คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #241 : Login 238: ปราชัย - โซลาริสผู้เด็ดขาด
Login 238: ปราชัย - โซลาริสผู้เด็ดขาด
คนเราทุกคนเกิดมาจากคนที่เป็นแม่
คนเราทุกคนได้เกิดเพราะน้ำเชื้อจากคนที่เป็นพ่อ
ถ้าหากพระเจ้าคือผู้สร้างแล้วล่ะก็ พ่อกับแม่ก็คงจะเป็นพระเจ้าของลูกทุกคน
…แล้วพระเจ้าของพ่อกับแม่ล่ะ?
ตากับยาย ปู่กับย่า คำศัพท์ถูกกำหนดขึ้นเพื่อบ่งบอกว่าคนๆ
นั้นคือพระเจ้าของเรา
แล้วพระเจ้าของปู่กับย่าและตากับยายล่ะ?
มนุษย์มีพระเจ้าที่ให้กำเนิดต่อกันมาเป็นทอดๆ
ถ้าหากย้อนไปจนถึงมนุษย์คนแรกสุดแล้วมนุษย์คนนั้นคือใครกันเล่า?
ศาสนาบอกว่ามนุษย์คนแรกคือ อดัม
วิทยาศาสตร์บอกว่ามนุษย์คนแรกคือ ลูซี่
ถ้าอย่างนั้นก่อนจะมีมนุษย์ อะไรที่เป็นผู้สร้างพวกเขาขึ้นมา?
คำว่า ‘พระเจ้า’ ถือกำเนิดขึ้นมาก็เพื่อจะตอบโจทย์ข้อนี้นั่นเอง
ถ้าหากคุณได้เผชิญหน้ากับ ‘พระเจ้า’ แล้วคุณคิดว่าพระเจ้าจะเป็นแบบไหนกัน
หากได้พบกับพระเจ้าที่เป็นผู้สร้างต้นกำเนิดของคุณแล้วคุณจะทำอะไร
ส่วนคำตอบของอิงศรนั้น หากได้เผชิญหน้ากับพระเจ้าก็คือ…
“ฉันจะฆ่าแกโซราลิสสสสส!!!”
อิงศรบอกว่าจะฆ่าพระเจ้า
ทำไมถึงต้องฆ่าน่ะเหรอ เพราะว่าพระเจ้าฆ่าพวกพ้องของเขา
ฆ่ามนุษย์ที่สร้างขึ้นมากับมือ
อิงศรจึงอยากฆ่าพระเจ้าเพื่อป้องกันตัว นี่เป็นสัญชาตญาณแต่เดิม
อิงศรรับรู้ได้เช่นนั้นเมื่อกลับขึ้นมาเหยียบย่ำแผ่นดินซึ่งบรรพบุรุษเคยยืนอยู่
ภายในสวนอันเงียบสงบแห่งนี้มีกลิ่นอายความอันตรายคละคลุ้งไปทั่ว
อดัมที่อาศัยอยู่ที่นี่เสื่อครั้งอดีตกาลเป็นคนแบบไหนกันนะถึงสามารถอยู่ท่ามกลางความอึดอัดแสนอันตรายนี่ได้
หรือว่าอดัมจะเป็นสัตว์ร้ายที่คุ้มคลั่งมานับแต่บรรพกาลกันล่ะ
เหมือนกับเขาตอนนี้ที่กำลังแยกเขี้ยวใส่พระเจ้า
อิงศรพุ่งตัวออกไปพร้อมๆ กับเมอร์คาบาห์
พยายามเข้าใกล้พระเจ้าอย่างสุดกำลัง
ตอนนั้นเอง
ปลายแขนงคล้ายรัศมีของโซลาริสก็ปรากฏกางเขนแสงผุดขึ้นมาราวกับคบไฟที่ถูกจุด
กางเขนเหล่านั้นทยอยบินออกมาจู่โจมและทิ่มแทง
อิงศรตวัดดาบกับคันธนูปัดกางเขนแสงที่เข้ามาใกล้โดยที่มีเมอร์คาบาห์คอยตัวฟันทำลายอันที่ป้องกันไม่ทัน
พวกเขาแค่พอต้านไว้ได้แต่ไม่สามารถเดินหน้าต่อได้เลย
‘วัชพืชเอ๋ยเจ้ากำลังแสวงหาสิ่งใดกันแน่’
จู่ๆ ก็ถูกถามด้วยคำถามแบบนั้น นี่เป็นโอกาสที่จะเริ่มการพูดคุยกับพระเจ้า
ถ้าอย่างนั้นควรจะต้องตอบมันอย่างไรดี
อิงศรถอยกลับออกมาเพราะไม่สามารถสลัดกางเขนแสงแล้วรุกคืบเข้าไปมากกว่านั้นได้
เขาถอยมาจนถึงด้านหลังของเนินหญ้าแล้วใช้มันเป็นที่กำบัง
พลางก็ครุ่นคิดคำตอบของคำถามนั้น
แล้วพูดออกไป
“แกพูดถึงเรื่องอะไรกัน”
เขาตัดสินใจถามเพื่อให้เข้าใจถึงเป้าประสงค์ของอีกฝ่าย
‘บุตรแห่งมนุษย์’
จู่ๆ ก็เปลี่ยนคำศัพท์ที่ใช้เรียกแล้วหยุดปล่อยกางเขนแสงมา
การพูดคุยได้เริ่มต้นขึ้นแล้ว
‘ก่อนที่จะกำจัดเจ้าที่เป็นรากเส้นสุดท้ายของวัชพืชออกไปจะบอกให้รู้เอาไว้ว่าทำไมพวกเจ้าถึงต้องถูกกำจัด’
คิดจะมาบอกเหตุผลเอาตอนนี้น่ะเหรอ แต่ว่าเหตุผลนั้นซีลอร์ดเคยบอกว่าเพราะมนุษย์สูญเสียความตั้งใจในการก้าวไปข้างหน้า...
‘การมีตัวตนของมนุษย์ทำให้รากระบบเริ่มเกิดความผิดเพี้ยน’
“แล้วไงจะบอกว่าการกำจัดออกไปคือการปกป้องกฎของจักรวาลอะไรรึไง
ฉันฟังมาพอแล้ว จะไม่ยอมให้ตัวอย่างแกมาตัดสินชะตาชีวิตของพวกเราเด็ดขาด”
ทว่า คำพูดของโซลาริสยังมีต่อไปจากนั้นอีก
‘การลบพวกเจ้าออกไปไม่ใช่การรักษาความผิดเพี้ยนของรากระบบหรอก’
“หา?”
‘การลบพวกเจ้าออกไปก็เพื่อป้องกันการรุกรานจากมิติอื่น’
“มิติอื่น...หรือว่านั่นหมายถึงฟาวเดชั่นอีกันน่ะ”
‘ข้าไม่รู้หรอกว่าเจ้าพวกนั้นถูกเรียกขานกันอย่างไร
แต่การมีอยู่ของมนุษย์คือข้อผิดพลาดที่เป็นช่องว่างให้รากระบบถูกโจมตี
หน้าที่ของข้าคือแก้ไขความผิดพลาดนั้น’
หรือว่าจะเชื่อมต่อกับเรื่องเล่าเทวาสุรสงครามที่เคยได้ยินก่อนหน้านี้กัน
จำได้ว่าเรื่องเล่านั้นบอกเล่าว่ามนุษย์เกิดมาจากมังกรที่มาจากฝ่ายความมืด
หรือว่าฝ่ายความมืดนั่นจะหมายถึงผู้ที่รุกรานจากมิติอื่น
อย่างไรก็ตาม…
เป็นที่แน่นอนแล้วว่าไม่สามารถพูดคุยกับแอดมินิสเทรเตอร์ได้เลย
พวกนั้นไม่คิดจะฟังเหตุผลของมนุษย์มาตั้งแต่แรกเหมือนอย่างที่สิงห์เคยพูดไว้
เพราะมันบอกว่าการมีอยู่ของมนุษย์คือความผิดพลาดของระบบจักรวาล
การทำตามหลักการจนถึงที่สุดแบบนั้นช่างเหมือนกับสมองกล
เหมือนกับเป็นแค่โปรแกรมตัวหนึ่งที่ถูกตั้งค่าให้ทำการกำจัดสิ่งแปลกปลอม
แล้วอยู่มาวันหนึ่งมนุษย์ก็กลายเป็นสิ่งแปลกปลอมไปเสียอย่างนั้น
โซลาริสปล่อยกางเขนแสงออกมา กางเขนแสงพุ่งลงมาจากฟ้า
อิงศรหลบหลีกพลางตวัดดาบกับธนูปัดป้องพวกมัน
แต่จำนวนมันมากเกินไป มีกางเขนที่ปัดไม่พ้นหลุดเข้ามาเฉือนเนื้อที่แขน
“อึก”
อิงศรกัดฟันข่มความเจ็บปวดเอาไว้ ตรงจุดที่ถูกเฉือนไม่มีเลือดไหลออกมา
ปากแผลถูกเผาจนจนเกรียมในทันที
ถึงจะดูรุนแรงแต่ก็เป็นเพียงการโจมตีพื้นๆ ไม่ได้มีอะไรพลิกแพลง
ไม่มีลูกเล่น ไม่มีทั้งผลข้างเคียงหรือการปูทางไปสู่อะไรทั้งนั้น
กางเขนแสงพวกนี้พอตกถึงพื้นก็จะหายไปเองดังนั้นจึงไม่ใช่การโจมตีแบบยึดพื้นที่ด้วย
ก็แค่โปรยพวกมันลงมาเหมือนธนูไฟในหนังสงครามเท่านั้นเอง
ทั้งที่มันเรียบง่ายแบบนั้นแต่ก็หาทางแก้ไม่ได้ สวนกลับก็ไม่ได้
โซลาริสโจมตีอยู่เพียงฝ่ายเดียว
อิงศรทำได้แค่หนีไปรอบๆ สวน
นี่คือพลังของแอดมินิสเทรเตอร์ พลังอำนาจของโซลาริส
มีแต่พลังล้วนๆ ต่างกับตอนลูนาริสลิบลับ
เป็นพลังขนาดที่ทำร้ายเขาซึ่งวิ่งวนไปวนมาทั่วทั้งสวนแต่ยังไม่ทำให้สวนเสียหายเลยแม้แต่น้อย
ตัวเขาเป็นได้แค่หนูในกรงที่เอาแต่วิ่งวนไปมาโดยที่ทำอะไรไม่ได้เลย
“ไม่มีจุดอ่อนเลยรึไงนะ”
อิงศรสบถอย่างสิ้นหวัง เขาวิ่งวนไปวนมาพยายามหาที่กำบัง
แต่ไม่ว่าจะต้นไม้หรือโขดหินก็ไม่มีอยู่บนทุ่งหญ้าเขียวขจีนี่เลย
ดังนั้นอิงศรจึงมุ่งหน้าไปที่แนวป่าซึ่งมองเห็นอยู่ลิบๆ
โซลาริสลอยอยู่เหนือสวนแห่งนี้
ไม่ต้องขยับไปไหนก็ยังโปรยฝนกางเขนแสงใส่เขาได้จากทุกที่
ถ้าไม่หาที่กำบังก่อนคงโจมตีกลับไม่ได้
ที่จริงต่อให้หาที่แบบนั้นได้ก็ยังไม่รู้จะโจมตีกลับไปอย่างไรอยู่ดี
โซลาริสอยู่สูงเป็นอย่างมาก ระยะทางจากพื้นถึงตัวมันราวๆ หนึ่งกิโลเมตรได้
ไม่มีการโจมตีไหนไปถึงตัวมันได้เลยนอกจากสกิลท่าไม้ตาย
แต่พลังที่ยืมเครื่องทำสวนมาคงทำอะไรพระเจ้าไม่ได้หรอก
หรือจะให้เมอร์คาบาห์บินขึ้นไปโจมตีก็ทำไม่ได้เหมือนกัน
ระยะห่างมันมากเกินไปแถมบนท้องฟ้าไม่มีสิ่งกีดขวางให้ใบ้หลบหลีกการโจมตีแบบปูพรมกระนาบแบบนั้นด้วย
อิงศรวิ่งมาถึงตรงแนวชายป่าทึบ
เตรียมจะเข้าไปอาศัยร่มเงาของต้นไม้เป็นที่กำบัง
ทว่า..
“อะไรกันน่ะ!”
ป่าทึบตรงหน้ากลับหายไป กลายเป็นทุ่งหญ้าโล่งๆ ที่ไม่มีอะไรแทน
อิงศรพยายามตรวจสอบรอบๆ ตัวเอง ยืนยันว่ามันเกิดอะไรขึ้น
เขาสังเกตเห็นว่าป่าที่เคยอยู่ตรงนั้นตอนนี้มันตั้งอยู่ห่างออกไปแทน
ความจริงนั้นค่อนข้างน่าตกใจแต่ก็มีความเป็นไปได้ว่าโซลาริส
จะควบคุมทุกสิ่งอย่างบนสวนแห่งนี้
การที่ป่าถอยห่างออกไปคงจะมีสาเหตุมาจากเรื่องนั้น
สมกับที่เป็นบัลลังก์ของพระเจ้า
ไม่มีอะไรที่ให้ผู้บุกรุกอย่างเขาใช้ประโยชน์ได้ทั้งสิ้น
“บ้าจริง”
อิงศรแหงนหน้าขึ้นไปมอง กางเขนแสงนับร้อยกำลังโปรยลงมาที่นี่
มีตัวเลือกให้สองอย่าง
หนี
ปัดออก
ไม่ไหว จะตัวเลือกไหนผลลัพธ์ก็คือตายทั้งนั้น
มันกะทันหันเกินไปแล้วจำนวนก็ยังเยอะเกินไปอีก
ท้องฟ้าเนืองแน่นไปด้วยกางเขนแสง
สว่างไสวราวกับมีใครจุดดอกไม้ไฟอย่างไรอย่างนั้น
“ถ้างั้นทางนี้ก็จุดกลับไปมั่งสิ”
อิงศรบอกกับตัวเองอย่างนั้น เพราะตอนนี้ก็ได้เวลาพอดี
เวลาที่ปีศาจซึ่งใช้ต่อสู้กับสิงห์ไปจะฟื้นคืนพลังกลับมา
ที่เขาวิ่งหนีไปรอบๆ ก็เพราะเล็งสิ่งนี้เอาไว้
เขาเรียกอาคานาร์ออกมา อาคานาร์แห่งจักรพรรดิ์ ดิ เอ็มเพอเรอร์
“โอดิน!”
แล้วใช้มันอัญเชิญเทพชรา
“จัดการพวกนั้นที”
เทพชราเหลือบสายตาอย่างไม่พอใจนัก แต่ก็ยอมทำตามที่เขาสั่ง
ยื่นมือขึ้นไปสู้กับห่ากางเขนแสงเหล่านั้นแล้วปลดปล่อยสายฟ้า
อัสนีสีทองคำบินออกจากปลายนิ้วแต่ละนิ้วของเทพชรา
สายฟ้าทำลายกางเขนแสงไปหมดในคราวเดียว
“ดีล่ะ”
อิงศรพูด
ตอนนี้อลิกอร์กับสเลปเนียร์ก็กลับมาแล้วถ้าใช้ร่วมกับเกราะของโอโรจิคงพอฝ่าขึ้นไปกับเมอร์คาบาห์ได้
พอไปถึงตรงจุดนั้นก็จะใช้อาคานาร์ เดอะ ทาวเวอร์ ยืมสกิล
เมสไซอาร์บัสเตอร์มาใช้พร้อมๆ กับเมอร์คาบาห์
ถ้าเป็นพลังขนาดที่ทำลายซาตานมาแล้วคงพอจะได้ผลกับพระเจ้าบ้างแหละ
อิงศรคิดเดิมพันทั้งหมดไว้กับปีศาจของเขา เดิมพันกับสูตรโกงเกมโลกาวินาศทั้งหมด
นี่จะเป็นไพ่ตายสำหรับกำราบแอดมินิสเทรเตอร์
‘…..’
พอเห็นอิงศรเรียกปีศาจออกมาส่วนที่เหมือนกับดวงตาของพระเจ้าก็เหมือนจะขยับหรี่แคบลงเล็กน้อยแค่พริบตาหนึ่ง
พริบตาเดียวจริงๆ แล้วก็กลับเป็นเหมือนเดิม
โซลาริสกล่าว
‘วัชพืชเอย พลังเช่นนั้นเจ้านำมาใช้ได้อย่างไร’
พลังที่ว่าคงจะหมายถึงปีศาจ หรือว่าหมายถึงอาคานาร์กันนะ
‘พลังนั่นจะทำลายตัวเจ้า มนุษย์มักจะเป็นแบบนั้นเสมอมา
การได้ครอบครองพลังทำให้พวกเจ้าทำลายตัวเองถึงปล่อยไว้ต่อไปมนุษย์จะทำลายตัวเองอยู่ดี
การพิพากษานี้คือเมตตาสูงสุดที่ข้าโซลาริสผู้เด็ดขาดจะมอบให้ได้
อย่าได้กระทำผิดซ้ำเช่นเดียวกับรากเหง้าของเจ้าที่เคยอยู่บนสวนแห่งนี้เลย’
พระเจ้ากำลังพูดถึงอาคานาร์
ที่ซีลอร์ดพูดว่าพลังนี้เดิมมีแต่แอดมินิสเทรเตอร์ที่ควบคุมได้คงจะเป็นความจริง
รวมถึงเรื่องของอดัมที่เจ้านั่นพูดอยู่บ่อยๆ ด้วย
“เรื่องนั้นแกไม่ใช่คนตัดสิน”
‘เช่นนั้นเองรึ...เจ้าปรารถนาที่จะมองดูเพื่อนร่วมเผ่าพันธุ์ล่มสลายลงไปอย่างทุกข์ทรมานอย่างนั้นสิ’
“อย่ามาดูถูกมนุษย์นะถ้าหากว่าพวกเราจะล่มสลายลงแล้วล่ะก็ถึงตอนนั้นก็คือความสมัครใจของทุกคนเองเราจะยืดอกยอมรับมันไม่ใช่กรีดร้องและโทษในสิ่งอื่นใด”
‘ไร้สาระ มนุษย์ไม่มีวันไขว่คว้าข้อเท็จจริงนั้นได้’
“ต้องได้สิ
แล้วเราก็จะไม่ล่มสลายด้วยเราจะก้าวไปข้างหน้าด้วยความตั้งใจของทุกคน”
‘ถ้าอย่างนั้นลองถามเงาของเจ้าดูก็แล้วกัน วัชพืชเอ๋ย’
สิ้นคำดวงตาของโซลาริสก็เปล่งแสงสว่าง แสงเจิดจ้าทำให้สวนทั้งสวนขาวโพลนไปหมด
อิงศรต้องยกแขนขึ้นกำบังสายตาจากแสงที่เจิดจ้านั่น
มองไปข้างหน้าแทบไม่ได้หากว่าตอนนี้เจ้านั่นปล่อยกางเขนแสงลงมาก็จะหลบได้ยากขึ้นไปอีก
“…”
แต่กลับไม่เป็นแบบนั้น
เขาไม่ได้ถูกโจมตีตอนที่มองไม่เห็นแล้วแสงสว่างจ้าจนแสบตานั่นก็ยังหายไปเหมือนกับไม่มีอะไรเกิดขึ้น
“อะไรน่ะ”
อิงศรพึมพำแล้วมองสำรวจตัวเอง ร่างกายไม่มีบาดแผล
ไม่ได้รับบาดเจ็บหรือมีความผิดปกติเกิดขึ้น
ถ้าอย่างนั้นแสงเมื่อกี้มันอะไรกัน
“แค่แฟลชเฉยๆ เหรอ....”
ทันทีที่พูดออกไปก็เกิดเสียงดัง ตูม คล้ายกับมีรถชนกันอยู่ใกล้ๆ นี่
“อ๊ากกก!!!”
โอดินที่ยืนอยู่ข้างๆ ทรุดเข่าลงกับพื้นจนทำให้พื้นสะเทือน
เทพชราครางทรมานขณะที่ใช้มือกุมหน้าอกที่ยุบเข้าไปเหมือนกับถูกอะไรชนเข้าอย่างจัง
“…ซาโอก็องเก็น”
ได้ยินเสียงชวนคุ้นหูดังแว่วมาจากอีกที่หนึ่ง อิงศรหันไปทางที่ว่า
“มหาวาโยราโอ”
ทันใดนั้นเอง ลำแสงสีเขียวห้อมล้อมด้วยลมพายุที่หมุนพัดอย่างบ้าคลั่งจำนวนห้าสายก็บินทะยานข้ามหัวเขา
กระหน่ำซัดใส่เทพชราจนร่างแตกสลาย
“น...นี่มัน”
อิงศรกล่าวอึกอัก เมื่อมองไปยังผู้ที่โจมตีเข้ามา
โซลาริสกล่าว
‘นี่คือเงาในหัวใจของเจ้า เป็นความคิดในจิตใต้สำนึกของเจ้า’
ที่กล่าวมานั่นหมายถึง ‘เหล่าพวกพ้อง’
เมษาที่โจมตีใส่โอดินครั้งแรก กับ เน็กส์ กำลังยืนประจันหน้าเขาอยู่
แล้วก็ไม่ได้มีแค่นั้น
มีนา นรินทร์ ฟู มิกซ์ พลอย นิว กวินทร์ แล้วก็ มิ่งขวัญ
พวกพ้องที่ตายไปกลับมาอยู่กันพร้อมหน้าแต่กลับหันอาวุธในมือเข้าหาเขาแทน
พอเห็นดังนั้น อิงศรก็กัดฟันดังกรอด
“ถึงจะเอาเจ้าตัวปลอมพวกนี้มาก็หลอกฉันไม่ได้หรอกน่า!”
เจ้าพวกนี้จะต้องเป็นตัวปลอมอย่างแน่นอน
ถ้าหากว่าเป็นพวกพ้องตัวจริงแล้วล่ะก็ไม่มีทางจะโจมตีใส่เขาอยู่แล้ว
“เมอร์คาบาห์!”
ถ้าใช้ดาบของเมอร์คาบาห์ ดาบที่มีสกิล ‘อิลูชั่นเบรกเกอร์’
ซึ่งทำลายสิ่งปลอมแปลงได้ทุกชนิดจะต้องทำลายพวกตัวปลอมนี้ได้อย่างแน่นอน
เทวทูตดิ่งลงมาจากด้านบนซัดคมดาบที่แขนมุ่งใส่
กวินทร์ตัวปลอมที่ยืนเยื้องออกมาข้างหน้ามากที่สุด
แกร๊ง เสียงโลหะแหลมสูงดังขึ้น กวินทร์ยกดาบขึ้นรับดาบของเมอร์คาบาห์ไว้ได้
“อะ”
แต่ว่าดาบของเมอร์คาบาห์น่าจะทำให้ภาพลวงตาหายไปนี่นา แล้วทำไม...
‘บนดินแดนอันศักดิ์สิทธิ์แห่งนี้ไม่มีสิ่งใดจะปลอมปนได้หรอก
เจ้าปฏิเสธตัวเองไม่ได้ว่านี่คือพลังของเจ้า
สิ่งที่เจ้าเรียกว่าพวกพ้องนั้นคือจิตใต้สำนึกของเจ้า’
พระเจ้าพยายามจะบอกว่าที่ยืนอยู่ตรงหน้าเหล่านี้คือพวกพ้องของเขาอย่างนั้นหรือ
แต่ว่าพวกพ้องของเขาถูกช่วงชิงไป....
“บ้าน่า...”
ตรงนั้นเองที่อิงศรเข้าใจขึ้นมา
เข้าใจว่าในการเผชิญหน้ากับพระเจ้า
สิ่งที่บททดสอบช่วงชิงไปไม่ใช่การพรากด้วยความตาย แต่เป็นการช่วงชิงไปจริงๆ
‘อย่างที่บอกไปแล้ววัชพืชเอย ข้าจะฆ่าเจ้า’
โซลาริสส่งข้อความตัดบทมาเพียงแค่นั้น
และแล้วเหล่าผู้ที่เคยเป็นพวกพ้องร่วมต่อสู้กันมาแต่กลับกลายเป็นทาสของพระเจ้าก็แห่กันเข้ามาโจมตี
หันดาบเข้าใส่โดยไม่มีความลังเล
อิงศรจำเป็นต้องป้องกันตัว แม้จะไม่อยากทำร้ายพวกพ้องก็ตาม
ยิ่งได้รู้ความจริงว่าที่อยู่ตรงนี้คือพวกพ้องจริงๆ
เป็นทุกคนที่ฟื้นคืนชีพกลับมาตามคำบอกเล่าของโซลาริส
“โธ่เว้ย หยุดนะทุกคนฉันไม่อยากทำร้าย...”
แต่หมัดของเมษาไม่ได้ฟังคำพูดนั้น
หมัดอัดเข้ามาที่ลำตัวโดยที่ป้องกันไว้ไม่ทัน
“อ่อก”
อิงศรโดนชกจนตัวลอยกระเด็น มิกซ์ยกปืนขึ้นกราดยิงใส่มาในจังหวะนั้น
เมอร์คาบาห์เข้ามาช่วยกันไว้ให้ใช้ดาบที่แขนปัดกระสุนทุกนัดทิ้ง
จากนั้นอิงศรก็พลิกตัวยืนด้วยท่าทางโซเซ
ความเสียหายจากหมัดของเมษานั้นแสนสาหัสทำเอาลมหายใจไม่คงที่
กระดูกซี่โครงน่าจะหักเขาอังมือแถวลิ้นปี่พลางหอบหายใจ
“แฮ่ก แฮ่ก”
เรี่ยวแรงไม่ยอมกลับมา
ตอนที่พยายามจะทรงตัวให้ได้อยู่นั่นเองมิ่งขวัญก็เข้ามาในสายตา
“ขวัญ....”
ดาบของน้องชายตวัดเข้ามาหา
อิงศรประสานคันธนูกับดาบต้านรับมันเอาไว้
ตึง
แรงปะทะรุนแรงขนาดที่ว่าเท้าทั้งสองข้างเหยียบพื้นจมยวบลงไป
ขาแทบจะหักมันเดี๋ยวนั้นเลย
จำเป็นต้องมีเวลาฟื้นตัวซักสองสามวินาที
แต่ก็ไม่มีเวลาให้พักนานขนาดนั้น
พวกพ้องคนอื่นๆ เริ่มขยับตามเข้ามา
“โอโรจิ!”
โล่พลังงานทั้งแปดกระจายกันออกไปสกัดกั้นทุกคนไว้
ยกเว้นมิ่งขวัญที่ประดาบกับเขาอยู่แล้วก็กวินทร์
หมอนั่นอ้อมมาข้างหลังตั้งแต่เมื่อไหร่ก็ไม่รู้
แม้แต่ตอนที่โดนควบคุมอยู่กวินทร์ก็ยังเข้าขากับมิ่งขวัญได้จนน่ากลัว
“เอลิกอร์!”
นั่นเป็นไพ่ใบสุดท้าย
เขาส่งเอลิกอร์ออกไปหยุดกวินทร์โดยที่ยังทำใจโจมตีใส่พวกพ้องไม่ได้
หัวใจของเขาสั่งเอลิกอร์ไปโดยอัตโนมัติว่าอย่าทำอันตราย
เอลิกอร์จึงแค่เข้าไปขวางไว้
ทีนี้ก็ว่างไปวินาทีหนึ่ง
ในหนึ่งวินาทีนี้อิงศรประมวลผลสถานการณ์ของตัวเอง
ไม่มีปีศาจกับอาคานาร์เหลือแล้ว
โจมตีใส่พวกพ้องก็ไม่ได้
ตายอย่างเดียว
ไม่มีทางเลือกอื่น เขาแพ้แล้ว พ่ายแพ้เพราะความอ่อนแอของตัวเอง
ถ้าอย่างนั้น...
“เมอร์คาบาห์ ไม่ต้องสนใจฉัน ไปจัดการมันเลย!”
เขาสั่งให้เทวทูตขึ้นไปโจมตีโซลาริส
เดิมพันทั้งหมดด้วยชีวิตของตัวเอง
ถึงจะถูกฆ่าตายอยู่ตรงนี้อย่างน้อยที่สุดก็ต้องฆ่าพระเจ้าให้ได้
เมอร์คาบาห์บินขึ้นไปตามคำสั่งที่ว่า
หลบหลีกกางเขนแสงไปพลางเข้าใกล้ไปพลาง
แต่ทว่า....
“อาร์เคนไบน์”
เมอร์คาบาห์ถูกวงแหวนแสงล้อมจับเอาไว้กลางอากาศ
ด้วยสกิลของนรินทร์
พวกพ้องส่วนหนึ่งที่โดนโล่ของโอโรจิสกัดออกไปหันไปปกป้องโซลาริส
นี่เป็นเรื่องที่ไม่ได้คาดเอาไว้
เมอร์คาบาห์ที่ขยับหนีไม่ได้ไปพริบตาหนึ่ง
ถึงหลังจากนั้นจะใช้ดาบตัดวงแหวนพันธนาการออกแต่ก็เสียท่าให้กับกางเขนแสง
เขาเสียไพ่ใบสุดท้ายในมือไปแล้ว
“ทำไม่ได้หรอก”
เสียงของมิ่งขวัญดังมาแล้ว...
สวบ
เสียงน่ารังเกียจดังขึ้น เขาถูกแทงหน้าอกทะลุไปถึงด้านหลัง
“ท...ทำไม”
อิงศรเค้นเสียงลอดไรฟันขณะจ้องมองไปที่หน้าของน้องชาย
ในวินาทีที่จมกับความสิ้นหวังที่สูญเสียเมอร์คาบาห์ไปนั้นช่องว่างเพียงพริบตาก็เปิดขึ้นมิ่งขวัญดึงดาบกลับแล้วใช้โล่กระแทกแขนของเขาจนลอยขึ้น
จากนั้นก็แทงเข้ามา
จากนั้นเสียงของกวินทร์ที่สู้อยู่กับเอลิกอร์ที่ด้านหลังก็ดังขึ้น
“มันจบไปแล้ว”
เอลิกอร์ถูกจัดการลง
แล้วเมษาที่อยู่ห่างออกไปก็พูด
“นายคิดจะลากทุกคนให้ทรมานต่อไปอีกรึไง”
นรินทร์พูด
“ถึงจะย้อนกลับไปก็คงไม่มีอะไรเปลี่ยนอยู่ดี”
พวกพ้องพากันพูดอย่างสิ้นหวัง
บอกว่าความตั้งใจของพวกเขานั้นเป็นไปไม่ได้
นี่ก็อยู่ในการควบคุมของโซลาริสด้วยอย่างนั้นเหรอ
จงใจใช้พวกพ้องให้มาเล่นงานเขาแล้วยังให้พูดลิดรอนกำลังใจ
เห็นชัดเลยว่าจงใจทำลายความตั้งใจของเขา
“ไม่ได้ผลหรอก...อั่ก”
อิงศรกระอักเลือด
เขาค่อยๆ แหงนหน้าเงยมองพระเจ้า
อิงศร Lv.144 [/....400:48000.....]
แถบพลังชีวิตที่ใกล้ริบหรี่อยู่เต็มที่ลอยปรากฏขั้นอยู่ตรงกลางสายตาระหว่างตัวเองกับพระเจ้า
อิงศรยิ้มสู้จนถึงวินาทีสุดท้าย
“ถึงยังไง...พวกเรา...ก็ไม่ยอมหยุดก้าวต่อไปหรอก”
อิงศรปล่อยดาบที่มือขวาไปแล้วเค้นแรงพลังเฮือกสุดท้ายยกคันศรขึ้นเล็งข้ามหัวน้องชาย
ดึงสายธนูทำให้ลูกศรเพลิงปรากฏขึ้น
เล็งมันไปที่พระเจ้า
แต่สายตาก็เริ่มพร่ามัวขึ้นมา
เพราะเสียเลือดมากเกินไป มือที่จับคันธนูก็สั่นจนเล็งแทบไม่ได้
แต่ถึงยิงจากตรงนี้ก็ไปไม่ถึงอยู่ดี
ที่ทำอยู่ตอนนี้ก็แค่สู้ต่อไปอย่างจนตรอกจนถึงวินาทีสุดท้าย
ลมหายใจกำลังจะหมดลงแล้ว
อย่านะ...อย่าเพิ่งหมดสิ
ตึกตัก
เสียงของหัวใจกำลังเบาลง
จะต้องทำให้สำเร็จพวกเรายังอยากจะมีชีวิตต่อไปถึงวันพรุ่งนี้นะเฟ้ย
ตึกตัก
ตึกตัก
ตึก..ตัก
อิงศร Lv.144 [.....0:48000.....]
แถบพลังชีวิตหายไปจากอิงศร
คันธนูในมือถูกปล่อยตกลงพื้นก่อนจะทันได้ยิงออกไป
เด็กหนุ่มหมดลมหายใจลงตรงนั้น
ร่างกายพิงลงไปบนตัวน้องชายราวกับจะโอบกอด
***อาทิตย์นี้ไรท์งานเข้าเต็มๆ
เลยทำให้เขียนต้นฉบับไม่ทันเลยครับ ต้องขอโทษด้วยจริงๆ
อาทิตย์นี้จึงต้องลงเพียงสองตอนเท่านั้น จะมีอีกตอนในวันเสาร์นี้ครับ
อาทิตย์นี้ต้องขอโทษมากๆ เลย****
ความคิดเห็น