ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    Apocalypse Online เกมโกงวันโลกาวินาศ

    ลำดับตอนที่ #18 : Login 16 : ในความฝัน

    • เนื้อหานิยายตอนนี้เปิดให้อ่าน
    • 1.3K
      55
      25 ส.ค. 59

    Login 16 : ในความฝัน

     

                ค่ำคืนหนึ่งก่อนที่รุ่งสางจะมาเยือน

                เมื่อเวลานั้นมาถึงการเเดินทางเพื่อฝึกฝนเก็บเลเวลให้เป็นหกสิบ ก่อนที่เรดบอสระดับห้าสิบจะเริ่มขึ้นที่ค่ายแห่งนี้ในอีกสิบสองวันของอิงศรก็จะเริ่มขึ้น

                ค่ำคืนนี้เขาถูกเชิญมายังห้องรับรองของผู้ถูกลืมเลือน


                ภายในรูนรูม

                ห้องพุงพังที่แสนคุ้นตาและภาพทิวทัศน์ยามค่ำคืนแบบเดิมๆ กับโซฟาเก่าๆ ตัวเดิม

                “ในที่สุดก็ยอมมาหาผมซักทีนะมนุษย์ผู้ถูกฟันเฟืองเลือก

                จ้าของห้องหน้าเดิมๆ เด็กหนุ่มผมสีขาวที่ดูจากรูปร่างแล้วน่าจะอายุเท่ากัน มีเรือนผมสีขาวและดวงตาทอประกายคมกริบที่มาพร้อมกับรอยยิ้มน่าหมันไส้ การแต่งกายแบบเรียบๆ เสื้อวอร์มสีแดงกางเกงยีนส์และหูฟังแบบครอบฟองน้ำ ทุกอย่างเหมือนเดิม ไม่เคยมีอะไรเปลี่ยนไป

     

                “ดูเหมือนเธอจะเซ็งๆ อยู่นะ

                “…” คุณไม่ได้พูดอะไร

                “จะไม่พูดซักหน่อยเหรอ จริงสิ! เธอไม่สามารถจะพูดได้เมื่ออยู่ในที่แห่งนี้อยู่แล้วนี่นะ แต่ว่ากระทั่งความคิดก็จะไม่ยอมแสดงให้ผมรู้หน่อยเหรอ

                “...” คุณเลือกที่จะตอบกลับไปว่า ดูเหมือนถ้าชั้นหลอกตัวเองว่าไม่ได้คิดอะไรแกเองก็จะไม่สามารถรู้ได้ว่าชั้นคิดอะไรอยู่สินะ

                 ผู้ถูกลืมเลือนยิ้มให้แล้วตอบกลับไปว่า

                “ก็ทำนองนั้นแหละ ว่าแต่ผมจำได้นะว่าไม่เคยบอกเรื่องที่ห้องนี้อ่านความคิดของแขกผู้มาเยือนได้กับเธอเลยนี่ หรือว่าวิเคราะห์ออกมาได้เองเหรอ

                “...” คุณเลือกที่จะตอบกลับไปว่า เฮอะ! ชั้นเนี่ยนะแขก...พึ่งจะรู้นะว่าคนเขาต้อนรับแขกกันด้วยการแฉความคิดแบบนี้น่ะ

                “งั้นเองเหรอ มันคงเสียมารยาทกับเธอสินะ

                “...” คุณเลือกที่จะตอบกลับไปว่า เลิกเล่นตลกกันแค่นี้แหละ ถ้าอยากจะคุยก็หัดให้ความเท่าเทียบกับคู่สนทนาด้วยไอ้เด็กหงอก

                “ใช้คำพูดรุนแรงจังเลยนะวันนี้แต่มันก็...

                ผู้ถูกลืมเลือนหยุดคำพูดแล้วดีดนิ้วมือจนเกิดเสียงดัง เปาะ!

                “เป็นอย่างที่เธอพูดนั่นแหละ

     

                จากนั้นบรรยากาศของห้องก็เหมือนจะเกิดการเปลี่ยนแปลง แล้วเมื่ออิงศรดำเนินความคิดต่อไป

                “เมื่อกี้..ห๊ะ!

                เด็กหนุ่มหยุดคำพูดด้วยความตกใจเพราะเสียงของตนดังออกมา

                “ผมยกเลิกเงื่อนไขให้แล้วทีนี้โอเครึยังล่ะ

               ผู้ถูกลืมเลือนพูดแล้วยิ้มให้

                “อ...เออ          

                “แล้ว...มีเรื่องอะไรจะพูดกับผมงั้นเหรอ

                พอถูกถามขึ้นมากะทันหันอิงศรก็ทำหน้ามุ่ยเล็กน้อย

                “แต่นายเป็นคนที่เรียกชั้นมาเองไม่ใช่รึไง! เอาเถอะทางนี้ก็มีเรื่องจะถามเหมือนกัน

                “เรื่องที่จะถามเหรอ

                “ใช่ เพราะงั้นถึงได้ยอมมาพบไงเล่า เกี่ยวกับเรื่องเมลจากจีเอ็ม...

                อิงศรกำลังหมายถึงเมลที่ส่งมาเตือนเรื่องความตายของเพื่อนสนิทที่ชื่อ พิพัฒน์ ซึ่งกำลังสงสัยว่าผู้ที่ส่งมาจะเป็นผู้ถูกลืมเลือนเพราะในวันที่ได้พบกันเป็นครั้งแรกก็เป็นวันเดียวกับที่มีเมลตัวจับเวลาตายส่งมาให้

     

                “ไอ้นั่นน่ะนายเป็นคนส่งมาอย่างงั้นสินะ

                “อืม- ใช่แล้วล่ะผมเป็นคนส่งไปเอง

                ผู้ถูกลืมเลือนตอบคำถามโดยไม่มีความหวั่นไหวในน้ำเสียงเลยแม้แต่น้อยจนน่ากลัว

               ... น่ากลัวว่าหากถามคำถามแบบตรงไปตรงมาต่อไปอย่างนี้เขาอาจจะตกหลุมพรางอีกฝ่ายเอาได้

               หากลองใช้สมองคิดซักนิดก็จะได้ความเป็นไปได้อย่างหนึ่งที่เข้าใกล้ความจริงที่สุด เป้าหมายของการส่งเมลตัวจับเวลาตายมาให้ หากว่านั่นไม่ใช่การข่มขู่หรือการเล่นสนุกแล้วล่ะก็ มันก็คือความหวังดีที่อยากจะช่วยเตือนถึงภัยที่กำลังจะมาถึงตัวคนรอบข้างนั่นเอง

              แล้วนั่นก็อาจจะเป็นหลุมพรางที่จงใจให้เขาเหยียบมันลงไปก็เป็นได้ ดังนั้นสิ่งที่ควรทำในตอนนี้คือการหยั่งเชิงอีกฝ่ายก่อน

     

                “แล้วส่งมาทำไม หรือว่านายกำลังหวังเอาชีวิตคนรอบตัวชั้นอยู่กันแน่

                เขาลองเสี่ยงถามคำถามที่อาจถูกจับโกหกได้ในทันที

                “มันแปลกๆ อยู่นะ

                “…”

                “มันน่าจะกลับกันไม่ใช่เหรออย่างเธอเองก็น่าจะรู้ได้ว่าผลลัพธ์ของการส่งเมลฉบับนั้นไปมันจะทำให้เธอระมัดระวังตัวมากกว่าเดิม ถ้าหากว่าผมเล็งชีวิตเพื่อนของเธอเอาไว้จริงทำไมจะต้องส่งของแบบนั้นไปด้วยล่ะ ผมทำเรื่องยุ่งยากขนาดนั้นไม่ได้หรอกนะ

                ดูเหมือนอีกฝ่ายก็คิดแบบเดียวกันในระดับของสามัญสำนึก พูดแบบง่ายๆ ก็คือ ไม่โง่พอจะหลงเชื่อคำโกหกที่ด้นขึ้นมาสดๆ อย่างที่พูดไปเมื่อกี้

                “นี่คงไม่ใช่ว่านายกำลังแอบอ่านความคิดของชั้น…”

                แต่ผู้ถูกลืมเลือนกลับพูดแทรกขึ้นมา

                “ก็เปล่านี่แค่พูดในเรื่องของสามัญสำนึกก็แค่นั้นเอง เธอน่ะคิดอะไรอยู่ผมไม่ได้รู้ด้วยหรอกก็ตอนนี้กติกามันกำหนดเอาไว้อย่างนั้นนี่นา

                ไม่อาจรู้ได้เลยว่าที่พูดออกมาคือความจริงหรือคำโกหกที่จะล่อให้เขาตายใจกันแน่ หรือบางทีเขาควรลดระดับการสนทนาของคนตรงหน้าลงจากระดับการสนทนาระดับเดียวกับสิงห์

                การสนทนาชิงไหวชิงพริบที่หากพลาดท่าก็จะถูกอีกฝ่ายชิงกุมจุดอ่อนในทันที

                แต่ว่าการพูดคุยกับผู้ถูกลืมเลือนมันไม่ใช่อะไรแบบนั้น แทบจะจับสัมผัสหรือบรรยากาศกดดันไม่ได้เลย

     

                “ถ้างั้นจะส่งของพรรค์นั้นมาทำไม

                “ก็เพื่อการทดสอบว่าเธอจะปฏิบัติอย่างไรถึงจะแก้ไขปัญหาได้ หากรู้ว่าปลายทางข้างหน้ามีความสิ้นหวังแบบไหนรออยู่

                “ทดสอบเหรอ แล้วจะทดสอบไปทำไมกัน

                “เพื่อดูให้รู้ว่าชะตาของมนุษย์ถูกลิขิตเอาไว้แล้วหรือไม่

                สรุปแล้วก็ได้คำตอบออกมาว่าควรใช้ระดับการสนทนาแบบใดกับคนๆ นี้

                มันเป็นระดับที่ต่ำกว่าเอาไว้คุยกับกวินทร์ที่ซื่อจนเข้ามากระดิกหางใส่เขาเสียอีก ระดับที่เรียกว่าตำนานของความบ้าบอเลยก็ว่าได้

                ดังนั้นอิงศรจึงตอบโต้กลับแบบคนบ้าด้วย

                “คิดว่าตัวเองเป็นพระเจ้าหรือไงถึงได้ว่างมาเที่ยวทดสอบคนอื่นเขาน่ะ

                พอได้ยินแบบนั้นผู้ถูกลืมเลือนก็หุบยิ้มลงแล้วกล่าวด้วยน้ำเสียงที่เปลี่ยนแปลงไป

                “อยู่ที่ว่าเธอจะยอมรับมันยังไง

                พูดด้วยน้ำเสียงที่เย็นชาเหมือนกับสายตาที่ใช้จ้องเขาในตอนนี้

                ท่าทางว่าการยุยงจะได้ผลอีกฝ่ายมีปฏิกิริยาแบบที่ไม่เข้าใจออกมา

                “ตกลงว่านายโกรธที่ชั้นพูดแบบนั้นไปเหรอ โกรธที่ทำเหมือนกับนายเป็นคนบ้างั้นสิ

                อิงศรยังคงยั่วยุอีกฝ่ายต่อ

                แต่ดูเหมือนว่าผู้ถูกลืมเลือนจะไม่ได้ตอบสนองต่อการยั่วยุแล้ว

                “เปล่า ผมกำลังพูดถึงเธอต่างหากการถามตอบเรื่องเมลนั่นจบลงไปแล้วตอนนี้เรากำลังอยู่ที่ประเด็นของผลลัพธ์ว่าเธอจะทำยังไงกับความรู้สึกที่โทษใส่ตัวเองว่าปกป้องเพื่อนไม่ได้ทั้งที่รู้อยู่แล้วว่าเขาจะต้องพบกับชะตากรรมแบบใดต่างหาก

                “...”

                “ถ้าเป็นเธอในตอนนี้อาจจะกำลังคิดอยู่สินะว่าผมเป็นศัตรูหรือว่ามิตร... ให้เดาก็กำลังคิดจนสมองแทบจะระเบิดออกมาแล้ว ถ้าจะถามว่าทำไมถึงรู้ล่ะก็ขอบอกเอาไว้ก่อนนะว่าผมไม่ได้กำลังอ่านใจของเธอ เพียงแต่ร่างกายของเธอมันกำลังบอกให้ผมรู้ ไม่ว่าจะเป็นรอบการเต้นของหัวใจ เม็ดเหงื่อที่กำลังผุดขึ้นทั่วทั้งร่างรวมไปถึงรอบการวิ่งของคลื่นไฟฟ้าที่กำลังแล่นอยู่ในสมองของเธอด้วย เห็นรึยังล่ะถึงไม่ต้องทำอะไรมนุษย์ก็จะบอกสิ่งที่คิดออกมาทั้งหมดอยู่ดี

                ผู้ถูกลืมเลือนร่ายยาวเหยียดจนเกือบจะฟังไม่ทันแถมยังเปลี่ยนเรื่องคุยกะทันหันแล้วยังพูดไล่ต้อนจนไตอบโต้ไม่ถูก

                เขาถูกอีกฝ่ายอ่านการเคลื่อนไหวออกหมดทะลุปรุโปร่งไปจนถึงขั้นของความนึกคิดเสียแล้ว

                ไม่รู้ว่าควรจะตอบโต้กลับไปอย่างไรดี...

                ดังนั้นอิงศรจึงเลือกที่จะไม่พูดอะไรเลยเพื่อไม่ให้ถูกจับได้ตามที่ว่าเอาไว้ ซึ่งความคิดนั้นก็คงจะโดนอ่านออกเช่นกัน 

               "..." 

              เมื่อไม่มีการตอบกลับจากเขาห้องก็เงียบสนิท เงียบจนน่าอึดอัด 


              ผู้ถูกลืมเลือนเริ่มพูด...

                “คราวนี้เอาไว้เท่านี้ก่อนดีกว่าดูเหมือนว่าผมจะไล่ต้อนเธอมากเกินไปสินะลองไปคิดทบทวนดูซักหน่อยก็แล้วกันว่าเธอจะยอมรับมันยังไง

                สิ้นคำทั้งห้องก็ถูกหมอกปกคลุม หมอกเริ่มซ้อนตัวหนาขึ้นทุกขณะจนแทบมองไม่เห็นสิ่งใดในห้องอีก

                “ฮ..เฮ้เดี๋ยวก่อน!

                อิงศรส่งเสียงออกไป แต่มันสายไปเสียแล้ว

                สัมผัสของเขาบอกว่ารูนรูมกำลังไกลออกไป ท่ามกลางความมืดมิดของหมอก ทุกอย่างกำลังกลายเป็น ว่างเปล่ารวมถึงสติรับรู้ก็เริ่มที่จะเลือนลาง

                จนกระทั่งความฝันหยุดลงไปพร้อมกับสติที่หลุดลอย....

     

     

    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    นิยายที่ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×