ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    Apocalypse Online เกมโกงวันโลกาวินาศ

    ลำดับตอนที่ #102 : Login 99: รอยเท้าราชสีห์

    • เนื้อหาตอนนี้เปิดให้อ่าน
    • 398
      21
      14 เม.ย. 60

    Login 99: รอยเท้าราชสีห์

     

                “ทำแบบนี้เธอก็จะโดนไปด้วยนะ

                อิงศรพูด

                แต่ไทเทเนียมกลับยิ้มแล้วตอบมาอย่างสบายๆ ว่า

                “การโจมตีของแวริเอชั่นจะไม่ทำร้ายฉันนั่นแหละคือจุดเด่นที่สุดของมัน

                ท่ามกลางแสงพิฆาตที่โปรยปรายลงมาราวกับสายฝน

                ไม่มีทางที่จะหลบหลีกหรือหยุดยั้งได้อย่างสมบูรณ์มีแต่ต้องเตรียมใจและกายให้พร้อมรับความเสียหายเท่านั้นและรักษาจุดสำคัญที่จะทำให้ตายเอาไว้จากพายุลำแสงที่สากลบมา

                ลำแสงไม่เพียงแค่ตกกระทบพื้นมันยังถูกลากต่อไปอีก

                บดขยี้และทำลายทุกสิ่งที่ขวางหน้า

                เพราะหลบเลี่ยงได้ยากหล่อนถึงเสี่ยงใช้มันตอบโต้ด้วยควันอำพรางของเขาทั้งที่มันต้องเสียเวลานานก่อนจะเริ่มโจมตีและทำให้หล่อนตกอยู่ในสภาวะที่จะถูกถล่มด้วยสกิลจนเสี่ยงแวริเอเบิลไนท์จะถูกทำลายซะก่อนที่จะทันใช้สกิล

                แต่หล่อนก็หาทางหลีกเลี่ยงมาได้ด้วยวิธีการที่เหนือความคาดหมาย

                ตอนนั้นเองพื้นที่ก็เปลี่ยนไปด้วยพลังจากสกิลของมิ่งขวัญ

                เวพอนไนซ์โกลด์กาแลนต์ ทำให้เวลาหยุดลงชั่วขณะหนึ่งเพื่อรอแสดงผลของเอฟเฟคลำแสงจึงหยุดนิ่งกระทั่งพวกเขาเองก็ถูกทำให้หยุดนิ่งไปด้วย ไม่มีประโยชน์ที่จะใช้เพื่อหลบหนีความตายเลย

                ระหว่างการแสดงอันตระการตาของอวกาศอันเวิ้งว้างไปจนถึงการปรากฏตัวของมังกรที่เหมือนกับม้าที่เคยออกมาตอนที่ใช้สกิลบัลลิสต้าพันนิชเชอร์ทำให้รู้สึกตกใจอยู่บ้างแต่ตอนนี้การหาทางรอดให้กับทุกคนหลังจากเวลาเริ่มเดินอีกครั้งสำคัญกว่า

                จนเมื่อการแสดงผลสิ้นสุดลงลำแสงก็เริ่มขยับอีกแต่อิงศรก็ยังนึกวิธีหนีให้รอดไม่ได้แล้วตอนนั้นเอง...

                "กาแล็กซีอิลิมิเนชั่น!!"

                มิ่งขวัญก็ร่ายสกิลแล้วแสงสว่างก็เปล่งวาบจากตัว

                แสงจ้าเสียจนตาพร่ามัว

                จนต้องปิดตาลงทำให้ไม่รู้ว่าเกิดอะไรขึ้น

                เมื่อสายตาหายพร่าและเปิดตาขึ้นใหม่อีกครั้งลำแสงที่จู่โจมลงมากลับหายไปเหลือไว้แต่รอยไหม้เป็นทางที่ไอควันลอยฉุยกับหินหลอมละลาย

                ราวกับว่าเขาเดินทางข้ามเวลามายังตอนที่ลำแสงโจมตีเสร็จแล้วอย่างไรอย่างนั้น คำตอบของเรื่องนี้คงจะเป็นสกิลที่มิ่งขวัญใช้ไป

                "ระหว่างที่หลบอยู่ในควันก็เตรียมร่ายโกลด์กาแลนต์ไปด้วยสินะสำหรับวิธีตอบโต้มาสเตอร์แวริเอชั่นนอกจากเดม่อนแอพมิคาเอลแล้วก็ยังมีเจ้านี่อยู่อีกอันแต่เท่านี้ก็จบแล้วล่ะครั้งหน้านายสร้างปาฏิหาริย์ไม่ได้อีกแล้วมิ่งขวัญ"

                ถูกอย่างที่มนุษย์ต่างดาวพูด แถมสีหน้าของมิ่งขวัญยังบอกแบบนั้นคงไม่ผิดแน่ เท่ากับว่าไม่มีโอกาสแก้ตัวสำหรับครั้งหน้าแล้ว

                "จะว่าไปเมื่อกี้ทำไมถึงใช้สกิลวินด์วาร์ปที่เวพ่อนเอ็นแชนท์เตอร์ไม่น่าจะเรียนได้ล่ะ"

                กวินทร์ถามแล้วดูเหมือนว่าคนอื่นๆ ก็สงสัยกันแต่เรื่องนั้นอิงศรได้คำตอบไปแล้ว

                "ใช้ไอเทมยังไงล่ะในสภาพของแวริเอเบิลไนท์ถึงจะใช้สกิลไม่ได้แต่ก็ยังใช้ไอเทมได้เหมือนกับที่พวกเราใช้ยารักษาตัวกันเมื่อกี้

                พอตอบไปแบบนั้นกวินทร์ก็หันมาด้วยใบหน้าตกใจ

                ไอเทมที่ทำให้ใช้สกิลได้มันมีของพรรค์นั้นอยู่ในโลกด้วยเหรอครับ

                มีสิ...แถมมีมาตั้งนานแล้วด้วย แต่ดิสก์สกิลน่ะมันใช้ได้แต่สกิลเลเวลหนึ่งเท่านั้นแถมยังแพงเพราะหายากกับใช้งานลำบากเพราะระยะเวลาร่ายตายตัวอีกก็เลยไม่ค่อยแพร่หลายเท่าไหร่ แต่ไม่นึกเลยว่าจะเอามาใช้แบบนี้

                ที่ผ่านมาถึงจะประมือกับมนุษย์ต่างดาวมามากมายแต่ยังไม่เคยเจอตนไหนทำได้แบบนี้มาก่อนต่อให้เป็นระดับราชครูก็ยังไม่เคยเจอคนที่เชี่ยวชาญเรื่องเทคนิคถึงขั้นนี้มาก่อน

                ”นี่เธอเป็นใครกันแน่

                อิงศรถามเพราะใคร่รู้ในตัวจริงของไทเทเนียมแต่หล่อนกลับ

                อะไรกันน่ะนี่กวินทร์ไม่ได้บอกเหรอ

                พูดด้วยใบหน้าเหมือนกับตกใจเล็กน้อยพลางเหล่สายตาไปที่กวินทร์

                อิงศรก็มองไปที่กวินทร์บ้าง

                แล้วสายตาของทุกคนก็มองไปที่กวินทร์

                กลายเป็นว่าทุกคนกำลังรอคอยคำตอบจากเด็กหนุ่มที่เอาแต่นิ่งเงียบพลางทำหน้าอึดอัด

                ...จากนั้นอิงศรก็นึกขึ้นมาได้เรื่องชื่อกับนามสกุลของรุ่นน้อง

                กวินทร์ วชิระ

                นามสกุล วชิระ นั้นเหมือนเคยได้ยินที่ไหนมาก่อน

                วชิระ...ส.ส.วชิระ...เกม...นักเล่นเกม...

                คีย์เวิร์ดมากมายลอยขึ้นมาระหว่างที่พยายามนึกแล้วเมื่อคำตอบถูกกลั่นกรองออกมาเป็นผลลัพธ์...

                ฟ้ากมล วชิระ เจ้าหญิงเกมเมอร์คนนั้นน่ะเหรอ

                เขาพ่นคำตอบที่ตัวเองก็ไม่อยากจะเชื่อปากตัวเองเหมือนกันออกมา

                มนุษย์ต่างดาวเบิกตากว้างขึ้นเล็กน้อยหล่อนกำลังทำหน้าทึ่งกับคำตอบของอิงศร

                น่าตกใจนะที่คนรุ่นนายจะรู้จักฉันได้เนี่ยก่อนโลกแตกนายน่าจะอายุแค่สิบสามนิดๆ ยังหัวเกรียนอยู่เลยไม่น่าจะสนใจอะไรแบบนี้ด้วยซ้ำ

                อะไรกันน่ะ...สถานการแบบนี้มันอะไรกัน... อิงศรนึกอยากจะสบถออกมาแบบนั้น

                ช่วงก่อนที่โลกจะล่มสลายมีข่าวของนักเล่นเกมอัจฉริยะคนหนึ่งที่เอาชนะนักเล่มมืออาชีพและพิชิตเกมมามากมายจนเป็นที่โด่งดังไปทั่วและที่ทำให้ชื่อของเธอเป็นที่รู้จักมากที่สุดก็คือข่าวการประกาศวางมือในเช้าของวันที่โลกล่มสลาย อิงศรเคยเห็นข่าวนั้นผ่านตามาจากหนังสือพิมพ์

                นี่มันเท่ากับว่าพวกเขาดิ้นรนกันอย่างเปล่าประโยชน์มาโดยตลอด บางทีอีกฝ่ายคงจะอ่านแผนการอันตื้นเขินของมือสมัครเล่นอย่างเขาออกจนทะลุปรุโปร่งตั้งแต่แรก

                ถึงกับทำหน้าสิ้นหวังออกมาเลยเหรอ เพราะงั้นกวินทร์ถึงไม่ยอมบอกสินะสู้ให้ไม่รู้ก็อาจจะดีกว่าจริงๆ นั่นแหละ

                อีกฝ่ายพูดมาแบบนั้น...นี่เรากำลังทำหน้าอย่างนั้นอยู่ ?

                ทั้งที่คิดว่าเก็บสีหน้าอย่างเต็มที่แล้วเชียว หรือว่าเป็นแค่การพูดบลัฟกันเท่านั้น...

                เพราะแรงกดดันของอีกฝ่ายทำให้อ่านทางไม่ออก

                ดังนั้นอิงศรจึงเริ่มคิดแต่เรื่องที่จำเป็นเท่านั้น ละทิ้งเรื่องที่จะทำให้ใจสู้ถดถอยไปแล้วเริ่มคิดหาทางตอบโต้ถึงอีกฝ่ายจะเป็นมืออาชีพที่มีทักษะเหนือชั้นกว่าแต่สถานการณ์ก็ยังได้เปรียบเพราะได้สกิลของมิ่งขวัญช่วยเอาไว้ทำให้รอดมาจากมาสเตอร์แวริเอชั่นได้และจำนวนโดรนที่เหลือพลังป้องกันก็มีอีกแค่สิบเครื่องมิ่งขวัญยังมีสกิลที่ไม่ได้ใช้อีกห้าสกิลแค่หาทางอุดช่องว่างอีกห้าสกิลที่เหลือ... ถ้าลองคิดดูดีๆ มันจะต้องมีหนทางแน่

                ดังนั้นจะยอมแพ้ตอนนี้มันเร็วเกินไป

                ยังมีเวลาอยู่จนกว่ามาสเตอร์แวริเอชั่นจะใช้ได้อีกครั้ง...

                แต่มารู้ตัวเอาตอนนี้ก็สายไปละดูเหมือนว่าเขาคนนั้นจะคาดหวังในตัวเธอสูงเกินไปสินะเอาเถอะเดี๋ยวก็จบแล้วเพราะฉันจะใช้มาสเตอร์แวริเอชั่นเก็บกวาดพวกนายซะที่นี่แหละ

                ไทเทเนียมกล่าวแล้วเรียกหน้าจอดึงของบางอย่างออกมา

                ทำไมหล่อนถึงประกาศอย่างนั้นทั้งที่สกิลเพิ่งจะใช้ไปยังน่าจะต้องรอเวลาอีกซักพักใหญ่ แต่แล้วคำตอบอันเหลือเชื่อก็แล่นขึ้นมายามเมื่อเห็นไอเทมที่อีกฝ่ายงัดเอามาใช้

                มันคือแผ่นซีดี...

                จะต้องเป็นแผ่นซีดีที่บรรจุสกิลสำเร็จรูปเหมือนกับอันที่ใช้ก่อนหน้านี้อย่างแน่นอนแต่อิงศรก็รู้อยู่แก่ใจดีว่ามันไม่มีสกิลมาสเตอร์แวริเอชั่นแล้วก็ไม่มีสกิลที่ให้ผลคล้ายๆ กันความเป็นไปได้ที่เหลืออยู่ก็มีแต่การฟื้นฟูสกิลให้กลับมาใช้งานได้ทันทีซึ่งมันเป็นไปไม่..

                "อิมแพคทาลิสมันรีเฟรชชิ่ง (Impact Talisman Refreshing)”

                สิ่งที่หล่อนพูดมาเหมือนกับร่ายสกิลแต่มันไม่มีสกิลชื่อแบบนั้นอยู่แน่ๆ

                แผ่นดิสก์เปล่งแสงสีฟ้าครามออกมาอยู่ครู่หนึ่งแล้วจึงสลายตัวไป ไทเทเนียมชูมือขึ้นไปสุดแขน

                มาสเตอร์แวริเอชั่น

                แล้วประกาศร่ายสกิลทำให้โดรนทุกเครื่องเริ่มสะสมพลังงาน

                เป็นไปไม่ได้!...เด็กหนุ่มนึกอยากจะสบถอย่างนั้นแต่มันก็เป็นไปแล้วมนุษย์ต่างดาวได้ทำให้เวลาย้อนกลับไปหรือทำให้มันข้ามไปข้างหน้ากันก็ไม่ทราบแน่ชัดแต่สกิลที่ต้องรอเวลาฟื้นฟูนั่นถูกทำให้ใช้งานได้ขึ้นมาทันที

                “สกิลที่ใช้งานไปครั้งล่าสุดจะถูกยกเลิกเวลาคูลดาวน์และสามารถใช้ได้อีกครั้งโดยที่หลังจากใช้แล้วจะต้องรอเวลาคูลดาวน์เป็นสองเท่าและไม่สามรถใช้กับสกิลเดิมได้อีกนี่แหละคือผลของดิสก์สกิลเมื่อกี้"

                ไทเทเนียมพูด

                ของแบบนั้นไม่น่าจะมีได้นี่นาสกิลที่ยกเลิกเวลาคูลดาวน์ของสกิลแบบไม่สนใจเงื่อนไขอะไรเลยแบบนี้มัน….”

                มันไม่มีของแบบนั้นแน่ๆ ...อิงศรมั่นใจอย่างนั้นแต่ก็เห็นอยู่กับตาเลยพูดไม่ถูก

                สามัญสำนึกกำลังตีกันให้วุ่นอยู่ภายในสมองที่รีดเร้นพลังในการคิดออกมาจนแทบจะระเบิดแต่ก็ไม่ได้คำตอบว่าทำไมถึงมีสกิลแบบนั้น....

                ไม่ใช่ว่าคิดไม่ออกแต่มันยอมรับไม่ได้ที่จะเป็นแบบนั้นจริงเพราะถ้ามันเป็นความจริงล่ะก็ท่านมาทำไมถึงไม่เคยมีหรือเคยเห็นการทำแบบนั้นมาก่อนในหมู่มนุษย์ต่างดาวเลยล่ะ

                ตอนนั้นเองไทเทเนียมก็ได้ให้คำตอบที่สมองกำลังปฏิเสธแก่พวกเขาที่งงกันเป็นไก่ตาแตก

                มันก็แหงอยู่แล้วเพราะว่านี่คือดิสก์สกิลที่พวกเราสร้างขึ้นมาเอง ในหมู่พวกเรามีคนที่เป็นเดเวล็อปเปอร์ของเกมโลกาวินาศอยู่ทั้งการอัพเดทแพทซ์ สกิล ไอเทม ไปจนถึงแอพพลิเคชั่นปีศาจจะอะไรก็เสกออกมาได้หมดนั่นแหละแต่เพราะนิสัยของเจ้านั่นมันติดเล่นอยู่เรื่อยก็เลยไม่อยากทำของแบบนี้ขึ้นมามากๆเพราะจะทำให้เกมล่าชาวโลกไม่สนุก

                หล่อนพูดแล้วก็หัวเราะ

                หึๆ ไม่คิดบ้างเลยเหรอว่ามันน่าตลกชะมัดนิสัยบ้าๆ บอๆ ที่เหมือนจะมีแต่ในเรื่องแต่งเป็นเหตุผลที่ผู้แต่งหาเรื่องมาค้ำจุนความสมเหตุสมผลให้กับเรื่องของตัวเองมันจะมีอยู่จริงๆ แบบนี้

                พร้อมกับถามมาอย่างนั้น

                “…”

                แต่อิงศรไม่ตอบ เขาไม่มีเวลาให้เสียกับเรื่องไร้สาระอื่นอีกนอกจากหาทางเอาตัวรอดในสถานการณ์นี้และเพราะเขายังไม่ออกคำสั่งทุกคนก็เลยพากันไม่เคลื่อนไหวไปด้วยแต่ไม่ใช่เพราะว่าเชื่อฟังในคำสั่งเหมือนกับทหารที่ไม่ขยับตัวกันก็เพราะไม่รู้จะหนีไปที่ไหน การโจมตีปูพรมนั่นเขาที่ได้เห็นมันแค่ครั้งเดียวยังดูออกเลยว่าสุ่มสี่สุ่มห้าวิ่งหนีเอาตอนที่มันเริ่มรวบรวมพลังหนีอย่างไรก็หนีไม่พ้น

                ลำแสงเริ่มโปรยปรายลงมา

                ถึงตอนนี้ก็เริ่มมีคนก้าวเท้าหนีกันแล้ว อย่างน้อยก็ต้องหลบลำแสงที่ตกลงมา

                ถ้าโจมตีอีกสิบครั้งได้ก็จะรอดจากสถานการณ์นี้มันคือทางออกเพียงทางเดียว

                ต้องทำลายแวริเอเบิลไนท์ลงตอนนี้เท่านั้น

                แต่สกิลมีไม่พอก็ทำแบบนั้นไม่ได้ไหนยังจะสภาพฉุกละหุกแบบนี้อีกไม่มีทางเล็งโดนตัวมนุษย์ตางดาวได้อยู่แล้วอิงศรได้แต่นึกถึงเรื่องทำลาย

                ทำลาย

                ทำลาย

                แต่มันก็ตีบตันไปซะทุกทาง ระหว่างที่กำลังคิดอยู่นั่นเองเท้าก็เหยียบลงไปในแอ่งโคลน

                โคลนที่เกิดจากการผสานสกิลชาร์คชู้ตของเขากับเดม่อนแอพของกวินทร์

                จำได้ว่าตอนนั้นไม่ได้เล็งสกิลไปที่ตัวไทไทเนียมโดยตรงและผลของสกิลก็ไม่หายไป

                ไม่เล็งโดยตรง...

                เหมือนกับจะคิดอะไรบางอย่างได้จากคำๆ นั้นแล้วเรื่องที่กวินทร์เป็นเวพ่อนเอ็นแชนท์เตอร์

                เวพ่อนเอ็นแชนท์เตอร์...รู้สึกเหมือนมีคีย์เวิรสำคัญอยู่ในชื่อนี้

                เวพ่อน...เอ็นแชนท์

                เวพ่อนก็คืออาวุธ

                ไม่เล็งโดยตรง เล็งที่อาวุธ.. ไม่มีอาวุธเวพ่อนเอ็นแชนท์เตอร์ก็...

                จริงสิยังมีวิธีนั้นอยู่

                พอรวมคีย์เวิร์ดที่ลอยอยู่ในหัวเข้าด้วยกันก็ได้ทางออกที่น่าจะเป็นไปได้ออกมาแต่เวลาก็กระชั้นชิดเหลือเกิน

                ในช่วงที่คิดนั้นใช้เวลาไปหลายวินาทีทำให้กว่าจะเริ่มเคลื่อนไหวก็โดนลำแสงตีวงล้อมกรอบเข้ามาจากทุกทิศทางเสียแล้ว คนอื่นๆเป็นอย่างไรกันบ้างก็ยังไม่รู้แต่ตัวเองกำลังจะตาย

                ถ้าอย่างนั้นก็ต้องเอาตัวเองให้รอดก่อนไม่อย่างนั้นก็ช่วยใครไว้ไม่ได้แน่

                โธ่เว้ย!! ทำไมถึงไม่นึกออกให้เร็วกว่านี้นะขอให้ทันทีเหอะ!

                เด็กหนุ่มพูดแล้วตั้งหน้าไม้...

                ไหว้ล่ะหนนี้ช่วยหน่อยเถอะโอดิน!”

                เล็งมันไปทางที่ไทเทเนียมยืนแต่กลับไม่มีปฏิกิริยาดูท่าจนป่านนี้แล้วปีศาจก็ยังไม่ยอมรับฟังคำสั่งถึงจะพูดแบบอ้อนวอนก็ตาม

                จะหัวสูงไปถึงไหนกันฟระ

                อิงศรสบถใส่ความดื้อด้านนั่นแล้วเปลี่ยนใจไม่พึ่งพาปีศาจตรงๆ เพราะอย่างไรก็ทำใจไว้แล้วว่าจะเป็นแบบนี้จึงเรียกอาคานาร์เดอะทาวเวอร์ที่สามารถขโมยสกิลจากปีศาจที่ครอบครองมาใช้เองได้

                ไม่ง้อแกแล้ว

                เมื่อหน้าจอที่มีปุ่มสั่งยิงปรากฏขึ้นมาเด็กหนุ่มก็กระแทกมือลงไปบนนั้นและปลดปล่อยคลื่นสายฟ้าสีทองแล่นตรงไปยังมนุษย์ต่างดาว

                สายฟ้าสลายไปก่อนจะทันเข้าถึงตัวหล่อน

                ภาพที่เห็นกันจนเป็นเรื่องปกติไปแล้วแต่ว่า...

                ที่สลายไปไม่ใช่แค่สายฟ้า โดรนก็ด้วย ชุดสีดำล้ำสมัยที่หล่อนสวมก็เช่นกัน แวริเอเบิลไนท์กำลังหายไป

                ท...ทำลายได้แล้ว

                ได้ยินเสียงของกวินทร์ดังมาจากทางด้านหลังดูเหมือนจะยังสบายดีอยู่พอเหลือบตาไปมองก็เห็นทุกคนยังอยู่กันครบไม่มีใครขาดหายไป

                “…”

                แต่ยังมีอยู่อย่างหนึ่งที่ขาดไป

                อิงศรหันเหสายตากลับไปที่ไทเทเนียมซึ่งถูกทำลายคอมโบที่แสนภาคภูมิใจลงใบหน้าของหล่อนบิดเบี้ยวเหยเกและคงจะเตรียมตัวก่นด่าอย่างฉุนเฉียวหรือไม่ก็ทำหน้าเหลือเชื่อแต่นี่...

                นี่ไม่คิดจะสงสัยบ้างเลยรึไงว่าทำไมท่าของตัวเองถึงโดนทำลายน่ะ

                ไม่เพียงแต่ไม่ตกใจหรือแม้แต่ทึ่งซักเล็กน้อยมิหนำซ้ำหล่อนยังยิ้ม

                กำลังยิ้มอยู่ยิ้มอย่างสนุกสนาน

                ทำไมถึงเป็นแบบนั้นหมายความว่านี่ก็เป็นสิ่งที่หล่อนคาดการณ์เอาไว้ด้วยอย่างนั้นหรือ?

                ถ้าคาดการณ์ว่าไม้เด็ดของตัวเองจะถูกทำลายได้แสดงว่าต้องมีแผนรับมือ

                ก็ไม่นี่ เรื่องที่นายมีเดม่อนแอพโอดินที่มีพลังทำลายความทนทานของอาวุธนั่นน่ะฉันรู้อยู่แล้ว

                หล่อนพูดแล้วยื่นหลังถุงมือที่ติดตั้งอัญมณีซึ่งเป็นอาวุธประจำตัวให้ดู

                อัญมณีถูกทำลายถูกทำให้แตกเป็นเสี่ยงและหลอมเหลวจนเป็นคราบติดอยู่บนนั้น

                แวริเอเบิลไนท์เป็นสกิลของอาชีพเวพ่อนเอ็นแชนท์เตอร์ดังนั้นจึงมีเงื่อนไขพื้นฐานเหมือนกับสกิลในเครือเดียวกันทั้งหมดนั่นก็คือถ้าไม่มีอาวุธก็จะใช้ไม่ได้ดังนั้นในการต่อสู้กับสายอาชีพนี้เล็งทำลายอาวุธหรือทำให้จับอาวุธไม่ได้ถือเป็นจุดสำคัญเรื่องแค่นี้ทำไมฉันจะไม่รู้จุดอ่อนของท่าตัวเองกันล่ะ

                หล่อนพูดไปก็ถอดถุงมือทิ้งไปด้วย

                พูดตามตรงนะฉันดีใจมากกว่าที่มันไม่จบลงง่ายๆ ทุกอย่างเป็นไปตามที่เขาคนนั้นปรารถนา

                จะว่าไปตั้งแต่เมื่อกี้แล้วก็เห็นเธอพูดถึงคนนั้นๆ อยู่เรื่อยเลยเจ้านั่นเป็นใครกัน

                อิงศรถาม

                แต่มิ่งขวัญก็พูดแทรกขึ้นมา

                เจ้าแป๊ะยิ้มโพแทสเซียมนั่นสั่งเธอมาน่ะสิหมอนั่นก็สนใจฟันเฟืองของศรกับฉํนอยู่ใช่ไหมล่ะ

                มันก็ใช่แหละแต่เดิมทีตอนแรกสุดท่านรูบิเดียมเป็นคนสั่งให้ฉันเก็บเฟืองจากนายมาแล้วจากนั้นท่านโพแทสเซียมก็มาเคลมให้ฉันส่งเฟืองให้เขาแทนแต่ว่านะคนที่ฉันรับใช้น่ะไม่ใช่สองคนนั่นหรอก

                ไทเทเนียมตอบ

                แต่ว่าเธอเป็นลูกน้องของเจ้าแป๊ะยิ้มนั่นไม่ใช่รึไง

                ฉันแค่โดนเอาไปฝากเป็นลูกน้องเท่านั้นเองคนที่เปลี่ยนชีวิตของฉันน่ะคือท่านแฟรนเซียมที่เป็นราชครูลำดับที่หนึ่งต่างหาก

                ไทเทเนียมพูด

                แล้วเจ้าแฟรนเซียมนั่นมีเป้าหมายอะไรกันแน่

                อิงศรถาม

                แต่ไทเทเนียมกลับตอบมาว่า...

                ถ้าเป็นเรื่องเป้าหมายของเขานายน่ารู้ดีกว่าฉันนะ

                คำพูดแบบนั้นหรือหล่อนตั้งใจจะบอกว่า คนๆ นั้น เป็นคนใกล้ตัวเขา

                หมายความว่ายังไง

                ก็นายไปอยู่ใกล้ชิดเขามาตั้งสามปีนี่นา

                สามปีเป็นจำนวนที่ตัดคนไม่เกี่ยวข้องออกไปได้เยอะเลยแต่มันก็แทบจะตัดทุกคนที่เขารู้จักออกไปหมด

                คนที่อยู่ด้วยกันมาสามปีและมีความเกี่ยวข้องกับมนุษย์ต่างดาว

                คนแบบนั้นที่เหลืออยู่ก็มีแค่ข้าวหลามที่ตอนนี้กลายเป็นพวกอารย-สนธยา

                เขาเป็นคนที่เข้าใจในตัวฉันและเป็นราชครูลำดับที่หนึ่งซึ่งก็คือท่านแฟรนเซียมแต่ว่าสำหรับนายอาจจะเรียกเขาด้วยอีกชื่อหนึ่ง

               

                ...ในเวลาเดียวกันนั่นเองอีกด้านหนึ่ง...

                คืนนี้พระจันทร์เต็มดวงน้ำจึงขึ้นสูงจนเกือบจะท่วมชะง่อนผาที่ตั้งเยื้องถัดไปจากจุดที่ชมวิว

                สถานที่ซึ่ง สิงห์ ธุวดารกะ ตกลงมาจนเสียชีวิต

                โพแทสเซียมยืนอยู่ด้านในของชะง่อนผาหันหน้าออกไปทางปลายแหลมที่ยืนเข้าไปในทะเล

                บนแหลมนั่นมีชายร่างสูงคนหนึ่งสวมชุดเครื่องแบบทหารระดับสูงของเมตไตรยที่เปียกชุ่มโชก

                ชายคนนั้นชุ่มโชกไปทั้งตัวตั้งแต่หัวจรดเท้าราวกับเพิ่งลงไปว่ายน้ำทะเลมา

                “อะฮะ หาอยู่ตั้งนานที่แท้ก็มาว่ายน้ำเล่นอยู่ที่นี่เองหรอกหรือครับ

                โพแทสเซียมพูดคุยกับชายคนนั้น

                “…”

                แต่เขาไม่พูดตอบ

                ดวงตาของชายคนนั้นสะท้อนแสงเป็นประกายเหมือนตาแมวท่ามกลางเงาที่เกิดจากแสงจันทร์ซึ่งสะท้อนมาจากด้านหลัง

                ความเงียบยังคงดำเนินต่อไปจนกระทั่ง....

                มีเสียงดังแว่วมา

                เสียงที่มีแต่ประสาทสัมผัสระดับมนุษย์ต่างดาวเท่านั้นจึงจะได้ยิน

                เสียงพูดคุยของคนสองคนน่าจะเป็นผู้ชายทั้งหมด

                เสียงดังมาจากโขดหินตรงเชิงผาด้านบน

                นั่นมันพลเอกสิงห์ไม่ผิดแน่

                ยังมีชีวิตอยู่จริงๆ เหรอเนี่ย

                รีบรายงานไปก่อนเถอะ

                แต่ว่าทำไมเส้นผมถึงเป็นสีเงินล่ะ

                สรุปก็คือนั่นเป็นทหารที่ส่งมาเพื่อค้นหาศพของสิงห์ ธุวดารกะ

                ชายตรงเชิงผาทำท่าจะชักดาบจากเอวแต่ก็มารู้ตัวเอาทีหลังว่าไม่มีดาบ

                จึงเปลี่ยนไปใช้มือเปล่าตวัดอากาศแทนแล้วเพียงแค่นั้น

                ทั้งโขดหิน ทั้งคน ทั้งเชิงผา ก็กลายเป็นชิ้นๆ ในพริบตา

                ทั้งหมดร่วงลงไปในทะเลและถูกพัดหายไป

                ตอนนั้นเองโพแทสเซียมก็ปรบมือเปาะแปะๆๆ

                เอาจริงเอาจังเหลือเกินนะครับ...ว่าแต่ไปทำกับลูกน้องแบบนั้นเนี่ยหรือว่าตอนนี้ผมควรจะต้องเรียกคุณว่าท่านแฟรนเซียมดีล่ะคุณสิงห์ ธุวดารกะตอนนี้คุณแสดงบทบาทไหนอยู่กันแน่นะ

                ชายคนนั้นหันมาสบตา

                มุมที่เปลี่ยนไปทำให้แสงจันทร์สะท้อนออกมาด้านหน้ามากขึ้น

                ใบหน้าของมนุษย์ที่เรียบนิ่งไร้ซึ่งอารมณ์

                ใบหน้าของสิง ธุวดารกะ

                เส้นผมสีเงิน

                ชื่อบนแถบพลังชีวิตสีฟ้าเยี่ยงมนุษย์ต่างดาวกับพลังชีวิตหนึ่งแสนถ้วน

     

    แฟรนเซียม Lv. 144

    [/////100000:100000/////]


    ***ตอนแรกตั้งใจจะใช้ชื่อตอนว่า ราชสีห์นามอัสลาน ที่มาจากนาเนียร์แล้วนะเนี่ยแต่สุดท้ายก็เปลี่ยนใจครับ เพราะที่จะเอามาใช้แค่อยากจะสื่อว่าคืนชีพแค่นั่นแหละครับแลดูมันไม่ค่อยสื่่อไงไม่รู้แถมเดี๋ยวจะเอาไปตีกันมั่วกับของอิงศรอีกเลยพอดีกว่า 555+ ไรท์ก็อ้อมโลกเหลือเกิ๊นนนเกือบทำคนอ่านสับสนหนักกว่าเดิม(หรือมันคงไม่หนักไปกว่านี้แล้ว) เอาเป็นว่าแล้วเจอกันใหม่วันอังคารหน้านะคร้าบบ****

    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    นิยายที่ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×