คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #213 : Login 210: ยมทูตกลับหัว 4
Login
210: ยมทูตกลับหัว 4
“ขวัญ…กำลังจะตายเหรอ”
มิ่งขวัญเอ่ย
สายตาเลือนรางพยายามมองสีหน้าของพี่ชายถึงจะเบลอไปบ้างแต่อิงศรกำลังทำหน้าเศร้าอยู่แน่นอน
“…”
รู้สึกหายใจลำบากเหมือนกับมีรูอยู่ในปอด
ต่อให้หายใจเอาอากาศเข้าไปมากเท่าไหร่
สูดหายใจแรงขึ้นซักเพียงใดแต่ก็ไม่รู้สึกถึงอากาศที่เข้ามา
หายใจเท่าไหร่ก็ไม่พอ
อากาศไม่เพียงพอหูจึงเริ่มอื้อ
“ขวัญ…นา...ตะ...รอ..ใจ...ไว้นะ!”
ฟังที่อิงศรพูดหลังจากชื่อตัวเองไม่ค่อยเข้าใจ
ภาวะขาดอากาศทำให้สมองทำงานช้าลงเล็กน้อย
แต่ว่า…
พอจะเดาได้ว่าพูดอะไร
ทำใจดีๆ ไว้นะ
นายไม่ตายหรอก…คงพูดแบบนี้เพื่อให้กำลังใจอยู่แน่
แล้วจู่ๆ
ก็นึกขึ้นมาได้
เรื่องในวันแรกที่หัดจับอาวุธต่อสู้กับสัตว์เทวะ
ในวันนั้น
เพราะความขี้ขลาดของตัวเองอิงศรเลยต้องเจ็บหนักปางตาย
ตอนนั้นเป็นเขาเองที่คอยมองอิงศรด้วยหัวใจลุ้นระทึก เฝ้าภาวนาอย่างหมดหัวใจ
ย้ำกับตัวเองอยู่หลายครั้งว่าอีกฝ่ายจะต้องไม่ตาย
แล้วตอนนี้ก็กลับตาลปัตรกัน
แต่ว่า…
“ดีจัง…”
“หา?”
ไม่แปลกหรอกที่อิงศรจะส่งเสียงเหมือนเป็นงง
อีกสองคนที่ดูอาการเขาก็ด้วยทั้งมีนา ทั้งนรินทร์
แต่ดีแล้วล่ะที่ตัวเองไม่ต้องเป็นฝ่ายภาวนาแล้วก็…
“ขวัญฝันน่ะ...ก่อนจะตื่นขึ้นมาขวัญฝันว่ากำลังจะฆ่าศร…ค่อยยังชั่วหน่อย”
ไม่ค่อยแน่ใจตัวเองนักแต่คิดว่าตอนนี้เขากำลังยิ้มออกไป
ยิ้มอย่างโล่งใจทุกอย่างนั่นเป็นเพียงความฝัน
ความฝันอันแปลกประหลาดที่ตัวเองตื่นขึ้นในโลกที่แตกต่างไปจากตอนนี้…
“ค่อยยังชั่วกับผีน่ะสิอย่ามาพูดบ้าๆ
นะ!”
อิงศรตวาด
รู้ได้เลยว่ากำลังโกรธแบบที่ไม่เคยเป็นมาก่อน
ความโกรธที่แฝงความเศร้าเอาไว้เดาได้จากน้ำเสียงที่ค่อนข้างจะสั่นนิดหน่อย
“…”
ไม่รู้ทำไมแต่อิงศรเปลี่ยนน้ำเสียงที่พูด
“นายเคยพูดไว้ไม่ใช่เหรอว่าโลกที่ไม่มีฉันน่ะนายอยู่ไม่ได้หรอก”
น้ำเสียงนั้นจริงจัง
ไม่รู้ว่าเกิดอะไรขึ้นกันแน่ ทั้งสายตา ทั้งหู รวมไปถึงประสาทสัมผัสอื่นๆ
ก็ทื่อลงจนแทบใช้การไม่ได้จึงรับรู้สถานการณ์ไม่ได้เลย
แต่ว่าที่ศรพูดมานั้น…คือคำพูดของตัวเองเมื่อสามปีก่อน
ตอนที่ผลักหลังศรเข้าไปในรถไฟที่ใช้หลบหนี
ถึงจะดูเป็นการกระทำที่เสียสละแล้วก็ไม่รู้ว่าตั้งแต่ตอนนั้นมาศรคิดอย่างไรกับการกระทำในคราวนั้นกันแน่
แต่ว่าตัวเองรู้ดีว่านั่นเป็นเพียงการหนีเท่านั้น
หนีจากความรู้สึกที่น่าอดสูแบบที่ศรกำลังเป็นในตอนนี้
ความขมขื่นที่ต้องคอยภาวนาไม่ให้ศรตายในวันแรกที่หัดจับอาวุธ
เพราะไม่อยากจมกับความรู้สึกแบบนั้นยิ่งกว่าความตายของตัวเองเลยผลักไสมันให้กับพี่ชายไป
ถ้าอย่างนั้นตอนนี้อิงศรก็คิดจะเอาคืนอย่างนั้นสินะ
เอาคืนก่อนที่จะไม่มีโอกาส จะต่อว่าเขาที่เอาแต่ใจเอาตอนนี้
“ถ้างั้นโลกที่ไม่มีนายอยู่มันก็ไม่มีความหมายสำหรับฉันเหมือนกันนั่นแหละ”
แบบนั้นมัน…
มิ่งขวัญคิดแต่พูดออกไปไม่ได้
เขาไม่เหลือเรี่ยวแรงพอจะพูดแล้ว อากาศไม่พอหอบหายใจถี่ขึ้นแต่ไม่ได้อากาศเข้าปอดเลยซักนิดถ้านี่ไม่ใช่ร่างกายของมนุษย์ต่างดาวคงจะทนความทรมานนี้และประคองสติเอาไว้ไม่ได้ไปแล้ว
แต่ว่า…
แบบนั้นมันก็เหมือนกันเลยไม่ใช่เหรอ
ทั้งเขาทั้งพี่ชายต่างก็คิดแบบเดียวกัน
ไม่ใช่ว่าอยากผลักไสความทุกข์จากการภาวนาว่าจะต้องสูญเสียใครฝ่ายใดฝ่ายหนึ่งไปแต่พวกเขาต่างก็ต้องการซึ่งกันและกันจริงๆ
จำเป็นต้องมีอีกฝ่ายอยู่ด้วยจึงจะคงอยู่ได้
“นั่น…สินะ”
มิ่งขวัญเค้นแรงทั้งหมดพูดออกไป
จะเพราะความตั้งใจแน่วแน่หรือเพราะอะไรก็ตามแต่ก็พูดออกไปแล้วทั้งที่ตอนนี้ร่างกายถึงขีดจำกัด
อิงศรพูดตอบรับคำพูดนั้น
“ถ้างั้นก็สู้สิขวัญพวกเราน่ะแข็งแกร่งขึ้นแล้ว
หลังจากนี้ไปพวกเราจะขึ้นไปเผชิญหน้ากับแอดมินิสเทรเตอร์
เผชิญหน้ากับพระเจ้าเลยนะถ้าปัญหาแค่นี้ยังผ่านไปไม่ได้
พวกเราก็ไม่มีวันก้าวไปข้างหน้าได้หรอก”
ก้าวไปข้างหน้า…ใช่
ต้องก้าวเดินไปข้างหน้า ตัวเองสาบานไว้แล้วว่าจะไปด้วยกันกับพี่ชายให้ถึงที่สุด
ถ้าอย่างนั้นตัวเองก็ต้องก้าวหน้าไปด้วย
ถึงจะไม่เข้าใจอะไรนัก
แต่มิ่งขวัญก็ตระหนักว่าในตอนนี้ตัวเองเข้าใจ ‘การก้าวเดินไปข้างหน้า’ ที่อิงศรพูดให้ฟัง
ขึ้นมาอย่างถ่องแท้แล้ว
“ก้าว…ต่อไป…ข้างหน้า”
ทันทีที่ตะโกนออกไปว่าจะก้าวต่อไปข้างหน้า
จะไม่ยอมหยุดอยู่ที่นี่ จะร่วมทางกับพวกพ้องไปให้ถึงที่สุด
จิตใจก็เหมือนจะได้รับการเยียวยา
ความเบิกบานกำลังผลิดอกออกผลจากภายใน
อาคานาร์ฟอร์ซแห่งความเบิกบานกำลังเพิ่มขึ้น
และแล้ว…
[Ava-Trans]
หน้าจอระบบแสดงคำสั่ง
อวาแทรนซ์ กระเด้งตัวเปิดขึ้น
ไพ่อาคานาร์
เดอะ ฟอร์จูน ของมิ่งขวัญก็ปรากฏขึ้นเช่นกัน
อิงศรพูด
“นี่มัน…”
ตอนนั้นเองลูกไฟยูนิทสีทองที่มิ่งขวัญสะสมไว้ตอนที่โดนอสูรควบคุมก็ลอยเข้าไปรวมกับอาคานาร์
ยูนิททั้งหกลูกรวมเป็นหนึ่งกับไพ่แล้วระเบิดออก
การระเบิดนี้ไม่สร้างความเสียหาย
มีแต่แสงสว่างเจิดจ้าที่สาดส่องออกมาราวกับดวงตะวัน อาบใส่ร่างมิ่งขวัญ
สายลมรุนแรงพัดสามคนที่ล้อมมุงจนต้องถอยห่าง
มีนาพูด
“นี่มันอะไรกันคะเนี่ย”
นรินทร์พูด
“ไม่รู้สิไม่เคยเห็นแบบนี้มาก่อนเลย”
แต่อิงศรเข้าใจว่ามันกำลังจะเกิดอะไรขึ้น
“อวาแทรนซ์กับอาคานาร์ของขวัญอย่างนั้นเหรอ”
ก่อนหน้านี้มันเคยเกิดขึ้นกับตัวเอง
เกิดขึ้นตอนที่เรียกเมอร์คาบาร์ฮันเซลลัชช่าออกมาได้เป็นครั้งแรก
ดังนั้นคราวนี้ก็คงเหมือนกัน
อิงศรคาดการณ์จากสภาพที่เห็นแล้วว่าอาคานาร์แห่งโชคชะตาของมิ่งขวัญกำลังพัฒนาไปอีกขั้น
แต่เพราะอะไรล่ะ
เมื่อกี้เขาพูดเรื่องการก้าวต่อไปข้างหน้ากับน้องชายที่จวนเจียนจะหมดลมหายใจ
ส่วนหนึ่งก็เป็นเพียงการประชดโชคชะตาที่เลือกไพ่แบบนั้นมาให้
เลือกจะให้มิ่งขวัญประสบแต่เรื่องอันตรายพรรค์นี้อยู่เสมอ
ดังนั้นจึงพยายามบอกให้
‘ก้าวไปข้างหน้า’ นั่นคือพลังเพียงหนึ่งเดียวที่พวกเขาได้ครอบครองหลังจากผ่านอุปสรรค์และการทดสอบมามากมาย
ดังนั้นคำตอบของการอวาแทรนซ์ในคราวนี้ก็เลยออกมาเป็นที่ชัดเจนแล้ว
เมื่อใดที่พวกเขาแสดงความตั้งใจอย่างแน่วแน่ว่าจะ ‘ก้าวไปข้างหน้า’ อาคานาร์จะตอบรับความตั้งใจนั้นแล้วแสดงพลังออกมา
แล้วอวาแทรนซ์ก็คือการที่มนุษย์มอบพลังให้กับปีศาจ
ดังนั้น เฮเลล
ปีศาจแห่งโชคชะตาของมิ่งขวัญก็จะได้รับพลังแล้วพัฒนาขึ้นเหมือนเมอร์คาบาห์ของเขาอย่างนั้นสินะ
แสงสว่างเปล่งประกายและสาดส่องอย่างแรงกล้าอยู่พักหนึ่งก็เริ่มหดหาย
แสงถอยกลับไปรวมกันตรงจุดที่มิ่งขวัญอยู่
***ตอนนี้สั้นมากๆ ต้องขออภัยจริงๆ
ครับไรท์กะเวลาผิดไปหน่อยใช้เวลากับรูปประกอบตอนเยอะไปทำเอาพิมพ์ต้นฉบับไม่ทันไปเลย
ไว้อ่านต่อกันอีกทีวันเสาร์นี้ละกันนะครับ ฮรือ TwT***
ความคิดเห็น