ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    Ton & Jay = Chanabadin

    ลำดับตอนที่ #5 : I’m always here for you

    • อัปเดตล่าสุด 12 มี.ค. 59


    **********เหตุการณ์นี้เป็นเพียงเหตุการณ์ที่ผู้แต่งสมมุติขึ้นมาเท่านั้น**********

     

    วันที่  19 ม.ค. 2559 .....

    ไทย เสมอ เกาหลีเหนือ  2-2

    .

    .

    .

    ผมพูดไม่ออก อยากยอมรับความจริงว่าเราทำเต็มที่แล้ว ทุกคนในทีมพยายามเล่น พยายามสู้จนถึงที่สุดแล้ว  แต่ผมคิดว่าเราน่าจะไปได้ไกลกว่านี้ ฝีมือเราไม่ได้แย่ถึงขนาดมาแจกแต้มให้ทีมแถวหน้าของเอเชีย  แต่ตอนนี้เราสามารถพิสูจน์ให้เอเชียรู้แล้วว่าไทยไม่ใช่ทีมที่อ่อนสำหรับพวกเขาอีกต่อไป  เรามีคะแนน 2 คะแนนเท่ากับอีก 2 ทีมในกลุ่มซึ่งอยู่หัวแถวของเอเชีย  แต่....

    เราตกรอบ

    ก่อนมาผมก็ยอมรับอยู่ลึกๆในใจแล้วว่าไทยเราเป็นรองทุกทีม  แต่เมื่อเห็นการเล่นของทีมที่ผ่านมา ทำให้ผมมีความหวังว่าเราอาจเข้ารอบได้  แน่นอนเมื่อเริ่มหวังแล้วไม่เป็นอย่างที่เราหวังก็ย่อมผิดหวังเป็นธรรมดา  แต่ด้วยความที่ผมเป็นกัปตัน มีความหวังของคนไทย ความหวังของเพื่อนร่วมทีมแบกไว้อยู่บนบ่า  เมื่อไปไม่ถึงฝั่งฝันย่อมเสียดายและเสียใจมากกว่าคนอื่น 2 เท่า 

    “เจมึงดูคลิปตลกอันนี้ดิ่  กูว่ามันฮาดีว่ะ”   นฤบดินทร์ซึ่งนั่งข้างๆชนาธิปหันมาพูดพร้อมยืนโทรศัพท์ในมือให้

    “ไม่เอาอ่ะ”  ชนาธิปมองโทรศัพท์แล้วก็มองออกไปนอกหน้าต่างโดยไม่สนใจคนข้างกาย  สายตาของชนาธิปเหม่อลอยออกไปไกลซึ่งในสายตาของเขาไม่ได้จดจ่ออยู่กับภาพตรงหน้า แต่เขายังคงนึกถึงเกมวันนี้ เกมที่เค้าพาทีมไปไม่ถึงฝัน






    ผมรู้.....ว่าคนตัวเล็กเสียใจที่พาทีมเข้ารอบไม่ได้  แต่ผมบอกมันแล้วตอนรอขึ้นรถบัสว่าไม่ใช่ความผิดของมัน เราทุกคนสู้เต็มที่แล้ว ถึงไม่ได้เข้ารอบแต่การเล่นของเราถือว่าทำได้ดีเพราะฉะนั้นอย่าเสียใจเลย  คนตัวเล็กพยักหน้ารับรู้  แต่ถึงกระนั้นชนาธิปยังคงมีทีท่าเซื่องซึม ไม่ยอมพูดจากับใครอยู่ดี  แม้กระทั่งขึ้นรถจนถึงตอนนี้คนตัวเล็กก็ยังไม่ยอมพูดกับใคร  ชนาธิปที่ซนเหมือนลิง ป่วนคนนู้น คนนี้ไปทั่ว ตอนนี้ชนาธิปคนนั้นได้หายไปเหลือแต่ชนาธิปผู้ที่เมื่อผิดหวังหรือเสียใจอะไรจะเอาความรู้สึกนั้นไว้แต่เพียงผู้เดียว

    “เจ  ฟังเพลงหน่อยมั้ย  เพื่ออารมณ์จะดีขึ้น”  ผมยื่นหูฟังข้างนึงให้มัน แต่สิ่งที่ได้รับกลับมาคือ การส่ายหัวน้อยๆของคนตัวเล็กแล้วก็หันกลับไปมองนอกหน้าต่างเหมือนเดิม

    ผมไม่รอช้า ในเมื่อมันไม่เอาไปฟังดีๆ ผมเลยยัดหูฟังใส่หูคนตัวเล็ก 

    “เห้ย!!!”   แต่ลิงหงอยตัวนี้แม้จะซึมๆแต่ยังออกฤทธิ์ออกเดชได้  ชนาธิปหันมาจ้องตาผมเขม็งพร้อมกับดึงหูฟังออกแล้วกลับไปมองนอกหน้าต่างเหมือนเดิม

    หึ!  คิดว่าผมจะยอมแพ้เหรอ  ผมยัดหูฟังใส่คนตัวเล็กอีกรอบนึง  คนตัวเล็กก็ปัดออกอีก  ผมก็ยัดเข้าไปใหม่อีก  คนตัวเล็กคงเหนื่อยที่จะต่อสู้กับผมแล้ว พอผมใส่หูฟังให้คนตัวเล็กอีกรอบก็ไม่มีปฏิกิริยาโต้ตอบดึงดันกลับมา  ผมไม่รู้นะว่าคนตัวเล็กจะฟังในสิ่งที่ผมกำลังจะเปิดต่อไปนี้หรือเปล่า  ความทุกข์ในใจของชนาธิปอาจบดบังสิ่งต่างๆรอบตัวก็เป็นได้  แต่ยังไงก็คงต้องผ่านหูบ้างแหละ

    .

    .

    .

    .

    .

    .

    .

    .

    ปฏิกิริยาของคนตัวเล็กยังคงนิ่งเหมือนเดิม  ผมก็ได้แต่หวังว่ามันจะใจอ่อนยอมพูดความในใจบ้างนะ  เห็นคนตัวเล็กเป็นแบบนี้แล้ว  ผมก็ไม่สบายใจ  ทุกข์ไปด้วย  ผมรู้ว่าคนตัวเล็กเสียใจ  แต่ผมก็อยากให้มันระบายออกมาบ้าง  เก็บไว้เดี๋ยวก็อกแตกตาย  แม้ผมจะเป็นเพื่อนสนิทมากของมัน  แต่ถ้ามันทุกข์ใจ  เสียใจอะไร  มันไม่อยากให้ผมทุกข์ตามมันไปด้วย  เอ๊ไอ้นี่เพื่อนกันก็ต้องร่วมทุกข์ร่วมสุขกันดิ่วะ  ผมจะยอมให้มันเสียใจคนเดียวได้ไง  แต่กว่าจะง้างปากไอ้คนตัวเล็กได้  แต่พยายามหน่อย  แต่ตอนนี้ชนาธิปก็คงเอาแต่โทษตัวเอง

    .

    .

    .

    .

    ..

    .

    .

    .

    “มึงไม่ได้อยู่คนเดียวในโลกนะ  มึงยังมีกูอยู่ตรงนี้  อยู่ข้างๆ  กูพร้อมเป็นที่ระบายให้มึง  มึงคิดว่าทำแบบนี้แล้วกูจะไม่รู้สึกอะไรเหรอ  ตรงกันข้าม  กูกลับทุกข์ใจมากกว่าอีกที่เห็นคนที่กูรักเป็นแบบนี้  อะไรที่มันผ่านไปแล้ว  ปล่อยให้มันผ่านไปดิ่ว๊ะ  อยู่กับปัจจุบัน  อยู่กับกู.....นะเจ”   ผมอยากจะพูดติดตลกบ้างแต่เห็นหน้าของคนตัวเล็กที่ถอดหูฟังออกแล้วที่ปลดปล่อยความรู้สึกทั้งหมดออกมาทางสายตา  ทำเอาผมเล่นไม่ออก  มือของผมที่กำมือของคนตัวเล็กเอาไว้นั้น  ได้ถูกสัมผัสกลับจากคนตัวเล็กซึ่งบีบแน่นเหมือนจะยึดไว้เป็นที่พึ่ง

     

    “ต้น  กูแม่งเป็นกัปตันที่แย่ว่ะ  พาทีมเข้ารอบไม่ได้  กูทำเต็มที่แล้ว แต่แม่งยังไม่ดีพอ  กูทำให้คนไทยผิดหวัง  กูแม่งเหี้ย  อีกนิดเดียวเราก็จะได้เข้ารอบแล้วแต่กูทำไม่ได้  กูทำไม่ได้!!”  เสียงสะอื้นของคนตัวเล็กไม่ดังไปกว่าเสียงกระซิบ  แม้คนตัวเล็กจะปลดปล่อยความรู้สึกทั้งหมดออกมา  แต่ชนาธิปยังคงไม่โวยวายหรือเสียงดัง  เพราะคนตัวเล็กคงกลัวเพื่อนๆในรถได้ยินแล้วจะเป็นห่วงเค้า

     

    “ชีวิตมึงนี่กะจะโทษเป็นความผิดตัวเองท่าเดียวเลยหรือไง  งั้น...ถ้ามึงผิด กูก็ผิด”

     

    “มึงจะผิดได้ไง  มึงเป็นคนยิงประตูให้เราตามตีเสมอเกาหลีเหนือได้นะเว้ย”

     

    “งั้นมึงก็ไม่ผิดเหมือนกัน  เพราะมึงก็เป็นคนยิงประตูให้เราตามตีเสมอได้เหมือนกัน”  ปกติผมจะยอมคนตัวเล็กนะ  แต่คราวนี้ไม่ยอมง่ายๆหรอก ผมจะต้องทำให้ชนาธิปกลับมาเป็นไอ้ลิงของผมเหมือนเดิมให้ได้

     

    “ในเรื่องเลวร้าย  อย่างน้อยก็มีเรื่องดีอยู่บ้าง  นัดนี้กูกับมึงเป็นคนยิงประตู  เป็นแฟนกันช่วยกันยิงประตู  เจ๋งสัส!

     

    “เจ๋งเหี้ยไร!  ใคร  ใครเป็นแฟนมึง”  ชนาธิปสะบัดมือผมออกแล้วหันหน้าหนี  แหม!  นึกว่าผมไม่รู้หรือไงว่าคนตัวเล็กหันหน้าหนีเพราะแอบเขิน

     

    “นี่!!  จะเขินก็เขินต่อหน้าดิ่วะ  หลบทำไม  คิดว่าหลบพ้นเหรอ  มึงไม่รู้เหรอว่ากระจกนั้นมันสะท้อนหน้ามึงอ่ะ”   คนตัวเล็กตกใจพร้อมสะดุ้งสุดขีด

     

    “กูเห็นหมดแหละเมื่อกี้มึงทำอะไร”  ชนาธิปมองที่กระจก  สายตาของมันปะทะกับสายตาของผมที่แผงไปด้วยความขำขันอย่างจัง  คนตัวเล็กรีบหลบสายตาผมทันที

     

    “ไอ้ต้นไอ้ห่าแล้วก็ไม่บอกกู”  คนตัวเล็กสบถออกมาอย่างกึ่งหัวเสียกึ่งเขิน

     

    “เอ้า!  บอกให้โง่เหรอ  ถ้าบอก  กูก็ไม่เห็นหน้ามึงสิว่ามึงทำหน้ายังไงอยู่”   ผมยิ้มให้กับคนตัวเล็กผ่านหน้าต่างสะท้อน  ซึ่งคนตัวเล็กมองตอบพร้อมกับรอยยิ้มอันเป็นเสน่ห์ของไอ้ลิง  เราสองคนต่างสบตากัน  ผมบอกความรู้สึกของผมผ่านแววตาที่คนตัวเล็กมองอยู่    

     

    มึงยังมีกูอยู่ตรงนี้นะ

     

    .

    .

    .

    .

    .

    .

    .

    .

    .

    ยิ้มของเธอคือเหตุที่ทำให้ใจสั่น   ชอบมองมันกว่าสิ่งไหน

    ฉันชอบมองจึงอยากจะคอยช่วยให้รอยยิ้มไม่หายไป

     

    ไอ้หมีทำอะไรของมันวะ!?’   ผมงงกับมัน  อยู่ดีๆก็เอาหูฟังมาใส่หูผม  ผมอุตส่าห์กระตุกออกไปแล้วยังดึงกลับเข้ามาอีก  ไอ้ห่าหนิ่!  ผมขี้เกียจจะดึงดันกับมันแล้ว  อยากทำไรก็ทำไปๆ  ผมเลยปล่อยให้มันใส่หูฟังให้ผม  แล้วมันก็เปิดเพลง  กูหงุดหงิดอยู่เว้ยไอ้ต้น!

     

    เห็นแววตาเธอเปลี่ยนไม่เคยคุ้นเลย   ให้ฉันเฉยเมยได้อย่างไร

    ก็ฉันชอบเธอ จึงอยากจะคอยช่วย   ให้ความเศร้าเธอหายไป

     

    ยัง!  มึงทำอะไร   อย่าคิดว่ากูไม่เห็นนะ ไอ้ต้น!  กูแค่มองหางตาก็รู้แล้วว่ามึงกำลังทำอะไร  ชนาธิปบ่นในใจเมื่อรู้ว่านฤบดินทร์ชะโงกหน้าไปหาเค้าเพื่อดูว่าเค้ามีปฏิกิริยาอย่างไรเมื่อเขาเปิดเพลง  แต่ชนาธิปยังคงเหม่อมองไปนอกหน้าต่าง ร่างกายยังคงนิ่งไม่ไหวติงเช่นเคย

     

    รู้ไหมเธอว่าทุกข์นั้นเบาเมื่อแบ่งให้ใครสักคน
    ก็เหมือนที่เธอเคยช่วยให้ฉันยิ้มได้ ก็เหมือนกัน

     

    “ทีตอนกูมีเรื่องไม่สบายใจ  มึงยังคอยปลอบกู  บอกให้กูระบายให้มึงฟังได้ทุกเรื่อง  แต่ทำไมพอถึงคราวมึงบ้าง  มึงกลับเงียบ ไม่ระบายในสิ่งที่ทุกข์ใจมาบ้างวะ”   นฤบดินทร์พูดขึ้นลอยๆ  พอให้คนตัวเล็กได้ยิน

     

    “ก็กูไม่อยากให้มึงทุกข์ไปกับกูไง   แค่นี้ไม่รู้หรือไง  ไอ้เหล่!!    ผมพูดออกมาเบาๆพอตัวเองได้ยิน

     

    “อะไรนะ!”  นฤบดินทร์โพล่งออกมาทันที   เห้ย!  ได้ยินด้วยเหรอว๊ะ  ฉิบหายแน่กู

     

    “เมื่อกี้มึงพูดอะไรนะ  กูได้ยินไม่ถนัด”   ฮู่ววววววววว  เข้าทางผมสิ  มันได้ยินไม่ชัดอย่างนี้  ใครจะบอก  โห่ววววว  บอกกูก็ตายดิ่!

     

    ชนาธิปยังนิ่ง  ไม่พูด  ไม่ตอบอีกเช่นเคย  ชนาธิปทำเหมือนว่าเค้าไม่ได้พูดอะไรไปก่อนหน้านี้

     

    เหนื่อยมากไหม  ฉันรู้ว่าเธอยังเก่งและยังไหว

    แต่ขอวันใดที่เธอร้องไห้  อย่าร้องไห้คนเดียว  ไม่บอกฉัน

     

    “อย่ามัวแต่ปิดบังความรู้สึกอยู่เลย  พรุ่งนี้กูต้องกลับแล้วนะ  กูคงไม่ได้อยู่เที่ยวต่อกับมึง  กูคงไม่ได้เห็นหน้าลิงๆของมึง  กูคงไม่ได้ดูแลมึงจนกว่าจะเก็บตัวทีมชาติครั้งต่อไปนะ  กูถึงอยากใช้ช่วงเวลาที่เราสองคนจะได้อยู่ด้วยกันให้ได้มากที่สุด  หนึ่งนาทีก็ยังดี  มึงอย่าทำให้เวลาที่เหลืออยู่สูญเปล่าไปโดยไม่ทำอะไรเลยนะ”   ก็จริงของนฤบดินทร์  เราจะต้องแยกจากกันแล้ว  ไอ้หมีก็ดันกลับเร็วกว่าด้วย  แล้วผมจะปล่อยเวลาที่มีค่าที่สุดตอนนี้ไปเหรอ?

     

    อยากให้รู้ ว่าฉันจะยืนและอยู่ ไม่ไปไหน
    ไม่รู้จะช่วยอะไรเธอได้
    ก็เผื่อไว้ เผื่อเธอต้องการ
    ก็ขอให้จับมือฉัน ขอให้ผ่านอะไรไปด้วยกัน
    อย่าเสียใจคนเดียว

     

    ความโรแมนติกมาเต็มเลยไอ้หมี!  ก็มันเล่นร้องท่อนสุดท้ายให้ฟัง  แถมยังเอามือมากุมมือของผมเอาไว้   เวลาผมทุกข์หรือเศร้าผมมักจะสร้างกำแพงมากันคนอื่นออกจากโลกของผม  มีมันคนเดียวนี่แหละที่สามารถจะพังและเข้ามาอยู่ในโลกของผมได้  แม้ผมจะสร้างไว้หนาและแข็งแรงแค่ไหน  คนตัวโตก็พังมันลงได้ทุกครั้ง  ดูเหมือนว่าครั้งนี้มันจะทำสำเร็จอีกครั้งแล้วล่ะ.....

    .

    .

    .

    .

    .

    .

    .

    .

    .

    .

    .

    .

    “กูรู้ว่ามึงอยู่ข้างกูเสมอ”   ผมส่งสายตอบไปให้ไอ้หมีผ่านทางกระจก

    .

    .

    .

    .

    .

    .

    .

    .

     

    ไอ้หมีตาเหล่ทำไมกลายเป็นหมีตาหวานล่ะฮะ

     

     

     

     

     

     

     

     

    ขอบคุณเพลง  อย่าเสียใจคนเดียว  เบ็ตเทอร์ เว็ตเทอร์

    Writer   :    ขอบคุณที่อ่านจนจบนะคะ  บอกเลยว่าเรื่องนี้แต่งนานมาก  แต่งตั้งแต่มกราพึ่งเสร็จมีนา  555  ไม่ใช่ว่าคิดเรื่องไม่ออกนะคะ  แต่ติดอ่านหนังสือ  แว๊บๆมาแต่งบ้างเพราะไม่ได้แต่งฟิคมาเกือบครึ่งปี  คิดถึงงงงง  แต่งไป หยุดไปเพราะต้องตัดใจไปอ่านหนังสือ  แต่ตอนนี้สอบเสร็จอะไรเรียบร้อยแล้ว  เลยมาแต่งต่อได้จนจบ  อ่านแล้วอาจเกิดความงงงวยบ้างเพราะแต่งค้าง กลับมาแต่งต่อ  ค้างไว้อีก  อารมณ์เลยอาจไม่ต่อเนื่องกัน  ต้อขอโทษด้วยนะคะ  อีกอย่างแข่ง U23 ก็จบไปนานแล้ว  จะเก็บตัวชุดใหญ่อีกรอบแล้วอีนี่เพิ่งลง 5555  หยวนๆ กันเนอะ  ไม่ว่ากันนะคะ  ไม่ฟินยังไงขออภัยด้วย  อ่านแล้วเป็นยังไงบอกกันได้นะคะ  ติได้ค่ะ  ขอบคุณค่ะ  J  :D  ...............................................................................Gray ^  ^

     

     

     

     

     

     

    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×