คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #144 : Login 141: ฮีโร่และผู้กอบกู้
Login
141: ฮีโร่และผู้กอบกู้
“เจ้านี่มันตัวเมื่อตอนนั้นนี่”
อิงศรพูด
เบื้องหน้าเด็กหนุ่มคือหุ่นพยนต์ขนาดสูงเท่าบ้าน
เทียบกับเมืองจำลองบนฉากแล้วก็สูงเกือบสามเท่าของตึกที่สูงที่สุดเลยก็ว่าได้
ตัวของหุ่นพยนต์เกิดจากมังกรกระดูกติดอาวุธสี่ตัวรวมร่างเข้าด้วยกัน
ส่วนหัวมาจากไทรเซราไนท์มังกรกระดูกสามเขา
แขนซ้ายเป็นหัวของไทแรนโนไนท์
แขนขวาเป็นสว่านที่เกิดจากหางของสเตโกไนท์ปูพื้นด้วยแผ่นเกล็ดใบมีดบนหลังของมัน
หน้าอกมีหัวของพีเทราไนท์ติดเอาไว้โครงปีกของมันกลายเป็นหัวไหล่สำหรับติดตั้งอาวุธของตัวอื่นๆ
บนไหล่ซ้ายมีปืนแกตลิ่งของไทแรนโนไนท์และไหล่ขวาเป็นปืนยิงลำแสงของไทรเซาราไนท์
กระดูกส่วนที่เหลือกลายเป็นลำตัวและขา
จากที่ลองตั้งข้อสังเกตสกิลเรียกมังกรกระดูกติดอาวุธที่พวกมันเรียกว่า
นีครอสไนซ์
น่าจะเป็นสกิลแบบเล็งเป้าพวกเดียวกันเพื่อให้จับจองมังกรกระดูกของแต่ละคนหรือก็คือถ้าไม่มีปาร์ตี้สี่คนขึ้นไปก็จะรวมเป็นร่างนี้ไม่ได้
ทุกตนต่างก็เรียกมังกรกระดูกออกมาแล้วเว้นแต่ซีเซียม
“แปลว่าพวกมันยังมีอะไรซ่อนไว้อีกงั้นเรอะ”
อิงศรสรุปได้แบบนั้น
พวกมนุษย์ต่างดาวเริ่มเคลื่อนไหวแปลกๆ
อีก พวกมันวาดไม้วาดมือราวกับกำลังประกวดเต้นเชียร์ลีดเดอร์อย่างไรอย่างนั้น
ท่าร่างมีแต่ช่องว่างราวกับจะเย้ยหยัน
แต่พวกเขาก็ทำอะไรไม่ได้จริง นั่นแหละ
พอคิดจะขัดขวางพวกมัน
อะไรซักอย่างก็จะเข้ามาขัดเอาไว้
อย่างตอนที่พลอยพยายามจะร่ายสกิลฟื้นฟูพวกมันก็เรียกมังกรกระดูกติดอาวุธออกมาโจมตีแบบปุบปับ
เพราะตอนนี้พวกเขาติดอยู่ในแดนของศัตรูอย่างสมบูรณ์การจะทำการใดถึงได้ติดขัดไปหมด
มนุษย์ต่างดาวทั้งห้าประสานเสียงพร้อมกัน
“ลมหายใจมังกร!”
แล้วตวัดมือไปข้างหน้า
เหมือนว่าจะเป็นการสั่งให้หุ่นพยนต์โจมตี
หัวของไทแรนโนไนท์ที่แขนซ้ายอ้าปากขึ้นจากนั้นหุ่นพยนต์ก็ยกมันเล็งมาที่เขา
ไฟพวยพุ่งออกมาจากตรงนั้น
อิงศรวิ่งหลบไฟเลยไปโดนตึกจำลองข้างหลังแทนแล้วนั่นก็ทำให้มันระเบิดจนเกิดแรงผลัก
เด็กหนุ่มเสียหลักจนหนุดเคลื่อนที่และตกเป็นเป้าของไฟ
แต่ในฉากที่ซีเซียมสร้างขึ้นมาความเสียหายทั้งหมดจะกลายเป็นการกระแทกและสร้างประกายไฟ
ดังนั้นอิงศรจึงรู้สึกเหมือนถูกลมร้อนเป่ากระเด็นมากกว่าจะถูกไฟครอกแถมไฟยังไม่ติดเสื้อผ้าอีกต่างหาก
หุ่นพยนต์ไล่เผาใส่ทุกคนในปาร์ตี้ของเขาจนกระเด็นถอยกลับกองอยู่หน้าพวกพลอย
เมษาซึ่งกระเด็นมาตกอยู่ข้างๆ
พูดว่า
“แบบนี้ไม่ไหวแน่เจ้าพวกนี้มีแต่สกิลบ้าบออะไรก็ไม่รู้แถมเจ้าลิเธียมนั่นยังยอมเล่นตามอีกรู้สึกเหมือนไม่ได้สู้กับมนุษย์ต่างดาวเลย”
คำพูดของเมษานั้นสมเหตุสมผล
เจ้าพวกนี้เล่นกันเป็นทีมได้ดีเกินกว่าจะเชื่อว่านี่คือมนุษย์ต่างดาว
“คงเพราะพวกนี้เล่นกันเป็นทีมมากกว่าที่พวกเราเคยเจอล่ะมั้งครับ”
กวินทร์พูด
“ก็จริงนะ
พวกมันมีการผสานร่วมกันแบบที่ไม่เคยเป็นมาก่อนนี่สินะถึงได้รู้สึกว่ามันแปลกน่ะ”
“บางทีอาจจะเป็นเพราะว่ามีธีมในการต่อสู้ล่ะมั้งครับ”
พอฟังที่กวินทร์พูดเมษาก็เลิกคิ้วขึ้นด้วยความฉงน
“ธีม…มันคืออะไรน่ะ”
“การต่อสู้ของเจ้าพวกนั้นเหมือนกับขบวนการห้าสีไงครับ”
เมษาเบ้หน้าให้กับคำพูดนั้นของกวินทร์
“เวลาแบบนี้ยังจะพูดเรื่องการ์ตูนอีกเหรอฟะ”
แต่กวินทร์แย้งกลับในทันที
“ไม่ใช่อย่างนั้นครับ
ผมจะบอกว่าเจ้าพวกนั้นเคลื่อนไหวเป็นรูปแบบตายตัวของขบวนการห้าสีต่างหาก”
สรุปก็คือกวินทร์พอจะคาดเดาการเคลื่อนไหวถัดไปของพวกเอเลี่ยนที่เคลื่อนไหวเป็นแบบแผนตามการ์ตูนที่เคยดูมาอย่างนั้นสินะ
“ถ้างั้นนายก็รู้วช่ไหมกวินทร์ว่าต่อไปคืออะไรพวกเลเอี่ยนตั้วใจจะทำอะไรกันแน่”
อิงศรถาม
กวินทร์พยักหน้าแล้วพูดว่า
“ถ้าเป็นตามสูตรนี้หลังจากเรียกหุ่นยักษ์ออกมาก็จะเป็นการปิดฉากด้วยท่าไม้ตายครับ”
นั่นเท่ากันว่าการโจมตีครั้งต่อไปคือการปิดฉากสินะเพราะอย่างนั้นพวกมันถึงได้เป่าทุกคนกระเด็นกลับมารวมกันตรงนี้
แต่ว่ายังมีเรื่องคาใจอยู่…
“กวินทร์
แล้วถ้าหุ่นยักษ์รวมร่างแล้วแต่เหลือเศษคนหนึ่งล่ะมันมีความพิเศษรึเปล่า”
รุ่นน้องนิ่งเงียบไปครู่หนึ่งก่อนจะตอบเหมือนไม่ค่อยมั่นใจ
“คิดว่าอีกตัวน่าจะทำให้รวมร่างแบบที่เก่งขึ้นไปได้อีกครับหรือไม่ก็เป็นอีกร่างที่มีจุดเด่นแตกต่างออกไป”
เมื่อได้ฟังข้อสันนิษฐานของรุ่นน้องก็พอจะเข้าใจได้แล้วว่าหุ่นยักษ์นี่แหละคืออาวุธไม้ตายของพวกนั้น
“ท่าไม้ตาย
สว่านหางมังกร”
ในตอนนั้นเองคำประกาศที่เคยได้ยินตอนที่พวกมนุษย์ต่างดาวฆ่าอนันตากับข้าวหลามก็ดังขึ้นมา
เป็นไปตามที่กวินทร์กล่าวเอาไว้
ไม่รู้ว่าทำไมรูปแบบการต่อสู้ของพวกมันถึงได้เหมือนกับเรื่องที่กวินทร์เคยดูทั้งที่มันเป็นวัฒนธรรมของมนุษย์
ฮีโร่แบบที่พวกมันกำลังเล่นสมมติกันอยู่ก็ไม่ใช่ของที่จะมีอยู่ในศาสนาหรือวรรณกรรมสมัยโบราณ
แต่เป็นของที่เพิ่งมีคิดขึ้นมาราวห้าสิบปีนี้เอง
“ไม่เข้าใจเจ้าพวกนี้เลย”
อิงศรได้แต่พึมพำแบบนั้นแล้วชายหางตาไปทางอิซานามิผู้มาจากประเทศต้นคิดเรื่องฮีโร่ขบวนการห้าสี ราวกับว่าสายตาของเขาเปล่งคำพูดออกไปหรือไม่ก็เทพมารดรแค่ใช้พลังอ่านใจเหมือนที่ปีศาจตนอื่นๆ
ทำกัน
อิซานามิชักสีหน้า
“อย่ามามองฉันเลยของพวกนี้เกิดไม่ทันด้วยซ้ำร้อยกว่าปีก่อนมันยังไม่มีทีวีนะพ่อหนู”
นั่นคือความเห็นของเทพมารดรแห่งแผ่นดินญี่ปุ่น
“…”
ตอนที่หุ่นพยนต์เริ่มยกสว่านแขนขวาขึ้นมาตั้งท่าจะจู่โจมเข้ามา
เขาก็ออกคำสั่งไปว่า
“ขวัญ
กางบาเรียป้องกันให้ทีแล้วก็คนอื่นมาหลบกลังกวินทร์กับฉันซะ!”
สิ้นคำทุกคนนอกจากกวินทร์ก็อ้อมไปอยู่ด้านหลังเขาส่วนมิ่งขวัญก็ออกไปอยู่ข้างหน้าแล้วสร้างกำแพงป้องกัน
“โฟตอนการ์ด”
ถึงจะเป็นแค่กำแพงที่ช่วยลดความเสียหายได้ครึ่งหนึ่งเท่านั้นแต่ก็ยังดีกว่าไม่มี
ด้วยสถานที่กับขนาดของการโจมตีที่หุ่นพยนต์นั่นจะปล่อยออกมา
หากจะหลบให้พ้นจากจำนวนคนขนาดนี้คงเป็นไปไม่ได้
หุ่นพยนต์แทงสว่างออกมาคลื่นพลังรูปเกลียวสว่านพุ่งมาปะทะกับบาเรียของมิ่งขวัญ
จากนั้นก็เกิดระเบิดครั้งใหญ่
ตูม ตูม ตูม
เสียงระเบิดดังอย่างต่อเนื่อง เมืองจำลองโดยรอบพินาศลงแทบจะทั้งหมด
พื้นถูกคว้านเป็นหลุมลึกประมาณหนึ่งได้ ควันฝุ่นลอยฟุ้งจนมองไม่เห็นสภาพข้างใน
…แล้วที่ใจกลางหลุมนั่น
อิงศร Lv.93 […..0:12500..…]
มิ่งขวัญ Lv.102 […..0:25000//…]
กวินทร์ Lv.75 […..0:10200.....]
แถบพลังชีวิตว่างเปล่าของ
อิงศร กวินทร์ มิ่งขวัญ ก็ปรากฎขึ้นท่ามกลางกลุ่มควัน
แต่เด็กหนุ่มทั้งสามกลับพุ่งออกมาจากกลุ่มควัน
ในสภาพที่มีฟันเฟืองออกมาจากจุดต่างๆ
ของร่างกายและพ่วงมาด้วยปีศาจจากอาคานาร์มหาโชคชะตา
เมอร์คาบาร์
เฮเลล
แจ็ค
สปริกแกนส์
ในตอนที่เกิดระเบิดมีแต่พวกเขาสามคนที่รับแรงปะทะเอาไว้ทำให้พวกพ้อวที่อยู่ด้านหลังรอดชีวิตมาได้แล้วพอพลังชีวิตหมดลงเฟืองก็ช่วยยื้อชีวิตเอาไว้
ใช้ทั้งปีศาจและฟันเฟืองพร้อมกัน
คือสภาพที่แข็งแกร่งที่สุดของพวกเขาแล้ว
“จัดการเลย!”
อิงศรสั่งอย่างนั้น
ปีศาจของทั้งสามพุ่งนำออกไปก่อน
แต่ทว่า
“จงออกมา
จ้าวมังกรกระดูกเทวะ เพลซิโอไนท์!!”
เสียงของซีเซียมดังลงมาจากที่สูง
พออิงศรเหลือบสายตาไปมองก็เห็นว่าตอนนี้ราชครูเพี้ยนนั่นไปยืนกระต่ายขาเดียวอยู่บนยอดของตึกจำลองหลังหนึ่งในมือถือฮาร์โมนิก้าที่คล้ายกับของที่เขาให้มิ่งขวัญกับกวินทร์ไป
ซีเซียมเริ่มเป่าฮาร์โมนิก้า
ทำนองเสียงอันไพเราะและอลังการขับขานออกมาราวกับจะบอกเล่าถึงตำนานของท้องทะเล…
แล้วก็บังเอิญว่าที่เมืองจำลองนี่มีอ่าวตั้งอยู่ห่างออกไปประมาณสิบเมตร
เป็นเวิ้งน้ำเล็กๆ
ที่เริ่มมีรอยกระเพื่อมเหมือนมีตัวอะไรเคลื่อนไหวอยู่ข้างใต้นั่น
พริบตาที่ฟองอากาศผุดขึ้นมาเหนือผิวน้ำจนเห็นเป็นแพฟองอากาศ
สิ่งมีชีวิต…
ไม่สิมันเสียชีวิตไปตั้งแต่ร้อยเจ็ดสิบล้านปีก่อนก็ผุดขึ้นมาจากใต้เวิ้งน้ำ
จากใต้อ่าว
กระดูกไดโนเสาร์พันธุ์คอยาวอาศัยในท้องทะเล เพลซิโอซอรัส หรือตอนนี้คือ
เพลซิโอไนท์ ติดตั้งเครื่องยิงหัวรบนำวิถีจำนวนแปดลำกล้องติดอยู่กับสีข้างทั้งสอง
เสียงปะทุของหัวรบมิสไซล์ดังกระหึ่มจากนั้น
มิสไซล์ก็พุ่งมาทางพวกเขา
ตกไปตรงที่กลุ่มของปีศาจแล้วก็…
ตูม
เกิดเสียงระเบิดดังสนั่น
แรงจากากรระเบิดเป่าอิงศร
กวินทร์ และมิ่งขวัญกระเด็นกลับไป
พวกปีศาจเองก็ได้รับความเสียหายไม่น้อยและเกือบจะหายไปในการโจมตีครั้งนั้น
แต่พวกมนุษย์ต่างดาวก็ยังไม่หยุดไล่ต้อน
ซีเซียมกระโดดลงมาจากตึกจำลองที่สูงไม่เกินไหล่แล้วก็ถูกราชครูโซเดียมที่ยืนดูอยู่มุมฉากถามด้วยความสงสัย
“ทำไมต้องขึ้นไปยืนบนนั้นแถมเป่าเครื่องดนตรีด้วยล่ะคะท่านซีเซียม”
“เฮอะ
อย่างเธอคงจะรู้จักโรมานซ์เมพๆ แบบนี้หรอกนะ”
ซีเซียมตอบอย่างก้าวร้าวแล้วทำเมินใส่หล่อนไปพร้อมกับมีคำสั่งใหม่ให้ลูกน้องมนุษย์ต่างดาวสาวร่วมก๊วนว่า
“รีเนียม
โล่จากโกลด์กาแลนต์ของเจ้าน้องชายตัวปลอมมันเกะกะใช้ดรากอนมิชชันรวมร่างเป็นกอนดริลซินจัดการทะลวงเก็บพวกมันไปพร้อมกันเลยนั่นแหละ”
“รับทราบค่ะ!”
รีเนียมพูดจากนั้นจึงเริ่มตั้งขบวนแถวกันอีกครั้ง
หล่อนพูดคีย์เวิร์ดที่ใช้สั่งให้หุ่นพยนต์รวมร่างกับเพลซิโอไนท์เป็นร่างใหม่
“รวมร่าง
ดรากอนมิชชัน!!”
[DraGonE
Mission Lv(1/1)
Element:
-
Attribute:
Creature , Gattai
สั่งรวมร่าง PelsioKnight , StegoKnight , TriceraKnight เป็น Necross Dragon Sword
GONE.DRILL.SIN !!]
และแล้ว
สิ่งที่อิงศรกังวลจากคำบอกเล่าของกวินทร์ก็กลายเป็นจริงศัตรูมีอีกร่างเก็บเอาไว้เพื่อปิดฉากพวกตน
มังกรกระดูกคอยาวแยกส่วนร่างตัวเองไปพร้อมกันกับหุ่นยนต์
แขนสว่านต่อเข้ากับปลายลำคอที่แยกมาส่วนหัวปลดขากรรไกรออกแล้วอ้าเป็นเส้นตรงร้อยแปดสิบองศา
กลายเป็นหอกสว่านไปนั่นเอง
ไทแรนโนไนท์กับพีเทราไนท์แยกออกจากร่างหุ่นพยนต์
จากนั้นเพลซิโอไนท์ส่วนที่เหลือก็เข้าไปแทนที่ตั้งแต่หน้าอกกับแขนทั้งสองข้างแล้วเปลี่ยนส่วนหัวจากสามเขาเป็นหัวของสเตโกไนท์ที่มีใบมีดแผ่นหนึ่งติดอยู่บนกะโหลกศีรษะ
ด้วยรูปแบบการรวมร่างนั่นทำให้มีมังกรกระดูกที่เป็นส่วนเกินเพิ่มมาสองตัวกลายเป็นการรวมทีมระหว่างหุ่นพยนต์
ไทแรนโนไนท์ และ พีเทราไนท์
เพียงเท่านี้เจ้าพวกมนุษย์ต่างดาวก็ครองสมรภูมิทั้งบนดินและบนฟ้าไปเรียบร้อย
ซีเซียมออกคำสั่ง
“ยิงเต็มกำลัง
สว่านเทพมังกรฟ้า!!”
หุ่นพยนต์ยกหอกสว่านขึ้นควงหนึ่งรอบแล้วยิงคลื่นเกลียวสว่านออกมาพร้อมกับการโจมตีจากปืนกลของมังกรกระดูกทั้งสองตัว
ตั้งแต่การรวมร่างไปจนถึงเริ่มโจมตีแม้จะมีขั้นตอนมากมายแต่ก็เกิดขึ้นในเวลาไม่ถึงห้าวินาที
ไม่พอจะให้คิดหาทางรับมือการโจมตีรัศมีกว้างระดับกวาดเมืองทั้งเมืองหายไปได้
ดังนั้นพวกอิงศรจึงต้องรับมันไว้
ปีศาจของพวกเขาพุ่งเข้าไปต้านยันพลังนั่น
วินาทีถัดมาทุกอย่างถูกแสงสว่างกลืนกินเข้าไป
“…”
อิงศรหมดสติไปวูบหนึ่ง
แล้วเขาก็ได้สติอีกครั้ง
ลืมตาขึ้นแล้วพบกับความพ่ายแพ้
เพราะปีศาจเข้าไปขวางการโจมตีนั่นไว้พวกเขาที่อยู่ตรงนี้ถึงยังรอดมาได้แต่ก็ไม่เหลือวิธีจะรับมือกับพลังอันมหาศาลของพวกมนุษย์ต่างดาว
แม้แต่ร่างอัศวินทองคำของมิ่งขวัญก็ยังคลายออก
พลังชีวิตของทุกคนนอกจากพวกเขาที่ไม่มีเฟืองลดลงไปเหลือไม่ถึงหนึ่งพันด้วยซ้ำ
นี่คือพลังของผู้เป็นยอดฝีมือในหมู่ราชครู
พลังของลำดับสองซีเซียมซึ่งสามารถแก้ไขกฎของเกมได้ตามใจชอบ
พลังที่มากพอจะเป็นพระเจ้าของโลกที่กลายเป็นเกมนี้
แต่เจ้านั่นก็ยังแค่ที่สอง
แล้วแฟรนเซียมซึ่งอยู่ลำดับที่หนึ่งจะเก่งกาจขนาดไหน
จะยิ่งใหญ่ไปกว่านี้ได้อีกอย่างไร
เขาจินตนาการพลังที่มากเกินไปกว่านั้นไม่ออกเลยจริงๆ
เจ้าซีเซียมนั่นบ่นพล่อยๆ
ออกมาหลังจากเห็นว่าพวกเขายังรอดชีวิตกันอยู่
ส่งเสียงเดาะลิ้นอย่างไม่พอใจแล้วพูดว่า
“ชิ
เพราะเป็นท่าที่ลบล้างทุกอย่างแล้วก็หยุดไม่ได้แต่อำนาจทำลายเลยถดถอยลงไปด้วย
พลังแค่นั้นคงไม่พอสินะ”
กล้าพูดแบบนั้นทั้งที่หมอนั่นเป็นคนกางเขตแดนลดความเสียหายนี่ลงไปเองแถมเมื่อกี้ก็ยังทำลายเวพอนไนซ์ของมิ่งขวัญซึ่งถูกระบุว่าไม่สามารถถูกทำลายได้แล้วยังจะพูดว่าพลังแค่นั้นได้อีกหรือ
“แต่ก็เอาเถอะ”
ซีเซียมชักปืนออกมา
เคลื่อนที่มาถึงข้างตัวอิงศรที่นอนฟุบและไม่เหลือแรงจะลุกแล้วจิกศีรษะดึงให้เงยหน้าขึ้น
“…”
ไม่มีแม้แต่แรงจะต่อต้าน
อิงศรโดนยัดปากกระบอกปืนเข้าปาก
รสขมของโลหะกับความร้อนของปืนที่เพิ่งจะผ่านการกระหน่ำยิงมานั้นลวกโดนลิ้นจนต้องครางอย่างทรมาน
ซีเซียมเห็นแบบนั้นเข้า
เห็นสีหน้าเจ็บปวดของเขาแล้วยิ้มหวานอย่างเสียสติ
“เอาล่ะทีนี้มีอะไรจะสั่งเสียก่อนตายไหม”
“ศร!”
“ปล่อยศรนะ!”
“พี่ศร!”
เมษา มิ่งขวัญ
กวินทร์ เสียงของทั้งสามดังแว่วมา
พอเหลือบสายตาไปมองก็เห็นลิเธียม
แบเรียม และ ออสเมียมกระโจนเข้าไปขวางทั้งสามที่กำลังจะเข้ามาช่วย
เมษาซึ่งถูกลิเธียมขวางก็คำรามออกไปว่า
“ลิเธียม แก!”
แล้วเหวี่ยงหมัดที่ไร้เรี่ยวแรงใส่ราชครูลำดับที่หกผู้ได้ชื่อว่าดาวหางสีแดงแห่งราชครู
แน่นอนว่าหมัดเอื่อยเฉื่อยพรรค์นั้นไม่ได้แม้แต่สะกิดโดน
“ตั้งแต่ตอนนั้นแล้วก็ยังไม่พัฒนาขึ้นเลยนะชาวโลก”
ลิเธียม กล่าวเช่นนั้นตอนที่อ้อมไปอยู่ข้างหลังแล้วกอดคอเมษาพลางสอดดาบเก็บเข้าใต้รักแร้จากนั้นก็เอียงตัวลากเมษาลงไปหาดาบด้วยวิธีนี้คอของเมษาจะถูกตัดหลุดจากบ่าได้อย่างง่ายดาย
คนที่มองเห็นเสี้ยววินาทีแห่งความตายของหมอนั่นซึ่งเจ้าตัวเองยังไม่รู้ด้วยซ้ำก็มีแต่มิ่งขวัญ
น้องชายของอิงศรผู้กลายเป็นมนุษย์ต่างดาวและในช่วงที่แยกจากกันสามปีเพราะถูกรูบิเดียมเก็บไปนั้น
ลิเธียมก็เป็นอาจารย์ที่ถ่ายทอดวิชาหมัดกับดาบไว้ป้องกันตัวให้จึงมองท่าสังหารนั่นออกได้ไม่ยาก
มโนภาพความทรงจำในตอนนั้นย้อนกลับมาอย่างแจ่มชัดในสมองของมิ่งขวัญ
ตอนที่เขาเพิ่งจะอายุสิบสี่หรือประมาณหนึ่งปีก่อน
ลิเธียมที่ร่างกำยำแล้วยังสูงกว่ากอดคอเด็กหนุ่มไว้พร้อมกับสอดดาบไม้เข้าใต้รักแร้แล้วเอียงตัว
ลากมิ่งขวัญล้มลงไป
ลำคอกระแทกเข้ากับดาบอย่างจัง
เจ็บจนแทบจะหมดสติลงตรงนั้นหากเป็นคนธรรมดา
ไม่สิต่อให้เป็นมนุษย์ต่างดาวชั้นครูที่มีพลังเหนือมนุษย์หลังโลกล่มสลายซักสามเท่าก็คงคอหักตายคาที่อยู่ดี
แต่มิ่งขวัญมีพลังหกเท่าและได้รับการถ่ายทอดสเตตัสจากรูบิเดียมที่เป็นราชครูลำดับที่สามจึงแค่คอเคล็ดเกือบหมดสติเท่านั้น
หลังจากถูกราชครูลำดับหกอัดด้วยกระบวนท่าเมื่อครู่จนหมอบมิ่งขวัญก็นอนแผ่อย่างไร้ทางสู้แล้วถูกสั่งสอนว่า
“ถ้าเมื่อกี้เป็นดาบจริงหัวเธอคงได้กระเด็นไปแล้ว”
กลับมายังปัจจุบัน
มิ่งขวัญพุ่งตัวเข้าไปหาลิเธียมซึ่งเป็นคนละทิศกับอิงศรทำให้แบเรียมที่มาขัดขวางไหวตัวไม่ทันจึงหยุดไม่ได้
มิ่งขวัญแทงเรเปียเข้าไปขัดตรงซอกที่ลิเธียมสอดดาบเข้าไปแล้วตวัดให้ดาบหลุดออกมา
ลิเธียมจึงปล่อยคอเมษาแล้วดีดตัวกระดอนไปอีกฟากทำให้มีแต่เมษาที่ล้มหน้าคะมำพื้นไป
“เอาเข้าไป
คนที่พัฒนาขึ้นดันเป็นเธอแทนงั้นเรอะมิ่งขวัญ”
ลิเธียมเงยหน้าขึ้นสบตากับมิ่งขวัญด้วยใบหน้าที่เหมือนเป็นฝาแฝดกับเมษาซึ่งถูกกระชากแว่นตาประหลาดออกไปในตอนที่มิ่งขวัญสอดมือเข้ามายุ่ง
ซีเซียมซึ่งมองดูเหตุการณ์จนหยุดมือจากอิงศรไปครู่หนึ่งก็พูดว่า
“อ้าวๆ
ศิษย์จะล้างครูเหรอน้องแกเนี่ยใจถึงเหมือนกันนะเพราะเจ้าลิเธียมมันเป็นพวกบ้าการต่อสู้เข้าเส้นเลยชอบเก็บคนหน่วยก้านดีไปฝึกฝนให้แล้วก็ฆ่าทิ้งเพื่อความสำราญอยากจะอยู่ดูวาระสุดท้ายของน้องชายไหมล่ะถ้าอ้อนวอนหน่อยจะยอมให้ก็ได้นะเพราะฉันเองก็ทั้งรักทั้งหวงน้องชายไม่แพ้ใครเลยล่ะ
ฮะ ฮะ ฮะ”
พอได้ฟังแบบนั้นอิงศรก็กัดปากกระบอกปืนจนเกิดเสียงดังกรอดพลางส่งสายตาเกรี้ยวกราด
“…”
ไอ้หมอนี่มันดูถูกขวัญแล้วก็กำลังเยาะเย้ยเขา
ตอนที่คิดว่าพอจะขยับมือได้ก็อาจจะเหวี่ยงธนูติดมีดบั่นคอไอ้ตัวหน้ามหมันไส้นี่ได้นั่นเอง
ก็กลับมีเมลล์เข้ามา
หน้าจอกระเด้งตัวเปิดออกดึงความสนใจทุกคนทีอยู่ที่นี่มาทางเดียวหมดได้อย่างน่าอัศจรรย์
แค่เมลล์ฉบับเดียวก็พอจะหยุดการต่อสู้ที่เกิดขึ้นได้เจ้าของเมลล์ซึ่งติดต่อหาอิงศรเวลานี้ควรจะได้รับเหรียญกล้าหาญเป็นรางวัลชมเชยเลยทีเดียว
เว้นก็แต่…
หรือว่าจะเป็นหมอนั่น
คนเดียวที่อิงศรพอจะนึกได้ในเวลาแบบนี้ก็มีแต่ซีลอร์ดบางทีเมลล์ฉบับนี้คงจะเป็นเมลล์แจ้งว่าใครจะตายอย่างนั้นสินะ
“เห
ใครล่ะเนี่ยส่งเมลล์หาแกได้จังหวะขนาดนี้ต้องขออ่านหน่อยแล้ว”
ซีเซียมพูดเรื่องบ้าสุดกู่อย่างการล่วงล้ำระบบเกมของชาวบ้านออกมาได้หน้าตาเฉยแต่มันคงทำได้แหละ
ก็หมอนี่เป็นผู้ที่สร้างเกมโลกาวินาศนี่ขึ้นมา
ตอนที่มือของซีเซียมแตะลงบนหน้าจอของเขาระบบก็ทำงานไปตามเรื่องตามราวเหมือนกับเป็นมือของเขาเอง
เจ้าจอมจุ้นนั่นเปิดเมลล์ออกอ่านซึ่งมันเป็นเมลล์แจ้งความตายอย่างที่คิด
ซีเซียมอ่านเมลล์นั่น
“อะไรล่ะเนี่ย
ตัวจับเวลาความตายของเพื่อนคุณมาถึงแล้วเวลาชีวิตที่เหลือของเธอและซีเซียมเหลืออีกสองวินาทีจากจีเอ็ม”
เนื้อหาค่อนข้างหน้าตกใจเป็นอย่างมาก
ดวงตาของอิงศรเบิกกว้างทันทีที่มันเป็นสารเตือนความตายของเขากับ…
คนที่ไม่ได้เป็นแม้แต่เพื่อนอย่างเจ้าฝาแฝดหน้ารำคาญ
เจ้าซีเซียมนี่ถูกทำนายว่าจะตายพร้อมกับเขา
“อะไรฟะ
ใครส่งเมลล์นี่มา? แล้วจีเอ็มนี่มันใคร?!”
ตอนที่ซีเซียมโวยวายเวลานับถอยหลังก็กลายเป็นศูนย์พอดี
ภาพแห่งความตายปรากฏขึ้น
อิงศรกับซีเซียมถูกฉีกเป็นชิ้นร่างของพวกเขาจมอยู่ใต้ซากหินจำนวนมหาศาล
“หา?”
ซีเซียมทำหน้าฉงนจากนั้นสีหน้าก็เปลี่ยนเป็นสีแห่งความเจ็บปวด
“อึก จีเอ็ม…เดี๋ยวก่อนไฮโดรเจน…ไม่สิแฟรนเซียมนี่แก”
แล้วเริ่มครวญครางคำพูดที่ปะติดปะต่อกันไม่ได้ออกมาพลางใช้มือข้างที่ว่างกุมขมับอย่างทรมาน
ครึก
จู่ๆ
เพดานข้างบนก็ส่งเสียงประหลาด มีเศษร่วงลงมาบนหัวของพวกเขา
ซีเซียมถอนปืนออกไปจากปากแล้วอิงศรจึงแหงนหน้าขึ้นมองเพดานห้อง
ทันใดนั้นเอง
เพดานก็ถล่มลงมา
“หลีกไป!”
ซีเซียมตะคอกแล้วปล่อยลูกเตะใส่หน้าอกเขาอย่างจังจนร่างกระเด็นออกจากจุดที่หินจะถล่มลงมาทับ
แต่ทำไมล่ะ?
ทำไมถึงช่วยเขา?
ถ้าแค่จะถีบตัวเพื่อหนีออกไปก็ไม่เห็นจะต้องใช้เขาเป็นแท่นเหยียบเลยก็ได้แบบนั้นเขาก็จะตายตามภาพทำนายนั่นแค่คนเดียว
หรือหมอนี่ก็เชื่อเรื่องภาพทำนาย?
เหมือนจะได้ยินพึมพำว่าไฮโดรเจนด้วย
เจ้าหมอนี่รู้จักกับซีลอร์ดเลยพยายามจะหลีกเลี่ยงทั้งหมดที่อาจจะทำให้ภาพแห่งความตายกลายเป็นจริง?
เพราะมนุษย์เป็นสิ่งมีชีวิตที่ต้องการเหตุผลดังนั้นอิงศรที่ต้องการเหตุผลว่า
ใย...ซีเซียมถึงได้ช่วยเขา
ถึงได้คิดเป็นบ้าเป็นหลังเพื่อหาเหตุผลที่ตัวเองจะยอมรับได้ขณะที่ร่างยังลอยเคว้งกลางอากาศ
หรือจะเป็นเหตุผลประมาณว่าคนที่จะเก็บแกได้คือข้าเท่านั้น
อะไรแบบนี้ล่ะ
เอาเป็นว่าแบบนั้นแหละ
อิงศรยอมรับเหตุผลทีทึกทักเอาเองอันนั้นอย่างง่ายดายเพราะไม่มีเวลาให้คิดหาเหตุผลอื่นอีกแล้วยังไงซะขอแค่มีเหตุผลก็พอ
มนุษย์ก็จะยอมรับมันได้ทันที
จากเพดาน...ภายในกลุ่มหินที่ถล่มลงมามีเงาบางอย่างแฝงตัวมาด้วย
ซีเซียมชักปืนอีกกระบอกแล้วยิงใส่ซากเพดานที่กำลังตก
เสียงปืนลั่นสองกระบอกดังระรัว
ซากเพดานถูกทำลายลงแผ่นแล้วแผ่นเล่า
แต่เงาที่แฝงตัวอยู่ในนั้นกลับไม่เป็นอะไรเลย
มันโฉบออกมาแล้วฆ่าหุ่นพยนต์กับมังกรกระดูกที่ทรงพลังจนอิงศรเอาไม่อยู่ได้ด้วยการโจมตีเพียงครั้งเดียว
รวดเร็วฉับไวจนมองตามไม่ทันว่าเกิดอะไรขึ้น
บางทีภาพแห่งความตายคงจะมีสาเหตุเป็นเจ้าเงานั่นเพราะพวกมังกรกระดูกถูกฉีกเป็นชิ้นก่อนจะสลายไป
“ไม่ยอมให้ที่พำนักของผู้กอบกู้ต้องแปดเปื้อนหรอกเจ้าพวกบุตรแห่งแสงกับบุตรแห่งมนุษย์เอ๋ยจงทอดตาของพวกเจ้าดูซะนี่คือผู้มาโปรด
คือกัลกี คือนารายณ์!!”
แล้วเงานั่นก็ปรากฏโฉมแก่สายตา
พญาครุฑนั่นเอง
แล้วที่เบื้องหน้าของมัน
ร่างหนึ่งซึ่งลอยตัวลงมาจากรูกลวงบนเพดาน
อิงศรจ้องมองร่างนั้นด้วยสายตาเหลือเชื่อ
“นรินทร์”
***อาทิตย์หน้าเจอกันใหม่วันพุธนะคร้าบบ****
ความคิดเห็น