ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    Apocalypse Online เกมโกงวันโลกาวินาศ

    ลำดับตอนที่ #133 : Login 130: ห้าศาสตราแห่งใต้หล้า

    • เนื้อหานิยายตอนนี้เปิดให้อ่าน
    • 309
      11
      20 ก.ค. 60

    Login 130: ห้าศาสตราแห่งใต้หล้า

     

                ‘มาเธอ์ฮาลอทเหรอนึกไม่ถึงเลยนะว่านอกจากยัลดาเบาธ์แล้วยังจะมีปีศาจตัวอื่นพ่วงมาด้วยแบบนี้’

                ซากิริที่อยู่บนหน้าจอคอมฯพูด

                ตอนนั้นเองหัวหนึ่งของไฮดร้าก็ชูขึ้นแล้วอ้าปากกว้างพ่นสายธารเพลิงลงมา

                ฟูกับโซเดียมเป็นสองคนแรกที่ขึ้นไปรับมือ

                “ทำอย่างที่บอกไว้เมื่อกี้เลย”

                ราชครูสาวพูดเหมือนส่งสัญญาณให้กับฟูดูเหมือนทั้งสองจะตกลงกันมาก่อน

                ทั้งคู่ร่ายสกิล

                “เยลโล่วโซล!” “เยลโล่วโซล”

                ทันใดนั้นร่างก็เปล่งแสงออร่าสีเหลืองอ่อนๆ ตัวเลขพลังชีวิตสูงสุดบนหัวของทั้งสองคนเพิ่มขึ้นมาประมาณหนึ่ง

                แล้วก็บุกตะลุยไฟเข้าไปทั้งอย่างนั้นโดยพยายามปกป้องส่วนใบหน้าเอาไว้ ปล่อยให้ไฟแผดเผาร่างโดยไม่สนใจว่าพลังชีวิตจะลดลง

                เป็นกลยุทธ์เอาตัวเข้าแลกที่บ้าบิ่นไม่น้อยแต่ก็ได้ผลเป็นอย่างดี สกิลที่พวกนั้นร่ายคลุมตัวเอาไว้ช่วยเพิ่มพลังชีวิตให้มากขึ้นและยังเร่งอัตตราการฟื้นฟูไปในตัวนอกจากนี้พลังป้องกันของฟูเองก็ไม่ธรรมดาจากรูปแบบของการบิลด์คลาสและสายอาชีพทำให้แทบจะลุยไฟได้อย่างไม่สะทกสะท้าน

                แต่โซเดียมก็ยังเหนือไปกว่านั้นพลังชีวิตของหล่อนไม่ลดต่ำลงไปกว่าเดิมราสกับว่าไฟทำอะไรหล่อนไม่ได้พลังป้องกันระดับราชครูสูงถึงขนาดนั้น

                ทั้งสองคนลุยจนเข้าไปยืนอยู่ใต้ปากไฮดร้าหัวนั้น หัวอื่นๆ ก็ตามเข้ามาจัดการแต่ก็ถูกฟูเหวี่ยงค้อนซัดจนกระเด็นออกไปหมด

                โซเดียมกระโดดเพียงครั้งเดียวก็ขึ้นไปอยู่เหนือศีรษะไฮดร้าจากนั้น…

                “โพไซดอนแสต็ป!”

                ร่ายสกิลห่อหุ้มมือด้วยสามง่ามน้ำแล้วดิ่งลงมาพร้อมกับตวัดมือตัดลำคอของไฮดร้าขาดสะบั้นไฟที่มันพ่นออกมาจึงหยุดไปด้วย

                ส่วนของลำคอที่เหลือติดอยู่กับตัวสะบัดดิ้นไปมาทุรนทุรายน่าดู

                การโจมตีเริ่มจะมีผลแล้ว…อิงศรคิดอย่างนั้น ไม่เหมือนกับตอนที่มันยังคงรูปเป็นม้าหมุนในตอนนั้นการโจมตีไม่ส่งผลอะไรกับมันเลย ถ้าหากเป็นอนนี้ควเอาชนะได้แล้ว

                แต่ทว่า

                ส่วนของศีรษะไฮดร้าที่ขาดกระเด็นไปนั้นกลับระเหยเป็นไอแล้วลำคอที่ดิ้นพล่านอยู่ก็งอกหัวขึ้นมาใหม่

                เหมือนกับในตำนานไม่มีผิด ไฮดร้าถึงจะตัดหัวทิ้งไปก็ยังงอกใหม่ได้ แต่นั่นก็คาดเอาไว้แล้วว่าน่าจะเป็นไปได้

                ฟูกับโซเดียมถูกหนึ่งในหัวเหล่านั้นกระแทกจนถอยกระเด็นมาถึงตรงนี้

                “เหวอ”

                ฟูร้องเสียงหลงระหว่างที่ลอยมาก่อนจะทุบค้อนลงไปบนพื้นเพื่อยึดเป็นหลักให้ตัวเอง ส่วนโซเดียมนั้นพลิกตัวกลางอากาศกลับมายืนได้อย่างสบายๆ 

                “งั้นลองเจอแบบนี้หน่อย”

                อิงศรเปลี่ยนหน้าไม้กลับไปเป็นคันธนูแล้วล้วงมือเข้าไปในแขนเสื้อแต่ยันต์ที่สอดเก็บไว้ใช้ไปหมดแล้วจึงเปลี่ยนไปดึงเอาจากกระเป๋ากางเกงแทน

                ยันต์สิบแผ่นถูกกำขณะล้วงขึ้นมาจนอยู่ในสภาพยับยู่ยี่

                “ดราโคเม็ท”

     

    [Dracomet Lv(2/2)

    Element: Fire, Dragon, Star

    Attribute: Projectile, Special Attack

    (Cast Cost) 'ยันต์อาคม' 10 แผ่น; สร้างลูกศรอาคมแห่งมังกรดาราจุติทำให้เกิดฝนดาวตกโจมตีพื้นที่บริเวณหนึ่ง]

     

                เมื่อร่ายสกิลแล้วยันต์ทั้งสิบแผ่นก็ลุกไหม้ด้วยเพลิงสีฟ้า

                เปลวไฟไหลจากมือวนพันรอบแขนและขยายตัวเป็นลูกศรที่มีหัวเป็นมังกร

                อิงศรขึ้นลูกศรบนคันธนูพลางกะตำแหน่งกับองศาทิศการตกแล้วปล่อยสายดีด

                ลูกศรมังกรทะยานขึ้นไปข้างบน แตกตัวออกเป็นฝนดาวตกร่วงหล่นใส่พื้นในบริเวณที่เล็งเอาไว้ บนตัวของปีศาจ เป้าหมายมีขนาดใหญ่ยังไงก็ไม่มีทางพลาดและที่เล็งเอาไว้ก็คือทารกปีศาจที่น่าจะเป็นร่างต้นหรือจุดอ่อนของมัน

                โครงกระดูกที่อุ้มจอกกับทารกดึงตัวเด็กเข้าไปแนบไว้ใต้กระดูกซี่โครงแล้วให้หัวของไฮดร้าย้ายขึ้นมาซ้อนกำบังเป็นชั้นๆ

                ดาวตกร่วงใส่ เกิดระเบิดอย่างรุนแรงฉีกหัวของไฮดร้าขาดกระจัดกระจายแต่เศษซากเหล่านั้นก็ระเหยเป็นไอจนเกิดหมอกควันปกคลุมบริเวณโดยรอบ

                เมื่อควันจางลงลำคอของไฮดร้าก็ขาดไปหมดแล้วโครงกระดูกถูกทำลายครึ่งบนจนเหลือแต่ตักที่หนีบจอกเอาไว้ ตอนนั้นเองทารกปีศาจก็ชี้นิ้วไปทางที่กวินทร์ยืนแล้วใช้กลวิธีบางอย่างทำให้ ลูกไฟยูนิททั้งสี่สีที่ลอยห้อมล้อมใบดาบของรุ่นน้องลอยออกมา

                “อุหวา ยูนิทมัน...”

                กวินทร์พยายามไล่จับยูนิทที่กำลังลอยหนีแต่ก็คว้าไม่ทัน

                ทารกปีศาจอ้าปากรอจนยูนิทของกวินทร์ลอยเข้าไปและกลืนมันจากนั้นก็ส่งเสียงพึมพำ...

                มันกำลังร่ายสกิล?

                ไม่ทันที่อิงศรจะได้ตีความโครงกระดูดก็เริ่มสร้างตัวขึ้นมาใหม่เช่นเดียวกับหัวของไฮดร้าที่กำลังงอกตาม

                ‘ถึงการเปิดเผยตัวจริงจะทำให้โจมตีได้ผลแล้วก็เถอะแต่ดูเหมือนจะฟื้นฟูตัวเองได้นะที่แย่ไปกว่านั้นก็ไอ้ที่ดูดยูนิทคนอื่นไปใช้นี่มันออกจะน่าเกลียดไปรึเปล่า’

                อย่างที่ซากิริพูดการฟื้นฟูร่างกายนั่นไม่ใช่ปัญหาใหญ่อะไรแค่ทำลายมันให้ได้ก่อนจะฟื้นฟูก็พอ เพราะเท่าที่ดูแล้วพลังป้องกันไม่ได้ดีเด่นอะไรนักแต่การที่มันสามารถขโมยยูนิทได้ทำให้การใช้ท่าใหญ่ๆ เพื่อปิดฉากเป็นเรื่องยาก

                ช่วงที่กำลังชุลมุนกับความสามารถของปีศาจอยู่นี่เองที่กวินทร์เริ่มเคลื่อนไหว

                เด็กหนุ่มกัดฟันกรอดแสดงความโกรธที่ถูกปีศาจใช้ประโยชน์

                “หนอย ลองเจอนี่หน่อยเป็นไง”

                ทั้งที่พูดเสียดิบดีว่าจะเอาคืนแต่กลับเปิดหน้าจอสกิลไล่อ่านทีละบรรทัดไม่วางตาราวกับนักเรียนสอบใบขับขี่เปิดแมมนวลอ่านระหว่างขับเลยทีเดียว

                แต่ก็เพราะสกิลที่ติดตั้งอยู่ตอนนี้เป็นบิลด์แบบที่ไทเทเนียมหรือฟ้ากมลพี่สาวลูกพี่ลูกน้องของกวินทร์เป็นคนจัดดังนั้นจึงมีสกิลที่ไม่รู้วิธีใช้ปนอยู่ด้วยหลายสกิล

                สกิลที่กวินทร์เลือกขึ้นมาอ่านในตอนนี้อิงศรแอบชะเง้อมองเห็นมา สกิลไม้ตายประเภทแปลงร่างของสายอาชีพเวพ่อนเอนแชนท์เตอร์ เวพ่อนไนซ์สกิล

                รุ่นน้องร่ายสกิลทันทีที่อ่านรายละเอียดจบ

                “เวพ่อนไนซ์เท็งกะโกะเคน!”

                น่าแปลก...อิงศรตั้งข้อสังเกตด้วยความใคร่รู้ จากที่เห็นผ่านมิ่งขวัญกับฟ้ากมลใช้สกิลเวพ่อนไนซ์ของไชนิ่งเอนฟอร์ซเซอร์กับชาโดว์เอนฟอร์ซเซอร์มาแล้วทั้งคู่ต่างก็ต้องการเงื่อนไขในการร่ายที่แตกต่างกันไป

                ของมิ่งขวัญต้องการอาวุธที่มีการเสริมพลังธาตุแสงในระดับหนึ่ง

                ของฟ้ากมลก็เป็นการทำลายอาวุธเงาในจำนวนที่กำหนดและใช้ยูนิทสีดำที่เตรียมไว้กำหนดจำนวนอาวุธที่จะได้รับหลังจากร่ายสกิล

                แต่กวินทร์กลับละเลยเงื่อนไขเหล่านั้นและร่ายสกิลทันที เวพ่อนไนซ์ของเอเลเมนทัลเอนแชนท์เตอร์ สามารถทำแบบนั้นได้อย่างนั้นหรือ?

                ทว่าก็ไม่มีอะไรเกิดขึ้นหลังจากที่ร่ายสกิล

                “…”

                กวินทร์ทำหน้างุนงงกับสิ่งที่เกิดขึ้น ท่าทางว่าจะต้องเข้าไปช่วยเสียแล้วกระมัง

                ตอนนั้นเองเสียงของพลอยที่จะเตือนเรื่องเตรียมฟื้นฟูพลังก็ดังขึ้นมา

                “ทุกคนจะฮีลแล้วนะ!!”

                การที่ประกาศแบบนั้นหมายความว่าเตรียมการให้มิ่งขวัญรับดาร์คฮีลเสร็จเรียบร้อยแล้ว

                ช่วงที่มัวแต่สังเกตกวินทร์อยู่นั้นทำให้ลืมไปแล้วว่าเวลาฟื้นฟูสกิลของพลอยวนครบรอบ

                พลอยตวัดดาบร่ายสกิล

                “ดาร์คฮีล”

                ออร่าสีดำทมิฬกำลังจะแผ่พุ่งและเยียวยาบาดแผลให้ทุกคน แต่แล้ว...

                “อ้าว”

                เด็กสาวส่งเสียงด้วยความประหลาดใจ แต่ว่ามันไม่มีอะไรเกิดขึ้นแม้ว่าสกิลดาร์คฮีลจะเริ่มนับเวลาฟื้นฟูใหม่แล้วก็ตาม

                หมายความว่าสกิลได้ร่ายออกมาแล้วแต่ถูกทำให้หายไปอย่างนั้นหรือ?

                “น..นี่มันเกิดอะไรขึ้นล่ะเนี่ยทำไมไม่ออกมาล่ะ”

                พลอยแกว่งดาบไปมาแต่ก็ไม่มีอะไรเกิดขึ้น ขณะเดียวกันที่แนวโจมตีหลักโซเดียมก็เริ่มจะเอาจริงขึ้นมา

                ก่อนหน้านี้ราชครูสาวได้ร่ายสกิล ‘เร้ดโซล’ ซึ่งเป็นอาคมเสริมพลังโจมตีกับเพิ่มความเร็วคลุมกายเอาไว้ทำให้มีแสงสีแดงอ่อนๆ ปกคลุมตัวร่วมกับออร่าสีเหลืองอร่ามจาก ‘เยวโล่วโซล’ และตอนนี้หล่อนก็ร่ายสกิลระดับสูงขึ้นไปอีก

                “เร้ดวอริเออร์!”

                สกิลที่ช่วยเพิ่มอำนาจของเร้ดโซลให้กลายเป็นสองเท่า

                “…”

                อนิจจา...เหตุการณ์แบบเดียวกับที่เกิดขึ้นพลอยดันเกิดซ้ำกับหล่อนด้วย ออร่าสีแดงที่เหมือนจะเริ่มเปล่งประกายยิ่งขึ้นกลับอ่อนลงและกลับไปเป็นเหมือนไม่มีอะไรเกิด

                ความแปลกประหลาดนี้ได้สร้างจังหวะให้กับปีศาจได้เปิดฉากจู่โจมเข้ามาในตอนที่พวกเขากำลังเป็นงงกับเรื่องที่เกิดขึ้นนี่เอง

                “ก๊าซซซ”

                ไฮดร้าส่งเสียงคำรามแล้วชะเง้อชูคอพ่นสายธารเพลิงรดลงมา ทันใดนั้นมิ่งขวัญในร่างอัศวินทองคำโกลด์กาแลนต์ก็บินโฉบเข้ามาขวางเส้นทางเพลิงพลางตั้งโล่ในมือขึ้น

                “โฟตอนการ์ด”

                อาณาเขตแสงขยายวงรัศมีจากโล่ครอบคลุมด้านหน้าของกลุ่มได้ทั้งหมด อำนาจของอาณาเขตแสงจะช่วยผ่อนหนักเป็นเบาพลังไฟนี้คงจะทำร้ายพวกเขาไม่ได้

                “…”

                ทว่าไฟทั้งหมดสลายหายไปราวกับอากาศธาตุเสียก่อนที่จะพุ่งมาอาณาเขตแสงและที่สำคัญยิ่งไปกว่า

                “นี่มันเกิดอะไรขึ้น?”

                อาณาเขตแสงเองก็หายไปจนมิ่งขวัญต้องสบถอย่างใคร่รู้

                ถึงตรงนี้อิงศรก็เบี่ยงสายตาไปที่กวินทร์

                คิดว่ารู้ต้นตอของเหตุการณ์ประหลาดทั้งหมดแล้ว ดังนั้นอิงศรจึงเดินดุ่มๆ เข้าไปดึงคอเสื้อกวินทร์

                “หวา มีอะไรครับพี่...”

                ก่อนที่จะทันได้ถามก็มีอะไรบางอย่างบินออกมาจากหลังคอเสื้อที่ถูกอิงศรดึง

                เป็นป้ายไม้วงกลมขนาดเท่าฝ่ามือที่มีรูปแกะสลักนูนเป็นใบหน้าพยัคฆ์กับลูกประคำจำนวนห้าเม็ดประดับรอบป้ายแต่ละเม็ดมีสีแตกต่างกันไป สีแดง สีฟ้า สีเขียว สีทอง และสีเทา

                อิงศรตวัดมืออย่างรวดเร็วจนคว้าป้ายไม้นั่นมาได้

                “ปล่อยข้าเดี๋ยวนี้นะ”

                มีเสียงดังออกมาจากป้ายไม้แถมยังขยับดิ้นหนีได้อีกต่างหาก

                “แกใช่ไหมตัวทำคนอื่นเขาวุ่นวายกันไปหมด”

                อิงศรถามตามที่เห็น ทุกครั้งที่เกิดเหตุการณ์อะไรซักอย่างหายไปหลังคอเสื้อกวินทร์จะมีแสงกระพริบแวบวาบออกมาคิดว่านั่นคงจะเป็นฝีมือของป้ายไม้ประหลาด

                ใบหน้าพยัคฆ์ขยับปากพูดตอบโต้มาอย่างฉุนเฉียวว่า

                “สามหาวอย่ามากล่าวหากันง่ายๆ สิมีหลักฐานอะไรรึเปล่า”

                พอได้ฟังที่พูดจนหมดแล้วอิงศรก็จับป้ายไม้ด้วยสองมือแล้วดัดมันเบาๆ

                “โอ้ย โอ้ย โอ้ย พอแล้ว พอแล้ว เดี๋ยวข้าก็หักกันพอดี”

                อิงศรปล่อยมือ

                ป้ายไม้ลอยอย่างอ้อยอิ่งจนไปอยู่ในมือกวินทร์

                “หมอนี่มันตัวอะไรกันล่ะเนี่ย”

                รุ่นน้องจ้องมองป้ายประหลาดตาโตแสดงออกมาอย่างชัดเจนว่าเจ้าตัวไม่รู้ที่มาของมัน

                ป้ายไม้เริ่มพูดกับกวินทร์

                “ข้าก็คือเท็งกิมารุที่เจ้าเรียกออกมายังไงล่ะเจ้าหนู”

                “เท็งกิมารุ...จะว่าไปก็มีชื่อนี้เขียนอยู่ในรายสกิลของเท็งกะโกะเคนอยู่นะบอกว่าให้เติมเต็มเงื่อนไข”

                กวินทร์พูด

                “ใช่แล้ว เมื่อประกาศใช้จะเป็นการเรียกข้าออกมาการเติมเต็มจะต้องให้ข้าได้กินกิริยาห้าอย่าง”

                เมื่อได้ยินที่ป้ายไม้กล่าวมาก็เริ่มจะเชื่อมโยงอะไรได้ขึ้นมาบ้าง

                ป้ายไม้ยังคงพูดต่อไป

                “นั่นก็คือ การฟื้นฟู การเสริมพลัง การโจมตี การป้องกัน แล้วก็การหลบหลีก”

                จากนั้นอิงศรก็แทรกเข้าไปเสริมว่า

                “ที่ถูกทำให้หายไปเมื่อกี้คือ การฟื้นฟูของพลอย การเสริมพลังของเอเลี่ยน การโจมตีของปีศาจ แล้วก็ การป้องกันของขวัญ งั้นที่เหลือก็การหลบหลีกสินะ”

                ป้ายไม้ขยับขึ้นลงเหมือนจะตอบรับคำพูดของเขา

                “แม่นแล้วถ้าข้ากินครบห้าอย่างก็อัญเชิญศาสตราแห่งใต้หล้าสำเร็จยังไงล่ะ”

                จากที่ฟังมารวมกับที่ประเมินเอาไว้แล้ว ถ้าอย่างนั้นการจะทำให้ท่าไม้ตายร่ายได้สมบูรณ์ก็ง่ายนิดเดียว

                อิงศรพูด

                “กวินทร์เดี๋ยวจะต่อยนะ หลบด้วยล่ะ”

                แล้วง้างกำปั้นเตรียมจะซัด

                “เอ๋..เดี๋ยวก่อนสิครับ จู่ๆ ก็”

                ซัดกำปั้นออกไปแล้ว...

                กวินทร์เอี้ยวตัวหักหลบตอบสนองต่อหมัดของเขาอย่างทันท่วงที แน่นอนว่านี่ออมแรงกับความเร็วเอาไว้เพื่อให้หลบได้หากเอาจริงกวินทร์ที่เอาแต่ทำหน้าเหวออยู่จนถึงเมื่อครู่คงได้กินกำปั้นเข้าไปเต็มรัก...

                “อัก”

                จู่ๆ ลำตัวที่เอี้ยวหลบไปแล้วของกวินทร์ก็เกิดดีดตัวจนกลับมาอยู่ในจุดเดิมทำให้หมัดกระแทกถูกใบหน้าจังๆ

                “อะฮ้า ทีนี้ก็ครบแล้ว”

                ป้ายไม้ตอบสนองอย่างเริงร่า ลูกประคำเม็ดที่มีสีเทาเปลี่ยนเป็นสีน้ำตาลเข้มในเวลาเดียวกัน

                “เจ็บรึเปล่า”

                อิงศรถามแม้จะมั่นใจที่ตัวเองออมแรงกับพยายามเลี่ยงไม่ให้หมัดกระแทกโดยตรงแล้วก็ตาม

                กวินทร์ยังคงอังมือในบริเวณที่โดนชกด้วยใบหน้ามึนงงพลางพูดว่า

                “เอะ..ไม่เจ็บแฮะ”

                แล้วปล่อยมือจากตรงนั้น ไม่มีร่องรอยจากากรชกเกิดขึ้นเลย การยั้งมือทำได้อย่างสมบูรณ์แบบ

                ป้ายไม้พูด

                “เจ้าหนูตอนนี้ก็เอาข้าเสียบกับดาบของเจ้าแล้วดึงลงไปให้ถึงกั้นดาบนะ”

                กวินทร์พยักหน้าให้คำพูดนั้นแล้วจึวคว้าเอาป้ายไม้หันเอาด้านหลังเสียบเข้าที่ปลายดาบ หน้าพยัคฆ์บนป้ายอ้าปากให้ใบดาบลอดผ่าน กวินทร์ดึงป้ายลงมาจนชนกับที่กั้นดาบ

                ทันใดนั้น กวินทร์ก็ตวัดดาบออก ปุบปับเสียจนหวิดเกือบจะฟันโดนเขาไปด้วย

                “หวา ขอโทษครับมือมันไปเองอ่ะ เดี๋ยวเซ่นี่มันอะไรกันเนี่ย”

                กวินทร์เริ่มจะตั้งท่าแปลกๆ ยกดาบขึ้นเหนือศีรษะตั้งให้ขนานกับพื้นแล้วปลายวางเฉียงลงพลางกางขายืนอย่างมั่นคงท่าร่างแบบนั้น…

                “ซามูไรเรอะ”

                อิงศรเปรยเขาจ้องมองท่วงท่านั้นด้วยใบหน้าเอือมระอาเล็กน้อยพลางก็คิดไปว่า…

                เป็นสกิลที่เรื่องมากน่าดูแถมยังขั้นตอนยุ่งยากถ้านี่อยู่ในระหว่างการต่อสู้ที่กระชั้นชิดกว่านี้คงได้กลายเป็นการฆ่าตัวตาย แต่ก็สมเหตุสมผลกับที่มันเป็นสุดยอดสกิลของสายนักเสริมพลังอาวุธจริงๆ นั่นแหละ

                ใบดาบของกวินทร์เปล่งแสง สกิลกำลังจะทำงานแล้ว

                เวพอนไนซ์ที่แท้จริงกำลังจะแสดงโฉมหน้าของมัน

                ตอนนั้นเองกวินทร์ก็กล่าวร่ายบทคาถาของสกิล

                “โมงยามแห่งตำนานจงขับขาน ดาบใหญ่วีระบุรุษจักฟาดฟัน ห้าดาบผ่าพิภพสวรรค์ ห้าศาสตราแห่งใต้หล้า”

                ทันใดนั้นทุกสรรพสิ่งรอบข้างก็หยุดเคลื่อนไหว เวลาถูกหยุดเอาไว้

                ฉากอวกาศถูกเขียนทับลงบนมิติอันมืดมิดจนแทบแยกจากกันไม่ออก

                โฮก!! เสียงคำรามเยี่ยงสัตว์ป่าดังสนั่นกึกก้องควบคู่มากับเสียงแหลมสูงเหมือนโลหะกำลังเสียดสีกัน

                พอมองตามเสียงขึ้นไปที่ด้านบนก็พบเครื่องทำสวนพยัคฆ์ ไม่สิ สิงโต…

                เครื่องทำสวนมีหัวเหมือนเสือแต่มีแผงคอดั่งสิงโต ลำตัวมีลายพาดกลอนเหมือนเสือโคร่ง ลวดลายเหล่านั้นส่องสว่างแสงสีขาวสะอาดเหมือนหลอดไฟ แต่แท้จริงแล้วเป็นช่องที่พ่นไฟสีขาวออกมา

                ขณะที่มันวิ่งจะเหมือนกับมีไฟลุกท่วมตัว แผงคอของสิงโตหมุนควงอยู่ตลอดเวลา มันวิ่งลงมาแล้วไปอ้อมหลังปีศาจ อ้อมหลังพวกพลอย พอมันวิ่งอ้อมกลับมายืนด้านหลังกวินทร์ก็ส่งเสียงคำรามอีกครั้ง

                ‘นี่คือพลังที่สร้างอดีตไว้เป็นตำนานหากยอมรับมันไว้ร่างของเจ้าจะฉีกเป็นชิ้น หรือไม่เช่นนั้นก็จงกลายเป็นวีระบุรุษคนใหม่แล้วขนานนามแห่งใต้หลา’

                แผงคอพับเก็บไปทางด้านหลังแล้วกางใบหูเหมือนเสือขึ้นมาจากสิงโตกลายเป็นพยัคฆ์

                ทันใดนั้นเองรอบตัวกวินทร์ก็มีพลังแห่งธาตุทั้งห้าพวยพุ่งห้อมล้อมให้เห็นเป็นเปลวไฟสีแดง สีฟ้า สีเขียว สีน้ำตาลเข้ม และ สีทอง

                กวินทร์ขานตอบรับคำท้าทายของเครื่องสวน ประกาศชื่อสกิลที่ร่ายค้างไว้เพื่อให้มันสมบูรณ์

                “เวพอนไนซ์! เท็งกะโกะเคน”

     

     [Weaponize! Tenka Goken  Lv(1/1)

    Element: Nature

    Attribute: Ultimate, Transform, Nature, Awakening

    (Release Condition) เติมเต็มพลังแห่งธาตุให้กับเท็งกิมารุ , ร่าย ‘โมงยามแห่งตำนานจงขับขาน ดาบใหญ่วีระบุรุษจักฟาดฟัน ห้าดาบผ่าพิภพสวรรค์ ห้าศาสตราแห่งใต้หล้า’;

    ขณะร่ายสกิลนี้จะไม่ถูกขัดขวางและไม่ได้รับดาเมจ , ล้างสถานะทั้งหมดออกแล้วTransform (Transform: ไม่ถือเป็นสถานะ ไม่มีระยะเวลาคงอยู่ ไม่สามารถถูกล้างได้ ไม่ถูกยกเลิกหรือทำให้ไร้ผล)

    “Tengeki” พลังแห่งฟ้าจะสถิต ณ ดาบใต้หล้า เปลี่ยนธาตุที่ต้องการได้จากธาตุแห่งธรรมชาติทั้งห้า

    “Hissatsuwaza” ปลดปล่อยท่าไม้ตายตามธาตุในดาบ; รับพลังจากอวตารแห่งนักษัตรพยัคฆ์แล้วสวมใส่เครื่องเคราแห่งตำนานจับดาบใต้หล้าขึ้นฟาดฟันพิชิตแผ่นดินสวรรค์]

     



                กวินทร์ตวัดดาบแล้วพลังทั้งห้าธาตุที่ห่อหุ้มตัวก็พากันกระจัดกระจาย

                แวบหนึ่งที่มองเห็นเหมือนไฟธาตุจับตัวรวมกันเป็นอักขระเหมือนเป็นตัวหนังสือเอฟเฟคในการ์ตูนก่อนจะสลายไป เครื่องทำสวนก็หายไปเช่นกัน มิติท่าไม้ตายถูกยกเลิกแล้ว

                กวินทร์ที่ปรากฏตัวออกมาจากสุมไฟซึ่งกระจัดกระจายไปนั้นได้สวมชุดเกราะญี่ปุ่นสีเขียวเข้ม ตัวดาบที่เป็นอาวุธก็มีหน้าตาเปลี่ยนไป ใบดาบหนามีรอยแหว่งจันทร์ครึ่งดวงที่ปลายดาบ ด้ามจับเป็นเครื่องจักรมีปุ่มควบคุมเรียงกันเป็นแผง พ่วงมาด้วยผ้าคาดหัวสีดำอีกผืนหนึ่ง

                นี่คือเวพ่อนไนซ์ของเอเลเมนทัลเอนแชนท์เตอร์…ดูจะแปลกกว่าอันอื่นในสายเดียวกันอยู่พอสมควรแล้วก็แฝงไว้ด้วยพลังที่คาดไม่ถึง

                ระหว่างที่อิงศรกำลังประเมินอยู่นั่นเองความอลังการของสกิลก็ได้ชักชวนให้ปีศาจหันเหความสนใจมาเช่นกัน ไฮดร้าสามตัวกำลังเลื้อยมาทางนี้

                เห็นดังนั้นแล้วกวินทร์ก็ย้ายขึ้นมาขวางหน้าเขาด้วยจุดประสงค์ที่เดาได้ง่าย

                “อยากจะลองของแล้วสินะ”

                ถึงจะพูดเหน็บแนมไปแต่ใจของเขาก็อยากเห็นพลังของมันเหมือนกันอาวุธที่เกิดจากท่าไม้ตายของผู้เสริมพลังอาวุธจะมีฤทธิ์เดชขนาดไหน

                ไฮดร้าเปลี่ยนจากเลื้อยเป็นพุ่งเข้ามาและอ้าปากอวดเขี้ยวคมกริบที่เรียงรายอยู่เต็มปาก แต่แค่นั้นข่มขู่พวกเขาไม่ได้หรอก

                ใช่ แค่เฉพาะเขากับกวินทร์ที่ไม่ได้หวาดกลัวแต่ดาบของกวินทร์ดูเหมือนจะไม่คิดแบบนั้น

                “คมเขี้ยววารีพิชิตเภทภัย โอเทนตะ มิทสึโยะ”

                ดาบส่งเสียงขึ้นมาจากนั้นกวินทร์ก็พลิกดาบไม่สิ เหมือนถูกดาบชักนำไปมากกว่า

                เหวอ!”

                ข้อมือของกวินทร์ถูกดึงจนพลิกตาม ตัวดาบหันปลายลงกับพื้นขณะที่ปลดปล่อยลูกแก้วแสงสีตามธาตุออกมาห้าลูกรายล้อมเป็นวงแหวนรอบปลายดาบ ลูกแก้วสีฟ้าของธาตุน้ำเลื่อนตัวไปหยุดอยู่ในช่องรอยแหว่งพอดีแล้วสลายไป

                ใบดาบเปลี่ยนเป็นสีฟ้าตามสีของลูกแก้วจากนั้นก็เริ่มเคลื่อนที่ด้วยตัวเอง ไถลไปบนความว่างเปล่าและปล่อยสายน้ำออกมาราวกับกำลังโต้คลื่นยิ่งไปกว่านั้นยังมองเห็นว่ามีตัวหนังสือเอฟเฟคเขียนว่า ซ่า ลอยออกมา

                เฮ้! เดี๋ยวจะไปไหนน่ะศัตรูอยู่ทาง...บุ๋ง

                เมื่อดาบเคลื่อนที่เร็วขึ้นสายน้ำก็ถูกพัดกระฉอกใหญ่จนกลายเป็นคลื่นอัดใส่กวินทร์ที่ถูกลาก รวมถึงคลื่นน้ำยังสาดใส่ไฮดร้าไปด้วย

                ครั้นเมื่อสัมผัสถูกน้ำหัวของไฮดร้าก็สลายตัวกลายเป็นควันในพริบตาราวกับดวงไฟกำลังดับมอด

                นี่พวกมันแพ้น้ำงั้นเหรอ

                อิงศรรำพึงกับตัวเอง ระหว่างนั้นก็มีเสียงของกวินทร์ที่ถูกลากไปดังแว่วมา

                หันกลับไปเซ่ จะหนีไปไหนของนาย!!”

                อิงศรละความสนใจจากกวินทร์ไปเพราะเน็กส์กำลังวิ่งโดยที่ถือเครื่องคอมฯมาทางนี้

                ซากิริที่อยู่ในคอมพูดว่า

                วิเคราะห์จุดอ่อนกับความสามารถของมันได้หมดแล้วถ้าจัดการทารกที่อยู่ตรงนั้นได้มันก็จะฟื้นฟูปีศาจที่อยู่รอบๆ ตัวไม่ได้

                อย่างงั้นเองเหรอ ดีล่ะมีแผนแล้ว

                อิงศรเรียกหน้าจอสื่อสารของปาร์ตี้ขึ้นมาแล้วกระจายคำสั่ง

                ทุกคนฟังนะจากนี้ไปเราจะจัดการกับทารกที่อยู่บนตัวปีศาจนั่น กวินทร์นายก็รีบกลับมาได้แล้วต้องใช้พลังน้ำของนาย

                เสียงตอบกลับจากกวินทร์เป็นเสียงท้อแท้เหมือนกับจะคร่ำครวญ

                แต่เจ้าดาบนี่มันไม่ยอมฟังผมเลยง่า

                บอกมันซะว่าถ้าไม่กลับมาหลังจากเชือดปีศาจนี่ฉันจะหักมันเป็นสองท่อน

                อิงศรกล่าวอย่างเยียบเย็นและแฝงความอำมหิต ครู่เดียวเท่านั้นก็เริ่มจะได้ยินเสียงร้องเหวอของกวินทร์พร้อมทั้งเสียงแหวกผ่านสายน้ำดัง ซ่า ซ่า กลั้วกันมา

                ดาบลากกวินทร์มาจอดอยู่ไม่ไกล

                กลับมาแล้วอย่าจับข้าหักเลยนะ

                แล้วส่งเสียงออดอ้อน แต่อิงศรก็หาได้สนใจไม่ เขาเริ่มสั่งคนอื่นต่อเพื่อให้ดำเนินแผนการ

                ขวัญ ฟู มิกซ์แล้วก็เอเลี่ยน พวกนายจะเป็นหน่วยโจมตีตอนนี้ให้ล่อมันไว้ก่อน พอฉันให้สัญญาณแล้วใช้สกิลแรงที่สุดที่ไม่ต้องพึ่งพายูนิทอัดมันให้เละเลยเข้าใจนะ

                มีเสียงตอบรับกลับมาแล้วสี่คนที่ว่าก็เริ่มจับกลุ่มกันออกไปล่อทางศัตรู อิงศรเรียกพลอยเป็นคนถัดมา

                พลอยช่วยพานิวมารวมกับฉันทางนี้ที

                เมื่อพลอยมารวมกับทางนี้แล้วกลุ่มของเขาก็รวมเป็นห้าคน

                อิงศรพูด

                พลอย นิว เน็กส์ ถ้ามีสกิลธาราหรือมหาธาราก็ให้ติดตั้งเอาไว้ด้วย

                พลอยกับนิวเปิดหน้าจอสกิลขึ้นมาทำตามที่สั่งไปทันทีแต่เน็กส์กลับมองมาที่เขาแล้วถามว่า

                พี่ศรจะใช้สกิลน้ำกวาดพวกงูใช่ไหมฮะ

                ใช่

                อิงศรตอบ ความจริงแล้วจะใช้ดราโคเม็ทยิงซ้ำอีกรอบก็น่าจะทำลายปีศาจรอบตัวทารกได้ในคราเดียวแต่ยังต้องรอเวลาฟื้นฟูสกิลของอื่นที่มีอาณาเขตโจมตีเป็นวงกว้างก็ใช้ไปตั้งแต่ตอนที่มันยังไม่เผยตัวจริงยังต้องรอเวลาฟื้นฟูกันอีก

                ...

                เน็กส์ไม่ได้ซักไซ้ต่อเพียงแต่พยักหน้าให้แล้วเปิดหน้าจอจัดการสกิลเหมือนคนอื่น

                และแล้ว...

                แผนการก็เตรียมพร้อมในที่สุด

    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    นิยายที่ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×