คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #229 : Login 226: ก่อนจะตกสู่ความสิ้นหวัง
Login
226: ก่อนจะตกสู่ความสิ้นหวัง
แฟรนเซียมเตรียมจะก้าวเท้าขึ้นไปบนวงสัญลักษณ์เดือนสิงหาคมแล้ว
แต่ทว่า...
“ชิ!”
ราชามนุษย์ต่างดาวเดาะลิ้นด้วยความเจ็บใจ
เขานึกตำหนิตัวเองที่ย่ามใจเกินไปเพราะเพิ่งฆ่ารูบิเดียมที่เป็นพี่สาวของตัวเอง
ฆ่าคนที่รักที่สุดแล้วก้าวข้ามความทรมานมาได้จึงไม่ทันตรวจสอบรอบๆ เสียก่อน
ไม่สิถึงตรวจสอบไปก็เท่านั้นเขารู้ดีว่าสกิลที่ใช้ปกปิดร่องรอยนั่นถึงจะมีพลังขนาดไหนก็รับรู้ไม่ได้
แต่ถึงอย่างนั้นเขาก็ไม่ควรจะเผลอเรอขนาดนี้
คงเพราะไม่คิดว่าเจ้าของสกิลนั่นจะร่วมมือกับรูบิเดียมได้
แฟรนเซียมหันหลังไปพร้อมกับตวัดดาบมังกรเทวะในมือ
ชายในชุดสีแดงปรากฏตัวออกมาจากที่ๆ
ไม่มีอะไรเลยโดยที่แทงดาบตรงเข้ามา ราชครูลำดับที่หกผู้มีฝีเท้าว่องไวที่สุดในหมู่ราชครู
“ลิเธียมเรอะ!”
เคร้ง
เสียงโลหะแหลมสูงดังกังวานเมื่อดาบปะทะกัน ดาบมังกรเทวะของเขาก็ปัดดาบของลิเธียม
กระเด็นหลุดมือไปและทำให้เสียการทรงตัว
แฟรนเซียมคิดจะเสียบมือซ้ายเข้าไปที่ลำคอของลิเธียมที่เสียการทรงตัว
แต่ก็ทำไม่ได้
ถ้าโจมตีกลับไปตอนนี่ถึงจะฆ่าลิเธียมได้ก็จะเปิดช่องให้เจ้าของสกิลที่ใช้พรางตัวเจ้าพวกนี้ฆ่าในทันที
ต้องหาตัวเจ้านั่นให้เจอก่อน
“ตรงนั้นเรอะ!”
แฟรนเซียมใช้มือซ้ายชักดาบที่เอวออก
ดาบอันเดิมที่ถูกใช้ในฐานะ สิงห์ ธุวดารกะ ซึ่งมีเดม่อนแอพติดตั้งอยู่ในนั้น
พลังของปีศาจที่ติดตั้งเอาไว้ไหลเวียนเข้ามาร่าง เขาหวดดาบไปทางขวาเต็มแรง
เคร้ง!
เสียงโลหะแหลมดังขึ้นอีก คราวนี้ดาบฟาดไปถูกคันธนู....
“คราวนี้เป็นโพแทสเซียมเรอะ!”
เขาเหลือบตาไปมองแค่เห็นคันธนูเท่านั้นก็ละสายตาทันที
เพราะจับสัมผัสได้จากทางด้าน
สัมผัสจิตอันมุ่งร้ายที่พุ่งเข้ามาแล้วหันหน้าขึ้นไป
เริ่มมองเห้นเงาลางๆ ของผู้จู่โจมที่กำลังจะคลายจากสภาพซ่อนตัวแล้ว
“ตายซะซีเซียม!”
แฟรนเซียมดึงดาบทั้งสองมือพร้อมกันแล้วแทงขึ้นไปด้านบน
ดาบเสียบทะลุร่างของผู้ทำการโจมตีและเปิดเผยมันออกจากสภาพโปร่งใส
คนที่โผล่ออกมา
คนที่โดนดาบของเขาเสียบใส่ท้องกับหน้าอกอยู่คือชายในเสื้อโค้ทราชครูสีดำ
เรือนผมสีเงิน แต่ทว่า...
ชายคนนั้นกลับโบกมือทักทายมา
“อ่อก...ไม่เจอกันนานนะท่านแฟรนเซียม”
“โพแทสเซียม
แต่ทำไมล่ะ!”
คนที่โดนเขาเสียบกลับเป็นโพแทสเซียม
แต่ทำไมถึงเป็นอย่างนั้นกันล่ะ
ก็เมื่อกี้โพแทสเซียมถูกเขาฟาดกระเด็นไปแล้ว...
หรือว่า...
แฟรนเซียมหันหน้ายังจุดที่คันธนูถูกฟาดกระเด็นไป
ที่นั่นมีแต่คันธนูเปล่าๆ ตกอยู่
ที่จริงมันน่าสงสัยตั้งแต่ตอนที่ดาบฟาดถูกคันธนูแล้วจริงๆ นั่นแหละ
ปกติไม่น่าจะเกิดขึ้นได้เพราะคนที่โจมตีระยะไกลจะเข้ามาประชิดตัวไปทำไมกัน
ถึงจะมีสภาพซ่อนตัวที่ช่วยให้ได้เปรียบอยู่ก็เถอะ
แต่เข้ามาประชิดก็ไม่ช่วยให้อัตราสังหารเพิ่มขึ้นอยู่ดี
ดังนั้นถึงได้เข้าใจ
โพแทสเซียมเป็นแค่นกต่อสองชั้นเท่านั้นคนที่รอโจมตีปิดฉากอยู่นั้นคือ…
“…”
สติของแฟรนเซียมหลุดลอยออกไปในตอนนั้น
เพราะลำคอถูกตัดด้วยสันมือ
หัวกับลำตัวจึงแยกออกจากกัน
“สุดท้ายก็จบแบบนี้เรอะแฟรนเซียม”
ใบหน้าของอิงศรแต่เป็นมนุษย์ต่างดาวราชครูลำดับที่สองซีเซียม
สะท้อนอยู่ในดวงตาของศพราชา ศีรษะแห่งราชาหมุนควงอยู่กลางอากาศสองถึงสามตลบก่อนจะตกลงพื้นแล้วกลิ้งต่อไปอีกหน่อย
ส่วนลำตัวก็หงายหลังล้มตามไป
เลือด
เลือด
เลือดสีแดงในปริมาณที่มากไหลทะลักลงสู่พื้นของบาเบล
เลือดของราชาเจิ่งนองอยู่บนพื้นเยี่ยงเลือดที่ไร้ค่า
จากนั้นบรรยากาศของห้องก็เปลี่ยนไป
อาคารจำลองจำนวนมากปรากฏขึ้นภายใต้ทิวทัศน์ยามค่ำคืน
ท้องฟ้าจำลองปรากฏขึ้นครอบคลุมพื้นที่ของทั้งหอคอย
ฮีโร่เวิร์ส
นั่นเอง
พวกมันถูกปกปิดไว้ด้วยพลังของสกิลที่ใช้กางออกมาซึ่งเป็นขั้นพัฒนาอีกขั้นหนึ่งของ
‘Hero Verse’ แบบปกติ
“เสียท่าให้กับฮีโร่เวิร์สทูว
ดาร์คซิตี้ของฉันง่ายๆ เลยนะ”
ซีเซียมกล่าวพลางปัดคราบเลือดที่ติดมือทิ้งไป
[Hero
Verse 2! Dark City Lv(1/1)
Element:
-
Attribute:
Field, Dark Hero
มีแสงย่อมมีเงา จักรวาลฮีโร่มีทั้งด้านหน้าและด้านหลังนี่คือเมืองของ Dark Hero ผู้ทำทุกอย่างเพื่อความยุติธรรม
; สร้าง Hero Verse ขึ้นมาโดยไม่จำกัดเวลาการหายไปและ
<ซ่อนตัว>(ปกปิดตัวตนทำให้ไม่ตกเป็นเป้าหมายหรือถูกจับสัมผัสได้
สถานะจะถูกยกเลิกเมื่อเริ่มโจมตีหรือใช้สกิล) ให้กับคุณและ Party ของคุณ
อาณาเขตของสกิลจะปรากฏขึ้นเมื่อสถานะ <ซ่อนตัว>
หายไป
“ที่ง่ายก็เพราะว่าเล่นทีเผลอนี่ครับ....แค่ก”
เสียงพูดคล้ายจะทัดทานความคิดที่ว่าจัดการแฟรนเซียมได้ง่ายเอามากๆ
ของเขาดังมา ซีเซียมจึงหันไป
ลิเธียมกำลังช่วยถอนดาบออกจากตัวของโพแทสเซียมผู้เป็นเจ้าของคำพูดนั่น
“ไม่ใช่แค่เล่นทีเผลอหรอกนะ
เจ้านี่มันไม่คิดอยู่แล้วว่าฉันจะร่วมมือกับรูบิเดียมได้ซึ่งมันก็คิดถูก”
“เอ๋ ถูกเหรอ”
โพแทสเซียมถามมาหลังจากลิเธียมช่วยถอนดาบออกจากตัวจนหมดแล้ว
“เออสิ
ไม่งั้นคงไม่ปล่อยให้ยัยรูบิเดียมตายเพื่อเล่นแผนนี้หรอกฉันน่ะไม่คิดว่าจะร่วมหัวจมท้ายกับยัยงูพิษนั่นอยู่แล้วทั้งหมดนี่ก็เพื่อไฮโดรเจนเท่านั้น”
ซีเซียมกล่าว
เขาตั้งใจเอาไว้แล้วว่าถ้าจะเกิดอะไรขึ้นหลังจากที่พวกอิงศรออกเดินทางแล้วก็คงจะต้องระวังรูบิเดียมเอาไว้จึงเกิดเป็นแผนขึ้นมาว่าจะใช้โพแทสเซียมเป็นนกต่อ
แล้วเจ้าตัวก็ทักขึ้นมา
โพแทสเซียมพูดมาแบบติดตลก
“แหมๆ
ไอ้ที่ว่าเพื่อท่านไฮโดรเจนเนี่ยรวมถึงการใช้ผมตัวล่อด้วยหรือเปล่าครับเกือบตายเลยนา~”
“…”
ซีเซียมจ้องมองราชครูลำดับต่ำกว่าทั้งสองตนที่คอยติดตามช่วยเหลือมารวมถึงให้ความร่วมมือในแผนนี้
ซึ่งที่จริงแล้วโพแทสเซียมเป็นคนขอเข้ามาร่วมวงด้วยตัวเองเขาถึงคิดแผนลอบโจมตีขึ้นมาได้โดยตกลงกันเอาไว้แบบนี้
พอส่งพวกอิงศรขึ้นไปแล้วจะจัดการรูบิเดียมดังนั้นจึงพยายามไม่ทำตัวให้เด่นและอยู่กันให้เงียบที่สุดจนถึงตอนที่เข้ามาในบาเบลแล้ววางกับดักนี้แต่ก็เกิดเรื่องไม่คาดฝันขึ้นมาก่อน
แฟรนเซียมที่คิดว่าตายไปแล้วบุกมาที่นี่แล้วลงมือฆ่ารูบิเดียมซะเองแผนของพวกเขาเลยต้องเปลี่ยนเป้าหมาย
“ไม่คิดจะปล่อยให้ตายอยู่แล้วล่ะน่า”
ซีเซียมยิ้มขำแล้วเดินเข้าไปรวมกลุ่ม
โพแทสเซียมจึงลุกขึ้นแล้วพูดตอบกลับมา
“แหม
มันไม่ขำเลยนะครับ”
ลิเธียมพูด
“แล้วจากนี้ไปจะเอายังไงต่อครับ”
“ไม่มีสิ่งที่เราทำได้อีกแล้ว
มีแค่รอเท่านั้นแหละ”
ซีเซียมสรุปเอาแบบนั้นแล้วมองไปที่แท่นศิลาตรงกลางห้อง
“…”
ตอนนี้ก็แค่รอเท่านั้น
รอจนกว่าเหล่าวีระบุรุษที่ขึ้นไปบนสรวงสวรรค์จะทำภารกิจอันยิ่งใหญ่สำเร็จ
แล้วจากนั้นพวกเขาทั้งสามคนที่นี่ก็จะไม่เคยมีตัวตนอยู่อีกเพราะเวลาจะย้อนกลับไป
ความบิดเบี้ยวในอดีตจะได้รับการแก้ไขซึ่งเท่ากับว่ามนุษย์ต่างดาวจะไม่ได้มาที่โลกใบ
ดังนั้นพวกตนที่เกิดจากการโคลนนิ่งมนุษย์ต่างดาวอีกที
เป็นผลลัพธ์ที่มาจากความบิดเบี้ยวนั่นก็จะถูกลบหายไป
แต่ถึงเป็นอย่างนั้นก็ไม่เป็นไร
ถึงจะต้องหายไปก็คงไม่รู้ตัวอยู่ดี
อย่างไรเสียช่วงเวลาในตอนนี้มันก็ไม่มีค่าที่จะอยู่ต่อไปอยู่แล้ว
ซีเซียมคิดว่าราชรูอีกสองตนก็คงคิดแบบเดียวกันไม่อย่างนั้นคงไม่ร่วมมือด้วย
เวลาผ่านไปอย่างไร้ค่า
หนึ่งวินาที
สองวินาที
ไม่มีใครพูดอะไรอีกเพราะต่างก็ไม่รู้จะพูดคุยเรื่องอะไร
ได้แต่คิดเรื่องที่ว่าจะทำอะไรฆ่าเวลากันดี
สามวินาที
สี่วินาที
แล้วในวินาทีที่ห้านั่นเอง
“อะ…”
ซีเซียมสังเกตเห็นความเปลี่ยนแปลงบางอย่าง
สัมผัสได้ถึงความผิดแปลกของบรรยากาศ
มือของเขาขยับไปเอง
จากนั้นก็ลามไปถึงแขนกับขา โพแทสเซียมกับลิเธียมก็เหมือนจะควบคุมร่างกายไม่ได้ไปด้วย
ลิเธียมพูด
“ควบคุมร่างกายไม่ได้เลย”
โพแทสเซียมพูด
“อุหวา
คราวนี้จะเกิดอะไรขึ้นอีกกันล่ะ”
แต่ซีเซียมคาดเดาได้ว่าอะไรกำลังจะเกิดขึ้น
เมื่อขาของเขากำลังพาตัวเองเดินถอยหลังกลับไปยืนในจุดที่ดักซุ่มโจมตีแฟรนเซียม
คนอื่นๆ ก็เหมือนจะเดินกลับไปยังจุดประจำที่ของตัวเองด้วย
มันเริ่มขึ้นแล้ว
“เวลากำลังจะย้อนกลับไปแล้ว!”
ดูเหมือนว่าพวกอิงศรจะทำสำเร็จ
เวลากำลังไหลกลับไปยังจุดเริ่มต้นอย่างนั้นสินะ
ถ้าอย่างนั้นก็คงต้องบอกลากันเสียที
ติ๊ก ติ๊ก ติ๊ก
เสียงเข็มวินาทีดังก้องไปมา
เสียงเริ่มต้นของยุคสมัยใหม่กำลังจะก้องกังวาน
ซีเซียมที่คิดแบบนั้นได้รื่นรมย์ไปกับความคิดนั้นเพียงแค่ไม่กี่อึดใจต่อมาการย้อนกลับของเวลาก็หยุดลง
พวกเขาทั้งสามตนกลับมาอยู่ในสภาพที่รอจะโจมตีแฟรนเซียม
แต่ว่า…
ขยับร่างกายไม่ได้
ทำไมล่ะ
มันเกิดอะไรขึ้น
ซีเซียมได้แต่วนคำถามนั้นอยู่สมองแล้วมองดูแฟรนเซียมที่กลับมามีชีวิตก้าวเท้าลงไปบนวงสัญลักษณ์
ฟุ่บ
เกิดเสียงแบบนั้นแล้วแฟรนเซียมก็หายตัวไป แสงบนวงสัญลักษณ์เดือนสิงหาคมดับวูบลง
จากนั้นถึงเริ่มขยับตัวได้
เพราะแบบนั้นซีเซียมเลยหยุดแรงส่งจากการถีบตัวเองตอนที่จะเข้าไปโจมตีแฟรนเซียมไม่ได้แล้วพุ่งออกจากที่มั่นเข้าไปเหยียบวงสัญลักษณ์
แต่ไม่มีอะไรเกิดขึ้น
พลังของเทอร์มินัลเคลื่อนย้ายถูกใช้ไปจนหมด
ไม่สามารถติดตามขึ้นไปได้
แต่ถึงหาทางทำให้เทอร์มินัลใช้งานได้อีกครั้งมนุษย์ต่างดาวก็ขึ้นไปไม่ได้อยู่ดีมันมีข้อจำกัดอยู่ว่าถ้าไม่ใช่ชาวโลกที่ถูกกำหนดเอาไว้จะขึ้นไปไม่ได้
สภาพซ่อนตัวถูกคลายออกในตอนนั้น
อาณาเขตสกิลที่กางเอาไว้จึงปรากฏขึ้นมา
“บ้าน่า! นี่มันเกิดอะไรขึ้น”
ซีเซียมสบถอย่างหัวเสีย
พวกเขาเพิ่งจะพลาดโอกาสช่วยเหลือไฮโดนเจนไป
ไม่สิพวกเขาทำสำเร็จไปแล้วแต่ถูกบังคับให้ล้มเหลวโดยฝีมือของใครหรืออะไรบางอย่างที่พลังย้อนเวลากลับ
ใครกัน
มันอยู่ที่ไหน
แต่ว่าความหวาดระแวงก็ผุดขึ้นมาด้วย
ถ้าหากว่ารู้ตัวคนก่อเหตุแล้วจะต่อกรกับตัวตนที่มีพลังทำเรื่องแบบนั้นได้หรือเปล่า
หรือไม่ก็ที่เห็นเมื่อครู่เป็นแค่ภาพลวงตาเท่านั้น
ภาพลวงตาที่แฟรนเซียมใช้อะไรบางอย่างทำให้เห็นว่าพวกเขาฆ่าหมอนั่นได้
ต้องเป็นแบบนั้นแน่
ทว่า
ตอนที่หัวใจฟันธงลงไปแบบนั้นเอง
“ข้าเป็นคนทำเองแหละ”
ก็มีเสียงตอบกลับมา
เสียงที่ไม่คุ้นหูดังแว่วมาจากชายคนหนึ่งที่โผล่ขึ้นมาอยู่บนบาเบลตั้งแต่เมื่อไหร่ก็ไม่รู้
ชายผิวสีสวมเสื้อเชิ้ตกางเกงยีนส์คลุมทับด้วยผ้ากันเปื้อนสีเขียว
เรือนผมสีดำหยิกยาว ใบหน้าปราดเปรื่องดูเหมือนผู้ใหญ่ที่ผ่านร้อนผ่านหนาวมามาก
อีกฝ่ายมีแววตาที่ไม่ธรรมดา นัยตาสุกสกาวราวกับดวงดาว
มีแต่สายตาของมนุษย์ต่างดาวเท่านั้นที่จะมองเห็นความวิเศษเพียงเล็กน้อยนั่นได้
ชายคนนี้ไม่ใช่มนุษย์อย่างแน่นอน
ซีเซียมเลื่อนมือไปวางบนปืนที่เอวโดยไม่ละสายตาไปจากชายคนนั้น
“…”
โพแทสเซียมกับลิเธียมก็คงจะรู้สึกอย่างเดียวกัน
รู้สึกถึงความไม่ชอบมาพากลนี้ถึงเริ่มหันอาวุธไปทางชายคนนั้น
ชายผู้นั้นกล่าวด้วยท่าทางสบายๆ
ขณะที่โดนล้อมโดยราชครูมนุษย์ต่างดาวถึงสามตน
“เขียนทับความเป็นจริงที่ว่าพวกเธอฆ่าแฟรนเซียมให้กลายเป็นไม่เกิดขึ้นตราบใดที่ยังอยู่ภายใต้ขอบเขตของอาคาชิกเรคคอร์ดจะเขียนแก้แทร็กซ้ำๆ
ซักกี่ครั้งก็ได้”
ไม่ใข่คนธรรมดาจริงๆ
ด้วย
“แกเป็นใครกัน!”
ซีเซียมถามขณะเดียวกันมือก็จับด้ามปืนเตรียมล้วงออกจากซอง
“คนขายกาแฟน่ะ”
คำตอบคลุมเครือแบบนั้นไม่สำคัญต้องสนใจ
อีกฝ่ายเป็นศัตรูหรือไม่ก็คนที่คิดจะมาขัดขวางอย่างแน่นอนเพราะว่าช่วยเหลือแฟรนเซียมถ้าอย่างนั้นก็ต้องฆ่าทิ้งเท่านั้น
“งั้นก็ตายไปซะ!”
ซีเซียมลั่นไกปืนยิง
พร้อมๆ กับโพแทสเซียมที่แผลงลูกศรออกไปพอดี
ลิเธียมร่ายสกิลใส่ดาบจนมันเปล่งออร่าสีแดงชาดราวกับมีเปลวไฟห้อมล้อมแล้วพุ่งทะยานออกมาด้วยความเร็วยิ่งยวดชนิดที่ว่าแซงลูกกระสุนของเขากับลูกศรของโพแทสเซียมไปเลยทีเดียว
แต่ตอนนั้นเอง
ชายในผ้ากันเปื้อนก็หยิบเอาบางสิ่งออกมา บางสิ่งที่เหมือนกับไพ่
“ไรท์(Write)…”
ไพ่เปล่งแสงแล้วหายไปจากมือ
ทันใดนั้นอากาศข้างๆ ก็แหวกออกเหมือนหลุมดำ
มีอะไรบางอย่างพุ่งออกมาด้วยความเร็วที่เหนือกว่าการเคลื่อนไหวของลิเธียม
“โพรเทคเวนท์
เวิร์สแอกเกรเซอร์แห่งโล่เหล็กไหลเซ็นจิน”
แวบหนึ่ง
“…”
เพียงแค่แวบเดียวจริงๆ
ซีเซียมมองเห็นเด็กหนุ่มคนหนึ่งกระโดดออกมาจากหลุมอากาศนั่นพร้อมกับโล่ที่ใหญ่กว่าตัวเองเกือบสองเท่ายันรับดาบของลิเธียมก่อนจะเข้าถึงตัวชายผู้ที่อัญเชิญมันมา
มีพลังงานหรือออร่าอะไรบางอย่างแผ่ออกจากโล่ปกคลุมทั้งสองคนนั่นไว้ทำให้การโจมตีของพวกเขากระดอนออกไปทั้งหมด
“ชิ
ท่าป้องกันงั้นเรอะแต่ว่าไม่มีประโยชน์หรอกน่า”
ซีเซียมลั่นไกปืนอีกครั้ง
จากนั้นก็พูดประโยคสำหรับร่ายสกิลที่ใช้ยกเลิกการป้องกันได้ทุกรูปแบบ
“อะไรกันแม้แต่โล่ที่แข็งแกร่งที่สุดก็ยัง!”
ถึงกระนั้นออร่าที่ครอบคลุมพวกนั้นก็ยังไม่ยอมหายไป
กระสุนปะทะเข้ากับกำแพงนั่นดัง พิ้ง แล้วกระดอนออก
ชายผ้ากันเปื้อนเขียวพูด
“มันคือสิ่งที่เรียกว่า
พล็อตอาร์เมอร์ ไงล่ะแต่ถึงพูดไปมากกว่านี้ก็ไม่เข้าใจหรอก”
ดูเหมือนจะพูดตอบคำพูดร่ายสกิลของเขา
ที่ถามว่า ‘อะไรกัน’ นั่นอย่างนั้นสินะ
“ที่จริงจะฆ่าพวกเธอซะก็ได้แหละนะแต่ว่าปล่อยเอาไว้แบบนี้จะดีกว่า”
“หมายความว่ายังไง”
“ก็พวกเธอน่ะไม่มีสิ่งที่ทำได้อีกแล้วนี่ถึงปล่อยเอาไว้ก็ไม่กระทบต่อเส้นทางของวัฏจักรอยู่แล้วเพราะงั้นปล่อยให้จมไปกับความเจ็บช้ำนี้จนกระทั่งถูกความว่างเปล่ากัดกินซะยังจะทำให้สิ้นหวังได้มากกว่าอีกนี่”
ความเจ็บช้ำที่ว่านั่นก็คือเรื่องที่ขัดขวางไม่ให้ฆ่าแฟรนเซียมได้อย่างนั้นสินะ
อืม
มันก็เจ็บใจจริงๆ นั่นแหละ โดนดูถูกโดยสมบูรณ์
แต่ไม่หลงกลหรอก
ถ้าหลงไปกับคำพูดของศัตรูก็จะมองข้ามบางอย่างไป การที่พูดมากถึงขนาดนั้นแสดงว่าต้องมีอะไรที่อยากจะปกปิด
แต่ชายผ้ากันเปื้อนก็กล่าวขัดความคิดตรึกตรองนั่นไว้
“ไม่มีหรอก”
“เอ๊ะ!”
“ก็เหมือนกับคนรู้จักของเธอนั่นแหละความคิดความอ่านของพวกเธอมันลอยกันให้สลอนเลยน่ะ”
ถูกอ่านใจ ?
“ใช่
แล้วก็ไม่ได้พยายามดูถูกหรอกนะแต่พวกเธอน่ะอ่อนแอเกินไปเองต่างหากขนาดว่าอยู่ในร่างที่อ่อนแอปวกเปียกนี่ยังฆ่าไม่ได้เลย
อ่อนแอเกินไปจริงๆ”
จะไหลไปกับคำพูดอีกฝ่ายไม่ได้เด็ดขาด
ซีเซียมย้ำกับตัวเองแบบนั้นแล้วพยายามมองหาช่องทางที่จะโจมตีเข้าไปในเกราะกำบัง
“ไม่มีช่องที่ว่านั่นหรอกนะ”
“อึก”
ซีเซียมพยายามกัดฟันข่มความโกรธ
แต่ว่า...
“ช่าย~ แบบนั้นแหละขบเขี้ยวเคี้ยวฟันให้มากเข้าไว้โกรธแค้นให้มากกว่านี้อีกแล้วก็จะมีความหวังผุดขึ้นมา
ความหวังที่ว่าจะทำอะไรซักอย่างเพื่อบรรเทาความโกรธที่สุมอยู่ภายในอกได้แต่ว่าสุดท้ายก็จะทำอะไรไม่ได้เลย
แล้วก็จมลงในความสิ้นหวังอีก
วนซ้ำไปซ้ำมาเป็นวัฏจักรจนกว่าความว่างเปล่าจะช่วยปลดปล่อย
ทำแบบนั้นแล้วความว่างเปล่าก็ยิ่งขยายกว้างได้มากขึ้น”
ไม่ไหวแล้วววว!!!
“ปืนทุกกระบอกยิง!”
ซีเซียมร่ายสกิลพร้อมกับลั่นไกปืน
กระบอกปืนจำนวนมากผุดขึ้นมาจากอากาศรอบๆ มีตั้งแต่ลูกซอง ไรเฟิล
ไปจนถึงปืนใหญ่เรือรบ ทุกกระบอกยิงออกไปพร้อมกันเสียงปะทุระเบิดดังกึกก้องไปทั้งหอคอย
“แบบนั้นแหละ
แบบนั้นแหละ”
กระสุนยังคงเจาะกำแพงป้องกันไม่เข้าอยู่ดี
ตอนนั้นเองโพแทสเซียมก็ตะโกนมาจากจุดที่ห่างออกไปเกือบด้านในสุดของหอคอย
“ท่านซีเซียมรุมโจมตีพร้อมกันเลยไหมครับ”
ไม่รู้ว่าเคลื่อนที่ไปไกลขนาดนั้นตั้งแต่เมื่อไหร่แต่คงอาศัยช่วงชุลมุนตรงนี้แอบทิ้งระยะห่าง
เพราะสกิลของบิลด์มิสติดชูตเตอร์ของโพแทสเซียมจะรุนแรงขึ้นเมื่อโจมตีในระยะห่าง
ซีเซียมตะโกนตอบกลับไป
“เอาเลย!”
แล้วชักปืนลูกซองอีกกระบอกจากเอวมา
เล็งทั้งสองกระบอกไปที่เป้าหมาย
ชายคนนั้นทำท่ายักไหล่พลางส่ายหัว
“ไม่ไหว ไม่ไหว เราไปกันเถอะ เซนจิน ไม่สิถ้าเป็นที่นี่ล่ะก็”
แล้วยื่นมือไปสัมผัสที่หัวไหล่ของเด็กหนุ่มเจ้าของโล่เหล็กกล้า
ซีเซียมตะหวาดพร้อมกับลั่นไกปืนดัง
ปัง ปัง
“คิดจะหนีงั้นเรอะอย่าฝัน...”
“ควรจะเรียกว่าเน็กส์สินะ”
ทันทีหลังจากคำพูดนั้น
ซีเซียมก็มองเห็นใบหน้าของเด็กหนุ่มคนนั้นได้อย่างชัดเจน
ใบหน้าคลับคล้าย คลับคลา
เหมือนเคยเห็นมาก่อน
เหมือนสมาชิกคนหนึ่งของพวกอิงศรแต่ว่าดูโตกว่ามาก
อายุของเด็กหนุ่มตรงนี้น่าจะซักสิบห้าปีแต่ เน็กส์
คนที่ว่าอายุเพียงสิบสามปีเท่านั้น
แล้วชายคนกับเด็กหนุ่มก็หายตัวไปเสียก่อนที่การโจมตีจะเข้าถึง
ลูกกระสุกกับลำแสงที่โพแทสเซียมยิงมาจากคันธนูเข้าปะทะกันแล้วระเบิดออก
ภายหลังจากฝุ่นควันซึ่งตลบอบอวลขึ้นมาเพราะแรงระเบิดจางหายไป
คนทั้งคู่ที่ว่าก็หายไปราวกับอากาศธาตุ
ไม่หลงเหลือไว้แม้แต่ร่องรอยให้ติดตาม
“บัดซบเอ้ย!!”
ซีเซียมสบถคำราม
ตอนนี้เท่ากับว่าทำอะไรไม่ได้จริงๆ
แล้ว
แต่ว่า
“เดี๋ยวสิ...”
ซีเซียมก็ฉุกคิดขึ้นมา
คิดถึงความเป็นไปได้บางอย่าง
ความเป็นไปได้ว่าจะมองข้ามอะไรไปซักอย่าง
เจ้าสิ่งที่พวกเขามองข้ามไปเพิ่งจะหนีไปเมื่อกี้เอง
“หรือว่าเจ้านั่นกับฟาวเดชั่นอีจะ...”
สมมติฐานพลันแล่นขึ้นมาเมื่อคิดถึงจุดเชื่อมโยงที่ชายปริศนาคนนั้นใช้พลังอันแปลกประหลาดและพยายามช่วยแฟรนเซียม
ถ้าหากว่า ถ้าหากว่า
ถ้าหากว่า...
แม้แต่การย้อนกลับไปแล้วแก้ไขความบิดเบี้ยวในอดีตก็อาจจะอยู่ในแผนของฟาวเดชั่นอีด้วยล่ะ
@@@
@@@@
@@@@@
ท้องฟ้าที่สะท้อนแสงแดดจนเป็นสีม่วง
เป็นท้องฟ้าในยามเย็นหรือว่ายามรุ่งสางกันแน่นะ
ตอนนี้กี่โมงกันแล้วกี่วนาทีกันแล้วก็ไม่รู้เหมือนกันบางทีที่นี่อาจจะไม่มีช่วงเวลา
ท้องของอาคาชิกเรคคอร์ดซึ่งอยู่เหนือสวนแห่งที่หนึ่งขึ้นไปอีก
‘เป็นอาณาเขตของพระเจ้า’ อิงศรอธิบายได้แค่นั้นเมื่อแรกเห็นดินแดนแห่งนี้ขณะที่ตนยืนอยู่บนแผ่นดินกว้างเท่าห้องในหอคอยบาเบล
แผ่นดินกำลังลอยสูงขึ้นไปบนท้องฟ้าเหมือนกับลิฟท์
ลิฟท์ที่จะนำไปสู่อาคาชิกแซงทัวรี่
สถานที่พำนักของแอดมินิสเทรเตอร์และเป็นศูนย์กลางการควบคุม อาคาชิกเรคคอร์ด
ระบบบันทึกเหตุกาณ์ที่กำหนดความเป็นไปของทุกสรรพสิ่ง
แล้วเหนือลิฟท์ขึ้นไปนั่นเอง
‘วัชพืชเอ๋ย เกมจบลงแล้ว’
พระเจ้าก็ตรัสลงมาเช่นนั้น...
***อีกตอนของอาทิตย์นี้รอวันเสาร์เลยนะครับไรท์หวัดกินอีกแล้วเลยลงช้าไปวันหนึ่งเต็มๆ
เลยไม่ไหวปวดไปทั้งตัวน้ำมูกก็ไหลอีก แอ่ววว TwT***
ความคิดเห็น