ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    Apocalypse Online เกมโกงวันโลกาวินาศ

    ลำดับตอนที่ #286 : Extra Log 282: Grand God Beast 1

    • เนื้อหานิยายตอนนี้เปิดให้อ่าน
    • 132
      3
      26 พ.ย. 61

    Extra Log 282: Grand God Beast 1

     

                จนถึงเมื่อครู่นี้เอง

                ที่บรรยากาศรอบตัวยังเต็มไปด้วยความเขียวชอุ่มสมบูรณ์พรรณของพืชไม้และแสงแดดอันอบอุ่นของสวนศักดิ์สิทธิ์ แต่ทุกอย่างแปรเปลี่ยนไปในพริบตา

                มันได้เริ่มขึ้นแล้ว

                ‘โอเปอเรชั่นรูทเบรกหรือ แผนการรบ ทำลายรากแห่งชะตากรรมได้เริ่มขึ้นแล้ว

                บรรยากาศรอบๆ เปลี่ยนเป็นความมืดมิดยามราตรี

                แสงแดดแปรผันเป็นแสงสะท้อนจากเบื้องล่าง

                การเคลื่อนย้ายข้ามมิติเพิ่งจะเสร็จสิ้นไป

                “….”

                แฟรนเซียมยืนอยู่บนเรือ อาร์คทอดสายตามองข้ามกาบเรือลงไปเบื้องล่าง

                สถานที่คือ รากแห่งอาคาชิก มิติซึ่งแผ่ขยายเมื่อโลกถูกความว่างเปล่ากลืนกิน

                หากจะสรุปอย่างสั้นๆ แล้วที่นี่ก็คือที่พักข้อมูลของโลกที่ถูกความว่างเปล่าลบ หรือ ‘Recycle Bin’ นั่นเอง

                โลกใบนี้เป็นข้อมูล....เรื่องนั้นเพิ่งจะรู้มาเมื่อเร็วๆ นี้

                ที่ข้างล่างนั่นคือกรุงเทพ บริเวณจุดที่เคยเป็นที่ตั้งของวิทยาลัยที่ใช้เป็นฐานที่มั่นซึ่งบัญชาการโดยอีกตัวตนหนึ่งของตัวเอง สิงห์ ธุวดารกะ แต่ตอนนี้ที่นั่นทะลุลงไปเป็นแอ่งที่มองไม่เห็นก้น

                บริเวณรอบๆ หลุมมีอาณาเขตซึ่งถูกปกคลุมไว้ด้วยความมืดที่ไม่รู้ว่าคืออะไร มันเปล่งแสงสีม่วงอ่อนๆ ออกมาทำให้ทิวทัศน์รอบๆ สว่างพอจะมองเห็นได้

                อย่างไรก็ตามที่รู้แน่ๆ คือตอนนี้พวกเขาเหยียบอยู่ในถิ่นศัตรู

                โอเปอเรชั่นรูทเบรก มันเคยเป็น แผนการเพื่อความอยู่รอดของมนุษยชาติของเขามาก่อนแต่เมื่อตอนนั้นมันยังเป็นแค่แผนการอันตื้นเขิน

                เป็นแค่การท้าทายที่เล็กน้อยมากหากเทียบกับสเกลของแผนการในปัจจุบันซึ่งมันได้กลายเป็น แผนการเพื่อความอยู่รอดของทุกเผ่าพันธุ์ไปแล้วพวกเขากำลังจะเผชิญหน้ากับ ผู้รุกรานศัตรูที่แท้จริงที่หลบซ่อนอยู่ในความจริงเบื้องหลังของโลกใบนี้

                “พวกมันมากันแล้ว

                เสียงตะโกนของซากิริดังขึ้น

                เขาหันกลับไป ช้อนสายตามองขึ้นไปด้านบน

                ‘ผู้รุกรานถูกพวกมันเจอเข้าแล้ว นี่มันเร็วกว่าที่คาดคะเนเอาไว้....

                “เฮอะ นึกแล้วเชียว

                สำหรับแผนการล่ะนะ แต่เขาก็คาดเดาได้ตั้งแต่ยังไม่เริ่ม

                เพราะว่าเรื่องไม่คาดฝันมักเกิดขึ้นเสมอไม่ว่าแผนการรบจะสมบูรณ์แบบขนาดไหนก็ตาม

                ว่ากันตามแผนแล้วพวกเขาจะเล็ดลอดสายตาของศัตรูแล้วบุกไปทำลายเขตสีดำสามเขตนั่นโดยที่อิงศรซึ่งถูกทิ้งไว้ที่สวนจะเป็นนกต่อล่อศัตรูอยู่ที่นั่น

                แต่ดูเหมือนจะเกิดความผิดพลาดขึ้น

                ความผิดพลาดจากการคาดคะเนว่าทหารของศัตรูเข้าไปอยู่ในเส้นทางลิฟต์ที่ขึ้นไปสู่สวนหมดแล้ว

                จำนวนทหารของฝ่ายนั้นมีมากชนิดที่ยัดเข้าไปในเส้นทางทั้งหมดไม่ได้นั่นคือความเป็นจริงที่เกิดขึ้น

                จากท้องฟ้า ทางขวาของเรือ มีทหารชั้นปลายแถวประมาณสามสิบกำลังมุ่งหน้ามาที่นี่

                ทหารพวกนั้นมีทั้งมนุษย์และสัตว์จักรกล แต่ละคน แต่ล่ะตัว ต่างก็มีกังหันสวัสติกะสีดำหมุนพัดกวัดแกว่งอยู่ตามข้อมือข้อเท้า บนแผ่นหลัง บนเขา คล้องกับหาง มีอยู่ตามส่วนต่างๆ ของร่างกายต่างกันไปตามแต่ชนิด

                แฟรนเซียมเคลื่อนที่ย้ายจากกาบเรือฝั่งซ้ายไปยังฝั่งขวาโดยเพียงแค่ก้าวเท้าเนิบๆ เดินผ่านคนอื่นที่ยังตกใจกับสถานการณ์ไปโผล่ที่นั่นแล้วชักดาบจากเอว

                “ออริจินอาคานาร์เรดดี้

                เรียกไพ่อาคานาร์มาไว้ในมือซ้าย ไถลไพ่กับตัวดาบจนเกิดเสียงครูดดัง ครืด

                หน้าจอระบบเปิดตัวขึ้นพร้อมกับแสดงข้อความ

     

                [ARTIFACT HYPEREALIZE]

     

                แล้วร่างของแฟรนเซียมก็ตกอยู่ในแสงสว่างซึ่งเปล่งออกมาจากตัวดาบ

                ไพ่อาคานาร์ส่งเสียง ฟุ่บ แล้วหายไป แสงสว่างห้อมล้อมร่างกายเขา ชายหนุ่มถูกเขียนทับด้วยข้อมูลความเป็นไปได้ที่ไม่เป็นความจริงในตอนนี้

                ความเป็นไปได้ที่ตนเองก้าวเดินไปข้างหน้า




                “ก็อดเวพ่อน แคปริโก้ดราโกเนอร์ (CAPRICO DRAGONER) ”

                แฟรนเซียมพูดแล้วตวัดดาบในมือทำให้แสงสว่างที่ห้อมล้อมกระจายออกไป

                รูปลักษณ์ใหม่ร่างไฮพีเรี่ยนของเขาสวมเสื้อโค้ทสีดำความยาวคลุมถึงหน้าแข้งมีลักษณะคล้ายกับเครื่องแบบราชครูมนุษย์ต่างดาวตัวเดิมแต่มีรายละเอียดที่ต่างออกไป ขนมินท์สีขาวถูกแทนที่ด้วยผ้าสีดำพาดคอแล้วปล่อยให้ห้อยลงมา

                ดาบในมือก็เปลี่ยนรูปร่างไปเช่นกัน มันสั้นกว่าดาบอันเดิมนิดหน่อยแต่ใบดาบกว้างกว่าและมีช่องว่างตรงกลางยาวตั้งแต่ปลายจรดโก่งกั้นดาบ ตัวโก่งกั้นดาบมีลักษณะปีกที่ยื่นออกไปหักงอลงเหมือนกับตะขอซึ่งสามารถใช้จับประคองเวลาที่ต้องดันดาบหลังจากแทงใส่ร่างศัตรูได้

                “ไม่เก็บพลังไว้ตอนสู้จริงรึไง

                รูบิเดียมที่ยืนอยู่ใกล้ๆ ถาม        

                แต่แฟรนเซียมก็สวนไปว่า

                “คูลดาวไฮพีเรี่ยนมันแค่สามสิบนาทีเวลาคงร่างกายไว้คืออีกสามสิบนาทีกว่าจะถึงตอนนั้นมีเวลาเหลือเฟือ

                แล้วยกดาบขึ้นโดยไม่สนใจฟังเสียงคัดค้านอีก เพราะถึงมาบ่นเอาตอนนี้มันก็ไม่ทันแล้ว

                ความสามารถของร่างไฮพีเรี่ยนนี้คือการใช้สกิลที่มีคุณลักษณะ ทองคำหรือสี หรือธาตุ ที่ระบุว่าเป็นทอง โดยไม่ต้องจ่ายยูนิทพลังงาน ดังนั้นจะใช้พลังอันนี้เพื่อเรียกท่าไม้ตายกลุ่มอาชีพพื้นฐาน สเปลเลอร์ ซึ่งมีอยู่อันหนึ่งที่เป็นธาตุทองคำ ถึงอาชีพพื้นฐานของเขาจะเป็นซัมมอนเนอร์ก็ตาม

                แต่เพราะการปรับปรุงตัวเกมจากแพทซ์ที่อัพเดทครั้งล่าสุด กลุ่มอาชีพซัมมอนเนอร์สามารถใช้สกิลท่าไม้ตายร่วมกับอาชีพจากกลุ่มสเปลเลอร์ได้ คงจัดไว้แบบนั้นเพราะพื้นฐานของพลังกับวิธีสู้เป็นการใช้เวทอาคมเหมือนๆ กัน

                แฟรนเซียมชูดาบขึ้นสุดแขน

                “จงแพร่ออกไปจากเขี้ยวของราชันย์อสรพิษทองคำ

                ร่ายคำกล่าวใช้สกิลท่าไม้ตาย

                หากเป็นยามปกติแล้วเมื่อถึงตรงนี้สกิลจะหยุดเวลาพื้นที่โดยรอบในรัศมีหนึ่งกิโลเมตร ให้ร่างจำแลงของเครื่องทำสวนโผล่มาประกอบการทำงานของสกิล

                แต่เพราะลูนาริสทำลายฟันเฟืองไปแล้วทำให้สกิลท่าไม้ตายสูญเสียการสนับสนุนจากเครื่องทำสวนศักดิ์สิทธิ์และถึงจะมีการปรับปรุงจากซีเซียมซึ่งมีพลังในการแก้ไขระบบสกิลของเกมโลกาวินาศให้ยังใช้สกิลท่าไม้ตายได้ตามปกติอยู่ แต่ประสิทธิภาพก็ลดลงไปมากและสูญเสียการหยุดเวลาไป

                ทว่า

                “หยุดนิ่งไปซะ

                แฟรนเซียมพูด

                ทันใดนั้นเอง เหล่าผู้รุกรานที่มุ่งตรงมาที่นี่ซึ่งเข้ามาอยู่ในรัศมีหนึ่งกิโลเมตรก็พากันหยุดนิ่งกลางอากาศ

                “อาณาเขตหยุดเวลากลับมาทำงานแล้วงั้นเรอะ

                ซีเซียมพูด เขายืนมองอยู่กับซากิริที่ควบคุมพวงมาลัยเรือ โดยที่ข้างๆ นั้นมีนาก็ยืนอยู่ด้วย

    ทุกคนบนเรือพากันตัวแข็งทื่อขยับไม่ได้ ยกเว้น

                “แต่ว่าฉันยังขยับได้อยู่เลยนะคะ

                มีนาพูดพลางโบกมือไปมาให้ทั้งสองคนดู แต่เพราะพวกเขาตัวแข็งกันไปแล้วเลยหันมามองไม่ได้ เธอจึงเดินอ้อมไปโบกมือต่อหน้าทั้งคู่แทน

                “ผมก็ยังขยับตัวได้นะครับ

                กวินทร์ซึ่งยืนอยู่ไม่ไกลจากพวกเขานักก็พูดเสริมแล้วเดินมาทางนี้

                “…”

                มีนาจ้องมองกวินทร์อยู่พักหนึ่งแล้วจึงหันไปดูรอบๆ เรือ ยังมีอีกหลายคนที่ยังขยับตัวได้

                เด็กสาวพยายามหาจุดเชื่อมโยงของปรากฏการณ์นี้จนพบสมมติฐานหนึ่งที่น่านะเป็นไปได้จากจำนวนคนที่ยังขยับตัวได้อยู่

                คนเหล่านั้นคือพวกพ้องที่มีร่างไฮพีเรี่ยน

                ถ้าไม่นับพี่สิงห์กับคุณซีลอร์ดแล้วดูเหมือนว่าจะมีแต่คนที่มีร่างไฮพีเรี่ยนที่ยังขยับตัวได้อยู่นะคะ

                ก็ตอนนี้พวกเธอคือเครื่องทำสวนศักดิ์สิทธิ์ยังไงล่ะ

                เสียงของออร์ฟี่ดังลงมาจากเสากระโดงเรือ สายตาของคนที่ยังขยับได้เพ่งเล็งไปที่นั่น

                ออร์ฟี่ใช้มือยึดจับเสากระโดงเรือ เท้าเหยียบกับเสาคาน

                คงไม่ได้ลืมหรอกนะว่าตอนนี้พวกเธอคือดาบของผมแล้วน่ะ เหล่าอาวุธแห่งพระเจ้า

                คำพูดนั้นทำให้กวินทร์ฉุกคิดขึ้นมา

                จริงด้วย

                เด็กหนุ่มทุบมือดังปึก

                ตอนที่สู้กับออร์ทิเกสซาร์ที่ชายหาดเจ้านั่นก็เดินปร๋อตอนสกิลท่าไม้ตายทำงานเหมือนกัน

                คำพูดนั่นทำให้มีนาพอจะเข้าใจขึ้นมา ถึงแม้เธอจะไม่ได้อยู่ที่นั่นด้วยก็ตาม

                ไม่สิ เธอเองก็อยู่ด้วยเหมือนกัน อยู่ภายในร่างของออร์ทิเกสซาร์แต่ไร้ซึ่งสติจึงไม่อาจจดจำสิ่งที่เกิดขึ้นได้

                อย่างไรก็ตาม พวกเขากลายเป็นเครื่องทำสวนศักดิ์สิทธิ์ไปแล้ว สถานการณ์ในตอนนี้มันอธิบายได้แบบนั้น แต่ทำไมแฟรนเซียมถึงรู้เรื่องนี้ได้ล่ะ

                ทำไมถึงรู้ว่าเวลาจะหยุดลงถ้าใช้สกิลท่าไม้ตาย แค่บังเอิญหรือว่าคาดเดาได้เอง

                ต้องเป็นอย่างหลังอยู่แล้ว อย่างแฟรนเซียมคงคิดได้เองนั่นแหละ

                ....แล้วตอนนั้นเอง

                แฟรนเซียมก็ร่ายชื่อสกิลไม้ตาย

                อสรพิษทองคำปลิดวิญญาณ โกลด์เซอร์เพนท์โซลเฟลเยอร์ (Gold Serpent Soulflayer) “

                อาณาเขตหยุดเวลาถูกทาบทับด้วยภาพของอวกาศอันมืดดำ ถูกเติมเต็มด้วยแสงสุกสกาวจากดวงดาวนับไม่ถ้วน

                ที่นั่นร่างจักรกลของมังกรที่ลำตัวครึ่งท่อนล่างเป็นมวลน้ำคงรูปเป็นหางยาวกำลังบินฉวัดเฉวียน ร่างนั้นโปร่งแสงราวกับวิญญาณและบินทะลุผ่านเรือไป

                สิ่งนั้นคือหนึ่งในเครื่องทำสวนรุ่นก่อน แจนูวาร์มาร์เครื่องทำสวนที่เลือกผู้สืบทอดเป็นแฟรนเซียม

                แต่อวตารประจำท่าไม้ตายนี้ไม่ใช่มังกรหากแต่เป็นอสรพิษ

                ดังนั้น มังกรจึงเริ่มเปลี่ยนร่างด้วยกลไกของมัน

                มังกรพับขาที่เป็นกีบเท้าเหมือนแพะเข้ากับลำตัว ส่วนหัวก้มหน้าลงเก็บลำคอจนคางแนบแน่นหน้าอก เปลี่ยนรูปร่างจนคล้ายกับไหหรือแจกันที่มีหัวมังกรประดับ

                มวลน้ำที่เป็นลำตัวท่อนล่างไหลกลับเข้าไปข้างใน แล้วพุ่งออกมาทางปากไหแทน

                มวลน้ำที่พุ่งออกมาเป็นสีทองและคงรูปเป็นอสรพิษ คล้ายกับมีงูคลานออกมาจากไห

                อสรพิษเทพส่ายหัวไปมา อ้าปากพ่นบางสิ่งที่เหมือนกับหมอกควันแต่มีสีสันเปล่งประกายราวกับคำทอง การส่ายหัวทำให้ไอควันแพร่กระจายไปยังเหล่าผู้รุกราน

                สกิลท่าไม้ตายสิ้นสุดลง ร่างอวตารของเครื่องทำสวนหายไปพร้อมๆ กับการหยุดเวลาถูกยกเลิกไป

                ทหารศัตรูกลับมาเคลื่อนไหวอีกครั้ง ทั้งที่โดนท่าไม้ตายเข้าไปแล้วแต่ก็ยังไม่มีใครในนั้นตายหรือได้รับบาดเจ็บ

                ไม่ได้ผลงั้นเหรอ

                กวินทร์พูด

                ไม่ใช่หรอกค่ะ

                มีนาพูดขัด หล่อนรู้ว่ามันเกิดอะไรขึ้น

                โกลด์เซอเพนท์โซลเฟลเยอร์เป็นท่าที่สร้างความผิดปกติให้กับเป้าหมายเป็นพิษลดทอนพลังชีวิตแล้วก็ไม่สามารถรักษาหรือทำการฟื้นฟูพลังชีวิตก็ไม่ได้ด้วยน่ะค่ะ

                ถ้าอย่างนั้นก็เท่ากับว่าฆ่าตายได้ชัวร์ๆ เลยสินะครับ

                ค่ะแต่ว่าต้องใช้เวลาอีกนานเลยกว่าจะตายเพราะความเสียหายที่ทำได้ต่อวินาทีน่ะน้อยมากแล้วก็พิษคงอยู่ได้แค่สามนาทีปกติแล้วเขาเอาไว้ใช้แก้ทางศัตรูที่ฟื้นฟูพลังได้มากกว่า

                นี่มันเพิ่งจะเริ่มเท่านั้นเอง

                แฟรนเซียมแย้ง

                และก่อนที่ทหารศัตรูจะเข้ามาใกล้เรือได้มากกว่านั้น อากาศอันว่างเปล่าเหนือจุดที่แฟรนเซียมยืนก็ปรากฏฟันเฟืองขนาดใหญ่แหวกมิติออกมาจำนวนสามสิบอันเท่ากับจำนวนศัตรู

                ฟันเฟืองเหล่านั้นหมุนวนและถูกคลุมไว้ด้วยเปลวไฟ ลำแสงสีแดงพุ่งทะยานจากตรงกลางของฟันเฟือนแต่ละอัน ศัตรูถูกทำลายพินาศหมดในพริบตานั้น

                “เมื่อกี้มัน....

                มีนาชะงักคำพูดตัวเองเพราะไม่รู้จะเรียกสิ่งนั้นว่าอะไร แต่เธอพอจะดูออกว่าลำแสงสีแดงที่ยิงออกไปจากฟันเฟืองนั่นคือเทคนิกโจมตีของเครื่องทำสวนด้วยการบีบอัดอนุภาคอมฤตให้ควบแน่นแล้วยิงเป็นลำออกไป โซเดีย นั่นเอง

                โซเดียอิมแพคของแคปริโก้ดราโกเนอร์เล่มนี้เป็นทริกเกอร์สกิล โซเดียเกท (Zodia Gate)’ ไงล่ะ

                แฟรนเซียมอธิบาย

                ทริกเกอร์สกิลเหรอคะ

                มีนาทวนคำพูดหนึ่งที่สะกิดใจขึ้นมานิดหน่อย

                นั่นน่ะมันทำงานเหมือนกับที่กฤษณะสมุนของราหูใช้ตรึงพวกเรามาก่อนใช่ไหมคะ

                เรื่องของทริกเกอร์สกิลนั้นได้ยินมาจากคุณมิ่งขวัญที่มาจากอีกโลกคู่ขนานหนึ่งเป็นสกิลที่จะทำงานขึ้นมาเมื่อเงื่อนไขครบตามที่กำหนด

                แฟรนเซียมพูด

                เมื่อฉันสร้างความเสียหายเวท โซเดียเกทก็จะทำงานมันจะยิงซ้ำเป้าหมายที่ถูกความเสียหายเวทจากฉันไป

                สรุปแล้วนี่ก็คือการผสานสกิลเข้าด้วยกันนั่นเอง ถ้าศัตรูชุดเมื่อกี้ยังไม่ตายเมื่อพิษลดทอนพลังชีวิตของพวกมันลำแสงก็จะยิงออกไปอีกนั่นเอง ด้วยการผสานกันแบบนี้สกิลตัดกำลังศัตรูอย่าง โกลด์เซอร์เพนท์โซลเฟลเยอร์ก็จะกลายเป็นสกิลกวาดล้างไปเลย

                แต่ไม่ใช่ว่าสกิลท่าไม้ตายพออยู่ในร่างไฮพีเรี่ยนแล้วมันจะถูกแทนที่ด้วยโซเดียอิมแพคเหรอ

                ที่กวินทร์พูดมานั้นคือข้อเท็จจริงหนึ่งของร่างไฮพีเรี่ยนของของพวกเขา

                ก็ไม่เสมอไปหรอกโซเดียอิมแพคของฉันเป็นทริกเกอร์สกิลไม่ใช่แบบสั่งใช้คงเพราะแบบนั้นมันเลยไม่ถูกแทนที่ ของคนอื่นในที่นี้ก็อาจจะมีเหมือนกับฉันก็ได้

                แฟรนเซียมอธิบาย

                มีนาพูด

                แล้วทำไมถึงได้รู้ขนาดนั้นล่ะคะ

                แจนนูวาร์มาร์บอกมาน่ะ

                ดูเหมือนที่รู้ว่าจะหยุดเวลาได้ก็มาจากเหตุผลเดียวกันด้วยล่ะมั้ง

     

                ระหว่างที่กำลังพูดคุยกันนี่เอง ท้องฟ้าก็เปิดออก

                อากาศแหวกออกเป็นโพรงมิติทหารของศัตรูผ่านออกมาจากอีกด้าน บางทีคงเป็นพวกที่กลับออกมาจากลิฟต์ พวกมันคงรู้ตัวกันแล้วเรื่องที่โดนพวกเขาตลบหลัง

                แฟรนเซียมตวาด

                รีบดำเนินแผนการได้แล้วที่นี่ฉันจะจัดการเอง

                แล้วหันกลับไป ตัวดาบถูกห้อมล้อมด้วยไอหมอกสีทองอันเป็นผลจากสกิลท่าไม้ตายที่ใช้ไปไม่ได้มีแค่การปล่อยหมอกออกไปอย่างเดียวแต่มันจะกลายเป็นสถานะสนับสนุนที่ทำให้โจมตีด้วยหมอกทองคำได้เป็นระยะเวลาหนึ่ง พอศัตรูชุดใหม่ถูกพิษ ฟันเฟืองไฟก็โผล่ออกมาจากรอบๆ จุดที่แฟรนเซียมยืนแล้วปล่อยลำแสงยิงฆ่าศัตรูที่ถูกพิษทั้งหมด

                ถึงอย่างนั้นก็ยังมีศัตรูชุดใหม่โผล่ออกมาจากโพรงมิติอีก ตรงนั้นน่าจะกลายเป็นศึกยืดเยื้อไปแล้วคงต้องฝากให้แฟรนเซียมที่หาทางรับมือไปแล้วจัดการเอง

                รูบิเดียมเดินมาที่กลางลำเรือแล้วตะโกนเรียกรวมพล

                จะเริ่มปฏิบัติการแล้ว!!”

                เมื่อคำสั่งดังออกไปประตูที่นำลงไปยังใต้ท้องเรือก็ถูกกระแทกเปิดออก ทหารมนุษย์และมนุษย์ต่างดาวกรูกันออกมาจัดขบวนแถวอย่างพร้อมเพรียงเป็นระเบียบโดยใช้เวลาไม่นานพวกเขาก็ได้กองร้อยจู่โจมกองแรกสำหรับออกไปต่อสู้แล้ว

                กองร้อยนี้มีจำนวน 300 นายเป็นมนุษย์ทั้งหมด รูบิเดียมในชุดพลเอกของเมตไตรยหรือก็คือกำลังแสดงบทของ กุมภา ธุวดารกะ เดินมายืนอยู่ต่อหน้ากองร้อยนั้นแล้วตะโกนเรียกผู้ที่มีร่างไฮพีเรี่ยน

                เมษา พลอย มากับฉัน

                ทั้งสองคนวิ่งมารวมตัวทันที

                โดยที่กรกฏกับวิเชียรมาศซึ่งอยู่ตรงหัวแถว เดินออกมารวมกลุ่มด้วย

                รูบิเดียมพูด

                เรื่องสั่งการทหารฉันกับวิเชียรมาศจะจัดการเองส่วนพวกเธอ

                แล้วหันไปยังเมษากับพลอย

                จะต้องรับหน้าที่ต่อสู้โดยตรงกับสัตว์เทวะพวกฉันที่พลังไม่พอน่าจะทำได้แค่สนับสนุนเท่านั้นเพราะงั้นฝากด้วยล่ะ

                อืม ค่ะ

                ทั้งคู่ตอบรับมาพร้อมกัน

                แล้วก็กรกฏไปช่วยสองคนนั้นด้วย

                รับทราบ

                ชายหนุ่มกล่าวอย่างสุขุมแล้วแยกตัวไปยืนเคียงข้างเมษา

                แล้วเราจะลงไปจากที่นี่กันยังไง

                เมษาถามซึ่งเขาถามเผื่อพวกทหารที่บินไม่ได้ซึ่งกองกันอยู่ตรงหน้านี่ด้วย

                เรื่องนั้นฉันจัดการเอง

                ซากิริเสนอตัวแล้วเดินอ้อมมายืนด้านหลังพวกเขาโดยที่ยกเอาโน้ตบุคติดมาด้วย

                หล่อนหันหน้าจอเครื่องมาทางนี้ กดปุ่มทำให้หน้าเปล่งแสงสว่างวาบออกมา แสงโอบอุ้มพวกเขาและทหารทุกนาย

                วินาทีถัดมาทุกอย่างเบื้องหน้าหล่อนก็อันตรธานหายไปราวกับอากาศ

                ห...หายไปไหนกันหมดแล้ว

                ฟูพูดหน้าตาตื่น เขาวิ่งมายืนต่อหน้าซากิริ

                ส่งไปที่เขตแดนด้วยอาคมเคลื่อนย้ายแล้วล่ะตอนที่ขึ้นเรือมาคราวก่อนก็เคยโดนกันมาแล้วนี่

                อ๋อ ไอ้แสงที่ดูดขึ้นมาเหมือนจานผีอ่ะนะ

                นั่นแหละๆ ฉันแกะแบบมาจากอาคมเคลื่อนย้ายที่อารย-สนธยาใช้แยกพวกเรามาเลยนะ

                แต่ฟูที่ไม่รู้เรื่องนั้นเอียงคอด้วยความงุนงง

                ตอนนั้นเองก็รู้สึกถึงสัมผัสของมือจับลงมาที่ไหล่ ฟูหันกลับไป

                อะ พี่ศร....ไม่สิ

                ซีเซียมนั่นเอง

                พวกเราก็ต้องไปแล้วเหมือนกัน

                ถัดไปด้านหลังคือมีนาแล้วก็ทัพของมนุษย์ต่างดาวที่มาเรียวแถวกันตั้งแต่ตอนไหนก็ไม่รู้

                งั้นก้โชคดีนะ

                ซากิริพูดแล้วกดปุ่มส่งทุกคนตรงหน้าไปยังเขตแดนข้างล่าง

                ทั้งหมดดำเนินไปตามการแบ่งทีมที่ตกลงกันไว้

                แบ่งทีมไปจัดการสัตว์เทวะโดยให้แต่ละทีมมีร่างไฮพีเรี่ยนไปทีมละสองคน โดยมีคนที่ร่างไฮพีเรียนเป็นสายสนับสนุนคนหนึ่งและสายโจมตีอีกคนหนึ่ง

                การแบ่งทัพที่ไปจัดการสัตว์เทวะแต่ละตัวก็คำนึงจากพื้นที่ต่อสู้ภายในเขตแดนนั้นและลักษณะของสัตว์เทวะตัวนั้นๆ ด้วย

                มหาเทพสัตว์เทวะตัวแรกคือจ้าวแห่งพิภพเบฮีมอท พื้นที่ต่อสู้เป็นเขตที่มีความรกชันเหมาะกับการซุ่มโจมตีและสภาพพื้นที่โดยรวมถือว่าดีกว่าเขตแดนอื่นๆ จึงส่งกองทัพที่เป็นมนุษย์ไปจัดการกับสัตว์เทวะตัวนี้

                ตัวต่อมาคือจ้าวแห่งสมุทรเลเวียทาน พื้นที่ต่อสู้ภายในเขตแดนส่วนใหญ่เป็นน้ำเกือบทั้งหมด กองทัพมนุษย์ต่างดาวที่ส่งไปพร้อมกับซีเซียมเมื่อกี้ คือทัพโจมตีทางน้ำที่มีบิลด์คลาสอควอฟอร์สกันทุกตนซึ่งชำนาญยุทธวิธีเหนือน่านน้ำเป็นอย่างมาก

                และมหาเทพสัตว์เทวะตัวสุดท้ายจ้าวแห่งนภาซิส คือตัวที่มีปัญหามากที่สุด เพราะพื้นที่ต่อสู้ภายในที่ได้มาจากรายงานของโพแทสเซียมกับลิเธียมที่ลงมาสำรวจก่อนบอกว่าพื้นที่ภายในอาณาเขตนั้นไม่มีที่ยืนจึงต้องใช้กองทัพที่บินได้ทั้งหมด มนุษย์ต่างดาวที่บิลด์คลาสเป็นแอร์ฟอร์สที่เชี่ยวการต่อสู้กลางอากาศจึงถูกเลือกมา

                .....

                เมื่อซากิริทบทวนแผนการอยู่ภายในหัวของเธอแล้ว ทัพที่จะไปยังเขตแดนสุดท้ายก็เตรียมพร้อมเสร็จพอดี

                ว่าแต่ขอถามอะไรหน่อยได้ไหม

                หืม

                ซากิริเงยหน้ามอง ชายที่อยู่ตรงหน้าคือมนุษย์ต่างดาวชั้นราชครูผู้ซึ่งทำหน้ายิ้มแย้มตลอดเวลา

                โพแทสเซียมนั่นเอง

                ว่าไงล่ะ

                ก็ที่ส่ง แวบหายๆ ไปเนี่ยตอนลงไปแล้วมันจะดิ่งพสุธาเอารึเปล่าน้า~~”

                “ที่ๆ จะไปมันก็ไม่มีพื้นอยู่แล้วนี่

                หล่อนพูดแล้วกดปุ่มบนแป้นพิมพ์ แต่นั่นยังไม่ใช่การใช้เวทเคลื่อนย้าย สิ่งที่เกิดขึ้นตามมาหลังจากนั้นคือมีอะไรบางอย่างพุ่งออกมาจากหน้าจอของโน๊ตบุค

                กระดานสเก็ตซ์บอร์ดแบบไม่มีล้อจำนวนสองอันกระแทกใส่หน้าโพแทสเซียมจนตัวลอยกระเด็นลงไปนอนแอ้งแม้งอยู่บนพื้น

                มันเจ็บน้า~~”

                โพแทสเซียมยกมือปิดจมูกพลางตีสีหน้าเจ็บปวด แต่ก็ถูกลิเธียมพูดขัด

                ทั้งที่หลบได้อยู่แล้วแต่ก็จงใจโดนแล้วยังแกล้งล้มอีกทำไมท่านถึงยังใจเย็นได้กระทั่งในเวลาแบบนี้ด้วยนะครับผมล่ะไม่เข้าใจเลยจริงๆ

                ราชครูในชุดสีแดงก้มตัวลงเก็บกระดานอันหนึ่งขึ้นมา

                ที่จริงมันคือโฮเวอร์บอร์ดเป็นไอเทมในเกมที่จัดอยู่ในหมวดยานพาหนะสำหรับเคลื่อนที่กลางอากาศซึ่งมีการตกลงกันแล้วจะเอามาใช้เนื่องจากเขากับแทสเซียมไม่สามารถบินได้เอง

                ไม่รับมุกกันเลยน้า~~~”

                โพแทสเซียมกล่าวอย่างเสียดายก่อนจะดีดตัวขึ้นมายืนแล้วเก็บโฮเวอร์บอร์ดของตัวเองไป

                ขณะเดียวกันมิกซ์ที่จะต้องไปกับหน่วยนี้ เขามองดุเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นแล้วก็อดพูดไม่ได้

                นั่นมันคอมพิวเตอร์หรือกระเป่ามิติที่สี่กันล่ะเนี่ย

                พี่ว่าเราอย่าไปอยากรู้มันจะดีกว่า

                นรินทร์ที่จะไปด้วยกันตบบ่าเพื่อปรามมิกซ์ที่อาจจะเหยียบเข้าไปในโลกอันแปลกประหลาดซึ่งเขาเคยสัมผัสมาก่อนจากการไปข้องเกี่ยวกับซากิริ

                ดังนั้นทีมที่จะไปจัดการกับจ้าวแห่งนภาก็เตรียมพร้อมแล้ว ซากิริทำการส่งตัวพวกเขาไปยังพื้นที่ภารกิจ

                ดีล่ะพวกเราก็ไปกันมั่งเถอะ

                กวินทร์พูดพร้อมกับจูงมิ่งขวัญทำท่าจะวิ่งออกไป

                เดี๋ยวสิกวินทร์นี่นายลืมแผนแล้วรึไงพวกเราน่ะต้องอยู่รอที่นี่

                แต่เสียงของไทเทเนียมก็หยุดเขาเอาไว้ซะก่อน

                จริงด้วยตื่นเต้นจนลืมไปเลย

                นี่นายลืมจริงๆ เรอะ

                มิ่งขวัญกล่าวอย่างเอือมระอา

                แต่เมื่อกี้ไม่เห็นนายจะฝืนดึงกวินทร์เลยนะไม่ใช่ว่าลืมเหมือนกันเหรอ

                คำพูดของไทเทเนียมทำให้ใบแก้มของมิ่งขวัญขึ้นสีแดงเรื่อ

                มะ...ไม่ได้ลืมซักหน่อย

                ตอนนั้นเองเสียงของเน็กส์ที่ขานรับใครซักคนก็ดังแว่วมา

                พวกเราพร้อมแล้วฮะ

                ทั้งเน็กส์ ทั้งนิวส์ ต่างก็อยู่ในสภาพไฮพีเรี่ยน สองคนนั้นกำลังพูดคุยอยู่กับซากิริ จากนั้นออร์ฟี่ที่อยู่บนเสากระโดงเรือก็กระโดดลงมา

                ถ้างั้นก็รีบไปเถอะที่นี่ผมจะปกป้องให้เอง

     

    ***เฮ้อ จู่ เช้าวันเสาร์ก็โดนที่บ้านลากออกไปเที่ยวต่างจังหวัดกันซะงั้นเลยไม่มีเวลาเขียนอีกแล้ว TwT บวกกับไปเสียเวลาเขียนส่วนแฟรนเซียมต้นตอนเยอะไปหน่อยเลยกลายเป็นเรื่องแทบไม่ขยับ แอ่ววว อาทิตย์ถัดไปนี้ต้องรีบขึ้นบทสู้กับราหูให้ได้สงสัย

    ต้องเร่งเนื้อเรื่องกันแบบสุดฤทธิ์สุดเดชซะแล้วโอเมก้า****

    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    นิยายที่ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×