ลำดับตอนที่ #3
คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #3 : ตอนที่ 3 เหตุการณ์ประหลาด
นักท่องเที่ยวเดินขวักไขว่บริเวณหน้าพิพิธภัณฑ์ บางคนกำลังถ่ายรูปที่บริเวณหน้าพิพิธภัณฑ์ บางส่วนเดินไปยังตลาด บางส่วนเดินเข้าไปชมพิพิธภัณฑ์
เคียร์หันมาบอกกับชนิตสิรีว่า
“ระวังหลงนะ ที่นี่คนเยอะ ถ้ามาประเทศนี้ก็ต้องมาที่นี่ถึงจะเรียกว่ามาถึงจริงๆ ไปเขาไปชมกันเถอะเดี๋ยววันนี้ฉันจะทำหน้าที่ไกด์พิเศษเอง”
วันนี้ชนิตสิรีและเคียร์ใส่ชุดพื้นเมืองเช่นเดียวกับเมื่อคืน เคียร์ใส่สีฟ้า ชนิตสิรีใสสีชมพูอมส้ม ชนิตสิรีจะเหมือนชาาวพื้นเมืองทั่วไปถ้าหากผมที่ถูกเกล้าขึ้นไปนั้นเปลี่ยนจากสีดำสนิทเป็นสีน้ำตาลอย่างคนพื้นเมือง
“กษัตริย์เซนต์ องค์นี้สำคัญมากเหรอ?” หญิงสาวถามหลังจากก้าวพ้นประตูอันหรูหราอลังการ
“ท่านเป็นกษัตริย์นักรบ ที่ทำให้ประเทศนี้มีเอกราชมาจนถึงทุกวันนี้ แต่แปลกนะที่ประวัติศาสตร์ระบุว่าพระองค์ไม่มีองค์รานีเลยแม้แต่องค์เดียว”
“ไม่มีองค์รานีเหรอ? แปลกนะ ”
“ก็นั่นน่ะสิ แต่มีเรื่องเล่าว่าพระองค์มีหญิงที่รักแต่ว่าหญิงคนนั้นตายด้วยน้ำมือของพวกเคซัส จากนั้นพระองค์ก็ไม่รักใครอีก”
“พวกเคซัส?”
“เป็นศัตรูที่คอยหาเรื่องเมืองเรามาอยู่ตลอด เหมือนกันพม่ากับไทยในสมัยก่อนนั่นแหละ”
“ถ้าเป็นเรื่องจริง กษัตริย์องค์นี้ก็รักผู้หญิงคนนั้นมากๆ สินะ ในสมัยนี้จะมีผู้ชายแบบนี้อีกไหมนะ”
“มีสิ พี่ชายฉันไง เขาเล่ามาอีกว่าผู้หญิงที่เป็นคนรักของพระองค์เป็นหญิงต่างชาติ แต่ไม่รู้มาจากชาติไหน บางทีพี่เซนด์อาจเคยเป็นกษัตริย์เมื่อชาติที่แล้ว แล้วเธอก็เป็นหญิงคนรักคนนั้น แล้วชาตินี้พี่เซนต์ก็ตามเธอมาเพื่อจะได้เกิดมาเป็นคู่กันจริงๆ เสียที ว้าว ช่างโรแมนติกอะไรอย่างนี้”
“เว่อร์ ช่างจินตนาการจริงๆ นะเธอ”
“ถ้ามันเป็นเรื่องจริง ” เคียร์ยังพูดไม่ทันจบชนิตสิรีก็ขัดขึ้น
“ซึ่งมันไม่มีทางเป็นจริง อีกอย่างมันก็แค่เรื่องเล่า ไปเหอะน่า ตรงนั้นอะไรเหรอ เป็นอาวุธที่พระองค์ให้เวลารบใช่ไหม?”
เคียร์ค้อนเพื่อนสาววงใหญ่
“น่าเพื่อนรัก อย่าเพิ่งงอนฉันกำลังสนใจกับของพวกนี้อยู่ ไหนคุณไกด์พิเศษอธิบายหน่อยสิจ๊ะ”
“นั่นคือกริชประจำพระองค์ กริชจะใช้เฉพาะแต่กษัตริย์และคนในราชวงศ์เท่านั้น กริชแต่ละอันจะมีลักษณะพิเศษของมัน ทำให้รู้ว่ากริชอันนั้นเป็นของใคร”
“แล้วอันนี้มันพิเศษตรงไหนเหรอ?”
“ในสมัยของพระองค์จะแยกกริชได้โดยตราสัญลักษณ์ของแต่ละคน อย่างอันนี้ดูดีๆ จะเห็นดาวหกแฉกอยู่ในดวงตะวัน”
“อือม์ จริงด้วย”
ชนิตสิรียกมือขึ้นลูบสร้อยบนคออย่างไม่รู้ตัว
“ดาวหกแฉกเหมือนกันสร้อยของเธอนี่แหละ ไปดูตรงนั้นดีกว่านั่นเป็นชุดในสมัยนั้น”
“ไหน? ชุดคล้ายๆ กับสมัยนี้เลยนะ”
“ใช่ พวกเราพยายามรักษาการใส่ชุดพื้นเมืองเอาไว้ มันเป็นสิ่งเดียวที่มีการเปลี่ยนแปลงน้อยที่สุด แต่ที่แสดงนี่เป็นชุดของชาววัง ชุดของผู้หญิงที่อยู่ในวังต่างจากชาวบ้านตรงที่เอว ผู้หญิงชาววังจะมีเชือกเป็นพู่ๆ ห้อยอยู่ทางด้านซายอย่างที่เห็น เชือกจะแยกได้เป็นสีต่างๆ ตามสังกัดของตัวเอง”
ทั้งคู่ใช้เวลาอยู่ในพิพิธภัณฑ์ เซนต์ เวสท์ เกือบครึ่งวันตามกำหนดการ เคียร์พาชนิตสิรีออกมาหาอะไรทานง่ายๆ ใกล้ๆ กับพิพิธภัณฑ์ ทานเสร็จทั้งคู่ก็เริ่มเดินเที่ยวตลาดเซนต์ต่อ
ตลาดมีลักษณะเป็นตึกสองชั้นมีซอยมากมายแต่ละซอยสามารถเดินถึงกันได้ ในตลาดมีคนเที่ยวเยอะมากกว่าในพิพิธภัณฑ์ซะอีก ตลาดนี้ขายของประเภทของที่ระลึก ของฝาก และของขึ้นชื่อของเอมเมอรัลด์
ชนิตสิรีมาหยุดยืนมองสร้อยซึ่งมีลักษณะคล้ายๆ กับของเธอ แต่สร้อยเส้นนั้นเป็นสร้อยแบบเต็มทั้งอัน ไม่มีช่องว่างตรงกลางเหมือนอย่างของเธอ
“ของพวกนี้เป็นของปลอม ทำเลียนแบบเพื่อขายนักท่องเที่ยวเท่านั้นแหละ”
“แล้วเส้นนี้?”
“ของแท้ สร้อยเส้นนี้เป็นสมบัติของตระกูลของฉัน ที่จริงที่เธอใส่อยู่เป็นแค่ครึ่งเดียวเท่านั้น อีกครึ่งหนึ่งอยู่ที่พี่เซนต์ ในส่วนที่เป็นช่องว่างของเธอไง สร้อยอีกอันที่พี่เซนต์ใส่อยู่เป็นรูปดาวหกแฉกทำด้วยอัญมณีสีดำ ถ้าเอามารวมกับของเธอจะเข้ากันได้พอดี”
“ถ้างั้นสร้อยเส้นนี้ก็มีค่ามากสิ?”
“ไม่ต้องคิดจะคืนเลยนะ เธอใส่ไว้อย่างนั้นแหละดีแล้ว” เคียร์พูดดักคอ
“ก็ได้ก็ได้ ของสวยทั้งนั้นเลย เคียร์มาช่วยฉันเลือกกำไลหน่อยสิ”
“ฉันลืมไปว่าเธอเป็นนักช๊อป รู้งี้น่าจะหาคนมาช่วยถือของสักคน”
“ไม่ถึงขนาดนั้นมั้ง”
“เดี๋ยวก็คอยดูแล้วกัน”
“เล่นพูดซะแบบนี้อย่าคิดว่าฉันไม่กล้าซื้อเยอะนะ” พูดจบชนิตสิรีก็หันไปสนใจกับของ
เคียร์สายหน้าอย่างระอาแกมเอ็นดู
ชนิตสิรีเดินดูของไปเลื่อยๆ จนเพลิน หันมาอีกทีก็ไม่เห็นเคียร์แล้ว
“เคียร์ เคียร์” หญิงสาวหันซ้ายหันขวาเรียกเพื่อนหวังให้เพื่อนรักยืนดูของอยู่ใกล้ๆ แต่ไม่มี
หญิงสาวเริ่มใจไม่ดี เธอออกเดินตามหาเคียร์ ยิ่งเดินคนยิ่งน้อยลง อากาศที่เคยสดใสเริ่มมืดครึ้มลงราวกับฝนกำลังจะตก จนสุดท้ายคนหายไปจากตลาดหมดเหลือเพียงเธอยืนเคว้งคว้างอยู่คนเดียวกลางตลาด
ใจของชนิตสิรีเริ่มเต้นแรงรับรู้ถึงความเปลี่ยนแปลงซึ่งไม่ปกติธรรมดา หญิงสาวเกิดความกลัวขึ้นมาอย่างจับใจ ทำอะไรไม่ถูกได้แต่ยืนนิ่งๆ
หมอกลงหนาขึ้นเรื่อยๆ หญิงสาวเริ่มหายใจไม่ออกยิ่งหมอกมากเหมือนกับอากาศหายใจยิ่งน้อยตามไปด้วย ไม่นานสติของเธอก็ดับวูบไปพร้อมกับแสงที่สร้อยคอเป็นประกายวูบแล้วหายไปพร้อมกับร่างของเธอ
เคียร์หันมาบอกกับชนิตสิรีว่า
“ระวังหลงนะ ที่นี่คนเยอะ ถ้ามาประเทศนี้ก็ต้องมาที่นี่ถึงจะเรียกว่ามาถึงจริงๆ ไปเขาไปชมกันเถอะเดี๋ยววันนี้ฉันจะทำหน้าที่ไกด์พิเศษเอง”
วันนี้ชนิตสิรีและเคียร์ใส่ชุดพื้นเมืองเช่นเดียวกับเมื่อคืน เคียร์ใส่สีฟ้า ชนิตสิรีใสสีชมพูอมส้ม ชนิตสิรีจะเหมือนชาาวพื้นเมืองทั่วไปถ้าหากผมที่ถูกเกล้าขึ้นไปนั้นเปลี่ยนจากสีดำสนิทเป็นสีน้ำตาลอย่างคนพื้นเมือง
“กษัตริย์เซนต์ องค์นี้สำคัญมากเหรอ?” หญิงสาวถามหลังจากก้าวพ้นประตูอันหรูหราอลังการ
“ท่านเป็นกษัตริย์นักรบ ที่ทำให้ประเทศนี้มีเอกราชมาจนถึงทุกวันนี้ แต่แปลกนะที่ประวัติศาสตร์ระบุว่าพระองค์ไม่มีองค์รานีเลยแม้แต่องค์เดียว”
“ไม่มีองค์รานีเหรอ? แปลกนะ ”
“ก็นั่นน่ะสิ แต่มีเรื่องเล่าว่าพระองค์มีหญิงที่รักแต่ว่าหญิงคนนั้นตายด้วยน้ำมือของพวกเคซัส จากนั้นพระองค์ก็ไม่รักใครอีก”
“พวกเคซัส?”
“เป็นศัตรูที่คอยหาเรื่องเมืองเรามาอยู่ตลอด เหมือนกันพม่ากับไทยในสมัยก่อนนั่นแหละ”
“ถ้าเป็นเรื่องจริง กษัตริย์องค์นี้ก็รักผู้หญิงคนนั้นมากๆ สินะ ในสมัยนี้จะมีผู้ชายแบบนี้อีกไหมนะ”
“มีสิ พี่ชายฉันไง เขาเล่ามาอีกว่าผู้หญิงที่เป็นคนรักของพระองค์เป็นหญิงต่างชาติ แต่ไม่รู้มาจากชาติไหน บางทีพี่เซนด์อาจเคยเป็นกษัตริย์เมื่อชาติที่แล้ว แล้วเธอก็เป็นหญิงคนรักคนนั้น แล้วชาตินี้พี่เซนต์ก็ตามเธอมาเพื่อจะได้เกิดมาเป็นคู่กันจริงๆ เสียที ว้าว ช่างโรแมนติกอะไรอย่างนี้”
“เว่อร์ ช่างจินตนาการจริงๆ นะเธอ”
“ถ้ามันเป็นเรื่องจริง ” เคียร์ยังพูดไม่ทันจบชนิตสิรีก็ขัดขึ้น
“ซึ่งมันไม่มีทางเป็นจริง อีกอย่างมันก็แค่เรื่องเล่า ไปเหอะน่า ตรงนั้นอะไรเหรอ เป็นอาวุธที่พระองค์ให้เวลารบใช่ไหม?”
เคียร์ค้อนเพื่อนสาววงใหญ่
“น่าเพื่อนรัก อย่าเพิ่งงอนฉันกำลังสนใจกับของพวกนี้อยู่ ไหนคุณไกด์พิเศษอธิบายหน่อยสิจ๊ะ”
“นั่นคือกริชประจำพระองค์ กริชจะใช้เฉพาะแต่กษัตริย์และคนในราชวงศ์เท่านั้น กริชแต่ละอันจะมีลักษณะพิเศษของมัน ทำให้รู้ว่ากริชอันนั้นเป็นของใคร”
“แล้วอันนี้มันพิเศษตรงไหนเหรอ?”
“ในสมัยของพระองค์จะแยกกริชได้โดยตราสัญลักษณ์ของแต่ละคน อย่างอันนี้ดูดีๆ จะเห็นดาวหกแฉกอยู่ในดวงตะวัน”
“อือม์ จริงด้วย”
ชนิตสิรียกมือขึ้นลูบสร้อยบนคออย่างไม่รู้ตัว
“ดาวหกแฉกเหมือนกันสร้อยของเธอนี่แหละ ไปดูตรงนั้นดีกว่านั่นเป็นชุดในสมัยนั้น”
“ไหน? ชุดคล้ายๆ กับสมัยนี้เลยนะ”
“ใช่ พวกเราพยายามรักษาการใส่ชุดพื้นเมืองเอาไว้ มันเป็นสิ่งเดียวที่มีการเปลี่ยนแปลงน้อยที่สุด แต่ที่แสดงนี่เป็นชุดของชาววัง ชุดของผู้หญิงที่อยู่ในวังต่างจากชาวบ้านตรงที่เอว ผู้หญิงชาววังจะมีเชือกเป็นพู่ๆ ห้อยอยู่ทางด้านซายอย่างที่เห็น เชือกจะแยกได้เป็นสีต่างๆ ตามสังกัดของตัวเอง”
ทั้งคู่ใช้เวลาอยู่ในพิพิธภัณฑ์ เซนต์ เวสท์ เกือบครึ่งวันตามกำหนดการ เคียร์พาชนิตสิรีออกมาหาอะไรทานง่ายๆ ใกล้ๆ กับพิพิธภัณฑ์ ทานเสร็จทั้งคู่ก็เริ่มเดินเที่ยวตลาดเซนต์ต่อ
ตลาดมีลักษณะเป็นตึกสองชั้นมีซอยมากมายแต่ละซอยสามารถเดินถึงกันได้ ในตลาดมีคนเที่ยวเยอะมากกว่าในพิพิธภัณฑ์ซะอีก ตลาดนี้ขายของประเภทของที่ระลึก ของฝาก และของขึ้นชื่อของเอมเมอรัลด์
ชนิตสิรีมาหยุดยืนมองสร้อยซึ่งมีลักษณะคล้ายๆ กับของเธอ แต่สร้อยเส้นนั้นเป็นสร้อยแบบเต็มทั้งอัน ไม่มีช่องว่างตรงกลางเหมือนอย่างของเธอ
“ของพวกนี้เป็นของปลอม ทำเลียนแบบเพื่อขายนักท่องเที่ยวเท่านั้นแหละ”
“แล้วเส้นนี้?”
“ของแท้ สร้อยเส้นนี้เป็นสมบัติของตระกูลของฉัน ที่จริงที่เธอใส่อยู่เป็นแค่ครึ่งเดียวเท่านั้น อีกครึ่งหนึ่งอยู่ที่พี่เซนต์ ในส่วนที่เป็นช่องว่างของเธอไง สร้อยอีกอันที่พี่เซนต์ใส่อยู่เป็นรูปดาวหกแฉกทำด้วยอัญมณีสีดำ ถ้าเอามารวมกับของเธอจะเข้ากันได้พอดี”
“ถ้างั้นสร้อยเส้นนี้ก็มีค่ามากสิ?”
“ไม่ต้องคิดจะคืนเลยนะ เธอใส่ไว้อย่างนั้นแหละดีแล้ว” เคียร์พูดดักคอ
“ก็ได้ก็ได้ ของสวยทั้งนั้นเลย เคียร์มาช่วยฉันเลือกกำไลหน่อยสิ”
“ฉันลืมไปว่าเธอเป็นนักช๊อป รู้งี้น่าจะหาคนมาช่วยถือของสักคน”
“ไม่ถึงขนาดนั้นมั้ง”
“เดี๋ยวก็คอยดูแล้วกัน”
“เล่นพูดซะแบบนี้อย่าคิดว่าฉันไม่กล้าซื้อเยอะนะ” พูดจบชนิตสิรีก็หันไปสนใจกับของ
เคียร์สายหน้าอย่างระอาแกมเอ็นดู
ชนิตสิรีเดินดูของไปเลื่อยๆ จนเพลิน หันมาอีกทีก็ไม่เห็นเคียร์แล้ว
“เคียร์ เคียร์” หญิงสาวหันซ้ายหันขวาเรียกเพื่อนหวังให้เพื่อนรักยืนดูของอยู่ใกล้ๆ แต่ไม่มี
หญิงสาวเริ่มใจไม่ดี เธอออกเดินตามหาเคียร์ ยิ่งเดินคนยิ่งน้อยลง อากาศที่เคยสดใสเริ่มมืดครึ้มลงราวกับฝนกำลังจะตก จนสุดท้ายคนหายไปจากตลาดหมดเหลือเพียงเธอยืนเคว้งคว้างอยู่คนเดียวกลางตลาด
ใจของชนิตสิรีเริ่มเต้นแรงรับรู้ถึงความเปลี่ยนแปลงซึ่งไม่ปกติธรรมดา หญิงสาวเกิดความกลัวขึ้นมาอย่างจับใจ ทำอะไรไม่ถูกได้แต่ยืนนิ่งๆ
หมอกลงหนาขึ้นเรื่อยๆ หญิงสาวเริ่มหายใจไม่ออกยิ่งหมอกมากเหมือนกับอากาศหายใจยิ่งน้อยตามไปด้วย ไม่นานสติของเธอก็ดับวูบไปพร้อมกับแสงที่สร้อยคอเป็นประกายวูบแล้วหายไปพร้อมกับร่างของเธอ
เก็บเข้าคอลเล็กชัน
ความคิดเห็น