คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #187 : Login 184: คำพิพากษา
Login
184: คำพิพากษา
...ก่อนหน้าช่วงเวลาที่มนุษยชาติจะได้เข้าพบผู้สร้าง
เป็นช่วงหลังจากที่แยกกับพวกอิงศร...
สถานที่คือรูนรูม
ห้องพุพังบนยอดอาคารสูงที่ไร้เพดานซึ่งตั้งตระหง่านอยู่บนรากอาคาชิก
ซีลอร์ดพาซีเซียมมาที่รูนรูมเพื่อให้ช่วยเตรียมการสำหรับสิ่งที่กำลังจะเกิดขึ้นในอนาคตอันใกล้
พวกเขาต่างก็หันหน้าเข้าหาจอโฮโลแกรมของตัวเองพลางละเลงนิ้วมือบนแป้นโฮโลแกรมอย่างไม่หยุดพักโดยยืนหันหลังให้กันอยู่ตรงกลางห้อง
ระหว่างที่ทำงานกันอยู่ซีเซียมก็พูดขึ้นมาว่า
”ตกลงแล้วสาเหตุที่นายพาฉันมาที่นี่ก็เพราะเรื่องนั้นสินะ”
“ใช่แล้วล่ะ
ผมอยากจะเป็นกำลังให้กับอิงศรซักนิดหน่อยก็ยังดี”
“เพราะนายเป็นเครื่องทำสวนจะขัดคำสั่งแอดมินก็คงไม่ได้แต่ว่าเจ้าพวกนั้นจะทำได้จริงๆ
น่ะเหรอทางเลือกแบบนั้นน่ะ”
“เขาเอาชนะบททดสอบของผมมาแล้วนะตอนนี้พลังของอิงศรก็น่าจะพอๆ
กับแฟรนเซียม”
“หา?”
ซีเซียมชะงักมือไว้แล้วหันกลับไปมองด้วยสายตาเหลือเชื่อ
“ทั้งที่เลเวลกับตัวเลขพลังห่างกันฟ้ากับเหวเนี่ยนะ”
แต่ซีลอร์ดก็ตอบโดยที่ไม่ได้หันหน้าออกจากหน้าจอ
“ไม่ใช่พลังของตัวเลขที่มาจากอมฤตสิ
ผมกำลังหมายถึงความสามารถในฐานะมนุษย์ต่างหาก”
“จะบอกว่าศักยภาพของหมอนั่นกับแฟรนเซียมเท่ากันงั้นเหรอ”
“คิดว่าแค่สูสีกันน่ะถ้าเทียบกันตรงๆ
อิงศรยังขาดประสบการณ์”
ซีเซียมที่ได้คำตอบไปแล้วก็หันกลับไปทำงานต่อ
เมื่อเห็นว่าโปรแกรมบนหน้าจอประมวลผลเสร็จพอดีจึงยื่นมือไปที่โต๊ะวาวโคมไฟซึ่งตั้งอยู่ข้างตัว
หยิบกระดาษที่ตัดเป็นแผ่นเล็กๆ เท่าตั๋วเดินทางออกมาจากกองที่มีร่วมสามสิบกว่าใบ
เขาล้วงมือเข้าในหน้าจอดึงกระดาษที่เหมือนกันแผ่นหนึ่งออกมาแล้วเสียบแผ่นใหม่ลงไป
ส่วนแผ่นนั้นก็เอาไปวางแยกไว้รวมกับอีกกองหนึ่งเป็นกองที่ใส่ข้อมูลเรียบร้อยแล้ว
‘บัตรเคลื่อนย้ายฉุกเฉิน’
มันเป็นไอเทมที่ซีลอร์ดขอให้ช่วยทำเตรียมไว้ให้พวกอิงศร
“แล้วแฟรนเซียมที่เหนือกว่าหมอนั่นจนถึงตอนนี้ยังหาทางลงรอยกับทางเดินเก่าไม่ได้เลยไม่ใช่เหรอถ้าเป็นไปตามที่นายพูดมาจริงๆ
ต่อให้รวบรวมเครื่องทำสวนทั้งหมดไปสู้ก็ไม่ชนะแอดมินหรอก”
ซีเซียมพูดแล้วเริ่มทำงานกับบัตรแผ่นใหม่
“เพราะแบบนั้นผมถึงเลือกอิงศรไง”
“แล้วคิดว่าแอดมินจะรับฟังเหรอ
ฉันว่าสุดท้ายมันก็เข้าอีหรอบเดียวกันนั่นแหละแถมนายยังเพิ่งบอกมาด้วยนี่ว่าลูนาริสตัดสินใจเห็นชอบกับโซลาริสไปแล้วไม่ใช่เหรอ”
ซีเซียมเลื่อนสายตาไปยังจอโฮโลแกรมข้างๆ
ระหว่างที่พูด
ซีลอร์ดกล่าว
“เพราะงั้นถึงต้องให้เธอมาช่วยผมไง”
“เรื่องที่ว่านั่นน่ะรู้มาจากอาคาชิกเรคคอร์ดเหรอ”
“อืม”
ซีเซียมฟังคำตอบแล้วถอนหายใจ
“ถ้างั้นก็หมายความว่าลูนาริสจะลงมาที่นี่ด้วยตัวเองสินะ”
“ผมเป็นผู้สังกัดกับท่านลูนาริสโดยตรงถ้าท่านมาที่นี่คงจะทำอะไรนอกลู่นอกทางไม่ได้เพราะงั้นถึงตอนนั้นคงต้องฝากเธอช่วยดูแลพวกเขาแล้วล่ะ”
สรุปก็คืออยากให้เขาช่วยดูแลพวกอิงศรหลังจากนี้ไป
เจ้าพวกไก่อ่อนที่เพิ่งจะกระโดดขึ้นเวทีเป็นครั้งแรกจำเป็นจะต้องมีพี่เลี้ยงคอยชี้นำทาง
ซึ่งซีลอร์ดที่อยู่สถานะผู้เฝ้าจับตาดูคงจะทำอะไรมากไปกว่านี้ไม่ได้
ซีเซียมพยักหน้าอย่างเข้าใจแล้วละสายตาจากจอที่อยู่ข้างๆ
หันกลับไปทำงานกับหน้าจอของตัวเอง
“โยนงานยากมาให้กันเลยนะแล้วไอ้ที่ทำๆ
กันอยู่เนี่ยมันก็แค่ช่วยยื้อเวลาเท่านั้นเองไม่ใช่เหรอหรือว่าเห็นอะไรมาจากอาคาชิกเรคคอร์ดอีกล่ะ”
อาคาชิกเรคคอร์ด
ระบบรากซึ่งบันทึกความเป็นไปได้ทั้งหมดเอาไว้
ซีลอร์ดสามารถดึงข้อมูลจากระบบที่ว่ามาใช้ทำนายเหตุการณ์ล่วงหน้าได้
…แล้วหนนี้ก็เหมือนกัน
หน้าจอด้านข้างที่เขาหันไปดูกำลังฉายภาพเรื่องราวในภายภาคหน้าซึ่งกำลังจะบังเกิดขึ้น
ซีลอร์ดตอบคำถามของเขามาว่า
“ไม่เห็นน่ะ”
“ไม่เห็นนี่หมายถึงไม่เห็นอะไร”
“อนาคตที่อิงศรเลือกเดินมันไม่มีบรรจุอยู่ในความเป็นไปได้ไหนเลยน่ะสิ”
“เฮ้ย
แบบนั้นไม่ใช่ว่าหมอนั่นมันแกล้งพูดโกหกหลอกนายมาหรอกเรอะ!”
“แต่อนาคตในทางเลือกของแฟรนเซียมก็ไม่มีเหมือนกัน”
คำตอบของซีลอร์ดทำให้เขาต้องวางมือแล้วหันกลับไปขอคำตอบที่ชัดเจนกว่านี้
“หา? แบบนั้นมันก็มืดแปดด้านเลยไม่ใช่เรอะ”
แต่ซีลอร์ดไม่ยอมพูดหนือแม้แต่จะหันกลับมา
“…”
ซีเซียมถอดใจจะเซ้าซี้แล้วจึงกลับไปทำงานต่อระหว่างนั้นก็พูดเปรยๆ
ว่า
“เข้าใจล่ะหมอนั่นกับอดาเมียมก็เหมือนกันสุดๆ
เลยนี่เนอะงั้นก็เร่งมือเข้าเถอะ”
“อืม”
“…”
“ขอบคุณนะซีเซียมที่มาช่วยผม…”
ซีเซียมหยุดนิ้วที่กำลังเคาะแป้นโฮโลแกรมทันที
“เพิ่งจะมาพูดเอาป่านนี้เนี่ยนะ”
ซีเซียมพูดโดยไม่หันกลับไป ตอนนี้ถือว่าเสียเวลาไปมากพอแล้วถ้าหากไม่รีบเร่งมือเข้าอาจจะไม่ทันการณ์ก็ได้
”ตัวฉันน่ะไม่ว่าเมื่อไหร่ก็คอยแต่จะช่วยนายตลอดนั่นแหละแล้วก็ทางเลือกของหมอนั่นฉันว่าถ้ามันเป็นจริงได้ก็ดีกับทางฉันเหมือนกัน”
ทว่าซี]อร์ดก็พูดต่อความมาว่า
“แต่แบบนั้นเท่ากับว่าตัวเธอในตอนนี้จะไม่เคยเกิดมาเลยนะซีเซียม”
“…”
ซีเซียมหยุดมืออีกครั้ง
เขาเริ่มคิดถึงความเป็นไปได้ที่แผนของอิงศรดำเนินการสำเร็จขึ้นมา
หมอนั่นบอกว่าจะย้อนเวลากลับไป
ย้อนกลับไปเพื่อเลือกทางเดินที่ถูกต้องอีกครั้ง
หากมนุษย์เลือกทางเดินที่ถูกต้องได้แล้วบททดสอบก็จะไม่เกิดขึ้นร่างดั้งเดิมที่ไม่ใช่โคลนนิ่งของรูบิเดียมก็จะไม่ต้องลงมาที่โลกนี้ซึ่งนั่นหมายถึงตัวตนที่เป็นโคลนนิ่งนี้จะไม่เคยเกิดขึ้น
อัตตาตัวตนของตัวเองจะถูกปฏิเสธในทางเลือกของอิงศร
“แต่ร่างดั้งเดิมก็ยังอยู่นี่”
ซีเซียมพูด
เขาตัดสินใจอย่างแน่วแน่มาตั้งแต่ตอนที่ได้ความทรงจำของร่างต้นคืนมาแล้ว
ดังนั้นจึงอยากสนับสนุนไฮโดรเจน
ช่วยเหลือซีลอร์ดให้ถึงที่สุดตามที่เคยสัญญาเอาไว้บนสวนแห่งแรก
“ตัวฉันในตอนนี้รับเอาความทรงจำทั้งหมดมาก็เหมือนนี่เป็นร่างชั่วคราวเท่านั้นแหละไม่รู้จะพังเมื่อไหร่ถ้างั้นตัวฉันเองก็อยากจะเลือกเดินให้มันสุดทางเหมือนที่ผ่านมาถึงจะไม่ใช่ตัวฉันจริงๆ
ก็เถอะ”
ซีลอร์ดตอบรับความหวังดีของเขาด้วยคำพูดห้วนๆ
“งั้นเหรอ”
ถึงจะดูใจร้ายไปหน่อย
แต่ซีเซียมที่อยู่กับไฮโดรเจนมานาน…
ร่างต้นที่อยู่กับซีลอร์ดมาตั้งแต่บนสวนแห่งแรกเข้าใจดีว่ายามนี้
สหายผู้เป็นดั่งบิดาผู้ให้กำเนิด เป็นเหมือนพี่ชาย เป็นเพื่อน เป็นคนสำคัญที่ไม่อาจสูญเสียไปได้
กำลังตกอยู่ในสถานการณ์ที่ค่อนข้างลำบากใจและได้แต่ตอยรับความช่วยเหลือที่ไม่อาจปฏิเสธได้ทั้งที่มันทำให้เจ็บปวด
จากนี้ไปจะมีอีกหลายคนต้องทนทุกข์กับการตัดสินใจนี้ ซีลอร์ดรู้มาแต่แรกแล้วว่าสุดท้ายหนทางสำหรับชาวโลกก็มีแต่ต้องจบลงที่เส้นทางแห่งขวากหนามนี่เท่านั้น
“รีบๆ
ทำนี่ให้เสร็จเถอะว่าแต่หาพิกัดเหมาะๆ
ให้กับพาสเคลื่อนย้ายฉุกเฉินไปลงจอดได้ยังล่ะเนี่ยต้องไปให้พ้นรัศมีที่พลังของลูนาริสจะไปไม่ถึงด้วยไม่งั้นได้กลายเป็นแบบในภาพแน่”
ซีเซียมย้ายสายตาไปยังภาพที่ฉายอยู่บนจอโฮโลแกรมด้านข้างอีกครั้ง
ภาพซึ่งได้มาจากอาคาชิกเรคคอร์ดหรืออีกนัยหนึ่งก็คือ
‘เมล์ตัวจับเวลาความตาย’
คำทำนายซึ่งแนบมากับภาพถ่ายยามสิ้นชีพของ
แฟรนเซียม อิงศรและทุกคนที่อยู่ที่สนามรบซึ่งเผชิญหน้ากับผู้สร้างและถูกทำลายย่อยยับ
@@@
“ลูนาริสอย่างนั้นเหรอ”
อิงศรกล่าวอย่างไม่เชื่อสายตาตัวเอง
เขาแหงนหน้ามองตัวตนที่อยู่เหนือสามัญสำนึกซึ่งปรากฏตัวขึ้นอย่างกะทันหัน
‘แอดมินิสเทรเตอร์ลูนาริส’
‘ผู้ควบคุมกฎระเบียบและความเป็นไปของทุกสรรพสิ่ง’
นามเรียกขานเหล่านั้นสรุปรวมสั้นๆ
ด้วยคำว่า ‘พระเจ้า‘
ก่อนหน้านี้ที่เคยคุยกับซีลอร์ดก็บอกเอาไว้ว่า
ลูนาริส คือผู้ที่ยับยั้งการตัดสินโทษมนุษย์เอาไว้ทำให้เกิดการทดสอบที่ทำให้โลกล่มสลาย
ถ้าอย่างนั้นลูนาริส มาทำอะไรที่นี่กันแน่?
พระเจ้าสื่อสารกับพวกเขาโดยผ่านทางโทรจิตหรืออะไรทำนองนั้นเพราะเสียงถูกถ่ายทอดเข้าสู่สมองโดยตรง
พระเจ้าได้ตรัสเอาไว้ดังนี้...
‘มนุษย์เอย
บุตรแห่งแสงเอย เหล่าเมล็ดพันธุ์ที่พยายามดิ้นรนกระเสือกกระสนเอย พวกเจ้าเติบโตขึ้นเป็นวัชพืชอย่างแท้จริง’
“เดี๋ยว!”
อิงศรตะโกนแทรกแต่เสียงนั้นก็หาได้หยุดไม่
‘การที่พวกเจ้าได้เข้าพบเราคือสัญญาณสุดท้าย
บัดนี้พวกเจ้าทั้งหมดถูกตัดสินว่าเป้นวัชพืชที่จะต้องกำจัดทิ้งไป’
ดูเหมือนว่าการพิพากษาจะถูกตัดสินไปแล้ว
ลูนาริสเองก็เห็นพวกเขาเป็นวัชพืชที่ควรต้องกำจัด
มนุษย์ถูกพิพากษาให้ถูกทำลาย
แต่ยังมีคนที่ไม่ยอมให้เป็นแบบนั้น
“ไร้สาระน่ะพวกแกไม่มีสิทธิ์มาตัดสินเอาเอง”
แฟรนเซียมพูดแล้วตวัดดาบสั่งให้มังกรดำทั้งหมดพุ่งขึ้นไปโจมตี
‘พระเจ้า’
‘วัชพืชเอย ช่างโง่เขลา’
พระเจ้าตรัสเช่นนั้นพร้อมกับปล่อยคลื่นหรือพลังบางอย่างที่สั่นสะเทือนบรรยากาศได้
คลื่นพลังนั้นแผ่กระจายออกไปและทำให้มังกรดำแตกสลายไปในพริบตา
“อาซี-ดาฮากา-ดาเอวา!”
แฟรนเซียมพูด
ใบหน้าเปลี่ยนไปชั่วพริบตาหนึ่ง
หน้าถอดสีเพราะตกใจกับพลังของอีกฝ่ายก่อนจะกลับไปทำสีหน้าเย็นชาเหมือนกับไม่มีอะไรเกิดขึ้น
หากแต่ว่าการโจมตีของพระเจ้าไม่ได้สิ้นสุดลงเพียงแค่นั้น...
อิงศรรู้สึกได้ว่ามีความผิดแปลกเกิดขึ้นกับเมอร์คาบาห์แล้วเมื่อเขามองไปยังร่างของเทวทูต
“เมอร์คาบาห์!”
ก็แลเห็นเทวทูตกำลังจะเลือนหายไป
ร่างกายแตกซ่านเหมือนภาพโทรทัศน์เสียแล้วหายวับไป
“เป็นอะไรไปน่ะเมลคีเซเดค!”
เสียงของนรินทร์ดังขึ้น
ดูเหมือนว่าแอพพลิเคชั่นปีศาจจะเริ่มมีปัญหา
แล้วก็ไม่ใช่แค่แอพพลิเคชั่นปีศาจเท่านั้น...
มีเสียงสบถของข้าวหลามดังมาว่า
“อึก
นี่มันอะไรกันฟระ อยู่ๆ ก็หมดแรงเอาดื้อๆ”
ไม่เพียงแค่ข้าวหลามที่คืนร่างกลับเป็นมนุษย์แม้แต่วิเชียรมาศก็คืนร่างจากปีศาจงูยักษ์แล้วล้มลงฟุบพื้นอย่างอ่อนแรง
“เป็นเพราะคลื่นเมื่อกี้...งั้นเหรอ”
วิเชียรมาศพูดเท่าที่ร่างกายจะเอื้ออำนวย
สภาพของหล่อนดูอิดโรยเหมือนถูกดึงเอาพลังออกไปจนหมด
“…”
อิงศรมองสภาพรอบตัวแล้วครุ่นคิดว่ามันกำลังเกิดอะไรขึ้น
แต่คำตอบที่ออกมาดูเหมือนจะเป็นไปได้แค่อย่างเดียว
แล้วคำตอบนั้นก็ถูกส่งเข้ามายังสมอง
ด้วยเสียงของพระเจ้า
‘ข้าคือผู้ที่ควบคุมโชคชะตาทั้งปวงของทุกสรรพสิ่ง
พลังแห่งโชคชะตาอันบิดเบี้ยวที่พวกเจ้าเรียกกันว่าปีศาจได้ถูกยับยั้งเอาไว้แล้ว’
มันเป็นไปอย่างที่กำลังคิดจริงๆ
อีกฝ่ายมีพลังควบคุมการทำงานของปีศาจได้
ก่อนหน้านี้ก็เคยได้ยินซีลอร์ดพูดเอาไว้เหมือนกันเรื่องที่ลูนาริสเป็นผู้ควบคุมจัดการปีศาจทั้งหมด
ทุกอย่างที่เกี่ยวข้องกับปีศาจนั่นหมายความว่า
เดม่อนแอพพลิเคชั่น
อาวุธติดตั้งอสุรา
เดโมนอยด์
อาคานาร์
ทุกอย่างที่ว่ามานั่นถูกปิดผนึกเอาไว้เมื่ออยู่ต่อหน้าลูนาริส
ถ้าอย่างนั้นมนุษย์ก็เหลือหนทางต่อต้านเพียงทางเดียวคือใช้พลังของตัวเองล้วนๆ
แต่ทว่า...
จู่ๆ ก็รู้สึกถึงแรงกดทับมหาศาลอัดกระแทกลงมาบนบ่า
“อ๊าก!!”
อิงศรกรีดร้องและไม่สามารถทนรับแรงกดที่ว่าได้จนต้องฟุบตัวลงกับพื้น
ใช้ข้อศอกยันร่างกายเอาไว้ สภาพราวกับถูกกดหัวให้ก้มคำนับ
คนอื่นๆ
ก็เริ่มมีสภาพแบบเดียวกัน ทั้งมนุษย์และมนุษย์ต่างดาว
จากนั้นพระเจ้าก็ได้ตรัสกับซีลอร์ดว่า
‘ออร์ฟิอูคูมันนาร์’
“ครับ”
‘การเฝ้าจับตาดูของเจ้าไปถึงไหนบ้าง’
ได้ยินเสียงโต้ตอบสนทนากันแบบหูฟังเสียงของซีลอร์ด
และ สมองรับข้อความจากลูนาริส สลับกันไป
อิงศรพยายามเงยหน้าขึ้นจากพื้น
พยายามมองให้เห็นว่าเกิดอะไรขึ้น
“มนุษย์เริ่มแสดงความตั้งใจที่จะก้าวเดินต่อไปแล้วครับ”
ดูเหมือนซีลอร์ดจะช่วยพูดต่อรองให้กับฝ่ายมนุษย์
แต่ทว่า
ฝ่ายพระเจ้ากลับเมินเฉยต่อการรายงานนั่น
‘แล้วความเสียหายของ ออร์ทิเกสซาร์
กับ เซปทรูสตาร์ นั่นเกิดขึ้นจากอะไร’
“ทั้งสองตกเป็นเครื่องมือของมนุษย์ครับ”
‘ด้วยวิธีการใด’
“ฟันเฟืองครับ
ฟันเฟืองได้แยกออกจากกันและคัดเลือกมนุษย์สี่คน”
‘ฟันเฟืองอยู่กับมนุษย์งั้นรึ’
“ครับ”
จากบทสนทนาดูเหมือนพระเจ้าจะยังไม่ทราบถึงสถานการณ์บนโลกแต่ว่าแบบนั้นมันเป็นไปได้ด้วยหรือ?
ถ้าอีกฝ่ายเป็นพระเจ้าที่ควบคุมทุกอย่างก็น่าจะรู้เรื่องที่เกิดขึ้นแล้วสิ
ตอนนั้นเองพระเจ้าก็ได้ตรัสว่า
‘จงกลับมาฟันเฟือง’
เพียงแค่เสียงนั้นดังขึ้นในสมอง
แผ่นหลังก็รู้สึกเหมือนกับถูกแหวก
“อ๊าก!!”
อิงศรกรีดร้องแต่ไม่ใช่เขาคนเดียวเท่านั้น
มิ่งขวัญ กวินทร์ แฟรนเซียม
คนทั้งสี่ที่มีฟันเฟืองอยู่กับตัวต่างก็ร้องทรมาน
ไม่นานนักความเจ็บปวดก็คลายออกหลงเหลือแต่ความแสบสันที่เกิดจากบาดแผลบนหลังซึ่งเหวอะหวะเพราะมีบางอย่างในร่างกายทะลวงออกไป
บางอย่างนั่นลอยผ่านระยะสายตาของอิงศรที่เงยมองจากเบื้องล่าง
ฟันเฟือง...เศษเสี้ยวของฟันเฟืองสี่ชิ้นลอยเข้ามาหากันและประกบรวมกันเป็นชิ้นเดียว
หมุนเคว้งอยู่เบื้องหน้าพระเจ้า
‘สิ่งนี้...พรสำหรับขับเคลื่อนภาชนะทำสวนศักดิ์สิทธิ์
ท่าทางว่านี่จะเป็นคำสาปที่ถ่วงรั้งการชำระล้างอย่างนั้นสินะ’
เสียงของพระเจ้าตรัสดังเช่นนั้น
พริบตาถัดมากรงเล็บเงาของพระเจ้าก็เอื้อมมาบดขยี้ฟันเฟือง
ฟันเฟืองถูกทำลายและสลายหายไป
‘ฟันเฟืองได้ทำหน้าที่ของมันอย่างถูกต้องสมควรของมันแล้วจากนี้ไปภาชนะของพวกเจ้าจักเคลื่อนไหวได้อย่างสมบูรณ์จงกวาดล้างวัชพืช
ทำให้สวนแห่งนี้กลับมางดงามอีกครั้งนี่คือคำตัดสินจากโซลาริสและตัวเรา’
พระเจ้าได้ตรัสออกมาแล้วว่าจะทำลายมนุษย์
ไม่สิทำลายทุกอย่างบนโลกนี้
‘ออร์ฟิอูคูมันนาร์’
“ครับ”
ซีลอร์ดไม่แม้แต่จะแสดงการขัดขืนหรือโต้แย้งอีกฝ่ายเลย
ทั้งที่เป็นตัวตั้งตัวตีผลักดันพวกเขาให้ต่อต้านการตัดสิน หรือว่าหมอนี่จะเปลี่ยนใจแล้วกันแน่
พระเจ้าตรัสกับซีลอร์ดว่า
‘จงเฝ้าจับตาดูต่อไป’
“ครับ”
เมื่อซีลอร์ดตอบรับคำสั่ง
การพบเจอครั้งแรกของมนุษยชาติกับผู้สร้างก็สิ้นสุดลงเพียงแค่ตรงนั้น
ลูนาริสหายตัวไปพร้อมกับแสงสว่าง
แต่แสงกลับไม่ได้หายไปด้วย
แสงสว่างเจิดจ้าซึ่งดิ่งลงมาจากฟากฟ้า
ตกกระทบพื้นเบื้องหน้าแล้วแผ่ขยายออก
แสงนั่น...
“นี่มัน”
อิงศรเบิกตากว้าง เส้นทางที่แสงวิ่งผ่านไปนั้น...
ทั้งทราย
ทั้งศพของมนุษย์
ทั้งซากเมืองที่ยังไหม้ไฟ
ทั้งหมดถูกแปรเปลี่ยนเป็นขี้เถ้าสีขาวขุ่น
ร่วงโรยลงสู่ดิน
แสงสว่างเคลื่อนตัวเข้ามาหาเขาและพวกพ้อง
ต้องรีบหนี...
แต่ร่างกายกลับไม่ยอมขยับ
แรงกดดันจากพระเจ้ายังคงกดทับอยู่ทั้งที่พระเจ้าไม่อยู่ที่นี่แล้ว
จบสิ้นกันแล้ว...
ตอนที่คิดแบบนั้นซีเซียมก็เริ่มเคลื่อนไหว
“พวกแกกำตั๋วกันไว้ให้ดีล่ะจะวาร์ปแล้วนะ!”
สิ้นคำโลกก็ถูกย้อมเป็นสีขาวโพลน
***ต้องขออภัยที่ตอนของวันเสาร์ที่ผ่านมาไม่ได้ลงไว้ในอาทิตย์ที่แล้วด้วยครับเนื่องจากติดขัดหลายๆ เรื่อง เลยกลายเป้นว่าลงแบบสองตอนติดกันสองอาทิตย์แทน ดังนั้นอาทติย์นี้จะลงเป็นแบบ3ตอน จันทร์ พุธ ศุกร์แทนครับ ตอนนี้ก็ดำเนินมาครึ่งทางของภาคสามแล้ว ท่านที่ยังอ่านกันอยู่ก็ติดตามกันต่อไปจนถึงที่สุดให้ได้นะครับใกล้จะจบจริงๆ แล้ว สำหรับวันนี้ก็สุขสันต์วันคริสมาตร์กันนะครับ อุ๋ง!***
ความคิดเห็น