คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #254 : Extra Log 250: รวมตัว
เหนือน่านฟ้าของเมือง
หลุมดำซึ่งเกิดมาจากพลังของราหู จากเดิมที่มีขนาดเท่ากับรถยนต์คันหนึ่ง
ตอนนี้มันได้ขยายขนาดเพิ่มขึ้นเป็นหกเท่า หลุมดำเปล่งประกายแสงระยิบระยับออกมาแต่นั่นไม่ใช่แสงของมันเองหากแต่เป็นแสงสว่างที่ถูกดูดเข้าไป
ราหูพูด
“วอยด์สตาร์ติดตั้งเรียบร้อย
ทีนี้บทบาทของราหูลาริสก็จะสิ้นสุดลงที่นี่”
แล้วทอดสายตาลงไปด้านล่าง
ในขณะที่ยืนสังเกตการณ์หลุมดำโดยลอยตัวอยู่กลางอากาศก็ได้ส่งลูกสมุนสามตนไปถ่วงเวลาผู้ขัดขวาง
อิงศรกับเหล่าผู้ติดตามพ่ายแพ้ให้กับลูกสมุนของราหูอย่างหมดรูป
แม้ว่าพลังกับจำนวนเมื่อนับรวมกันแล้วก็ไม่ได้ด้อยไปกว่าสมุนทั้งสามก็ตาม
กระนั้นก็ยังพลาดท่า
สาเหตุก็คือความประมาทนั่นเอง ความประมาทซึ่งตนตั้งใจให้เป็นไปตามนั้น
ราหูมองลึกเข้าไปในหัวใจของอิงศรและค้นพบความเคลือบแคลงใจอยู่ภายในนั้น
จงใจใช้คำพูดชักจูงรั้งความสนใจเอาไว้แล้วก็ส่งสมุนออกไปล้อมในขณะนั้น
จากการเฝ้าจับตาดูมาโดยตลอดทำให้รู้ว่าผู้ติดตามของอิงศรนั้นเคลื่อนไหวโดยเชื่อฟังคำสั่งจากอิงศรทั้งหมด
เป็นเพราะความเชื่อมั่นที่มีให้กันอย่างแรงกล้าเมื่ออิงศรตกอยู่ในความสับสนจนลืมสนใจรอบข้างแผนการก็เป็นไปโดยราบลื่น
แต่ก่อนที่จะเผด็จศึกกลับมีตัวเกะกะเข้ามาเพิ่ม…
เมื่อวอยด์สตาร์
วัตถุคล้ายหลุมดำถูกติดตั้งลงบนท้องฟ้าพลังของมันทำให้เกิดช่องว่างที่เชื่อมต่อไปยังโลกอื่น
พลังที่ทำให้มิติคู่ขนานทั้งหมดบิดเบี้ยวแล้วเริ่มเชื่อมเข้าหากัน
รวมถึงโลกก่อนหน้าที่บุกไปก็ด้วยตัวตนจากโลกใบนั้นไล่ตามมายังฝั่งนี้
มิ่งขวัญจากอีกโลกคู่ขนานร่อนลงมาจากช่องว่างที่ว่า
แล้วช่วยอิงศรผู้เป็นพี่ชายโดยไม่คำนึงถึงข้อเท็จจริง
ข้อเท็จจริงว่านั่นไม่ใช่พี่ชายที่แท้จริงของตนเพราะที่นี่คือโลกอีกใบที่มีความคล้ายคลึงกันเท่านั้น
อิงศรที่โลกใบนั้นกับโลกนี้แตกต่างกันโดยสิ้นเชิง
ราหูพูดใส่มิ่งขวัญที่ยืนประจันหน้ากับสมุนทั้งสาม
“ไม่เจอกันมาซักพักเลยนะมิ่งขวัญ”
ขณะเดียวกันเหล่าสมุนซึ่งประกอบด้วยปีศาจสิงโต
กับ ผู้หญิงผมขาว และเจ้าของหมัดจรวดซึ่งก็คือหุ่นยนต์คล้ายมนุษย์ทำจากโลหะสำริดขนาดตัวของมันสูงกว่าอาคารที่อยู่รอบๆ
นี่ เป็นรองแค่ขนาดของราหูเท่านั้น
มิ่งขวัญจากอนาคตแหงนหน้ามองมาทางนี้
“แกมาอยู่ที่นี่เองงั้นเรอะราหูลาริส”
ราหูพูด
“การที่เจ้าข้ามมายังฝั่งนี้ได้ก็เช่นกันอย่างเจ้าน่าจะรู้ดีนะมิ่งขวัญว่ามันหมายความว่าอย่างไร”
“ไม่ยอมให้แกทำตามใจชอบหรอก”
“เป็นเด็กดื้อจังน้า~...จัดการซะ
สแกร์ครอส”
สิ้นคำของราหู
ผู้หญิงผมขาวก็ตวัดแขนที่เป็นเคียว การตวัดนั้นรุนแรงจนทำให้เกิดคลื่นสุญญากาศ
คลื่นอันคมกริบพัดโถมใส่พวกอิงศรที่ไม่อยู่ในสภาพจะป้องกันตัวเองได้
คลื่นไม่ได้สังหารแต่มอบความเจ็บปวดให้แทน
คลื่นกระทบลงบนร่างของแต่ละคนฝากบาดแผลอันเจ็บปวดกระตุ้นให้กรีดร้องทรมาน
ทั้งหมดนั่นก็เพื่อปั่นหัวมิ่งขวัญจากอนาคต
“ทุกคน
อดทนเอาไว้นะ”
มิ่งขวัญจากอนาคตพูด
พลางกำหอกสีขาวในมือแน่นขึ้นไปอีก
อิงศรเป็นเพียงคนเดียวที่ไม่ได้กรีดร้องให้กับบาดแผลที่โดนคลื่นสุญญากาศ
เขากัดฟันทนแล้วข่มความเจ็บปวดเอาไว้เพราะรู้เป้าหมายของศัตรู
หากกรีดร้องออกไปจะเข้าทางพวกมัน
สายตาของอิงศรจดจ้องไปยังหอกในมือของมิ่งขวัญจากอนาคต
หอกแห่งเมสสิยาห์
หอกซึ่งเหมือนกับหอกของออร์ฟี่ อิงศรเริ่มคิดถึงความเชื่อมโยงของอันน่าประหลาด
หอกแห่งเมสสิยาห์ของโลกคู่ขนานตกอยู่ในมือของมิ่งขวัญจากอนาคตเจ้าตัวได้บอกกับพวกเขาว่าเดิมทีเป็นหอกที่อิงศรในโลกนั้นเป็นผู้ถือครองก่อนจะสละชีพเพื่อปกป้องโลกเอาไว้แล้วมันก็ส่งต่อมาถึงมิ่งขวัญ
หอกแห่งเมสสิยาห์ของโลกนี้ปรากฏออกมาเมื่อซีลอร์ดกลายเป็นมนุษย์โดยสมบูรณ์
หอกที่เหมือนกันจากโลกทั้งสองใบ
มันกำลังจะเกิดอะไรขึ้นกันแน่
ตอนนั้นเอง
ราหูก็พูด
“แหมๆๆ
มีความเป็นผู้นำดีจังนะต่างกับตัวเองในโลกนี้ลิบลับเลยเพราะว่าพี่ชายที่นั่นดันด่วนจากไปก่อนเธอก็เลยต้องออกนำพวกพ้องที่เหลืออยู่ต่อสู้กับข้าถึงสองปี”
พูดเรื่องที่น่าจะเกิดขึ้นในโลกฝั่งนั้น
อิงศรยันร่างตัวเองให้ลุกขึ้นแล้วพยายามส่งเสียงออกไป
“ข…ขวัญ”
แต่มิ่งขวัญจากอนาคตก็พูดขัด
โดยที่ไม่หันกลับมา
“พี่ศรอย่าเพิ่งฝืนพูดอะไรเลย”
ราหูพูด
“ดูเหมือนพี่ชายเริ่มอยากจะฟังเรื่องที่เกิดขึ้นในรูทก่อนๆ
นะ ข้าจะเล่าให้ฟังก็ได้น้า~”
“หุบปากไปเลย
การที่แกปรากฏตัวมาแบบนี้ก็เพราว่าเตรียมจะทำลายโลกทั้งหมดแล้วไม่ใช่รึไง”
“รีบปัดจังนะ
ไม่อยากให้พี่ชายรู้ถึงความขมขื่นที่ตัวเองต้องเผชิญซ้ำเหมือนในรูทก่อนงั้นเหรอรักพี่จังเลยนะ”
“มันไม่มีทางเกิดขึ้นซ้ำรอยหรอกน่า
เพราะฉันจะหยุดมันไว้เอง”
“ไม่หรอก
ที่เจ้ารีบบอกปัดไม่ใช่เพราะว่าห่วงพี่ชายแต่เพราะไม่อยากให้ตัวเองต้องขมขื่นกับการเปลี่ยนไปที่แสนน่าสมเพชสำหรับตัวเจ้าเองสินะมิ่งขวัญ”
“หุบปาก!”
“พี่ชายแสนดีกลายเป็นตัวแบบนั้นไปซะแล้ว
แย่จังรับไม่ได้เลย จะไม่ยอมให้เกิดเรื่องแบบนั้นอีกแล้ว
แต่ว่าพวกพ้องที่พี่ชายรวบรวมมาให้ก็ทยอยกลายเป็นตัวน่ารังเกียจกันไปทีละคนๆ
แล้วตัวเจ้าเองที่หนีเอาตัวรอดก็ถูกทิ้งไว้ที่โลกใบนั้นตอนนี้คิดจะมาสำนึกบาปเอาที่นี่รึไง”
มิ่งขวัญตะโกนพร้อมกับชูหอกขึ้นไป
“บอกให้หุบปากไงเล่า!”
บนแผ่นหลังแผ่แสงสว่างออกมา
แสงสว่างกลายเป็นปีก
“เอ็กซ์แลนเซีย!!”
แสงทั้งหมดไหลไปรวมกันที่ปลายหอกแล้วพุ่งออกไป
ลำแสงขยายใหญ่ขึ้นตามระยะทางที่มันพุ่งไปข้างหน้า
สมุนทั้งสามของราหูเคลื่อนไหวตอบโต้การโจมตีนั้น
พยายามจะเอาตัวเข้าไปป้องกันเจ้านาย
แต่ทว่า...
“ไม่จำเป็น”
ราหูพูด
สมุนทั้งสามหยุดเคลื่อนไหวทันที
ลำแสงจึงมุ่งเข้าหาราหูโดยตรง
ลำแสงกลืนร่างของแอดมินิสเทรเตอร์
“อ๊า!!!”
ราหูถูกแผดเผาจนกรีดร้อง
แต่น้ำเสียงนั่นฟังดูไม่เหมือนว่ากำลังทรมานอยู่เลยกลับกันเหมือนกับว่าเจ้าตัวกำลังรื่นรมย์ไปกับความเจ็บปวดนั้นเสียมากกว่า
เมื่อแสงสว่างที่ห้อมล้อมร่างของราหูหายไปหมด
แต่ร่างของมันกลับไร้ซึ่งร่องรอยหรือบาดแผลใดๆ
สมกับที่เป็นร่างพระเจ้า....มีแต่ความคิดแบบนั้น
มีแต่เหตุผลนั้นเท่านั้ที่บอกเล่าว่าทำไมราหูจึงไร้เทียมทานถึงขั้นนี้
“ข้าไม่ใช่พระเจ้าหรอกนะแต่เป็นผู้รุกรานต่างหาก”
ราหูพูดตอบโต้ความนึกคิดของอิงศร
จงใจตอบโต้ความรู้สึกตัดพ้อในใจนั่น
อิงศรถามอีกฝ่ายกลับว่า
“นี่แกอ่านใจฉันงั้นเรอะ”
“ยิ่งกว่าอ่านใจอีก ข้าจะบอกให้รู้เอาไว้ก็แล้วกันไม่ว่าจะอยู่ที่ไหนหรือกำลังทำอะไรอยู่ข้าก็สามารถรับรู้ได้ทั้งหมดนั่นแหละตราบใดที่พวกเจ้ายังอยู่ภายใต้การควบคุมของอาคาชิกเรคคอร์ด”
อิงศรชันร่างกายลุกขึ้น
ร่างกายได้พักเพียงพอพลังของเกมจึงช่วยฟื้นฟูให้กลับมามีแรงแล้ว
แขนส่วนที่ถูกตัดไปก็เริ่มจะงอกขึ้นใหม่
ราหูพูด
“โอ๊ะๆๆ
ดูเหมือนจะเสียเวลามากไปหน่อยโดนขโมยลูกไม้เดียวกันไปใช้ซะแล้วสิ”
จังหวะนั้นเองนรินทร์ก็เดินกึ่งวิ่งเข้ามาหา
“อิงศรทุกคนฟื้นฟูกันหมดแล้วเดี๋ยวผมจะรักษานายให้ยื่นแขนมาสิ”
อิงศรยื่นแขนไปให้นรินทร์
มีเวลาให้ฟื้นฟูแขนขึ้นมาใหม่ไม่มากนัก เพราะถูกศัตรูรู้ตัวเข้าให้เสียแล้ว
ในระหว่างที่มิ่งขวัญจากอนาคตซื้อเวลาให้นั้นพลอยกับนรินทร์ที่พวกเขาปกป้องไว้ให้บาดเจ็บน้อยที่สุดก็เพื่อหวังจะฟื้นฟูแล้วดึงเกมกลับมา
ตอนแรกแผนนี้พินาศไปเรียบร้อยเพราะว่าทุกคนนอกจากสองคนนั้นพากันเสียท่าให้ศัตรูหมด
แต่เพราะการมาอันคาดไม่ถึงของมิ่งขวัญจากอนาคตทำให้สามารถดำเนินแผนนี้ต่อไปได้
รวมถึงความเชื่อมั่นของทุกคน
ที่ถึงแม้จะไม่ต้องบอกก็ยังรับรู้กันได้เองว่าควรจะทำอะไร
ทุกคนต่างเข้าใจถึงหน้าที่ของตัวเอง
นรินทร์รักษาแขนของเขาเสร็จเรียบร้อย
แต่ฝ่ายนั้นก็ยังไม่มีวี่แววว่าจะโจมตีเข้ามา
จงใจรอให้พวกเขาฟื้นฟูเพราะมั่นใจว่าเกมไม่มีทางเปลี่ยนฝั่งมาที่พวกเขาได้อย่างนั้นหรือ?
อิงศรตะโกน
“ทุกคนใช้อิงศรฟอเมชั่น!”
“โออออออออออ!”
ทุกคนส่งเสียงขานรับแล้วกระจายตัวกันออกไปทันที
แต่มิ่งขวัญจากอนาคตกลับตะโกนให้พวกเขาหยุด
“อย่านะ! อย่าทำแบบนั้น ตอนนี้น่ะมัน...”
กว่าจะรู้เหตุผลของคำพูดนั้นก็ตอนที่เรื่องมันเกิดขึ้นไปแล้ว
พวกเขาที่ก้าวเท้าออกไปไม่สามารถขยับตัวได้
“นี่มันอะไรกันน่ะ”
อิงศรพยายามดันเท้าไปข้างหน้าแต่มันไม่ขยับเลย
แขนก็ไม่สามารถขยับได้เหมือนกัน
มีเสียงดังลงมาจากด้านบน
“เจอตัวจนได้นะอิงศร”
อิงศรเงยหน้าขึ้นไปมองไม่ได้เพราะอำนาจบางอย่างที่ควบคุมร่างกายเอาไว้
แต่ว่าเคยได้ยินเสียงนั้นมาก่อน
“กฤษณะงั้นเรอะ”
ได้ยินเสียงร้องของม้าดังไล่มาหลังจากนั้น
กฤษณะขี่ม้าขาวร่อนลงมาจากด้านบน ลงจอดรวมกับพวกสมุนของราหู
“โปรดเรียกผมด้วยชื่อใหม่ด้วยล่ะ ตอนนี้คือกัลกี”
กฤษณะพูดแล้วผละความสนใจไปยังมิ่งขวัญจากอนาคต
“เพราะอิงศรกับคนอื่นๆ
ที่ไม่รู้เรื่องความสามารถของผมก็เลยต้องมาตกอยู่ในสภาพนี้จนได้นะมิ่งขวัญ”
อิงศรตะโกน
เขาไม่สามารถหันไปคุยกับน้องชายจากอนาคตได้
“ขวัญนายเองก็ขยับไม่ได้งั้นเหรอ”
“มันเป็นทริกเกอร์สกิลของกัลกีน่ะ จะทำงานเมื่อศัตรูตั้งแต่ห้าคนขึ้นไปเคลื่อนไหวพร้อมกันในรัศมีสามสิบเมตรรอบตัวมันจะถูกผนึกการเคลื่อนไหว”
“ทริกเกอร์สกิล...มันคืออะไรน่ะ”
“เป็นประเภทหนึ่งของสกิลแบบพาสซีฟน่ะ สกิลพวกนี้จะทำงานเองเมื่อปัจจัยจากภายนอกเข้ากับเงื่อนไขเป็นของที่ไม่มีให้พวกเราใช้หรอกนะเพราะว่าเจ้าพวกนั้นสร้างกันขึ้นมาเอง”
เท่าที่ฟังมาจากมิ่งขวัญแล้วพลังของกัลกีก็เป็นสกิลอย่างหนึ่งในเกมโลกาวินาศ
ถ้าอย่างนั้นก็ยังพอมีวิธีอยู่
“แค่ผนึกการเคลื่อนไหวสินะ
การที่ฉันกับนายยังคุยกันได้อยู่ก็แปลว่ายังใช้สกิลได้...”
รูปแบบของสกิลนั่นน่าจะเป็นประเภทผนึกเขตแดน
ถ้าใช้ ’ซีลเบรก’ ที่เป็นสกิลทำลายผนึกเขตแดนของเขาแล้วล่ะก็...
“ไม่ให้ใช้หรอกน่า”
กัลกีพูดแล้วควบม้าตรงมาที่นี่
ชักดาบกับควงไม้ตะบองพุ่งเข้ามา
อิงศรร่ายสกิลโดยไม่สนใจว่าจะทันหรือไม่
“ซีลเบรก!”
แต่ไม่ทันจริงๆ
นั่นแหละ ดาบของกัลกีตวัดเข้ามาที่คอ คอจะโดนตัด แต่ว่า...
มีอะไรบางอย่างขัดลงมาที่ดาบนั่นแล้วปัดมันกระดอนออกไป
สกิลของอิงศรทำงาน พวกเขากลับมาขยับได้อีกครั้ง
อิงศรยิงธนูสวนออกไป
ลูกดอกไฟกระแทกใส่ม้าซึ่งคงจะไม่ใช่ม้าจริงๆ เพราะมันแตกเป็นผงไปในทันทีที ส่งให้กัลกีที่นั่งอยู่บนหลังร่วงหล่นมาก้นคะมำพื้น
“โอ้ย”
ทันใดนั้นหอกสีขาวก็จ่อเข้าไปที่คอของกัลกี
อิงศรจำได้ว่ามันคือสิ่งที่เข้ามาขัดดาบของกัลกีไม่ให้ฟันเข้าที่คอ
แต่ว่าไม่ใช่หอกของมิ่งขวัญจากอนาคต เพราะหมอนั่นก็ขยับตัวไม่ได้ในตอนนั้น
มีแค่คนเดียวที่มีหอกแบบนั้น
“ออร์ฟี่”
รู้สึกได้ว่าน้ำเสียงของตัวเองนั้นเบิกบานอย่างเต็มที่
“ผมมาช่วยแล้วอิงศร”
ออร์ฟี่กล่าว
แต่กัลกีที่โดนจ่อหอกเข้าที่คอก็ยังไม่สิ้นฤทธิ์ง่ายๆ อันที่จริงออร์ฟี่ไม่ได้แค่จ่อหอกไปที่คออีกฝ่ายแต่ตั้งใจจะแทงให้ตายเพียงแต่ระยะของหอกไม่พอ
กัลกีตวัดดาบปัดหอกให้เบี่ยงออกแล้วถีบตัวกระดอนถอยไปด้านหลัง
ที่นั่น
พวกสมุนของราหูแห่สวนกัลกีเข้ามาหาพวกเขา
แต่กลับมีลำแสงสีแดงพุ่งตัดหน้าไปหาผู้หญิงผมขาวที่เป็นหนึ่งในลูกสมุน
แยกหล่อนออกจากกลุ่มด้วยความเร็วในการฟาดดาบที่เทียบเคียงกับความว่องไวของหล่อน
คนที่เร็วได้ระดับนั้นเท่าที่นึกออกก็มี
“ลิเธียมงั้นเรอะ”
“ไม่ใช่แค่เขาหรอกนะ”
ออร์ฟี่พูด
ดูเหมือนจะไม่ได้มาที่นี่เพียงลำพังแต่พวกราชครูที่อยู่ข้างเดียวกับเขามาด้วย
ไม่นานนักหลังจากคำพูดนั้น
ซีเซียมกับ โพแทสเซียมก็โผล่หัวมา
“ให้ตายเถอะกว่าจะหาพวกแกเจอได้เนี่ยรู้ไหมว่าฉันกับไฮโดรเจนหัวหมุนกันขนาดไหน”
“ฮะฮะ ถึงจะพูดแบบนั้นแต่ก็ไม่เห็นท่านซีเซียมจะทำอะไรเลยไม่ใช่เหรอครับคนที่หาพวกซุงอิงเจอน่ะฝีมือท่านไฮโดรเจนล้วนเลย
เนอะ”
โพแทสเซียมหันมา
‘เนอะ’ ใส่ออร์ฟี่
เพราะกลัวจะโดนซีเซียมเล่นงานเอาที่พูดแซวไป
อิงศรคิด...
เจ้าพวกนี้ไม่ได้เปลี่ยนไปเลยจากที่เจอหน้ากันครั้งสุดท้ายก็ตอนอยู่ที่บาเบล ทั้งที่ทำเป็นพูดเล่นหัวกันอยู่นี่แต่มือก็ยังจับอาวุธโจมตีไปด้วย
ซีเซียมเล็งปืนไปที่ปีศาจสิงโต
“ไฮเปอร์ชู้ตติ้ง”
ร่ายสกิลพร้อมกับลั่นไก
ลูกกระสุนพุ่งออกไปได้เล็กน้อยก็ระเบิดออกเป็นห่ากระสุนโถมใส่จนปีศาจสิงโตหยุดเท้าแล้วตั้งแขนขึ้นป้องกัน
ผิวหนังของมันหนาจนกระสุนยิงไม่เข้า แต่จุดประสงค์ของซีเซียมไม่ได้มุ่งหวังการปลิดชีพอยู่แล้วที่ทำไปก็เพื่อหยุดการเคลื่อนไหวของมันเท่านั้น
คนที่จะปิดฉากก็คือโพแทสเซียม
เจ้านั่นตั้งคันธนูคู่ใจที่ใหญ่พอๆ กับตัวคนใช้ โก่งสายธนูสร้างลูกดอกเพลิงขึ้นมาแล้วร่ายสกิล
“เลเซอร์แอโร่ว”
ลูกดอกที่ขึ้นอยู่บนคันศรเปล่งแสงสว่าง
พอปล่อยออกไปก็กลายเป็นลำแสงขนาดใหญ่พุ่งทะยานออกไป
ลำแสงกลืนปีศาจสิงโตแล้วพุ่งอัดใส่เจ้าหุ่นสำริดยักษ์ที่อยู่ด้านหลังจนหงายล้ม ส่วนปีศาจสิงโตก็นอนแผ่หลาอยู่บนตัวเจ้าหุ่นนั่น
ตอนนั้นเอง
ราหูก็เริ่มเคลื่อนไหว
“มีคนมาจุ้นเยอะเสียเหลือเกินนะ”
“โจทย์เก่าของแกยังมีฉันอยู่อีกคนนะราหู”
มีเสียงดังมาอีก
แล้วคนที่ไม่คาดคิดว่าจะมาอยู่ที่นี่ก็ร่อนลงมายืนขวางหน้าราหู
อิงศรพูด
“แฟรนเซียม นี่นาย...”
ชายคนนั้นคือคนที่น่าจะตายไปแล้ว
***สัปดาห์หน้าจะงดนะครับ ขอเวลาไปเรียบเรียงพล็อตก่อน
เริ่มรู้สึกว่างานตัวเองมันกินที่จนไม่มีเวลามาเรียงพล็อตซะที
แล้วก็เข้าโค้งสุดท้ายของเรื่องแล้วด้วยเลยอยากจัดระเบียบบทที่จะให้เรียบร้อยไปเลยน่ะครับ
ไว้เจอกันใหม่วันอังคารที่ 31 เลยเน่อ****
ความคิดเห็น