คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #294 : Extra Log 290: พิธีกรรมไมสเตอร์ดูเอล (Meister Duel)
Extra
Log 290: พิธีกรรมไมสเตอร์ดูเอล (Meister Duel)
หลังจากใช้เวลาเดินทางและฆ่าผู้รุกรานที่มาขวางทางไปร่วมสิบนาทีตั้งแต่เริ่มแปลงร่างด้วยไฮพีเรียลไลซ์
ตลอดทางเป็นหนทางคับแคบที่มุ่งลงไปยังใต้ดิน
ฐานทัพของราหูแผ่กว้างอยู่ใต้ดินของรากแห่งอาคาชิก
แล้วตอนนี้สถานที่ตัดสินก็อยู่ข้างหน้านี่เองเนื่องจากเส้นทางเริ่มจะกว้างขวางมากขึ้น
พอบินต่อได้อีกซักพักเส้นทางด้านหน้าก็เปิดกว้างเป็นอย่างมาก
ดูเหมือนจะมีห้องโถงขนาดใหญ่อยู่ข้างหน้า
“ข้างหน้าเป็นทางออก!”
แฟรนเซียมพูดมาจากด้านหลัง
ถึงตรงนี้เมื่อออกไปยังห้องโถงแล้วจะเกิดช่องว่างที่ฝั่งพวกเขา
ศัตรูที่ซุ่มดักรออยู่สามารถโจมตีเข้ามาได้ทันที
มิ่งขวัญเร่งความเร็วไล่ตามขึ้นมาแล้วล้ำหน้าอิงศรที่อยู่ข้างหน้าสุดไปเล็กน้อยพลางตั้งโล่ที่แขนซ้ายขึ้นหวังจะช่วยอุดช่องว่างของพี่ชาย
ขณะเดียวกันกวินทร์ก็ตามมาด้วยพร้อมกับดาบคู่ที่เคลือบไว้ด้วยหินผลึกสีเขียวนั่นคือการเตรียมการเพื่อใช้สกิลสายป้องกันรุ่นน้องเองก็ปรารถนาจะช่วยอุดช่องว่างที่เหลือไปด้วย
โดยที่ไม่ต้องสื่อสารกันทุกคนเพียงแต่ทำหน้าที่ของตนเอง
ที่ด้านหลังอิงศรรับรู้ได้ว่าคลื่นจากอมฤตกำลังขยายตัวแฟรนเซียมกับคนอื่นๆ เตรียมตัวโจมตีทันทีที่ออกไปได้
เขาก็เหมือนกัน
อิงศรพับปีกให้ลู่ด้านหลังแล้วปืนใหญ่ก็ดันออกมาพาดตรงกับหัวไหล่
พวกเขาบินออกจากอุโมงค์แล้วสถานที่ตัดสินก็แผ่กว้างสู่สายตา
เพดานสูงราวกับจะไม่จบสิ้น
ผนังและพื้นก็อยู่ไกลจนมองไม่เห็นเส้นขอบ
รอบด้านทั้งหมดคือความมืดสีดำที่พราวพรายไปด้วยประกายแสงสว่างเล็กๆ
ราวกับดวงดาว
ราวกับอวกาศ
“มากันแล้วเหรอ”
มีเสียงดังขึ้นมาจากทางด้านล่าง
พวกเขาจึงก้มหน้ามองลงไป
ที่นั่นมีเก้าอี้หินที่ถูกเจาะรูพรุนไปทั่วราวกับก้อนอุกกาบาต
มีชายคนหนึ่งนั่งอยู่บนนั้น
ชายผิวเข้ม
ผมยาวหยิกสีดำ
โดยปกติแล้วผู้ชายคนนี้จะสวมผ้ากันเปื้อนสีเขียวที่มีโลโก้ร้านกาแฟอยู่ด้วยแต่วันนี้ไม่ได้ใส่เลยเพิ่งได้ยลเห็นเสื้อเชิ้ตสีเทากับกางเกงขาสั้นที่อยู่ข้างใต้ผ้ากันเปื้อนเป็นครั้งแรก
“อีคริปส์”
คือชื่อของชายคนนั้นเจ้าของร้านกาแฟที่เขารู้จักแต่ว่าตัวจริงก็คือ
“ไม่สิ ราหู”
พออิงศรพูดไปแบบนั้นปืนที่หัวไหล่ก็คำราม
เขาไม่คิดจะรอให้อีกฝ่ายได้เคลื่อนไหวหรอก
ทุกอย่างมันติดสินชัดเจนไปแล้วว่าพวกเขามาที่นี่เพื่อฆ่ามันดังนั้นไม่จำเป็นต้องพูดคุยกันอีกแล้ว
“โซเดียราโอ!”
ลำแสงพุ่งทะยานไปหาราหูที่นั่งอยู่แต่ที่เขาทำเพื่อตอบโต้การโจมตีฉับพลันของอิงศรก็เพียงแค่โยนไพ่อาคานาร์ออกมา
“เวิร์สแอกเกรซเซอร์แห่งโล่เหล็กไหลเซ็นจิน”
ไพ่นั้นระเบิดออกแล้วผู้รุกรานที่เป็นเด็กหนุ่มถือโล่เหล็กอันใหญ่เท่าตัวก็โผล่มาขวางลำแสง
“กำลังรออยู่เลยอิงศรมาเล่นเกมสุดท้ายกับข้าแล้วสินะ”
ราหูลุกจากที่นั่งแล้วเดินออกมาข้างหน้า
ตอนนั้นเองที่คนอื่นๆ
กำลังจะปลดปล่อยการโจมตีบ้าง
“เอาล่ะนะ!”
มิ่งขวัญตะโกนบอกเหล่าร่างแยกของตัวเองที่ใช้โซเดียมิราจแยกออกมาเป็นมิ่งขวัญที่ติดปีกแบบเทวทูตและมิ่งขวัญที่ติดปีกแบบปีศาจ
ทั้งสามคนตั้งกระบวนทัพเป็นรูปสามเหลี่ยมโดยที่มิ่งขวัญตัวจริงอยู่มุมตรงกึ่งกลางระหว่างทั้งสอง
ช่องว่างใจกลางสามเหลี่ยมจะอยู่เหนือหัวของราหูพอดี
ราหูแหงนหน้ามองดูอย่างไม่สะทกสะท้านพลางก็พูดต่อ
“เห็นสนามต่อสู้นี่แล้วรู้สึกยังไงบ้างล่ะข้าเตรียมมันไว้สำหรับเกมที่จะเล่นกับเธอโดยเฉพาะเลยนะอิงศร”
โดยไม่คิดแม้แต่จะหลบหรือหลีกหนี
เมื่อมิ่งขวัญทั้งสามคนตั้งโล่ที่แขนซ้ายหันไปยังกึ่งกลางสามเหลี่ยมโดยพร้อมกันโล่ก็เปล่งแสงสว่างแล้วยิงเส้นแสงแยกเป็นสองทางไปบรรจบกับแสงจากโล่ที่อยู่แต่ละฝั่งทำให้เกิดกรอบรูปสามเหลี่ยมขึ้นมา
“โซเดียอิมแพคไตรสตาร์เอ็กซ์สปาร์ค!
(Tri-Star X Spark) ”
เกิดแสงประจุไฟฟ้าก่อตัวขึ้นที่กลางสามเหลี่ยม
แสงคงรูปเป็นกากบาทหรือตัวอักษรเอ็กซ์ขนาดใหญ่พุ่งดิ่งใส่ราหู
ขนาดของตัวเอ็กซ์นั่นสามารถกลืนสนามฟุตบอลทั้งสนามได้
ราหูไม่มีทางหลบในระยะกระชั้นชิดขนาดนั้นพ้น
แต่เจ้าตัวก็ไม่ได้คิดจะหลบอยู่ดี
ผู้รุกรานที่ชื่อเซ็นจินที่ถูกเรียกออกมาย้ายเข้าไปกำบังให้ราหู
โล่ต้านการโจมตีของมิ่งขวัญได้ก็จริงแต่เหมือนจะยันเอาไว้ไม่อยู่
เซ็นจินถูกดันลงไปจนแผ่นหลังเกือบจะชนราหู แต่การโจมตีก็สิ้นสุดลงเสียก่อน
“การป้องกันนั่นมันอะไรกันน่ะ”
มิ่งขวัญเบ้หน้าเพราะนั่นเป็นการทุ่มโจมตีด้วยพลังทั้งหมดที่สะสมไว้ตั้งก่อนจะออกจากอุโมงค์มา
ราหูพูดตอบคำถามนั้น
“พล็อตอาร์เมอไงล่ะเป็นสกิลป้องกันสมบูรณ์แบบเซ็นจินก็คือเน็กส์ที่อยู่ในอีกโลกคู่ขนานหนึ่ง”
ระหว่างที่พูดราหูดึงตัวเซ็นจินเข้าไปใกล้แล้วเลิกผ้าปิดตาของผู้รุกรานออก
ดวงตาที่คุ้นเคยของพวกพ้องปรากฏอยู่บนใบหน้านั้น
แววตาที่เคยไร้เดียงสาแต่มีความทะเยอทะยานที่เคยรู้จักนั้นบนใบหน้าของผู้รุกรานกลับกลายเป็นดวงตาที่สิ้นหวังและเคียดแค้น
มันเหมือนกับเน็กส์ที่เติบโตขึ้นเปลี่ยนแปลงไปจากเด็กที่พวกเขารู้จัก
เปลี่ยนไปมากจนทำให้พวกเขาถึงกับผงะหยุดการโจมตีลงมา
ราหูยิ้มเยาะให้กับปฏิกิริยานั่น
“ที่โลกคู่ขนานนั้นเน็กส์คนนี้ต่อสู้โดยคาดหวังจะได้รับการยอมรับจากพวกพ้องแต่สุดท้ายแล้วเพราะเด็กคนนี้พยายามมากเกินไปแบกรับความคาดหวังมากเกินไปจนกระทั่งตัวเองแตกสลาย
ชีวิตในบั้นปลายเมื่ออายุสิบห้าคู่ต่อสู้ที่ได้สู้อย่างมีเกียรติแบบที่ตัวเองปรารถนาดันหลายเป็นมิ่งขวัญคนนั้นแล้วก็ถูกพี่ชายที่ตัวเองนับถือคนนั้นฆ่าตายกับมือจนกลายเป็นผู้รุกรานแบบนี้น่าเศร้าใช่ไหมล่ะ”
“โกหก
ฉันไม่มีวันทำแบบนั้นกับเน็กส์”
มิ่งขวัญตะคอกกลับไป
ไม่รู้ว่าเจ้าตัวรู้รึเปล่าว่าคนที่ราหูกล่าวถึงคือตัวเองในโลกอีกใบที่ไม่เหมือนกับตัวเองในตอนนี้
แต่อิงศรเองก็ไม่คิดจะเชื่อคำพูดนั้นเช่นกัน
เพราะมิ่งขวัญจากโลกคู่ขนานคนนั้น
มิ่งขวัญคนนั้นเสียสละตัวเองเพื่อช่วยพวกเขาไว้เมื่อคราวก่อนจะต้องไม่ใบ่คนไม่ดีอย่างที่ราหูกำลังบอกถ้าอย่างนั้นแล้วคงมีสาเหตุอื่นที่ทำให้เรื่องที่มันเล่ามาเกิดขึ้นจริงในโลกใบนั้น
ในโลกที่น่าจะโหดร้ายและน่าเศร้ากว่าตอนนี้
ความจริงปรากฏขึ้นเมื่อเซ็นจินที่นิ่งเงียบมาโดยตลอดเปิดปากพูดให้ได้ยินเป็นหนแรก
“ผมสู้มาโดยตลอดตั้งแต่ที่พวกเราเสียพี่ศรไปแล้วพี่ขวัญขึ้นมาแทนที่”
“เน็กส์…”
มิ่งขวัญพูดตอบรับต่อเสียงของเซ็นจิน
อิงศรก็ค่อนข้างจะเห็นด้วยว่านั่นคือเน็กส์จริงๆ
ทั้งน้ำเสียงทั้งวิธีพูดเหมือนกันไปหมด
สายตาของเซ็นจิน
บ่งบอกว่าเคียดแค้นต่อคนที่กำลังจ้องมองอยู่ เน็กส์คนนั้นจ้องมองมิ่งขวัญด้วยสายตาราวกับจะกินเลือดกินเนื้อ
“แต่พี่ไม่เคยเห็นหัวผมเลย!”
เขาเปลี่ยนเป็นตวาดด้วยความโกรธ
“พี่ไม่เคยสนใจใคร
ไม่เคยเห็นใครในสายตา พี่เอาแต่ตัวเองคนเดียว”
จากนั้นน้ำเสียงก็ค่อยลดเบาลงเป็นเสียงติดสะอื้นเหมือนเกือบจะร้องไห้
“ผมทนพี่ที่เป็นแบบนั้นไม่ไหวทนเห็นพี่ทำร้ายทุกคนด้วยความเห็นแก่ตัวแบบนั้นไม่ได้ผมเลยท้าให้สู้กันเพื่อจะช่วยทุกคนแล้วพี่ก็แทงผมด้วยหอกที่ใช้ดูต่างหน้าพี่ศร
พี่ฆ่าผมทำไม”
เซ็นจินหยุดคำพูดไว้เพียงเท่านั้นแล้วดึงผ้าปิดตาที่ถูกเลิกขึ้น
ลงมาปิดซ่อนดวงตานั่น
“…”
“…”
ไม่ใช่แค่ขวัญที่อึ้งเงียบอยู่คนเดียวแต่อิงศรก็รู้สึกไม่ต่างกัน
ทั้งที่ยังคิดอยู่เลยว่านั่นเป็นการแสดงเพื่อหวังทำลายขวัญกำลังใจแต่มันก็สมจริงเอามากๆ
จนรู้สึกสนใจใคร่รู้ขึ้นมาว่ามันเกิดอะไรขึ้นในโลกคู่ขนานนั้น
แต่ตอนนั้นเองราหูก็ทำให้เซ็นจินกลับคืนสภาพเป็นไพ่แล้วมันก็สลายหายไปจากตรงนั้น
“รับนี่ไปสิ”
ราหูขว้างบางอย่างมา
น่าอายที่ตัวเองเคลื่อนไหวตามคำพูดของอีกฝ่ายทั้งที่ตอนนี้เปิดช่องว่างและมีสิทธิ์ที่ของซึ่งขว้างมาจะเป็นระเบิดหรืออะไรที่ใช้ฆ่าพวกเขา
แต่อิงศรก็ยังเข้าไปรับสิ่งของนั้นเอาไว้
เพราะว่าเขารู้สึกสังหรณ์บางอย่าง
สังหรณ์ว่าถ้าไม่รับเอาไว้จะต้องเสียใจในภายหลัง
“นี่มันอะไร”
“อุปกรณ์สำหรับเล่นเกมนี้ไงล่ะ”
พอได้ยินแบบนั้นอิงศรก็มองสิ่งที่รับมามันคือไพ่อาคานาร์หนึ่งสำรับที่มีไพ่อยู่
13 ใบ
แต่ละใบมีรูปของพวกพ้องที่แยกกันไปโจมตีแต่ละเขตแดนของสัตว์เทวะอยู่รวมถึงซากิริที่พวกเขาเพิ่งแยกกันก่อนจะลงมาที่นี่ก็มีอยู่ด้วย
“นี่มัน”
อิงศรฉุกคิดได้แทบจะทันทีว่านี่มันหมายถึงอะไร
มีความเป็นไปได้มากที่ไพ่เหล่านี้จะเป็นตัวพวกพ้องที่ถูกราหูเล่นงานตอนที่พวกเขามุ่งหน้าลงมาที่นี่แม้แต่ซากิริที่พวกเขาแค่เหลียวหลังให้เพียงครู่เดียวก็ยังเสร็จมันไปแล้ว
ที่จริงก่อนหน้านี้ก็พอจะรู้ตัวอยู่แล้วจากท่าทีของกวินทร์ที่เหมือนจะจับสัมผัสแปลกได้ๆ
และเข้ามาถามเขาในระหว่างทาง
ดังนั้นที่ตกใจจึงไม่ใช่เรื่องที่เพื่อนๆ
ถูกเล่นงานแต่เป็นว่าทำไมราหูถึงส่งตัวประกันคืนมาให้ง่ายๆ ต่างหาก
ไพ่เหล่านี้น่าจะเป็นพวกพ้องที่ถูกเล่นงานไป
ถูกทำให้กลายเป็นไพ่เหมือนกับที่มันเรียกเซ็นจินซึ่งก็คือเน็กส์ในโลกคู่ขนานออกมาบางทีวิธีการคงเหมือนกัน
ราหูพูด
“ดินแดนที่ยืนอยู่คือห้วงมิติสำหรับต่อสู้ของเทิร์นบริงเกอร์มันถูกเรียกว่า
สุดขอบจักรวาล คาบสมุทรแห่งดวงดาวที่ว่างเปล่า ดาร์คเนบิวลา (Dark Nebular) ที่นี่จะใช้สกิลท่าไม้ตายได้โดยไม่เกี่ยงเรื่องเงื่อนไขยูนิทอยากจะใช้เท่าไหร่ก็ตามใจเลยถือเป็นแฟนเซอร์วิสที่เตรียมไว้ให้พวกเจ้าเลย”
“….”
แต่อิงศรไม่ได้ตอบกลับเขายังจดจ่ออยู่กับไพ่ที่รับมาจากราหู
แฟรนเซียมจึงรับหน้าที่นั้นเสียเอง
“แต่นั่นก็หมายความว่าทางนั้นก็ใช้ได้ด้วยสินะ”
แล้วหันมาเพียงเล็กน้อยพลางพูดกระซิบ
“อิงศรเลิกทำเป็นเล่นได้แล้วน่า”
“…..”
อิงศรพยักหน้าแล้วเก็บไพ่พวกนั้นลงในกระเป๋าเสื้อ
จากที่ตรวจสอบไพ่ทุกใบแล้วมี...
เมษา มีนา นรินทร์
ฟู มิกซ์ พลอย เน็กส์ และ นิว
กรกฏ วิเชียรมาศ
ซากิริ
โพแทสเซียม ลิเธียม
แต่มันขาดไปคนหนึ่งนั่นทำให้เขารู้สึกเป็นกังวลว่ามีกับดักหรือมีใครกำลังวางแผนอะไรอยู่เบื้องหลังอีกเพราะว่าไพ่ที่หายไปนั้นคือ
รูบิเดียม ราชครูมนุษย์ต่างดาวลำดับที่สามผู้ลอบจัด
แต่ถึงจะเก่งขนาดไหนตัวคนเดียวไม่น่าจะหลบหนีราหูได้แน่ๆ
รูบิเดียมไม่ได้มีพลังมากถึงขนาดนั้น
“แล้วทำไมถึงไม่มีรูบิเดียมอยู่ในนี้กันล่ะ”
“ยัยนั่นน่ะตอนที่เกิดเรื่องที่สวนก็หายตัวไปเหมือนกัน”
มีเสียงตอบรับดังขึ้นมาจากกระเป่าเสื้อ
เสียงของซีเซียมราชครูลำดับที่สอง
อิงศรล้วงเอาไพ่พวกนั้นขึ้นมาคลี่หาไพ่ของซีเซียม
“เมื่อกี้นายพูดเรอะ”
“ก็พูดกันได้ทุกคนนั่นแหละ”
จากนั้นก็มีเสียงของคนอื่นๆ
ตามมา
“พี่ศรพวกเราพลาดซะแล้วล่ะ”
เสียงของฟู
“พอได้รับแจ้งมาว่าสนามพลังคลายแล้วเจ้านั่นก็โผล่พรวดมาแบบไม่ทันตั้งตัวเลยเนี่ยสิรู้ตัวอีกทีก็แบนแต๊ดแต๋กลายเป็นแบบนี้ไปซะแล้วล่ะ”
เสียงของราชครูลำดับที่สี่โพแทสเซียม
“พอคลาดกับพวกเธอแค่แปบเดียวเท่านั้นแหละนะ”
เสียงของซากิริ
ทีนี้ก็ยืนยันได้แล้วว่าทุกคนถูกทำให้เป็นไพ่ไปหมดนั่นเอง
อิงศรสลับไพ่ไปหาเมษาแล้วถามคำถาม
“นายตอนนั้นอยู่กับรูบิเดียมด้วยสินะมันเกิดอะไรขึ้นรึเปล่าทำไมในนี้ถึงไม่มียัยนั่นอยู่ด้วย”
“ไม่รู้เหมือนกันแหละเฟ้ย จู่ๆ
มันก็โผล่พรวดมายังไม่ทันจะตั้งตัวเลยก็เข้ามาอยู่ในนี้แล้วเนี่ย”
ดูเหมือนเมษาจะไม่รู้แล้วลอยที่อยู่ด้วยก็คงจะไม่รู้เหมือนกันดังนั้นจึงสับไพ่กลับไปหาซีเซียม
“แล้วเมื่อกี้นายพูดว่ายังไงนะหรือว่ามันจะเกี่ยวกับที่ไม่มีรูบิเดียมอยู่ในนี้ด้วยรึเปล่า”
“ก็ไม่รู้หรอกแต่ว่าตอนที่เกิดเรื่องของซูลวานขึ้นที่สวนน่ะจู่ๆ
ยัยนั่นก็หายตัวไป แต่พอเรื่องจบลงแล้วยัยนั่นก็โผล่มาแถมถามอะไรไปก็บอกจำอะไรไม่เห็นได้เลยด้วย”
แต่ราหูก็พูดขัดขึ้นมา
“รู้เรื่องซูลวานกันแล้วสินะ
แต่ดูเหมือนจะไม่ได้บอกล่ะสิว่าซูลวานน่ะเป็นคนส่งรูบิเดียมไปหาอดัมตอนนี้อดัมก็เลยหนีข้าหายไปแล้วล่ะ”
ทันทีที่ได้ยินว่าอดัมได้ออกห่างจากราหูแล้ว
“ถ้าอย่างนั้นอดัมก็….”
ออร์ฟี่ทำหน้ามีความหวัง
“เรื่องนั้นช่างมันเถอะ”
แต่ราหูเปลี่ยนเรื่องพูดกะทันหัน
เห็นได้ชัดเลยว่าพยายามซุกซ่อนบางอย่างเกี่ยวกับเรื่องนั้นเอาไว้
“เดี๋ยวสิ”
อิงศรพูด
จะต้องไม่ให้เป็นไปตามที่ราหูต้องการถึงจะไม่รู้ก็ตามว่าทำไมมันถึงอยากจะปกปิดเรื่องของอดัมแต่ว่าตอนนี้ต้องขัดคอมันก่อนถ้าทำได้จะทำให้มันเล่นตามเกมของมันได้ยากขึ้นเขาเชื่อว่าอย่างนั้น
ทว่า
ราหูไม่เล่นตามเจ้านั่นเมินคำพูดแย้งของเขาแล้วเริ่มพูดสิ่งทิ่อยากจะพูดต่อ
“ไหนๆ แล้วจะเล่าไปให้ฟังไปด้วยระหว่างที่อธิบายวิธีเล่นเกมก็แล้วกันความจริงทั้งหมดของที่นี่
เล่าให้พวกลูกแกะหลงทางอย่างพวกเธอเป็นรางวัลที่มาถึงที่นี่ได้ไงล่ะ”
อิงศรจึงพยายามอีกครั้ง
“เดี๋ยวก่อนสิยังพูดกันไม่จบเลยไม่ใช่เหรอเรื่องอดัมน่ะมันทำไม….”
แต่ราหูกลับชิงเคลื่อนไหวก่อน
“เพลย์ (Play)”
ชายหนุ่มวาดมือจากซ้ายไปขวาทำให้ไพ่อาคานาร์ปรากฏออกมากลางอากาศที่ว่างเปล่าแล้วหยิบเอาหนึ่งในนั้นออกมา
ทำให้ไพ่ที่เหลือหายวับไป
“เวิร์สแอกเกรซเซอร์แห่งเขี้ยวทอซโต้
(Verse-Aggressor
of FangTOZto)”
เมื่อโยนไพ่นั้นออกมา
ไพ่ก็กลายเป็นสุนัขป่าตัวใหญ่
สิ่งมีชีวิตกึ่งจักรกล
เฟรมสีขาวคล้ายกับพลาสติกหรืออาจจะเป็นวัสดุที่ไม่ใช่ของที่รู้จักปกคลุมใบหน้ากว่าครึ่งของมัน
กรงเล็บเป็นโลหะแหม
ดวงตาข้างที่เป็นเครื่องจักรส่องแสงสีแดงสว่างวูบวาบ
สุนัขตัวนั้นหอน
“ของแบบนั้นขู่พวกเราไม่ได้หรอกครับ!”
กวินทร์พูดแบบนั้น
แต่การหอนไม่ใช่สิ่งที่ทำเพื่อข่มขู่ศัตรูอยู่แล้วในสัตว์ตระกูลสุนัขนั้นการหอนทำเพื่อการสื่อสารถ้าอย่างนั้นมันคิดจะสื่อสารกับอะไร?
ตอนนั้นเองราหูก็พูดขึ้น
“เมื่อกี้คือสกิลของทอซโต้เมื่อเรียกเจ้านี่ออกมาก็จะเรียกให้เพื่อนของมันตามออกมาด้วย”
แล้วขว้างไพ่อาคานาร์ใบใหม่ออกมา
“เวิร์สแอกเกรซเซอร์ผู้เป็นมิตรโดรอซธี (Friendly Verse-Aggressor
DorOZthe)”
ไพ่กลายเป็นเด็กสาวตัวเล็กราวกับตุ๊กตาสวมชุดรัดรูปและผ้าคาดตาสีดำเหมือนผู้รุกรานทั่วไป
“แล้วก็อีกใบหนึ่ง เวิร์สแอกเกเซอร์ออซเมจิกเชี่ยน (Verse-Aggressor
OZ Magician)”
เมื่อลูกสมุนตนที่สามโผล่ออกมาจากไพ่
อิงศรก็เข้าใจในทันทีว่าราหูต้องการจะทำอะไร
“ไม่เจอกันนานนะครับท่านๆ ทั้งสอง”
ลูกสมุนคนที่สามถึงจะสวมชุดของผู้รุกรานก็ตามแต่เส้นผมสีทองยาวสลวยและรูปโฉมงดงามราวกับปีศาจนั่นไม่มีวันลืม
“แกมัน โลกินี่ถ้างั้น!”
อิงศรเหลือบสายตาไปยังสมุนสองตัวก่อนพลางคิด
เด็กผู้หญิงกับสุนัข
รูปแบบของสามอย่างนี้เคยพบเห็นมาก่อนตอนที่รากแห่งอาคาชิกถูกโจมตี
คือปีศาจสามตนที่ถูกส่งมาโจมตีออร์ฟี่เมื่อก่อนนี้นั่นเอง
“งั้นนั่นก็อลิซกับเฟนริลสินะ”
ออร์ฟี่พูดคำตอบออกมาเองจากนั้นก็เคลื่อนไหวทันที
วินาทีถัดมาออร์ฟี่อ้อมไปอยู่ด้านหลังโลกิ
ผู้รุกรานตนนั้นถูกสับเป็นชิ้นด้วยการโจมตีที่ปลิดชีพ คาอิน และ
อาเบลมาก่อนตอนนี้เขาสามารถมองเห็นมันได้แล้วสิ่งที่ออร์ฟี่ใช้ปลิดชีพพวกมันคือแส้ใบมีดเหล็กซ฿งยืดออกมาจากแผ่นหลังถึงสี่เส้นด้วยกัน
ออร์ฟี่เคยใช้ตอนที่ยังเป็นเครื่องทำสวนต่อมาพอกลายเป็นมนุษย์แล้วพลังในส่วนนั้นก็เหมือนจะหายไป
บางทีการได้ร่างไฮพีเรี่ยนซ้อนมาอีกทีคงทำให้กลับไปใช้พลังนั้นได้อีกด้วยร่างที่แบกรับนามของ
ซูลวาน มาจึงมีพลังเหมือนกับเครื่องทำสวนศักดิ์สิทธิ์
เหมือนกับพวกเขาที่รับเอาพลังของเครื่องทำสวนศักดิ์สิทธิ์มาด้วยเช่นกัน
แต่ทว่า
โลกิกลับหัวเราะ
”ฮิ ฮิ ฮิ ทำลายผมจนได้สินะครับ”
แล้วร่างกายที่ขาดเป็นสามส่วนก็กลายเป็นไพ่อาคานาร์สามใบ
ไพ่ทั้งสามใบกลายเป็นลูกสมุนที่เคยเจอมาก่อนตอนที่พบกับราหูครั้งแรก
ราหูพูด
“ถ้าออซเมจิกเชี่ยนถูกทำลายก็จะเรียกไพ่ที่มีชื่อว่าออซ(OZ) ออกมาได้สามใบด้วยกัน เริ่มจาก เวิร์สแอกเกรซเซอร์ไร้หัวใจทาลอซ (Heartless
Verse-Aggressor TalOZ)”
ลูกสมุนโกเล็มยักษ์ที่เคยเกือบจมเรืออาร์คของพวกเขา
“เวิร์สแอกเกรซเซอร์ไร้ความกลัวไลออซ (Duantless Verse-Aggressor
LiOZ)”
ปีศาจนรสิงห์ที่มีกายเป็นสีแดงและลุกโชนดั่งเปลวเพลิง
“เวิร์สแอกเกรซเซอร์ไร้สมองสแกรครอซ (Brainless Verse-Aggressor
ScarecrOZ)”
สตรีเหล็กไหลผู้มีแขนเป็นคมเคียวซึ่งเคยทำให้เขากับพวกพ้องเกือบเสียท่าหากไม่ได้มิ่งขวัญจากโลกคู่ขนานกับพวกออร์ฟี่มาช่วยเอาไว้ก่อนล่ะก็พวกเขาคงไม่ได้มายืนเผชิญหน้าอยู่แบบนี้
ผู้รุกรานทั้งสามตนรวมกับอีกสามตนก่อนหน้ามีอย่างหนึ่งที่เชื่อมเอาไว้ด้วยกันคือชื่อของพวกมัน
คล้ายกับเป็นชื่อวงดนตรีหรืออะไรทำนองนั้น
อย่างไรก็ตามตอนนี้ออร์ฟี่ไปยืนอยู่กลางวงล้อมของพวกมันซะแล้ว
“ถอยมาก่อนออร์ฟี่!”
อิงศรตะโกนแล้วลั่นไกหน้าไม้ยิงลูกดอกเลเซอร์ออกไปติดต่อกันหกนัดเพื่อคุ้มกันออร์ฟี่
ออร์ฟี่กระโดดแล้วบินกลับมาสมทบกับพวกเขาได้โดยลอดภัย
แต่ดูเหมือนฝ่ายนั้นจงใจปล่อยออร์ฟี่ไปแต่แรก
“เด็กผู้หญิง สุนัข หุ่นยนต์ หุ่นไล่กา สิงโต แล้วก็ จอมเวทย์
นี่มันเรื่องพ่อมดแห่งออซรึไงกัน”
ออร์ฟี่พูด
พอมองดูพวกผู้รุกรานนั่นก็เริ่มมองเห็นเค้าลางอย่างที่ว่าจริงๆ
ราหูยังคงเคลื่อนไหวต่อเนื่อง
“แล้วก็ต่อด้วยตัวข้า ไรท์ (Write)
เป็นฝันร้ายแห่งจักราศี….”
ใช้ไพ่อาคานาร์กับตัวเอง
แนบหน้าของไพ่อาคานาร์ลงบนห้นาอกแล้วทำให้มันเปล่งประกาย
“เวิร์สแอกเกรซเซอร์ไนท์แมร์โซดิแอก!”
ร่างชายหนุ่มขยายใหญ่และกลายเป็นเทพมารสีดำ
ในที่สุดก็เผยร่างที่แท้จริงออกมา
เหมือนกับเป็นสัญญาณบอกว่าจากนี้ไปจะเป็นของจริง
“พอจะเข้าใจกฎของเกมขึ้นมาบ้างแล้วสิอย่างที่เห็นว่าสามารถใช้ไพ่อาคานาร์เรียกสมุนออกมาได้ไพ่ชุดที่ให้เธอไปก็ทำได้เหมือนกันสำหรับเธอคงจะเรียกว่าพวกพ้องสินะ”
ราหูพูด
ตั้งแต่เมื่อกี้ก็เที่ยวพ่นข้อมูลที่เหมือนกับเป็นกติกาออกมาอยู่ตลอด
ทั้งการใช้สกิลโดยไม่ต้องสนใจเงื่อนไขของยูนิท
ทั้งการเรียกตัวอะไรต่อมิอะไรออกมาจากอาคานาร์
ราวกับว่าทุกอย่างที่นี่เป็นเกมสำหรับมัน
ก่อนหน้านี้ตอนที่ส่งอดัมคัดมันมาก็บอกว่าจะรอเล่นเกมสุดท้ายกับพวกเขา
ดูเหมือนว่าอีกฝ่ายจะมีนิสัยติดเล่นหรือต้องทำอะไรให้อยู่ในขอบเขตหรือกรอบของเกมที่มีกติกาอย่างนั้นหรือเปล่า
หรือไม่นี่ก็เป็นกับดักที่จะบีบพวกเขาให้เดินตาม
‘บท’ อีกกันล่ะ
ราหูพูดต่อ
“นี่คือไมสเตอร์ดูเอลพิธีกรรมการต่อสู้ที่จะกำหนดหัวหน้าของแต่ละทีมมาทำการตัดสินกัน
สำหรับเกมนี้ข้าคือหัวหน้าของทีมแล้วก็อิงศรกับออร์ฟิอูคูมันนาร์จะนับรวมกันเป็นหัวหน้าของทีมนั้น
แต่ละทีมจะเรียกพวกพ้องคนอื่นออกมารบพร้อมกันได้ไม่เกินห้าคน สามารถใช้ไพ่ที่ข้าให้ไปเมื่อกี้เรียกพวกพ้องออกมาได้นะ
แต่ว่าต้องรอจนกว่าจะมีพวกพ้องที่นี่ตายไปก่อนซักคนหนึ่ง”
อิงศรตอบโต้คำพูดนั้น
“งั้นคนแรกที่จะตายก่อนก็คือแกนั่นแหละราหู!!”
แล้วลั่นไกปืนพร้อมกับร่ายสกิล
“ดราโคเม็ท!”
ลูกศรรูปทรงมังกรพุ่งออกไปแล้วแตกกระจายออกเหมือนกับฝนดาวตก
“นั่นสินะถึงตาเธอทำบ้างแล้วล่ะการเพลย์การ์ดบนมือน่ะ”
ราหูพูด
จากนั้นสมุนเด็กผู้หญิงกับสุนัขก็พุ่งตัวอ้อมฝนดาวตกไป
ส่วนตัวราหูก็ปล่อยไฟออกจากปากขนาดใหญ่ตรงหน้าอกยิงทำลายกระสุนดาวตกของเขาทั้งหมด
“ข้างหลังระวังมันไปแล้ว!”
อิงศรตะโกนโดยไม่ได้หันหลังไปเพราะถ้าหันหลังจะต้องเสียท่าให้ราหูแน่
เสียงของแฟรนเซียมดังมาจากด้านหลัง
“หลาม!”
ดูเหมือนข้าวหลามจะถูกโจมตี
“ไม่ง่ายขนาดนั้นหรอกน่า”
ข้าวหลามขับโฮเวอร์บอร์ดอ้อมหนีจนมาอยู่ข้างหน้าโดยมีเด็กผู้หญิงกับสุนัขบินไล่ตาม
“ขวัญ กวินทร์ ไปช่วยที”
อิงศรพูด ทั้งสองคนไล่ตามไปทันที
แต่ตอนนั้นเอง
หมัดจรวดของโกเล็มหินก็พุ่งขึ้นมาขวางทางทำให้ไล่ตามไปไม่ทัน
“ไม่ต้องห่วงทางนี้หรอก!”
ข้าวหลามตะโกนมาจากนั้นก็เห็นสุนัขที่ไล่ตามไปถูกยิงสอยจนร่วงด้วยปืนไรเฟิลที่เป็นเทคนิคัลเวพ่อนซึ่งประกอบขึ้นจากปืนสั้นสองกระบอก
แต่ราหูก็พูดขึ้นมาว่า
“เมื่อทอซโต้ถูกทำลายสกิลก็จะทำงานทำลายไพ่ที่ต่อสู้กับไพ่นี้ด้วย”
“อึก”
จู่ๆ ข้าวหลามก็มีสีหน้าผิดปกติ
และเหมือนจะบังคับโฮเวอร์บอร์ดไม่ได้ตามที่คิดเพราะมันเริ่มจะส่ายไปมาอย่างน่ากลัว
แถบพลังชีวิตบนหัวลดลงอย่างไม่ทราบสาเหตุ
ข้าวหลาม Lv.97
[…..0:20050…..]
ทันทีที่พลังชีวิตกลายเป็นศูนย์ร่างกายของข้าวหลามก็เปลี่ยนเป็นไพ่อาคานาร์แล้วแตกสลายไปโฮเวอร์บอร์ดที่ขี่อยู่สูญเสียการควบคุมจึงร่วงตกลงไปข้างล่างซึ่งมองไม่เห็นก้นบึ้งมันหายลับไปจากสายตาเหมือนกับเจ้าของมัน
“ถ้าตายที่นี่ล่ะก็จะถูกส่งไปที่เพนัลตี้บ็อกซ์
(Penalty Box) ล่ะไม่งั้นพวกเธอคงจะให้ออร์ฟิอูคูมันนาร์คืนชีพกันเป็นว่าเล่นเลยใช่ไหมล่ะ”
“เพนัลตี้บ็อกซ์เหรอ?”
กวินทร์พูดด้วยสีหน้าไม่เข้าใจ
“มันคือที่นั่งสำหรับให้ผู้เล่นที่ถูกลงโทษไปนั่งรอจนกว่าจะจบเกมน่ะ”
มิ่งขวัญที่เข้าใจความหมายของมันเพราะว่าเป็นนักฟุตบอลของโรงเรียนมาก่อน
“ถ้าโดนส่งไปที่นั่นก็คือยังไม่ตายสินะ”
อิงศรถามราหู
“ใช่ยังไม่ตายหรอกถ้ามีสกิลที่ทำให้ออกจากเพนัลตี้บ็อกซ์ได้ก็สามารถคืนชีพขึ้นมาบนกระดานเกมนี้ได้อีกครั้งแบบนี้ไง”
ราหูเรียกไพ่ขึ้นมาใบหนึ่งแล้วทำให้มันกลายเป็นสมุน
“เวิร์สแอกเกรเซอร์แห่งลมสุริยะโพล่าห์”
ผู้รุกรานเด็กสาวปรากฏตัวขึ้นพลางยกไม้คฑาในมือเหวี่ยงไปมา
อิงศรพูดด้วยความตกตะลึง
“พลอย!”
ถึงแม้ใบหน้าของเธอคนนั้นจะถูกผ้าคาดตาปิดทับเอาไว้แต่ก็เหมือนกับพลอยจริงๆ
บางทีคงเหมือนกับเซ็นจินที่เป็นเน็กส์จากโลกคู่ขนาน
นี่คือพลอยจากโลกคู่ขนานใบเดียวกันสินะ
ราหูพูดต่อ
“สกิลของโพล่าห์ทำงานด้วยการทิ้งไพ่ใบนี้ไปเลือกเวิร์สแอกเกรซเซอร์ที่ถูกทำลายในเทิร์นนี้กลับมาจากเพนัลตี้บ็อกซ์ได้
กลับมาหาข้าอีกครั้งทอซโต้”
ร่างของเด็กสาวหายไปแล้วถูกแทนทีด้วยสุนัขครึ่งจักรกลที่เพิ่งจะถูกข้าวหลามฆ่าไป
“ทีนี้ก็พอจะเข้าใจกฎของเกมนี้แล้วสินะต่อไปจะขอเปิดเผยความจริงของโลกใบนี้ให้ได้รู้กันล่ะ”
คำประกาศนั่นราวกับข้อความต้องห้ามที่ไม่สมควรจะรู้
“คงจะรู้มาบ้างแล้วสินะว่าโลกใบนี้เป็นเพียงข้อมูลที่อยู่ภายในเครื่องเซิฟเวอร์ทั้งข้าและพวกเธอต่างก็เป็นเพียงข้อมูลที่ถูกบันทึกเอาไว้เท่านั้น”
ราวกับผลแห่งปัญญาที่พระเจ้าได้หวงห้ามมิให้อดัมกับเอวารับประทาน
“แล้วข้อมูลพวกนี้มีไว้ทำไม
มีไว้เพื่ออะไร ใครสร้างขึ้นมาคงจะอยากรู้กันเต็มแก่แล้วสิ”
ราหูออกท่าทางเกินจริงเป็นอย่างมากตลอดการพูดของมัน
จากนั้นก็ชี้มาที่ตัวเองแล้วกล่าวว่า
“ทั้งหมดทั้งมวนนี่ก็คือซิมมูเลชั่นการรุกรานที่เทิร์นบริงเกอร์สร้างขึ้นมายังไงล่ะเพื่อค้นหาคำตอบเพียงหนึ่งเดียว”
“หมายความว่ายังไงกันน่ะ”
อิงศรถามราหูด้วยเคลือบแคลงต่อคำพูดของมัน
“ก็ตรงตามที่พูดนั่นแหละทุกอย่างเป็นแค่เกมเท่านั้นเองแต่เดิมแล้วตัวข้าที่เป็นตัวจริงอยู่ข้างนอกน่ะ
ไนท์แมร์โซดิแอกเป็นผู้สร้างซิมมูเลชั่นนี้ขึ้นมาแล้วก็ได้ใส่ข้อมูลของตัวเองรวมถึงข้อมูลอื่นๆ
ลงมาเพื่อใช้จำลองการรุกราน”
“จำลองการรุกรานเรอะมันเรื่องอะไรกันน่ะ”
“ท่าทางซูลวานจะไม่ได้บอกอะไรพวกเจ้ามากเลยสินะ”
“….”
อย่างที่มันว่าพวกเขามาที่นี่โดยมีข้อมูลอยู่แค่นั้นและความตั้งใจหนึ่งที่มาที่นี่ก็เพื่อจะถามเรื่องนั้นเช่นกัน
ถามถึงความหมายในการดำรงอยู่ของการต่อสู้นี้ การคงอยู่ของพวกเขามีไว้เพื่ออะไรกันแน่
ตอนนั้นเอง
อาคานาร์ของอิงศรก็พุ่งออกมาจากภายในร่าง
อาคานาร์ เดอะ แชริออท
“เมอร์คาบาห์!”
เทวทูตปรากฏตัวขึ้น
เทวทูตผู้ที่รับใช้ซูลวานออกมาในเวลาแบบนี้
ทีนี้การเปิดเผยทั้งหมดก็จะเริ่มขึ้น
จุดแตกหักที่แท้จริงกำลังจะเปิดเผยออกมา
****จบไม่ลงจริงๆ TwT ทั้งที่เป็นวันปีใหม่ก็ยังไม่ว่างต้องไปเยี่ยมญาติ
ร่วมงานฉลองและอีกร้อยแปดแอ่ว ปั่นได้เท่าความยาวตอนปกติเอง
เพราะงั้นแล้วฝากตัวอีกปีนะครับ โอเมก้า!!! มองพล็อตที่เหลือแล้วปาดเหงื่อตัวเอง
สิ้นเดือนมกราคมจะจบลงไหมเนี่ย
งานราชที่คิดว่าจะหมดตั้งแต่สิ้นปีที่แล้วดันค้างคาลากยาวมาถึงปีใหม่ด้วยเลยยังนั่งปั่นวันธรรมดาได้ไม่เต็มที่
เพราะไรท์เลิกงาน 4-5 ทุ่มทุกวันเลย ;w; แอ่ววว****
ความคิดเห็น