ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    Ton & Jay = Chanabadin

    ลำดับตอนที่ #6 : unrequited love

    • อัปเดตล่าสุด 15 มี.ค. 59


    ******เหตุการณ์ในเรื่องเป็นแค่เหตุการณ์สมมุติที่ผู้แต่งจินตนาการขึ้นเท่านั้น******

     

     

    “เห้ย!  ที่นี่ไม่ต้อนรับบุรีรัมย์เว้ย!”    เสียงของกวินทร์ตะโกนแซวขึ้นมาเมื่อเห็นใครคนหนึ่งเดินเข้ามาในสนามซ้อมของพวกเขา

    “โห่! พี่ผมไม่ได้มาในฐานะบุรีรัมย์ซะหน่อย  แต่ผมมาในฐานะ.....แฟนเจ” 

    “ฮิ้วววววววววววว!!!”   เสียงตอบของนฤบดินทร์ทำให้มีเสียงโห่ฮิ้วของนักบอลทีมกิเลนตามมา  ส่วนคนที่ถูกกล่าวถึงก็ยืนเขินตัวบิดอยู่ไม่ไกล

    “เจ  มาให้ต้นกอดหน่อย  ต้นคิดถึงงงงงงงงง”   นฤบดินทร์พูดพร้อมอ้าแขนเดินไปหาชนาธิปและสวมกอดอย่างคนที่ไม่ได้เจอกันนาน

    “ไอ้ต้นทำอะไรไม่อายคนอื่นเค้าหรือไง  คนเยอะแยะ”  ชนาธิปพูดพร้อมทำสีหน้าไม่พอใจแต่มือก็กอดตอบรับอ้อมกอดของนฤบดินทร์

    “ไม่เห็นต้องอาย!  คนเยอะแยะ”   คำตอบของนฤบดินทร์ทำให้ทุกคนหัวเราะออกมา  ชนาธิปได้แต่เขิน  ไม่กล้าสบตาใคร  ท่าทางเขินของชนาธิปนั้นรู้สึกจะเป็นที่ถูกใจของนฤบดินทร์เป็นอย่างมาก

    “แล้วทำไมมึงมาหาไอ้เจได้ว๊ะ!?”   ธนบูรณ์ถามแทรกขึ้นมาท่ามกลางเสียงหัวเราะ

    “ก็กูว่าง  วันนี้เค้าปล่อยให้พักผ่อน  กูก็เลยมาหาสุดที่รักกู”

    “โอ่ยยยยยยยยยจะอ้วก!”   กิเลนทุกคนถึงกับอุทานออกมาพร้อมกันเมื่อนฤบดินทร์พูดจบ  เสียงหัวเราะเฮฮายังคงดังอยู่ไม่ขาดสายตั้งแต่ผู้มาใหม่ก้าวเข้ามา   เสียงพูดคุยสนุกสนานทำให้ไม่มีใครจับสังเกตได้ว่ากำลังมีสายตาคู่หนึ่งมองมาที่นฤบดินทร์และชนาธิป  มองอย่างไม่ละสายตา  จับจ้องทุกขณะไม่ว่าสองคนนี้จะทำอะไร.....

    .

    .

    .

    .

    .

    อีกฟากหนึ่งของสนามซ้อม  มีนักฟุตบอลร่างเล็กกำลังนั่งมองเพื่อนร่วมทีมของเขาอยู่  แต่เหมือนสายตาจะไปหยุดอยู่กับผู้มาใหม่และคนตัวเล็ก

    สารัชมองสองคนนี้อย่างไม่วางตา  ทำไมทำไมทำไมคนข้างกายชนาธิปไม่ใช่เขา  ทำไมกลายเป็นเขาที่ต้องมานั่งคนเดียวอยู่ตรงนี้   เขาเดินเข้าสนามเพื่อจะมาซ้อมกับเพื่อนร่วมทีมตามปกติแต่เขาขออบอุ่นร่างกายก่อนที่จะเดินไปสมทบ   เขามองหาชนาธิป  เมื่อเจอ  เขาตั้งใจแล้วว่านั่นจะเป็นจุดหมายที่เขาจะเดินไปหลังจากอบอุ่นร่างกายเสร็จ  แต่ความคิดก็พังทลายหมดเมื่อเขามองตามเสียงที่กวินทร์ทักผู้มาใหม่  เพียงแค่เห็นไกลๆก็รู้ได้ทันทีว่าคนๆนั้นเป็นใคร  ขาที่กำลังจะก้าวไปหาชนาธิปกลับถอยหลังและนั่งทรุดลง   ไปหาชนาธิปตอนนี้ก็มีแต่จะทำให้ตัวเองเสียใจที่ต้องไปเห็นภาพบาดตาใกล้ๆ  เพียงแค่เห็นไกลๆใจเขาก็ปวดร้าวแล้ว   สารัชได้แต่มองภาพนฤบดินทร์และชนาธิปกำลังมีความสุขอยู่ท่ามกลางเพื่อนร่วมทีมของเขาด้วยความขมขื่น

    “อ้าวพี่ตัง  มานั่งทำไรตรงนี้  ไม่ไปซ้อมอ่ะ”   เสียงไอ้นิวปลุกผมให้ตื่นจากภวังค์

    “ก็ยังไม่เห็นซ้อมกันไม่ใช่เหรอ  เห็นคุยกันอยู่”   พูดแล้วอยากจะตีกบาลตัวเองซะจริงๆเพราะผมใส่อารมณ์ไปในคำพูดเต็มๆ  ไม่รู้ไอ้นิวจะจับได้ไหม

    “โอ้ยยยยยยยย!!  เดี๋ยวก็ซ้อมกันแล้วพี่  เห็นม้ะ?ไอ้ต้นกับไอ้เจแยกออกมาแล้ว  เราก็ซ้อมกันต่อ”   ผมมองตามคำพูดของไอ้นิว  ภาพที่ชนาธิปจูงมือของนฤบดินทร์ไปนั่งตรงอัฒจันทร์ข้างสนาม  ผมรีบเบือนหน้าหนี  เพราะไม่อยากเห็น

    “ป่ะพี่ตัง  ไปซ้อมกัน”   ไอ้นิวพูดพร้อมกับลากผมไปสมทบกับเพื่อนร่วมทีม  ในตอนนั้นผมไม่อยากทำอะไรเลยเมื่อไม่มีชนาธิปอยู่ข้างกันเหมือนทุกวัน  ปกติชนาธิปกับผมจะซ้อมบอลด้วยกัน  แต่วันนี้มีใครอีกคนมาพาชนาธิปออกไป  

    สารัชซ้อมบอลตามปกติแต่ดูเหมือนใจเค้าจะไม่ได้อยู่กับลูกฟุตบอลตรงหน้าเพราะแม้เท้าจะเตะบอลแต่สายตากลับมองคนที่ออกไปนั่งด้วยกัน  ชนาธิปดูมีความสุขมากเมื่อคนตรงหน้าเป็นนฤบดินทร์  สารัชเห็นรอยยิ้มของชนาธิป  เป็นรอยยิ้มที่เขาพึงปรารถนามาตลอดแต่กลับไม่เคยได้เลย  ต่างจากคนข้างกายของชนาธิปที่ได้รับรอยยิ้มนั้นทุกครั้งที่เจอหน้ากันแม้เวลาสั้นๆ   แต่กับเขา   อยู่ด้วยกันบ่อยกว่า  เจอหน้ากันทุกวัน  ซ้อมบอลด้วยกัน  เล่นให้ทีมเดียวกัน  แต่กลับไม่เคยได้รอยยิ้มนั้นเลยแม้แต่ครั้งเดียว  ชนาธิปมีแต่รอยยิ้มที่น้องชายพึงจะให้พี่ชายซึ่งเค้าไม่ต้องการ  เค้าอยากได้รอยยิ้มที่มีแต่นฤบดินทร์คนเดียวเท่านั้นที่ได้มันไป   สองคนนั้นเค้าคุยเรื่องอะไรกันนะ  เรื่องอะไรที่ทำให้ชนาธิปยิ้มแบบนั้น  ถ้าเขารู้และลองพูดบ้าง  ชนาธิปจะยิ้มให้เค้าแบบนั้นบ้างไหมนะ?

     

    “ไปก่อนนะครับ”  นฤบดินทร์พูดพร้อมยกมือลาเหล่ากิเลนพยอง  

    “เออแล้วเจอกันนะ”   เสียงกวินทร์ตอบรับ   ชนาธิปวิ่งกลับมาหาเพื่อนร่วมทีมของเขา

    “แหม!!!  ยิ้มพริ้มเชียวนะไอ้เจ!”   มาถึงอดิศักดิ์ก็แซวชนาธิปทันที   ชนาธิปไม่ตอบอะไร  ได้แต่ยิ้มและจับบอลมาซ้อมต่อ  

    แม้นฤบดินทร์จะไปแล้วแต่ชนาธิปดูจะซ้อมบอลอย่างมีความสุขมากกว่าทุกวัน  จนพี่มุ้ยบอกว่ามันเจอแฟนทียิ้มไม่หุบเลย  ทุกคนในทีมก็เออ ออ  เพราะเป็นจริงอย่างที่พี่มุ้ยว่า  ผมได้แต่มองชนาธิป  ผมจะต้องเก็บความรู้สึกนี้ไปอีกนานแค่ไหน?

    .

    .

    .

    .

    .

    .

    “มาๆ  เข้ามาเลย  ตามสบายนะทุกคน  วันนี้จัดเต็มไปเลยยยยยยย”  พี่โก้บอกน้องๆเหล่ากิเลนพยองเมื่อมาถึงร้านอาหาร  ซึ่งเป็นร้านเล็กๆแต่บรรยากาศดี  นี่ถึงขนาดกับต้องเหมาทั้งร้านเพื่อน้องๆเลยทีเดียว

    “เต็มที่เลยนะทุกคน  วันนี้มีแต่พวกเรา  สนุกได้เต็มที่”   พี่โก้บอกย้ำอีกรอบหนึ่ง  ทุกคนกระจายแยกย้ายไปจับจองโต๊ะ  เก้าอี้

    “เจ  มาทางนี้”   ผมลากชนาธิปไปนั่งหน้าเวที  ซึ่งมีไอ้ตั้ม  ไอ้บาส  ไอ้พี่ตองตามมานั่งด้วย  ร้านเริ่มเปิดเพลงคลอ  ในร้านเริ่มเข้าที่  อาหารเริ่มถูกยกมาเสิร์ฟ  ทุกคนในทีมกินไป คุยไป เฮฮาสนุกสนาน

    “เดี๋ยวกูมา”   ชนาธิปเอ่ยปากบอกเพื่อนร่วมโต๊ะ

    “เจ  จะไปไหน”   ผมถามพร้อมกับคว้าแขนชนาธิปไว้ก่อนที่จะพุ่งตัวออกไป

    “เดี๋ยวผมมาพี่”  พูดจบชนาธิปก็วิ่งออกไปทันที   ผมไม่รู้ว่าชนาธิปไปไหน  แต่เมื่อได้ยินเสียงผู้มาใหม่  ผมก็รู้ทันที

    “สวัสดีคร้าบบบบบบบบพี่ๆ”  เสียงนฤบดินทร์เข้ามาในร้านก่อนเจ้าตัว

    “เอ้อมาๆ  อย่าเพิ่งรีบกลับล่ะ”  พี่โก้พูดต้อนรับ  ชนาธิปลากผู้มาใหม่มานั่งร่วมโต๊ะ

    “แหมแค่นี้ก็ต้องไปรับกันด้วย  มาเองไม่เป็นไง?!”   กวินทร์พูดแซวทันทีที่นฤบดินทร์นั่งลง

    “มาเป็น  แต่อยากให้เจไปรับมากกว่า”  พูดอย่างเดียวไม่พอ  นฤบดินทร์ส่งสายตาหวานไปให้ชนาธิป  ซึ่งแน่นอนเมื่อฝ่ายนั้นได้รับก็อายตัวม้วน  ทุกคนต่างหัวเราะชอบใจที่ชนาธิปผู้ซนจนลิงเรียกพี่กลับต้องมาตกม้าตายเพราะคำพูดหวานๆของนฤบดินทร์  ยกเว้น.....

    “ขอบคุณมากนะที่ให้ผมมาด้วย”

    “โอ้ยเรื่องแค่นี้เอง  เห็นพวกมึงสองคนไม่ได้เจอกันนาน  ได้เจอกันทั้งทีก็ต้องอยู่กันให้นานๆหน่อย”   กวินทร์พูดพร้อมยื่นแก้วน้ำให้นฤบดินทร์  เสียงพูดคุยเฮฮาสนุกสนานดังขึ้นเรื่อยๆ  จนทำให้ไม่มีใครสังเกตว่ามีบุรุษคนนึงที่ไม่ได้สนุกเฮฮาเหมือนคนอื่นเขา 

    สารัชไม่คิดว่าจะได้เจอนฤบดินทร์ที่นี่  ตอนแรกเขาคิดว่าจะได้มีความสุขกับชนาธิป  แต่ไม่คิดเลยว่าโชคชะตาจะกลั่นแกล้งเขา  พอมีนฤบดินทร์มาอยู่ข้างๆ  คนตัวเล็กไม่สนใจเขาเลย  มีก็แค่ถามว่าจะเอาน้ำเพิ่มมั้ย?  จะกินอะไรเพิ่มเปล่า?  เขาไม่อยากได้คำถามแบบนี้  เค้าอยากได้คำถามที่คนตัวเล็กถามกับนฤบดินทร์  แข่งบอลเป็นไงบ้าง?  เจ็บตรงไหนหรือเปล่า?  ช่วยดูแลให้เอาม้ะ?  อยากกินอันนี้มั้ย?  สารัชได้แต่มองคนตรงหน้า  เขาอยากเป็นคนตรงหน้าชนาธิป  เขาอยากเป็นคนที่ชนาธิปจะมอบหัวใจให้  เมื่อชนาธิปได้มาอยู่สโมสรเดียวกับเขา  เขาก็เริ่มมีความหวังว่าเขาอาจจะเอาชนะหัวใจของคนตัวเล็กคนนี้ได้  ได้อยู่ใกล้กันตลอด  ได้ดูแลได้อย่างเต็มที่  ซึ่งต่างกับนฤบดินทร์ที่อยู่ไกล  แต่ดูเหมือนความหวังนั่นเลือนลางลงเมื่อเห็นว่าคนตัวเล็กมีความสุขมากแค่ไหนเมื่ออยู่กับนฤบดินทร์  เขาจะทำทางไหนได้ในเมื่อชนาธิปขีดเส้นความเป็นพี่เป็นน้องให้เขาตั้งแต่รู้จักกัน  ถ้าชนาธิปรู้ถึงความในใจเค้า  ชนาธิปพอจะให้โอกาสเค้าได้พิสูจน์ตัวเองไหม?

    “เอ้า!!  ตอนนี้เวทีเปิดแล้ว  มีใครอยากร้องเพลงมั้ย”  ฐิติพันธ์ประกาศออกไมค์ทำให้ทุกอย่างเงียบลงอย่างกะทันหัน  แต่แล้วก็กลับมามีเสียงดังต่อ  และดังขึ้นกว่าตอนแรกด้วย  เพราะต่างคนต่างก็จะให้คนนู้นคนนี้ร้อง  คนถูกพูดถึงก็บอกไม่เอา  อาย  เขิน  เสียงโวยวายดังไม่ขาดสาย  และก็ยังไม่มีทีท่าว่าใครจะขึ้นไปร้องเพลงประเดิมคนแรก  จนมีเสียงใครแทรกขึ้นมา

    “ผม  ผมเอง”  สารัชยกมือบอกทุกคน  พูดจบก็ตามด้วยเสียงปรบมือ  โห่ ฮา  ตามประสาผู้ชาย  สารัชเดินขึ้นเวทีไปกระซิบกระซาบกับฐิติพันธ์  แล้วหลังจากนั้นเพลงก็เริ่มบรรเลง

     

    รู้ฉันรู้ยังไงก็คงไม่ต่าง   รู้ฉันรู้ยังไงเธอก็เลือกเขา

    รู้ถึงฉันขอร้องยังไง   เธอคงต้องลืมเรื่องของเรา

    เพราะว่าเขาดีกว่า   เพราะเขาสำคัญกว่า

     

    เสียงปรบมือดังเกรียวกราว  สารัชกวาดสายตามองทุกคนในร้าน  ไม่เว้นแม้แต่  ชนาธิปและคนข้างกาย

     

    รู้เธอมีเหตุผลอะไรสักอย่าง   ที่ทำให้เธอไม่คิดจะอยู่กับฉัน
    อาจเป็นเพราะเธอแค่เหงาใจ   ในวันที่เราพบกัน
    เธอแค่มีความสุข   แต่ว่าเธอไม่ได้รักกัน

     

    ดูเหมือนสารัชจะเอาชนาธิปและคนข้างกายเป็นที่ยึดหลักของสายตา   เพราะเมื่อกวาดสายตามองทุกคนในร้าน  เขาก็เลือกที่จะมาหยุดอยู่ตรงนี้

     

    แต่ฉันรัก รักเธอไปแล้วทั้งใจ
    รู้ฉันรู้ว่าเธอต้องไป
    แต่อยากจะขอร้องเธออีกครั้ง

     

    สารัชตั้งใจร้องเพลงมาก   แม้เสียงเค้าจะไม่ได้ให้ไปในทางนักร้อง  แต่เค้าอยากจะร้องเพลง เพลงนี้ให้กับคนตัวเล็ก

     

    โปรดรักฉันรักฉันเถอะนะ   จะไม่ทำให้เธอเสียใจ
    รู้ฉันสู้เขาไม่ไหว   เทียบกับใครที่เธอมี
    แต่เลือกฉันเลือกฉันได้ไหม   ฉันจะดูแลเธอให้ดี
    โปรดถามใจเธออีกที   เพราะทั้งใจฉันมันยังมีแค่เธอ

     

    ไม่รู้ว่าคนตัวเล็กจะสัมผัสมันได้มั้ย   แต่อย่างน้อยก็ถือว่าได้บอกสิ่งที่รู้สึกไปแล้ว  ใจนึงเค้าอยากให้ชนาธิปเข้าใจความหมายที่เค้าสื่อ  แต่อีกใจก็ไม่อยาก  เพราะหากชนาธิปรู้  เขากลัว  กลัวว่า.....

     

    รู้ว่าระหว่างเรานั้นมีบางอย่าง   ฉันรู้ว่าใจหนึ่งเธอก็ยังมีฉัน
    รู้ทุกครั้งที่เรามองตา   ยังทำให้ใจของเธอสั่น
    ทุกอย่างที่ผ่านมานั้นมันคือเรื่องจริง

     

    ชนาธิปยังคงเป็นเด็ก  ไร้เดียงสา  เป็นลิงน้อยที่น่าดูแล  น่าทะนุถนอม  ชนาธิปยังคงฟังเพลงไปอย่างไม่คิดอะไร  คลอตามเพลงเบาๆ  สารัชมองชนาธิปทุกกิริยา  ไม่ว่าชนาธิปจะทำอะไรก็อยู่ในสายตาเขาหมด  แม้ต้องทนเจ็บ  กดความเจ็บที่รู้สึกเอาไว้ให้ลึกที่สุดไม่ให้หลุดรอดออกมาเมื่อเห็นนฤบดินทร์จับมือชนาธิป  แต่เขาก็จะไม่ละสายตาจากเด็กคนนี้

    เพราะฉันรัก รักเธอไปแล้วทั้งใจ
    รู้ฉันรู้ว่าเธอต้องไป
    แต่อยากจะขอร้องเธออีกครั้ง

     

    บางทีเขาอาจต้องทำอะไรบางอย่าง  ต่อให้ผลออกมาจะเป็นยังไง  เขาจะรับมันไว้เอง

     

    โปรดรักฉันรักฉันเถอะนะ   จะไม่ทำให้เธอเสียใจ
    รู้ฉันสู้เขาไม่ไหว   เทียบกับใครที่เธอมี
    แต่เลือกฉันเลือกฉันได้ไหม   ฉันจะดูแลเธอให้ดี
    โปรดถามใจเธออีกที   เพราะทั้งใจฉันมันยังมีแค่เธอ

     

    เสียงปรบมือดังขึ้นอีกครั้งเมื่อเพลงจบ  สารัชก้าวลงจากเวที  มีเสียงชื่นชมต่างๆนานา  แต่ก็ไม่เท่าเสียงของคนที่เค้าอยากได้ยินที่สุด

    “โหหหหห  สุดยอดเลยพี่ตัง  ร้องเพลงดีตั้งแต่เมื่อไหร่?”  ชนาธิปพูดพร้อมยกนิ้วโป้งขึ้นสองข้าง  สารัชได้แต่เบิ๊ดกะโหลกตอบกลับไป 

    “เอ้อพ่อผมโทรมา  เดี๋ยวขอออกไปคุยโทรศัพท์ก่อนนะ”   เมื่อรู้ว่าปลายสายคือใคร  ชนาธิปจึงขอตัว

    ภายในร้านก็ยังคงความสนุกเฮฮาเอาไว้แม้จะผ่านมาเป็นชั่วโมงแล้ว  แต่เสียงในร้านก็ไม่เงียบไปตามเวลาเลย  มีคนผลัดเปลี่ยนหมุนเวียนขึ้นไปร้องเพลง  สร้างความสนุกสนานทำให้บรรยากาศยังครึกครื้นตลอดเวลา  สารัชอาศัยจังหวะคนกำลังสนุกกับบนเวที  ปลีกตัวออกไปข้างนอก  เค้าตัดสินใจแล้วจะต้องทำอะไรซักอย่าง  จะออกหัวออกก้อยจะได้รู้กันไปเลย

    “อุ้ย! พี่ตัง  ตกใจหมดเลย”   ชนาธิปผงะเมื่อจะหันหลังกลับเข้าร้านแต่ต้องเจอสารัชขวางไว้

    “พี่ขอคุยอะไรหน่อยได้ไหม”

    “อื้ม!  ได้ๆ”  ชนาธิปรับคำ

    ตอนนี้ทั้งสองคนได้มานั่งตรงที่แห่งหนึ่งซึ่งไม่ค่อยมีคนพลุกพล่านแต่ก็ไม่ไกลจากตัวร้าน  บรรยากาศตอนนี้ถูกความเงียบเข้าปกคลุม  แม้คนที่เอ่ยปากว่ามีอะไรจะคุยด้วยก็ยังนั่งนิ่ง

    “เอ้าพี่ตัง  มีอะไรก็พูดมาดิ่  ชวนเค้ามาคุยตัวเองกลับนั่งเงียบ!?”   ชนาธิปเริ่มรู้สึกอึดอัดที่คนขอคุยแต่กลับไปยอมพูดจา  ปล่อยให้ความเงียบเข้ามาปกคลุม  เขาก็อยากจะถามว่าอีกฝ่ายต้องการพูดอะไร  แต่เค้าก็ไม่ได้เป็นคนขอคุยซักหน่อย  เลยวัดใจกันว่าใครจะยอมพูดก่อนกันจนสุดท้ายเขาต้องเป็นฝ่ายทำลายความเงียบนั้น

    สารัชมองใบหน้าที่แฝงไปด้วยความซุกซน  ขี้เล่น  ในใจตอนนี้สับสนว่าสิ่งที่อยากจะพูด  ถ้าเขาพูดออกไปแล้ว  เขายังจะได้เห็นใบหน้านั้นอยู่อีกมั้ย?

    “คือ.....พี่ชอบเจอ่ะ”  สารัชโพล่งความรู้สึกที่มีต่อชนาธิปออกไป  ในตอนแรกนั้นเขารู้สึกเหมือนยกภูเขาออกจากอก  ความรู้สึกที่ถูกเก็บสะสมเอามากเข้าๆได้ถูกยกออกทำให้สารัชถึงกับต้องถอนหายใจถี่ๆ  ตอนนี้หัวใจของเขาเต้นแรงและเร็วไปหมดเหมือนคนเพิ่งวิ่งรอบสนาม 10 รอบ  แต่เมื่อเขามองหน้าชนาธิป  เขารู้สึกวูบที่ใจ  ชนาธิปไม่ยินดียินร้ายกับสิ่งที่เค้าพูด  แต่กลับนั่งนิ่งตัวแข็ง

    “เจเจ! เป็นไรมั้ย”  สารัชเขย่าตัวชนาธิป

    “ไม่ไม่เป็นไร”  ชนาธิปปัดมือคนพี่ออก

    “พี่ขอโอกาสได้มั้ย!?  ขอโอกาสให้พี่ได้พิสูจน์ตัวเอง  ให้พิสูจน์ว่า.....พี่ก็ดูแลเจดีได้ไม่แพ้ต้น”   สารัชกุมมือชนาธิปแน่นเป็นคำยืนยันว่าเค้าทำตามที่พูดได้

    “ไม่มีประโยชน์  ผมยกหัวใจให้ต้นไปแล้ว  ผมไม่เหลือหัวใจไว้ให้ใครแล้ว”  ชนาธิปพูดเสียงแผ่วเบาคล้ายจะบอกกับตัวเองพร้อมกับดึงมือตัวเองออกจากมือของสารัช

    “ผมขอโทษนะพี่ตัง  ผมทำแบบนั้นไม่ได้  ไม่ได้!”  ชนาธิปพูดด้วยเสียงเย็นๆปนสะอื้น

    “อย่าทำแบบนี้เลยนะพี่ตัง”  ชนาธิปลุกขึ้นจะเดินกลับร้านแต่ต้องหยุดชะงักลงด้วยเสียงที่ตามมาด้านหลัง

    “ทำไมอ่ะ!  ทำไมพี่ถึงพิสูจน์ตัวเองไม่ได้!  พี่มั่นใจนะว่าพี่ดูแลเจได้ดีกว่าไอ้ต้นด้วยซ้ำ  ทั้งอยู่ใกล้กว่า  อยู่ด้วยกันตลอด  อยู่สโมสรเดียวกัน  ต่างจากไอ้ต้น!  ที่อยู่ไกลก็ไกล  นานๆเจอกันครั้ง  ได้แต่คุยโทรศัพท์กัน  แล้ว...”

    “ก็ต้นคือคนที่ผมรัก  เหตุผลแค่นี้พอมั้ย!”  ชนาธิปหันหลับมาสวนทันควัน 

    “ผมจะไม่ทำร้ายต้น  จะไม่หักหลังต้น  พี่ตังรู้มั้ย?  พี่ตังทำแบบนี้เราจะมองหน้ากันไม่ติด  เพราะมองหน้ากันเรื่องในวันนี้ก็จะเข้ามากวนใจผมตลอด  ขนาดตอนนี้ผมยังรู้สึกผิดกับต้นเลยอ่ะ  ถ้าผมปล่อยให้เรื่องนี้มันดำเนินต่อไป  ต้นต้องเสียใจแน่”   ผมได้กลิ่นของผู้แพ้แล้ว  ผมแพ้ตั้งแต่ยังไม่เริ่มเลย  ที่ผมตัดสินใจบอกชนาธิปนั้นเพราะผมหวังว่าหนทางที่จะเป็นไปได้แม้จะอันน้อยนิดแต่มันก็มีโอกาสจะเป็นไปได้  แต่ตอนนี้ผมรู้แล้ว  ผมรู้ชัดเลย!

    “งั้น!  เจก็ลืมเรื่องที่พี่พูดไปซะนะ  คิดซะว่ามันไม่เคยเกิดขึ้น  พี่ทนได้ถ้าเจจะไม่ให้สิทธิ์นั้นกับพี่  แต่พี่คงทนไม่ได้  ถ้าเราสองคนจะไม่เป็นเหมือนเดิม  เรากลับมาเป็นเหมือนเดิมนะเจ  เป็นพี่น้องที่สนิทเหมือนเดิมก็ได้”   สารัชอ้อนวอน  ฝ้าละอองบางๆเริ่มก่อตัวขึ้นที่ดวงตา  ผมรู้สึกว่านอกจากที่จะไม่ได้ในสิ่งที่ผมร้องขอแล้ว  สิ่งที่ผมกลัวที่สุดมันก็กำลังจะเกิดขึ้น

    “ผมก็อยากเป็นเหมือนเดิมนะพี่ตัง  แต่พอรู้ว่าความรู้สึกที่พี่ให้ผมมันไม่เหมือนเดิม  จะให้ผมกลับไปรู้สึกเหมือนเดิม  ทำเหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้น  ผม.....ผมทำไม่ได้!”   ชนาธิปเอ่ยอย่างแผ่วเบา  สารัชรู้สึกเหมือนตัวเองไม่มีเรี่ยวแรง  ขาอ่อนแรงแทบจะทรุดลงไปกองกับพื้น

    “จากนี้ไปเราคงอยู่ด้วยกันลำบากแล้วล่ะ  จะให้ทำตัวเหมือนเดิมคงไม่ได้  จะให้เสแสร้งแกล้งทำว่าไม่มีอะไรเกิดขึ้นมันไม่ใช่ตัวผม  ผมขอบคุณนะพี่ตังที่พี่มีความรู้สึกดีให้กับผม  แต่ผม.....ขอโทษที่รับความรู้สึกนั้นไว้ไม่ได้”  ชนาธิปหันหลังเดินไปทันทีโดยไม่หันกลับมามองคนข้างหลังเลย  น้ำตาที่ผมพยายามกลั้นเอาไว้ถึงจุดสิ้นสุด  ผมกลั้นเอาไว้ไม่อยู่อีกแล้ว  ผมไม่ได้ต้องการให้มันเป็นแบบนี้  อย่างน้อยกลับไปเป็นพี่น้องกันอย่างเดิมก็ได้  แต่ถ้าจะไม่มีคนตัวเล็กเคียงข้างเหมือนทุกวันผมคงทนไม่ได้  ผมมองชนาธิปเดินจากผมไป  ค่อยๆไกลออกไป  ไกลไปเรื่อยๆจนผมไม่เห็นร่างเล็กนั้นอีกแล้ว  การเดินจากไปของชนาธิปเป็นสัญญาณแล้วว่าจะไม่มีไอ้ลิงซุกซน น่ารักคนนี้อยู่ข้างๆผมแล้ว  ชนาธิปคงจะจากผมไปตลอดกาล.....

    .

    .

    .

    .

    .

    “พี่ตังพี่ตัง!   ชนาธิปเขย่าตัวทำให้สารัชหลุดจากภวังค์

    “บอกผมมีเรื่องจะคุย  แต่กลับมานั่งนิ่งเป็นสากเบืออยู่ได้  ตกลงมีอะไรจะคุย”   ผมคิดไปเองเหรอเนี่ย  นั่งคือความคิดของผมเหรอ  มัน.....ไม่ได้เกิดขึ้นจริงใช่มั้ย?!  มัน...ยังไม่เกิดขึ้นใช่มั้ย?!  มัน.....เหมือนจริงมาก!

    “เอ่อ.....อาหารอร่อยมั้ย?!

    “ห๊า!  นี่เหรอคือเรื่องจะคุยกับผม  โอ้ย!! พี่ตัง  ถ้าจะถามแค่นี้ไม่เห็นต้องทำเป็นเครียดเลยหนิ่  ตอนที่พี่บอกว่ามีเรื่องจะคุยกับผม  ผมเห็นท่าทางพี่นี่เคร่งเครียดเชียว  ผมก็นึกว่าผมไปทำอะไรผิดมา  แหม!! เรื่องแค่นี้ถามในร้านก็ได้ไม่เห็นต้องมาหาที่นั่งเงียบๆคุยเลย”  ชนาธิปหัวเราะออกมา

    “ก็.....ในร้านเสียงมันดังอ่ะ  พี่กลัวจะถามแล้วเราไม่ได้ยิน”

    “แล้วพี่จะถามไปทำไม?” 

    “ก็.....ถ้ามันไม่อร่อย  พี่จะได้บอกพี่โก้ว่าไม่ต้องมาร้านนี้อีกไง”   ผมยิ้มให้ร่างเล็กน้อยๆ

    “ก็อร่อยดี”  ชนาธิปยิ้มตอบ

    “พี่ตัง  กลับร้านดีกว่า  ออกมานานแล้วเดี๋ยวพวกเค้าจะเป็นห่วง”

    “เอ็งกลับไปก่อนเลย  เดี๋ยวพี่ขอนั่งพักอีกแป๊บนึง”   สารัชโบกมือเป็นเชิงบอกว่าให้ชนาธิปกลับร้านไป

    “โอเค!  งั้นรีบตามมานะพี่ตัง”  ชนาธิปวิ่งกลับร้านทันที  สารัชมองดูภาพของคนตัวเล็กที่ค่อยไกลออกไป  ไกลไปเรื่อยๆ  แต่ก็ยังดีที่การไกลไปไม่ใช่การจากลา  ไม่ใช่การที่จะไม่ได้เจอกันอีก  อย่างน้อยผมกับชนาธิปเราก็ยังเป็นพี่น้องที่ดีต่อกันได้  ผมตัดสินใจจะบอกถึงความรู้สึกของผมที่มีต่อชนาธิปแล้ว  ก่อนหน้านั้นผมมั่นใจว่าไม่ว่าผลออกมาจะเป็นยังไง  ชนาธิปอาจจะเกลียดผม  ไม่คุยกับผม  เราสองคนจะไม่เป็นเหมือนเดิมผมก็รับได้เพียงขอแค่ได้บอกความในใจ  แต่พอเอาเข้าจริง  ผมก็ไม่กล้า  พอคิดว่าถ้าบอกไปแล้วคนตัวเล็กจะไม่เหมือนเดิม  ผมก็ทำใจไม่ได้แล้ว  ปล่อยให้ความลับมันเป็นความลับต่อไปเถอะ  แค่ทุกอย่างยังเหมือนเดิม  ผมก็โอเคแล้ว  ผมคงไม่มีวันที่จะแทนที่นฤบดินทร์ได้  คนตัวเล็กรักนฤบดินทร์มากเกินกว่าจะแบ่งใจไปรักใคร  ผมขอแค่ได้ยืนอยู่ข้างชนาธิป  เป็นพี่ชายที่แสนดีอยู่อย่างนี้ก็พอ

    .

    .

    .

    .

    .

    ผมรู้ ไม่ใช่ผมไม่รู้นะว่าพี่ตังคิดยังไงกับผม  ผมเริ่มตะหงิดๆตั้งแต่พี่ตังขึ้นไปร้องเพลงแล้ว  การร้องเพลงน่ะไม่แปลกเท่าไหร่หรอก  แต่ร้องเพลงแล้วมองมาที่ผมคนเดียวมันไปแปลกไปหน่อยเหรอ  แล้วการร้องก็ใส่อารมณ์มาเต็มเหมือนเค้ารู้สึกอย่างนั้นจริงๆ  ผมไม่อยากจะเข้าข้างตัวเอง  ผมอาจจะคาดคะเนผิดไป  แต่อะไรๆหลายอย่างเป็นใจให้ผมคิด  ยิ่งตอนที่พี่ตังบอกว่ามีอะไรจะคุยด้วย  ใจผมนี่หล่นไปอยู่ตาตุ่ม  กลัวว่าเค้าจะพูดเรื่องที่ผมกำลังสงสัย  ถ้าเค้าพูดจริงๆผมจะทำยังไง  แต่แล้ว.....สุดท้ายเค้าก็ไม่ได้พูด  แต่ผมจับสังเกตได้ว่าเค้าเหมือนตั้งใจจะพูดอีกอย่าง  แต่พอพูดจริงๆแล้วกลับพูดอีกอย่าง  เค้าพูดในสิ่งที่เค้าไม่ได้ตั้งใจจะพูด  แต่สิ่งที่ตั้งใจจะพูดกลับถูกเก็บเอาไว้  จะเรียกมาคุยเพื่อถามว่าอาหารเป็นยังไงเนี่ยนะ?ไม่ใช่มั้ง?แต่ก็ดีแล้วล่ะที่พี่ตังไม่ได้พูดในสิ่งที่ผมกลัวว่ามันจะเกิด  ผมคงทำตัวไม่ถูกแน่ถ้าเกิดเรื่องที่ผมสงสัยเป็นจริงขึ้นมา  ผมคงไม่รู้จะทำยังไง  ผมไม่อยากทำให้ใครซักคนต้องเสียใจ  แต่ในเมื่อพี่ตังไม่ได้พูด  ผมจะถือว่าเรื่องนี้ไม่เคยเกิดขึ้น  จะถือว่าความรู้สึกนี้ไม่เคยรู้สึก  จะลืมเรื่องความรู้สึกนี้ไปให้หมด  ผมกับพี่ตังจะยังคงเป็นพี่น้องที่สนิทเหมือนเดิม.....

     

     

     

    ไม่เปลี่ยนแปลง

     

     

     

     

     

    Writer   :    ขอบคุณที่อ่าจนจบนะคะ  ฟิคเรื่องที่  5  พึ่งลงไปได้ไม่กี่วัน  นี่ก็ลงฟิคที่  6  อีกแล้ว  พอดีช่วงนี้ว่างแล้วประกอบกับไม่ได้แต่งฟิคมานาน  เลยจัดเต็มซะหน่อย  อย่าเพิ่งเบื่อกันนะคะ  ไอ้เราเห็นเรือเป็ดลอยป้วนเปี้ยนรอบๆเรือหลักแล้วเลยจับมาแต่งซะเลย  555  เรือเป็ดนี่แข็งแรงจริงๆ   แต่ฟิคนี้ต้องขอโทษลูกเรือเป็ดทั้งหลายด้วยนะคะที่แต่งออกมาแบบนี้  อย่าด่าเค้าเลยน้า  เค้าอ่อนไหว  คิดพล๊อตได้แบบนี้พอดี  เลยไม่อยากเปลี่ยนคอนเซ็ปท์  555  จะเก็บตัวทีมชาติชุดใหญ่แล้ว  โมเม้นท์ฟินๆจะได้มาหล่อเลี้ยงหัวใจเหล่าลูกเรือทั้งหลายของทุกลำเรือแน่ค่ะ  อ่านแล้วเป็นยังไงบอกได้นะคะ  ติได้นะคะ  ขอบคุณค่ะ  J  :D  ...............................................................................Gray ^  ^

     

     

    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×