ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    Apocalypse Online เกมโกงวันโลกาวินาศ

    ลำดับตอนที่ #106 : Login 103: Death Arcana

    • เนื้อหานิยายตอนนี้เปิดให้อ่าน
    • 353
      16
      28 เม.ย. 60

    Login 103: Death Arcana

     

                ภาพแห่งความตายเกิดขึ้นเมื่อโชคชะตาถึงจุดเปลี่ยนผัน

                อาคานาร์จะทำการทดสอบและตัดสินผล

                ผู้ที่เอาชนะโชคชะตาได้ก็จะได้รับพลังจากอาคานาร์มากน้อยก็แล้วแต่ละคนอย่างไรเสียก็ไม่มีทางเกินขีดจำกัดที่มนุษย์จะแบกรับได้ มันเคยเป็นแบบนั้นมาก่อน

                จนกระทั่งตอนนี้ อิงศร มนุษย์ผู้เดียวที่เขารู้จักและเป็นผู้ที่รับเอาพลังจากอาคานาร์มาทั้งหมดหลังจากเอาชนะโชคชะตานั้นๆ ได้เรื่องนี้น่าจะมีเบื้องหลัง

                ซีลอร์ดจ้องมองภาพใบหน้ายามสิ้นชีพของตัวเองที่ปรากฏอยู่บนหน้าจอของเด็กหญิงแล้วก็ยิ้มพลางคิดไปว่าเบื้องหลังที่กำลังสงสัยอาจจะเกี่ยวกับเด็กสาวผู้เป็นเจ้าของภาพ

                ซีลอร์ดยิ้มให้กับภาพที่ตัวเองนอนจมกองเลือดด้วยใบหน้ามีความสุขนั่นจากนั้นก็หัวเราะ

                "แต่งภาพได้ไม่เนียนเลยนะถ้าผมจะตายล่ะก็คงไม่ทำหน้ามีความสุขขนาด..."

                ทว่าเด็กสาวก็พูดแทรก

                "แน่ใจแล้วเหรอ"

                "..."

                ได้ยินกังนั้นซีลอร์ดก็หุบยิ้มแล้วเริ่มทำหน้าจริงจัง

                เด็กหญิงพูดต่อไปว่า

                "ในฐานะผู้ชี้นำความตายแล้วข้ารู้ดีว่าเจ้าปรารถนาอะไรผู้ถูกลืมเลือนเจ้าปรารถนามันมาตลอด ปรารถนาที่จะตาย"

                "พูดจนพอใจแล้วใช่ไหมอลิซ ไม่สิเดธอาคานาร์"

                ซีลอร์ดถามน้ำเสียงขุ่นหลังจากเธอพูดจบ

                ถ้าต้องการจะกำจัดทิ้งเสียเลยก็ได้เพราะหล่อนไม่ใช่มนุษย์และถึงจะเคยมีชีวิตอยู่ในฐานะของมนุษย์ก่อนที่จะกลายเป็นวิญญาณร้ายอย่างตอนนี้ก็ควรจะมอบความตายให้เธอไปเสีย

                วิญญาณของเด็กสาวที่เสียชีวิตอย่างน่าเศร้าแต่ชีวิตหลังความตายกลับทำให้เธอทุกข์ทรมานจนกลายเป็นปีศาจที่คลั่งไคล้ในความตาย

                ว่ากันว่าเธอเคยเป็นมนุษย์ที่ถูกเรียกว่า ‘ชาวอังกฤษ’ และด้วยเหตุผลที่พิเศษบางอย่างภาพลักษณ์ของเธอนั้นดันไปตรงเข้ากับเรื่องแต่งชื่อดังในหมู่มนุษย์ทำให้ผู้คนพากันเรียกเธอว่า ‘อลิซ’ โดยที่ไม่รู้ว่านั่นเป็นชื่อจริงๆ หรือไม่แต่ปีศาจก็ชอบใจและใช้นามเช่นนั้นเรื่อยมา

                เธอกลายเป็นผู้แสวงหาความตายและต่อมาก็ออกหาเพื่อนและทำให้เพื่อนตาย เด็กๆ มากมายต้องสังเวยให้กับความปรารถนาต่อความตายอันบ้าคลั่งของเธอด้วยเหตุนั้นจึงถูกลงดาบ

                การลงดาบทำให้วิญญาณของเด็กหญิงกลายเป็นส่วนหนึ่งของอาคานาร์ที่ร้ายกาจ

                มันคืออาคานาร์แห่งความตายที่เรียกว่า ‘เดธอาคานาร์’

                เด็กหญิงยังคงพูดต่อไปว่า

                "แค่การมีชีวิตอยู่ก็คือการต่อสู้กับความตายแต่ไม่มีใครหนีมันพ้นแล้วทำไมเครื่องทำสวนที่มีวิญญาณเช่นกันจึงไม่เคยตายกันเล่าเจ้าเองก็อยากสินะอยากแสวงหาจุดจบที่แสนสบายจะได้ไม่ต้องทุกทรมานกับความผิดพลาดในอดีตที่เจ้าก่อไว้”

                ตอนนั้นเองพื้นเบื้องหน้าปีศาจก็ถูกเผาจนไหม้เกรียมและถูกคว้านเป็นหลุมลึกด้วยลำแสงสีแดงที่สาดออกมาจากโดรนรูปศีรษะงูซึ่งไม่รู้ว่าซีลอร์ดพาออกมาตั้งแต่เมื่อไหร่

                “ที่ผมอยากจะฟังน่ะไม่ใช่เรื่องของเธอหรอกนะรีบตอบมาได้แล้วใครที่อยู่เบื้องหลังเรื่องนี้”

                ถึงจะพูดข่มขู่ไปเต็มที่กระนั้นแล้วปีศาจก็ยังยิ้มหน้าระรื่น

                “เจ้าอาจจะช่วยผู้คนจากความตายได้แต่เจ้าไม่ได้ทำลายความตายดังนั้นเจ้าจึงต้องตาย”

                ตอนที่หล่อนพูดคำว่า ‘ตาย’ เวลาบนเมล์ก็หมดลงพอดี

                และเป็นตอนนั้นเองที่ซีลอร์ดรู้สึกตัวเรื่องข้างหลัง

                มีสัมผัสที่ชั่วร้าย จิตสังหาร จุดใหญ่อยู่ทางด้านหลังแถมยังกระชั้นชิดแบบสุดๆ จนน่าฉงนระคนสงสัยว่าทำไมที่ผ่านมาเขาถึงไม่รู้สึกตัวเลย การปิดกั้นตัวตนของอีกฝ่ายสมบูรณ์แบบถึงขนาดที่สัมผัสไม่ได้หรือเป็นเพราะตัวเขาเองที่มั่นใจเรื่องไม่มีใครจะบุกรุกรากแห่งอาคาชิกเรคคอร์ดเข้ามาได้

                แต่ทว่า...

                “สัมผัสแบบนี้เมจิกเชี่ยนอาคานาร์สินะ”

                พวกมันประมาณพลังของซีลอร์ดผู้นี้ต่ำเกินไป

                ผู้ถูกลืมเลือนอีกคนปรากฏตัวขึ้น

                หนึ่งคน

                สองคน

                สามคน

                ซีลอร์ดสี่คนยืนล้อมปีศาจทั้งสองตน

                “ดูท่าจะไม่หมูล่ะสิงานนี้”

                ปีศาจตนใหม่พูดขณะอยู่ในท่าที่เตรียมจะทะลวงหลังของหนึ่งในร่างแยกด้วยมือที่มีเล็บยาวแหลมคม ใบหน้าเรียวรูปโฉมงามเรือนผมสีทองและไว้ผมยาวปีศาจตนนี้มีรูปแบบเป็นมนุษย์เพศชายสวมชุดรัดรูปสีดำ มีผ้าคลุมสีเดียวกันลอยเผยอขนานไปกับไหล่ขวาเหมือนเป็นปีกข้างเดียว

                ข้อมูลของปีศาจตนนี้ซีลอร์ดก็รู้จักเป็นอย่างดี...ที่จริงเขาก็รู้จักปีศาจทุกตัวที่ถูเก็บไว้ในอาคาชิกเรคคอร์ดนั่นแหละ ดังนั้นจึงรู้จักอาคานาร์ทั้งหมดด้วยเช่นกันรวมถึง โลกิแห่งเมจิกเชี่ยนอาคานาร์ ปีศาจที่มาจากตำนานนอร์สตนนี้เป็นหนึ่งในตัวเป้งที่มีความร้ายกาจ

                ทั้งอลิซและโลกิ ถ้าหากว่าอิงศรได้พวกมันไปครอบครองคงน่ากลัวที่จะถูกยึดชิงร่างเอาได้ง่ายๆ พวกมันเป็นปีศาจร้ายที่ไม่ควรให้มีครอบครองยิ่งกว่าเอลิกอร์เสียอีก

                อลิซเริ่มพูดกับโลกิ

                “เอาไงดีล่ะเพราะเจ้าทำพลาดแท้ๆ ตอนนี้เราหมดทางชนะแล้วล่ะมั้งข้าเองก็ยังไม่ใช่ร่างที่สมบูรณ์เพราะแต่ละส่วนโดนแยกไปอยู่กับเด็กนั่นคนหนึ่งแล้วก็อยู่กับกลุ่มของผู้ถูกฟันเฟืองเลือกอีก”

                “เอาน่าๆ ยังไม่ได้อับจนหนทางขนาดนั้นนี่ถึงจะสายไปบ้างแต่มาทำให้ภาพทำนายอนาคตนั่นเป็นจริงกันตอนนี้เลยดีกว่าไหม”

                สิ้นคำของโลกิ อาคารทั้งหลังก็เริ่มสั่นไหว สั่นอย่างรุนแรงทั้งที่อาคารอื่นๆ ไม่ได้โยกไหวไปด้วยแท้ๆ

                หมายความว่ามีแค่ที่นี่เท่านั้นที่โยกไหวไปมา ไม่นานนักพวกเขาที่อยู่บนดาดฟ้าก็ต้องหนีออกมาเพราะอาคารเริ่มถล่ม

                แต่สิ่งที่ปรากฏขึ้นหลังจากอาคารถล่มลงมาเป็นซากนั้นน่าตกใจยิ่งกว่า

                ประมาณสองเท่าของตึกที่มันพังออกมาได้กระมังจนน่าสงสัยว่ามันเอาขนาดตัวแบบนั้นใส่เข้าไปในตึกได้อย่างไร

                หมาป่ายักษ์ที่ถูกทำนายว่าจะเป็นผู้กลืนกินราชันย์เทพ หมาป่าปีศาจเฟนริล

                "เจ้านี่โลกิก็พามางั้นเหรอ"

                ซีลอร์ดพูดโดยที่รู้ถึงความเกี่ยวพันของปีศาจกับหมาป่ายักษ์เป็นอย่างดี

                ตอนนั้นเองช่วงที่มัวแต่ไปสนใจเฟนริล 'คราบ' อีกสามร่างก็ถูกโลกิกับอลิซทำลาย เดิมทีคราบเหล่านั้นก็มีไว้เพื่อสร้างความสับสนเท่านั้นจึงอ่อนแอกว่าตัวจริงหลายพันเท่าจะถูกจัดการเอาง่ายๆ ก็ไม่แปลก

                อย่างไรก็ตาม...

                ปีศาจสามตนแล้วสถานที่ยังเป็นที่นี่อีก

                ถ้าเป็นที่ซึ่งอยู่ใกล้กับอาคาชิกเรคคอร์ดที่สุดปีศาจจะแข็งแกร่งขึ้นเพราะอยู่ใกล้แหล่งพลังและถึงจะเป็นเครื่องทำสวนแต่ก็ไม่แน่ว่า...

                "อาจจะตายก็ได้ล่ะมั้งแบบนี้น่ะ"

                ซีลอร์ดพูดสรุปการประเมินสถานการณ์ออกมา แต่ใบหน้ากลับแสดงออกไปคนละทาง

                เขายิ้ม...กำลังยิ้มอยู่

                "เพราะว่าผมที่เป็นเครื่องมือนั้นสามารถพังได้อย่างเดียวดังนั้นที่จะตายคงต้องขอให้เป็นพวกเธอแทนแล้วล่ะ"

     

                ...

     

                "พี่สาวใช่คนๆ นั้นหรือเปล่าครับที่ออกทีวีเรื่องเกมน่ะ"

                นรินทร์ในวัยสิบขวบกำลังถามเด็กสาวที่อายุมากกว่าถือเครื่องเกมและกำลังเล่นด้วยใบหน้าเบื่อหน่าย

                นี่ไม่ใช่เรื่องที่กำลังเกิดขึ้นอยู่ในปัจจุบันนรินทร์รับรู้มันได้จากการมองเห็นตัวเองในวัยเด็กที่นี่คงจะเป็นในความทรงจำหรืออาจจะเป็นความฝัน

                เป็นช่วงที่เด็กหนุ่มยังไม่ได้ล้มป่วยจนเป็นเจ้าชายนิทราและยังอยู่กับกับแม่สองคนขณะที่พ่อออกบวชเป็นเจ้าอาวาสของวันอารย-สนธยาที่ยังไม่ได้ยิ่งใหญ่เช่นในปัจจุบัน ตอนนั้นยังเป็นแค่วัดธรรมดาๆ ที่มีชื่อเสียงเรื่องการให้พรจนมีผู้ศรัทธามากันอย่างอุ่นหนาฝาคั่ง

                น่าแปลกที่ความทรงจำเหมือนจะทยอยไหลเข้ามาในหัว จนตอนนี้ก็จำได้กระทั่งที่มาของความรู้สึกเกลียดชังความคาดหวัง สาเหตุมันก็เป็นเรื่องง่ายๆ พวกผู้ศรัทธาที่โลภมากเหล่านั้นน่ะเองที่พอไม่ได้ดั่งที่หวังก็พาลมาลงกับวัดจนถึงขั้นทำร้ายผู้เกี่ยวข้องและทำให้นรินทร์ต้องสูญเสียพ่อไปรวมถึงกลายเป็นเจ้าชายนิทราสาเหตุก็มาจากเรื่องพวกนั้นด้วย

                แต่ความทรงจำนี้ยังเป็นช่วงก่อนจะถึงเวลานั้น

                ดูเหมือนว่าเด็กสาวจะไม่ได้ฟังที่นรินทร์พูดและเล่นเกมขงเธอต่อไปอยู่คนเดียว ถึงอย่างนั้นนรินทร์น้อยก็ยังทำตาแป๋วและจ้องมองเธออย่างไร้เดียงสา

                ...

                สถานที่คลับคล้ายคลับว่าจะเป็นลานใต้ต้นใบหูกวางของวัดในอดีตแล้วจากตรงนี้น่ะเอง

                พี่ฟ้า!! คุณลุงกำลังหาพี่อยู่อ่ะ

                ก็มีเสียงตะโกนของเด็กชายอายุราวแปดขวบดังแว่วมา

                เด็กคนนั้นถึงจะต่างกันอยู่มากตรงที่ไว้ผมเกรียนและยังเด็กอยู่แต่เค้าหน้ากับแววตานั้นเหมือนกับกวินทร์ไม่มีผิด

                เขาไม่มีทางดูผิดไปแน่ เด็กคนนั้นในอดีตคือ กวินทร์ วชิระ ถ้าอย่างนั้นเด็กสาวที่อยู่ตรงนี้ก็คือพี่สาวของกวินทร์อีกทั้งยังหน้าคล้ายกับมนุษย์ต่างดาวเมื่อตอนนั้น

                มนุษย์ต่างดาวเพศหญิงที่จู่โจมด้วยวิชาควบคุมเงาของชาโดวเอ็นฟอร์สเซอร์ ตอนที่ค่ายกรุงเทพต้านเรดบอสอยู่

                ไม่อยากเชื่อว่าในอดีตจะเคยเจอกับทั้งสองคนมาก่อนแต่เพราะอาการเจ้าชายนิทราก็เลยทำให้ลืมเรื่องราวเหล่านั้นไป

                อยากตื่นจากความฝัน...นรินทร์คิดเช่นนั้น เขาจำแทบไม่ได้แล้วว่าปัจจุบันเป็นอย่างไร ทำไมตัวเขาถึงได้กำลังฝันพอเริ่มคิดถึงกวินทร์ใบหน้าของทุกคนในทีมอิงศรก็ลอยเต็มความนึกคิดไปหมดจนทำให้รู้สึกคะนึงหาโลกในปัจจุบันโลกที่อดีตพรรค์นี้ไม่มีค่าอะไรเลย โลกที่มีพวกพ้องอยู่นั้นอบอุ่นกว่า

                เด็กหนุ่มตัดสินใจจะทิ้งอดีตของตัวเอง ไม่ต้องการจะรู้ชาติกำเนิดตัวเองอีก

                ในตอนนั้นเอง...

                ก็มีผู้หญิงหนึ่งเดินเข้ามาใต้ร่มเงาของต้นใบหูกวาง

                เป็นผู้หญิงวัยกลางคน ตามใบหน้าเริ่มมีริ้วรอยบ้างแล้ว เธอสวมชุดสีขาวเนื้อผ้าบางน่าจะระบายความร้อนได้ดี

                น่าแปลกที่รู้สึกคุ้นเคยกับคนๆ นี้...นรินท์คิดขณะที่ตัวเขาในวัยเด็กพอเห็นผู้หญิงคนนั้นก็ละความสนใจจากทุกเรื่องแล้ววิ่งตรงเข้าไปหาด้วยท่าทางร่าเริง

                หม่าม้า

                นรินทร์น้อยเรียกเธอว่าอย่างนั้น

                …

                นรินทร์ปรือตาขึ้นแต่เปลือกตากลับหนักจนรู้สึกล้า

                ภาพทิวทัศน์ที่มองเห็นผ่านช่องตาแคบๆ นั้นคือ

                ท้องฟ้าสีชมพูอ่อน

                ผนังสีชมพูอ่อน

                เขานอนอยูบนเตียงตะปุ่มตะป่ำสีเขียวเข้ม อันที่จริงมันแค่นุ่มจนรู้สึกเหมือนนอนอยู่บนเตียงแต่กลิ่นของมันบอกให้รู้ว่าที่นอนพิงอยู่นั้นเป็นวัสดุธรรมชาติจำพวกพืช

                เป็นกลิ่นที่คลับคล้ายคลับคลาว่าจะรู้จักมาก่อน

                นี่มันกลิ่นดอกบัว...

                พอทำความเข้าใจกับสถานที่แห่งนี้ได้ก็ออกจะน่าตกใจอยู่บ่างแต่ที่นี่คือข้างในดอกบัวยักษ์ขนาดใส่คนเข้าไปได้อย่างแน่นอน

                นรินทร์พยายามจะลุกแต่กลับลุกไม่ขึ้นรู้สึกเหมือนร่างกายโดนถอดกระดูกออกไปจนหมด

                อย่าเพิ่งตื่นเลย

                ได้ยินเหมือนเป็นเสียงครางแหบต่ำแต่เสียงนั้นกำลังพูดกับเขา

                ไม่รู้ว่าเป็นใครดวงตามันล้าไปหมด

                จงนอนให้เต็มอิ่มอย่าเพิ่งตื่นเลยผู้กอบกู้เอ๋ย

                นรินทร์ปิดดวงตาและกลับสู่ห้วงนิทราอีกครั้ง

                หลับให้สบายเถิดผู้กอบกู้ของข้า กัลกีของข้า

                เจ้าของเสียงแหบแห้งนั้นอยู่ด้านนอกของดอกบัวมีเพียงเงาที่สะท้อนเข้ามา

                เงามีรูปร่างใหญ่โตและมีปีก

                เมื่อเจ้าตื่นมาจะได้กอบกู้โลกใบนี้นารายณ์

    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    นิยายที่ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×