ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    Apocalypse Online เกมโกงวันโลกาวินาศ

    ลำดับตอนที่ #155 : Login 152: ความเสียใจที่หลงลืมไป

    • เนื้อหาตอนนี้เปิดให้อ่าน
    • 252
      7
      20 ก.ย. 60

    Login 152: ความเสียใจที่หลงลืมไป

     

                จู่ๆ ก็นึกขึ้นมาได้

                เรื่องราวในวันนั้น…

                ไม่รู้ทำไม แต่พอโดนทำร้ายเป็นครั้งแรก ถูกมนุษย์ต่อยเข้าที่ใบหน้าอย่างจังเป็นครั้งแรก

                อดีตก็หวนกลับคืนมา

                อดีตซึ่งเนิ่นนานจนเกือบจะหลงลืมไปหมดแล้ว

     

                …ในวันหนึ่งของยุคสมัยที่สวนแห่งที่สองยังไม่ถือกำเนิด

                สวนแห่งที่หนึ่งได้โอบอุ้มสรรพชีวิตไว้มากมาย

                สวนเขียวขจีเต็มไปด้วยแมกไม้นานาพรรณ อุดมทั้งผลหมากรากไม้

                การที่สามารถคงความสวยงามขนาดนี้ไว้ได้นั่นก็เพราะทุกสรรพสิ่งในสวนล้วนแล้วแต่มีหน้าที่

     

                แจนนูวาร์มาร์ (Januawyrmar)

                เอพบูรอาร์ (Apebruar)

                เวโนมาร์ชาร์ (Venomarchar)

                เอกาพริลุสซาร์ (Aegaprilusar)

                เมยอกซาร์ (Mayoxar)

                จูเนอร์มินาร์ (Junerminar)

                จูลแลบบิทตาร์ (Julabbitar)

                ออทิเกสซาร์ (Autigesar)

                เซ็ปทรูสตาร์ (Septroostar)

                โดโกบาร์ (Dogobar)

                โนเวมโบอาร์ (Novemboar)

                ดีเซมแมร์ (Decemare)

                และ…

                ออร์ฟิอูคูมันนาร์ (Orphiuchumanar)

     

                เครื่องทำสวนทั้งสิบสามเครื่องต่างก็ทำหน้าที่ดูแลเหล่าผู้ศรัทธาของตัวเองอย่างเต็มที่ เหล่าผู้ศรัทธาซึ่งวันหนึ่งจะกลายเป็นเหล่าผู้อาศัยในสวนแห่งที่สองที่กำลังจะถือกำเนิดนับจากนี้ไปอีกหลายล้านปี

                และแล้ว....

                ในวันนี้เอง

                บนสถานที่ซึ่งเป็นเนินทุ่งหญ้าสูงต่ำสลับกันไป

                จากต้นไม้แห่งชีวิตซึ่งตั้งตระหง่านอยู่เบื้องหน้า ผลสุกงอมแรกของปีก็ได้หลุดร่วงจากกิ่ง

                หล่นลงสู่พื้นโดยมีต้นหญ้ารองรับเอาไว้

                ผลไม้สุกงอมลูกนั้นได้ให้กำเนิดชีวิตใหม่ เมื่อเปลือกผลปริแตกและแยกออกจากกัน ทารกมนุษย์ก็คลานออกมา

                จากนั้นจึงเติบโตอย่างรวดเร็ว กลายเป็นอุดมคติของมนุษย์ตั้งแต่วินาทีแรกที่ลืมตาดูโลก

                และนี่ก็คือวันที่ผมซึ่งเฝ้ารอมาอย่างยาวนานก็จะได้รับดูแลผู้ศรัทธาคนแรก

                สิ่งมีชีวิตซึ่งเหมือนกับตัวผม มนุษย์คนแรก…

                “อดาเมียมในที่สุดเธอก็ลืมตาขึ้นแล้ว”

                ซีลอร์ดยิ้มอย่างยินดีขณะที่จ้องมองอีกฝ่ายซึ่งมีรูปร่างคล้ายคลึงกับตน

                เป็นสิ่งที่เรียกว่า ‘มนุษย์’ ยืนสองขาและยืดตัวตรงได้ต่างจากเหล่าผู้ศรัทธาของคนอื่น

                อดาเมียมตัวเล็กกว่าเขานิดหน่อยและถึงไม่มีเปลือกหรือเกล็ดห่อหุ้มร่างกายเหมือนใครจนดูบอบบางแต่ก็ยังแฝงความแข็งแกร่งและความว่องไวเอาไว้ คล้ายกับผู้ศรัทธาของ เอกาพริลุสซาร์ จะต่างกันก็ตรงที่เนื้อตัวเกลี้ยงเกลาไม่ค่อยจะมีขนนุ่มฟูแต่ก็ยังดูน่ารักน่าเอ็นดูสำหรับเขาอยู่ดี

                ผู้ศรัทธาคนแรกของเขา จึงตัดสินใจแล้วว่าจะตั้งใจดูแลอย่างดีที่สุด

                “ผมคือ ออร์ฟิอูคูมันนาร์จะเรียก ออร์ฟี่ก็ได้ส่วนผมก็จะเรียกเธอว่า อดัมก็แล้วกัน”

                พอพูดไปแบบนั้น เด็กหนุ่มผู้เป็นอุดมคติซึ่งมีผมสีทองหยิกหยักศก ผิวกายขาวผุดผ่องครึ่งหนึ่งและเป็นสีคล้ำอีกครึ่งหนึ่งก็เอ่ยปากพูดด้วยความสงสัยเป็นครั้งแรก

                “อดัม”

                อดาเมียมทำหน้าไม่เข้าใจคำพูดของเขา

                แต่ซีลอร์ดพยักหน้าให้แล้วเริ่มอธิบาย

                เริ่มการสอนครั้งแรกให้กับผู้ศรัทธาของตน

                “อื้อ มาจากชื่อของเธอแบบเต็ม อดาเมียมยังไงล่ะ”

                หลังจากนั้นมาวันคืนก็ผันผ่านไป

                อดัมที่ยังอ่อนหัดมักจะทำให้ตัวเองบาดเจ็บอยู่เรื่อย ซีลอร์ดจึงคิดว่าควรจะต้องสอนหลายๆอย่างในฐานะที่ตนเป็นเครื่องทำสวนของมนุษย์ เป็นโชคชะตาที่ผูกมัดมนุษย์เอาไว้

                ซีลอร์ดคอยสอนเรื่องต่างๆ ให้ อดัมคอยอยู่เคียงข้างเสมอไม่ว่าจะตอนกินหรือตอนนอน เขาก็คอยเฝ้าจับตาดูผู้ศรัทธาคนนี้อย่างเอ็นดู

                จนกระทั่งอยู่มาวันหนึ่ง

                อดัมก็…

                “นี่ออร์ฟี่นายไม่เคยสงสัยบ้างเหรอ?”

                ซีลอร์ดหลับตาลงแล้วจึงหันไปพูดด้วย

                เรื่องอะไรล่ะ ถ้าอดัมไม่รู้ฉันยินดีจะช่วยคลายข้อสงสัยให้นะ”

                ที่เลือกปิดตาตัวเองตอนที่คุยกับอดัมก็เพราะไม่อยากล่วงรู้ถึงจิตใจของสหายด้วยสายตาแต่อยากสัมผัสด้วยหัวใจมากกว่าจึงทำแบบนั้นมาตลอด

                ฝ่ายอดัมเองก็ไม่อยากถูกอ่านใจเพราะรู้สึกเหมือนตัวเปลือยตลอดเวลาจึงยินยอมให้ซีลอร์ดทำแบบนั้น

                พวกเขาพึงพอใจซึ่งกันและกันเสมอมา ไม่ว่าจะอะไรก็ตามพวกเขาจะตกลงกันได้อย่างเต็มใจอยู่เสมอ

                ซีลอร์ดดีใจมากที่ได้มี อดัมอยู่เคียงข้าง เขามีความสุขกับการได้คอยชี้แนะและสั่งสอน อดัม

                แต่แล้ว…

                วันที่เขากับอดัมไม่อาจจะตอบสนองต่อกันได้ก็มาถึง

                เมื่อ อดัมคนนั้นเอ่ยคำพูดที่อาจจะทำให้ความสุขต้องจบลง

                ฉันสงสัยน่ะว่าทำไมพระเจ้าถึงผูกมัดทุกสิ่งเข้ากับโชคชะตา กระทั่งตัวฉันเองก็ยังถูกกำหนดให้มาอยู่กับนายแบบนี้”

                ด้วยคำพูดนั้นทำให้ซีลอร์ดเบิกตาขึ้น

                ความรู้สึกของอดัมที่กำลังฉายเข้ามาในดวงตาบ่งบอกว่ากำลังรู้สึกเศร้า

                อดาเมียมไม่ชอบแบบนั้นเหรอ หรือว่าไม่ชอบที่ผมทำเหมือนคอยสั่งสอนนายน่ะ”

                เขาพูดไปอย่างใจเสียเพราะกลัวจะถูกอีกฝ่ายเกลียด

                แต่อดัมก็พูดขัดคำพูดของเขา

                ไม่ใช่แบบนั้นนะ ฉันน่ะชอบที่ออฟี่คอยสอนเรื่องต่างๆให้ แต่ว่าที่ถามน่ะ…คือว่า”

                อดัมทำหน้าเหมือนลังเลที่จะพูด แต่ข้อความในใจนั่นก็ส่งมาที่ดวงตาของเขาแล้ว

                งั้นเองเหรอ นายฝันเห็นบางอย่าง ความฝันนั้นทำให้นายสับสนสินะ”

                ออร์ฟี่อ่านใจฉันงั้นเหรอ”

                ขอโทษ”

                ซีลอร์ทำหน้าเศร้าแล้วเบือนสายตาหนีจากอดัม

                แต่ว่าที่พูดมาเมื่อกี้น่ะอยากให้ลืมๆ ไปจะดีกว่านะ การที่ไปนึกสงสัยในตัวท่านแอดมินิสเทรเตอร์น่ะมันจะทำให้นายต้องประสบกับความลำบากดังนั้นห้ามพูด ห้ามคิดอีกเด็ดขาดเลย”

                เขาเป็นห่วงเหลือเกินว่า อดัมพูดออกมาด้วยความไม่รู้จักยั้งคิดและเป็นห่วงหนักเข้าไปอีกว่าอดัมจะไปหลุดคำพูดนี้ให้ใครได้ยินเข้า

                การสงสัยคือบ่อเกิด เริ่มต้นของการคิดต่อต้านดังนั้นจะให้อดัมตกลงไปในเส้นทางแบบนั้นไม่ได้เป็นอันขาด

                แต่ อดัมก็ยังกล่าวออกมาอีก

                ห้ามพูดน่ะยังพอว่าแต่ห้ามคิดมันคงเป็นไปไม่ได้หรอก ถ้าเป็นออร์ฟี่ก็น่าจะเข้าใจความรู้สึกของฉันดีนี่เพราะออร์ฟี่บอกว่าพวกเราเป็นมนุษย์เหมือนกันไม่ใช่เหรอ”

                เพราะงั้นถึงรู้ยังไงล่ะว่านายคงจะอดทนเก็บงำความสงสัยไม่ได้แบบที่ตัวเองกำลังเป็นอยู่

                ครั้งหนึ่งที่เขาเคยหลุดปากพูดความสงสัยนั้นออกมาต่อหน้าแอดมินิสเทรเตอร์แล้วทำให้เกิดความโกลาหลแต่ก็ไม่ได้ถูกลงโทษอะไรนอกจากตักเตือนเอาไว้

                เพราะเขาเป็นผู้ที่ถูกสร้างขึ้นมาด้วยความรักของเหล่าแอดมินิสเทรเตอร์

                ก็ไม่รู้ทำไมถึงมีแต่เขาคนเดียวในหมู่เครื่องทำสวนที่นึกคิดสงสัยได้หรือบางทีคนอื่นๆ ก็อาจจะสงสัยเหมือนกับที่เขาเป็นเพียงแต่เลือกจะไม่พูดออกมา

                “…”

                อดัมยังคงรอคอยคำตอบอยู่ ดังนัน้จึงต้องตอบกลับไป

                จะยอมให้อดัมทำผิดซ้ำรอยเดียวกันกับที่เขาทำต่อหน้าแอดมินิสเทรเตอร์ไม่ได้

                หากเป็น อดัมแล้วพวกเขาคงไม่ยกโทษให้เหมือนตอนคราวตัวเองโดน

                เรื่องนั้นมันไม่เกี่ยวกันหรอก เอาเป็นว่าขอร้องล่ะอดัมฉันไม่อยากเสียนายไปเพราะความรู้สึกชั่ววูบที่เรียกว่าความสงสัยหรอกนะ”

                เขาทำสายตาเว้าวอนให้เห็น และถึงไม่ต้องอ่านใจได้เขาก็เข้าใจความรู้สึกของ อดัมเหมือนกัน    เพราะว่าเป็นเหมือนกับตัวเอง

                ความสงสัยไม่ได้รับการแก้ไข

                คำถามที่ไม่มีคำตอบ

                มันล้วนน่าอึดอัดและทำให้ไม่สบายใจ

                ทั้งอย่างนั้นแล้วอดัมก็ยอมตกปากรัยคำอย่างว่าง่าย

                ถ้าออร์ฟี่ขอขนาดนั้นฉันจะไม่ทำอีกก็ได้”

                อื้อ ถ้างั้นลองเล่าความฝันนั่นให้ฟังหน่อยสิ”

                ความฝันของอดัมนั้นอาจเรียกได้ว่าเป็นสัญญาณที่บอกถึงสิ่งที่จะเกิดขึ้นในอนาคต

                คงจะเป็นเพราะมีส่วนที่เหมือนกับตัวเขาซึ่งเป็นเครื่องทำสวนที่สามารถเข้าออกอาคาชิกเรคคอร์ดและเชื่อมต่อกับฐานข้อมูลพยากรณ์ได้

                อดัมเองก็อาจจะได้รับความสามารถแบบนั้นไปด้วย

                ความฝันที่อดัมเล่าให้ฟังก็คือ

                ฝันเห็นมนุษย์เหมือนกับตัวเองแต่มีผมยาวและหน้าอกที่นูนออกมา แถมยังแรงน้อย แต่กลับรู้สึกว่าสิ่งๆ นั้นสวยงามแค่มองก็อดชื่นชมไม่ได้

                อดัมยังไม่เข้าใจความรู้สึกนั้นซักเท่าไหร่แต่เขานิยามมาว่าเธอคือความงดงามที่อยากจะครอบครอง

                แล้วก็…ตั้งแต่ตอนนั้นล่ะมั้งที่นายเริ่มออกห่างไปจากฉัน”

                ซีลอร์ดพึมพำออกมาขณะที่ใบหน้าแนบพื้น

                เขานอนกองอยู่อย่างนั้นโดยไม่ขยับตัวและยังคงระลึกความทรงจำขึ้นมาเรื่อยๆ

                เมื่อ อดัมเล่าเกี่ยวกับความฝันให้ฟัง

                ตอนนั้นคือลางบอกเหตุจริงๆ นั่นแหละ

                หลังจากนั้น อดัมก็ได้รับพวกพ้องและกระทำความผิดพลาดอย่างที่เขาหวาดกลัวมาตลอดจนต้องระเห็จออกไปจากสวน

                แล้วก็ทำให้จิตใจที่นึกสงสัยการกระทำของเหล่าแอดมินิสเทรเตอร์ของตนตื่นขึ้นมาด้วย

                ทำไมแอดมินิสเทรเตอร์ถึงต้องควบคุมความเป็นไปของทุกสรรพสิ่งให้อยู่บนหลักกฎระเบียบแห่งโชคชะตาด้วย

                อะไรคือกฎระเบียบ

                อะไรที่กำหนดกฎเช่นนั้นขึ้นมา

                น่าแปลก’ ปากของเขาพึมพำแบบนั้นแต่กลับไม่มีเสียงออกมา

                ที่ว่า ‘น่าแปลก’ ก็คือพอโดนหมัดของอิงศรกระแทกเข้า

                ถูกทำให้เจ็บเป็นครั้งแรก

                ตอนนั้นเองก็ได้มองเห็นอดีตที่เหมือนจะลืมไปนานมากแล้ว

                นึกถึงความรู้สึกที่ลืมไปเป็นเวลานาน

                นี่คงจะเป็นสิ่งที่มนุษย์เรียกกันว่าความรักสินะ”

                เมื่อมีความรักแต่กลับครอบครองมันไม่ได้ความเสียใจก็จะบังเกิดขึ้น

                อดัม…นายรักที่จะให้ลูกหลานของนายเกิดมาจนถึงกับยอมแยกจากผมไปอาคานาร์ฟอร์สของนายคือความเสียใจสินะ”

                ซีลอร์ดพูดแล้วจึงดันพื้นยันร่างกายจนลุกขึ้นมาอยู่ในท่านั่ง

                จ้องมองไปทางอิงศรที่กำลังจ้องมองกลับมาทางนี้เหมือนกัน

                นายตั้งใจจะบอกแบบนั้นถึงได้ฝากความรู้สึกไว้กับอิงศรผู้ที่มีความเศร้าเสียใจเหมือนกันสินะ ตอนนี้ผมได้รับรู้ถึงความรู้สึกนั้นแล้วล่ะ”

                ซีลอร์ดพยักหน้าให้ตัวเอง

                พยักหน้าให้กับความโง่เขลาที่ไม่ยอมเข้าใจความรู้สึกเสียใจของตัวเอง

                พยักหน้าให้กับความเมินเฉยที่คิดว่าตนเองนั้นไร้ซึ่งความรู้สึกเหมือนเครื่องทำสวน

                แต่ สิ่งเหล่านั้นไม่ใช่เลยซักนิด

                ครึ่งหนึ่ง ถึงจะแค่ครึ่งเดียวแต่เขาก็มีความเป็นมนุษย์อยู่

                มนุษย์คืออะไรกันแน่นะ

                ทำไมมนุษย์ถึงถูกทดสอบ

                แม้แต่ตัวเขาเองก็ตอบคำถามนั้นไม่ได้เหมือนกัน

                ดังนั้นอิงศรที่โดนถามแบบเดียวกันก็ย่อมให้คำตอบไม่ได้ไปด้วย

                ตอนนั้นเอง

                เฮ้ สำเร็จแล้วใช่ไหม!!

                เมษาที่พังกรงเข้ามาตะโกนถามอิงศร

                กรงซึ่งตอนนี้ไม่มีอีกแล้วเพราะถูกเอามาใช้เป็นโล่ป้องกันในตอนท้ายของการทดสอบ

                และ ยังเป็นที่น่ากังขาว่าทำไมกรงที่สร้างขึ้นจากแส้ใบมีดอันแข็งแกร่งของเครื่องทำสวนถึงถูกทำลายได้

                จะว่าเป็นเพราะจุดบอดของกลไกที่จะต้องคอยแบ่งสมาธิไปเพ่งให้กรงในบางจุดมีความแข็งแรงพอจะต้านรับการโจมตีเหมือนตอนใช้โล่ลูกโลกนั่นซึ่งมีความแข็งระดับที่หากไม่มีพลังพอจะทำลายสวนแห่งที่สองในครั้งเดียวคงไม่มีทางเจาะผ่านเข้ามาได้

                แต่ก็ยังโดนฝ่าเข้ามา

                โดนชกหน้าจนต้องลงมานอนกองอยู่บนพื้นแบบนี้

                ตอนที่กรงพังทลายลงเขายังจับสัมผัสได้ว่าตรงจุดที่ทุกคนเคยอยู่กันนั้นยังมีการโจมตีทุบกระแทกกรงในอัตราพลังทำลายเทียบเท่ากับคนทั้งกลุ่มจนถึงตอนที่กรงถูกพังเข้ามาเพราะไม่ได้เสริมพลังในส่วนอื่นไว้

                แต่พวกพ้องคนอื่นๆ ของอิงศรก็อยู่กับเมษาด้วยเว้นแต่กวินทร์คนเดียวที่ไม่รวมอยู่ในนั้น

                ซีลอร์ดหันหลังกลับไปยังทิศที่จับสัมผัสพลังอันมหาศาลซึ่งทุบตีกรงอยู่ในจุดที่ว่า

                พลังของเครื่องทำสวนศักดิ์สิทธิ์

                แต่พลังนั้นถ้าบอกว่าเป็นของมิ่งขวัญที่อยู่ในสภาพเวพอนไนซ์อยู่แล้วก็น่าแปลก เพราะมิ่งขวัญเองก็มาอยู่ทางนี้เหมือนกัน

                แต่แล้ว…

                กวินทร์ที่อยู่อีกฟากก็สวมชุดเกราะซามูไรที่ดูขัดตากับกางเกงเครื่องแบบอยู่

                เวพ่อนไนซ์เท็งกะโกะเคนงั้นเหรอ…”

                จะบอกว่ากวินทร์โจมตีอยู่ตรงนั้นด้วยพลังเทียบเท่าคนทั้งกลุ่มเพื่อหลอกให้คิดว่าทุกคนยังอยู่ที่นั่นแล้วอ้อมไปเข้าจากอีกฝั่งของกรงที่โดนกำแพงเจดีย์บังเอาไว้อย่างนั้นเหรอ

                แต่มันไม่น่าจะเป็นไปได้

                ถ้าใช้ท่าไม้ตายที่ต้องเรียกเครื่องทำสวนออกมามอบพลังให้ ยังไงเขาก็ต้องรู้และจะยับยั้งมัน

                “…”

                ด้วยความสงสัยจึงลองสังเกตอย่างถี่ถ้วนอีกครั้ง

                กวินทร์ที่โหมโจมตีอย่างหนักเพื่อหลอกล่อเลยหอบเหนื่อยจนตัวโยนขนาดนั้นเลย?

                ใบหน้าของเด็กหนุ่มท่วมไปด้วยเม็ดเหงื่อราวกับเพิ่งไปวิ่งมา

                วิ่งงั้นเหรอ”

                สมมติฐานอันเหลือเชื่อเล็กน้อยแล่นขึ้นมาในหัว

                ถึงจะไม่น่าเชื่อแต่ก็มีความเป็นไปได้เดียวที่จะใช้พลังของเครื่องทำสวนได้โดยไม่ให้เขารู้ตัว

                กวินทร์วิ่งออกไปให้พ้นจากรัศมีที่เขตแดนท่าไม้ตายจะเข้ามาถึงจุดที่เขาจะรับรู้

                อาจจะต้องวิ่งไปไกลเกือบหนึ่งกิโลเมตรเพื่อไม่ให้มองเห็นขอบของเขตแดนท่าไม้ตายด้วยพอใช้เสร็จก็วิ่งกลับมาแล้วทำตามแผนการหลอกล่อเขาที่ยังพะวงกับพลังใหม่ของอิงศร

                สรุปก็คือตัวเขา เครื่องทำสวนที่แข็งแกร่งที่สุดแพ้ด้วยหลายๆ สาเหตุ

                เพราะอิงศรมีพลังที่จะเปลี่ยนแปลงโชคชะตา

                เพราะอิงศรมีความตั้งใจที่ก้าวเดินไปข้างหน้าเหนือกว่าที่คาด

                และสุดท้าย สาเหตุเพียงหนึ่งเดียวที่เป็นความผิดพลาดใหญ่หลวงที่สุด

                เพราะอิงศรมีพวกพ้องอยู่…

                ทั้งที่มั่นใจถึงที่สุดว่าพวกพ้องที่ไร้ความสามารถเหล่านั้นควสอดมือเข้ามายุ่งไม่ได้

                พวกพ้องที่มีไว้ให้เลียแผลกันเองปลอบปะโลมกันเองแบบที่สิงห์เคยกล่าวเอาไว้ได้กลายเป็นพลังที่พลิกสถานการณ์อันน่าเหลือเชื่ออย่างนั้นหรือ?

                เขาไม่เหมือนนายเลยซักนิดนะสิงห์”

                ซีลอร์ดพึมพำกับตัวเองแล้วจึงลุกขึ้นยืน

                สุดท้ายก็ล้มผมได้เพราะได้เพราะพลังมิตรภาพอย่างนั้นเหรอเหลือเชื่อจริงๆ แหะขนาดว่าโดนกับตัวเองแล้วยังรู้สึกเหมือนฝันอยู่เลยนะ”

                เขากล่าวลอยๆ โดยไม่สนใจว่าใครจะฟัง

                จากนั้นก็เจาะจงหันไปหาอิงศรแล้วพูดอีกว่า

                รู้ไหม ตอนที่สิงห์ชักจูงผมน่ะเขาตัวคนเดียวตามตื้อจนผมต้องยอมเลยล่ะ”

                อิงศรก็เหม่อมองเขาด้วยเช่นกัน

                ดูจากสภาพที่ยังกึ่งๆ จะไม่ได้สติกับอ่านข้อความที่เที่ยวพูดซ้ำไปซ้ำมาอยู่ในหัวนั่นแล้วคงยังไม่รู้ตัวว่าได้เอาชนะบททดสอบไปเรียบร้อยแล้ว

                ชนะแล้วเหรอ?

                ไม่ต้องตายแล้วเหรอ?

                เราเอาชนะเจ้านั่นได้แล้ว?

                คำถามมากมายวนเวียนอยู่ในสมองอิงศรแบบนั้นอยู่พักหนึ่งจึงได้สติ

                พอได้สติก็เริ่มคิดมากความขึ้นมาอีก

                คิดเรื่องไร้สาระอย่างเช่น

                ไม่ได้ชนะด้วยตัวเอง

                พวกพ้องสอดมือเข้ามาแบบนี้จะถูกใช้เป็นข้ออ้างรึเปล่า

                “…”

                ซีลอร์ดแค่นลมหายใจอย่างขบขันเล็กน้อย

                ทั้งที่เอาชนะในการทดสอบที่ล้มเหลวร้อยเปอร์เซ็นต์ได้แต่ยังมัวพะวงเรื่องนั้นไม่ใช่แค่เรื่องพวกพ้องอย่างเดียวแต่ตรงนี้เองก็ไม่เหมือนกับสิงห์เลยซักนิดเดียว

                ถ้าเป็นสิงห์ ธุวดารกะ

                ถ้าเป็นแฟรนเซียมล่ะก็ ต่อให้ต้องทำทุกวิถีทางก็จะเอาชนะให้จงได้

                มีความแตกต่างกันมากถึงขนาดนั้นเลย

                นี่เธอน่ะถูกสิงห์เขาเก็บมาเลี้ยงดูจริงๆ เหรอ”

                ซีลอร์ดถามออกไป

                เขาไม่ค่อยเข้าใจความสัมพันธ์ของมนุษย์ตอนที่มาอยู่ในสวนแห่งที่สองนักหรอก แต่เคยได้ยินว่าลูกมนุษย์จะเลียนแบบพฤติกรรมเดียวกับคนที่คอยเลี้ยงดู

                แต่อิงศรก็ตรงข้ามกับสิงห์โดยสิ้นเขิงถึงจะมีส่วนที่คล้ายกันอยู่บ้างก็ตาม

                บางทีสิ่งนั้นอาจจะเรียกว่าอัตตาตัวตนของมนุษย์

                อัตตาที่จะไม่หายไปไม่เปลี่ยนแปลงแม้ว่าจะได้รับการบ่มเพาะหรือผ่านเวลาไปนานแค่ไหนก็ตาม

                หากว่าอัตตานั้นคือวิญญาณล่ะก็

                บางทีเธอกับอดาเมียมอาจจะเป็นคนๆ เดียวกัน”

                เขาพึมพำออกมาด้วยความหวัง ลมๆ แล้งๆ ทั้งที่รู้อยู่แก่ใจว่าตัวตนของอดาเมียมนั้นได้หายไปตั้งนานแล้ว

                เมื่อกี้พูดว่าอะไรนะ”

                อิงศรตั้งคำถามต่อคำพูดพึมพำเมื่อครู่

                เปล่า ไม่มีอะไรหรอก

                แล้วเรื่องทดสอบล่ะ

                อืม เธอชนะผมแล้วดังนั้นจะฟังคำตอบให้

                ทั้งที่บอกว่ายอมรับในชัยชนะของอิงศรแล้วแต่เจ้าตัวกลับทำหน้าลำบากใจ

                แต่ว่าฉันไม่ได้ชนะด้วยตัวเอง...

                ทว่า ซีลอร์ดก็พูดขัดคำพูดนั่นเอาไว้

                แต่เธออ่อนแอกว่าผมนะ

                ทีนายเองก็ยังไม่ยอมให้กรงพังเพื่อช่วยปกป้องเพื่อนของฉันไว้เลยนี่ ออมมือไว้ให้แบบนั้นทางนี้เองก็ไม่มีอะไรจะแก้ตัวหรอกนะ

                พออิงศรพูดออกมาแบบนั้นก็ได้ยินเสียงกลืนน้ำลายดังเอื้อกมาจากพวกพ้องคนอื่น

                คงกำลังคิดตำหนิตัวเองที่แส่เข้ามายุ่งหรือไม่ก็คิดต่อว่าความเรื่องมากของอิงศร

                แต่คงจะเป็นอย่างแรกมากกว่า อย่างน้อยที่สุดเมษาซึ่งน่าจะเป็นคนที่มีแนวโน้มเลือกข้อหลังยังเป็นข้อแรกเลย คนอื่นๆ ก็คงไม่คิดจะโทษอิงศรกันหรอก

                ถ้าเกิดเขาพูดออกไปว่า นั่นสินะ เล่นรุมกันแบบนี้ขี้โกงนี่นา คิ้วของทุกคนคงจะห้อยตกกันหมด  

                ซีลอร์ดยิ้มออก รู้สึกว่าควบคุมปากตัวเองไม่ได้เพราะความรู้สึกข้างในกำลังพองโตออกมา

                เอาเถอะ ตอนแรกผมก็เป็นคนบอกเองนี่นาว่าจะรุมเข้ามาก็ได้

                รู้สึกได้ว่าประกายความหวังเปล่งปลั่งขึ้นมาบนใบหน้าของพวกพ้องอิงศร

                อนิจจา เจ้าตัวยังคงมีสีหน้าไม่สบายใจอยู่เหมือนเดิม

                ซีลอร์ดพูดต่อไปว่า

                คราวนี้ไม่เหมือนกับตอนของสิงห์ รายนั้นน่ะผมยอมให้แต่กับเธอตั้งใจเอาไว้แล้วว่าจะฆ่า

                การเอาจริงในคราวนี้ผิดกันคนละเรื่องกับคราวของสิงห์ถ้าจะถูกต่อว่าเรื่องความไม่ยุติธรรมหรือว่าเลือกปฏิบัติเขาก็จะยอมรับแต่โดยดี เพราะหนนี้ตนได้ตัดใจไปแล้ว

                ตัดสินใจคิดลงไปแล้วว่าการคาดหวังในตัวมนุษย์คงจะเป็นเรื่องผิดพลาด

                จึงละทิ้งทุกอย่างแล้วเดิมพันกับการทดสอบที่ทำไปก็เท่านั้น

                แต่แล้ว...

                แต่ก็ยังทำให้ผมหมดรูปได้ขนาดนี้ อุตส่าห์ลงทุนทำให้การทดสอบดำเนินไปแบบตัวต่อตัวๆ แล้วแท้ๆ แต่พวกพ้องของเธอก็ยังดื้อด้านจนแหกกรงเข้ามาได้ผมเองก็ไม่มีอะไรจะแก้ตัวแล้วชนะก็คือชนะ…

                อิงศรกลับก้าวข้ามบททดสอบได้

                ทำให้เขากลับมามีความหวังในตัวมนุษย์อีกครั้ง แล้วก็...

                แล้วเธอก็ทำให้ผมนึกออกจนได้ว่าความเสียใจที่แท้จริงนั้นเป็นอย่างไร ความเสียใจที่ผมลืมเลือนไปแล้ว ดังนั้นผมจึงเข้าใจในตัวเธอเหมือนกันแล้วล่ะ ว่าตอนที่เสียเพื่อนไปมันเจ็บปวดขนาดไหน เพื่อตอบแทนตรงส่วนนั้น

                ซีลอร์ดพูดแล้วหันไปทางที่ๆ ศพของนรินทร์นอนอย่างสงบอยู่ข้างหลังกวินทร์

                เพราะงั้นผมจะคืนชีพให้กับร่างทรงของวิศนุโดยไม่เกี่ยงเรื่องคำตอบของเธอ


    ***สองตอนของอาทิตย์นี้ขอยืดเรื่องหน่อยนะครับ แล้วก็ตอนจะสั้นๆ เพราะว่าไรท์ติดธุระไปต่างจังหวัดตั้งวันศุกร์ถึงสามวันกว่าจะกลับมาก็วันอาทิตย์พอดีดังนั้นตอนของวันศุกร์จะอัพให้ตั้งแต่คืนวันพรุ่งนี้เลยแล้วก็อาทิตย์หน้าที่เป็นอาทิตย์สามตอนจะขอเปลี่ยนเป็นลงสองตอนโดยใช้ระบบวันแบบเดียวกับอาทิตย์นี้หรือก็คืออาทิตย์หน้าจะลงวันพุธกับวันศุกร์อีกรอบนะครับ ตอนแรกกะจะตัดวันอังคารเฉยแล้วลงตามปกพฤหัส เสาร์เลยแต่แบบนั้นท่าจะเว้นช่องว่างวันนานเกินไปหน่อย

    สาเหตุที่ไรท์ต้องยืดเรื่องในอาทิตย์นี้นอกจากเรื่องธุระที่ทำให้ไม่มีเวลาเขียนอย่างเต็มที่ในอาทิตย์นี้แล้ว อีกส่วนคือเนื้อเรื่องจะจบภาคสองแล้วครับ ตอนแรกไรท์คิดว่าภาคสองจะยังเหลือสัดส่วนอยู่อีกประมาณ Act หนึ่งแต่คิดไป คิดมาแล้วเลยปัดไปอยู่ส่วนของภาคสามเลยดีกว่าเพื่อความสมดุลของภาคสามด้วย เนื่องจากในภาคสามเป็นภาคสุดท้ายและจำนวนตอนค่อนข้างน้อยน่ะครับ***

    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    นิยายที่ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×