คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #298 : Extra Log 294: เงาดำแห่งขอบฟ้าเหตุการณ์
Extra
Log 294: เงาดำแห่งขอบฟ้าเหตุการณ์
อิงศรโยนไพ่สามใบออกไปจากมือ
ไพ่เหล่านั้นระเบิดตัวเองแล้วปลดปล่อยผู้ที่ถูกกักขังในนั้นออกมา
นรินทร์ เน็กซ์
และ ลิเธียม
พวกพ้องทั้งสามลงมาเติมเต็มสนามรบส่วนที่ขาดหายไปเมื่อรวมกับมิ่งขวัญและแฟรนเซียมก็จะครบข้อกำหนดที่จะมีพวกพ้องในสนามรบนอกจากเขากับออร์ฟี่แล้วรวมกันไม่เกินห้าคนพอดี
อิงศรได้ลองพยายามเรียกพวกพ้องเพิ่มอีกแต่ไพ่ในมือไม่มีการตอบสนองเลย
อย่างน้อยก่อนจะขว้างทั้งสามคนนั่นออกไปในสายตาเขาไพ่มันยังเปล่งแสงสว่างอ่อนๆ
ออกมาเหมือนจะบอกให้รู้ว่าสามารถใช้ไพ่ได้นั่นเอง
นี่คงเป็นระบบของ
‘เกม’ ที่ราหูพูดเอาไว้
“ในที่สุดก็ยอมใช้ไพ่ในมือซักทีนะ”
ราหูในร่างมังกรแดงกล่าว
ก่อนที่มันจะคืนร่างกลับเป็นมิ่งขวัญจากโลกคู่ขนาน
มิ่งขวัญที่กลายเป็นผู้รุกราน
เพราะมิ่งขวัญคนนั้นช่วยพวกเขาเอาไว้จึงถูกราหูล้างสมองกลายเป็น
ผู้รุกรานที่มีชื่อใหม่ว่ามิธริล
อิงศรพูด
“นรินทร์ช่วยรักษาที”
ก่อนอื่นต้องทำอะไรสักอย่างกับสถานะหวาดกลัวที่ราหูแอบวางยาใส่เขาจนไม่เป็นอันทำอะไรมาแล้วซะก่อนเพราะเหตุนั้นถึงได้เรียกนรินทร์ออกมานั่นเอง
“ได้เลย คับบาลาห์ เซฟิร่า…”
นรินทร์ตอบรับแล้วเริ่มร่ายสกิลกำจัดสภาวะผิดปกติ
“….”
แปลก…
นรินทร์คิด
ดูจากสีหน้าอิงศรตอนนี้แล้วไม่รู้สึกว่ากำลังหวาดกลัวเหมือนตอนที่อยู่ในไพ่เลย
เด็กหนุ่มมองเข้าไปในดวงตาของอิงศรแต่ก็ไม่รู้สึกว่านั่นเป็นสายตาที่หวาดกลัวเหมือนก่อนหน้านี้เขาจึงลองคาดเดาเอาว่าบางทีสภาวะนั่นคงทำได้แค่ถ่วงอิงศรในตอนนี้เพียงเล็กน้อย
เพราะการเสียสละของเมษาสร้างกำลังใจให้กับทุกคนนั่นเอง
เพราะเมษาทำให้พวกที่ถูกทำให้เป็นไพ่เริ่มมีกำลังใจจะต่อสู้ขึ้นมา
...และแล้ว
“เสร็จแล้ว”
การรักษาก็เสร็จสมบูรณ์
สภาวะหวาดกลัวหายไปแล้ว
“ขอบใจ”
อิงศรพูดแล้วถามต่อทันที
“นรินทร์นายกลายเป็นร่างไฮพีเรี่ยนได้ไหม”
นับจากเวลาที่เริ่มต่อสู้กับราหูบวกทบกับตอนที่นรินทร์แปลงร่างครั้งแรกตอนไปจัดการกับพวกมหาเทพสัตว์เทวะแล้วเวลาของการใช้ไฮพีเรียลไลซ์น่าจะวนครบไปได้ซักพักแล้ว
”จะลองดู”
นรินทร์ตอบ
“ผมด้วยคนครับ”
เน็กส์ที่ได้ยินพวกเขาพูดกันพูดแทรกเข้ามา
จากนั้น
ทั้งนรินทร์ ทั้งเน็กส์ต่างก็ตั้งท่าเรียก ออริจินอาคานาร์ ของตัวเอง
“…”
“…”
แต่ไม่ได้ผล
เงียบสนิทไม่มีอะไรออกมาเลย
ตอนนั้นเอง
ราหูก็พูดขัดมาว่า
”หลังจากเกมเริ่มไปแล้วถ้าจะไฮพีเรียลไรซ์ก็ต้องเป็นไปตามกฏล่ะนะ
มีแต่ไมสเตอร์เท่านั้นที่ไฮพีเรียลไรซ์ได้ ถ้าอิงศรใช่ไพ่ของพวกพ้องเขียนทับบนตัวเองก็จะสามารถใช้ไฮพีเรียลไลซ์ของคนๆ
นั้นได้เหมือนกับที่ข้าทำไงล่ะ”
ไม่รู้ทำไมมันถึงบอกวิธีการให้
หรือว่าจะมีแผนซ่อนไว้อีก
อิงศรพยายามอ่านทางศัตรูอย่างที่ไม่เคยทำในช่วงก่อนหน้านี้นั่นก็เพราะตอนนี้พวกเขาได้ข้อมูลมามากพอสมควร
มีข้อมูลพอจะคาดเดาการกระทำของราหูได้แล้วนั่นเอง
ราหูพูดมาเหมือนกับจะเร่งเร้าให้ตัดสินใจ
“จะไม่เชื่อก็ตามใจนะแต่เกมหมดสนุกขึ้นเยอะเลยล่ะถ้าจะจัดการได้ง่ายๆ
เหมือนเมื่อกี้อีกน่ะนี่ถือว่าต่อให้แล้วนะ”
พูดจบก็หัวเราะ
“…”
นั่นเองก็ยังอยู่ในแผนยั่วยุหลอกล่อให้เดินตามเกมของมันอยู่สินะ
อิงศรคิด
ถึงจะดูเหมือนทำเป็นเล่นแต่ราหูเคลื่อนไหวแทบจะไม่เกิดความเสียเปล่าเลยหรือไม่ก็พลิกเอาความเสียเปล่ามาเป็นความได้เปรียบในแบบที่ไม่น่าจะเป็นไปได้
ถ้าให้พูดชัดๆ แล้วล่ะก็อีกฝ่ายวางแผนการได้เหนือมนุษย์ไปมากโขเลยทีเดียว
ตลอดการต่อสู้ที่ผ่านมาถ้าไม่รู้อนาคตคงจะเรียกว่าวางแผนการไม่ได้
ถ้าไม่รู้ล่วงหน้าว่าพวกเขาจะเคลื่อนไหวแบบไหนก็ไม่มีทางรับมือได้ทุกแบบหรอก
บางทีอาจจะเป็นเพราะ
‘บท’ อะไรนั่นด้วยหรือเปล่า
ถ้าหากว่า ‘บท’ ที่ว่าเป็นคำที่เข้าใจง่ายๆ
เหมือนกับบทละครที่กำหนดตายตัวไว้แล้วล่ะก็
ถ้าอย่างนั้นพวกเขาที่กำลังต่อสู้อยู่ในตอนนี้ก็เป็นเหมือนคลิปวิดีโอที่กำลังเล่นไปตามเรื่องราวโดยที่มีตอนจบที่แน่ชัดและเปลี่ยนแปลงไม่ได้รออยู่
แล้วตอนจบนั่นจะเป็นแบบไหนกัน?
ใครที่เป็นฝ่ายชนะ?
“…”
ถึงจะดูเหมือนเป็นกับดักก็ตาม....
“…”
แต่ถ้าไม่ทำอะไรเลยก็ไม่ได้เหมือนกัน
อิงศรตัดสินใจแล้วว่ามีแต่ต้องไฮพีเรียลไลซ์เท่านั้นถึงจะพอสู้ได้สูสีขึ้นมาบ้าง
ถึงพอจะมองเห็นหนทางที่จะก้าวต่อไปได้บ้าง
“มิกซ์”
อิงศรตัดสินใจแล้วหยิบไพ่ของมิกซ์ขึ้นมา
“ขอยืมพลังหน่อยนะ”
“เอาเลยพี่ศร”
เสียงของมิกซ์ดังจากไพ่ตอบรับคำขอของเขา
“…”
ที่เลือกมิกซ์ก็เพราะว่าทางสู้ของพวกเขาเหมือนกันตัดสินใจเลือกมาด้วยเหตุผลเพียงแค่นั้นก็ยังรู้สึกลังเลอยู่ดี
ลังเลว่าจะไม่เป็นอะไรจริงๆ
อย่างนั้นหรือ?
“แค่ชนะให้ได้ก็พอแล้วล่ะน่า”
อิงศรพูดข่มตัวเองแบบนั้นแล้วชูไพ่ของมิกซ์ขึ้นไปด้านบน
“ไฮพีเรียลไลซ์!”
ไพ่เปล่งแสง
แสงสว่างเจิดจ้าแผ่ขยายออกมาโอบล้อมร่างกายทั้งหมด
รู้สึกได้ถึงตัวตนของมิกซ์ที่กำลังไหลเข้ามาในร่าง
ความทรงจำ
ความรู้สึก
ของที่ชอบ
ของที่เกลียด
คนที่สนใจ
คนที่ไม่อยากแยกจากไป
ทุกอย่างของมิกซ์กำลังไหลบ่าเทบ่าลงมา
เขากำลัง…จะกลายเป็นมิกซ์
“อารีเอสเอ็กเกรนาเด้!
(ARIES AEGRENADE)”
ปากตะโกนออกมาเองโดยอัตโนมัติ
บางทีอาจเป็นผลข้างเคียงจากการทำตามกฎของราหู
แต่แสงสว่างที่ห้อมล้อมก็ได้หายไปและตัวเขาก็กลายเป็นมิกซ์ที่อยู่ในสภาพไฮพีเรี่ยน
ตอนนั้นเอง
ราหูก็เคลื่อนไหวเช่นกันและแวบหนึ่งที่สายตาของอิงศรในร่างมิกซ์มองเห็นเข้า
มองเห็นรอยยิ้มอย่างเจ้าเล่ห์ผุดบนใบหน้าของมิธริล
“จัดการเลย!”
อิงศรพูดตะโกนแล้วบินทะยานไปข้างหน้าโดยมี
มิ่งขวัญ ลิเธียมกับแฟรนเซียมไล่ตามมา
นรินทร์กับเน็กส์จะคอยสนับสนุนจากด้านหลังทุกคนต่างรู้หน้าที่และตำแหน่งของตัวเอง
และนั่นคือกัญแจสู่ชัยชนะที่เริ่มจะเห็นเป็นรูปเป็นร่าง
ไพ่อาคานาร์ในมือราหูมีอยู่สองใบ
และ ไม่ได้อยู่ในร่างมังกร
จากประสบการณ์ที่ผ่านมาราหูต่อสู้โดยพึ่งพาไพ่พวกนั้นเป็นอย่างมากแทบจะไม่ได้ใช้พลังของตัวเองออกมาเลยหรือแม้แต่สกิลจากระบบเกมโลกาวินาศก็ไม่เคยได้เห็นมีความเป็นไปได้ว่าตัวราหูเองจะมีไพ่พวกนั้นเป็นความสามารถทั้งหมดของมันดังนั้นจึงมีข้อจำกัดเรื่องกฏของเกมที่ตั้งขึ้นมาใหม่ให้เหมือนกับรูปแบบเกมไพ่แบบนี้
ถ้าที่คาดเดาไว้นั่นถูกต้องขึ้นมาสภาพที่แทบจะไม่เหลือไพ่บนมือนั่นก็คือจุดอ่อนของมัน
อย่างไรก็ตาม
“รอยัลเซเบอร์”
มิธริลกล่าวร่ายสกิลพร้อมกับไถลมือไปบนตัวดาบที่กางออกเหมือนตรีศูลทำให้มันถูกห่อหุ้มด้วยแสงสว่างจนดูเหมือนดาบเลเซอร์
สกิลแบบเดียสกับมิ่งขวัญตอนนี้ก็ใช้อยู่
ลิเธียมกับแฟรนเซียมเร่งความเร็วขึ้นมาแซงอิงศรไปก่อนและเข้าถึงตัวมิธริล
แต่ก็ยังต้านรับเอาไว้ได้
มิธริลที่สู้แบบสองต่อหนึ่งดวลดาบกับสองคนที่สุดยอดนั่นได้อย่างสูสีหรืออาจจะเหนือชั้นกว่าด้วยซ้ำ
มิ่งขวัญจากโลกคู้ขนานคนนั้นเก่งถึงขนาดนั้นหรือว่านั่นเป็นชั้นเชิงที่มาจากฝีมือของราหูกันแน่
แต่อย่างไรเสียสิ่งที่ตัดสินผลแพ้ชนะในการดวลดาบนั่นก็คือพละกำลังล้วนๆ
เลยก็ว่าได้
ในขณะที่แฟรนเซียมกับลิเธียมออกกระบวนท่ามากมายเสริมความรุนแรงให้การฟันแต่มิธริลเพียงแค่ตวัดดาบเบาๆ
ก็สะท้อนดาบของทั้งสองคนกลับมาได้อย่างง่ายดาย
แล้วเมื่อมิธริลหวดดาบบ้างก็ตวัดดาบฟันกวาดกินระยะจนทั้งสองคนนั้นต้องใบ้ดาบรับเอาไว้และถูกแรงมหาศาลผลักกระเด็นกลับมาอย่างหมดท่า
ตอนนั้นเอง
อิงศรกับมิ่งขวัญก็แซงสองคนนั่นไป
“ระวังด้วยล่ะขวัญ”
“อา!”
มิ่งขวัญยังคงมุ่งหน้าวิ่งต่อไปข้างหน้าขณะที่อิงศรหยุดบินที่ระยะนี้พลางเริ่มยิงโจมตีเดี๋ยวนั้นเลย
เขาลั่นไกปืนลูกซองยิงกระสุนสีแดงอันเกิดจากการบีบอัดอมฤตภายในตัวปืนแล้วยิงออกไป
มิธริลตยัดดาบปัดป้องกระสุนเป็นพัลวัน
จนไม่มีสมาธิกับขวัญและเผลอเปิดช่องว่าง
มิ่งขวัญเข้าไปเกือบจะถึงตัวแล้วก็ไม่รอช้าแทงเรเปียออกไปพลางร่ายสกิล
“บริโอแน็ค!”
แสงที่ห่อหุ้มตัวดาบพุ่งยืดออกเหมือนกับยิงเลเซอร์
มุ่งหน้าไปที่ราวนมด้านซ้าย ขวัญตั้งใจจะเสียบหัวใจตัวเองจากโลกคู่ขนาน
ตัดสินใจทำได้โดยไม่ลังเลแม้จะกำลังลงดาบใส่คนที่หน้าเหมือนตัวเองก็ตามที
แต่ราหูก็ไม่ได้ง่ายขนาดนั้น
“ป้องกันด้วย
เวิร์สแอกเกรเซอร์แห่งตะวันสีดำแฟรนเซียมอัลเตอร์เอโก้”
มันโยนไพ่ใบหนึ่งออกมา
ไพ่ใบนั้นกลายเป็นแฟรนเซียมในรูปแบบ ‘ผู้รุกราน’
“นั่นมัน”
อิงศรจดจ้องมองร่างของผู้รุกรานตนใหม่
เขารู้สึกสังหรณ์ไม่ดีเอามากๆ และขณะเดียวกัน
“ชิ
ขนาดนี้แล้วเรอะ”
ก็ได้ยินเสียงของแฟรนเซียมดังมาจากด้านหลัง
ระหว่างนี้เองแสงจากเรเปียของมิ่งขวัญที่พุ่งไปเกือบถึงตัวมิธริลแล้วก็หยุดชะงักลงเสียก่อน
ราหูที่อยู่ในร่างมิธริลพูดต่อ
“การ์เดี้ยนสกิล
ทิ้งไพ่บนมือไปแล้วให้พล็อตอาร์เมอร์ทำงาน มิ่งขวัญการโจมตีของเธอจะไร้ผล”
ไพ่ใบสุดท้ายของราหูหายไป
“อ๊ะ”
มิ่งขวัญถูกพลังบางอย่างสะท้อนออกมา
ร่างกายลอยละลิ่วเหมือนถูกรถชนกระเด็นออกมาอย่างไรอย่างนั้น
“อั่ก”
“ขวัญ!”
อิงศรบึ่งทะยานเข้าไปรับตัวน้องชายไว้
ในระหว่างนั้นไพ่ของราหูก็...
“ตามด้วยไพ่ที่ทิ้งไปเมื่อกี้ก็คือคัมภีร์แห่งไนอลาโทเทปเพราะงั้นได้จั่วเพิ่มสามใบ”
เพิ่มจำนวนจากที่ใช้หมดไปแล้วเป็นสามใบ
“นี่ไพ่มันเพิ่มขึ้นมาอีกแล้วงั้นเรอะ”
อิงศรสบถระหว่างที่ช่วยพยุงตัวขวัญให้ลุกขึ้น
ราหูก็ส่งไพ่บนมือลงมาเพิ่มอีก
“เวิร์สแอกเกรเซอร์แห่งการแตกตัวโมนาช”
ผู้รุกรานตนนี้เป็นเมษาจากโลกคู่ขนาน
“สกิลทำงาน
รีเลชั่นชิฟอาร์ม เอาไพ่อุปกรณ์จากสำรับไปติดให้แฟรนเซียมอัลเตอร์”
ไพ่ใบใหม่ปรากฏขึ้นมาอีก
มิธริลจับไพ่นั่นแล้วขว้างไปทางแฟรนเซียมอัลเตอร์
“และนี่ก็คือไพ่ที่จะติดให้ดาบมารแห่งจุดจบอาซี-ซาฮาค”
พริบตาที่ไพ่ระเบิดออกดาบสีดำมะเมื่อมก็บินไปสอดใส่มือของแฟรนเซียมอัลเตอร์
“นั่นมัน…”
แฟรนเซียมพูด
“อาซี-ดาฮาคา...จะมางั้นเรอะ”
อิงศรเองก็จำมันได้เช่นกัน
นั่นคือดาบที่สามารถกลายเป็นมังกรดำซึ่งเคยสร้างความยากลำบากให้พวกเขามาหลายครั้งในสมัยที่ยังเป็นปฏิปักษ์กับแฟรนเซียมทางฝั่งนี้
“อาซี-ซาฮาค มีสกิล ดราโกโซลูชั่น (Dragosolution) เงื่อนไขที่ทำให้ไพ่อุปกรณ์กลายร่างเป็นมังกรเงื่อนไขที่หนึ่งมีเวิร์สแอกเกรเซอร์สองใบขึ้นไป
ดราโกโซลูชั่นสกิลทำงาน ซอร์ดเซอร์ไวดาบมังกรมารแห่งจุดจบอาซี-ดาฮาคา!”
เมื่อราหูพูดผ่านมิธริลเสร็จ
ดาบในมือแฟรนเซียมอัลเตอร์ก็เปลี่ยนรูปร่างเป็นขั้นที่สอง
ดวงตานับร้อยเบิกขึ้นบนตัวดาบแต่ละท่อน
“จากนั้นดราโกโซลูชั่นสองทำงานเงื่อนไขคือเมื่อมีไพ่บนมือน้อยกว่าสามใบลงไป
ดราโกโซลูชั่นสองชั้น ซอร์ดไดรฟ์ อสูรมังกรเทวะแห่งจุดจบ อาซี-ดาฮาคา-ดาเอวา!”
แฟรนเซียมตวัดดาบออกตามคำสั่งนั้น
ตัวดาบแยกออกเป็นท่อนๆ สร้างโพรงมิติแล้วมุดเข้าไป แล้วก็มุดออกมา สร้างโพรงมิติมากมายไปทั่วไปบริเวณรอบๆ
นั้น
โซ่ที่เชื่อมดาบไว้ด้วยกันปูดบวมแล้วตัวดาบทั้งหมดก็ปูดบวมด้วย
รูปร่างเปลี่ยนแปลงไปอย่างพิลึกพิลั่นดาบเต้นตุบๆ
ราวกับก้อนเนื้อและกลายเป็นหัวมังกรดำหลายสิบตัวมุดออกมาจากโพรงมิติมากมายเหล่านั้น
ราหูสั่งให้ดาบนั่นเปลี่ยนแปลงร่างอย่างต่อเนื่อง
“ไม่จบแค่นี้หรอกนะตามด้วยขั้นที่สาม
ดราโกโซลูชั่นสามชั้น มังกรสัมบูรณ์กาลอาซี-ดาฮาคา-อหุราคา!!”
แฟรนเซียมโยนด้ามดาบที่จับขึ้นไปในอากาศ
ดาบพองตัวขยายจนกลายเป็นทรงกลมสีดำเปล่งรัศมีแสงราวกับดวงตะวัน
ดวงตะวันสีดำสนิท
ดวงตะวันที่ถูกคราสกลืนกิน
ดั่งราหู....
มิธริลกล่าว
“พลังของอหุราคาพวกเธอที่เคยเผชิญกับมันมาแล้วคงจะเข้าใจดีสินะ”
มันก็ต้องเข้าใจอยู่แล้ว
เข้าใจว่าเจ้านั่นคือขวากหนามที่ใหญ่เอามากๆ
ตราบใดที่มีมันอยู่การโจมตีของพวกพ้องที่ไม่ได้ไฮพีเรียลไลซ์จะผ่านเกล็ดดำของมังกรพวกนั้นเข้าไปได้รึเปล่าก็ไม่รู้
หัวมังกรยังเพิ่มจำนวนออกมาเรื่อยๆ
จำนวนนั้นแทบจะถมอาณาบริเวณที่ราหูกับสมุนยืนอยู่ทั้งหมด
“เดี๋ยวฉันจัดการเอง”
อิงศรพูด
ตอนนี้มีแต่เขาที่อยู่ในร่างไฮพีเรี่ยนของมิกซ์เท่านั้นที่จะจัดการมังกรดำตัวเกะกะพวกนั้นได้
เขาบินขึ้นไปหามุมเหมาะๆ
สำหรับยิงถล่มกลุ่มก้อนมังกรสีดำนั่น
เมื่อได้มุมแล้วจึงสอดแขนทั้งสองข้างผ่านสายคล้องแขนที่ยึดกับปืนเรลกันที่ต่อมาจากแบ็กแพ็คข้างหลัง
“ไซเบอร์อายยูนิทแอคทิเวท”
แว่นโฮโลแกรมเปิดขึ้นมา
หน้าจอช่วยควบคุมการสั่งยิงเรลกันที่ตอบสนองต่อความคิดจากสมองโดยตรงกำลังเล็งเป้าโดยอัตโนมัติ
“โซเดียอิมแพค
โซเดียเดสเพอราโด้บลาสเตอร์!”
อิงศรลั่นไกปืนพกทั้งสองมือขณะเดียวกันก็สั่งให้เรลกันที่ห้อยกับแขนยิงออกไปพร้อมๆ
กันด้วย
กระสุนอมฤตยิงออกไปอย่างต่อเนื่อง
อนุภาพของมันสามารถทำลายมังกรดำได้ในนัดเดียว
พริบตาเดียวบรรยากาศที่เคยทับถมไปด้วยมังกรดำก็ถูกปัดเป่าหายไปหมดจด
ไม่มังกรดำเหลืออยู่อีกต่อไป
อิงศรยิงกระทั่งดวงตะวันดำที่ลอยอยู่ข้างบนจนมันพรุนเป็นรังผึ้งก่อนจะแตกสลายหายไป
ตอนนั้นเอง
“ดุเอาไว้ซะนี่คือผู้ก่อตั้งลำดับแรกสุดของเหล่ามังกรด้านลบทั้งเก้า
ไฮพีเรียลไลซ์”
ราหูก็ประกาศขึ้นมาพร้อมกับถือไพ่ใบหนึ่งชูขึ้นเหนือศีรษะ
ดูเหมือนว่าอาซี-ดาฮาคาจะเป็นเพียงนกต่อดึงความสนใจระหว่างที่เตรียมแผนถัดไปมาเล่นงานพวกเขา
ไพ่นั่นปลดปล่อยแสงสว่างที่แหกกฎของกาล-อวกาศมาเปลี่ยนร่างของมิธริลเป็นมังกร
ร่างมังกรกึ่งมนุษย์
เกล็ดเงางามเหมือนโลหะมีสีดำสนิท
สวมเสื้อเกราะอ่อนที่ถักเป็นตาข่ายแล้วห่มทับด้วยชุดที่เหมือนกับนินจา
กังหันสีดำขนาดใหญ่ยักษ์หมุนกวัดแกว่งอยู่เบื้องหลัง
“ดาราจุติมังกรเร้นกายแห่งขอบฟ้าเหตุการณ์ปี้ซี่
(Star-Vatar Schwarzschild Stealth
Dragon, Bixi)”
มังกรพูด
“เมื่อเจ้าได้เห็นขอบฟ้าแห่งเหตุการณ์นั่นคือสัญญาณ…”
แล้วจึงประสานมือเข้าด้วยกันพลางกล่าว่า
“ชวาสชิลด์คาเงะ
ซันโจว! (ปรากฏกาย) หายไปจากหน้าของข้าซะผู้ต่อต้านเอ๋ย”
มังกรชี้ตรงมาที่แฟรนเซียม
เพราะว่ามิธริลไฮพีเรียลไลซ์
สกิลที่เคยใช้เห็นก่อนหน้านี้ก็เลยทำงานมันจะขังหนึ่งในพวกเราไว้ในกังหันดำ
แฟรนเซียมคือเป้าหมายที่ว่า
“อีกแล้วเรอะ”
เจ้าตัวสบถไม่ทันขาดคำ
วินาทีถัดมาร่างกายของแฟรนเซียมก็หายไป
ถูกทำให้กลายเป็นไพ่แล้วกักขังไว้ในกังหันเพลิงสีดำ
ดูเหมือนราหูจะมีเหตุผลบางอย่างที่พยายามกีดกันแฟรนเซียมออกไปจากสนามรบอยู่เสมอ
เหตุผลที่ทำแบบนั้นคืออะไร?
บางทีมันอาจจะมีทางออกสำหรับการแก้ปัญหาที่น่าวิตกนี่อยู่ในนั้น
“….”
อิงศรพยายามคิดแต่ก็ไม่เข้าสาเหตุที่ทำแบบนั้นนอกเสียจากว่าแฟรนเซียมแค่มีพลังพอให้พึ่งพาได้มากที่สุดนอกจากเขากับออร์ฟี่ที่จะไม่ถูกขังในกังหันดำได้
เหตุผลง่ายๆ
ที่เป็นแค่การกีดกันตัวเกะกะออกไปเพียงเท่านั้นไม่ได้ซับซ้อนอะไรมากกลับเป็นเหตุผลที่ยอมรับได้มากที่สุด
“อย่าเพิ่งชะล่าใจไปเมื่อพวกเจ้าถูกเทิร์นออฟ
สกิลของข้าก็จะทำงาน”
ดวงตาของมังกรเปล่งแสงสว่างวาบออกมา
“วิชานินจาขอบฟ้าเหตุการณ์เนตรแห่งผู้ปกครอง
ชิไฮ! (บงการ)”
แสงสว่างนั่นส่องข้ามหัวพวกเขาไปยังด้านหลัง
ไปทางที่เน็กส์ยืนอยู่
“หวา”
เด็กชายหลบไม่ทันจึงยกมือขึ้นป้องกันตัวเองตามสัญชาตญาณ
แสงสว่างเล้าโลมร่างของเขาแต่ไม่ได้ทำอันตราย
แต่ท่าทีของเน็กส์เริ่มเปลี่ยนไปตั้งแต่ที่โดนแสงนั่นฉายใส่
แล้วมังกรก็เริ่มออกคำสั่ง
“บงการ!
เน็กส์โจมตีไปที่อิงศร”
“รับทราบ....”
เน็กส์ตอบรับคำสั่งของมังกรแล้วออกวิ่ง
“น...เน็กส์ถูกเจ้านั่นควบคุมอยู่!”
นรินทร์แจ้งสถานการณ์ให้ฟัง
แต่ก็ไม่รู้ว่าจะหยุดอย่างไรอยู่ดี
เน็กส์ร่ายสกิลพร้อมกับหันไม้เท้าไปที่อิงศร
“มหาวาโย”
ร่ายสกิลสร้างดาบเวทและควบคุมสายลมให้พัดโถมไปที่นั่น
“ชิ”
อิงศรตั้งใจจะหลบ
แต่มังกรก็พูดขัดเอาไว้ว่า
“ถ้าไม่ยอมโดนโจมตีเด็กคนนั้นก็จะไม่หลุดออกไปจากการบงการของข้า”
“ว่าไงนะ!”
ถ้าอย่างนั้นมีแต่ต้องรับการโจมตีนี้เหรอ
มหาวาโยไม่ใช่ท่าที่มีความรุนแรงมากถ้ารับเอาไว้คงไม่ถึงตาย
เทียบกับหลบแล้วเน็กส์ใช้ท่าที่ใหญ่ขึ้นกว่าเดิมมาอีกจะลำบาก
อิงศรคิดว่าจะรับการโจมตีนี้ไว้
“ขอโทษนะมิกซ์”
แล้วตั้งการ์ดแขนป้องกันส่วนใบหน้ากับหน้าอกที่มีหัวใจ
“ถ้างั้นพวกเราก็โจมตีเจ้านั่นตอนนี้เลย”
ลิเธียมเสนอแผน
“อ้า!”
มิ่งขวัญตอบรับแล้วพุ่งออกไปพร้อมๆ
กัน
แต่แฟรนเซียมอัลเตอร์ก็เข้ามาขวางทางไว้
“ตัวปลอมของท่านลำดับที่หนึ่ง”
ลิเธียมพูดพลางแทงดาบ
เล็งที่หัวใจ
แต่แฟรนเซียมอัลเตอร์ก็ชักดาบเลเซอร์สีแดงที่เคยมีแต่ด้ามดาบเหน็บอยู่ที่เอวขึ้นมาฟันสวนกลับฝ่ายนั้นออกท่วงท่าได้เร็วกว่าทั้งที่ฟันออกมาทีหลัง
ลิเธียมไม่มีทางเลือกนอกจากถอยฉากออกมา
มิ่งขวัญที่ไล่ตามมาก็พลอยต้องหยุดตามไปด้วย
เป็นเวลาเดียวกับที่อิงศรรับการโจมตีพอดี
“อึก”
ดาบเวททะลวงผ่านร่างไปความรู้สึกราวกับถูกฉีกร่างเป็นชิ้น
ความเจ็บปวดแล่นแปลบปลาบไปทั่วร่าง
รู้สึกเหมือนสติจะหลุดลอยออกไปแต่ร่างไฮพีเรี่ยนของมิกซ์กลับคลายออกและทำให้ความเจ็บปวดเมื่อครู่หายไปเหมือนไม่เคยเกิดขึ้น
ไพ่ของมิกซ์ที่หลุดออกมาจากตัวเขาแตกเป็นผุยผงไปต่อหน้า
มิกซ์ถูกส่งไปอยู่รวมกับพวกพ้องคนก่อนๆ
แล้ว
“อึก...ขอโทษ”
อิงศรกลืนความเสียใจลงไปแล้วกลั้นใจหยัดตัวลุกขึ้น
ตอนนี้ไม่มีเวลามานึกเสียใจที่ทำอะไรลงไปแล้ว
เพราะถ้าไม่ทำอะไรเลยคงจะต้องเสียใจยิ่งกว่านี้
“วิชานินจาขอบฟ้าเหตุการณ์
ชวาสชิลด์จุสสุ แยกร่างผ่ามิติ!”
จู่ๆ
มังกรประสานมือแล้วแยกร่างออกเป็นสามร่างด้วยกัน
“อะไรกัน”
แค่ตัวเดียวก็จะแย่อยู่แล้ว
อิงศรนึกอย่างสิ้นหวังแต่ก็ฝืนสู้ลั่นไกหน้าไม้ยิงออกไปด้วยความหวังว่าจะทำอะไรมันได้บ้าง
แต่มังกรทั้งสามตัวนั้นหลบได้อย่างง่ายดาย
ทั้งที่มันตัวใหญ่ดูอุ้ยอ้ายจนไม่น่าจะเคลื่อนไหวได้อย่างละเอียดอ่อนถึงปานนั้น
มังกรดึงกังหันดำที่หมุนกวัดแกว่งอยู่เบื้องมันออกมาขว้างต่างดาวกระจาย
ดาบกระจายยักษ์สามอันหมุนควง
ติ้วๆ วนไปรอบๆ พวกเขาราวกับมองหาเหยื่อ
อิงศรพยายามยิงให้มันร่วงแต่ลูกดอกมีพลังไม่พอต่อให้ยิงโดนก็ถูกกังหันดาวกระจายพัดสะท้อนออกมาอยู่ดี
ดาวกระจายยักษ์หักเลี้ยวเองราวกับใช้เวทมนตร์และพรากนรินทร์กับเน็กส์ไป
“นรินทร์
เน็กส์!”
ทั้งสองไม่มีเวลาได้เตรียมใจหรือแม้แต่จะป้องกันตัวเอง
ทุกอย่างเกิดขึ้นเร็วมากเสียจนตั้งตัวไม่ทัน
เกิดขึ้นเร็วเสียจนอิงศรไม่มีเวลาได้ระวังตัวเอง
“อะ...”
ดาวกระจายที่เหลืออีกหนึ่งกำลังมุ่งหน้ามาทางนี้
“ไม่ยอมให้ทำได้หรอก”
แส้ใบมีดของออร์ฟี่แทงดาวกระจายจากด้านข้างและฉีกมันออกจากกันเหมือนฉีกกระดาษ
“โทษทีคนอื่นผมช่วยไม่ทัน”
ออร์ฟี่พูดด้วยใบหน้าเหมือนสำนึกผิด
ทั้งที่มันไม่ใช่ความผิดของหมอนี่เลย
“ไม่ใช่ความผิดของนายอย่าใส่ใจเลย
พวกเราต้องเอาชนะราหูแล้วช่วยทุกคนคิดแค่นั้นก็พอ”
“อืม
ถ้างั้นผมจะคลายผนึกให้แฟรนเซียมก่อน”
“แต่ว่าถ้าคลายออกจะเกิดเรื่องแบบตอนนั้นรึเปล่า”
เหมือนกับตอนที่คลายผนึกให้ขวัญกับกวินทร์
หลังจากนั้นทันทีทั้งสองก็ถูกควบคุมด้วยสกิลของศัตรูและหันมาเล่นงานพวกเดียวกัน
หวังว่าออร์ฟี่จะไม่ได้ลืมเรื่องนั้น
“ก็จริงที่ว่าพวกเราโดนเล่นงานแบบนั้นมาแล้วแต่ผมสังเกตมาซักพักแล้วล่ะ
ต่อไพ่หนึ่งใบที่ราหูใช้อัญเชิญมาจะมีสกิลอยู่ประมาณสองสกิลมังกรตัวล่าสุดนี่ใช้สกิลครั้งแรกคือบงการเน็กส์
ครั้งที่สองก็แยกร่างออกมา”
“นายจะบอกว่าตัวที่ทำแบบตอนนั้นได้ไม่ใช่มังกรทุกตัวสินะ”
“แล้วจะลองเสี่ยงดูไหมล่ะ”
เดิมพันของออร์ฟี่คุ้มค่าเสี่ยงอยู่เหมือนกัน
ถ้าปลดปล่อยแฟรนเซียมออกมาได้ก็จะได้กำลังเสริมที่แข็งแกร่งมาใช้ทันทีซึ่งตอนนี้เป็นจังหวะดีที่สุดที่จะโจมตีราหูเพราะว่ามันได้ใช้สกิลไปทั้งหมดแล้วในร่างมังกรนี้รวมถึงไพ่ในมือก็เหลืออยู่แค่ใบเดียว
แต่ถ้าเกิดว่าเดาผิดขึ้นมาล่ะ?
ด้วยพลังของแฟรนเซียมคงไม่จบแค่เจ็บตัวเฉยๆ
แน่
“เอาไงดีอิงศร”
“….”
“ถ้างั้น....”
“ทำไปเลยออร์ฟี่เราจะเดิมพันกับความคิดของนาย”
ออร์ฟี่หันมายิ้มเจื่อนๆ
ให้คงคิดว่านี่มันบ้ามากสินะ ก็ขนาดตัวเองยังคิดเลยว่ามันบ้าบิ่นเอามากๆ
แต่ไม่มีทางเลือกอื่นแล้ว
“ปลดพันธนาการ”
ออร์ฟี่ร่ายสกิลปลดกังหันดำที่คลุมไพ่ของแฟรนเซียมออก
จากนี้จะเข้าสู่การเดิมพัน…
“สบายใจได้ปี้ซี่ไม่มีสกิลเมื่อเทิร์นออฟถูกปลดคราวนี้ถือว่าตัดสินใจได้ดี”
ราหูพูดแทรกมาแบบนั้น
แฟรนเซียมกลับมาแล้ว
หน้าตายู่ยี่เล็กน้อยบ่งบอกว่ากำลังหงุดหงิด
คงเพราะโดนทำเป็นเหมือนของเล่น
เหมือนเป็นนกกุ๊กกรูที่ออกมาร้องแปบเดียวก็กลับเข้านาฬิกา
แต่ว่าเดิมพันสำเร็จพวกเขาเสริมกำลังพร้อมแล้ว
“ฟูขอยืมพลังหน่อยนะ”
อิงศรเลือกเอาไพ่ของฟูขึ้นมา
ตอนนี้นอกเหนือจากฟูแล้วคนที่ยังไฮพีเรียลไลซ์ได้ก็เหลือแต่ มีนา พลอยและนิว
ถ้าจะให้ใช้ร่างของผู้หญิงคงต่อสู้ได้ไม่เต็มที่จะต้องจบศึกนี้ในการบุกคราวนี้เท่านั้น
“ว่าแต่พี่ศรเคยแกว่งค้อนหรือเปล่า”
เสียงของฟูดังออกมาจากไพ่
ดูเหมือนจะไม่ค่อยมั่นใจนัก
“อย่างน้อยฉันก็ใช้เวทมนตร์ไม่เป็นแหละน่า”
“จะว่าไปที่เหลือก็มีแต่พวกสเปลเลอร์หมดเลยนี่นา”
“ถ้างั้นจะเริ่มล่ะนะ”
“โอเค”
“ไฮพีเรียลไลซ์!”
อิงศรแนบไพ่ลงบนหน้าผากตัวเอง
ไพ่เปล่งแสงที่บิดเบือนกาล-อวกาศออกมาห้อมล้อมเขา
แล้วเปลี่ยนร่างเป็นฟูไฮพีเรี่ยน
“สกอปิโบอาร์ม! (SCORPIBOARM)”
***มาถึงตรงนี้คิดว่ารีดอาจจะเริ่มเดาๆกันแล้วว่าไรท์กะจะยืดตอนให้ราหูมันใช้มังกรครบเก้าตัวเลยรึเปล่า
คำตอบเอาเป็นอีกไม่เกินสามหรือสี่ตอน(กะไม่ถูกเหมือนกันว่าจะปั่นได้เร็วขนาดไหน) น่าจะถึง
‘ตอนจบ’ แล้วครับโอเมก้าาา
ลองเอาไปเดากันดูว่าจะออกครบเก้าตัวหรือจะตัดจบกันแน่หรือจะหักมุมอีกแล้วอุ๋งอิ๋ง
( >w<)!
อิงศร: ทำไมต้องเน้นคำว่า ‘ตอนจบ’ ด้วยล่ะ
ไรท์โอเมก้า: ความลับน่ะอุ๋งอิ๋ง
อิงศร: (เหล่ตามองด้วยความรู้สึกเคลือบแคลง)
ไรท์โอเมก้า:
อ๊ะเมื่อกี้บรรยายเหมือนอยู่ในนิยายเลยอ่ะไม่เป็นภาษาพูดเอาซะเบย
อิงศร: ก็พอกันล่ะน่านาย
ไรท์โอเมก้า: โอเมก้า!!!!
ตอนต่อไปน่าจะลงวันอาทิตย์นี้ถ้าทันล่ะนะ =w=’ ***
ความคิดเห็น