ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    MARCUS ตำนาน นิทาน เเละความจริง

    ลำดับตอนที่ #2 : บททดสอบผู้กล้าคนใหม่!

    • อัปเดตล่าสุด 23 ม.ค. 56


    หน้าวังหลวงของพระราชวังเฮฟาร์กัส ซึ่งมีการป้องกันเเละควบคุมอย่างแน่นหนา เนื่องจากวันนี้เป็นวันเทศกาลฤดูใบไม้ร่วง อาณาจักรเฮฟาร์กัส

    นั้นมีเทศกาลทุกฤดู เพื่อเป็นการขอบคุณเหล่าเทพธิดาที่คอยดูเเลพวกเขาอยู่ เเละในช่วงเปิดงานนี้ทำให้คนเยอะตรงหน้าพระราชวัง

    ทำให้ไม่สามารถเจอกับอีคาลัสได้ มาร์คัสจึงต้องวิ่งไปที่หลังพระราชวังแทน ซึ่งเมื่อไปถึงก็เห็นอีคาลัสยืนรอยู่เเล้ว

    "ว่าไง"เด็กหนุ่มทักทาย ซึ่งก็ได้รับคำตอบมาในแบบเดียวกัน

    "เเล้วหน่วยแทรกแซงล่ะ"

    "เอ่อ..."อีคาลัสเว้นช่วงไปนิดหนึ่งเเล้วค่อยพูดต่อ "หน่วยเเทรกเเซงของข้าต้องไปทำงานที่เมืองอื่น.."

    มาร์คัสเข้าใจการสื่อความหมายของฝ่ายตรงข้ามทันที

    "งั้นเราไปกันเถอะ"มาร์คัสเดินไปยังทางเข้าประตูหลังพระราชวัง

    "เดี๋ยวสิๆ"อีคาลสัหัวเราะ ฮิๆ

    "อะไรอีกเล่า"มาร์คัสชักจะรำคาญเจ้ากาตัวนี้เเล้ว

    "ให้ข้านำไหม้ขารู้ทางนะ อีกอย่างเราไปทางนั้นไม่ได้หรอก"

    "...."

    ไม่รู้ว่าคิดไปเองรึเปล่า อีคาลัสเหมือนได้ยินเสียงดัง ครึก! มาจากหัว ไม่สิ ใบหน้าของมาร์คัส

    ขณะนี้ทั้งสองกำลังเดินอยู่บนทางหนีของกษัตริย์ที่ใช้หนีเวลาสงคราม ทางี้ตรงเข้าสู่ท้องพรีะโรงเลยจึงทำให้ไม่เสียเวลานัก

    ในท้องพระโรงนั้นว่างเปล่า ไร้ซึ่งวี่แววผู้คน ทำให้การเดินทางของทั้งสองยิ่งง่ายเข้าไปอีก

    อีคาลัสเปิดพรมออกข้างใต้นั้น มีประตูกล บันไดลึกลงไปราวห้าเมตรเเล้วเป็นทางต่ำให้พอคลานได้ ทอดไกลออกไปยาวสุดลูกหูลูกตา

    "พวกเจ้านี่ทำงานกันละเอียดจริงๆเเฮะ"มาร์คัสอดทึ่งกับทางลับพวกนี้ไม่ได้

    อีคาลัสยิ้ม หึ ก่อนจะอธิบาย "พวกเรามีทั้ง ักเวทย์ ขุนนาง คนรับใช้ หนู แมว จิ้งจก ทำให้รู้ทั้งโครงสร้างของพระราชวัง รู้เเม้กระทั่งทางที่

    กษัตริย์เเต่ละองค์ใช้ในการหนีออกไปเที่ยวกลางคืนนอกวัง"

    คุยกันเรื่อยๆในที่สุด อีคาลัสก็หยุดลงเเละเอาเท้าถีบผนังทางลับข้างๆตัว จนกระเด็นออกไป ทางออกอยู่ไกลจากประตูมาก เป็นได้เพียงเเค่

    เเสงสีม่วงที่คลุมประตูไว้เท่านั้น เมื่องทั้งสองเดินไปไกล้ชายวัยกลางคน คนหนึ่งก็เดินมาหาพวกเขา

    "สวัสดี มาร์คัส"ชายหนุ่มทักทาย

    "ข้าชื่อ ดักลาส เป็นผู้ร่วมงานของเเม่เจ้า"ดักลาสเเนะนำตัว

    "ส่วนข้าชื่อ อีคาลัส ยินดีที่ได้รู้จัก ดักลาสเเห่งกองหลัง"อีคาลัสโค้งคำนับ

    "เรื่องปีะตูเป็นอย่างไรบ้าง"มาร์คัสถาม

    "ไม่สู้ดีนัก เราไหว้วาน นักเวทย์จากค่ายศาสตรามาเเล้วเเต่ ยังไม่สามารถเปิดมันได้เลย"สีหน้าของดักลาสดูเศร้าลงเล็กน้อย

    มาร์คัสเดินเข้าไปไกล้ประตูอีกนิด ก็ได้ยินเสียงนักเวทย์คุยกัน

    "ประตูนี่่ ผนึกคำสาปไว้ ไม่ว่ายังไงก็เข้าไปไม่ได้เฮะ"

    "ทำยังไงกันนะถึงจะเปิดประตูได้" นักเวทย์บางคนเริ่มท้อเเท้ ซึ่งทันใดนั้นเองมาร์คัสก็วิ่งไปที่ประตู สร้างความแตกตื่นให้กับ ดักลาส เเละ

    อีคาลัสมาก

    "เฮ้ย" นักเวทย์หนุ่มพยายามร้องเตือนเเต่ เเสงสีม่วงนั้นได้พุ่งเข้ามาหามาร์คัสเสียเเล้ว

    "มาร์คัสข่มตาลง นึกถึงความเจ็บปวดที่จะเล่นผ่านมา เเต่เมื่อเวลาผ่านไป กลับไม่มีอะไรเกิดขึ้นเเม้เเต่น้อย

    แสงสีม่วงนั้นคลุมตัวเขาไว้! เเละไม่มีท่าทีที่จะโจมตีด้วย สร้างความประหลาดใจให้กับหลายคนมาก

    ข้ารอคนแบบเจ้ามานาน... เด็กที่เหมือนข้า.....ผู้กล้าของข้า...

    "ท่านเป็นใคร"มาร์คัสถามไปเเละมือยัง ปัดไปมา เพื่อหาตัวเจ้าของเสียง เเต่จับได้เพียงเเค่ มวลอากาศว่างเปล่า

    ข้าคือ ไมนอส วีรบุรุษเมื่อห้าร้อยปีก่อน เจ้าชื่ออะไรล่ะ

    "ข้าชื่อ มาร์คัส เป็นเกีรติที่ได้พบท่าน"มาร์คัสเคารพอย่างถ่อมตน เพราะอีกฝ่ายเป็นถึงวีรบุรุษ หรือมองไม่เห็นก็ไม่รู้

    เเล้วเเสงสีม่วงบางส่วนก็กลายเป็นรูปร่างขึ้นมา กลายเป็นรูปคนที่มีสีผมเเละตา เป็นสีฟ้าแบบเดียวกันกับมาร์คัส

    "นี่คือร่างวิญญาณของข้า" ไมนอสยิ้มออกมา เเต่เป็นรอยยิ้มที่กวนประสาทมากกว่าดีใจหรือยินดี

    "ผู้กล้าที่ว่าคือ?"มาร์คัสซึ่งยังไม่หลุดพ้นกับคำว่าเด็กถามต่อ

    "ผู้กล้าใตำนานของข้าไง"ไมนอสยืดอก ราวกับภูมิใจในฝีมือของตัวเอง

    เจ้านี่เป็นโรคจิตสินะ ถึงได้เเต่งตำนานตัวเองขึ้นมาแบบนี้  มาร์คัสนึกก่นด่าในใจ

    "เอาล่ะไหนๆ ก็ 'จะ' เป็นผู้กล้าเเล้ว ขอดูฝีมือหน่อยเถอะ"ไมนอสตบมือสามครั้งประตูก็เปิดออกโดยอัตโนมัติ เเต่เนื่องจากไม่ได้เปิดนาน ทำให้ทั่ว

    ทั้งถ้ำสั่นสะเทือน เเล้วไมนอสก็หันมามองมาร์คัสอย่างขอโทษ

    "ข้าไม่อยากให้คนอื่น นอกจากคนที่ข้าเลือกมาเกี่ยวข้องน่ะ" พอไมนอสพูดจบ เพดานถ้ำก็ถล่มตรงหน้าของ เหล่่านักเวทย์ทันที

    "ที่นี่คือ.."มร์คัสมองดูรอบๆ  มันเป็นถ้ำที่มีรูปเป็นโดมสูง ตรงกลางเป็นที่โล่งซึ่งไมนอสเรียกให้มาร์คัสไปตรงนั้น

    "เอาล่ะ เรออน" ไมนอสโผมือขึ้น พอดีกับที่พื้นด้านหน้าถูกยุบไปอย่างรวดเร็ว ตามมาด้วยเสียงเเก้วขูดกับพื้นดังสนั่นทั่วตัวถ้ำ

    ในที่สุดเจ้าของเสียงก็มาถึง  เรคทิออน ขนาดสูงสามเมตรยาวสิบเมตร!

    เรคทิออนคือสัตว์ในตำนานของเฮฟาร์กัส แต่ถึงจะเป็นสัญลักษณ์ประจำชาติ เเต่ไม่เคยมีใครเห็นตัวจริงมาก่อน ยกเว้น ไมนอส

    มันเป็นสัตว์ตระกูลงู เเตาตัวใหญ่กว่าหลายเท่า ข้างบนมีเขาเพื่อเรียกฝน เเละมีเกล็ดเพื่อเรียกสายฟ้า เป็นสัตว์ที่เเข็งเเกร่งมาก

    "นี่คือการทดสอบ เรคทิออนจะมีเกล็ดไว้เรียกสายฟ้า ถ้าเจ้าดึงมันมาได้ เจ้าก็ผ่าน"ไมนอสยิ้มอีกที

    งานคราวนี้ไม่หมูเเล้ว เด็กหนุ่มคิด เขารีบวิ่งไปหยิบดาบตรงที่ขอบถ้ำทันที เมื่อเรคทิออนพุ่งตรงมายังมาร์คัส เด็กหนุ่มจึงรีบหมุนตัวฟันดาบกลับ

    ไปทันที  แต่ว่า ดาบกลับไม่ทำให้เกล็ดเเข็งๆของมันเป็นรอยเลยมาร์คัสเข้าฉะกับ เรคทิออนยักษ์อยู่นาน จนดาบหักเเล้วค่อยวิ่งหนีเข้าไปใน

    โพรงต่างๆของถ้ำ ซึ่งเรคทิออนเองก็ไล่ล่าตามหาเขาไปเรื่อยๆ

    "ข้าพึ่งเคยเห็นเด็กบ้าบิ่นแบบเจ้านี่เเหละ มีอย่างไหนใช้ดาบฟันกับเรคทิออนเล่า"ไมนอสดูท่าผิดหวังเล็กน้อย

    คิดสิ...คิด... มาร์คัสเร่งประสิทธิภาพของสมองให้ขึ้นสู่จุดสูงสูด! เปิดหาความทรงจำในโรงเรียนออกมาเรียบเรียง

    เรคทิออน เป็นสัตว์ในตำนาน กินเเต่ฟังกัส เเละลูกพีช ดูกจากอาหารเเล้วน่าจะเป็นสัตว์อ่อนเเอชัดๆ

    ไมนอสตายไปเมื่อหลายร้อยปีนี่นา คงจะหิวมากเเน่ๆ

    ในที่สุดมาร์คัสก็คิดออกจนได้

    "นี่ ให้ข้าช่วยเจ้ามั้ย?"

    ไมนอสโผล่หน้าออกมาทำให้มาร์คัสสะดุ้ง เเต่ก็ยังยิ้มออกได้ เสียงเพลงเเห่งชัยชนะได้เริ่มบรรเลงเเล้ว!

    เรคทิออน เลื้อยหามาร์คัสอยู่นานทีเดียว มันหิวมากเพราะไม่มีคนคอยให้อาหารตั้งแต่นายของมันตายไป

    ทันใดนั้น มันเหลือบเห็นเหล่าฟังกัสอันโอชะเดินผ่านหน้าอย่างไม่กลัวตาย! ซึ่งมันรีบเข้าไปกินทันที

    ในจังหวะเดียวกันกับที่มันก้มไป มาร์คัสก็กระโดดขึ้นไปดึงเกล็ดส้ายฟ้าของ เรคทิออนออกมาได้สำเร็จ!

    แปะ แปะ แปะ

    เสียงตบมือของไมนอส ดังก้องไปทั่วถ้ำ ให้ความรู้สึกหลอนแปลกๆสำหรับมาร์คัส

    "โอเคๆ เจ้าผ่านเเล้ว ข้าว่าเจ้าเอาเกล็ดนั่นไปให้ช่างตีดาบเพื่อนข้าที่ชื่อว่า เฮฟ เเห่งมาเรียสเถอะนะ เจ้าได้อาวุธสวยเเน่ๆ"

    "เข้าใจเเล้ว"มาร์คัสพูดอย่างว่านอนสอนง่าย ใจจริงเขาอยากให้ไมนอสไปด้วย เพราะจะได้มีคนนำทางไปถูกที่

    "เจ้าออกไปเถอะ ตอนนี้คนข้างนอกคงจะเป็นห่วงเข้ามากเเล้ว"

    "เเล้วท่านล่ะ จะหายไปงั้นเหรอ"

    "เรื่องสิ เจ้าปลุกข้ามาเเล้วนะ หลับลงสิแปลก"

    'ผีลืมโลง'สินะ มาร์คัสก็เดินออกไปทันที ก้อนหินที่ขวางทางก็ถูกพัดให้กระเด็นออกไปหมด ส่วนประตูก็ปิดสนิทเหมือนเดิม

    "เจ้าเจออะไรบ้าง"เหล่านักเวทย์รุมถามมาร์คัส เเต่ถูกมาร์คัสผลักให้เปิดทาง

    "ข้าจะไปอาณาจัก มาเรียส พรุ่งนี้"มาร์คัสบอกกับอีคาลัส "เจ้าไม่ต้องตามข้ามานะ"

    "ได้ ข้าจะไปทำงานที่อื่นเหมือนกัน งั้นเดี๋ยวข้าเตรียมม้าให้ละกัน"

    "ก็ดี"

    เเละเเล้วมาร์คัสก็เดินออกไปจากพระราชวังพร้อมผู้คนที่เลิกราจากงานเทศกาลมากมาย...



    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×