คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #128 : Login 125: ย่างก้าวสู่สวรรค์
Login
125: ย่างก้าวสู่สวรรค์
ฟูกับมิกซ์กำลังจัดการย้ายศพของพิจิกที่ถูกแยกเป็นสองส่วนนำมาวางรวมกัน
ระหว่างที่กำลังเคลื่อนย้ายครึ่งที่เหลือมาวางข้างครึ่งที่ถูกบดติดพื้นจนแกะไม่ออกอยู่นั่นเอง
“เฮ้ย!
มิกซ์ขยับระวังหน่อยไส้มันจะไหลออกมาแล้วนะ!”
“ฟูนั่นแหละอย่ารีบเดินนักสิ…หวาๆ
สมองจะไหลแล้วนะ”
พลอยซึ่งยืนดูอยู่ก็ปิดตาเน็กส์กับนิวไว้แล้วตัวเองก็หลับตาปี๋พลางตะโกนต่อว่าทั้งสองคน
“นี่ตั้งใจกันหน่อยได้ไหมนั่นคนตายทั้งคนนะแล้วก็อย่าทำอะไรไหลออกมาจะได้ไหมน้องๆ
เขากลัวกันหมดแล้วเนี่ย”
“ปัดโธ่มันหนักเหมือนกันนะจะให้ทำไงได้เล่า”
ฟูพูดแล้วใช้มือเกาหัวด้วยความรำคาญและเพราะปล่อยมือไปข้างทำให้แรงแบกถูกผ่อนจนฝั่งมิกซ์เริ่มเอนเสียหลัก
เครื่องในที่มีอยู่แค่ครึ่งเดียวก็ไหลตกลงบนพื้นดัง
แผละ!
พลอยกรีดร้องในทันที
“นี่พวกเธอทำอะไรตกใช่ไหมเนี่ย
ฉันก็บอกแล้วไงว่าให้ระวังน่ะ!!”
โดยที่ยังไม่ลืมตาดูว่าอะไรที่หล่นออกมา
แต่ก็ดีแล้วล่ะมั้งไม่งั้นคงได้เป็นลมแหง…อิงศรซึ่งสังเกตการณ์อยู่คิด
หนแรกเขากะจะทำเองเพราะเป็นคนออกความเห็น
อย่างน้อยก็ในฐานะมนุษย์ด้วยกันถึงเจ้านั่นจะเป็นพวกธุวดารกะแล้วก็นิสัยไม่น่าคบก็ตาม
อันที่จริงเขารู้สึกผิดอยู่นิดหน่อยที่ตอนเจอหน้ากันก็เอาแต่หนีจากหมอนี่ตอนที่กำลังขอความช่วยเหลือ
แต่มันก็ผิดตั้งแต่ที่มายังสนามรบแห่งนี้โดยเตรียมพลังมาแค่นั้นแล้ว
เห็นได้ชัดเลยว่าถูกเบื้องบนใช้เป็นเบี้ยทิ้งแล้วคนที่ทำแบบนั้นก็คงไม่ใช่ใครอื่นนอกจากกุมภา
บางทีสามเทวทูตนั่นอาจจะมีส่วนเกี่ยวข้องด้วย
แต่พวกฟูก็เสนอตัวเข้ามาช่วยเรื่องจัดการศพแทนเพราะอยากให้เขาได้มีเวลาดูแลกวินทร์
อิงศรนั่งลงข้างตัวกวินทร์ที่นอนไม่ได้สติอยู่บนพื้นในท่าชันเข่าข้างหนึ่งแล้วใช้มือลูบผมของรุ่นน้องอย่างเบามือ
รู้สึกสากที่มือเล็กน้อยเพราะเหงื่อผสมกับฝุ่นดินจากการต่อสู้ทำให้เส้นผมจับตัวกันเป็นก้อน
กวินทร์ Lv. 69
[/////8200:8200////]
พลังชีวิตของกวินทร์ฟื้นฟูเต็มเปี่ยมด้วยความช่วยเหลือของพลอยแต่จนบัดนี้ลมหายใจก็ยังไม่กลับมาแถมอุณหภูมิร่างกายยังเย็นราวกับคนตายอีก
แต่เขาไม่เชื่อว่ากวินทร์จะตาย
หมอนี่มีฟันเฟืองเหมือนกับเขาเรื่องนั้นเป็นที่แน่ชัดแล้วแถมยังทำให้อาคานาร์ตื่นขึ้นมาด้วย
ดูจากที่อาวุธของกวินทร์ไม่มีแอพพลิเคชั่นปีศาจหลงเหลืออยู่เลยเป็นไปได้ว่าทั้งแจ็คโอแลนเทิร์นและแจ็คฟรอสจะถูกใช้เป็นวัตถุดิบรวมร่างให้กับปีศาจจากอาคานาร์
แจ๊คสปริกกินส์
จากปากคำของซากิริปีศาจตนนั้นมีพลังในการทำให้สกิลท่าไม้ตายทำงานซ้ำอีกครั้งนั่นคงเป็นสาเหตุที่มีมือยักษ์ออกมาหยิบแรคน่าเบลดฟาดซ้ำลงมาที่นี่
รวมกับเรื่องที่มิกซ์เล่ามาว่าตอนที่เฟืองปรากฏขึ้นนั้นกวินทร์มีสภาพเหมือนกับควบคุมตัวเองไม่ได้นั่นทำให้คิดได้ทฤษฎีหนึ่งว่า..
กวินทร์อาจจะเป็นเหมือนกับเขาตอนที่อาละวาดเพราะฟันเฟืองหลังจากนั้นก็หลับไปหลายวันถึงฟื้นบางทีกวินทร์ก็คงเป็นแบบนั้น
ได้แต่เชื่อมั่นว่าจะตื่นขึ้นมาโดยที่ไม่มีหลักประกันถึงอย่างนั้น…
“นายก็จะตื่นใช่ไหมกวินทร์”
อิงศรพึมพำเบาเหมือนกระซิบแล้วเปิดหน้าจอสื่อสาร
จ้องมองรายชื่อติดต่อที่แสดงอยู่บนนั้น
ชื่อติดต่อของซีลอร์ดที่เขียนไว้ว่า ‘GM’
หมอนั่นน่าจะรู้ว่าทำไมกวินทร์ถึงเป็นแบบนี้แน่นอนว่าลองติดต่อไปแล้วแต่อีกฝ่ายไม่รับสายแถมข้อความที่ส่งไปก็ยังตีกลับมาเหมือนถูกสกัดกั้น
เพราะอยู่ในมิติประหลาดนี่หรือเพราะว่าหมอนั่นจงใจกันแน่
ถ้าไม่ทำให้ตัวเองสลบจนไปโผล่ที่รูนรูมก็คงไม่รู้
พวกฟูที่จัดการกับศพเสร็จก็ล้างมือด้วยสกิล
‘ธารา’ ของซากิริเพราะหล่อนเลเวลแค่ยี่สิบและดูเหมือนจะไม่ได้ผ่านการฝึกฝนมา
พลังทำลายของของสกิลที่เบาที่สุดในประเภทน้ำเลยออกมาเป็นแค่ก๊อกน้ำไหล
จากนั้นทุกคนก็เดินมุ่งหน้ามาทางนี้
ซากิริยิงคำถามนำมาก่อน
“แล้วที่นี้จะเอาไงต่อล่ะโชเน็นพี่ชาย”
“เตรียมตัวออกเดินทางต่อสิยังเหลือต้องหาทางออกไปจากที่นี่อีก”
“แล้วโชเน็นล่ะจะให้ทำยังไง”
หล่อนพูดพร้อมกับชี้ไปที่กวินทร์
“…”
อิงศรไม่ตอบแต่ลุกไปแบกร่างของกวินทร์ขึ้นมาพาดบ่า
“ฉันจะแบกไปเอง”
ระหว่างนั้นมิ่งขวัญก็หันไปคุยกับเน็กส์
“เดินไหวรึเปล่า”
เน็กส์ทำหน้าเข้าใจคำถามนั้นแล้วพยักหน้าตอบรับด้วยเสียงที่พยายามแสดงความเข้มแข็งออกมา
“ไหวฮะพี่ขวัญสบายอยู่แล้ว”
เด็กชายฉีกยิ้มกว้างพลางชูแขนทั้งสองข้างทำท่าเหมือนจะเบ่งกล้ามที่ไม่ค่อยมีให้ดู
ยิ้มให้แล้วจึงเดินเข้ามาแย่งกวินทร์ไปจาก
ดึงไปสบายๆ
เหมือนแย่งกระเป๋า
อิงศรพูด
“ไม่ต้อง!
ฉันทำเองได้ที่หมอนี่ต้องมาเป็นแบบนี้ก็เพราะฉันลากให้มาด้วยเพราะงั้น”
..ยังไงมันก็เป็นความรับผิดชอบของเขา
แต่ขวัญที่แย่งตัวกวินทร์ไปกลับพูดตอบว่า
“เรื่องพรรค์นั้นไม่เห็นจะเกี่ยวกันเลย
อีกอย่างผมติดหนี้หมอนี่อยู่ยังไงก็ไม่ยอมให้ตายหรอก”
“…”
ตอนนั้นเองเสียงของมิกซ์ก็พูดเสริมเข้ามาอีก
“พี่ศรไม่ต้องรับไว้คนเดียวก็ได้ครับพวกเราน่ะเป็นครอบครัวเดียวกันแล้วก็เป็นพวกพ้องกับกวินทร์ด้วยเพื่อนของพี่ศรก็คือเพื่อนของพวกเราเหมือนกัน”
“…”
ไม่รู้ว่าทำไมแต่พอได้ยินแบบนั้นเข้าแทนที่จะหวาดวิตกว่าตนกำลังลากทุกคนเข้ามาเกี่ยวข้องแต่กลับรู้สึกโล่งใจขึ้นมาแทน
“จ้า จ้า
เรื่องซาบซึ้งของชาวโลกเนี่ยไม่ค่อยเข้าใจเท่าไหร่หรอกนะแต่ขอถามอะไรหน่อยสิ”
จู่ๆ
โซเดียมก็พูดขัดจังหวะมาอย่างนั้นแล้วเดินเข้ามาร่วมกลุ่มสนทนา
“ไหนๆ
พวกเธอก็รวมตัวกันครบแล้วขอดิฉันถามหน่อยละกันว่าวิธีที่จะออกไปจากที่นี่น่ะมีวางแผนไว้แล้วรึยัง”
เรื่องแผนอะไรนั่นที่จริงก็ยังไม่มีหรอกเพราะไม่รู้ข้อมูลของศัตรูเลยดังนั้นที่รู้ตอนนี้ก็มีแต่ต้องลอง…
“ไปจัดการเจ้ายฮวฮแล้วก็ออกไปจากที่นี่นั่นแหละแผน”
หล่อนขมวดคิ้วให้กับคำตอบ
“นั่นมันเถรตรงเกินไปรึเปล่าแบบนั้นไม่น่าจะใช่แผนนะคะ”
แล้วพูดติมาแบบนั้น
แต่อิงศรก็เปลี่ยนคำถามเป็นเรื่องที่อยากจะยืนยันให้แน่ใจอีกครั้ง
“จะว่าไปตอนนี้พลังของเกมก็กลับมาแล้วสัญญาสงบศึกระหว่างพวกเรามันน่าจะจบไปแล้วใช่รึเปล่า”
“สัญญาระบุถึงจนกว่าจะโค่นอารย-สนธยาลงได้แล้วก็จะสิ้นสุดลงเมื่อทั้งสองฝ่ายแยกย้ายกันกลับไปแล้วทางเราน่ะไม่ผิดคำพูดหรอกแต่ทางมนุษย์นั่นแหละที่ไม่น่าไว้ใจ”
คำตอบของหล่อนค่อนข้างจะคาดหวังได้มากต่างจากตอนแรกที่เจอกัน
ตอนนั้นหล่อนคิดว่าเขาเป็นซีเซียมราชครูลำดับที่สองที่มาด้วยกันซึ่งมีหน้าตาเหมือนกับเขา
ดูจากคำพูดคำจาที่เริ่มจะเป็นงานเป็นการขึ้นมานั่นคิดว่าหล่อนคงรู้ตัวซักที
หลังจากคำพูดนั้นหล่อนก็เหลือบตามองมิ่งขวัญ
“ที่นี่เหลือฉันแค่คนเดียวสินะ”
แล้วพูดเปรยอย่างไม่ทุกข์ร้อน
บางทีอาจจะประเมินแล้วว่าต่อให้ถูกพวกเขารุมโจมตีพร้อมกันก็ยังเอาชนะชาวโลกที่อ่อนแอได้
ไม่รู้เหมือนกันว่าปีศาจจากอาคานาร์ใหม่ของเขารวมกับขวัญและกวินทร์จะสามารถโค่นชั้นราชครูได้แล้วรึเปล่า
ยังไงก็ตามตอนนี้…
“พวกเมตไตรยจะว่ายังไงก็ไม่รู้แต่ถ้าถาม
ทางนี้ก็อยากจะให้ร่วมมือกันไปก่อนไม่งั้นคงออกไปจากมิตินี่ไม่ได้”
อย่าให้มีข้าศึกเพิ่มขึ้นมาอีกเลยจะดีกว่า
อีกฝ่ายก็พยักหน้าอย่างเห็นด้วย
“งั้นก็เอาตามนั้นแหละค่ะ”
โซเดียมพูดจากนั้นก็ถอนหายใจ
“เฮ้อ~ เห็นหน้าเหมือนท่านซีเซียมแท้ๆ
แต่คุณนี่จริงจังเอาเรื่องจนน่าเบื่อเลยนะคะเนี่ย”
หล่อนเองก็เหมือนคนรู้จักฉันอยู่เหมือนกันนะ…อิงศรคิดในใจ
แล้วใบหน้าของมีนากับเมษาก็ลอยขึ้นมา
อิงศรเงยหน้าขึ้นมองไปด้านบนที่ซึ่งจุดหมายในการโค่นยฮวฮน่าจะอยู่ที่นั่นและเป็นทางออกเดียวที่จะออกจากกรงนกที่มันสร้างขึ้น
“ป่านนี้เจ้าพวกนั้นจะเป็นยังไงกันบ้างนะ”
…
ในเวลานั้นเอง…
ด้านในของอาคารร้างแห่งหนึ่งที่ตั้งอยู่ไม่ไกลจากเขตวัดอารย-สนธยา
ลิฟต์ตัวหนึ่งที่หยุดอยู่ชั้นหนึ่งมาถึงสี่ปีก็เกิดทำงานขึ้นมา
มีแสงสว่างส่องลอดออกมาจากประตูลิฟต์
เสียงทำงานดังติ๊งต่องแล้วประตูลิฟต์ก็เปิดออก
ภายในลิฟต์มีแสงสว่างเจิดจ้า
มีคนเดินออกมาจากแสงนั่นแล้วแสงก็ดับลง
“ถึงแล้วเหรอ”
เด็กหนุ่มพูดเหมือนจะบอกกับตัวเองที่ยังสับสนสถานที่อยู่หลังจากผ่านวาร์ปที่เทอมินัลซึ่งทางเมตไตรยจัดเตรียมไว้ให้จนมาถึงที่นี่
เมษาสำรวจตัวเองอย่างถี่ถ้วนจนแน่ใจแล้วว่าการสงถ่ายมวลสารทำได้สมบูรณ์แบบจึงก้าวเท้าออกจากลิฟต์
เดินจนกระทั่งออกมาข้างนอกตัวอาคารก็มองเห็นเส้นทางตรงไปจนถึงหน้าซุ้มประตูทางเข้าที่มีป้ายเขียนบอกเอาไว้ชัดเจนว่าเป็นวัดอารย-สนธยา
เมื่อเดินออกไปจากแนวรั้วที่ล้อมรอบอาคาร
ทันใดนั้นก็มีเสียงคำรามดังก้องขึ้นมา
เมษาหันไปทางทิศนั้นทันที
เสียงดังมาจากร้านสะดวกซื้อป้ายโลโก้หมายเลขเจ็ดขนาดใหญ่ที่เอียงกะเท่เร่
เสียงคำรามไม่ได้มีแค่เสียงเดียว
แต่มีด้วยกันหลายสิบเสียงสลับดังซ้อนทับกัน
อึดใจต่อมาเสียงฝีเท้าก็ดังระงม
มองเห็นตัวการเสียงแล้วชื่อบนแถบพลังชีวิตเป็นสีแดง สัตว์เทวะนั่นเอง...
เป็นสุนัขร่างสูงใหญ่ขนาดเป็นครึ่งหนึ่งของรถบรรทุกบนหัวทุกตัวสวมกะโหลกสัตว์ไว้เหมือนใส่หน้ากาก
Zodiac
Follower Hell Hound LV. 50
[/////10000:10000]
เลเวลของทุกตัวอยู่ที่ห้าสิบน้อยกว่าเลเวลของเขาไปสิบเก้าเลเวลแต่จำนวนสิบตัวนั่นก็เป็นปัญหาเอาเรื่องไหนยังจะขนาดตัวที่เหยียบผู้ใหญ่คนหนึ่งแล้วคงลุกไม่ขึ้นนั่นอีก
เมษา Lv. 69
[/////10030:10030/////]
สัตว์เทวะวิ่งเป็นวงกลมล้อมรอบเด็กหนุ่ม
พวกมันรู้ว่าเลเวลของเหยื่อสูงกว่าจึงยังไม่ผลีผลามโจมตีหากแต่รอหาจังหวะที่จะเข้าจู่โจม
เมษามองสัตว์เทวะตัวสั่นเทิ้มใบหน้าปรายยิ้มแห่งความคึกคะนองไว้พร้อมกับกำหมัดแน่น
“เทคนิคัลเวพ่อน”
สิ้นคำก็มีแสงสว่างสีแดงเปล่งขึ้นมาใต้แขนเสื้อเครื่องแบบรอยสักซึ่งเป็นหนึ่งประเภทของอาวุธประจำอาชีพและสนับสนุนกับบิลด์คลาสวอยด์ของตัวเองกำลังส่องแสง
พอแสงสว่างดับลงที่มือซ้ายก็ปรากฏสนับมือติดปลอกแขนสีแดงเพลิงออกมา
เมษาตั้งการ์ดมวยรอรับการจู่โจม ยังคงไม่มีฝ่ายไหนบุกก่อนจนกระทั่ง
เสี้ยววินาทีหนึ่งที่ดวงตาของเด็กหนุ่มกระพริบ
พริบตานั้นเองสัตว์เทวะทุกตัวก็บุกเข้ามาพร้อมๆ
กัน
แต่เมษาก็ใช้แค่ประสาทหูฟังเสียงเคลื่อนตัวแหวกอากาศแล้วโยกตัวหลบคมเขี้ยวของตัวแรกได้ทัน
“พัมเมลโบลว์!”
จากนั้นก็ลืมตาแล้วปล่อยหมัดขวาที่ไม่ได้หุ้มอะไรไว้สวนออกไปอย่างต่อเนื่องด้วยความเร็วเหนือมนุษย์จนมองเห็นเหมือนชกออกมาแปดหมัดพร้อมๆ
กันซัดสัตว์เทวะแปดตัวลอยกระเด็นไป
มีอยู่สี่ตัวที่หลังจากชกเสร็จก็จะมีลูกไฟยูนิทลอยออกมาจากสนับมือ
การโจมตีของตัวสุดท้ายไม่สามารถหลบหรือสวนกลับได้ทันจึงต้องรับเอาไว้
แต่เด็กหนุ่มก็รับอย่างชาญฉลาดด้วยการใช้ปลอกแขนที่ติดกับสนับมือรับคมเขี้ยวสัตว์เทวะแล้วจึงชักหมัดกลับมาชกสวนให้กระเด็นตามตัวอื่นๆ
ไป
[Pummel Blow Lv(4/4)
Element: -
Attribute: Martial Art, Physical Attack, Charge, Technical
หมัดแปดทิศเดินลมปราณ กระหน่ำหมัดต่อเนื่องแปดครั้ง(มีโอกาส 50% ที่จะได้รับ Awakening Unit ไร้สี 1/การโจมตีที่เข้าเป้า)]
เขาไม่ได้รับบาดเจ็บเลยซักครั้งเดียว
พวกมันเปล่าเคลื่อนไหวอืดอาดแต่เป็นเขาเองต่างหากที่รวดเร็วขึ้นรู้สึกได้จากพลังที่เอ่อล้นเข้ามาในตัว
พลังจากแอพพลิเคชั่นปีศาจตนใหม่ ซาโอก็อนเก็น
เมื่อการโจมตีถูกสวนกลับสัตว์เทวะก็เปลี่ยนวิธีการพวกมันรู้ว่าสู้ประชิดตัวไม่ได้ผลจึงโจมตีด้วยท่ายิงแทนแต่ละตัวโก่งคออ้าปากกันกว้างสุดฤทธิ์เล็งพ่นไฟนรกมาทางนี้
เมษาเดาะลิ้นด้วยความเจ็บใจ
“ชิ เป็นแค่หมาเฝ้าเซเว่นแท้ๆ”
แต่ว่าเข้าตาจนแล้วจริงๆ
นั่นแหละบิลด์คลาสของเขาไม่มีสกิลช่วยป้องกันการโจมตีเว้นแต่...
ไฟนรกพุ่งเข้ามาในช่วงที่กำลังคิดหาทางอยู่นี่เองด้วยความเคยชินบวกกับนึกขึ้นได้จึงดึงผ้าคลุมที่สวมมากับเครื่องแบบเอามาห่อตัวไว้
พลังคุ้มครองของผ้าคลุมช่วยปัดป้องไฟออกไปได้จนกระทั่งไฟดับลงผ้าคลุมก็ขาดวิ่นเป็นชิ้นๆ
ไป
ซึ่งเพียงแค่นั้นก็เตรียมการเสร็จแล้ว
“ศาสตร์ลับ! ผนึกลมปราณ”
เขาร่ายสกิลแล้วให้สนับมือดูดซับยูนิทไปสี่ลูกเพียงเท่านั้นก็ทำให้ร่างกายร้อนระอุขึ้นมา
กล้ามเนื้อปูดตัวขึ้นเล็กน้อยทำให้ร่างกายบึกบึนขึ้นแต่ไม่ถึงกับเห็นมัดกล้ามเป็นลูกๆ
อย่างนักเพาะกาย
[ศาสตร์ลับ "ผนึกลมปราณ" Lv(4/4)
Element: -
Attribute: Martial Art, Support, Technical
(Cast Cost) Awakening Unit 1 หน่วยขึ้นไปแต่ไม่เกิน 4
;เสริมพลังด้วยลมปราณจนถึงขีดสุด (เพิ่มค่าสมรรถภาพพื้นฐานทั้งหมด
+ 10 * จำนวนยูนิทที่จ่ายให้)]
ผลจากสกิลไม่ได้เพิ่มแค่กล้ามเนื้อแต่เพิ่มค่าพื้นฐานทั้งหมดให้เฉลี่ยกันไป
ความคล่องตัวที่เพิ่มขึ้นจึงช่วยหยุดการเพิ่มขนาดของมัดกล้ามไว้
ผลลัพธ์นั้นแสดงให้เห็นชัดที่สุดจากจำนวนพลังชีวิตสูงสุดที่เพิ่มขึ้นมา
เมษา Lv. 69
[/////13230:13230/////]
เมื่อเพิ่มพลังกายแล้วก็ถึงเวลาเผด็จศึกและควรจะให้จบลงเร็วที่สุดเพราะไม่อยากให้ร่างกายได้รับบาดเจ็บก่อนจะต้องไปทำภารกิจ
“การหักหลังเพื่อนเนี่ยก็เป็นภารกิจสินะ”
เด็กหนุ่มรำพันเสียงเบา
เปลวไฟร้อนระอุเริ่มก่อตัวในปากของสัตว์เทวะ
ไม่มีเวลามามัวลังเลแล้วการทดลองใช้แอพพลิเคชั่นปีศาจใหม่ในครั้งแรกนี้จะเป็นตัวตัดสินว่าในตอนนี้เขามีความสามารถพอที่จะฆ่าอิงศรได้หรือเปล่า
หากทำไม่สำเร็จพลังของปีศาจก็จะฆ่าเขาเสียเองแต่ถึงไม่ทำก็โดนไฟครอกตายไม่ต่างกันดังนั้น...
“ซาโอก็อนเก็น!”
เมษาตะโกนเรียกปีศาจ
สั่งให้เทพมารซึ่งครั้งหนึ่งเคยเป็นที่เกรงขามของผู้คนขานรับความปรารถนาของตน
วินาทีที่เทพมารซึ่งสถิตลง
ณ ศาสตราวุธขานรับความต้องการอันเห็นแก่ตนของมนุษย์คำสาปสีดำก็พุ่งพล่านออกมาจากสนับมือ
คำสาปคืบคลานไปทั่วร่าง
ขยับขึ้นมาเคลื่อนไหวขยุกขยิกอยู่บนใบหน้า
จนดูเหมือนกับรอยสัก
พลังไม่เพียงแต่ล้นเอ่อตามคำสาปแต่มันเหมือนกับจะระเบิดออกมา
กำปั้นของเขาเปล่งแสงปากเริ่มขยับไปเอง
“อาชูร่าคูห์ดะ!! (Ashura Khuda)”
แล้ววินาทีนั้นร่างกายก็ซัดกำปั้นลงไปบนพื้น
เกิดระเบิดเสียงดังกัมปนาทตามมาในทันที
จากตรงที่เขาซัดหมัดลงไปเกิดเป็นศูนย์กลางของคลื่นพลังที่กระจายตัวเป็นวงกลมพัดใส่ฝูงสัตว์เทวะ
แค่เพียงสัมผัสถูกคลื่นนั่นอวัยวะตรงนั้นก็จะบิดมวนและฉีกสลาย
พลังชีวิตของสัตว์เทวะหายวับไปราวกับไฟไหม้ฟางเส้นสุดท้าย
ความพิโรธของเทพมารได้กลืนกินชีวิตแห่งเทพเดรัจฉานไป...ไม่เว้นแม้กระทั่งตัวเขาเองก็ด้วยที่ตกเป็นเหยื่อของปีศาจ
เมษา Lv. 69
[//...4015:13230.....]
พลังชีวิตของเมษาตกลงอย่างฮวบฮาบและหยุดลดลงเมื่อสกิลสิ้นสุดผล
พื้นดินรอบตัวถูกผลิกขึ้นมาราวกับว่ามีระเบิดลงที่นั่น
“แฮ่ก...แฮ่ก...”
เด็กหนุ่มหอบหายใจแรง
รู้สึกเหมือนเสี้ยวหนึ่งของชีวิตถูกดูดหายไปและล้มฟุบลงตรงนั้น
พลังของปีศาจตนนี้ยากเกินจะควบคุมหากไม่ได้ร่ายสกิลเสริมสมรรถภาพพลังเอาไว้ก่อนบางทีอาจจะช็อกตายเอาได้
อุณหภูมิร่างกายที่เพิ่มสูงขึ้นจากการผนึกลมปราณก่อนหน้านี้ลดลงจนร่างกายเย็นเยียบ
เสียงหัวใจเต้นตึกตักดังระรัว
เมษาพยายามพลิกตัวด้วยแรงที่มีอยู่จนกลับมานอนหงายแหงนหน้ามองท้องฟ้าได้แล้วบ่นเสียงหอบ
“ให้ตายสิ...แฮ่ก...เอาของแบบนี้..แฮ่ก...แฮ่ก...มาให้ใช้ซะได้”
คงอีกนานกว่าจะขยับตัวให้คล่องแคล่วได้อีกแต่ยังพอมีแรงเหลือจะคลานไปอยู่บ้าง
เมษารอจนกระทั่งกำลังฟื้นฟูกลับมาประมาณหนึ่งแล้วคลานไปบนพื้นเพื่อหาที่หลบจากสัตว์เทวะที่อาจจะกำลังเกิดขึ้นมาใหม่
....
อีกด้านหนึ่งคณะเดินทางของอิงศรก็ขึ้นมาถึงชั้นบนสุดของมิติ
บนแผ่นดินอันว่างเปล่าที่ไม่อะไรอยู่เลยนั้นมีแค่ประตูหินสีขาวบานเดียวตั้งโดดเด่นอยู่ตรงกลาง
พวกเขาสำรวจรอบประตูและพบว่ามันเป็นเพียงแค่ประตูธรรมดาที่ไม่ได้เชื่อมต่อไปยังเส้นทางใดๆ
ด้วยความสงสัยอิงศรจึงลองผลักประตูนั้นดูเพียงแค่ผลักเบาๆ
บานประตูก็เริ่มสั่นไหวและแง้มเปิด
เบื้องหลังบานประตูไม่ได้เชื่อมไปยังอีกด้านที่พวกพ้องยืนอยู่หากแต่เป็นอีกมิติที่มีแสงส่องสว่าง
ประกายของแสงสะท้อนเป็นสีต่างๆ
ราวกับสายรุ้งทอประกายออกมาจากบานประตู
ภายในมิตินั้นเองมองเห็นขั้นบันไดสีขาวทอดยาวขึ้นไปถึงบานประตูแบบเดียวกันอีกบานหนึ่ง
อิงศรหันกลับไปขอความเห็นจากซากิริ
“ที่นี่รึเปล่า”
นักวิจัยหญิงดึงแว่นตาปีศาจที่คาดหน้าผากไว้ลงมาสวม
จ้องมองมิติในบานประตูนั่นอยู่ซักหพักหนึ่งจึงให้คำตอบ
“ใช่
ข้างในจับสัมผัสของมวลพลังงานขนาดใหญ่ได้คงไม่ผิดแน่”
“ถ้างั้นก็ไปกันเลย”
อิงศรประกาศเสียงดังแล้วเริ่มจัดแถวใหม่
“พลอยกับมิกซ์ไปอยู่ด้านหลัง
ขวัญฝากกวินทร์ไว้กับสองคนนั่นแล้วนายกับฟูขึ้นมาอยู่ข้างหน้ากับฉันคนที่เหลืออยู่ตรงกลาง...”
ตอนนั้นเองราชครูมนุษย์ต่างดาวก็พูดขัดขึ้นมาว่า
“ดิฉันจะอยู่แนวหน้าเองค่ะไม่จำเป็นต้องให้ชาวโลกปกป้องหรอกแบบนั้นน่าจะเพิ่มพลังในการบุกทะลวงได้ดีขึ้นนะคะ”
แล้วเดินขึ้นมาเสนอตัวเอง
อิงศรไม่ขัดข้องและไม่อยากขัดความตั้งใจของหล่อนจึงพยักหน้ารับแล้วออกคำสั่งใหม่
“ถ้างั้นฟูนายลงไปช่วยมิกซ์พลอยขยับขึ้นมาตรงกลางช่วยสนับสนุนฉันขวัญแล้วก็เอเลี่ยน...”
ถึงตรงนี้ราชครูสาวก็แสร้งกระแอมไอขึ้นมา
อิงศรจึงต้องเปลีย่นคำพูดใหม่
“...กับราชครูลำดับที่สาม
ซากิริกับอิซานามิทั้งสองคนอยู่ด้านหลังสุดทุกคนคอยดูว่ามีอะไรเกิดขึ้นด้วยแล้วตะโกนบอกกันได้เลย”
แต่โซเดียมก็พูดแทรกมาอีก
“ตะโกนเลยเหรอ
ไม่ใช่ว่าจะแอบเข้าไปโจมตีไม่ให้ศัตรูรู้ตัวหรอกเหรอ”
“ไม่มีประโยชน์ที่จะทำแบบนั้นหรอกน่าแค่บุกมาถึงนี่เจ้านั่นมันคงเตรียมการรอเราไว้หมดแล้ว”
หลังจากนั้นทุกคนก็เริ่มจัดแถว
เมื่อทุกอย่างพร้อมแล้ว...
“ไปกันเลย!”
พวกเขาก็ก้าวเท้าเข้าสู่อาณาเขตของผู้อ้างตนเป็นพระเจ้า
***อย่าลืมตอนของวันเสาร์นะคร้าบบ~~ มีภาพประกอบประจำตอนด้วยแต่ถ้าทำไม่ทันคงจะต้องตามมาลงทีหลังแทน TwT อีกนิดเดียวจะจบส่วนของ ยฮวฮ แย้วจากนั้นก็เข้าสู่ส่วนสุดท้ายของภาคสองนี้ครับ***
ความคิดเห็น