ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    Apocalypse Online เกมโกงวันโลกาวินาศ

    ลำดับตอนที่ #32 : Login 30 : คุณค่าของโลกที่ล่มสลาย

    • เนื้อหาตอนนี้เปิดให้อ่าน
    • 1.04K
      53
      29 ก.ย. 59

    Login 30 : คุณค่าของโลกที่ล่มสลาย

     

                "คันสุดท้ายแล้ว!"

                นายทหารของเมตไตรยคนหนึ่งตะโกนให้สัญญาณกับอีกคนที่ควบคุมเครื่องยกไม้กั้นประตูทางออกจากลานจอดรถ

                พอไม้กั้นถูกยกออกเขาก็ดึงประตูคอนเทนเนอร์ของรถบรรทุกลงมาแล้วล็อกมัน ข้างในคอนเทนเนอร์นั้นเต็มไปด้วยพลเรือนที่จะต้องอพยพไปยังศูนย์บัญชาการกลางที่จังหวัดชลบุรี

                คนขับรถสตาร์ทเคคื่องยนต์ ล้อรถบรรทุกเริ่มหมุน จากนั้นรถก็แล่นผ่านประตูออกไปตอนที่เสียงตามสายประกาศไปทั่วทั้งมหาวิทยาลัยว่า

                "ขณะนี้เป็นเวลาเจ็ดโมงตรงขอให้กำลังพลทุกท่านไปรายงานตัวกับหน่วยที่สังกัดตามแต่ละประตูด้วยค่ะ ย้ำอีกครั้งขอให้กำลังพลทุกท่าน..."

                พอได้ยินเสียงประกาศทหารทุกนายก็พากันแยกย้าย

                วันนี้ภายในค่ายเงียบสงบกว่าทุกวันเพราะพลเรือนถูกอพยพออกไปตั้งแต่สามวันก่อนจนกระทั่งวันนี้ จึงไม่มีคนหลงเหลืออยู่ภายในค่ายนอกจากทหารเท่านั้น



                และแล้ววันนี้ก็มาถึง...

                วันที่เรดบอสระดับห้าสิบจะเกิดขึ้นที่ค่ายชั่วคราวของเมตไตรย

                ณ อาคาร 'หมายเลข ๑๗ ' ของคณะวิศวกรรมศาสตร์...

                บนห้องโสตทัศนศึกษาชั้นที่เจ็ดซึ่งเป็นชั้นบนสุด ถูกดัดแปลงเพื่อใช้เป็นศูนย์บัญชาการรบชั่วคราวตั้งแต่สองอาทิตย์ก่อน

                ภายในเป็นห้องโถงกว้างเหมือนกับห้องเรียนเล็คเชอร์ตามปกติแต่มีอุปกรณ์ครบครันกว่า มีเวทียกสูงจากพื้นตั้งอยู่ด้านในสุดตรงกลางของห้อง

                เจ้าหน้าที่ทุกคนนั่งที่โต๊ะเรียนซึ่งวางไล่ระดับลงมาเป็นขั้นบันไดโดยมีคอมพิวเตอร์โน๊ตบุควางอยู่บนโต๊ะ แต่ละเครื่องจะต่อสายเชื่อมเข้ากับเครื่องประมวลผลขนาดใหญ่ซึ่งตั้งอยู่ด้านหน้าของเวที

     

                 สิงห์ ธุวดารกะ ผู้ทำหน้าที่บัญชาการรบในวันนี้ก็ยืนอยู่ที่นั่น

                ข้างตัวเขานอกจากพวกเจ้าหน้าที่ประสานงานแล้ว ก็มีผู้หญิงอีกสองคนที่คุ้นหน้าคุ้นตายืนอยู่เคียงข้าง

                หนึ่งในนั้นคือหญิงสาวใบหน้างดงาม เรือนผมสีฟ้าครามมัดรวบปลายผมไว้สองข้าง ซึ่งก็คือ วิเชียรมาศ เลขาของเขานั่นเอง

                อีกคนเทียบกันแล้วอาจจะดูเรียบๆ ไปบ้างเธอมีเรือนผมสีดำมันคลับยาวปรกไหล่สวมเสื้อกาวน์ทั้งที่คนอื่นๆ ในห้องต่างก็สวมเครื่องแบบทหารประจำองค์กร เธอชื่อ ซากิริ อามาเนะ เป็นนักวิจัยเกี่ยวกับสัตว์เทวะที่มาจากศูนย์ใหญ่เพื่อจับตาดูเรดบอสในครั้งนี้

               

                พวกเขาหันหน้าเข้าหาจอโปรเจคเตอร์ที่อยู่ติดกับเวทีซึ่งกางเรียงติดกันสามจอ

                ภาพที่ฉายอยู่ เป็นภาพสถานที่ต่างๆในเขตและรอบรั้วมหาวิทยาลัยที่ใช้เป็นค่ายแห่งนี้ ซึ่งรับมาจากกล้องวงจรปิดอีกที จอซ้ายกับขวาฉายภาพสถานที่แบ่งเป็นหลายๆ ช่อง ส่วนจอตรงกลางจะเป็นจอภาพหลักสำหรับนำภาพจากจอซ้ายหรือจอขวามาฉายแบบขยาย ตอนนี้บนจอที่ว่ากำลังฉายภาพของพันโทข้าวหลาม

                ภาพทิวทัศน์ที่เห็นจากกล้องที่กำลังถ่ายภาพพันโทอยู่นั้นน่าจะเป็นบริเวณประตูทางออกทิศเหนือเพราะมองแนวตึกร้างที่เคยเป็นย่านร้านค้าเก่าตั้งเรียงรายอยู่ไกลๆ

                แต่เสียงของพันโทนั้นส่งมาทางระบบของเกมอีกทีโดยรับผ่านเครื่องคอมพิวเตอร์ของเจ้าหน้าที่สื่อสารแล้วส่งออกทางลำโพงที่ติดอยู่ในห้อง

     

                "คิดอะไรอยู่กันแน่แทนที่จะให้ชั้นมาเฝ้าประตูที่นี่ให้ไปลุยกับหน่วยจู่โจมที่ประตูตะวันออกจะดีกว่าม้าง--"

                เสียงของพันโทว่ามาอย่างนั้น

                สิงห์ตอบกลับไปว่า

                "เรามีกำลังสำหรับการป้องกันไม่พอถ้าประตูทิศเหนือถูกตีฝ่ามาได้ล่ะก็ข้างหน้าก็คือห้องนี้แล้วถึงต้องให้นายไปป้องกันไว้ไงล่ะ"

                แล้วซากิริก็พูดแทรกขึ้นมา

                "เพราะเส้นทางอพยพคนที่รถของพวกเรากำลังสัญจรอยู่นั้นมีการควบคุมฮาบิแททพอยซ์จากที่นี่เป็นหลักหากถูกทำลายฮาบิแทพอยซ์ก็จะเปิดขึ้นมาพร้อมกันทั้งเส้นทาง ถ้าไม่ถ่วงเวลาไว้จนกว่ารถอพยพจะวิ่งเข้าสู้เส้นทางที่ฮาบิแททพอยซ์ผูกกับศูนย์ใหญ่จากศรีราชาแล้วล่ะก็พวกเขาจะถูกสัตว์เทวะที่เกิดใหม่ตามเส้นทางฆ่าตายหมดแน่เพราะเราไม่ได้ส่งกำลังไปคุ้มครองเลยที่อยู่บนนั้นก็มีแต่พลเรือน พูดแบบนี้พอจะเข้าใจขึ้นมาบ้างรึยังล่ะหืม~"

                "เพราะงั้นก็เลยให้ชั้นมาคุมประตูนี้ด้วยกำลังพลที่น้อยกว่าชาวบ้านอย่างนั้นสินะ"

                ข้าวหลามพูดพลางเบี่ยงไหล่ออกเพื่อให้กล้องจับภาพบรรดาลูกน้องภายใต้บังคับบัญชาที่มีกันอยู่แค่สี่นาย

                ซากิริตอบกลับไป

                "มันก็ประมาณนั้น"

                จากนั้นสิงห์ก็พูดสืบต่อว่า

                "ถ้าเข้าใจแล้วก็ตั้งใจทำงานด้วยล่ะ"

                พอได้ฟังดังนั้นข้าวหลามก็ทำหน้าหงุดหงิด

                "ทำมาเป็นพูดดีนายเองก็เหอะเลเวลเก้าสิบเหมือนกันทำไมไม่ออกมาสู้เองเลยเล่า"

                แล้วพูดมาอย่างประชดประชัน

                "..."

                สิงห์ไม่ตอบกลับ

                ถ้าอีกฝ่ายคือเพื่อนสนิทที่อยู่ด้วยกันมาตั้งแต่เล็กแล้วยังเป็นผู้มีความสามารถที่เขาให้การยอมรับด้วยตัวเองล่ะก็ถึงไม่ต้องใช้คำพูดก็ต้องเข้าใจได้ว่าเขาคาดหวังอะไรไว้

                พันโทข้าวหลามไม่ได้มองเห็นฝั่งศูนย์บัญชาการดังนั้นย่อมไม่รู้ท่าทีของสิงห์ในตอนนี้แต่ถึงอย่างนั้นเขากลับตอบมาราวกับคาดเดาได้

                "มีแผนอีกงั้นสิ..."

                "..."

                "เอาเถอะ ถ้างั้นแค่นี้แหละ ฝากเรื่องข่าวสารทางนั้นด้วยก็แล้วกัน"

                ข้าวหลามพูดมาอย่างนั้นก่อนจะเดินออกจากมุมของกล้องสิงห์จึงสั่งให้เจ้าหน้าที่ควบคุมเอาภาพใหม่ขึ้นจอหลักแทน

                "ตัดไปที่กล้องตรงประตูทิศเหนือ"

                "ครับ!"

                จากนั้นภาพบนจอหลักก็เปลี่ยนเป็นภาพจากมุมสูงเพราะกล้องถ่ายลงมาจากชั้นที่สามของอาคารบริเวณประตูทิศเหนือ จากภาพจะมองเห็นสะพานพาดผ่าน เหนือถนนใหญ่ที่แบ่งเป็นสี่เลน

                บนเลนถนนฝั่งที่ติดกับประตูทางออกจากมหาลัยมีกองทหารจำนวนร้อยกว่านายรวมตัวกันอยู่ที่นั่น เป็นทหารหนุ่มสาวทั้งสิ้น ในนั้นมีพวกเด็กที่มาจากห้องคิงของหน่วยขับไล่ผู้รุกรานที่อิงศรเคยเข้าไปเรียนอยู่ช่วงหนึ่งปะปนอยู่ด้วยส่วนใหญ่แล้วจะยืนอยู่ที่หัวแถวกันหรืออีกนัยหนึ่งก็คือเป็นเหล่าผู้มีความสามารถพอที่จะออกนำหน่วยได้ ที่ด้านหน้าของกองร้อยมีเด็กหนุ่มคนหนึ่งที่พอมองเห็นจากที่ไกลๆ ก็เดาได้ในทันที

                “ต่อสายไปที่นรินทร์

                สิงห์ออกคำสั่งจากนั้นเจ้าหน้าที่ควบคุมก็ทำให้ลำโพงในห้องกลายเป็นเสียงที่ส่งมาจากเด็กหนุ่มคนนั้น ซึ่งก็คือ นรินทร์ นักเรียนผู้มีผลการเรียนวิชาทหารสูงที่สุดของค่ายฝึกชั่วคราวแห่งนี้ เขาได้รับหน้าที่ให้เป็นผู้นำกองร้อยและหน่วยย่อยภายในกองที่เขาเป็นผู้บังคับบัญชาก็มีแต่เพื่อนร่วมห้องเลเวลสูงกว่าห้าสิบขึ้นไปทั้งนั้น  พวกเขาคือความหวังของหน่วยโจมตีที่มารวมกัน ณ ประตูทิศเหนือแห่งนี้

                นรินทร์เป็นฝ่ายที่เริ่มพูดเข้ามาก่อน

                “นี่สิบเอกนรินทร์ศูนย์บัญชาการได้ยินแล้วตอบด้วย

                ที่เด็กหนุ่มพูดมาเป็นรูปแบบของการยืนยันการสื่อสารซึ่งเป็นบทเรียนหนึ่งจากชั้นเรียนวิชาทหารซึ่งเขาทำได้อย่างไม่ขาดตกบกพร่อง

                สิงห์ยิ้ม... ยิ้มด้วยใบหน้าเรียบนิ่งที่แทบไม่เคยเปลี่ยนแปลงให้กับท่าทีของนรินทร์ที่สามารถตอบรับความคาดหวังได้ เขามักจะถูกใจคนที่มีความสามารถแน่นอว่าอิงศรเองก็เป็นกรณีเดียวกัน

                “ทางนั้นเป็นยังไงบ้างรายงานมาซิ

                “ครับ ตอนนี้หน่วยโจมตีทุกหน่วยมาครบหมดแล้วกำลังตั้งแถวเพื่อกระจายคำสั่งต่อไปครับ

                ภาพจากกล้องวงจรปิดที่ฉายอยู่บนจอโปรเจ็กเตอร์เองก็บอกเล่าเช่นนั้น เหล่าทหารกล้าทั้งร้อยนายกำลังสร้างแถวอย่างเป็นระเบียบ ดูแล้วก็ไม่น่าจะมีปัญหาอะไร แต่สำหรับสิงห์แล้วสายตาของเขามองลึกลงไปกว่านั้น ทั้งที่มองจากภาพเดียวกันกับทุกคนในห้อง กองทหารกล้าที่ดูเป็นระเบียบเรียบร้อยนั้นยังมีสิ่งหนึ่งที่ขาดไป

                “กำลังตึงมือเลยสินะ

                คำพูดของสิงห์ส่งไปถึงฝั่งนั้นแล้วนรินทร์ก็มีปฏิกิริยากับมัน

                “ห๊ะ...

                “เปิดเสียงทางโน้นทีสิชั้นจะพูด

                “อะ...ครับ

                จากนั้นก็ได้ยินเสียงแว่วๆ มาเป็นเสียงของนรินทร์ที่ตะโกนสั่งให้ทุกคนอยู่ในความสงบเพราะว่าผู้บัญชาการกำลังจะพูดกับพวกเขาทุกคน ภาพจากกล้องวงจรปิดแสดงให้เห็นอาการระสับระส่ายของบรรดาทหารวัยคึกคะนองเหล่านั้น

                หลังจากควบคุมแถวให้อยู่ในความสงบได้แล้วนรินท์ก็เร่งเสียงที่หน้าจอสื่อสารซึ่งเปิดด้วยระบบของเกม หันหน้าจอเข้าหาแถวตรงหน้า

                สิงห์เริ่มพูด...

                “ทุกนายจงฟัง...

                เสียงของเขาถูกกระจายลงไปยังเหล่าทหารที่ฉายอยู่บนจอภาพ

                “ก่อนที่สงครามจะเริ่มขึ้นอยากจะให้จำไว้อย่างหนึ่ง ถึงโลกที่ล่มสลายใบนี้จะไม่มีคุณค่าหรือความหมายในการปกป้องมันอีกแล้วก็ตาม

                จากนี้ไปคำพูดของเขาจะเปลี่ยนเป็นอีกน้ำเสียง...

                น้ำเสียงที่จะดึงเอาความกล้าในตัวทุกคนออกมา

                “แต่ว่า!

                สิงห์พูด

                พูดด้วยน้ำเสียงที่ใส่อารมณ์มากกว่าทุกที

                “ถ้าวันนี้คิดยอมแพ้แล้วหันหลังหนีมนุษยชาติจะไม่มีวันชนะอีก! ถ้าหากวันนี้พวกเราต่อสู้แล้วชนะได้พวกเรานี่ล่ะจะเป็นก้าวแรกของมนุษยชาติที่จะทวงคืนโลก และมีชัยเหนือพวกต่างดาว! ถึงการต่อสู้ในวันนี้จะยากที่สุดเท่าที่เคยมีมาและไม่มีคุณค่าพอที่จะทำ แต่พวกเราจะชนะแล้วสร้างคุณค่าของมันเอง!”      

                สิ้นคำเสียงโห่ก็ดังขึ้น

                เสียงโห่ที่เปี่ยมล้นด้วยความฮึกเหิมของบรรดาทหารที่หลงคล้อยไปตามคำพูดของสิงห์

                ทุกคนที่อยู่บนถนนต่างก็ชักอาวุธออกมาแล้วตะโกนเสียงดังว่า

                “พวกเราจะชนะ!

                “โอ้!!

                “ฆ่าสัตว์เทวะให้หมด!!

                “ใช่! พวกเราจะเป็นก้าวแรก พวกเราจะทวงคืนโลกกลับมา!!

                ด้วยคำพูดไม่กี่คำของสิงห์ กองร้อยจูโจมก็พร้อมใช้งานแล้วที่เหลือก็เพียงแค่เวลา

                เวลาที่เรดบอสจะเริ่มขึ้น

                นาฬิกาบนจอโปรเจ็กเตอร์บอกเวลา 08:59:50 น.

                มันจะเริ่มตอนเก้าโมงพอดิบพอดีอีกเพียงสิบวินาทีเท่านั้น

                เมื่อตัวเลขนาฬิกาวิ่งมาถึง 09:00:00 น. ตอนนั้นเอง

                “จากประตูทิศเหนือ ค่าการปรากฏตัวเพิ่มสูงขึ้นครับ

                ก็มีเจ้าหน้าที่คนหนึ่งตะโกนขึ้นมา

     

                ...สถานการณ์เปลี่ยนไปอย่างกะทันหันบรรยากาศภายในห้องเริ่มทวีความตึงเครียดขึ้นทุกขณะ...

               

                “จะส่งภาพขึ้นจอหลักนะครับ

                เจ้าหน้าที่ควบคุมที่อยู่ใกล้กับสิงห์หันมาถามเขาพยักหน้าตอบกลับไป จากนั้นภาพบนจอหลักก็ถูกเปลี่ยนเป็นภาพจากกล้องตัวที่เคยคุยกับข้าวหลาม

                บริเวณท้องฟ้าเหนือห้องแถวที่เป็นย่านร้านค้ามาก่อนนั่นเอง ได้ปรากฏรูสีดำขนาดเส้นผ่านศูนย์กลางประมาณสามสิบเมตรแล้วยังขยายใหญ่ขึ้นได้อีก

                จนเมื่อถึงจุดๆ หนึ่งรูก็หยุดการขยายตอนที่มันมีเส้นผ่านศูนย์กลางเกินร้อยเมตรไปแล้ว

                ศีรษะของสิ่งมีชีวิตก็ยื่นออกมาจากรูนั่น...

                สิ่งมีชีวิตขนาดมหึมารูปร่างเหมือนเต่าก้าวเท้าต้วมเตี้ยมคลานสี่ขาออกมาจากรูสีดำ ทันทีที่เท้าของมันเหยียบลงบนพื้นถนน พื้นก็ยุบตัวกลายเป็นหลุมไปส่วนที่เหลือของร่างกายซึ่งตามออกมานั้นได้ทับลงบนอาคารบ้านเรือนจนพังยับเยินไม่มีชิ้นดี

     

                รูสีดำหายไป

                สัตว์เทวะจ่าฝูงปรากฏตัวขึ้นอย่างสมบูรณ์ที่หน้าประตูทิศเหนือ

                แค่ภาพที่มองเห็นผ่านกล้องยังสื่อความน่าเกรงขามออกมาได้ถึงขนาดนี้แล้วคนที่ต้องเผชิญหน้ากับมันจะรู้สึกอย่างไร ทุกคนในห้องต่างก็คิดไปต่างๆ นานา

                เจ้าหน้าที่รายงานด้วยเสียงอันดัง

                “ออกมาแล้วครับ ยืนยันระดับจ่าฝูงเลเวลห้าสิบดัคส์เชลปรากฏตัวขึ้นที่ประตูทิศเหนือ!

                แล้วตอนที่รายงานจบลงเจ้าหน้าที่ซึ่งคอยควบคุมข้อมูลจากประตูทิศตะวันตกก็รายงาน

                “ยืนยันการปรากฏตัวของคริมสันเฟเธอร์เลเวลห้าสิบที่ประตูตะวันตกค่ะ

                จากนั้นประตูทิศอื่นๆ ก็ทยอยตามมา

                “ที่ประตูทิศใต้อัลบิโน่คลอว์ปรากฏตัวขึ้นแล้วเลเวลห้าสิบเช่นกันครับ

                “ที่ประตูทิศตะวันออกยืนยันสัตว์เทวะระดับจ่าฝูงเลเวลห้าสิบเซลูลีนอายก็ปรากฏตัวแล้วค่ะ

                สิงห์จึงสั่งการไปว่า

                “ให้แต่ละหน่วยที่ประจำอยู่ตามประตูทิศใต้ ทิศเหนือ กับทิศตะวันตก ดึงความสนใจสัตว์เทวะไว้ก่อนอย่าเพิ่งเข้าไปสู้ซึ่งๆ หน้าแล้วเอาภาพจากประตูทิศตะวันออกที่กองร้อยหน่วยจู่โจมประจำการอยู่ขึ้นจอหลัก ส่งการสนับสนุนจากที่นี่ไปที่หน่วยจู่โจมเป็นอันดับแรก

                “รับทราบ!

                เจ้าหน้าที่ทุกคนต่างตอบรับเป็นเสียงเดียวกัน

    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    นิยายที่ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×