คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #24 : Login 22 : ฝนที่ไม่หยุดตก
Login 22 : ฝนที่ไม่หยุดตก
เมื่อแถบพลังชีวิตของของมนุษย์ต่างดาวกลายเป็นว่างเปล่ามีนาจึงสั่งให้เนโครดราก้อนหยุดการโจมตี
เนื่องจากฝนตกอยู่จึงใช้เวลาไม่นานฝุ่นควันก็จางลง
หากการโจมตีเกิดขึ้นบริเวณพื้นดินที่ไม่ใช่ลานซีเมนต์แห่งนี้แล้วล่ะก็น้ำโคลนคงจะสาดกระเซ็นไม่ต่างจากสายฝนในตอนนี้
เศษซากที่หลงเหลืออยู่หลังจากที่หน้าจอแสดงพลังชีวิตหายไป
ก็มีแต่เศษผ้ากับชิ้นเนื้อที่หลงเหลือจากการระเบิด แต่มันก็กลายเป็นปรอทแล้วละลายรวมเข้ากับน้ำฝนที่ค้างขังบนพื้นไป
เมื่อเจ้าของอาคมตายลงเขตแดนพันธนาการก็สลายตัว
ปลดปล่อยอิงศรและพรรคพวกเป็นอิสระ
ทันทีที่หลุดจากพันธนาการ
อิงศรรีบคว้าตัวของเด็กหญิงที่ถูกมัดพร้อมกับเขาเอาไว้ก่อนที่เธอจะล้มหัวฟาดพื้น
จบลงแล้ว....
พวกเขาเป็นฝ่ายชนะแถมยังไม่มีใครตายตามที่เมลล์บอก...
หนนี้ทำสำเร็จอย่างนั้นหรือ?
เขาช่วยชีวิตทุกคนเอาไว้ได้แล้วอย่างนั้นหรือ?
เพื่อให้มั่นใจ
หน้าจอข้อความถูกเปิดอ่านในทันที
ตัวเลขเวลานับถอยหลังกลายเป็นศูนย์ไปแล้ว...
แต่พวกมีนายังมีชีวิตอยู่...
ภาพถ่ายยามสิ้นชีพที่จะแสดงขึ้นมาหลังนับถอยหลังจบกลายเป็นรูปสีขาวว่างๆ ที่ไม่มีอะไรเลย
"สำเร็จ!!"
"สำเร็จ!!"
เสียงเฮของมีนากับกวินทร์ดังมาจากทางด้านหลังและดังขึ้นแทบจะพร้อมกัน
อิงศรถอนหายใจ รู้สึกโล่งราวกับได้ยกภูเขาออก
จากนั้นจึงหันกลับไปเห็นทั้งสองกำลังแปะมือแสดงความยินดี ใบหน้ายิ้มแย้มปลื้มปิติในความสำเร็จครั้งนี้อย่างตรงไปตรงมา เว้นแต่เมษาเพียงคนเดียวที่มีใบหน้าอมทุกข์ สายตามองไปทางอื่นราวกับมีเรื่องทำให้ขัดใจ
...ท่าทางว่าชายคนนี้จะมีความหยิ่งผยองมากกว่าที่คิดไว้
หากปล่อยไป ในระยะยาวย่อมไม่เป็นผลดีต่อการร่วมมือกันในทีม
....แต่ก็ทำอะไรกับความรู้สึกของคนไม่ได้อยู่แล้ว....
อิงศรคิด
ดังนั้นจึงล้มเลิกที่จะจูงใจเมษา
“ว่าแต่พวกนายไม่บาดเจ็บกันใช่ไหม?”
คำถามเพื่อตรวจสอบสภาพของทีมว่าพร้อมสำหรับภารกิจหลักแล้วหรือยัง
แบบอ้อมๆ ดูท่าว่าพวกเขาจะลืมเรื่องที่มาเก็บเลเวลกันไปสนิทใจแล้ว
มีนาทำตาโตเล็กน้อย
แต่ไม่ใช่สายตาแสดงความตกใจอะไรอย่างนั้น
ก็แค่ทำท่าประกอบมุกล้อเลียนแบบปกติของเธอเอง
“เอ๋! ๆ
คุณอิงศรก็เป็นห่วงด้วยเหรอคะเนี่ย”
“เปล่า
แต่ถ้าบาดเจ็บขึ้นมาเราจะเสียเวลาเก็บเลเวลกันก็เท่านั้นเอง”
“จริงเหรอ~”
อิงศรพยักหน้าตอบคำถามนั้น
“ไม่มีอะไรจะจริงยิ่งไปกว่านี้แล้วล่ะ”
“ปากไม่ตรงกับใจนะคะเนี่ย”
“ช่างเถอะ
ว่าแต่”
“หือ ?”
อิงศรมองไปทางกวินทร์ที่ไม่ได้เข้าร่วมการสนทนา
มองไปที่หน้าผากของเด็กหนุ่ม
“หน้าผากนายเลือดไหลนี่”
กวินทร์แตะแผลบนหน้าผากของตัวเอง
เลือดไหลออกมามากพอสมควร
“คงจะโดนบาดเอาตอนที่ถูกจู่โจมด้วยพายุหินล่ะมั้งครับ”
เด็กหนุ่มดูเลือดในมือแล้วปล่อยแผลเอาไว้โดยไม่ทำอะไร
เพราะถึงไม่ต้องทำอะไรเดี๋ยวมันก็จะหายไปเอง
พลังฟื้นตัวของมนุษย์ในโลกหลังการล่มสลายมันสูงถึงขนาดนั้น
ต่อให้เจอหนักกว่านี้ถ้ารอดชีวิตมาได้บาดแผลก็จะหายไปเองอยู่ดี
อวัยวะที่ขาดที่เสียไปในการต่อสู้ก็จะฟื้นฟูกลับมาอย่างสมบูรณ์แบบ
ดังนั้นมนุษย์จึงเพิกเฉยกับบาดแผลนับแต่นั้นมา
จนบางทีก็หลงลืมไปว่านี่ไม่ใช่เกมแต่ยังเป็นชีวิตจริงที่โอกาสแค่หนเดียว
อิงศรฝากเด็กหญิงที่ยังคงไม่ได้สติเอาไว้กับมีนา
จากนั้นก็ล้วงมือลงในกระเป๋าเสื้อด้านในแล้วหยิบม้วนผ้าพันแผลขึ้นมา
“ทำแผลซะ”
พลางคลี่ม้วนผ้าพันแผลออก
แต่กวินทร์กลับทำท่าจะปฏิเสธ
“เอ่อ...ไม่ต้องก็ได้ครับแค่ปล่อยไว้...”
“ถ้าเลือดไหลจนสมองตายขึ้นมาเท่ากับเกมโอเวอร์นะ”
“หา?!”
กวินทร์ทำท่าตกใจกับคำขู่นั้น
แล้วยื่นหน้าผากให้ทำแผลในทันที
“ถ้างั้นขอรบกวนด้วยครับ!”
อิงศรดึงผ้าพันแผลกดทับมันลงบนหน้าผากของกวินทร์อย่างเบามือที่สุด
วนพันผ้ารอบศีรษะครบสองรอบแล้วชักดาบสั้นที่ออกจากฝักเหน็บเอวไว้ตัดปลายผ้าพันแผลจากนั้นก็มัดปลายเข้าด้วยกันเป็นปม
“ว่าแต่ว่าคุณอิงศรเนี่ยทั้งวางกับดัก ทั้งกำจัดลิ่วล้อพวกมนุษย์ต่างดาวไปหมดแบบนี้แต่กลับโผล่ออกมาได้จังหวะแบบสุดๆ นี่แสดงว่าแอบซุ่มดูพวกเราถูกเล่นงานอยู่แล้วหาจังหวะเข้ามาแบบเท่ๆ จะได้กินใจเมษาใช่ไหมคะ”
จู่ๆ มีนาก็พูดขึ้นมาอย่างนั้น
พอเมษาได้ยินเข้าก็มีปฏิกิริยาขึ้นมาแล้วหันมามอง
แต่อิงศรก็แย้งกลับไปว่า
“ทำไมชั้นจะต้องลำบากลำบนเพื่อคนๆ
เดียวด้วยเล่า
ลองคิดดูนะถ้าชั้นออกมาฉะกับมันเลยตั้งแต่ตอนที่พวกเธอมาถึงที่นี่มันก็จะระวังตัวมากขึ้นทำให้กับดักที่วางไว้เสียเปล่าหมดสู้ปล่อยให้มันเข้าใจไปว่าเราเข้าไปติดกับมันยังจะง่ายกว่าอีกจริงไหม”
แล้วกวินทร์ก็แทรกขึ้นมา
“อ๋อ
ใช่ที่เขาเรียกว่าจะหลอกพวกเดียวกันต้องหลอกศัตรูก่อนใช่ไหมครับ”
“จะหลอกศัตรูต้องหลอกพวกเดียวกันก่อนต่างหากค่ะ”
มีนาพูดแก้ให้พลางส่งเสายตาอือมระอากับความเดียงสาของกวินทร์
แต่เจ้าตัวเหมือนจะไม่ได้สนใจกับเรื่องนั้น
พอทำแผลให้กวินทร์เสร็จ
มีนาก็อมยิ้มแล้วกล่าวว่า
“เข้าใจขู่เด็กนะคะทั้งที่แผลแค่นั้นไม่ได้หนักหนาถึงขนาดที่ว่าแท้ๆ
น่ะ”
อิงศรตอบกลับไปว่า
“ไม่ได้ขู่ซักหน่อยแค่พูดความจริงว่ามันมีโอกาสเป็นไปได้ก็แค่นั้นเอง”
แล้วมองหน้าผากของกวินทร์ที่มีผ้าพันแผลพันทับเอาไว้พลางนึกขึ้นมาได้
“จริงสิแล้วผ้าโพกหัวนายล่ะ”
“เก็บไว้ในคลังน่ะครับ”
‘คลัง’ หมายถึงหน้าจอ Inventory แบบที่เรียกเข้าใจกันเอง
พอมานึกดู วันนี้ตั้งแต่เจอหน้ากันเมื่อเช้ากวินทร์ก็ไม่ได้สวมผ้าโพกหัวเหมือนทุกทีแล้ว
มีนาก็คงคิดแบบเดียวกันจึงถามว่า
“ทำไมจู่ๆ
ถึงเก็บไปล่ะคะทั้งที่ใส่มันไว้ตลอดนี่นา”
คำตอบของกวินทร์นั้นง่ายเอามากๆ
“ก็วันนี้เราออกมาทำภารกิจกันจริงๆจังๆ
มันก็เสี่ยงที่จะพังเอาได้เลยเก็บไว้น่ะครับเพราะผ้าผืนนั้นเพื่อนๆ
กลุ่มเต้นเขายกให้ผมมา”
“เหรอคะ...
แต่แบบนี้ดูดีกว่านะแบบเดิมมันดูเหมือนพี่แอ๊ด คาราบาวไปหน่อยน่ะค่ะ”
มีนาให้ความเห็นอย่างนั้นซึ่งก็ต้องยอมรับว่า...
เขาเองก็แอบเห็นด้วยนิดหน่อย
ผ้าโพกหัวนั่นไม่ค่อยเข้ากับหน้าของกวินทร์ซักเท่าไหร่
ระหว่างที่กำลังแลกบทสนทนากันอย่างออกรสอยู่นั่นเอง
“…”
เด็กหญิงที่ช่วยไว้จากมนุษย์ต่างดาวก็ได้สติ
เธอลืมตาแล้วจ้องมองพวกเขา
สายตาแสดงความงุนงงออกมาอย่างชัดเจน
บางทีเธอคงจำอะไรไม่ได้เลยแม้แต่เรื่องก่อนที่จะสลบไป
ในตอนนั้นเอง
จากแนวต้นไม้ที่พวกเมษาเคยวิ่งผ่านก่อนจะมาถึงลานแห่งนี้ ก็มีเสียงดังแว่วมา
“บ๋อม— บ๋อมลูกแม่!”
มีผู้หญิงคนหนึ่งที่น่าจะเป็นเจ้าของเสียงวิ่งออกมาจากแนวต้นไม้
ถ้าจำไม่ผิด เธอคือแม่ของเด็กคนนี้
“แม่… แม่~”
เด็กหญิงขานรับเสียงของผู้หญิงคนนั้นแล้ววิ่งออกจากอ้อมกอดของมีนา
ตรงเข้าไปหาผู้ที่น่าจะเป็นแม่ พวกเขากอดกันกลม
ส่งเสียงร้องครางท่ามกลางสายฝนที่โปรยปรายลงมาราวกับฉากในหนัง
จู่ๆ
กวินทร์ก็พูดขึ้นมา
“เอ๊ะ...พี่ศรตรงแก้มมัน...”
พลางแตะมือที่แก้มตัวเองเป็นเชิงใบ้ว่าตรงจุดเดียวกันนั้นมีอะไรบางอย่างเกิดขึ้น
เมื่อลองแตะไปตามนั้น ก็สัมผัสได้ถึงของเหลวที่ไหลซึมออกมาจากจุดๆ
นั้นรวมถึงความแสบเล็กน้อยก็แล่นขึ้นมาอย่างกะทันหัน
เมื่อดูสิ่งที่ติดมือกลับมาก็พบว่ามันเป็นเลือดของเขาเอง...
เกิดบาดแผลขึ้นที่แก้มข้างขวา
“สงสัยจะโดนเศษหินบาดเหมือนนายซะล่ะมั้ง”
อิงศรพูดพลางนึกถึงตอนที่น่าจะทำให้เกิดแผล… ตอนที่มีความรู้สึกว่าผิวกำลังปริแตกหลังจากมีเศษหินทะลุผ่านผ้าคลุมที่ใช้กำบังแฉลบหน้าเขาไปในตอนนั้น
“งั้นคราวนี้ก็ตากวินทร์ทำแผลให้แล้วสินะคะ”
พอมีนาพูดอย่างนั้น
กวินทร์ก็ออกอาการ
“ถ้างั้นขอยืมผ้าพันแผลหน่อยนะครับ”
แล้วเอื้อมมือมาจะคว้าผ้าพันแผลไปจากมือ
แต่อิงศรชิงเก็บมันลงในกระเป๋าเสื้อเสียก่อน
“ถ้าแค่นี้ก็ปล่อยเอาไว้เถอะเปลืองผ้าพันแผลเปล่าๆ”
พูดเสร็จก็บ่ายหน้าหนีทันทีเพราะเดาได้ว่าอีกประเดี๋ยวมีนาจะต้องหยอดคำหยอกล้อมาอีกแน่
แต่พอหันไปแล้วกลับเจอเมษายืนรออยู่
ดูเหมือนว่าดวงตาของเมษากำลังสั่นไหว เด็กหนุ่มกัดริมฝีปาก
สายตามองตรงมาที่ใบหน้าของอิงศรแล้วปล่อยคำพูดออกมาด้วยน้ำเสียงสั่นเครือเล็กน้อย
“เอ้า! ลงโทษเลยสิ”
“ทำไม...”
อิงศรพูดได้เพียงแค่นั้น
ตอนนี้iรู้สึกงงไปหมด และท่าทางว่ามีนากับกวินทร์ที่มองมาจากทางด้านหลังก็กำลังทำสีหน้าแบบเดียวกันอยู่เป็นแน่
ทำไมถึงบอกให้ลงโทษกันล่ะ?
ทำไมชายที่หยิ่งผยองในตัวเองถึงขนาดนั้น
จู่ๆ ก็เปลี่ยนทีท่ามานั่งสำนึกความผิดเอาตอนนี้
เมษาพูดต่อไปว่า
“เพราะความวู่วามของชั้นเลยทำให้ทุกคนเกือบจะต้องตาย..”
เด็กหนุ่มหยุดคำพูดไปครู่หนึ่ง
เหมือนกำลังชั่งใจอยู่ แต่จากนั้นก็พูดต่อโดยไม่ได้เว้นช่วงนาน
“...แล้วก็กระทั่งนายยังต้องมาบาดเจ็บเพราะชั้น...อึก”
แล้วชายผู้หยิ่งผยองก็ทำในสิ่งที่ไม่คาดคิดว่าจะทำ
โดยเฉพาะกับเขาที่ถูกเกลียดขี้หน้า
เมษาก้มศีรษะลงต่อหน้าแล้วพูดว่า
“ชั้นขอโทษ! เพราะงั้นเชิญลงโทษตามสบายเลย”
สรุปก็คือ
เจ้าตัวสำนึกผิดที่เกือบลากเพื่อนไปตายด้วย...
แค่ตรงนั้นเท่านั้นสินะที่มีความสำนึกให้
นี่ยังไม่รวมเรื่องที่ขัดคำสั่งเขาวิ่งมาทำตัวเป็นฮีโร่เข้าไปเลยด้วยซ้ำ แต่ไหนๆ
เจ้าตัวเขาก็ขอมาแล้ว ก็ควรจะสนองให้รวมถึงแสดงให้คนในทีมเห็นไปในตัวว่าการทำตัวออกนอกลู่นอกทางนั้นสุดท้ายจะลงเอยอย่างไร
อิงศรง้างมือ
แต่มีนากลับพูดแทรกขึ้นมา
“เดี๋ยวก่อนค่ะ
ที่เมษาทำไปน่ะเขา...”
แต่อิงศรไม่ฟังคำพูดนั้นแล้วเลื่อนมือลง...
...ลูบหัวเมษาอย่างเอ็นดูพลางออกปากชมว่า
“ทำได้ดีมาก”
“เอ๋!!”
ฟังจากเสียงร้องของมีนาก็พอจะเดาได้ว่าเธอกำลังแสดงสีหน้าแบบไหนและกำลังคิดอะไรอยู่
ซึ่งบอกตามตรงว่าตัวเขาเองก็ออกจะทึ่งกับการตัดสินใจทำสิ่งนี้ด้วยซ้ำไป
เมษาดึงมือออกแล้วเงยหน้าขึ้นมา
“ไม่ต้องมาทำใจดีหรอกน่าถึงประจบคนอย่างชั้นไปก็ไมได้อะไรขึ้นมาหรอก”
แล้วเด็กหนุ่มก็เริ่มตัดพ้อตัวเองมากขึ้น
“ชั้นน่ะมันเป็นตัวปัญหาใช่ไหมล่ะก็เห็นๆ
กันอยู่ทำตัวน่ารำคาญ แถมยังขัดคำสั่งอีกถึงอย่างนั้นแล้ว...”
น้ำเสียงของเด็กหนุ่มสั่นเครือ
และเหมือนจะได้ยินเสียงกระทบกระทั่งกันของฟัน
“ถึงอย่างนั้นแล้วนายก็ยังมาช่วย...แถมยังช่วยจนตัวเองต้องบาดเจ็บเองอีก...”
จากนั้นก็ไม่มีเสียงเล็ดลอดออกจากปากของเมษาอีกที่ได้ยินก็มีแต่เสียงสะอื้นที่เล็ดลอดออกมา
สายฝนเหมือนจะทวีความรุนแรงยิ่งขึ้น
ราวกับจะชะล้างความหม่นหมองในใจของทุกคนในที่นี้ออกไป
แต่คราบของความหม่นหมองก็ติดแน่นจนราวกับว่ามันจะไม่จางลงไปอีกแล้ว
มีนาเริ่มพูด...
“ก่อนหน้านี้น่ะพวกเราสองคนถูกปลดออกจากกิลด์มาครั้งหนึ่งเพราะทำภารกิจล้มเหลว
แต่ก็เป็นเพราะหัวหน้าทีมในตอนนั้นเป็นคนทรยศหักหลังก็เลยแค่ให้กลับมาเรียนพื้นฐานกันใหม่ก่อนจะรับกลับเข้ากิลด์อีกครั้ง
คุณอิงศรที่คล้ายกับหัวหน้าทีมในตอนนั้นเมษาเค้าก็เลยไม่ยอมรับน่ะค่ะ
ที่แสดงตัวขัดขวางไปซะทุกเรื่องก็เพราะอยากให้คุณแสดงธาตุแท้ออกมา”
อิงศรนึกถึงสิ่งที่พูดคุยกับมีนาที่ร้านกาแฟในวันที่มีการส่งมอบแอพปีศาจตัวใหม่ให้เขากับกวินทร์...
“นั่นคือเรื่องที่เธอบอกว่าเจ้านี่จะขอเป็นคนบอกกับชั้นเองอย่างนั้นน่ะเหรอ”
“ค่ะ”
“…”
ความเงียบเริ่มแผ่ขยายเหมือนกับเม็ดฝนที่ขยายตัวเป็นก้อนน้ำร่วงหล่นลงมาอาบชะโลมกายพวกเขาอยู่ในขณะนี้
จากนั้นอิงศรก็พูดว่า
“เพราะนายเอาแต่ขัดคำสั่งทำให้พวกเราทำภารกิจล่าช้าเสียเวลาไปหลายชั่วโมง
ถ้าพวกเราเก็บเลเวลไม่ถึงหกสิบให้ทันภายในกำหนดล่ะก็ จะมีคนอีกมากที่ต้องตาย
รวมถึงคนที่ช่วยเอาไว้ในวันนี้จะต้องส่งไปที่ค่ายด้วย
นั่นก็เท่ากับว่าถูกฆ่าตายทางอ้อมเหมือนกันไม่ใช่รึไง ลองดูผลงานของนายซะสิ”
แล้วชี้ไปทางที่เด็กผู้หญิงวิ่งไปหาแม่
ตอนนี้ที่ตรงนั้นเริ่มมีคนที่ถูกทำเป็น
NPC มารวมตัวกันแล้ว
พวกเขาต่างมีสีหน้าที่ยิ้มแย้มร่วมแสดงความยินดีกับแม่และเด็ก
“ตายแล้วลืมสนิทเลย
ต้องไปอธิบายสถานการณ์ให้พวกเขาเข้าใจก่อนว่าเดี๋ยวที่ค่ายจะส่งคนมารับไปอยู่ในที่ปลอดภัยให้
แล้วก็ต้องรายงานไปที่ค่ายด้วย...”
มีนาโพล่งขึ้นมาอย่างนั้น
“ถ้าเรื่องที่ค่าย
น่ะชั้นจัดการติดต่อไปแล้วรีบไปอธิบายซะสิเดี๋ยวพวกเขาก็พลอยกลัวพวกเราไปด้วยหรอก”
“ค่า!”
แล้วมีนาก็วิ่งฝ่าสายฝนไปเพื่ออธิบายเรื่องราวกับคนเหล่านั้น
จากนั้นอิงศรก็พูดกับเมษาต่อว่า
“เพราะนายพวกเขาถึงได้รอยยิ้มกลับมานะ
แล้วจะให้ชั้นทำโทษวีระบุรุษต่อหน้าพวกเขาได้ยังไงกัน”
เมษามองมาที่เขา
สายตาเหมือนกับจะถามว่า ‘ทำไม’
อิงศรพอจะเดาได้จึงพูดต่อไปว่า
“นายน่ะเป็นคนกล้าหาญแถมยังรักความยุติธรรมอีก
ตรงนี้ชั้นขอซูฮกให้เลย”
แต่เมษาที่ใบหน้าแดงระเรื่อกลับพูดขัดคำพูดนั้นด้วยน้ำเสียงเขินอาย
“พอแล้วน่าอย่ายอกันมากนักจะได้ไหม
ชักจะเขินขึ้นมาแล้วนะเนี่ย”
พลางเกาหัวแก้เขินไปพลาง
“แต่เรื่องที่ขัดคำสั่งมันก็ไม่ใช่เรื่องที่ดีหรอกนะ”
“อุ..เรื่องนั้นก็ขอโทษไปแล้วไง”
อิงศรไม่ได้สนใจคำโต้เถียงนั้นแล้วกล่าวเหมือนกับสั่งสอนต่อไป
“แต่ในฐานะหัวหน้าแล้วการดึงศักยภาพของลูกน้องออกมาคือหน้าที่ของชั้นเพราะงั้นถ้าหลังจากนี้ไปช่วยฟังที่สั่งด้วยจะดีมากแค่นี้แหละ”
จากนั้นมีนาที่แยกออกไปก็เดินกลับมารวมกลุ่ม
ส่วนคนที่ถูกจับไว้ก็เดินย้อนกลับตามทางที่มา
“ชั้นสั่งให้พวกเขากลับไปรวมตัวกันที่ๆ
เราเจอกันตอนแรกแล้วค่ะพวกเราเองก็ตามไปกันเถอะ”
อิงศรเดินนำออกไปก่อนทันที
แต่กลับมีเสียงกระซิบกระซาบดังแว่วมาจากพวกที่เดินตามมาทีหลัง...
“เชอะ!
ทำตัววางมาดไปได้อายุเท่ากันแท้ๆ เด่อ~ ขี้เก๊ก เอ้ย!”
“แต่ก็ไม่ได้เกลียดใช่ไหมล่ะ”
“...จะลองเชื่อใจดูก็ได้”
แล้วก็มีเสียงของกวินทร์ปนเข้ามาในการสนทนา
“ถ้างั้นต้องเก็บเลเวลให้ทันอย่างเดียวแล้วสินะครับเพื่อคนที่ช่วยในวันนี้ด้วย”
เสียงของมีนาดังตามมาว่า
“ถ้างั้นหลังจากนี้ก็ฝากเรื่องขับรถด้วยนะคะเดี๋ยวฉันจะนอนเอาแรงระหว่างทาง”
“โอ๊ะ! เป็นความคิดที่ดีนี่งั้นหลับซักงีบดีกว่า”
“ขี้โกงนี่นาทำไมมีแค่ผมคนเดียวที่ไม่ได้พักล่ะ
ชักจะเหนื่อยขึ้นมาแล้วสิเนี่ย”
บทสนทนาสบายใจเฉิบนั่นยังคงดังสลับไปมาจากด้านหลังอยู่เรื่อยๆ
อิงศรเมินมัน...
ที่จริงก็ไม่ได้ตั้งใจฟังตั้งแต่แรกแล้ว ตอนนี้ในหัวของเขามีแต่เรื่องของ ‘เมลล์ตัวจับเวลาตาย’ ซึ่งในครั้งนี้ก็รอดพ้นจากความตายที่ถูกทำนายเอาไว้ได้
นั่นหมายความว่าเรื่องที่ผู้ถูกลืมเลือนบอกเป็นความจริง
...ความจริงที่ว่ามันเป็นสารเตือนให้ระวังตัว
แต่นั่นจะใช่ความหวังดีโดยไม่มีจุดประสงค์แอบแฝงจริงๆ อย่างนั้นหรือ มันจะไม่มีค่าตอบแทนที่ต้องจ่ายเพื่อแลกกับการที่ไปบิดเบือนสิ่งที่ถูกทำนายไว้บ้างเลยหรือ?
ไม่เข้าใจเลย...
ไม่เข้าใจอะไรเลยจริงๆ นั่นแหละ....
ทั้งจุดประสงค์ที่ส่งเมลล์มา
หรือกระทั่งวิธีการสร้างเมลล์ที่ทำนายได้อย่างแม่นยำจนเอามาใช้ทำนายได้ว่าจะหยุดยั้งความตายนั้นอย่างไร
เขาไม่เข้าใจมันเลย
อิงศรส่ายหัวแรงๆ
เพื่อให้ลืมเรื่องที่คิดไปก่อน
หยดน้ำหลุดจากเส้นผม
กระจายตัวแตกซ่านกระเซ็นไปทั่วทุกทิศ
ฝนยังคงไม่มีทีท่าว่าจะหยุดตก...
ทันใดนั้นเอง...
แผ่นหลังก็สัมผัสได้ถึงความร้อนที่แผ่มาจากทางด้านหลัง
ราวกับว่ามีกองเพลิงตั้งอยู่ตรงนั้น
ทั้งที่ฝนยังคงตกหนักชนิดแค่วิ่งออกมาได้สองสามวินาทีก็จะเปียกปอนไปทั้งตัว
แต่กลับรู้สึกร้อนมากขึ้นเรื่อยๆ จนต้องหันกลับไปดูว่ามันเกิดอะไรขึ้น
พวกเมษาก็ทนต่อความสงสัยนั้นไม่ได้และหันกลับไปดูเช่นกัน
ความคิดเห็น