ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    Apocalypse Online เกมโกงวันโลกาวินาศ

    ลำดับตอนที่ #103 : Login 100: Parallel

    • เนื้อหาตอนนี้เปิดให้อ่าน
    • 382
      19
      19 เม.ย. 60

    Login 100: Parallel

     

                ก่อนหน้านั้นเพียงเล็กน้อย...

                ช่วงที่อิงศรเพิ่งเข้าไปแทรกการต่อสู้ระหว่างไทเทเนียมกับพวกมิ่งขวัญ

                ที่ศูนย์บัญชาการหลักเมตไตรย

                ที่เขตอาศัยของพลเมือง

                รูบิเดียมกำลังเดินอยู่บนทางเท้า

                ตลอดเส้นทางเต็มไปด้วยมนุษย์โลกสัญจรผ่านไปมาแต่ก็ไม่มีใครโหวกเหวกหรือตกใจที่เดินสวนกับมนุษย์ต่างดาวอย่างเธอจะมีก็แค่เหลือบตามองชุดเครื่องแบบที่สวมอยู่แล้วก็คงเข้าใจกันไปเองว่าเป็นทหารของเมตไตรยและแม้ว่าจะมีเดินผ่านพวกทหารหรือพวกนักเรียนทหารอยู่บ้างแต่แค่รับการทำความเคารพจากพวกนั้นก็ไม่มีอะไรสะดุดตาเพราะเครื่องแบบที่สวมเป็นเครื่องแบบยศสูงระดับหนึ่ง

                ตอนนั้นเองรูบิเดียมก็หยุดก้าวเท้า

                ปลายสายตาไปสะดุดเข้ากับภาพบางอย่างที่สะท้อนออกมาจากด้านหลังของประตูร้านกาแฟซึ่งตั้งอยู่ข้างทาง

                ร้านกาแฟอีคริปส์...

                โดยทันทีเธอเลี้ยวเข้าหาประตูร้าน แล้วผลักมัน แล้วเดินเข้าไป

                “…”

                ตัวเองก็ไม่เข้าใจตัวเองเหมือนกันว่าทำไมถึงแวะข้างทางทั้งที่เวลามีจำกัดแต่มันมีบางอย่างดึงดูดให้อยากเดินเข้ามาที่นี่

                เพื่อดูภาพที่ว่านั่นให้เห็นกับตาตัวเอง...

                รู้สึกตัวอีกทีก็มายืนอยู่เบื้องหน้าภาพวอลเปเปอร์ที่แสดงเรื่องราวของการต่อสู้ระหว่างคนสองกลุ่มบางทีอาจจะเป็นภาพวาดสงคราม คนแต่ละกลุ่มมีลักษณะที่แตกต่างกันอย่างชัดเจนอาจจะเรียกภาพนี้ว่าสงครามระหว่างเทพกับอสูร

                เทวะ กับ อสุรา...

                จนถึงตอนนี้รูบิเดียมเริ่มจะเข้าใจขึ้นมาว่าทำไมตัวเองถึงอยากเข้ามาดูภาพนี้

                ตอนนั้นเองก็มีเสียงดังจากทางด้านข้าง

                “มาดึกจังเลยนะครับคุณลูกค้า

                ชายผิวเข้มผมหยอกหยักศกในชุดผ้ากันเปื้อนลายโลโก้ของร้านเดินเข้ามาทักทาย

                ช่วงเวลาประมาณสองทุ่มสำหรับร้านกาแฟแล้วถือว่าเปิดทำการดึกเอามากๆ แต่ในร้านก็ไม่มีลูกค้ากับพนักงานอยู่เลยถ้าอย่างนั้นชายคนนี้คงจะเป็นเจ้าของร้าน

                ”ร้านใกล้จะปิดแล้วพวกอาหารคงทำไม่ได้แต่ถ้าเป็นกาแฟ...

                เจ้าของร้านเสนอที่จะขายเฉพาะกาแฟแต่รูบิเดียมก็พูดขัด

                “ไม่ล่ะพอดีรู้สึกสนใจภาพนี้น่ะก็เลยแวะเข้ามาดูเดี๋ยวก็ไปแล้วล่ะ

                พอพูดไปแบบนั้นแทนที่เจ้าของร้านจะเลิกรา เขากลับทำตาเป็นประกายแล้วเริ่มพูด...

                “คุณสนใจภาพนี้หรือครับแหมรู้สึกปลื้มจังเลยภาพนี้น่ะเป็นตำนาน เทวาสุรสงครามเป็นเรื่องการสู้รบระหว่างความดีกับความชั่วแต่ว่าภาพนี้จะตางไปจากเทวาสุรสงครามทั่วไปเพราะว่ามันไม่ใช่ภาพที่เขียนด้วยมุมมองของฮินดูแต่เป็นโซโรอัสเตอร์

                เจ้าของร้านพูดจ้อไม่หยุดด้วยใบหน้าภาคภูมิใจ

                “ในทางฮินดูเทวะจะเป็นฝ่ายดีส่วนอสูรก็จะเป็นฝ่ายร้ายแต่สำหรับโซโรอัสเตอร์นั้นนับถือ อหุระมาซดะจะถือว่าเทวะเป็นฝ่ายร้ายว่ากันว่ามีตำนานแบบนี้อยู่เหมือนกัน แต่แรกแล้วสวรรค์เป็นของเหล่าอสูรมาก่อนต่อมาเทวดาก็ถือกำเนิดขึ้น อสูรก็ยอมให้เทวดาอยู่ร่วมสวรรค์ด้วยกันแต่เทวดากลับอยากจะได้เอาไว้ทั้งหมดก็เลยพูดคุยกันเองในกลุ่มเทวดาว่าจะไม่ดื่มน้ำสุราในงานเลี้ยงทำให้มีแต่อสูรที่เมามายจนหลับไปจากนั้นเทวดาก็ช่วยกันโยนอสูรลงไปจากสวรรค์พอพวกอสูรสร่างเมาก็รู้ว่าพวกตนถูกเทวดาหักหลังเสียแล้วจึงปฏิญาณตนนับแต่บัดนั้นว่าจะไม่ดื่มสุราอีกเลยกลายเป็นที่มาของคำว่า อสุราแล้วทั้งสองฝ่ายก็กลายเป็นศัตรูกันนับแต่นั้น

                รูบิเดียมที่ฟังอยู่นานพูดแย้ง

                "จะบอกว่าชื่ออหุระจากอหุระมาซดะมันออกเสียงเหมือนกับคำว่าอสุราอย่างนั้นสินะ"

                "เอ่อ...มันก็ใช่แหละนะครับ"

                "เปล่าเลยมันไม่ได้เกี่ยวกันหรอกก็แค่จับแพะชนแกะของประวัติศาสตร์มนุษย์เท่านั้นเองความจริงแล้วเรื่องเล่าก็เป็นการเปรียบเปรยจากความจริงของสงครามระหว่างเผ่าในยุคนั้น"

                พอพูดไปอย่างนั้นเจ้าของร้านก็ทำหน้าทึ่งออกมา

                "โห รู้เยอะเหมือนกันนะครับใช่แล้วมันเป็นตามที่ว่ามามนุษย์อย่างพวกเราเนี่ยบางครั้งก็ชอบทำอะไรซับซ้อนกันจังเลยนะครับ"

                ซับซ้อน นั่นสินะตอนนี้ก็เหมือนกันเพื่อเอาทุกสิ่งคืนจากเทวะมีแต่ต้องทำตามที่แฟรนเซียมบอก

                "ฉันคงต้องไปแล้วล่ะค่ะขอโทษที่รบกวน"

                รูบิเดียมกล่าวลาแล้วหมุนตัวกลับเดินตรงออกจากร้านไปโดยไม่พูดอะไรอีก

                "ขอให้โชคดีกับการค้นหานะครับคุณลูกค้า"

                เสียงของเจ้าของร้านดังมาพร้อมกับเสียงครืนเหมือนประตูเหล็กถูกดึงลง

                ทำไมถึงรู้ล่ะ...

                รูบิเดียมสะดุ้งตัวเล็กน้อย

                ทั้งที่ไม่ได้บอกอะไรออกไปแต่ทำไมถึงพูดมาแบบนั้น พูดเหมือนกับรู้ว่าเธอมาที่นี่เพื่อเป้าหมายในการค้นหา พอหันกลับไปเพื่อจะถามก็พบว่าร้านถูกปิดไปแล้ว

                ประตูเหล็กปิดล็อก

                ไฟข้างในก็ดับสนิท

                ในช่วงเวลาแค่ไม่กี่สิบวินาทีเท่านั้นเอง ถือเป็นการปิดร้านที่เร็วราวกับจะรีบหนีเลยทีเดียว

                "เจ้านั่นเป็นใครกันแน่"

                รูบิเดียมพึมพำคำพูดด้วยความใคร่รู้ที่จริงประตูแค่บานเดียวจะฉีกทิ้งแล้วบุกเข้าไปถามเลยก็ได้แต่ตอนนี้ไม่มีเวลาจะมาทำแบบนั้นแล้วถ้าทำให้เกิดเรื่องวุ่นวายขึ้นมาแผนก็จะแตกเอา

                สุดท้ายจึงได้แต่ตัดใจแล้วเดินออกไปบนทางเท้า

                มุ่งหน้าไปยังที่ทำการทหาร

                สุดปลายทางคืออาคารบัญชาการสูงสุดที่ตอนนี้ กุมภา ธุวดารกะ น่าจะอยู่ที่นั่น

     

                ...

     

                การลอบเข้ามาในอาคารทำได้อย่างง่ายดายเพราะคนที่เลือกมาปลอมตัวคราวนี้มียศสูงและสามารถเข้าออกสถานที่แห่งนี้ได้โดยไม่มีใครสงสัยแต่ถึงจะบอกว่าปลอมตัวมันก็แค่การถอดแว่นตากันแดดที่สวมอยู่เป็นประจำกับเอาเครื่องแบบที่มีอยู่แล้วมาใส่ก็เท่านั้นเพราะแต่เดิมเธอก็ทำงานแใงตัวอยู่ในเมตไตรยเหมือนกับแฟรนเซียมที่ใช้ฐานะ สิงห์ ธุวดารกะ

                ตอนนั้นเองรูบิเดียมก็เลี้ยวตรงหัวมุมด้านในสุดของระเบียงทางเดินและมาถึงหน้าประตูสำคัญซึ่งเป็นเป้าหมาย

                มีทหารยามเฝ้าอยู่สองคน

                เมื่อถูกเห็นเข้าพวกทหารยามก็ทำหน้าตกใจและมีอาการแตกตื่น

                "อ...ท่านพลเอกกุมภาแต่เป็นไปได้ยังไงก็เมื่อกี้..."

                "ใจเย็นก่อนอาจจะเป็นพวกเอเลี่ยนปลอมตัวมาก็ได้ใช้สโคปตรวจสอบสิ"

                ทหารคนหนึ่งเอาแว่นเลนส์เดียวขึ้นมาสวม

                มองผ่านแว่นตานั่นแล้วก็ทำท่าตกใจขึ้นมาอีก

                "ไม่มีสัญญาณมนุษย์ต่างดาวแล้วก็หมายเลขยืนยันเป็นของท่านพลเอกกุมภา"

                มันก็แน่อยู่แล้วเพราะสโคปที่ใช้ตรวจสอบมนุษย์ต่างดาวนั่นเธอก็เป็นคนสร้างขึ้นมาตอนทำงานอยู่ที่นี่ในฐานะของกุมภา ธุวดารกะ

                "ถ้างั้นคนที่อยู่ข้างในก็..."

                ทหารยามยังคงสับสน เห็นดังนั้นรูบิเดียมก็ยิ้มในทีแล้วแสดงละครออกไป

                "จะบอกว่ามีตัวฉันอีกคนเข้าไปข้างในนั้นรึไง"

                "ช...ใช่แล้วครับ"

                “ได้เช็คก่อนจะปล่อยเข้าไปรึเปล่า

                นายทหารทั้งสองพากันหน้าซีดแล้วตอบโดยพร้อมเพรียง

                “ม...ไม่ครับ” “ไม่ได้ตรวจเลยครับ

                การปล่อยให้ศัตรูแฝงตัวเข้ามาได้ถือว่าหย่อนยานในหน้าที่แล้วยิ่งพลเอกเป็นผู้รู้เรื่องนี้ด้วยตัวเองย่อมหมายถึงอนาคตที่ดำมืดสำหรับทั้งสองคน

                “เจ้านั่นเป็นตัวปลอมรีบไปตามกองหนุนมาเดี๋ยวฉันจะขังมันไว้ข้างในห้องเอง

                “ค...ครับ!

                แล้วทหารยามก็วิ่งหน้าตั้งออกไปโดยที่ไม่สะกิดใจเลยว่าเสียรู้เข้าให้ เท่านี้ก็จะมีเวลาจัดการเป้าหมายให้เสร็จไปก่อนที่พวกนั้นจะกลับมาพร้อมกับกองหนุน

                รูบิเดียมผลักประตูแล้วเดินเข้าไป

                เบื้องหลังบานประตูคือขั้นบันไดที่ทอดยาวลงไปในความมืดมันจะนำไปยังห้องโถงใต้ดินซึ่งเป็นสถานที่หวงห้ามที่แม้แต่พลเอกที่เป็นสมาชิกคนสำคัญของตระกูลธุวดารกะก็ยังไม่มีสิทธิ์ได้เข้าไปลึกเกินกว่านั้น ว่ากันว่าในอดีตเทวทูตทั้งสี่ กาบริเอล ราฟาเอล อูริเอลและนับรวมมิคาเอลที่ถูกฆ่าไปแล้วเป็นสี่อัครทูตสวรรค์ที่คอยชี้นำอาณาจักรศักดิ์สิทธิ์พันปีได้เก็บซ่อนพันธะสัญญาแห่งความลับไว้ในดินแดนลับแลซึ่งเชื่อมต่อโดยผ่านประตูแห่งพิภพแล้วประตูบานที่ว่าก็ถูกเก็บซ่อนไว้ที่ส่วนใดส่วนหนึ่งของใต้ดินอาคารสำคัญหลังนี้

                แต่เดิมคนที่ได้รับอนุญาตให้ลงมาที่นี่มีแค่ผู้นำองค์กร มกร ธุวดารกะ แต่หลังจากเสียชีวิตกุมภา ก็ถูกแต่งตั้งให้เป็นผู้นำคนใหม่

                อย่างไรก็ตามเธอยังไม่ได้รับความไว้วางใจจากเหล่าเทวทูตพอที่จะได้รับอนุญาตให้เข้าไปเห็นความลับนั่นได้ดังนั้น...

                “ยังไงก็ไม่ได้รึคะทั้งที่ตอนนี้พวกเราอาจจะถูกมนุษย์ต่างดาวจ้องกวาดล้างอยู่รอมร่อแล้วก็ได้

                มีเสียงพูดดังแว่วมา

                ตอนนั้นเองเท้าของรูบิเดียมก็ก้าวล้ำเข้ามาถึงห้องโถงใหญ่ที่มีประตูหินอ่อนสีขาวผ่องตั้งตระหง่านอยู่กลางสถานที่ที่ไม่น่าจะมีในชั้นใต้ดินได้แต่ว่าที่นี่คือ...

                สวนซึ่งเต็มไปด้วยพืชพันธุ์ตั้งแต่ทางเข้าไปจนถึงประตูก็มีต้นไม้เถาวัลย์ไม้เกาะติดเต็มไปทั่วจนแทบจะกลายเป็นสีเขียวไปหมดทั้งที่ไม่มีแสงแดดส่องลงมามีแต่แสงจากหลอดไฟฟ้าเท่านั้นแต่พืชก็ยังเติบโตได้อย่างน่าอัศจรรย์

                ที่ตรงหน้าประตูกุมภาผู้ซึ่งมีใบหน้าเหมือนกับเธอกำลังพูดอ้อนวอนต่อตัวตนอันสูงส่งที่เรียกกันว่าเทวทูต

                ดูเหมือนว่าพวกนั้นจะรู้ตัวแล้วเรื่องที่เธอลอบเข้ามาที่นี่

                กุมภาหันมาเผชิญหน้ากับรูบิเดียม

                แต่เทวทูตกลับส่งเสียงด้วยความตกใจออกมาก่อน

                ทำไมถึงมีผู้รับใช้พระเป็นเจ้าอยู่สองคนล่ะ

                หรือว่าจะมีใครในนี้ที่เป็นบุตรแห่งแสง

                รูบิเดียมเผยยิ้มจางให้กับท่าทีตกใจนั่นขณะที่กุมภาไม่ได้แสดงอาการตกใจออกมากลับเอาแต่นิ่งเงียบ

                รูบิเดียมยื่นมือออกไปข้างหน้าหงายฝ่ามือขึ้นแล้วพูดว่า...

                กลับมาได้แล้วคริสตัลเอ็กซีด



    ***ช่วงนี้เน็ตไรท์ป่วยหนักมากอัพตั้งกะห้าโมงเย็นรัวๆ อัพไม่ขึ้นเลยซักรอบสุดท้ายเลยต้องถ่อตื่นมาอัพซะดึกดื่นเลย TwT ช่วงนี้ตอนเย็นคนใช้เน็ตเยอะกันรึไงนะเน็ตมันถึงได้เน่าขนาดนี้ฮรือออ ขออภัยที่สายไปซะวันพุธเลยนะครับตอนหน้าเจอกันวันพฤหัสขอให้เน็ตอย่าล่มอีกเล้ยยยย***

     

    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    นิยายที่ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×