ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    Apocalypse Online เกมโกงวันโลกาวินาศ

    ลำดับตอนที่ #214 : Login 211: ยมทูตกลับหัว 5

    • เนื้อหานิยายตอนนี้เปิดให้อ่าน
    • 162
      8
      11 มี.ค. 61

    Login 211: ยมทูตกลับหัว 5


                ขณะเดียวกัน กวินทร์ เมษา ฟู มิกซ์ เด็กหนุ่มทั้งสี่รับหน้าที่ต้านการบุกโจมตีของกฤษณะเพื่อยื้อเวลาให้อิงศรกับคนอื่นไปดูอาการมิ่งขวัญ

                แต่ก็ไม่สามารถทำอะไรกฤษณะได้ การโจมตีทุกอย่างได้ผลก็จริงแต่กฤษณะมีพลังฟื้นตัวสูงขนาดเรียกได้ว่าเป็นอมตะ ไม่นานนักพวกเขาทั้งสี่คนก็พ่ายแพ้อย่างหมดรูป

                พี่เมษา ฟู กับ มิกซ์ โดนซัดจนสลบเหมือดไปแล้ว

                ตอนนี้เหลือแค่ตัวเองที่คนเดียวแล้วก็คงจะตามพวกนั้นไปในอีกไม่ช้า

                กวินทร์คิดอย่างสิ้นหวัง ร่างเขาสะบักสะบอมมีแต่รอยฟกช้ำไปทั้งตัว กฤษณะแทบไม่ได้ใช้สกิลหรืออาวุธสู้แต่ใช้หมัดกับลูกถีบก็จัดการพวกเขาที่อาวุธครบมือได้อย่างง่ายดาย พลังมันต่างกันขนาดนั้น ต่างกันมากจนแทบสิ้นหวัง

                อ้าวๆ ทำหน้าแบบนั้นออกมาซะแล้วเหรอกวินทร์ปกติแล้วคนที่ถอดใจยากที่สุดน่ะมันเธอนะ

                กฤษณะพูดด้วยรูปแบบที่แปลกไปจากเดิม เป็นคำพูดเหมือนคนสนิทเป็นกันเองหมอนั่นเริ่มใช้คำพูดแบบนั้นตอนที่ใบหน้าจริงถูกเปิดเผยใบหน้าเหมือนกับพี่นรินทร์ราวกับเป็นฝาแฝดแต่มีเส้นผมสีเงินจนคิดกันว่าน่าจะเป็นมนุษย์ต่างดาวที่มีต้นแบบมาจากพี่นรินทร์

                แต่เจ้าตัวก็ปฏิเสธเรื่องที่เป็นมนุษย์ต่างดาวมาแบบอ้อมๆ บอกว่าพวกเขาคิดกันซับซ้อนเกินไปแบบนั้นน่าจะเป็นการปฏิเสธว่าตัวเองไมได้เป้นอย่างที่พวกเขากำลังคิด ถ้าอย่างนั้นแล้ว...

                แกเป็นตัวอะไรกันแน่

                หืม ถามข้าเหรอนั่นสินะเป็นตัวอะไรกันดีล่ะหน้าเหมือนนรินทร์สีผมเหมือนมนุษย์ต่างดาวงั้นก็คงเป็นมนุษย์ต่างดาวอย่างที่พวกเธอว่าล่ะมั้งแล้วไงต่อล่ะมนุษย์ต่างดาวคนนี้ไม่เหมือนงั้นเหรอ

                ตอนนั้นเอง โพแทสเซียมซึ่งยืนดูเชิงโดยไม่เข้ามาช่วยก็พูดแทรก

                แหมๆ ถ้ามีมนุษย์ต่างดาวเก่งระดับคุณแต่พวกผมไม่รู้จักเนี่ยมันคงเป็นเรื่องใหญ่ไปแล้วล่ะ

                ก็นั่นสิน้า~~งั้นเอาเป็นว่าข้าน่ะคือผู้รุกรานก็แล้วกัน...

                กฤษณะชะงักคำพูดไปตอนที่เห็นแสงสว่างส่องประกายมาจากที่พวกอิงศรมุงกันอยู่

                นั่นมันอะไรก็ไม่รู้หรอกนะแต่ว่าไม่ปล่อยให้ทำหรอก

                กฤษณะพูดแล้วสร้างกงจักรแสงขึ้นในมือ ดูเหมือนว่าจะเป็นพลังของปีศาจเพราะไม่มีการร่ายชื่อสกิลออกมา แล้วกงจักรก็เป็นเครื่องยืนยันว่าพลังส่วนนั้นน่าจะเป็นของปีศาจเพราะชายคนนี้อ้างตัวว่าเป็นดิวินิแดดด้วย

                กฤษณะซัดกงจักรออกไปมุ่งหน้าตรงไปยังที่ๆ แสงสว่างเจิดจ้าที่สุด ตรงนั้นมิ่งขวัญน่าจะอยู่ที่นั่น

                ขวัญ!!

                ไม่รู้ว่าทางนั้นเกิดอะไรขึ้นแต่กวินทร์ก็เป็นห่วงมิ่งขวัญยิ่งกว่าตัวเองจนเผลอหันหลังให้ศัตรู หันไปมองมิ่งขวัญ

                ทว่า กงจักรกลับสะท้อนออกมาแล้วสลายไปในทันที มองเห็นว่ากงจักรถูกสิ่งที่เหมือนกับหอกสีขาวบริสุทธิ์ปัดสะท้อนออกมา

                เมื่อแสงสว่างดับลงมิ่งขวัญก็ปรากฏตัวขึ้นในชุดเกราะอัศวินทองคำ โกลด์กาแลนต์ แต่ว่า

                ไม่ใช่โกลด์กาแลนต์นี่นาแล้วก็ขวัญดูโตขึ้นรึเปล่านะ

                ชุดสีแดงกับกางเกงสีดำที่สวมอยู่คล้ายกับชุดตอนที่แปลงร่างด้วยสกิล เวพอนไนซ์โกลด์กาแลนต์ อยู่ก็จริงแต่มีรายละเอียดแตกต่างกันแล้วก็มิ่งขวัญที่สวมใส่มันอยู่มีใบหน้าที่ดูเป็นผู้ใหญ่ขึ้นเล็กน้อย ความสูงก็เหมือนจะเพิ่มขึ้น กะอายุคร่าวๆ แล้วน่าจะประมาณพวกพี่ศร อายุอยู่ที่ 17 ปีเห็นจะได้




                เพื่อปลดปล่อยสรรพสิ่งที่ถูกพันธนาการจงจุติลงมายังที่นี่ ลำนำแห่งอนาคตผู้ปลุกการปฏิวัติโกลด์กาแลนต์เอ็กซ์!!

                มิ่งขวัญตวัดหอกสีขาวในมือจากนั้นเปลวไฟสีครามก็พวยพุ่งออกจากร่าง เปลวไฟค่อยๆ ใสขึ้นจนกระทั่งกลายเป็นแสง

                กลายเป็นปีกแห่งแสงเหมือนรูปตัว X

                นั่นอาจจะมีควาหมายแฝงเกี่ยวกับอาคานาร์ของมิ่งขวัญ จำได้ว่าอาคานาร์แห่งโชคชะตาของมิ่งขวัญคือ เดอะ ฟอร์จูน ซึ่งมีเลขลำดับที่สิบหรือ X นั่นเอง

                นี่เจ้า!

                จู่ๆ กฤษณะก็พูดเหมือนกับตกใจ แล้วมิ่งขวัญก็ตอบโต้ไปทันทีว่า

                เป็นอะไรไป

                น้ำเสียงสุขุมเกินกว่าจะบอกว่าเป็นขวัญ ถึงตอนที่ได้เจอมิ่งขวัญจะค่อนข้างทำตัวเย็นชาแต่ก็พอจะรู้ว่าที่จริงแล้วแค่เป็นเด็กขี้อายกว่าที่เห็น พอได้สนิทกันถึงรู้ว่าเสียงที่พูดอยู่ในตอนนี้ไม่ใช่ขวัญที่เขารู้จัก

                ตกใจที่เห็นฉันมาอยู่ที่รูทนี้หรือว่า...

                มิ่งขวัญชูหอกให้ดูแล้วพูดต่อ

                ตกใจที่เห็นหอกเมสสิยาห์ของพี่ชายที่สละชีวิตเพื่อปกป้องโลกในรูทที่แกจากมากันล่ะผู้รุกราน

                ปฏิกิริยาของกฤษณะเปลี่ยนไปอย่างมาก ดูเหมือนจะคงท่าทีเย็นใจเอาไว้ไม่ได้ ไม่รู้ว่าเป็นเพราะการปรากฏตัวของมิ่งขวัญในสภาพนี้ส่งผลให้เป็นแบบนั้นหรือเพราะอะไรก็ตาม

                ขณะเดียวกันอิงศรที่อยู่อีกฟากก็เรียกน้องชาย

                ขวัญ...

                คิดถึงจังเสียงของพี่ชายแต่ว่าร่างในรูทนี้กำลังถูกแทนที่ด้วยความนึกคิดของฉันอยู่

                มิ่งขวัญตอบโดยที่ไม่หันกลับไปสบตากับพี่ชาย

                แล้วก็ไม่ต้องห่วงนะ อสูรในตัวมันสลายไปหมดแล้วล่ะสภพาร่างในตอนนี้ไม่กายเนื้อที่อสูรจะสิงสู่ได้ด้วยล่ะนะ

                เดี๋ยวก่อนขวัญ นี่นายพูดเรื่องอะไรของนายน่ะแล้วร่างแบบนั้นมันยังไงกันแน่

                ก็เหมือนกับเจ้านั่นแหละ

                มิ่งขวัญชี้ปลายหอกไปยังกฤษณะ

                นี่เป็นร่างที่ก้าวข้ามมาจากอนาคต มาจากอีกความเป็นไปได้หนึ่งจากความเป็นไปได้นับไม่ถ้วน ตัวฉันในรูทนี้ได้สร้างเส้นทางที่นำพลังของตัวตนในอนาคตมารวมกับร่างนี้เพราะแบบนั้นอสูรในตัวถึงโดนกฎของกาล-อวกาศบดขยี้ไปแล้ว

                ที่ขวัญพูดมานั้นอิงศรพอจะสรุปได้แบบนี้

                อวาแทรนซ์ที่เกิดขึ้นมาเมื่อตอนนั้นคือ พลังใหม่ของอาคานาร์ของมิ่งขวัญ ได้นำพาตัวตนในอนาคตของมิ่งขวัญมายังห้วงเวลานี้ แล้วการคงสภาพร่างกายให้เป็นแบบที่เห็นก็คงจะเป็นการฝืนธรรมชาติจนถึงกับทำให้สิ่งแปลกปลอมในร่างกายอย่างอสูรโดนผลสะท้อนการบิดเบือน กาล-อวกาศ จนสูญสิ้นตัวตนไป

                แต่แบบนั้นมันพลังที่บิดเบือนกาลเวลาถึงขั้นกลายเป็นตัวเองในอนาคตแบบนี้มันเกินกว่าสามัญนึกไปแล้ว ยิ่งรวมกับที่บอกว่าร่างในตอนนี้เหมือนกับกฤษณะแล้วก็ท่าทีที่เหมือนกับรู้จักกันมาก่อนนั่นหรือว่ากฤษณะก็คือร่างในอนาคตของนรินทร์อย่างนั้นเหรอ

                กฤษณะพูด

                พี่น้องพบหน้ากันอีกครั้งต่างวาระต่างสถานที่งั้นเรอะน่าประทับใจดีนี่น้ำตาไหลเลยล่ะ

                ยังจะพูดแบบนั้นได้อีกก็แค่ตอนนี้แหละ

                ไม่เอาน่าถึงจะอาละวาดที่นี่ต่อไปก็แก้ไขอะไรไม่ได้หรอกมันไม่ใช่โลกของพวกเราแล้วรูทนี้ก็คงลงเอยเหมือนเดิมนั่นแหละความสิ้นหวังรออยู่ที่ปลายทาง การช่วยเหลือเป็นแค่น้ำเลี้ยงที่มีให้หวานชุ่มคอได้แค่แปบเดียว

                นี่ก็ไม่ใช่โลกของพวกเราเพราะงั้นแกไม่รู้หรอกว่าสุดทางแล้วจะลงเอยแบบไหน

                พอได้ฟังที่มิ่งขวัญตอบโต้ กฤษณะก็หัวเราะ

                พูดแบบนั้นทั้งที่ตอนนี้พวกเรายืนอยู่ที่นี่แล้วยังจะบอกว่าไม่แทรกแซงได้อีกเหรอ

                “…”

                มิ่งขวัญหยุดการเจรจาเพียงแค่นั้นแล้วพุ่งตัวออกไป รวดเร็วจนมองเห็นเหมือนกับหายตัวไปโผล่ตรงหน้ากฤษณะ ถึงโกลด์กาแลนต์จะทำให้เร็วจนเคลื่อนที่เข้าใกล้แสงก็ตามแต่นี่มันเหนือไปกว่านั้นอีกขั้น

                แต่กฤษณะก็โต้ตอบด้วยที่ทัดเทียม หรือแค่ปัดป้องหอกด้วยขลุ่ยก็เต็มกลืน

                จะว่าไปหอกของมิ่งขวัญไม่ใช่หอกแบบที่ใช้ในร่างโกลด์กาแลนต์ ไม่เหมือนหรือมีเค้าว่าเคยเป็นแบบนั้นมาก่อนถ้าอย่างนั้นคงไม่ใช่หอกเล่มเดียวกัน

                หอกเมสสิยาห์ของพี่ชายที่สละชีวิตเพื่อปกป้องโลก มิ่งขวัญพูดเอาไว้แบบนั้น มิ่งขวัญจากอีกความเป็นไปได้ถ้าอย่างนั้นพี่ชายคนนั้นคงจะเป็นตัวเขาที่อยู่ในอีกความเป็นไปได้เช่นกันแล้วตัวเขาที่อยู่ในอีกความเป็นไปได้ก็เสียสละตัวเองเพื่อช่วยโลกอย่างนั้นรึเปล่า

                ไม่ไหว พอเป็นเรื่องเหลือเชื่ออย่างที่ว่านี่แล้วจะคิดอะไรมันก็เป้นไปได้ทั้งนั้น คำว่าความเป้นไปได้มันกว้างเกินไป

                อิงศรได้แต่ขบคิดอยู่เพียงลำพังขณะที่พวกพ้องคนอื่นๆ ได้แต่มองตาค้างอ้าปากเหวอกับสิ่งที่เป็นอยู่

                ถ้าจะยังมีคนที่ใช้หัวในสถานการณ์ที่คิดไปก็เท่านั้นอยู่คงมีแค่นรินทร์ หมอนั่นเริ่มใช้แอพพลิเคชั่นปีศาจวิเคราะห์มิ่งขวัญ แต่ก็ทำท่าจิกปากทันทีคงจะแทบไม่ได้ข้อมูลอะไรเพิ่มเติมเลยไม่ต่างจากตอนที่วิเคราะห์กฤษณะ

                ทั้งที่ เมลคีเซเด็ค ถูกพัฒนาขึ้นมาจากลาพาสเดิมจนพอจะวิเคราะห์เครื่องทำสวนได้บ้างแล้วแต่ก็ยังไม่สามารถวิเคราะห์ตัวตนที่บอกว่ามาจากอีกความเป็นไปได้ในนาคตอย่างนั้นสินะ

                เอ็กซ์แลนเซีย!! (X-Lancia)”

                มิ่งขวัญต้อนกฤษณะจนถอยไปพิงหลังกับต้นไม้ ที่นั่นเป็นฝั่งที่ไม่มีพวกของเขายืนอยู่ในบริเวณใกล้เคียง ถ้าอย่างนั้นสียงร่ายเมื่อครู่ก็คงเป็นสกิลสำหรับปิดฉากที่มีพลังทำลายวงกว้าง

                ปีกแสงบนหลังไหลไปรวมกันที่ปลายหอกแล้วแผ่พุ่งออกไป ลำแสงขยายขึ้นทุกครั้งที่รุดไปข้างหน้าจนกระทั่งมันกลืนแนวป่าได้ทั้งแนวรวมถึงกฤษณะก็จะถูกลำแสงกลืนหายไป

                ถึงจะเป็นคนละท่ากับ แทคีออนสไลเซอร์ แต่แน่ใจได้เลยว่ามันมีพลังในการยับยั้งความสามารถของสิ่งที่ถูกทำลายไปได้เหมือนกัน ตั้งแต่ตอนที่เห็นพลังในการฟื้นตัวของกฤษณะกับความเป็นอมตะไม่รู้จักตายนั่นอิงศรก็คิดแล้วว่ามีแต่มิ่งขวัญที่สามารถจัดการอย่างเด็ดขาดได้

                เพราะแบบนั้นก็เลยเล็งเล่นงานขวัญเป็นหลักสินะ

                ทว่า ก่อนที่ลำแสงจะเข้าถึงตัวกฤษณะ เจ้านั่นกลับ

                ช่วยไม่ได้แหะ

                ล้วงเอาของบางอย่างที่เหมือนกับกระดาษออกมา

                อาคานาร์ฟอร์ซ วฤตระ! (Vritra)”

                สิ้นคำกฤษณะก็โดนลำแสงกลืนหายไปพร้อมกับป่าด้านหลัง

                ลำแสงกวาดต้นไม้ในบริเวณจนเกลี้ยงเห็นแนวโกร๋นไปถึงชายหาด แต่กลับมีร่างคล้ายมนุษย์ยืนโดดเด่นอยู่ท่ามกลางความว่างเปล่าที่ลำแสงทำลายสรรสร้างราวกับเป็นตำหนิในชิ้นงานโบว์แดง

                กฤษณะนั่นเอง ในมือถือกระดาษ...ไม่สิไพ่ต่างหาก ไพ่อาคานาร์

                นั่นมันหรือว่า...อาคานาร์

                อิงศรคิดว่าตัวเองมองไม่ผิดแล้วก็ได้ยินในเสี้ยววินาทีก่อนที่กฤษณะจะโดนกลืนหายเข้าไปในลำแสง

                ได้ยินเจ้านั่นพุดว่า อาคานาร์ฟอร์ซ ดังนั้นจึงไม่ผิดแน่พลังที่ทำให้หมอนั่นรอดจากการโจมตีของมิ่งขวัญมาจาก ไพ่อาคานาร์ ใบนั้น

                อิงศรพยายามเพ่งสายตามองว่าเป็นไพ่อะไร ถึงนิ้วของกฤษณะจะบังส่วนที่เป็นศีรษะของร่างคล้ายมนุษย์ที่ปรากฏบนไพ่ก็ตามแต่นั่นคือโคระกระดูกที่กำลังถือเคียวและหันหัวกลับทิศทางกับหัวไพ่

                เป็น เดธ อาคานาร์ ที่กลับหัวแต่สีไม่ซีดเหมือนอันที่เคยเห็นมา

                กฤษณะหมุนอาคานาร์ในมือไปมาแล้วพูด

                เกือบไปๆ นึกไม่ถึงเลยว่าต้องงัดไม้นี้มาใช้สมแล้วที่ท่านผู้นั้นเลือกจับตามองอยู่ขนาดข้ามมาที่โลกนี้ด้วยวิธีที่แตกต่างกันแต่ดันใช้พลังได้เต็มร้อยแบบนี้ยิ่งเข้าใกล้สภาพไฮพีเรียนเข้าไปทุกทีแล้วสิ

                ช่วงที่พล่ามอยู่นั่นเอง...

                เมอร์คาบาห์ใช้เมสไซอาร์บัสเตอร์ฟันใส่เจ้านั่นซะ!”

                อิงศรก็สั่งให้ปีศาจจากอาคานาร์แงโชคชะตาขว้างใบมีดซึ่งมีพลังตัดให้ขาดได้ทุกอย่างพุง่ใส่กฤษณะ

                เคร้ง เสียงโลหะแหลสูงแบบที่ไม่ควรนจะได้ยิน แต่ใบมีดของเมอร์คาบาห์ก็สะท้อนออกไปแล้ว กระทบโดนกำแพงใสที่มองไม่เห็นซึ่งช่วยป้องกันลำแสงของมิ่งขวัญก่อนหน้านี้แล้วกระดอนออก

                แม้แต่ดาบของเมอร์คาบาห์ก็ตัดไม่ขาดเรอะ

                อิงศรสบถ กฤษณะแสดงใบหน้าเคลิบเคลิ้มแล้วตอบอย่างสนุกสนาน

                พลังของรีเวิร์สเดธอาคานาร์ใบนี้มันทัดเทียบกับเฟทอาคานาร์ของอิงศรเลยล่ะ แล้วก็...

                อีกฝ่ายจงใจหยุดคำพูดแล้วชี้นิ้วมาทางนี้ แต่เหมือนจะชี้นำให้มิ่งขวัญมากกว่า

                เอ้า ดูนั่นสิต้นตอที่ทำให้พี่ชายต้องเสียสละตัวเองในอนาคตอยู่ตรงนั้นแล้วเห็นแบบนี้จะไม่ทำอะไรหน่อยเหรอเพื่อตัวเองในรูทนี้ด้วย

                เข้าใจล่ะ สิ่งที่กำลังชี้อยู่ในตอนนี้คือเมอร์คาบาห์นั่นเองแล้วก็จงใจพูดในเรื่องที่มีแต่ทางนั้นที่เข้าใจความหมายแต่พวกเขาไม่เข้าใจจะได้ขัดขวางหรือต่อต้านไม่ได้ จนถึงที่สุดแล้วก้ยังคิดจะให้มิง่ขวัญเป้นหุ่นเชิดสร้างความลำบากให้กับพวกเขาอย่างนั้นสินะ

                แต่มิ่งขวัญก็ไม่ยอมตกหลุมพรางง่ายๆ

                ฉันไม่ฟังคำพูดของแกหรอก

                แล้วยกหอกเล็งใส่กฤษณะเหมือนจะโจมตีอีกครั้ง

                อย่าดีกว่าน่าถึงไม่ต้องทำอะไรอีกเดี๋ยวร่างนี้ก็จะหายไปแล้วเพราะดันทำนอกลู่นอกทางอย่างการใช้เจ้านี่ไป

                กฤษณะพูดแล้วหมุนไพ่อาคานาร์ในมืออีก

                เก็บแรงไว้คุยกับพี่ให้นานกว่านี้อีกหน่อยไม่ได้ดีกว่าเหรอ




                แต่ฉันมีเรื่องจะคุยกับแกมากกว่า

                อิงศรกล่าวแล้วเดินตรงมา พอเห็นแบบนั้นเข้ากฤษณะก็เบ้หน้า

                แต่ข้าไม่มีเรื่องจะคุยด้วยนี่อยากรู้อะไรก็ถามหมอนั่นเอาเองเถอะ

                แล้วชี้ไปที่ขวัญ แต่อิงศรไม่สนใจแล้วถามคำถาม

                ได้ยินว่าองค์กรของแกคือฟาวเดชั่นอีสินะพวกแกตั้งใจจะทำอะไรกันแน่

                กฤษณะยักไหล่ให้คำพูดนั้น

                เห็นเดธอาคานาร์ใบนี้แล้วก็ยังไม่ฉุกใจอีกนายมักจะเป็นแบบนั้นเสมออิงศร

                อีกฝ่ายเปลี่ยนคำเรียกแทนตัวเขาจาก เจ้า เป็น นาย ดุเหมือนว่าก่อนหน้านี้ที่ใช้สรรพนามเหมือนพวกปีศาจจะเป็นแค่ละครตบตาเรื่องตัวจริงอย่างนั้นรึเปล่า

                อีกฝ่ายคือนรินทร์จากอีกความเป็นไปได้หนึ่งจริงๆ อย่างนั้นหรือ

                “…”

                จนถึงตอนนี้เขาเองก็ไม่แน่ใจกระทั่งความคิดของตัวเองแล้ว

                ร่างกายของกฤษณะเริ่มสลายตัวเอง ค่อยๆ หายไปไล่จากขาขึ้นมา

                เพื่อพวกพ้องของตัวเองแล้วก็จะทำได้ทุกอย่างเพราะช่วยผมไว้ไมได้ก็เลยกลายเป็นแบบนั้น...

                กฤษณะเบือนหน้าไปสบตากับมิ่งขวัญแล้วแสยะยิ้ม

                เรื่องที่พูดมาทั้งหมดบ่ายเบี่ยงจากคำตอบที่เขาต้องการดูท่าอีกฝ่ายจงใจจะไม่บอกอะไรเลย

                แล้วตอนนั้นเอง

                กฤษณะชายตามองไปที่เมอร์คาบาร์

                เทิร์นบริงเกอร์

                “…”

                ถ้าพูดแค่นั้นแล้วยังไม่เข้าใจถึงคุยต่อไปก็ป่วยการเปล่า ขนาดมิ่งขวัญในสภาพนั้นมายืนอยู่ตรงนี้แล้วก็ยังเข้าใจว่าเป็นแค่ผลจากอาคานาร์เลยเนี่ยเพราะแบบนั้นนายถึงได้...

                ถึงได้อะไร พูดมาซะ!

                แต่กฤษณะหัวเราะ

                เสียใจด้วยนะแต่หมดเวลาเล่นแล้วล่ะไว้ถึงเวลาเดี๋ยวก็รู้เองจนกว่าจะถึงตอนนั้นก็เล่นตามบทต่อไปเถอะ คืนนี้สนุกมากจริงๆ

                จากนั้นก็หายตัวไป ดังนั้นเบาะแสที่ยังหลงเหลืออยู่เกี่ยวกับการปรากฏตัวของกฤษณะก็เหลือแต่ขวัญที่มาจากอนาคตเท่านั้น

                ขวัญ

                แต่น้องชายในอนาคตส่ายหน้า

                ขอโทษแต่ว่าเล่าไม่ได้...ถ้าเล่าไปแล้วเกิดเส้นทางต่อจากนี้ผิดเพี้ยนไปกว่านี้จะเป็นอันตรายทั้งกับพี่แล้วก็ทุกคน

                มิ่งขวัญกล่าวอย่างจริงจัง จนทำเอาเค้นต่อไม่ลง

                ไม่หรอก ไม่ใช่แบบนั้น ตอนนี้ถึงจะใช้กำลังบังคับก็ทำให้ขวัญเปิดปากไม่ได้ เขาคิดว่ามันเป็นแบบนั้นมากกว่าดังนั้นจึงไม่คิดจะเซ้าซี้ต่อ

                อย่างไรเสียพวกเขาจะต้องได้เผชิญหน้ากับ ฟาวเดชั่นอี อีกอย่างแน่นอนเขายืนยันในเรื่องนั้นได้เพราะฝ่ายนั้นไม่ใช่ตัวตนธรรมดาแต่เป็นองค์กรที่มีความเกี่ยวข้องกับอารย-สนธยาแล้วก็ยังมีความเป็นไปได้ที่จะเกี่ยวพันกับแฟรนเซียมด้วย

    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    นิยายที่ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×