ลำดับตอนที่ #3
คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #3 : ช่างตีดาบแห่งเมืองเหนือ
ในทวีปการ์เนียร์นี้ แบ่งเป็นสี่เเคว้นด้วยกัน หนึางคือเเคว้นเฮฟาร์กัส ซึ่งอยู่ตอนกลาง เเคว้นมาเรียสตอนเหนือ เเคว้นเลนอนทิศตะวันออก
เเละเเค้วนการ์เนตซึ่งอยยู่ทางตะวันตก
เเคว้นมาเรียสนั้นปกคลุมไปด้วยน้ำเเข็งเเละหิมะ มีเทือกเขาสูงมากมาย ภายในเทือกเขาเหล่านี้จะมี 'ผลึกเวทย์' ซึ่งเป็นของที่ขึ้นชื่อสำหรับเมืองนี้
เเละเทือกเขาที่โด่งดังที่สุดก็น่าจะเป็น 'กำเเพงกั้นโลก' ที่แบ่งระหว่างทวีปตอนเหนือเเละทวีปเขตุตะวันออกไว้ เนื่องจากความสูงของมันทำให้
ลมร้อนจากตะวันออกไม่สามารถเข้ามาได้ เเคว้นนี้จึงเต็มไปด้วยหิมะ เเต่ก็ไม่ได้มีแค่ผลเสีย เทือกเขานี้คือกองผลึกเวทย์มหาศาลที่ตั้งรวมกันเป็น
กระจุก ทำให้เกิดละอองเวทย์มนตร์กระจายทั่วพื้นที่รอบข้าง ละอองเวทย์นั้นติดเเสงสว่าง เมื่อจุดคบเพลิงอันเดียวอาจสว่างได้ทั้งหมู่บ้าน
ตอนนี้มาร์คัสกำลังนั่งอยู่บนเรือข้ามฟากแม่น้ำมาเรียส เด็กหนุ่มนั่งมาอย่างนี้ สองชั่วโมงเเล้ว อาจเป็นเพราะเรือข้ามฟากช้า หรือเเม่น้ำมันกว้าง
ผ่านมาอีกหลายสิบนาทีกว่าเรือจะถึงฝั่ง มาร์คัสรีบวิ่งลงมาจากเรือทันที
"โอ๊ะ" เด็กหนุ่มร้องด้วยความตกใจ หิมะของที่นี่หนาเกินความคาดหมายของเขาไว้มาก เเค่ก้าวลงไปหิมะก็จมมาถึงต้นขาเเล้ว
"ฮ่าๆ เจ้ามาใหม่สินะ"ชายหนุ่มคนนึงในร้านข้างๆทางเรียกมาร์คัส "หิมะที่นี่น่ะ เดินไปไม่ได้หรอก เจ้าต้องขีั่เจ้า รันเนอร์ นี่ เท่านั้นเเหละ"
"ให้ข้าเหรอ?"เด็กหนุ่มถาม ซึ่งคำตอบคงจะไม่เป็นไปดังคาด
"ตัวละสิบเหรียนทองเอง เจ้าซื้อไปเถอะ"
เพราะสภาพภูมิประเทศแบบนี้มาร์คัสจึงต้องจำใจซื้อม้า ตัวขนาดสูงมากกว่าสองเมตรนี้มา เพื่อเดินทางไปยังค่ายนักเวทย์ที่พี่สาวของเขา
อาศัยอยู่ ที่บนเทือกเขา
"ว่าไง" ระหว่างทางมาร์คัสสะดุ้งเฮือก นักพยากรณ์ชื่อเปโรคนนั้นอีกเเล้ว
"ข้าว่าเจ้าอย่าไปต่อเลย"เปโรว่า "มันจะไม่ดีต่อตัวข้าเเละเจ้าเอง"
เเล้วชายคนนั้นก็หายไปอย่างรวดเร็วราวกับเป็นภาพหลอน เมื่อมาร์คัสจะคิดเรื่องที่ชายชราพูดเมื่อกี้ หิมะก็พลันตกลงมา ทำให้เด็กหนุ่มค้องรีบควบ
ม้าไปยังเทือกเขานั่นให้ไวที่สุด มาร์คัสไม่ชอบอากาศหนาวเขาอยากนอนเล่นอยู่ในห้องของตัวเอง แทนที่จะออกมาพจญภัยแบบนี้ เเต่เมื่อ
เขาขี้เกียจที่จะไป ร่างกายก็จะร้อนเหมือนถูกเผาด้วยไฟ..ไฟเเห่งความสงสัยทำให้ต้องออกมาหาคำตอบ ซึ่งเเม่ของเขาก้ไม่ได้ว่าอะไร
"เด็กๆน่ะ อยากรู้อะไรก็ต้องไปหาคำตอบสิ ไม่งั้นก็โดนไฟเผาหรอก"แม่พูดกับมาร์คัสแบบนี้
มาร์คัสเร่งให้รันเนอร์ไวขึ้นอีกเพื่อให้ถึงไวขึ้น ซึ่งรันเนอร์ตัวนี้เหมือนจะถูกใจ รีบวิ่งให้ไวที่สุดทันที
เมื่อเด็กหนุ่มมาถึงเขาก็พบพี่สาวของตัวเองยืนรออยู่หน้าค่าย โบกมือเเละวิ่งเข้ามาด้วยท่าทางดีใจ
ในเเคว้นมาเรียสนั้น จะมีค่ายวิจัยเวทย์มนตร์อยู่สี่เเห่ง หนึ่งคือ ค่ายสัตว์เทพ จะศึกษาเกี่ยวกับสัตว์หายกาเเละสัตว์ในตำนานทั้งหลาย
สองคือ ค่ายพืช จะศึกษาเเละวิจัยเกี่ยวกับพืชในตำนาน พืชกินคน เเละพืชในโลกเวทย์มนตร์
สามคือ ค่ายธาตุ จะศึกษาเกี่ยวกับการเล่นเเร่เเปรธาตุ เเละการใช้เวทย์มนตร์ประเภทธาตุด้วย
สี่คือ ค่ายศาสตรา เป็นค่ายที่เถื่อนที่สุดในสี่ค่ายนี้เลยก็ว่าได้ ศึกษาเรื่องอาวุธเเละการรบ นับถือ ลิเวียธานเป็ฯเทพเจ้า
ลิเวียธานนั้นคือมังกรน้ำโบราณที่เหลือรอดจากการล่ามังกรของมนุษย์เมื่อหลายร้อยปีก่อน ตอนที่มังกรเเละมนุษย์ยังรบกันอยู่
ไม่มีใครกล้าเเตะต้องลิเวียธาน เพราะเกล็ดของมันนั้นเเข็งยิ่งกว่าปราการ ดาบหรือหอกไม่สามารถเเทงทะลุหรือเข้าไปได้
ทำให้เป็นสองรองเเค่มังกรดำเท่านั้น
แต่ความจริงเเล้วมังกรนั้นยังมีเหลืออยู่อีกมากในทวีปการ์เนียร์นี้ แต่พวกมนุษย์ตายใจเลิกค้นหามังกรเเละมาประกอบอาชีพอื่นเเทน
บนท้องฟ้านั้นเป็นที่อยู่ของมังกรขาว ใต้ดินมีมังกรเงิน ในน้ำมีมังกรทะเล
เเล้วมังกรดำล่ะ..
มังกรดำนั้นเป็นศัตรูของมังกรอื่นเพราะพวกมันโหดร้ายมาก ดุดัน เเข็งเเกร่ง มีมิติเป็นของตัวเองเรียกว่า 'โลกมังกรดำ' เคยมีคนหลุดเข้าไปเเละออก
มาได้ พวกเขาเล่าว่า มีจ้าวมังกรดำอยู่สี่ตน ซึ่งถูกไมนอสสังหารไปหนึ่งตนเท่านั้น เหล่ามังกรดำจึงเลิกรุกรานดินเเดนมนุษย์ เเต่ก็ไม่ได้เลิกเเค้น
เเละหาทางเข้ามาได้ทุกเมื่อ
มาร์คัสเดินเข้ามาในบ้านของพี่สาวซึ่งไม่ได้ใหญ่โตมากนัก นั่งลงข้างๆเตาผิง
อา อุ่นขึ้นเยอะ เด็กหนุ่มเริ่มง่วงซะเเล้ว เเล้วก็มีเสียงประหลาดข้างนอก ทำให้เด็กหนุ่มต้องวิ่งไปดู
เเละเเล้วเขาก็พบตัวต้นเสียง มาร์คัสไม่รู้ว่านี่คือตัวอะไร จึงได้พยายามเข้าไปไกล้ๆ มันเป็นนก นกที่ติดไฟได้..
"มาร์คัส ชงชาได้เเล้วนะ"เเล้วพี่สาวของเขาก็เดินเข้ามาใกล้ไๆเธอตกใจทันทีที่เห็นนกตัวนั้น "นั่นมัน เฟลมเบิร์ดนี่"
"เฟลมเบิร์ดคือ?"มาร์คัสมองหน้าเป็นเชิงถาม
"นกหายากน่ะ เรียกว่าตำนานเลยก็ได้"เธอค่อยๆเลื่อนมือไปจับนกตัวนั้น
พรึ่บ!
เเต่ทว่า นกกลับบินออกมาเเล้วระเบิดเปลวไฟดวงน้อยๆป้องกันตัวเอง เเล้วบินไปเกาะไหล่มาร์คัสอีกที
"สวัสดี ข้าชื่อ ฟินน์"นกเพลิงตัวนั้นพูดกับเด็กหนุ่ม
"หา?"
"อะไรเหรอ"พี่สาวเอียงคอถามอย่าง งงๆ
"เมื่อกี้พี่พูดว่าอะไรนะ"
"เปล่านี่"เธอส่ายหัวอย่างสุดชีวิต
"เเล้วใคร..."มาร์คัสสหันซ้ายหันขวา มองหาผู้มาเยือนคนที่สาม
"ข้าเอง"เจ้านกเพลิงบินไปรอบตัวมาร์คัส "ยินดีที่ได้รู้จัก มาร์คัส ข้าชื่อฟินน์"
"เจ้ารู้ชื่อข้าได้ยังไงเนี่ย"มาร์คัสตะลึงกับที่นกไฟพูดได้มากกว่ากับที่มันรู้ชื่อของเขา
เเล้วมาร์คัสเเละฟินน์ก็นั่งคุยกันในห้องมาเรื่อยๆจนเป็นเวลาประมาณเที่ยงคืน
วันนี้เป็นคืนเดือนดับ กลุ่มเงาจำนวนมากเคลื่อนไหวอยู่ในเงามืดอย่างเชื่องช้า ซึ่งดูจากรูปร่างอาจเป็นก็อบลินฝูกยักษ์!
ทั้งหมดนั่นพร้อมใจกันวิ่งกรูเข้าสู่ประตูเมืองทันที โชคดีที่มีนายทหารคนหนึ่งสังเกตุเห็นจึงบอกให้พวกพ้องรีบตีกลองศึกทันที
ทหารสิบกว่านายกำลังเข้าปะทะกับฝูงก็อบลินนับร้อย ถึงพวกเขาจะเก่งกาจขนาดไหนมาโดนรุมแบบนี้ก็ใช่ว่าจะชนะ
ทางมาร์คัสเองก็รีบวิ่งออกมาดูเพราะมีเสียงเอะอะ เหมือนทหารทั้งสิบคนสู้กับพวกก็อบลินอย่างง่ายดาย เเต่หางตากลับสังเกตุเห็นบางอย่าง
สีเเดง วิ่งไปวิ่งมาภายในฝูงก็อบลินนั้น เมื่อมองชัดๆ คือชายหนุ่มในชุด ผม เเละดวงตาสีเเดงเพลิงกำลังฟาดฟันกับก็อบลินด้วยค้อนอยู่
เมื่อเวลาผ่านไปชาวบ้านต่างยก คราด เสียม จอบ หรือเเม้กระทั่งโอ่งน้ำมาฟาดใส่เหล่าก็อบลินด้วยเช่นกัน
เมื่อฝูงก็อบลินถอยกลับไปเเล้ว ชาวบ้านที่เหลือจึงช่วยกันพาคนบาดเจ็บไปยัง สถานพยาบาลของเมือง มารร์คัสก็กะจะไปเข้าร่วมด้วย
เเต่โดนชายสีเพลิงคนนั้นหยุดไว้ซะก่อน
"เจ้าคือใคร"ชายหนุ่มถามทันทีที่มาถึง
"ข้าชื่อมาร์คัส เป็นเเค่เด็กน้อยคนหนึ่งเท่านั้น"มาร์คัสมองตาชายหนุ่มกลับไป
"งั้นเหรอ ฮ่าๆ ข้านึกว่าเจ้าคือไมนอสกลับชาติมาเกิดซะอีก"ชายหนุ่มหัวเราะร่วน ซึ่งคำถามของเขาทำให้เด็กหนุ่มรู้ถึงจุดประสงค์ของเขาตั้งแต่
แรกขึ้นมาได้
"หรือว่า ท่านคือเฮฟ?"
"เจ้ากล้าดียังไงมาเรียกชื่อลเ่นของข้ากัน"ชายหนุ่มทำท่าโมโหกลับมา ทำให้เด็กหนุ่มชะงักไป เเต่ยืนยันว่า นี่เเหละใช่เลย
"ว่าเเต่เจ้ารู้ได้ยังไงกัน"
"เอาไว้คุยในบ้านดีกว่า" ว่าเเล้วมาร์คัสก็ชวนเฮฟไปยังบ้าของพี่สาวตนเองทันที
ในบ้านผู้สนทนาเหลือเเค่สองคน เพราะเมื่อพี่สาวเห็นเป็นคนรู้จัก จึงให้อยู่กันลำพังสองคน
"ไมนอสบอกข้าว่าท่านตีอาวูธให้ข้าไได้"
"เดี๋ยวสิๆ ไมนอสตายไปเเล้วนี่นา" เฮฟทำหน้าแบบไม่อยากจะเชื่อ
ด้วยเหตุนี้ มาร์คัสจึงต้อเล่าเรื่องทั้งหมดให้เฮฟฟัง เเละรู้สึกว่าเฮฟจะเข้าใจซะด้วย
"งั้นเอาเกล็ดสายฟ้าของเจ้ามาสิ"
มาร์คัสยื่นเกล็ดยักษ์สีเหลืองทองไปให้ ซึ่งเฮฟดูไปสักพักก็หัวเราะออกมา
"เป็นอาวุธที่เหมาะกับเจ้าดีนะ"
"คืออะไรล่ะ อาวุธข้าน่ะ"
"พรุ่งนี้ก็รู้เองชายหนุ่มลุกขึ้นเเละเดินออกจากบ้านไป "ข้าขอตัวล่ะ"
ในคือนั้นมาร์คัสนอนไม่หลับทั้งคืน
เช้าเเล้วแต่ไม่เห็นเเม้เเต่ดวงตะวัน เพราะว่าวันนี้พายุหิมะเข้า....
อากาศเเย่สุดๆ มาร์คัสคิดพลางห่มผ้าห่มไปด้วย เเละในที่สุดคนที่เขารอคอยก็มาถึง
ก็อก..ก็อก
ประตูถูกเปิดออกมา ช่างตีเหล็กเดินเข้าบ้านมาอย่างรวดเร็ว เเล้วแย่งผ้าห่มมาร์คัสไป
"ไหนล่ะ อาวุธของข้า"
"อ่ะ นี่ไง"
เฮฟรีบยกกล่องที่มี สัญลักษณ์เรคทิออน ออกมาวางบนโต๊ะทันที เเละอธิบายต่อ "มันคือกริช ชื่อว่าลาร์คัส เป็นของซ่อนรูปล่ะ"
มาร์คัสมองหน้าเฮฟเป็นเชิงถามประมาณว่า คืออะไร
"ดูนี่ละกันนะ" เฮฟยกกริชขึ้นเเล้วตะโกนสุดเสียง "ลาร์คัส"
กริชที่รูปร่างทื่อๆลวกๆ กลับกลายเป็นของประณีตลวดลายเต็มไปหมด ส่วนใบดาบก็คมกริบหาที่เปรียบไม่ได้
เเล้วเฮฟยังตะโกนต่ออีกว่า "ฟินน์" ตัวของนกไฟก็ถูกดูดเข้าไปในมีด เเละ ตัวกริชเกิดการเปลี่ยนแปลง จากสีเงินเป็นสีงเหลืองทอง ใบมีดเป็นสี
เเดงเพลิง
"จริงสิ"เฮฟพูดเหมือนนึกอะไรได้ "เจ้าไปช่วยลูกศิษย์ข้า หาของบนภูเขาหน่อยได้ไหม นางไม่กล้าไปคนเดียวน่ะ ข้าพึ่งตีลาร์คัสมา กำลังเหนื่อย"
"อืม ได้สิ เดี๋ยวข้าไปช่วยเอง"
มาร์คัสตอนนี้กำลังเดินอยู่ท่ามกลางพายุหิมะอันรุนแรง เขานึกกอยากตัดหัวตัวเองเมื่อกี้นี่จริงๆ ที่ดันเห่อกริชใหม่ จนเผลอรับปากจนได้
ตอนนี้เด็กหนุ่มยืนอยู่หน้าร้าน 'ฮารูดอล์ฟ' ซึ่งแปลว่ากวางในภาษามาเรียน เเล้วเดินเข้าไปเคาะประตู
ก็อกๆ
ผ่านไปนานทีเดียวกว่าจะเสียงตอบกลับมา
"ใครคะ"เสียงผู้หญิงตอบกลับมา "ถ้ามาหาเจ้าของร้าน เจ้าของร้านไม่อยู่ค่ะ"
"เอ่อ..ไม่ใช่หรอก ข้ามาหาท่านนั่นเเหละ"
"ท่านคือ?"เสียงของคนตอบกลับออกแนวประหลาดใจเล็กน้อย
"ข้ามาช่วยท่านไปหาของน่ะ เฮฟเค้าไหว้วานมา"
"อ๋อ งั้นก้เข้ามาสิ" เมื่อได้รับการเชื้อเชฺย มาร์คัสจึงรีบเข้าไปทันที
โดยที่เด็กหนุ่มไม่รู้ว่า เขาจะได้เจออะไรบ้างในเทือกเขาเเถวนั้น
เก็บเข้าคอลเล็กชัน
ความคิดเห็น