน้อมอย่างที่คุ้นเคย ซึ่งตัวตนของเจ้าของเสียงนั้นเพิ่งออกจากห้องนี้ไปเมื่อไม่กี่สิบนาทีก่อนหลังจากได้รับรายงานว่าพวกอิงศรโค่นสัตว์เทวะได้รวมถึงผนึกแอพพลิเคชั่นปีศาจแล้วส่งมาให้ที่นี่

                สิงห์ตอบกลับไปว่า

                "เข้าใจแล้ว เดี๋ยวชั้นจะลงไป"

                แล้วปิดหน้าจอสื่อสาร สั่งเจ้าหน้าที่ทั้งหมดให้ปฏิบัติตามแผนการต่อไป

                จากนั้นสิงห์ก็เดินออกจากห้อง

                เดินไปตามทางเดินภายในอาคารจนกระทั่งถึงลิฟต์

                เขาก้าวเท้าเข้าไปในลิฟต์ กดปุ่มชั้นที่หนึ่ง

                ประตูเลื่อนตัวปิดแล้วลิฟต์ก็เริ่มเคลื่อนที่

                ทั้งที่ภายในลิฟต์น่าจะมีเขาเพียงคนเดียวแต่กลับสัมผัสได้ถึงเค้าลางของคนอื่นในลิฟต์

                สิงห์พูดโดยที่ไม่ได้หันหลังกลับไปมองแต่ก็พูดกับคนที่กำลังยืนอยู่เบื้งหลัง

                "แกมาทำอะไรที่นี่"

                "..."

                อีกฝ่ายไม่ตอบ แต่กลับมีเสียงเหมือนคีย์บอร์ดกำลังถูกเคาะดังแว่วมา

                "หาไม่เจอน่ะสิเรื่องของเดม่อนแอพเพราะแพทซ์ยังอัพเดทไปไม่ถึงจุดที่มนุษย์จะใช้งานปีศาจได้

                ตอนนั้นเองที่เงาสะท้อนของผู้อยู่เบื้องหลังปรากฏขึ้นอย่างเลือนรางบนพื้นผิวโลหะหลังประตูลิฟต์

                จากเงาสะท้อนลางๆ นั่นมองเห็นเป็นเด็กหนุ่มคนหนึ่งมีเรือนผมสีขาวใส่หูฟังแบบครอบฟองน้ำสวมเสื้อวอร์มสีแดง

                ผู้ถูกลืมเลือนนั่นเอง...

                แสงจากหน้าจอที่ผู้ถูกลืมเลือนเปิดไว้ได้ทำให้ผนังของประตูลิฟต์เกิดการสะท้อนเงาขึ้น ตอนนี้เขาเปลี่ยนมายืนท่ากอดอกอยู่เบื้องหลังสิงห์พลางส่งยิ้มให้

                "แต่ว่านายก็ทำตามที่ผมบอกไปหมดเลยสินะสิงห์"

                "แกเป็นคนเอาข้อมูลนั้นมาขายให้ชั้นเองไม่ใช่รึไง"

                "นั่นสินะ..."

                ผู้ถูกลืมเลือนพยักหน้ารับคำพูดนั้น

                "แล้วไงอีก สำหรับคนทรยศอย่างแกที่มีค่าก็คือข้อมูลเท่านั้นแล้วชั้นก็สูบมันมาจากแกหมดแล้วอยากไปที่ไหนก็ไปซะ"

                "..."

                "อ้อ แต่ถ้าแกเกิดเปลี่ยนใจล่ะก็ชั้นจะมอบตำแหน่งสุนัขรับใช้ให้ก็ได้นะ"

                สิงห์ดำเนินบทสนทนาต่อไปโดยที่สีหน้าไม่เปลี่ยนแปลง

                ผู้ถูกลืมเลือนก็เช่นกันแม้ว่าจะโดนแสดงอาการดูถูกดูแคลนอยู่ก็ตาม

                “ไม่ล่ะ...

                ผู้ถูกลืมเลือนส่ายศีรษะแล้วคลายแขนที่กอดกันไว้ออก

                “ถ้างั้นก็ไปให้พ้นๆ หน้าชั้นซะ

                แต่ผู้ถูกลืมเลือนก็ไม่ไปเขาหันมามองสิงห์ที่ยังหันหลังให้

                “นี่สิงห์นายจะไม่ลองคิดดูใหม่เหรอ

                “แกมาเพื่อแค่พูดเรื่องไร้สาระนั่นรึไง

                “แต่นายก็เลือกที่จะช่วยเด็กคนนั้น ช่วยมนุษย์ผู้ถูกฟันเฟืองเลือกไม่ใช่เหรอถ้าอย่างนั้นนายเองก็...

                แต่สิงห์ก็พูดขัดคำพูดนั้นไปอย่างเด็ดขาด

                “พอซักทีเลิกคาดหวังลมๆ แร้งๆ ในตัวมนุษย์ได้แล้วโลกนี้มันเกินจะเยียวยาไปแล้ว

                “เพราะแบบนั้นนายก็เลยจะเปลี่ยนมันเหรอ

                “เพราะว่านั่นคือหน้าที่ของผู้ถูกเลือกยังไงล่ะ

                “…”

                เมื่อผู้ถูกลืมเลือนไม่ได้พูดตอบกลับมาความเงียบก็เข้าปกคลุมลิฟต์

                ตัวเลขบนหน้าปัดบอกชั้นเลื่อนลงมาถึงชั้นที่ 2

                ทั้งที่เวลาผ่านไปเพียงแค่ไม่กี่วินาทีแต่กลับรู้สึกเหมือนผ่านไปนานเป็นนาที

                ผู้ถูกลืมเลือนหลับตาลงแล้วเริ่มพูดอย่างสิ้นหวัง

                “งั้นเหรอ คงจะเปลี่ยนใจนายไม่ได้จริงๆ สินะก็สิงห์มักจะเป็นแบบนั้นอยู่แล้ว ถ้าเป็นนายล่ะก็อาจจะทำได้ก็ได้แต่ว่า....

                ตัวเลขบนหน้าปัดลิฟต์เปลี่ยนเป็นเลข 1

                ”ค่าชดเชยต่อการเปลี่ยนแปลงชะตากรรมน่ะมันหนักหนาเอาการอยู่นะ

                ตอนนั้นเองก็มีเมล์เข้ามา

                หน้าจอระบบของสิงห์เปิดขึ้นเองโดยอัตโนมัติ

                ข้อความบนนั้นเขียนเอาไว้ว่า

     

    ======================

    Subject: @Clipius Death Timing Delivery

    Form: GM

    Detail:

    ตัวจับเวลาตายของเพื่อนคุณมาถึงแล้ว!

    เวลาชีวิตที่เหลือของ อิงศร โรจน์จุฬาคือ

    [00:22:12]

    ======================

     

                “…”

                หลังจากอ่านเมล์ฉบับนั้นเพียงพริบตาเดียวใบหน้าของสิงห์ก็เปลี่ยนไปอย่างหาได้ยาก

                ใบหน้าที่มักจะว่างเปล่าไร้ซึ่งการแสดงออกทางอารมณ์ใดๆ ได้ถูกเจือไว้ด้วยสีแห่งความตกตะลึงแล้วสีหน้านั้นก็ยิ่งแพร่กระจายเมื่อเลือดสูบฉีดมากขึ้นเพราะตัวเลขจับเวลาเกิดกระพริบเองเหมือนถูกกดโดยที่เขายังไม่ได้ทันจะทำอะไรกับมันแล้วภาพก็ปรากฏขึ้น....

                ภาพที่ทำให้สิงห์ต้องถลึงตามองด้วยความตกตะลึงนั่น

                คือภาพใบหน้ายามสิ้นชีพของอิงศร

                บนภาพเด็กหนุ่มคนนั้นแถบพลังชีวิตกลายเป็นว่างเปล่า

                เด็กหนุ่มล้มลงอยู่ต่อหน้าพวกทหารร่วมสังกัดสามคน

                มีสองคนที่พอจะมองจากด้านหลังแล้วรู้ว่าเป็นมีนากับเมษาดังนั้นจึงตีความด้านหลังของอีกคนได้ไม่ยากนักนั่นจะต้องเป็นกวินทร์อย่างแน่นอน

                สถานที่เกิดเหตุในภาพเป็นถนนเส้นหนึ่งที่ตัดผ่านประตูทิศไหนซักแห่งแต่ว่ามันคือที่ไหนกัน?

                อิงศรตายแล้ว...ไม่สิก่อนที่จะออกจากห้องก็ยังได้รับรายงานว่าอิงศรยังมีชีวิตอยู่แล้วก็เดินหน้าไปที่ประตูทิศใต้

                รูปถ่ายนี่ปรากฏขึ้นมาพร้อมกับเวลานับถอยหลังถ้าอย่างนั้นนี่คือการนับถอยหลังไปสู่การเป็นจริงของภาพอย่างนั้นหรือเปล่า?

                แล้วมันมีความแม่นยำแค่ไหนกัน?

                สิงห์ใช้เวลาเพียงแค่การจ้องมองภาพในเสี้ยววินาทีตีความมันด้วยประสบการณ์ทั้งหมดแต่ก็วิเคราะห์ออกมาได้แค่นั้นแทบจะไม่รู้เงื่อนงำของเมล์ฉบับนี้เลย

                ดังนั้นเขาจึงหันไปบัลดาลโทสะกับตัวต้นเหตุที่น่าจะยืนอยู่ด้านหลัง

                “นี่แก!

                สิงห์คำรามพร้อมกับหันตัวกลับ

                แต่ผู้ถูกลืมเลือนได้หายไปแล้ว

                เสียง ติ๊งดังขึ้นลิฟต์ลงมาถึงชั้นที่1 ประตูเคลื่อนตัวเปิดออก

                เบื้องหน้าของประตูนั้นคือเลขาสาวคนสนิทวิเชียรมาศที่รอการมาถึงของเขา

                เธอเป็นคนต่อสายขึ้นไปบอกว่าแอพพลิเคชั่นปีศาจเพิ่งจะมาส่ง

                เธอมองเข้ามาในลิฟต์เห็นเจ้านายหันหลังให้

                “มีอะไรหรือเปล่าคะ

                “…”

                สิงห์ปิดหนาจอเมล์ เบี่ยงตัวกลับมาแล้วเดินออกจากลิฟต์โดยที่รักษาสีหน้าสงบเยือกเย็นเอาไว้

                เขาเดินออกมายืนต่อหน้าลูกน้อง

                “ไปเกณฑ์พลคุ้มกันที่อยู่รอบๆ ตึกนี้มาให้หมดเดี๋ยวเสร็จจากที่นี่แล้วชั้นจะออกไปด้วยตัวเอง

                “เอ๋?!”

                ใบหน้าของเลขาสาวซึ่งมักจะรักษาท่าทีและสำรวมกิริยาเอาไว้ตลอดนั้นกลับผุดทั้งความงุนงง ทั้งความตกตะลึง ขึ้นมาพร้อมๆ กัน

                แต่สิงห์ก็เมินสีหน้าประหลาดที่เธอแสดงให้เป็นครั้งแรกไปแล้วออกคำสั่งว่า

                “จากนี้จะต้องมีคนตายให้น้อยที่สุดไปสั่งเจ้าพวกที่อยู่ข้างนอกนั่นด้วย

                “คะ...ค่ะ

                แล้ววิเชียรมาศก็เดินแยกออกไปโดยที่ได้ยินเสียงตะโกนเรียกรวมพลดังแว่วมา

                สิงห์เปิดเมล์ขึ้นมาเปิดดูภาพนั้นอีกครั้งแล้วเริ่มมองอย่างถี่ถ้วนเพื่อหาเบาะแส

                เบาะแสที่จะเชื่อมโยงไปถึงเหตุการณ์ในภาพ

                บนถนนที่อิงศรล้มลงไปนั้นดูเหมือนจะมีเม็ดทรายกระจายอยู่เต็มไปหมด

                มีคราบน้ำปรากฏให้เห็นจางๆ ในหลายจุด

                ดิน... น้ำ... ถนน... สัตว์เทวะ...

                คีย์เวิร์ดทั้งหมดถูกดึงออกมาจากภาพเล็กๆ เพียงภาพเดียว แล้วเขาก็คิดออก

                "ที่นั่นเองสินะ"

                สิงห์หันกลับไปมองลิฟต์

                ภายในว่างเปล่าและประตูกำลังจะเคลื่อนตัวปิด

                ประตูลิฟต์ปิดลง

                จากนั้นพลเอกหนุ่มก็แค่นเสียงหัวเราะ

                “เฮอะ อุตส่าห์ได้ฟันเฟืองที่สามารถขับเคลื่อนโลกทั้งใบมาอยู่ในกำมือแล้วเรื่องอะไรจะปล่อยให้หลุดมือไปอีกเล่า

                แล้วพูดเหมือนกับจะประชดประชัน

    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    นิยายที่ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×