ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    Apocalypse Online เกมโกงวันโลกาวินาศ

    ลำดับตอนที่ #168 : Login 165: The Show of Despair

    • เนื้อหาตอนนี้เปิดให้อ่าน
    • 206
      5
      1 พ.ย. 60

    Login 165: The Show of Despair

     

                ตระกูลธุวดารกะล่มสลาย...

                เลือดเนื้อเชื้อไขที่อุทิศตัวให้กับตระกูลถูกฆ่าตายอยู่ใต้ดินของฐานทัพ จากการอาละวาดของเครื่องทำสวนศักดิ์สิทธิ์

                ทันทีที่เจ้าเครื่องจักรยักษ์ใหญ่รูปร่างเหมือนพยัคฆ์โผล่หน้าขึ้นมาสู่สมรภูมิรบ เค้าลางแห่งความวุ่นวายและหายนะก็เริ่มจับตัว

                เพียงแค่การปรากฏตัวขึ้นของออร์ทิเกสซาร์หนึ่งในเครื่องทำสวนศักดิ์สิทธิ์ทั้งสิบสอง คมดาบผู้รับใช้แอดมินิสเทรเตอร์โซลาริส ก็มากพอจะหยุดสนามรบให้ชะงักไปได้วินาทีหนึ่งแล้ว

                สายตาของทหารเมตไตรยและกองทัพมนุษย์ต่างดาวที่ฟาดฟันกันอยู่นั้นหันเหไปในทางเดียวกันราวกับต้องมนต์สะกด ไม่มีใครอาจละสายตาจากเครื่องจักรหรืออะไรก็ตามที่ร่างกายเป็นโลหะทั้งแท่งแล้วยังเคลื่อนไหวได้แถมมีขนาดตัวใหญ่มโหฬาร จนแม้แต่ตึกระฟ้ายังสูงได้แต่หน้าแข้งของมันเท่านั้น

                ด้วยขนาดตัวของมันและการที่มันพังฐานใต้ดินซึ่งกินพื้นที่เกือบครึ่งเมืองเพื่อขึ้นมาจึงทำให้พื้นดินบริเวณรอบๆ ยุบตัวลงไป

                ประชาชนที่อาศัยอยู่บริเวณนั้นรวมไปถึงพวกมนุษย์ต่างดาวบางส่วนที่บุกเข้ามาในเมืองจึงถูกธรณีสูบลงไปจนหมด

                ออร์ทิเกสซาร์ตะกุยขาหน้าของมันขึ้นมาจากหลุมโดยไม่สนใจว่าจะเหยียบถูกเมืองหรือผู้คนไปกี่คนก็ตาม มันเพียงเหยียดย่างเท้าอย่างสำราญใจและขบยิ้มกรุ่มกริ่มทุกครั้งที่ได้ยินเสียงกรีดร้องยามที่มันย่ำเท้าลงบนบ้านเรือนหรือบนร่างของใครก็ตาม

                ออร์ทิเกสซาร์หันเหสายตาไปยังสมรภูมิที่อยู่ห่างออกไปอีกแค่ไม่กี่ย่างก้าวของมันแล้วครางคำรามด้วยเสียงของมีนา

                “มนุษย์เอ๋ยพวกเจ้ากำลังลำบากอยู่รึให้ข้าช่วยเอาไหม

                มันพูดพร้อมกับอมยิ้มที่มุมปาก ลักษณะกับความละเอียดของปากที่เป็นเครื่องจักรซึ่งขับเคลื่อนด้วยเฟืองจำนวนนับไม่ถ้วนอยู่ภายในกลับทำให้มันแสดงอารมณ์บนใบหน้าได้อย่างเป็นธรรมชาติ ทั้งที่มันเป็นอาวุธของพระเจ้า หรือ ไม่อย่างนั้นรอยยิ้มกับการแสดงอารมณ์ก็นับเป็นอาวุธสำหรับถอนวัชพืชเช่นกัน หรือไม่มันก็เป็นเพียงแค่อารมณ์ขันส่วนตัวของผู้ที่ได้ชื่อว่าตัวตลกวิปลาสแห่งเครื่องทำสวนศักดิ์สิทธิ์

                ไม่มีใครล่วงรู้ความรู้สึกที่แท้จริงของ ออร์ทิเกสซาร์ เว้นแต่ตัวมันเอง

                และแล้ว ตัวตลกก็เตรียมพร้อมจะเปิดการแสดงอันวิปลาสของมันแล้ว

                เหล่าทหารของเมตไตรยพากันตกใจต่อคำพูดที่มันได้หว่านล้อมเอาไว้

                ถึงจะเพียงเล็กน้อยแต่ก็สัมผัสได้ว่าคนพวกนั้นเริ่มมี ความหวังแม้จะเป็นประกายที่เล็กน้อยสักเพียงใดหากทำให้มันพองโตขยายเป็นดวงไฟที่สุกสกาวได้ล่ะก็...

                ยามที่มันดับมอดลงคงจะสนุกน่าดู....ออร์ทิเกสซาร์คิดเช่นนั้นแล้วก็อ้าปากกว้างเล็งไปยังจุดที่มีแต่พวกมนุษย์ต่างดาวกระจุกตัวกันอยู่

                พวกมนุษย์ต่างดาวซึ่งไม่รู้ว่าออร์ทิเกสซาร์คือตัวอะไรก็เริ่มถกกันไปต่างๆ นานา

                “นั่นมันอะไรน่ะ

                “ปาหี่ของพวกชาวโลกงั้นเรอะ

                หัวหน้าหน่วยของมนุษย์ต่างดาวตนหนึ่งในหมู่นั้นสั่ง ขยี้มันทิ้งซะจากนั้นก็เฮโลกันพุ่งเข้าไปหาออร์ทิเกสซาร์กันด้วยความเร็วเหนือมนุษย์ แต่สำหรับเครื่องทำสวนแล้วไม่ต่างอะไรกับแมลงเม่าที่บินเข้ามาในกองไฟ

                “โซเดียราโอ

                มันกล่าวร่ายสกิลเช่นนั้น แต่ยังไม่ยิงลำแสงกวาดล้างออกไปแต่กลับประวิงเวลาชะลอความเร็วในการเปล่งตัวของมวลพลังงานแสงที่มันสะสมให้ช้าลงด้วยเป้าประสงค์บางอย่าง

                การโจมตีของมนุษย์ต่างดาวเข้าปะทะใส่ร่างของมัน แต่ไม่มีอาวุธใดทะลวงผ่านผิวโลหะไปได้ ไม่แม้แต่จะสร้างรอยขีดข่วนด้วยซ้ำ กระทั่งการโจมตีที่เป็นลำแสงหรือคลื่นพลังก็จะสลายไปเพราะละอองอนุภาคที่ห่อหุ้มรอบตัวมันซึ่งมาจากผิวอุกกาบาตที่เคยห่อหุ้มตัวมันสลายออกมา อนุภาคที่ช่วยสลายพลังของอมฤต เป็นระบบป้องกันแบบพื้นฐานของเครื่องทำสวนศักดิ์สิทธิ์เช่นเดียว กับ ดีเซมแมร์ที่เคยอาละวาดที่ค่ายกรุงเทพ

                ออร์ทิเกสซาร์รอจนแน่ใจแล้วว่าพวกมนุษย์ต่างดาวเริ่มหมดกำลังใจที่จะโจมตีจึงแสร้งทำทีเป็นล้มเพราะทนอาการบาดเจ็บไม่ไหว

                มันทรุดขาหน้าข้างหนึ่งลงแล้วก้มหัวพลางส่งเสียงคราง

                “โอ้ย~~~”

                พริบตาหนึ่งที่มันสัมผัสได้ว่าพวกมนุษย์ต่างดาวเริ่มโจมตีหนักข้อขึ้น สัมผัสได้ถึงกำลังใจที่มากขึ้นของเจ้าพวกนั้น

                “ซะเมื่อไหร่ล่ะ

                มันคำรามเช่นนั้นตอนที่เงยหน้าแล้วปลดปล่อยลำแสงสีแดงออกจากปาก มันลากลำแสงกวาดพวกมนุษย์ต่างดาวตรงหน้าให้หายไปหมดในพริบตาเดียว

                ลำแสงลากผ่านไปตามส่วนต่างๆ ของเมืองที่ยังเหลือรอดจากพื้นดินถล่มทำให้เกิดระเบิดขึ้นจนเมืองพังพินาศ ศูนย์บัญชาการใหญ่ของเมตไตรยตกอยู่ในทะเลเพลิงทันที

                เกิดระเบิดขึ้นอย่างต่อเนื่องภายในทะเลเพลิงนั่น

                เสียงระเบิดดังกัมปนาท

                แผ่นดินสั่นสะเทือน

                ออร์ทิเกสซาร์ได้เผยแพร่ความกลัวออกไปในวินาทีนั้น มันได้แสดงโชว์อันวินาศสันตะโรให้เป็นที่ประจักษ์ต่อสายตาของเหล่าวัชพืช แล้วมันก็ยินดีที่ได้เห็นวัชพืชแสดงความหวาดกลัวและหวาดวิตก

                พวกมนุษย์ต่างดาวที่ยังเหลือรอดเพราะไม่ได้บุกเข้ามาแต่ยืนดูเชิงอยู่ด้านนอกกำแพงเมืองที่เพิ่งจะถล่มกลายเป็นซากไปต่างก็พากันโวยวายและแสดงอาการหวาดกลัวออกมา บางตนก็เคยมีประสบการณ์มาก่อนเพราะเคยอยู่ในเหตุการณ์ที่ดีเซมแมร์อาละวาดที่ค่ายกรุงเทพ

                “นี่มันตัวอะไรกันน่ะ ทำไมพลังมันถึงมากขนาดนี้

                “ฉ..ฉันจำมันได้เจ้านี่มันเหมือนกับที่เจอตอนตามท่านโซเดียมคนก่อนไปฆ่าพวกชาวโลกเลยเจ้าสัตว์ประหลาดยักษ์นี่เหมือนกับม้าตัวใหญ่ตอนนั้นเลย!

                พอเห็นแบบนั้นเข้าเหล่าทหารเมตไตรยที่โดนต้อนจนมุมจนถึงเมื่อครู่ก็เริ่มมีขวัญกำลังใจขึ้นมา

                “เจ้านั่นมันมาช่วยพวกเราจริงๆ เหรอ

                “นั่นจะต้องเป็นอาวุธลับที่พวกท่านธุวดารกะเตรียมเอาไว้อย่างแน่นอนเลย

    ฉันเคยได้ยินมาว่าพวกเขาทำงานวิจัยลับอยู่ข้างใต้เมืองต้องเป็นเจ้านี่แน่ๆ พวกเรารอดแล้ว!

                แม้ว่านั่นจะหมายถึงการที่ออร์ทิเกสซาร์สังเวยประชาชนในเมืองไปทั้งหมดก็ตาม แต่เหล่าทหารของเมตไตรยซึ่งต่างก็เตรียมใจพ่ายแพ้เอาไว้จนถึงเมื่อครู่ พอได้รับน้ำแห่งความหวังจากออร์ทิเกสซาร์ก็ไม่สนใจสิ่งใดอีกนอกจากความลิงโลดที่เห็นว่าตัวเองสามารถรอดชีวิตจากสมรภูมินี้ได้

                มันเป็นเช่นนั้นเสมอ วัชพืชที่เรียกว่ามนุษย์เมื่อได้รับน้ำแห่งความหวังพวกมันก็จะตอบสนองอย่างน่าขยะแขยง แต่สำหรับออร์ทิเกสซาร์แล้วมันคือความสำราญอย่างหนึ่ง ตัวตลกผู้วิปลาสหัวเราะ

                “การขยี้หัวใจใครสักคนหนึ่งให้แตกสลายน่ะมันง่ายจะตายไป เพียงแค่มอบ ความหวังให้แล้วจากนั้นก็ขยี้มันทิ้งซะ!

                สิ้นคำแผงคอที่เก็บซ่อนเอาไว้ก็ถูกกางออกมาเปลี่ยนพยัคฆ์ให้กลายเป็นราชสีห์ไปในทันใด

                ร่องที่เว้นเป็นลายพาดกลอนอยู่บนหลังพ่นไฟสีครามออกมา แผงคอเริ่มหมุนอย่างรวดเร็ว

                “โซเดียแมททีเรียลเกย์เซอร์ (Zodia Material Geyser) !”

                ออร์ทิเกสซาร์คำราม วินาทีถัดมาแผงคอที่หมุนอยู่ก็ปลดปล่อยบ่วงเพลิงพร้อมกับคลื่นทำลายพุ่งออกไปเป็นลำ

                คลื่นบ่วงเพลิงนั้นพอเคลื่อนที่ผ่านไปก็จะสร้างน้ำพุเพลิงทิ้งเอาไว้

                ไฟบรรลัยกัลป์ลุกโชติช่วงพากันพวยพุ่งขึ้นจากใต้ดินอย่างกับน้ำพุร้อน

                วินาทีถัดจากออร์ทิเกสซาร์ก็พ่นลำแสงสีแดงชาดตามมา ลำแสงทะลุผ่านเสาไฟแล้วทำให้มันแตกกระจายจนเผาทุกอย่างในบริเวณนั้นๆ เป็นจุลก่อนจะมอดดับลง

                คลื่นบ่วงเพลิงและลำแสงทำลายพุ่งผ่านไปทางพวกทหารของเมตไตรยแล้วกลืนกินคนเหล่านั้น ไม่เว้นกระทั่งมนุษย์ต่างดาวที่อยู่ในวิถียิงก็ถูกจัดการไปเหมือนกัน

                การโจมตียังคงมุ่งต่อไปข้างหน้าจนกระทั่งลงไปในทะเล แต่มันก็ยังแหวกผืนทะเลออกเป็นทางไปจนกระทั่งสุดปลายที่เส้นของฟ้ากับขอบน้ำจรดกัน

                บัดนี้ผืนแผ่นดินแทบจะไม่หลงเหลืออะไรอีกต่อไป

                มีแต่เพลิงไฟแห่งความพินาศลุกโชติช่วงปกคลุมผืนดิน

                ถึงจะยังมีพวกมนุษย์ต่างดาวที่ไหวตัวทันหลบหนีจากทิศทางของการโจมตี รวมถึงทหารของเมตไตรยบางคนก็เล็ดลอดไปได้ แต่ก็ต้องพบเจอกับความสิ้นหวังอยู่ดี

                ‘เหมือนนรกบนดินไม่มีผิด

                ความคิดของวัชพืชทั้งหมดคงไม่ต่างไปจากนี้ออร์ทิเกสซาร์คิดแล้วก็ยิ้มกริ่มอย่างสำราญใจ พลางจับจ้องสายตาไปยังจุดที่โซเดียแมททีเรียลเกย์เซอร์พุ่งไปจนสุด

                ณ จุดนั้นเองที่ความสิ้นหวังก่อตัวขึ้นและทำให้มันยิ้มกระหยิ่มอย่างลิงโลดขึ้นไปอีก

                เริ่มด้วยเส้นขอบน้ำที่ถูกลบหายไปในความว่างเปล่าและลุกลามขึ้นไปยังท้องฟ้า

                เส้นขอบฟ้าทยอยกลายเป็นความมืดมิดที่ไม่มีสสารใดๆ อีก ที่นั่นมีแต่ความว่างเปล่าเท่านั้น

                ออร์ทิเกสซาร์ที่เห็นแบบนั้นเข้าก็ครางหัวเราะอย่างขบขัน

                “หึ ฮะฮะฮะ ได้ยินแล้ว ข้าได้ยินเสียงกรีดร้องของแผ่นดินนี้แล้ว เอ้า จงร้องให้มากกว่านี้อีกสิสวนที่ถูกทอดทิ้งเอ๋ย ร้องอ้อนวอนข้าก่อนที่เจ้าจะล่มสลาย

                แล้วเปลี่ยนไปอ้าปากหัวเราะอย่างสะใจ ก่อนจะก้มหน้าพูดกับคนที่ยังเหลือรอดอยู่ตรงนั้น

                “พวกเจ้าก็ด้วยวัชพืชเอ๋ยจงร่ำร้องออกมา ทำนองอันน่าเวทนานั่นข้าจะช่วยฟังให้เอง!

                ทันใดนั้นก็มีสิ่งที่ทำให้ออร์ทิเกสซาร์ต้องหยุดชะงักไป

                มันกางแผงคอขึ้นสร้างกำแพงแสงจางๆ ขึ้นที่เบื้องหน้าแล้วเหลียวหันไปทางซ้ายบน ลำแสงสีแดงชาดตกลงมาปะทะถูกกำแพงแล้วกระดอนออก

                การโจมตีแบบนี้มัน โซเดียราโอของเซปทรูสตาร์เจ้าเองสินะสิงห์

                ข้างบนนั้น ร่างมหึมาที่ขนาดตัวพอๆ กันกับออร์ทิเกสซาร์กำลังประพือปีกและบินด้วยไอพ่น

                จักรกลครึ่งสตรีครึ่งปักษา ท่อนบนที่เป็นมนุษย์นั้นมีแขนเป็นปีก มีเส้นผมเป็นสายไฟระโยงระยางที่พัดปลิวไสวไปตามแรงลม ดวงตาเปล่งแสงแบบเดียวกับลำแสงที่จู่โจมออร์ทิเกสซาร์

                เสียงของแฟรนเซียมผู้นำมนุษย์ต่างดาวดังกระจายออกมาจากร่างของสตรีครึ่งปักษา

                นี่มันหมายความว่ายังไง นรสิงห์!”

                เสียงอันปะทุไปด้วยความโกรธของแฟรนเซียมนั้นได้ปลุกใจและดึงสติเหล่ามนุษย์ต่างดาวที่กำลังแตกสานซ่านกระเซ็นอยู่บนแผ่นดินที่ลุกเป็นไฟนั่น รวมถึงเหล่าทหารของเมตไตรยก็ด้วย เสียงของเขาคือเสียงของสิงห์ ธุวดารกะ เช่นเดียวกัน

                และเพราะแบบนั้นน่ะเองทำให้ความสับสนเกิดขึ้นบนสนามรบ

                เมื่อกี้มันเสียงของท่านสิงห์นี่ ท่านมาช่วยพวกเราแล้วเหรอ

                แต่ว่าท่านสิงห์น่ะเป็นคนทรยศไม่ใช่เหรอ ดุนั่นสิพวกมนุษย์ต่างดาวมันบอกกันว่าผู้นำของพวกมันมาถึงแล้ว

                หมายความว่าท่านสิงห์ที่จริงแล้วก็เป็น…”

                ความสับสนเหล่านั้นไม่นานก็คลี่คลายแล้วกลายเป็นความสิ้นหวังของทหารเมตไตรย

                แฟรนเซียมยังคงดำเนินการสนทนาต่อไปโดยไม่แยแสเรื่องบนพื้นดิน

                ฉันจำได้ว่าไม่เคยสั่งให้แกเผาเมืองนะ

                ออร์ทิเกสซาร์ที่โดนถามถึงเรื่องที่เกิดขึ้นก็ยิ้มกริ่มแล้วตอบไปว่า

                ก็กลืนกินอาคานาร์ฟอร์ซเพื่อให้เฟืองที่เจ้าสร้างให้กลายเป็นของแท้อย่างที่เจ้าบอกอยู่ไงล่ะ

                เขาสั่งไปอย่างนั้นจริงๆ เพื่อให้ฟันเฟืองสังเคราะห์ที่ปลูกถ่ายลงในตัวมีนาที่ตอนนี้คงขับเคลื่อนออร์ทิเกสซาร์อยู่ภายในตัวของมันกลายเป็นฟันเฟืองที่มีพลังเทียบเท่าของจริงจำเป็นจะต้องกลืนกินอาคานาร์ฟอร์ซอันเป็นพลังแห่งโชคชะตาที่มีอยู่ในตัวของมนุษย์ นี่เป็นข้อมูลที่ได้จากการวิเคราะห์ฟันเฟืองของอิงศร แต่ว่า...

                อาคานาร์ฟอร์ซมาจากมนุษย์เท่านั้นแล้วแกทำร้ายบุตรแห่งแสงทำไม

                เฮอะๆๆ บุตรแห่งแสงเรอะ อย่าพูดให้ขำดีกว่าน่าพวกนี้มันของปลอมที่เจ้าทำขึ้นมาไม่ใช่รึไง

                นี่แกจะหักหลังฉันอย่างนั้นเรอะ

                นี่เจ้าคิดจริงๆ รึว่าผลงานที่ผ่านมามันคือความสำเร็จจริงๆ น่ะเจ้าคิดรึว่าจะควบคุมเครื่องทำสวนได้ หากคิดเช่นนั้นก็เสียใจด้วยนะเพราะว่ามันเป็นละครที่ข้าแกล้งเล่นตบตามาโดยตลอด

                สรุปก็คือตนถูกนรสิงห์หักหลัง เจ้าปีศาจที่ใช้เป็นร่างจำแลงของจิตวิญญาณอันยิ่งใหญ่อย่างเครื่องทำสวนออร์ทิเกสซาร์ซึ่งมาพบเขาเมื่อสิบสองปีก่อน

                ออร์ทิเกสซาร์พูด

                สิบสองปีที่ได้อยู่กับเจ้ามาก็ถือว่าคุ้มค่าอยู่ไม่น้อยสนุกมากเลยล่ะสิงห์ แต่ว่านะมันถึงเวลาปิดม่านแล้ว

                แต่แฟรนเซียมก็พูดขัดขึ้นว่า

                สั่งเสียเสร็จแล้วใช่ไหมฉันจะได้แยกชิ้นส่วนแกออกแล้วค่อยไปแก้บั๊คออกทีนี้แกก็จะกลายเป้นตัวหมากที่สมบูรณ์ซะที

                พอได้ยินแบบนั้นออร์ทิเกสซาร์ก็หัวเราะ

                อา อา อา สิ้นหวังใช่ไหมล่ะสิงห์เจ้ารู้สึกเขินอายที่กลายเป็นตัวตลกสินะ...

                ไม่ทันที่จะสิ้นสุดคำพูดกรงเล็บของเซปทรูสตาร์ก็โฉบลงมา แต่ก็ถูกกำแพงแสงที่สร้างขึ้นมาอย่างฉุกเฉินสะท้อนออกไปได้ทัน

                ว่าใครเป็นตัวตลกงั้นเรอะ

                เสียงของแฟรนเซียมเปล่งออกมา หลังจากโฉบทีเผลอพลาดตอนนี้ก็เลยไปอยู่ข้างหลังออร์ทิเกสซาร์

                หึหึหึ กำลังโมโหอยู่รึขำมุกของข้าเข้าแล้วสินะ

                ออร์ทิเกสซาร์กล่าวแล้วหันไปทางที่เซปทรูสตาร์บินอยู่ ทุกย่างก้าวของมันสร้างแรงสั่นสะเทือนให้พื้นดินเสมอ

                แฟรนเซียมตอบโต้คำพูดนั่น

                เป็นถึงราชสีห์แต่กลับชอบแสดงปาหี่งั้นเรอะ

                ข้าไม่ใช่เจ้าป่าแต่เป็นสิงโตในคณะละครสัตว์ต่างหาก เอ้า มาเริ่มกันเลยดีกว่า  โชว์ละครสัตว์แห่งความหวังและความสิ้นหวัง โซเดียมิราจ!

     

    ***ต้องขอโทษด้วยครับที่วันนี้ลงเลทโอเวอร์ขนาดนี้แต่ไรท์ดันลืมซิงค์ต้นฉบับที่พิมพ์เสร็จไว้ขึ้นไปบนอากู๋ไดรฟ์เลยต้องรอเลิกงานค่อยกลับบ้านมาอัพ TwT ฮรือ ซวยรับฮาโลวันเบย โอเมก้า!!***

    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    นิยายที่ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×