ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    A time of Love กาลครั้งหนึ่งของหัวใจ

    ลำดับตอนที่ #4 : ตอนที่ 4 รักแรกพบ

    • อัปเดตล่าสุด 15 ต.ค. 50


                 ตอนแรกเคียร์และชนิตสิรีก็เดินชี้ชวนกันชมสินค้าที่สวยงามอย่างสนุกสนาน  แต่เพราะสร้อยที่เคียร์ใส่ติดคออยู่ประจำเกิดหลุด  หญิงสาวจึงหยุดเดินแล้วก้มลงเก็บมันขึ้นมา  เงยหน้าขึ้นอีกทีเพื่อนสาวก็หายไปเสียแล้ว

                  “ตายล่ะ  เชอร์ลีย์  เชอร์ลีย์”  เคียร์เรียกพลางเหลียวหาเพื่อน

                  เธอเริ่มออกเดินตามหาเพื่อนสาวจนทั่วตลาดด้วยความรู้สึกเป็นห่วง

                  “ทำไงดีล่ะ  เชอร์ลีย์เธอหายไปไหนของเธอนะ”

                  เคียร์ตัดสินใจเดินไปรอชนิตสิรีที่รถ  และหวังอยู่ในใจให้ชนิตสิรีกำลังรออยู่ที่รถแล้ว  แต่พอมาถึงรถกลับไม่มีแม้แต่เงาของเพื่อรัก

                  เคียร์รถอยู่ที่รถหลายชั่วโมง  แล้วจึงเข้าไปตามหาเพื่อนในตลาดอีกครั้ง  ไม่ว่าเธอจะพยายามค้นกาสักเท่าไหร่ก็ยังไม่เจอชนิตสิรีอยู่ดี  หญิงสาวจึงตัดสินใจไปแจมความกับตำรวจท้องถิ่นให้ช่วยตามหาก่อนที่จะกลับมาบอกคนที่บ้าน

                                     ***************************************

                  ชนิตสิรีค่อยๆ ลืมตาขึ้นก็พบว่าตัวเองกำลังนอนอยู่ริมแม่น้ำที่ไหนสักแห่ง  เธอค่อยๆ ยันกายขึ้น  แล้วทบทวนสิ่งที่เกิดขึ้นแล้วมองไปรอบๆ

    ตอนแรกเธออยู่กับเคียร์พาเธอไปเที่ยวที่พิพิธภัณฑ์ และเที่ยวตลาดต่อแล้วเรื่องต่อจากนั้นเธอก็จำอะไรไม่ได้เลย…

                  แล้วเธอมาอยู่ที่นี่ได้อย่างไร?  เคียร์หาไปไหน?  แล้วเธอจะทำอย่างไรต่อไปดี?

                 หญิงสาวเดินเราะริมน้ำไปเรื่อยๆ ไม่นานก็เห็นหมู่บ้านอยู่ใกล้ๆ เธอรีบวิ่งไปเผื่อจะได้ขอความช่วยเหลือจากชาวบ้าน

                 เมื่อเดินไปถึงก็เห็นชาวบ้านต่างนั่งอยู่ตรงริมทางเดิน  หญิงสาวมองด้วยความสงสัยว่าพวกเขากำลังทำอะไรกันอยู่

                “แม่หนูๆ หลบมาข้างในเร็ว”  ชายชราคนหนึ่งในจำนวนคนที่มานั่งอยู่ริมทางเดินเหมือนรออะไรบางอย่างอยู่พูดขึ้นพลางกวักมือเรียก

                “คะ?  ทำไมหรือคะ?”  

                ไม่ทันที่ชายชราจะได้ตอบคำถามของหญิงสาวเสียงม้าหลายตัวก็มุ่งหน้ามาทางหญิงสาวทำให้ชนิตสิรีหันไปดู

                …มีอะไรกัน  นั่นมันขบวนอะไร  มีม้าเพียบเลย  แต่ตัวอย่างกับทหารที่โชว์ในพิพิธภัณฑ์เลย  โอ่โห! อย่างกับอยู่ในหนังย้อนยุคแน่ะ  เอ๊ะ!…หรือว่าเขากำลังถ่ายละครกัน  อาจจะใช่ก็ได้  ว้าว!…  หญิงสาวคิดในใจ

                ม้าตัวหน้าสุดที่คนขี่แต่งตัวคล้ายทหารในอดีตที่เธอเคยเห็นในพิพิธภัณฑ์ เซนต์  เวสท์  ม้ามาหยุดที่เธอแล้วชักดาบออกมา  เขาใช้มันชี้มาทางหญิงสาว

                “เจ้ากล้าดีอย่างไรมาขวางขบวนเสด็จขององค์ราชาเซนต์  เวสท์”

                “อะไรกันเนี๊ย  แล้วนายล่ะกล้าดียังไงเอาดาบมาชี้หน้าฉันห๊า”

                “ยังจะเถียงอีก  นังคนนี้นี่”  พูดจบทหารก็เตรียมตวัดดาบไปที่หญิงสาว  ทว่าเสียงทุ้มทรงอำนาจเสียงหนึ่งดังขึ้นขัดเสียก่อน

               “ปล่อยเธอฟรอส  หลีกทาง”

               ทหารทั้งหมดแหวกออกเผยให้เห็นชายหนุ่มบนหลังม้ารูปร่างสง่างาม  ใบหน้าคมเข้าคลามแดด  จมูกโด่งคมสัน  ริมฝีปากบาง  นัยน์ตาสีดำรัตติกาลเป็นประกายวิบวับจับจ้องมาที่เธอจนทำให้เธอรู้สึกวูบวาบไปทั้งตัวอย่างไม่เคยเป็นมาก่อน

               “เจ้ามาขวางขบวนของข้าไว้ทำไม?”  เจ้าของเสียงทุ้มเอ่ย
               
               “เออ…คือฉันเปล่า…”

               “บังอาจ!  ทูลตามตรงไปดีๆ ดีกว่า  เจ้ามาขวางขบวนของพระองค์ทำไม?”

               “ฟรอส  เดี๋ยวข้าจัดการเอง”  ชายหนุ่มเจ้าของเสียงทุ้มพูดเป็นเชิงปราม

               “นี่มันอะไรกัน  คุณเป็นใครกันแน่? ฉันงงไปหมดแล้ว”  

               “ข้าราชาแห่งเอมเมอรัลด์  เซนต์  เวสท์”

               “พูดเป็นเล่น  ไหนมีหลักฐานหรือเปล่า?”

               “มีสิ  ถ้าเจ้าอยากดู”

               ชายคนที่อ้างว่าตัวเองคือกษัตริย์เซนต์  เวสท์แห่งเอมเมอรัลด์ลงจากม้าเดินมายังจุดที่เธอยืนอยู่  หญิงสาวรู้สึกใจเต้นแรงและเร็วผิดปกติเมื่อชายหนุ่มเดินเข้ามาใกล้  บางทีเธอคิดว่าเธอควรจะไปให้หมอตรวจหลังจากที่กลับบ้านแล้ว

               เขายื่นกริชเล่มหนึ่งให้เธอดู  เธอรับมาดูกวาดสายตาไปทั่วกริชเล่มนั้นแล้วมาหยุดอยู่ตรงตราสัญลักษณ์ที่เคียร์เคยชี้ให้ดู  กริชเล่มนี้มีตราสัญลักษณ์เป็นรูปดาวหกแฉกอยู่ในพระอาทิตย์เหมือนในพิพิธภัณฑ์ไม่มีผิด  แต่จะต่างกันตรงที่เล่มที่อยู่ในมือของเธอดูจะใหม่กว่าเท่านั้น

              หญิงสาวกลืนน้ำลายอย่างยากเย็น

              …นี่ฉันหลงมาในยุคอดีตหรือนี่  เป็นไปได้ยังไงกัน  ฉันต้องกำลังฝันอยู่แน่ๆ เลย…

              “ทีนี้  เจ้าจะบอกข้าได้หรือยังว่าเจ้าเป็นใคร  มาจากไหน  แล้วมาขวางข้าไว้ทำไม?”

              “เออ…คือฉันหลงทางมา  เอ้ย…หม่อมฉันหลงทางมาเพคะ”

              เซนต์  เวสท์  แย้มสรวลอย่างขันๆ กับท่าทางของหญิงสาว

              “มีอะไรน่าขันนักหรือไงเพคะ  ถึงยิ้มอยู่ได้”  ชนิตสิรีพูดหาเรื่องโดยหลงลืมไปว่าตัวเองกำลังพูดอยู่กับใคร

              “เธอนี่  น่ารักดีนะ”  ทรงตรัสชมด้วยดวงตาพราวระยับ

    คำชมนี้ทำให้ชนิตสิรีถึงกับทำอะไรไม่ถูกพูดไม่ออกเลยทีเดียว  เธอไม่เข้าใจว่าเขากำลังคิดอะไรอยู่

              แล้วอยู่ๆ เขาก็ยื่นมือมาฉุดมือของหญิงสาวแล้วยกเธอขึ้นไปนั่งบนม้าอย่าง่ายดายแล้วเขาก็ตวัดตัวขึ้นม้าตามมา

             “เห็นบางๆ แบบนี้เจ้าก็ตัวหนักไม่ใช่เล่นเหมือนกันนะ”  ทรงตรัสเบาๆ ที่ข้างหูของหญิงสาว

              ลมหายใจอุ่นๆ ที่ริรรดอยู่ข้างแก้มทำเอาชนิตสิรีหน้าแดงก่ำ

             “เดินทางต่อ”  เซนต์  เวสท์หันไปสั่งทหาร

             “จะพาหม่อมฉันไปไหน  หม่อมฉันไม่ได้ทำอะไรผิดนะ  ปล่อยฉันลง”  หญิงสาวเริ่มโวยวาย

             “เจ้าไม่ได้ทำอะไรผิดหรอก  สาวน้อยขี้สงสัย  แต่เรากำลังจะกลับวังกัน”

             “กลับวัง! ทำไมต้องกลับ?  ไม่เอาไม่กลับ  ไม่กลับ”

             “ข้ายังไม่รู้จักชื่อเจ้าเลยสาวน้อยขี้สงสัย  เจ้าชื่ออะไรหรือ?”  ทรงเปลี่ยนเรื่องหน้าตาเฉย

             “…….”  หญิงสาวไม่ยอมตอบแถมยังเชิดหน้าอย่างงอนๆ

             “ถ้าเจ้าไม่ยอมตอบคำถามข้า  ข้าจะถือว่าเจ้าคงอยากให้ข้าหอมแก้มเจ้า”  ทรงก้มลงมากระซิบที่ข้าหูอีกครั้ง

             “บ้า!  หลงตัวเองที่สุด”

             “ถ้าเจ้าว่าอย่างนั้นข้ายอมรับก็ได้  แล้วเจ้าจะตอบคำถามของข้าได้หรือยัง?”

             “เชอร์ลีย์”

             “ชื่อเพราะ”

    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×