คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #162 : Login 159: [ROOT BREAK]
Patch
Continue Armageddon
System
Starting Up
Akashic_Logger.exe
is launching
Elixir.exe
is launching
System
start up is complete
System
run Akashic_Record_Final_Track.log
…
…
เกมโกงวันโลกาวินาศ APOCALYPSE ONLINE [ROOT BREAK]
เพื่อจะหยุดยั้งความปรารถนาอันทะเยอทะยานของสิงห์ที่จะการสร้างโลกแบบคุณธรรมนิยมโดยการควบคุมเครื่องทำสวนศักดิ์สิทธิ์ทั้งหมดก่อกบฏต่อแอดมินิสเทรเตอร์แล้วเข้าควบคุมบังเหียนโลกและช่วยเหลือมีนาที่ถูกจับเป็นตัวประกัน
อิงศรกับพวกพ้องจึงออกเดินทางมุ่งหน้าสู่สนามรบ
และแล้วเรื่องราวก็ดำเนินมาถึงองค์สุดท้าย
เรื่องราวที่จะตัดสินชะตากรรมของ มนุษย์ สัตว์เทวะ มนุษย์ต่างดาว ปีศาจ อสุรา และ
พระเจ้า ก็ได้เบิกม…ม…ม่าน…ข…อึ้น
…
…
Track
bad sector has founded. File is error.
Null
pointer exception.
Invader
has founded.
Code
checking…
{Turn
Bringer}
Login
159: [ROOT BREAK]
พั่บๆๆๆ
เสียงขยับใบพัดของเฮลิคอปเตอร์ดังแว่วเข้ามาถึงข้างใน
ทั้งที่มันควรเก็บเสียงแต่ก็ดูเหมือนจะมีรูเล็กๆ
ตามที่ต่างๆ ในห้องเครื่องแสดงให้เห็นว่ามันเก่าขนาดไหน
“…”
อิงศรท้าวคางอยู่ข้างหน้าต่างตรงที่นั่งด้านนอกสุดติดกับประตูจึงได้ยินเสียงนั้นดังอย่างชัดเจน
ทั้งที่ดังพั่บๆ
จนน่ารำคาญแต่ก็แปลกที่เหมือนกับมันจะช่วยขับกล่อมเขาจนรู้สึกง่วงขึ้นมาเสียงของมันเป็นจังหวะที่ลงตัวอย่างบอกไม่ถูก
เด็กหนุ่มทอดสายตามองภายในห้องโดยสารที่แบ่งเป็นสองฝั่งเก้าอี้วางเรียงรายกันแถวละหกตัวแต่ละตัวมีเข็มขัดนิรภัยเป็นของตัวเอง
นรินทร์กับพวกเด็กกำพร้าจาก
อารย-สนธยาอีกห้าคนนั่งอยู่บนเก้าอี้ฝั่งตรงกันข้าม
ถัดไปจากที่นั่งของเขาก็เป็น
มิ่งขวัญ กวินทร์ แล้วก็เมษา เก้าอี้ตัวที่เหลือว่างอยู่
คนอื่นๆ
พอขึ้นมาบนเครื่องก็ผล็อยหลับกันหมด
ทั้งที่ศัตรูกำลังขับฮ.
ให้ยังหลับกันลงอีก…อิงศรคิดพลางชายตามองไปยังที่นั่งคนขับแล้วก็เริ่มคิดถึงเรื่องในอดีต
สี่ปีก่อน
เขากับมิ่งขวัญที่เป็นน้องชายเพิ่งจะอายุครบสิบสามกับสิบเอ็ดขวบก็ต้องเผชิญหน้ากับการล่มสลายของโลก
โลกที่ถือกำเนิดขึ้นหลังจากผู้คนล้มตายไปมากมายคือโลกที่กลายเป็นเกมและมนุษย์ตกเป็นเหยื่อของสัตว์เทวะ
สัตว์ธรรมดาที่มีอยู่บนโลกซึ่งกลายพันธ์ุเพราะไวรัสชื่อ ‘อมฤต’
หลังจากฝ่าฟันวิกฤตร่วมกับน้องชายในโลกที่กลายเป็นแบบนั้นมาได้ปีหนึ่งก็ได้พบกับพวกพ้องที่มีสายสัมพันธ์เหนียวแน่น
เหล่าเด็กกำพร้าจากสถานสงเคราะห์ที่รอดชีวิตมาเจอกันจนได้กลายเป็นครอบครัวฝ่าฟันความยากลำบากด้วยกัน
ช่วงเวลาที่สงบสุขและเริ่มจะคงตัวแล้วแต่มนุษย์ต่างดาวผู้ทำให้โลกล่มสลายกลับปรากฏตัวขึ้นต่อหน้าแล้วพรากทุกคนไปจากเขา
พวกเด็กกำพร้าถูกฆ่าตาย
มิ่งขวัญโดนสถานีรถไฟฟ้าถล่มทับเพราะช่วยให้เขาหนีรอดมาได้
สามปีต่อจากนั้นคือความขมขื่น
ถูกสิงห์
ธุวดารกะ เก็บไปเลี้ยง ถูกฝึกฝนอย่างหนักเพื่อให้เป็นทหารชั้นยอด
แล้วตนก็เติบโตกลายเป็นทหารขององค์กรเมตไตรย
“…”
อิงศรหันไปทางซ้าย
ทอดสายตามองดูพวกพ้อง กวินทร์ กับ
เมษาแล้วก็มีนาที่ไม่ได้อยู่ที่นี่รวมถึงนรินทร์ที่นั่งอยู่เก้าอี้ฝั่งตรงข้าม
เขาได้เหล่าพวกพ้องที่เชื่อใจได้มามากมาย
“โดนน้องชายนอนเอาหัวพิงไหล่แบบนั้นมันรู้สึกยังไงบ้างเหรอ”
จู่ๆ
เขาก็โดนถามแบบนั้น
อิงศรหันหน้าตรงไปข้างหน้าทิศที่นรินทร์นั่งอยู่อีกฟากแต่ก่อนจะไปถึงตรงนั้นกลับมีคนขวางอยู่
เด็กหนุ่มผมสีขาวสวมเฮดโฟนกับเสื้อวอร์มสีแดงกางเกงยีนส์อันเป็นเอกลักษณ์ที่เห็นอยู่บ่อยๆ
แต่หมอนี่ไม่ใช่มนุษย์
ถึงจะแต่งตัวจนดูเหมือนมนุษย์ก็ตามแต่เพราะทำท่านั่งขัดสมาธิลอยอยู่บนอากาศแบบนั้นจึงไม่ใช่มนุษย์อย่างแน่นอน
‘ผู้ถูกลืมเลือน’
หมอนี่เรียกตัวเองว่าอย่างนั้นในตอนที่ได้พบกันครั้งแรก
จนถึงตอนนี้ถึงได้เข้าใจว่าทำไมจึงเรียกตัวเองแบบนั้น เพราะตัวจริงของหมอนี่คือ
‘เครื่องทำสวนศักดิ์สิทธิ์’ เป็นตัวตนที่น่ากลัวซะยิ่งกว่าพวกมนุษย์ต่างดาว
เครื่องทำสวนศักดิ์สิทธิ์มีพลังขนาดทำลายล้างโลกได้
“และเพราะเธอเข้ามาพัวพันกับผมถึงได้พบกับน้องชายที่คิดว่าตายไปแล้วอีกครั้งแต่มิ่งขวัญคนนั้นก็กลับกลายเป็นมนุษย์ต่างดาว”
ซีลอร์ดพูด
“…”
อิงศรจ้องหน้าอีกฝ่ายแล้วก็คิดในใจ
ใช่หมอนี่อ่านในคนได้ตอนที่เจอกันช่วงแรกๆ
ก็ทำทีเป็นโกหกว่าจะไม่อ่านใจแต่เป็นแท้จริงแล้วเป็นพวกสตอบอแหลที่เที่ยวล้วงความลับคนอื่นเขาไปทั่ว
“นี่ๆ
ใช่ว่าผมอยากจะอ่านซะเมื่อไหร่ล่ะก็ความในใจเธอมันลอยขึ้นมาบนหน้าเองนี่”
“อ้าว
อ่านไปแล้วเหรอโทษทีนะพอดีความคิดมันเป็นของที่หยุดกันไม่ได้น่ะ”
“เธอเนี่ยนะรู้สึกจะคุ้นชินกับผมเกินไปแล้วนะ”
“คุยด้วยกันบ่อยขึ้นมันก็ต้องจับทางได้กันอยู่แล้วล่ะน่า”
อิงศรพูดตัดบทไปแบบนั้นแล้วยกมือซ้ายข้างเดียวกับไหล่ที่มิ่งขวัญเอาหัวหนุนพิงอยู่อ้อมหลังน้องชายโอบศีรษะเข้ามาแนบชิดให้มากขึ้นพร้อมกับลูบไล้เส้นผมอย่างทะนุถนอม
พลางก็คิดไปว่าสามปีมาแล้วที่ไม่ได้ใกล้ชิดกันขนาดนี้
จากนั้นก็ทอดสายตามองพวกพ้องทั้งหมดซึ่งอยู่ในเครื่องแบบใหม่โทนสีฟ้าขาวแล้วพึมพำออกมา
“ตอนนี้พวกเราคือกองกำลังแซดสินะ”
“จะบอกว่าเป็นกองกำลังที่สังกัดกับผมงั้นเหรอ”
อิงศรหันไปตอบซีลอร์ด
“ก็แล้วไม่ใช่รึไง”
“ที่จริงมันควรจะเป็นกองกำลังของเธอนะ”
“แต่เครื่องแบบนายเป็นคนทำเพราะงั้นฉันจะเอาชื่อย่อนายมาใช้”
พอพูดไปแบบนั้นซีลอร์ดก็กลั้นขำเล็กน้อย
“ขำอะไรของนายฟระ”
ซีลอร์ดเงยหน้ามองมาที่เขาแล้วพูดว่า
“เธอเนี่ยจะว่าเหมือนก็เหมือนนะแต่ก็ไม่ได้เหมือนกันหมดซะทีเดียวเลยกับสิงห์น่ะ”
อิงศรทำหน้าไม่เข้าใจคำพูดนั้น
“ชื่อกิลด์เซเวียร์ของสิงห์ที่เธอสังกัดอยู่น่ะขึ้นต้นด้วยตัวแซดเหมือนกับตอนนี้เลย”
งั้นนี่ก็เป็นคำตอบเรื่องหนึ่งเกี่ยวกับสิงห์ที่ได้รู้จากปากของหมอนี่
ก่อนจะขึ้นมาบนเครื่องหลังจากเปลี่ยนเสื้อผ้ากันเสร็จแล้วก็ให้ทุกคนรวมถึงตัวเองถอนตัวออกจากกิลด์เพื่อไม่ให้ฝ่ายนั้นรู้ความเคลื่อนไหวจากระบบของเกมอีก
คงจะทำให้ปั่นป่วนได้บ้าง
อิงศรคิดว่ามันก็ยังดีกว่าไม่ได้ทำอะไรเลยยังไงซะเขาก็โดนสิงห์แซงหน้าไปมากเกินกว่าจะไล่ตามให้ทันได้ในทันที
เพราะว่าสิงห์
ธุวดารกะคือ แฟรนเซียม ราชาของพวกมนุษย์ต่างดาวผู้บงการเรื่องทั้งหมด
เบื้องหลังการล่มสลายของโลกเป็นที่ประจักษ์เมื่อซีลอร์ดเปิดเผยตัวเองว่าเป็นผู้เฝ้าจับตาดูมนุษย์และบอกเล่าถึงการคงอยู่ของตัวตนที่ราวกับเป็นพระเจ้า
เหล่าแอดมินิสเทรเตอร์ผู้มอบบททดสอบของโลกแห่งเกมให้กับมนุษย์
ไหนจะองค์กร
อารย-สนธยา
ซึ่งบริหารโดยเทพและมารที่ต้องการปลดแอกตัวเองจาการเป็นทาสแอพพลิเคชั่นของมนุษย์ที่บุกเข้าโจมตีเมตไตรยและจับตัวนรินทร์ไปก็ยังเป็นส่วนหนึ่งในแผนของแฟรนเซียม
นอกจากนี้เบื้องหลังอันน่าตกใจเกี่ยวกับมนุษย์ต่างดาวก็ได้รับการบอกเล่าจากซีลอร์ดว่าพวกนั้นถูกเหล่าทูตสวรรค์ผู้ชักใยประวัติศาสตร์ของมนุษยชาติสังหารไปหมดแล้ว
ตัวตนของมนุษย์ต่างดาวในปัจจุบันจึงเป็นของทำเลียนแบบที่แฟรนเซียมสร้างขึ้นมา
“เกี่ยวกับเรื่องนั้นน่ะเพราะพวกสาวกของ
ยฮวฮ หนีรอดไปได้จึงคอยชักใยธุวดารกะอยู่เบื้องหลังและเคลื่อนไหวมาโดยตลอดสุดท้ายเรื่องก็เลยบานปลายจนแก้ไขอะไรไม่ได้แล้วเรื่องรู้ไปถึงหูของแอดมินิสเทรเตอร์น่ะ”
ซีลอร์ดพูด
หมอนี่อ่านความคิดของเขาที่กำลังวิเคราะห์เรื่องที่ผ่านมาทั้งหมดอยู่แล้วก็พูดข้อสรุปออกมา
สรุปคือต้นเหตุของเรื่องเป็นเพราะความสัพเพร่าของเครื่องทำสวนที่หยุดยั้งพวกเทวทูตที่หลุดออกมาจากความผิดพลาดของพวกตัวเองไม่ได้
“ก็ไม่ถูกซะทีเดียวหรอกนะมนุษย์เลือกทางเดินแบบนั้นด้วยตัวเองถึงต้องเจอบททดสอบแบบนี้ยังไงล่ะ”
พอได้ยินที่ซีลอร์ดพูดแย้ง
อิงศรก็ถอนหายใจอย่างเหนื่อยหน่าย
อีกฝ่ายไม่คิดจะโทษตัวเองอยู่แล้ว
ถึงดึงดันเอาความไปก็เท่านั้น ยังไงซะซีลอร์ดก็ไม่มีอำนาจพอจะแก้ไขอะไรได้จนต้องมาขอให้มนุษย์ที่อ่อนแอช่วยเอาอย่างนี้
“แต่มนุษย์ที่อ่อนแอคนนั้นก็เอาชนะเครื่องทำสวนศักดิ์สิทธิ์ได้ดูมันจะย้อนแย้งกันจังเลยนะ”
อิงศรไม่คิดจะโต้ตอบมากไปกว่านั้นแล้วทวงถามถึงสัญญา
“เลิกอ่านความคิดฉันซักทีเหอะแล้วทีนี้จะบอกมาได้รึยังเรื่องที่จะบอกฉันตอนที่ขึ้นเครื่องมาน่ะ”
“ได้สิงั้นขอเริ่มจากตรงที่มันเกิดอะไรขึ้นกับสิงห์เมื่อสิบสองปีก่อนกับความเป็นมาของเดม่อนแอพพลิเคชั่นก็แล้วกัน”
เรื่องที่เขาขอให้เล่าก็คือรายละเอียดของเรื่องที่ว่ามนุษย์ต่างดาวทั้งหมดในตอนนี้เป็นของเทียมที่สิงห์สร้างขึ้นมาแต่กลับมีเรื่องของแอพพลิเคชั่นปีศาจเข้ามาเกี่ยวด้วยแถมยังต้องเล่าย้อนไปนานถึง
20 ปี เรื่องมันเริ่มมานานถึงขนาดนั้นเชียวหรือ?
“…”
ซีลอร์ดไม่ได้ตอบโต้กลับมาคงไม่ได้อ่านใจหรือไม่ก็เริ่มอยากจะจริงจังขึ้นมาบ้างแล้ว
แต่ทว่า...
ตอนนั้นเองอีกคนที่นั่งร่วมวงสนทนากับพวกเขามาด้วยตั้งแต่เริ่ม
แต่การคงอยู่ของตัวตนนั้นสัมผัสได้เบาบางมากก็พูดแทรกขึ้นมา
“ดูเหมือนเจ้าจะล่วงรู้เรื่องของมนุษย์มากมายเหลือเกินนะซีลอร์ด”
อิงศรเลื่อนสายตาไปยังเด็กชายที่นั่งขัดสมาธิกลางอากาศอยู่ข้างๆ
ซีลอร์ด
เด็กชายมีหูสุนัขงอกอยู่บนศีรษะที่เต็มไปด้วยเส้นผมสีดำหยิกหยักศกและสวมเครื่องแบบเหมือนกับที่พวกเขาสวม
โดโกบาร์
ผู้พิสูจน์แห่งเครื่องทำสวนศักดิ์สิทธิ์ หมอนี่ก็เหมือนกับซีลอร์ดเป็นหนึ่งในอาวุธสำหรับรักษากฎระเบียบของพระเจ้าที่เรียกว่าแอดมินิสเทรเตอร์ผู้ที่ทำให้เกิดบททดสอบที่เรียกว่าเกมโลกาวินาศนี่ขึ้นมา
ซีลอร์ดตอบโดโกบาร์ไปว่า
“ก็ผมคอยเฝ้าจับตาดูพวกเขาอยู่นี่”
“นั่นสินะ”
โดโกบาร์ตอบรับอย่างว่าง่าย
แล้วซีลอร์ดก็หันมาทางนี้พลางพูดว่า
“สิบสองปีก่อนพวกสาวกของยฮวฮหรือที่เธอเรียกว่าเทวทูตหรือเหล่าทูตสวรรค์นั้นได้พยายามที่จะฟื้นคืนชีพให้กับยฮวฮผู้เป็นเหนือหัวของพวกมันจึงได้ริเริ่มการทดลองดาวน์โหลดปีศาจจากอาคาชิกเรคคอร์ดลงมาที่สวนแห่งนี้เพื่อการนั้นถึงกับปิดตายเมืองทั้งเมืองในตอนนั้นสิงห์ก็อยู่ที่นั่นด้วยอยู่ในเมืองที่ปิดตายและได้เห็นทุกอย่าง”
“…”
อิงศรคิดอยู่เงียบๆ
ขณะที่ฟังเรื่องราวจากซีลอร์ดพยายามเชื่อมเรื่องที่ตัวเองรู้มาเข้าด้วยกัน
คีย์เวิร์ดที่จับขึ้นมาได้คือ
สิบสองปีก่อนมีการปดตายเมืองเกิดขึ้น
แต่ไม่เคยได้ยินข่าวแบบนั้นมาก่อนบางทีอาจจะไม่ได้เกิดขึ้นที่ประเทศนี้เพราะการปิดตายเมืองทั้งเมืองถึงจะมีอำนาจมากมายแค่ไหนคงปิดข่าวใหญ่ขนาดนั้นไม่ได้หรือไม่ก็ต้องมีข่าวลวงที่ดูสมเหตุสมผลเกิดขึ้นมาบ้าง
ซีลอร์ดยังเล่ามาอีกว่า
“สิงห์กับกุมภา ธุวดารกะแล้วก็พี่น้องอีกสิบคนซึ่งถูกรวบรวมมาได้เป็นหนูทดลองการดาวน์โหลดปีศาจในคราวนั้นผลก็คือสิงห์ตายลงในการต่อสู้เพื่อหนีออกมาจากการปิดตาย...”
“ขอเดานะนายเป็นคนคืนชีพให้หมอนั่นล่ะสิ”
อิงศรพูดขัด
ที่จริงเขาเองก็ตกใจนิดหน่อยที่รู้ว่าสิงห์ไปเจออะไรมาบ้างแล้วมันก็ทำให้เดาเหตุการณ์ต่อไปได้ทันทีเมื่อเทียบกับเรื่องที่เขาเพิ่งจะเผชิญมา
นรินทร์ที่นอนอยู่ฟากตรงข้ามเองก็เป็นตัวอย่างที่อธิบายได้ชัดเจนที่สุดเรื่องที่ซีลอร์ดสามารถคืนชีพให้กับมนุษย์ได้
“อืม ก็ตามนั้นเลยแต่ผมเองก็มีเรื่องที่ไม่เข้าใจอยู่เหมือนกัน”
“เรื่องอะไร”
“ทำไมสิงห์ถึงได้กลายเป็นบุตรแห่งแสงหรือที่เธอเรียกกันว่ามนุษย์ต่างดาวน่ะสิ”
“ไม่ใช่ว่าเป็นฝีมือนายเองหรอกเรอะ”
แต่ซีลอร์ดส่ายหน้าปฏิเสธโดยสิ้นเชิง
“ผมแค่ทำเหมือนกับที่เคยทำให้เธอเห็นไม่ได้มีอะไรมากไปกว่านั้นบางทีก่อนที่ผมจะไปถึงที่นั่นอาจจะมีอะไรเกิดขึ้นมาก่อนก็ได้เพราะเหล่าบุตรแห่งแสงเองก็ได้เข้าแทรกแซงการทดลองนั้นและถูกทำลายทั้งหมด”
“ทั้งหมดเลยงั้นเรอะ
พวกเอเลี่ยนเสร็จอะไรไปกันแน่”
“ผมเองก็สงสัยมาจนถึงตอนนี้เหมือนกันถึงได้คืนชีพให้สิงห์เพื่อจะถามสาเหตุน่ะแต่ก็กลายเป็นว่าโดนลากให้เข้ามาพัวพันกับเรื่องยุ่งยากบางอย่าง”
“นายจะบอกว่าเรื่องนี้ยังมีเบื้องหลังอยู่อีกงั้นเรอะ”
“คิดว่าน่าจะใช่นะ”
ถ้าตีความตามที่ซีลอร์ดพูดก็หมายความว่ามีใครบางคนที่พวกเขายังไม่รู้จักกำลังควบคุมสถานการณ์ในตอนนี้อยู่
แล้วโดโกบาร์ก็พูดขึ้นมา
“คิดว่าอาจจะเกี่ยวกับเรื่องที่เจ้าใช้พลังในการเปลี่ยนแปลงชะตากรรมได้อยู่เหมือนกัน”
“…”
อิงศรไม่เข้าใจคำศัพท์ที่อีกฝ่ายพูด
ซีลอร์ดจึงกล่าวเสริม
“หมายถึงอาคานาร์สินะผมเองก็คิดอย่างนั้น
อิงศรพอจะรู้อะไรบ้างรึเปล่า”
อิงศรส่ายหน้า
“ไม่ล่ะถ้าขนาดคนในอย่างพวกนายยังไม่รู้ฉันยิ่งไม่รู้กว่าเลยไม่ใช่รึไง”
“…”
ไม่มีใครให้คำตอบได้บทสนทนาจึงหยุดชะงักอยู่เพียงเท่านั้น
แต่มันยังมีหัวข้ออื่นอยู่อีกเรื่องที่อยากจะถาม...
อิงศรพูด
“จะว่าไปก่อนหน้านี้นายเคยมองขวัญกับกวินทร์แล้วก็พูดใช่ไหมว่าคาอินกับอาเบลคืนดีกันแล้ว
นั่นน่ะหมายถึงคาอินกับอาเบลที่เป็นบุตรของอดัมกับอีฟรึเปล่า”
ช่วงก่อนที่จะเริ่มการสนทนาเขาได้ลองหาข้อมูลจากแบบเรียนวิชาปีศาจวิทยาที่ใช้ในกองทัพซึ่งมีไบเบิลกับคัมภีร์เกี่ยวกับศาสนาคริตส์รวมอยู่ในนั้นด้วย
คาอินกับอาเบลคือตำนานที่กล่าวถึงพี่ชายน้องชายคู่หนึ่งพี่เกิดริษยาน้องที่ได้รับความรักความเอ็นดูจากพระเจ้ามากกว่าจึงได้ฆาตกรรมน้องชาย
แต่ว่าเรื่องนั้นมันเกี่ยวข้องอะไรกับมิ่งขวัญและกวินทร์กันล่ะ
“ไม่ใช่ว่านายกำลังมองพวกเราซ้อนทับกับอะไรอยู่หรอกนะ”
อิงศรลองเดาสุ่มดูแล้วก็เหมือนจะเดาถูก
ซีลอร์ดเปลี่ยนสีหน้าไปแวบหนึ่งก่อนจะกล่าวปฏิเสธ
“ไม่มีอะไรทั้งนั้นล่ะจะคาอิน
อาเบล หรือ อดัม ทั้งหมดนั่นก็เป็นเรื่องในอดีตไปแล้ว เหล่าพวกพ้องของเขาต่างก็ตายจากไปหมดแล้วพวกเธอก็แค่พ้องกันด้วยโชคชะตาเท่านั้นเอง
ก็แค่คิดว่ามันบังเอิญจังเลยนะ ก่อนหน้านี้ก็เลยไปบอกสิงห์ว่ากวินทร์เป็นพี่ชายของมิ่งขวัญคิดว่าคงทำให้เขาสับสนพอดู”
สรุปก็คือหมอนี่กำลังกลุ้มใจอยู่จริงๆ
นั่นแหละ แต่เพราะไม่ยอมเผยอะไรออกมาก็ไม่รู้จะช่วยอย่างไรเหมือนกันแล้วถ้าลองคาดเดาเอาก็คิดว่าเป็นเรื่องที่รู้ไปก็ช่วยอะไรไม่ได้อยู่ดี
เจ้าตัวต้องก้าวข้ามปัญหานี้ไปด้วยตัวเองเท่านั้น
อิงศรจึงตอบรับไปโดยทำทีเป็นฉุนเฉียวนิดหน่อยกะว่าจะเปลี่ยนบรรยากาศ
“ก็แหงสิฟะอยู่ๆ ก็ให้ฉันได้น้องชายเพิ่มมาอีกคนรึไง”
เพราะกวินทร์เป็นรุ่นน้องถ้าอย่างนั้นเขาเองก็ต้องเป็นพี่ของกวินทร์อีกคน
อิงศรคิดแบบนั้น
แต่ซีลอร์ดกลับแย้งว่า
“ให้ถูกกว่านั้นเธอเป็นพ่อของทุกคนนะ”
นั่นน่าจะเป็นคำใบ้ว่าหมอนี่กำลังเอาเขาไปเทียบกับอดัมอยู่รึเปล่า
คิดไปก็ป่วยการเปล่าอิงศรจึงตอบกลับบทสนทนาไปว่า
“ยังไม่ได้แต่งงานเฟ้ย”
“งั้นเธอก็มีคนที่ชอบอยู่แล้วงั้นสิ”
ดูเหมือนจะเริ่มออกนอกเรื่องนอกราวซะแล้วตกลงหมอนี่กำลังแก้เขินด้วยการโต้ตอบกับเขาอย่างนั้นเหรอ
ตอนนั้นเองมิ่งขวัญที่พิงไหล่อยู่ก็ขยับตัวถึงแม้หันไปมองจะยังก้มหน้าก้มตาหลับอยู่ก็ตามแต่ว่า...
“ตื่นแล้วสินะ”
ดวงตาของน้องชายปรือขึ้นรับคำถามนั้น
“งั้นก็พอดีเลยนายน่ะมีคนที่ชอบอยู่แล้วงั้นสิ เจ้าหมอนั่นมันถามน่ะ”
อิงศรพูดพลางหันหลังมือชี้นิ้วโป้งไปที่ซีลอร์ด
ทั้งที่คนโดนถามคือตัวเองแต่ก็คิดว่าโบ้ยไปให้ขวัญซะคงไม่เป็นไร
“…”
น่าแปลก
ปกติแล้วน้องชายจอมโวยวายคนนี้น่าจะตอบกลับมาเสียงดังไปแล้วแต่นี่กลับนิ่งเงียบและทำหน้าจริงจังจนรู้สึกว่าบรรยากาศมันจะไม่ใช่การแซวกันไปมาแบบสบายๆ
อย่างที่คิดเอาไว้
มิ่งขวัญเม้มริมฝีปากแล้วถามเขามาอย่างจริงจัง
“คือว่าถ้าโดนบังคับจูบเนี่ยไม่นับใช่ไหม”
ไม่รู้ทำไมแต่พอโดนถามแบบนั้นมาแล้วก็รู้สึกเลยว่าตัวเองเก็บเกี่ยวประสบการณ์ชีวิตมาน้อยเกินไปจริงๆ
แต่ก็นะ...
“แล้วไปจูบกับใครมาล่ะนั่นหรือว่ารูบิ...”
“ไทเทเนียมต่างหาก!”
ที่จริงก็แค่จะพูดเดาสุ่มไปอย่างนั้นแต่มิ่งขวัญดูท่าจะจริงจังมาก
ใบหน้าของน้องชายขึ้นสีแดงระเรื่อจนไม่รู้แล้วว่าที่จริงจังขนาดนี้เพราะว่ารู้สึกแบบไหน
“ถ้าขวัญคบกับพี่สาวก็คงดีเหมือนกันนะ”
จู่ๆ
เสียงของกวินทร์ที่นั่งเก้าอี้ตัวถัดไปก็ดังแว่วมา
กวินทร์ตื่นขึ้นมาเมื่อไหร่ก็ไม่รู้พูดเหมือนพึมพำอยู่คนเดียว
“อย่างน้อยขวัญก็แมนกว่าไอ้ขี้ขลาดที่ทิ้งพี่คนนั้นแหละนะ”
คงกำลังหมายถึงชายไม่ได้เรื่องที่มาหลอกเกาะพี่สาวของกวินทร์
แต่ว่า...
“เอาจริงเรอะกวินทร์ หมอนี่น่ะแค่สูตรคูณแม่สองยังท่องจำตั้งครึ่งปีเลยนะ”
อิงศรถามหน้าตาตื่นเล็กน้อย
แล้วมิ่งขวัญก็โพล่งขึ้นมา
“เรื่องนั้นมันตั้งนานแล้วนะตอนนี้ท่องได้ถึงแม่หกแล้วล่ะน่า!!”
กวินทร์ยิ้มเจื่อนๆ
ขณะที่มองหันมาทางนี้
“ท่องสูตรคูณมันไม่น่ามาเกี่ยวกันได้นะครับ”
ระหว่างที่บทสนนาอันวุ่นวายกำลังดำเนินไป
แผนเปลี่ยนบรรยากาศ
ของอิงศรที่เพิ่งจะสำเร็จเป็นผลก็โดนทำลายด้วยเสียงประกาศจากลำโพง
‘ตุงตุ่งตุ้ง ผู้โดยสารทุกท่านโปรดรัดเข็มขัดที่นั่งให้แน่นด้วยนะคร้าบ’
เสียงของโพแทสเซียมที่ขับเฮลิคอปเตอร์ประกาศมาอย่างนั้น
“ถึงแล้วงั้นเรอะ”
“เปล่าแค่จะจอดรับผู้โดยสารที่ป้ายน่ะ”
โพแทสเซียมที่นั่งอยู่ตรงที่นั่งคนขับยื่นหน้าออกมาตอบ
จนไม่เข้าใจว่าก่อนหน้านี้จะใช้ลำโพงประกาศทำไมและเพราะแบบนั้นทุกคนที่อยู่ในเครื่องเลยพากันตื่นหมด
“จอดป้ายรับผู้โดยสารเพิ่มเรอะนี่มันเฮลิคอปเตอร์นะเฟ้ยทำเป็นรถเมล์ไปได้!”
อิงศรตะโกนสวนกลับไปแต่ก็ถูกอีกฝ่ายเล่นงานกลับมาด้วยการฝากทำงานให้
“พอดีเลยซุงอิงนั่งอยู่ตรงประตูสินะช่วยเปิดประตูแล้วโยนบันไดเชือกที่กองอยู่แถวนั้นลงไปทีสิ”
“…”
อิงศรจ้องหน้าโพแทสเซียมอยู่ครู่หนึ่ง
ใบหน้านั้นมีรอยยิ้มที่บ่งบอกว่า ‘ชิว’ ขนาดไหน
ไม่มีทางเลือกอื่น
อิงศรปลดเข็มขัดที่นั่งตัวเองออกรอจนเครื่องบินนิ่งไม่โคลงเครงแล้วจึงลุกไปเปิดประตู
คว้าบันไดเชือกที่กองอยู่ข้างๆ
ขึ้นมาแล้วก้มหน้ามองลงไปข้างล่างเพื่อมองหาผู้โดยสารที่จะส่งบันไดไปให้
สถานที่คือบนทางด่วน
มีชายในชุดสีแดงคนหนึ่งยืนอยู่โดดเดียวที่นั่น
“ลิเธียมเรอะ”
ชายคนนั้นเป็นมนุษย์ต่างดาวแล้วก็แบกคนมาอีกคนน่าจะเป็นมนุษย์ต่างดาวเหมือนกัน
เขาลองเพ่งสายตามองคนที่โดนแบกอยู่
แต่ใบหน้าของตัวเองกลับไปสะท้อนอยู่บนร่างนั้น
“ซีเซียม..”
***
ก็เริ่มกันแล้วนะครับสำหรับตอนแรกของภาคสาม ภาคสุดท้าย ROOT
BREAK จากอาทิตย์ก่อนๆ ที่ผมบอกว่าจะกลับไปลงตารางเดิมคิดว่าคงยังทำในทันทีไม่ได้เพราะกำหนดงานของตัวเองด้วยเลยต้องขอให้รับตามเดิมไปก่อนครับไว้พร้อมแล้วจะแจ้งอีกทีเน้อ
จากโปสเตอร์ที่แปะมาด้วยกันสองใบทุกท่านคงจะได้ยลกันไปแล้วกับโฉมหน้าของเหล่าเครื่องทำสวน(มาแค่เงา
ฮา) กับตัวอะไรก็ม่ายยู้วววในโปสเตอร์ที่ยกขบวนกันมาให้งง
ถ้าอยากรู้ก็ต้องติดตามกันต่อไปแล้วล่ะครับ!! ***
ความคิดเห็น