ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    Apocalypse Online เกมโกงวันโลกาวินาศ

    ลำดับตอนที่ #28 : Login 26 : เกมทายปัญหาที่ไร้ซึ่งเฉลย

    • เนื้อหาตอนนี้เปิดให้อ่าน
    • 1.08K
      53
      17 ต.ค. 59

    Login 26 : เกมทายปัญหาที่ไร้ซึ่งเฉลย

     

                ณ รูนรูม

                ค่ำคืนนี้อิงศรก็ได้ถูกเชิญมาเยือนอีกครั้งเพื่อเป็นเพื่อนเล่นไพ่สลาฟ...

                วันนี้ในห้องที่มักจะมีคนเพียงแค่สองคนเสมอ

                กลับมีเพิ่มขึ้นมาอีกสองคน ทำให้มีคนอยู่ภายในห้องถึงสี่คนด้วยกัน

                หนึ่งในนั้นคืออิงศรและอีกสามคนคือผู้ถูกลืมเลือน

                พวกเขานั่งพื้นล้อมรอบโต๊ะไม้ตัวเก่าที่ขาสึกไปค่อนข้างเยอะทำให้โต๊ะโยกเยกไปมา

                หนึ่งในผู้ถูกลืมเลือนที่กลายเป็นแฝดสามไปแล้ววางไพ่ใบสุดท้ายบนมือลงไปยังกองไพ่ที่สุมกันอยู่บนโต๊ะพลางพูดว่า

                "รอบนี้ผมเป็นรองสลาฟ"

                จากนั้นผู้ถูกลืมเลือนอีกคนก็พูดว่า

                "ส่วนผมเป็นควีน"

                "ผมเป็นคิง"

                ผู้ถูกลืมเลือนอีกคนกล่าวจากนั้นทั้งสามก็หันไปมองอิงศรที่ครองตำแหน่งสลาฟมาสิบเกมติดๆ กัน

                'มนุษย์ผู้ถูกฟันเฟืองเลือกเป็นสลาฟต่อ'

                เสียงสามประสานโทนเสียงเดียวกันดังลั่นสนั่นไปทั้งห้อง

                อิงศรตอบกลับคำพูดนั้นไปแบบกึ่งตะคอกว่า

                "รู้แล้วน่าอย่าย้ำได้ไหม!"

                พลางทุบไพ่ทั้งหมดบนมือลงกับโต๊ะ จนมันส่งเสียงเอี๊ยดอ๊าดและโยกไหวไปมา

                นี่กระทั่งกับสิ่งมีชีวิตที่ไม่น่าจะใช่มนุษย์เขาก็ยังแพ้ในเกมนี้เลยงั้นหรือช่างเป็นความน่าอดสูของเผ่าพันธุ์ผู้คิดค้นเกมไพ่สลาฟนี้ขึ้นมาเสียจริง

                อิงศรถอนหายใจ หลังจากหัวเย็นลงแล้วจึงถามผู้ถูกลืมเลือน

                "ว่าแต่วันนี้แค่เรียกมาเล่นสลาฟเฉยๆ เหรอ"

                'ใช่'

                เสียงสามประสานตอบกลับมาอย่างนั้น

                กระทั่งจังหวะเสียงก็ยังพร้อมกันเลยกลายเป็นเหมือนพูดผ่านโทรโข่งตลอดเวลา

                ยิ่งเล่าเกี่ยวกับสลาฟไปมากเท่าไหร่ หมอนี่ก็มีแต่อยากจะเล่นมากขึ้นเท่านั้น จนถึงแยกร่างออกมาเพื่อให้ครบขาเลยทีเดียว ตอนที่ได้เห็น วิชาแยกร่าง ที่เหมือนกับการแบ่งตัวของสัตว์เซลล์เดียวนั่นยังคงตราตรึงฝังอยู่ในลูกตาลึกไปถึงหัวใจอยู่เลย

                ด้วยความรู้สึกที่ว่าหากไม่ถามให้เคลียคงได้มีเรื่องเครียดให้คิดเพิ่มอีกแน่ดังนั้น

                 “นายเป็นพวกอะมีบารึไงถึงแบ่งตัวได้เนี่ย

                เสียงสามประสานตอบกลับมาว่า

                ‘แบ่งตัวเหรอ ผมแค่ลอกคราบออกมาต่างหากล่ะ

                “คราบ?”

                ‘ใช่

                ผู้ถูกลืมเลือนพยักหน้า แฝดอีกสองคนที่ถูกเรียกว่าคราบก็พยักหน้าตามพร้อมกันจึงแยกไม่ออกอยู่ดีกว่าใครที่เป็นตัวจริง

                ดูเหมือนว่าสายตาของอิงศรจะแสดงความนึกคิดออกไป ผู้ถูกลืมเลือนจึงเริ่มแนะนำตัว

                “ผมคือคราบผู้ถูกลืมเลือนหมายเลขหนึ่ง

                ผู้ถูกลืมเลือนคนที่นั่งอยู่ทางซ้ายมือของเขาพูด

                “ผมคือคราบผู้ถูกลืมเลือนหมายเลขสอง

                คราวนี้เป็นคนทางขวามือ

                “ส่วนผมคือผู้ถูกลืมเลือนตัวจริง

                ตัวจริงนั่งอยู่ฝั่งตรงข้ามของโต๊ะนี่เอง

                “พอเหอะ..

                อิงศรพูดแล้วฟุบหน้าลงกับโต๊ะพลางถอนหายใจ

                ”เฮ้อ~ นี่ชั้นโดนคนอย่างหมอนี่สั่งสอนไปได้ยังไงเนี่ย"

                พอพูดออกไปอย่างนั้นผู้ถูกลืมเลือนทั้งสามคนก็เลิกคิ้วขึ้น    

                ‘สั่งสอน? ผมไปสั่งสอนเธอตอนไหนเหรอ

                อิงศรที่ฟุบหน้าอยู่ก็พรวดพราดเงยหน้าขึ้นมาทันทีที่ได้ยินแบบนั้น

                "อ้าว! ก็คราวก่อนไง ที่นายพูดเรื่องอาคานาร์อะไรนั่นน่ะ นายจงใจบอกใบ้ให้ชั้นรู้สึกตัวเรื่องที่เอาแต่ปิดกั้นตัวเองไม่ใช่รึไง"

                แต่ผู้ถูกลืมเลือนทั้งสามกลับแตะนิ้วที่ริมฝีปากแล้วพูดเหมือนว่าไม่เคยรู้เห็นในเรื่องนั้นมาก่อน

                ‘เอ๋-- มีเรื่องแบบนั้นด้วยเหรอ

                สรุปว่า... ตอนนั้นเขาคิดมากเกินไปจนเลยเถิดไปแบบนั้น คิดว่าชายคนนี้พยายามบอกใบ้ในอนาคตที่อาจจะเกิดขึ้น คิดว่ามันเป็นคำแนะนำ

                อิงศรเบ้ปากแล้วพูดว่า

                "ตกลงว่าชั้นคิดไปเองหรอกเรอะ"

                ‘ตอนนั้นผมก็แค่ถามเรื่องอาคานาร์เท่านั้นเองนะแต่ก็รู้สึกได้ว่าเธอมีเรื่องที่กังวลอยู่แต่ว่าจัดการได้แล้วสินะแถมยังดูเปลี่ยนไปด้วย

                "เปลี่ยนเหรอ? เปลี่ยนยังไง?"

                จู่ๆ ก็รู้สึกใคร่รู้ในคำพูดของผู้ถูกลืมเลือน อิงศรอยากจะรู้ว่าตัวเขานั้นได้เปลี่ยนไปจากเดิมอย่างไรกันแน่ ไม่ใช่ความรู้สึกยินดีที่คิดว่าจะมีคนชมว่าเปลี่ยนแปลงตัวเองได้ แต่หากเป้นความกังวลว่าตนได้อ่อนแอลงจนเผลอเปิดช่องว่างไปโดยไม่รู้ตัวเข้าตอนไหนหรือเปล่า

                ‘ไม่รู้สิดูเหมือนเธอแสดงตัวตนออกมามากกว่าทุกทีน่ะ ตอนนี้ผมสามารถสัมผัสได้ว่าเนื้อแท้แล้วเธอเป็นคนที่มองโลกในแง่บวกกว่าที่คิด

                เสียงสามประสานของผู้ถูกลืมเลือนว่ามาอย่างนั้น

                พอถามถึงเรื่องที่เจอกันเมื่อคราวก่อนก็ทำให้นึกถึงเรื่องค้างคาใจอีกเรื่องขึ้นมาได้

                ไพ่อาคานาร์ ดิ เอ็มเพอเรอร์ ที่เขาได้ดูในวันนั้น...

                “จะว่าไปไพ่เมื่อวันนั้นมันคืออะไรเหรอ

                อิงศรถามแต่ผู้ถูกลืมเลือนทั้งสามคนกลับทำหน้าเหมือนตกใจ

                ‘ไม่ใช่ว่านั่นเป็นของๆ เธอหรอกเหรอ

                “ของชั้น?”

                ‘ใช่

                “หมายความว่าไง?”

                มันยังไงกันแน่...

                เขาไม่เห็นเคยรู้มาก่อนไม่สิ ไม่เคยเห็นไพ่ใบนั้นด้วยซ้ำจนกระทั่งมาเจอก็ตอนที่อยู่ในมือของอีกฝ่ายไปแล้ว ถ้าอย่างนั้นมันจะเป็นของเขาไปได้อย่างไร

                ตอนนั้นเองผู้ถูกลืมเลือนทั้งสามคนก็ชี้มา

                ‘ในตอนที่มนุษย์กลืนกินผลแห่งปัญญาโชคชะตาทั้งหมดก็ได้ถูกผนึกลงในอาคานาร์ อนาคตทั้งหมดได้ผูกพันไว้ด้วยรูปแบบทั้งยี่สิบสองประการ  นั่นหมายความว่ามีแต่มนุษย์เท่านั้นที่จะมีมันได้เพียงแต่...

                “เพียงแต่อะไร

                ใจของอิงศรเต้นระรัวทั้งที่กำลังฟังในสิ่งที่ไม่เข้าใจความหมาย แต่อาจจะเป็นเพราะความไม่เข้าใจนั่นเองแหละที่กระตุ้นความรู้สึกอยากรู้อยากเห็นจนทำให้หัวใจสูบฉีด

                ‘เพียงแต่มนุษย์ไม่น่าที่จะเก็บโชคชะตาไว้ในรูปลักษณ์ของอาคานาร์นี้ได้ ถ้าจะให้พูดกันตามตรงแล้วล่ะก็มันผิดแผกไปจากระบบโดยธรรมชาติที่มนุษย์จะได้รับอาคานาร์จากอาคาชิกเรคคอร์ดน่ะนะ ผู้ที่สามารถจะกระทำแบบนั้นได้ก็มีแต่...

                ผู้ถูกลืมเลือนทั้งสามหยุดพูดโดยพร้อมกัน พวกเขาเก็บมือลงจากนั้นก็หุบปากเงียบไม่ยอมพูดอะไรออกมา จนอิงศรต้องเป็นฝ่ายถามออกไปเอง

                “มีแต่อะไร จะพูดก็พูดมาให้หมดเซ่!

                “…”

                ผู้ถูกลืมเลือนนิ่งอยู่นานเหมือนกำลังคิดอะไรอยู่ในใจ จากนั้นก็ตอบกลับมาพร้อมกันทั้งสามคน

                ‘ผมคิดว่ามันยังไม่ถึงเวลาที่ควรจะบอกให้เธอรู้นะ แต่ถ้าเธอหลุดจากการเป็นสลาฟได้ซักหนผมอาจจจะยอมบอกให้ก็ได้

                แล้วตั้งเงื่อนไขมาอย่างนั้น

                ใช้เกมเป็นเครื่องมือตัดสินว่าเขาควรค่าพอหรือเปล่า อย่างนั้นหรือ?

                แปลว่ามันเป็นเรื่องที่ไม่สามารถจะบอกให้รู้กันได้ทั่วไปหรือเป็นความลับ แต่ว่าจะมีใครเอาความลับที่สำคัญมาเป็นเดิมพันในเกมอย่างนี้แถมยังต่อให้เขาแบบเสียเปรียบเองอีกต่างหาก

                บางทีมันอาจจะไม่ใช่เรื่องที่น่าสนใจอะไร แต่ก็มีค่าควรให้ลองเพราะถึงจะเป็นอย่างที่ว่าแต่มันคือเรื่องที่คนซึ่งเป็นจีเอ็มของเกมโลกาวินาศเป็นผู้เก็บงำเอาไว้ ซึ่งแม้แต่สิงห์ก็อาจจะไม่รู้ คงจะเอาไปใช้ประโยชน์ได้ในอนาคต การหาข้อมูลเพื่อให้ตนถือไพ่เหนือกว่าย่อมเป็นสิ่งที่ควรทำ

                ดังนั้นอิงศรจึงยอมรับคำท้า

                “ลับลมคมในดีนักนะ ถ้าชั้นทำได้ต้องเล่ามาให้หมดเลยนะเฟ้ย

                รอยยิ้มเปี่ยมความมั่นใจผุดขึ้นบนใบหน้า จากนั้นเขาก็เป็นฝ่ายที่เก็บไพ่ทั้งหมดบนโต๊ะรวบเข้าเป็นสำรับ แล้วสลับแจกเพื่อเริ่มเกมใหม่ทันที

     

     

     

     

                เข้าสู่วันที่ห้าของการออกค่ายเก็บเลเวลไปแล้ว

                ตอนนี้พวกเขาเก็บได้เลเวล 52 กันทุกคนเพราะกำแพงความยากของระดับเลเวล 50 ขึ้นไปทำให้กวินทร์กับมีนาที่เลเวลตามหลังอยู่หนึ่งเลเวลในตอนแรกไล่ตามมาทัน

                จากสิบสามวันที่ต้องเก็บเลเวลให้ทันหกสิบก่อนถึงวันที่จะเกิดเรดบอส หากนับรวมเวลาที่จะต้องเดินทางกลับเข้าไปด้วย พวกเขาเหลือเวลาอีกเพียงแค่หกวันเต็ม

                สถานที่ที่เขาอยู่ตอนนี้คือภายในสวนสัตว์ซึ่งตั้งอยู่ไม่ไกลจากอนุสาวรีย์ที่ใช้เก็บเลเวลไปเมื่อวันก่อน

                ข้างในกรงสิงโตที่ทำเป็นบ่อซีเมนท์ลึกสำหรับกักขังสัตว์ดุร้ายไว้โชว์ เขาอยู่ข้างในนั้นพร้อมกับพรรคพวก

                สิงโตซึ่งรับไวรัสวันโลกาวินาศแล้วกลายเป็นสัตว์เทวะ ผิวหนังแข็งเป็นหิน ที่จริงคือมันกลายเป็นก้อนอิฐจำนวนมากที่มารวมตัวกันเป็นสิงโตหรือพูดให้ถูกกว่านั้น พวกมันกลายเป็นรูปปั้นสฟิงซ์ที่มีชีวิต รูปร่างแบบทรงโพลีกอนที่ประกอบขึ้นจากก้อนอิฐ มีใบหน้าเป็นมนุษย์และมีปีกคู่หนึ่งงอกออกมาจากกลางหลัง

                พวกมันมีกันสี่ตัวแต่ละตัวขนาดใหญ่กว่าสิงโตปกติเล็กน้อยแต่เรื่องน้ำหนักตัวนั้นไปคนละทางกับการเพิ่มขนาดเลย แค่พวกมันยืนเฉยๆ ก็ทำพื้นซีเมนท์ยุบแตกเป็นทางได้

                อิงศรมองพวกสฟิงซ์แล้วครุ่นคิดถึงเรื่องในรูนรูมเมื่อคืน

                ลงท้ายเขาก็ตื่นก่อนจะเล่นเป็นสลาฟในตาที่สองร้อย

                ไม่สามารถเอาชนะได้เลยซักตาเดียว...

                “ปุจฉา!

                สฟิงซ์ตัวหนึ่งตะโกนขึ้นมา

                สัตว์เทวะพูดได้... ดูเหมือนจะเป็นอย่างนั้นแต่ที่จริงไม่ใช่ ความจริงแล้วมันคือสกิล

                “จะมาแล้ว

                อิงศรกล่าวเสียงเฉียบ เตือนให้ทุกคนระวังตัว

                ความตึงเครียดพุ่งสูง ทุกคนพากันเงียบไม่มีใครพูดอะไรออกมา เพราะหากพลั้งปากไปเพียงนิดเดียวล่ะก็อาจจะต้องพบกับจุดจบในทันที

                จากนั้นพวกสฟิงซ์อีกสามตัวก็ตะโกนด้วยเช่นกัน

                ‘วิสัชนา!

                สฟิงซ์ตัวแรกเริ่มพูด

                “อะไรเอ่ย ตอนเช้ามีสี่ขา ตอนกลางวันมีสองขา ตอนกลางคืนมีสามขา

                “อ๊ะ! คำถามนี้ผมรู้ครับ

                กวินทร์ยกมือ

                “จริงเดะ! งั้นจัดการเลย

                เมษาพูดจากนั้นกวินทร์ซึ่งใบหน้าเปี่ยมด้วยความมั่นใจก็ตอบไปว่า

                “คำตอบคือมนุษย์ยังไงล่ะครับ ตอนเช้ามีสี่ขาก็คือวัยเด็กที่ยังคลานสี่ขา ตอนกลางวันมีสองขา คือวัยผู้ใหญ่ที่เดินด้วยสองขาของตัวเอง ส่วนตอนกลางคืนมีสามขาเพราะว่าเป็นวัยชราก็เลยต้องใช้ไม้เท้าช่วยค้ำจุนอีกขาหนึ่ง

                คำตอบของกวินทร์ฟังดูเข้าที มันจะต้องเป็นคำตอบที่ถูกต้องอย่างแน่นอนเพราะมันเป็นคำถามที่มีอยู่ในเทวตำนานของอียิปต์เป็นคำถามที่ถูกถามโดยสฟิงซ์ตัวจริง ดังนั้นคำตอบก็น่าจะไม่คลาดเคลื่อนไปจากนี้แน่

                แต่มันจะง่ายดายปานนั้นเชียวหรือ... อิงศรเพียงคิด

                ระหว่างนั้นเองสฟิงซ์ก็เฉลยคำตอบ

                “ผิด!!

                สฟิงซ์ตัวที่ถามคำราม

                ได้ยินดังนั้นใบหน้าของกวินทร์ก็ซีดขึ้นมาทันทีเจ้าตัวร้องเสียงหลงอย่างคาดไม่ถึง

                “หา!

                สฟิงซ์ทั้งสี่ตัวคำรามขึ้นพร้อมกันว่า

                “ลงทัณฑ์!!!

                ทันใดนั้นท้องฟ้าก็ถูกปกคลุมไว้ด้วยเมฆฝนสีดำทะมึน สายฟ้ากระหน่ำฟาดลงมาที่ร่างของกวินทร์

                เด็กหนุ่มกรีดร้องท่ามกลางสายฟ้าที่กำลังแผดเผาร่างกาย

                “อ๊ากกก!!!

     

    กวินทร์ Lv. 52

    [/////3050:4550//...]

     

                เมื่อสายฟ้าหยุดลงเมฆก็สลายตัวไปด้วย ร่างของกวินทร์ส่งกลิ่นไหม้ลอยฉุยออกมา และออกอาการโงนเงนจนเกือบล้มแต่ก็ใช้ดาบปักกับพื้นเป็นหลักยันเอาไว้

                “เฮ้ย! มันก็น่ายจะถูกแล้วไม่ใช่เรอะ!

                เมษาค้านกลับไปแต่สฟิงซ์กลับตอบว่า

                “คำตอบที่ถูกต้องคือหมาถูกรถชนตอนเช้าขาหักไปสองข้างตอนกลางวันพาไปให้หมอตัดขาที่หักออกเลยเหลือสองข้าง ต่อขาเทียมข้างหนึ่งเพื่อให้เดินได้ในตอนเย็นจึงเหลือขาสามข้าง

                “อะไรฟระนั่นคำตอบแถสีข้างถลอกแบบนั้นพวกแพ้แล้วพาลนี่หว่า

                เมษาต่อว่ากลับไป แต่พวกสัตว์เทวะมันจะมีสำนึกแบบคนอยู่งั้นเหรอไม่เข้าใจว่าหมอนี่คิดอะไรอยู่กันแน่หรือไม่ก็อาจจะไม่ได้คิดอะไรเลย

                “ท่าทางว่าจะใช้สามัญสำนึกกับสัตว์เทวะไม่ได้นะคะเนี่ย

                มีนาซึ่งยืนอยู่เคียงข้างเขาที่ยืนอยู่ด้านหลังของเมษากับกวินทร์พูดขึ้นมา

                “…”

                คำถามของสฟิงซ์คือสกิลที่มีกฎควบคุมเอาไว้หากตอบผิด ตอบนอกเรื่องหรือไม่ยอมตอบแล้วล่ะก็จะถูกการโจมตีที่รุนแรงทำดาเมจใส่อย่างเลี่ยงไม่ได้ ดูจากที่กวินทร์ซึ่งมีพลังป้องกันตามสายอาชีพสูงกว่ายังถูกลดพลังชีวิตลงไปขนาดนั้นนับว่ามีพลังโจมตีน่ากลัวใช่ย่อยและถึงจะดูไร้สาระไปบ้าง แต่ก็เป็นสกิลที่ร้ายกาจเพราะไม่สามารถหลบเลี่ยงหรือตอบโต้ได้เลยกลับกันถ้าหากตอบคำถามถูกพวกมันก็จะโดนผลของสกิลย้อนกลับไปเล่นงานตัวเองด้วยเหมือนกัน

                “ปุจฉา!” “วิสัชนา!

                พวกสฟิงซ์เริ่มถามคำถามอีกครั้งแถมยังพร้อมกันสี่ตัว

                “สมมติว่าเจ้าเป็นเจ้าของร้านอาหารร้านแห่งหนึ่ง ทั้งร้านมีโต๊ะอาหาร สี่ ตัว โต๊ะที่หนึ่งกับโต๊ะที่สองเพิ่งสั่งอาหาร โต๊ะที่สามจ่ายเงินเเล้ว เเต่โต๊ะที่สี่เบี้ยวเจ้าจะทำอย่างไร

                หนนี้เป็นคำถามที่ฟังดูแล้วเหมือนจะเป็นปัญหาเชาว์แต่ถ้าลองตรองดูดีๆ แล้วล่ะก็...

                ระหว่างที่อิงศรกำลังคิดอยู่นั่นเอง เมษาก็ตะโกนตอบไปซะก่อน

                “ถามมาได้ก็อัดให้เละแล้วบังคับให้จ่ายไง!

                แน่นอนว่าคำตอบนั้น...

                “ผิด!

                “แว้ก!!!

                สายฟ้าฟาดลงมาที่เมษา ทำความเสียหายอย่างหนักหน่วง

     

    เมษา Lv. 52 (อัมพาต)

    [/////3240:6145.....]

     

                ก่อนจะล้มฟุบลงกับพื้น บนหน้าจอแสดงพลังชีวิตขึ้นสถานะผิดปกติ อัมพาตสถานะที่ทำให้ไม่สามารถขยับตัวได้ชั่วระยะเวลาหนึ่ง

                เมื่อพิจารณาจากความเสียหายที่มากกว่าหนที่กวินทร์โดนไปและมีผลข้างเคียงจากการโจมตีเพิ่มขึ้นมาทำให้พออนุมานได้ว่าความรุนแรงของการโจมตีน่าจะขึ้นกับคำตอบด้วย

                ในช่วงที่ความสนในของพวกสฟิงซ์ไปลงกับเมษาอยู่นั่นเอง มีนาก็อาศัยจังหวะนั้นเรียกเนโครดราก้อน

                “เนโครดราก้อนสเตโกซอมบี้

                แล้วฟันจอบทะลุพื้นซีเมนท์

                พื้นระเบิดออก ร่างกระดูกซึ่งมีแผ่นเกล็ดหนาบนหลังเป็นอาวุธทะลวงพื้นซีเมนท์ขึ้นมายืนประจันหน้ากับเหล่าสฟิงซ์ หล่อนออกคำสั่งให้โจมตี

                “จัดการเลยค่ะสเตโกจัง!

                แต่พวกสฟิงซ์กลับหันมาแล้วพูดว่า

                “ผิด!

                จากนั้นสายฟ้าก็ฟาดลงมาไม่เพียงเท่านั้นสายฟ้าโหมฟาดลงมาอย่างหนักหน่วงกว่าทุกครา แต่แทนที่จะฟาดใส่มีนา สายฟ้ากลับย้ายไปที่เนโครดราก้อนแทน

                มังกรกระดูกถูกไฟช็อตจากนั้นกระดูกก็หลุดกระจายออกเป็นชิ้นๆ แล้วไม่ขยับอีก

                การที่สายฟ้าไม่จู่โจมใส่มีนาโดยตรงเคยได้ยินมาว่าเฉพาะเนโครดราก้อนสเตโกซอมบี้ ที่นอกจากจะโจมตีระยะไกลได้แล้วยังสามารถดึงการโจมตีที่จะพุ่งใส่เธอเข้าไปหาตัวเองได้

                หากว่าเมื่อครู่ไม่มีเนโครดราก้อนตัวนั้นเป็นโล่ให้ มีนาอาจต้องตายด้วยการโจมตีนั้นเพราะดูท่าว่าหากไม่ยอมตอบคำถามแล้วเข้าแทรกแซงในระหว่างที่การ ถาม-ตอบ ยังดำเนินอยู่ความเสียหายที่สร้างให้จะรุนแรงที่สุด ถึงเธอจะมีพลังชีวิตมากกว่าเขาแต่พลังป้องกันนั้นเรียกได้ว่าต่ำเตี้ยเรี่ยดินต่อให้เทียบกับสายอาชีพเรนเจอร์ของเขาก็ยังเทียบไม่ติดฝุ่นด้วยซ้ำไปเธอเปราะบางถึงขนาดนั้น

     

    มีนา Lv. 52

    [/////4056:4056/////]

     

                ตอนนี้เหลืออิงศรเพียงคนเดียวที่ยังไม่ตอบคำถาม รอบที่แล้วพอกวินทร์ตอบผิดพวกมันก็เปลี่ยนคำถามใหม่แต่รอบนี้กลับยังไม่ได้เปลี่ยนคำถาม น่าจะเป็นเพราะคำถามนี้พวกมันถามพร้อมกันทั้งสี่ตัว ถ้าการโจมตีหนึ่งครั้งนับเป็นคำถามของหนึ่งตัวงั้นมันก็ยังรอให้เขาตอบคำถามนี้อยู่เหมือนกันสินะ

                อิงศรพยายามเดาทางสกิลของพวกมัน แต่เจ้าสฟิงซ์ก็ชิงบอกมาเองเสียก่อน

                “จะตอบรึเปล่ามนุษย์

                เป็นอย่างที่คิดไว้ไม่มีผิด

                “...”

                “ไม่ตอบสินะถ้าอย่างนั้น...

                พอเห็นว่าเขาไม่ตอบมันก็ทำท่าจะพูดว่า ผิดเพื่อใช้สกิลโจมตีใส่ ดังนั้นอิงศรจึงตอบคำถามไปด้วยคำตอบที่เขาคิดได้ตั้งนานแล้ว

                “ถ้ามันเบี้ยวก็จัดให้ตรงซะสิ

                “ถูก..

                มีเสียงแว่วออกมาจากปากของสฟิงซ์ตัวนั้น แล้วสายฟ้าก็ฟาดเปรี้ยงลงมา สฟิงซ์ล้มลงตัวงอเหมือนกุ้ง

                ความรุนแรงของสายฟ้าลดแถบพลังชีวิตของมันเกือบหมดในคราวเดียวแถมยังพ่วงสถานะผิดปกติเพิ่มขึ้นมา

     

    QuizFangerZodiac Lv. 56 (อัมพาต)

    [//...2000:5000…..]

     

                “ตอนนี้แหละ!   

                อิงศรให้สัญญาณโจมตี

                “ครับ!

                กวินทร์ตอบรับจากนั้นก็เริ่มตั้งท่า เพราะระยะจากที่เขายืนอยู่จนถึงตัวสฟิงซ์ยังห่างกันอยู่มากถ้าวิ่งเข้าไปโจมตีตรงๆ ก็จะต้องวิ่งผ่านพวกสฟิงซ์สามตัวที่ยังสภาพพร้อมดีซึ่งอันตรายเกินไปดังนั้นเขาจะใช้สกิลโจมตีระยะไกลของสายอาชีพเวพ่อนเอนแชนท์เตอร์ที่มีเฉพาะบิลด์คลาสสายเอเลเมนทัลเอนแชนท์เตอร์เท่านั้น

                กวินทร์ประกาศชื่อสกิล

                “ฟอเรสต์แดนซ์! (Forrest Dance)”

                แล้วเริ่มร่ายรำสะบัดดาบไปตามทิศต่างๆ อย่างรวดเร็ว ท่าร่ายรำนั้นแสดงออกถึงความงดงามของธรรมชาติ ความอ่อนช้อยในกระบวนร่ายรำบ่งบอกถึงการงอกเงยของต้นไม้การดำรงอยู่ของป่า

                แต่กวินทร์ที่ร่ายรำอยู่นั้นกลับไม่มีความงดงามหรืออ่อนช้อยตามแบบที่ว่าเลยแม้แต่เสี้ยวเดียว เด็กหนุ่มเพียงแค่แกว่งดาบไปมาด้วยท่าทางที่แข็งทื่อและเกร็งเสียจนเกือบขัดขาตัวเองล้มแต่ก็รำจบชุดไปได้ทำให้สกิลสำแดงฤทธิ์เดชออกมา เมื่อเขาหมุนตัวกลับมากระทืบเท้าลงเพื่อจบท่ารำ

                พื้นที่ถูกกระทืบสั่นไหว ทั้งที่เหยียบลงไปด้วยแรงตามปกติแต่กลับสั่นไหวได้อย่างรุนแรงจนเหลือเชื่อ จากนั้นรากไม้ก็ผุดขึ้นมาจากพื้นตรงหน้าที่กวินทร์ยืนอยู่

                รากไม้จำนวนมากผุดขึ้นมาแล้วพุ่งใส่สฟิงซ์ที่นอนแน่นิ่ง เสียบทะลุที่ต้นคอ ลำตัว และแขนขา ทรายพุ่งจากบาดแผลออกมาเป็นสายราวกับน้ำเลือด ก้อนอิฐที่เรียงเป็นร่างกายทยอยหลุดออก แถบพลังชีวิตของมันกลายเป็นว่างเปล่าไปแล้ว

     

    QuizFangerZodiac Lv. 56 (อัมพาต)

    [........0:5000…..]

     

                วาระสุดท้ายของสัตว์เทวะสฟิงซ์ได้กลับคืนเป็นกองหินกองทรายแล้วสลายตัวไป

                “ปุจฉา วิสัชนา!

                แต่การต่อสู้ยังไม่จบพวกสฟิงซ์ที่เหลือระดมยิงคำถามมาแถมยังป็นคนละคำถามกันโดยสิ้นเชิง

                “บางเดือนมีสามสิบวัน บางเดือนมีสามสิบเอ็ดวัน แล้วเดือนที่มียี่สิบแปดวันจะมีกี่เดือน

                “โมเสสเอาสัตว์ขึ้นเรือไปตอนวันสิ้นโลกชนิดละกี่ตัว

                “อะไรเอ่ย มีสองปีก ยี่สิบสองขา

                มาถึงขั้นนี้อิงศรก็จับทางคำถามของสฟิงซ์ได้ทั้งหมดแล้ว คำถามเหล่านั้นมันเป็นการละเล่นของเด็กซึ่งเคยเล่นมาก่อนที่โลกจะล่มสลายเสียอีก

                อิงศรตอบทุกคำถามกลับไปพร้อมกัน

                “ทุกเดือนเพราะทุกเดือนมีวันที่ยี่สิบแปด โมเสสไม่ได้เอาสัตว์ขึ้นเรือโนอาห์ต่างหาก ทีมฟุตบอลหนึ่งทีมคนเล่นสิบเอ็ดคนรวมมียี่สิบสองขาตำแหน่งปีกมีสองตำแหน่งคือปีกซ้ายกับปีกขวา

                “ถูกต้อง!” “ถูกต้อง!” “ถูกต้อง!

                สฟิงซ์ทั้งสามพูดขึ้นพร้อมกันและถูกสายฟ้าฟาดใส่พร้อมกันจนมีสภาพไม่ต่างไปจากตัวที่โดนตอบถูกในตอนแรก

                ขณะเดียวกันเมษาที่ล้มลงไปเพราะสภาพผิดปกติก็หายจากอาการนั้นแล้วลุกขึ้นจากพื้น

                “เจ๋ง ได้เวลาเอาคืนล่ะทีนี้

                พูดพลางหักนิ้วไปมาด้วยใบหน้าเหี้ยมเกรียมก่อนจะถลกเสื้อที่ใส่ออก

                “เชิ้ตออฟ!

                แล้วบุกเข้าไปทั้งร่างที่เปลือยท่อนบนซึ่งได้รับการเสริมพลังจากสกิลพาสซีฟประจำตัว

                มีนาเรียกเนโครดราก้อนออกมาอีกครั้ง

                “เนโครดราก้อนเวโรซอมบี้แรพเตอร์!

                มังกรกระดูกขนาดตัวเล็กเท่าไก่จำนวนสองตัวผุดขึ้นมาจากพื้นที่จอบของเธอฟันลงไป

                ส่วนกวินทร์ก็ตั้งท่าร่ายรำอีกครั้ง

                “ฟอเรสต์แดนซ์

                ขณะเดียวกันเมษาก็วิ่งไปถึงตัวสฟิงซ์ที่ล้มอยู่ตัวหนึ่ง แล้วเตรียมจะปลิดชีพมัน เขาประสานมือยกขึ้นเหนือศีรษะพลางตะโกนว่า

                “ไกอาแฮมเมอร์! (Gaia Hammer)”

                ฝุ่นทรายบนพื้นปลิวว่อนแล้วลอยขึ้นมารวมกันที่มือซึ่งประสานเอาไว้ ฝุ่นทรายจับตัวแข็งเป็นก้อนหินในพริบตา เมษาหวดกำปั้นที่กลายเป็นหินนั้นทุบลงไปที่ท้องของสฟิงซ์

                ท้องของมันยุบตัวแตกเป็นรูโหว่ในทันที แถบพลังชีวิตลดลงหมดในการโจมตีนั้น ร่างของมันเริ่มสลายตัว

                และที่ด้านข้างนั่นเองเนโครดราก้อนของมีนาก็เพิ่งจะจัดการไปได้อีกตัว ตอนนี้เหลือแค่ตัวที่กวินทร์ต้องจัดการ แต่เจ้าตัวยังคงร่ายรำสกิลไม่เสร็จ

                “เหวอ!

                ซ้ำร้าย หนนี้เขายังสะดุดขาตัวเองล้มลงก่อนจะร่ายสกิลเสร็จทำให้การโจมตีกลายเป็นโมฆะไป สฟิงซ์เองก็หายไปจากอาการอัมพาตแล้วและกำลังจะลุกขึ้นยืน

                “กิฟท์ แอโร่ว์

                อิงศรประกาศสกิลแล้วแผลงศรออกไป ที่ลูกธนูมีระเบิดแนบติดไปด้วย

                สฟิงซ์ถูกระเบิดจนร่างแหลกเละกระจุยกระจาย เม็ดทรายในร่างของมันไหลบ่าเป็นน้ำทันที่แถบพลังชีวิตกลายเป็นว่างเปล่า แล้วทรายจากร่างกายของพวกมันก็สลายไป

                การต่อสู้จบลงแค่นั้น อิงศรสำรวจทีมของตัวเอง

                มีแต่เขากับมีนาที่ไมได้รับบาดเจ็บ

     

    อิงศร Lv. 52

    [/////3200:3200/////]

     

                แต่กวินทร์กับเมษา ทั้งคู่เจ็บหนักพอสมควร และอย่างยิ่งโดยเฉพาะกวินทร์ที่ทำพลาดไปในตอนสุดท้ายจนล้มหน้าคะมำพื้นยังคงไม่ลุกขึ้นมา

                “คุณกวินทร์เป็นอะไรหรือเปล่าคะ

                มีนาวิ่งเข้าไปดูอาการเป็นคนแรกเธอตั้งใจจะจับตัวเด็กหนุ่มพลิกขึ้นมา แต่เขากลับลุกขึ้นด้วยตัวเองเสียก่อนที่จะทันแตะต้องตัว แล้วหันมายิ้มให้

                “ไม่เป็นไร...แค่มึนนิดหน่อยน่ะครับ

                เป็นการโกหกที่ไม่แนบเนียนเอาซะเลยเพราะเห็นกันอย่างชัดเจนว่าที่หน้าผากของเขามีเลือดไหลซึมออกมา คงจะไปกระแทกโดนเศษหินบนพื้นเอาตอนที่ล้ม

                “เฮ้ยๆ หน้าผากนายเลือดอาบอยู่นะไหวแน่เร้อ

                เมษาพูด

                “ครับไม่...เป็น...ไร

                กวินทร์พูดจากนั้นร่างกายก็เริ่มเอนไปมา

                “เฮ้ย!

                “คุณกวินทร์คะ!

                “…”

                กวินทร์ทรุดตัวจะล้มแต่เมษาก็เข้าไปรับร่างของเขาเอาไว้ก่อน

                “ขอโทษนะครับ...อยู่ๆ ก็ง่วงขึ้นมาแล้วมันก็...วูบไปเลย

                สีหน้าของกวินทร์ไม่ค่อยสู้ดีนัก

                เมษาพูด

                “ไหวแน่นะนาย...

                แต่แล้วเมษาก็พลอยเป็นไปด้วยทั้งคู่ทรุดตัวลงไปนั่งบนพื้น

                “เมษา!

                “เฮ้! พวกนายเป็นอะไรไป...

                อิงศรพูดได้แค่นั้นเพราะเมษายกมือขึ้นปรามไม่ให้พวกเขาตกใจมากไปกว่านั้นแล้วพูดว่า

                “โทษทีไม่มีอะไรหรอกท่าทางชั้นจะนอนไม่พอน่ะเจ้ากวินทร์ก็ด้วย

                แต่มีนาไม่คิดเช่นนั้นเธอก้มลงไปวัดไข้ทั้งสองคน

                “ไม่มีไข้ก็จริงค่ะแต่ว่าสีหน้าไม่ค่อยดีทั้งคู่เลยคงเพราะสี่วันมานี่เราโหมสู้จนแทบไม่ได้พักน่ะค่ะ

                ถ้าข้อสรุปเป็นเช่นนั้นก็ถือว่ายังไม่ร้ายแรงเพราะถ้าล้มป่วยไปล่ะก็เวลาที่ใช้ในการเก็บเลเวลคงจะมีไม่พอ แต่ถ้าป่วยขึ้นมาจริงๆ ...

                ป่วยในโลกที่กลายเป็นเกมซึ่งโรคภัยไข้เจ็บถือเป็นสถานะผิดปกติที่ฟื้นตัวได้ง่ายๆ โดยแค่ปล่อยทิ้งไว้ซักพัก ถ้ายังป่วยได้ทั้งที่โลกเป็นแบบนั้นไปแล้วคงเป็นเรื่องใหญ่แน่

                อิงศรเปิดหน้าจอดูเวลา มันบอกเวลาเกือบเที่ยงตรงแล้ว

                แสงแดดเริ่มแรงอุณหภูมิก็สูงขึ้น บ่ายวันนี้อากาศคงจะอบอ้าวน่าดู ถ้าเป็นอย่างนั้นจะปล่อยให้ทั้งสองคนที่กำลังอ่อนแรงฝืนต่อไปคงไม่ดี

                “เดี๋ยวหลังจากกินกลางวันเสร็จพวกนายไปพักซักชั่วโมงก็แล้วกัน

                แต่กวินทร์ก็พูดแย้งขึ้นมา

                “ถ้าพักจะเสียเวลานะครับผมน่ะไม่เป็นไร...

                แล้วพยายามฝืนลุกขึ้นยืนเพื่อแสดงให้เห็นว่าตนเองยังไหวแต่ก็ลุกไม่ขึ้น

                “แค่ชั่วโมงเดียวมันไม่สายเกินไปหรอกน่า ถ้าเกิดแนวหน้าอย่างพวกนายหลับกลางคันขึ้นมาพวกชั้นที่อยู่ข้างหลังก็ซวยกันพอดี

                ดังนั้นกวินทร์จึงยอมทำตามอย่างว่าง่าย

                “ครับ

                “แล้วก็..

                อิงศรชะงักคำพูดเอาไว้ เพราะไม่แน่ใจว่าควรจะพูดไปดีไหมแต่จากการต่อสู้นั้นก็แสดงข้อเท็จจริงออกมาแล้วดังนั้นควรจะพูดออกไป

                “เรื่องบิลด์สกิลน่ะถ้าไม่ถนัดล่ะก็จะเปลี่ยนก็ได้นะ

                สกิลที่กวินทร์ใช้ในการต่อสู้เมื่อครู่นั้นเป็นชุดสกิลที่เขาเป็นคนจัดโดยคิดให้กวินทร์เป็นสายโจมตีเต็มรูปแบบของกลุ่มเมื่อดูจากสไตล์การต่อสู้ที่ผ่านๆ มามักจะโจมตีได้รุนแรงทั้งที่ใช้สกิลธาตุน้ำแข็งซึ่งเด่นด้านการสนับสนุนมากกว่า ถึงจะเห็นผลไปแล้วว่าสกิลสายระบำดาบที่มีพลังทำลายสูงนั้นใช้ได้ผลเป็นอย่างมากแต่กวินทร์กลับใช้ได้ไม่คล่อง ถ้าอย่างนั้นก็ควรจะเปลี่ยนไปใช้รูปแบบที่ถนัดจะดีกว่า

                แต่กวินทร์กลับพูดว่า

                “ไม่ต้องเปลี่ยนหรอกครับที่พี่ศรจัดมาให้เนี่ยดีที่สุดแล้วที่เมื่อกี้ผิดพลาดน่ะเป็นเพราะผมมันมือไม่ถึงเอง

                “งั้นเหรอ แต่ถ้าไม่ไหวก็อย่าฝืนล่ะชุดสกิลนั่นน่ะชั้นจัดขึ้นมาโดยอ้างอิงจากน้องชายชั้นที่เป็นเวพ่อนเอนแชนท์เตอร์เหมือนกันแต่ว่านายไม่ได้มีพรสวรรค์เหมือนหมอนั่น เพราะนายเองก็มีสิ่งที่นายเท่านั้นที่จะทำได้อยู่พยายามเน้นที่จุดนั้นจะดีกว่า

                ทั้งที่พูดสั่งสอนออกไปแต่กลับรู้สึกได้ว่าสายตาที่กวินทร์ใช้จ้องมองเขานั้นเป็นสายตาอยากรู้อยากเห็นแทนซะนี่ แถมอีกสองคนก็ยังมีสายตาแบบเดียวกันด้วย

                “อ...อะไรเล่า แล้วมามองชั้นกันทำไมล่ะเนี่ย

                จากนั้นมีนาก็พูด

                “เอาอีกแล้วๆ พูดถึงน้องชายอีกแล้วนะคะ

                แล้วเมษาก็ตามน้ำมาอีกว่า

                “เฮ้อ~ เป็นพวกหวงน้องกว่าที่คิดนะเนี่ย

                แม้แต่กวินทร์เองก็ยัง

                “พี่ศรเนี่ยรักน้องชายมากเลยสินะครับ

                ทั้งที่หมอนี่ควรจะคิดด้วยซ้ำไปว่ากำลังโดนเขาใช้เป็นตัวแทนของมิ่งขวัญอยู่แท้ๆ ก็น่าจะแสดงความรู้สึกไม่พอใจออกมาบ้าง

                แต่กวินทร์กลับยิ้มหน้าบานแฉ่งที่ได้ยินเขาเล่าเรื่องของมิ่งขวัญให้ฟัง

     

                “กลับกันได้แล้วจะได้กินข้าวกันซักที ถ้ามัวแต่ชักช้าเดี๋ยวเจ้าสฟิงซ์มันก็ได้โผล่ออกมายิงคำถามกันอีกหรอก

                อิงศรพูดตัดบทแล้วออกเดินนำไป จากนั้นก็ได้ยินเสียงพูดคุยของกวินทร์กับเมษาดังมาจากทางด้านหลัง

                “อะไรเอ่ย คนมีไม่ได้ใช้คนใช้ไม่ได้มี

                “เอ่อ...โลงศพใช่ไหมครับ

                “ผิด! Exp ของสัตว์เทวะต่างหากเล่านี่แน่ะ จี๋ๆๆ

                จากนั้นเสียงหัวเราะของกวินทร์ก็ดังลั่นไม่ต้องหันไปดูก็พอจะรู้ว่ากำลังเล่นอะไรอยู่

                “ฮะๆๆ พ...พอเถอะครับ...ฮะๆ..ไม่ไหวแล้ว

                อิงศรเมินบทสนทนาเหล่านั้นแล้วก้าวเท้าเร็วขึ้นอีกเล็กน้อยเพื่อจะได้รีบพักกันซักที

    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    นิยายที่ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×