ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    The Pretty Lilitha ซาตานบ้าแต่น่ารัก

    ลำดับตอนที่ #2 : เอ๋!!! ฉันเนี่ยหรือคือทายาท

    • อัปเดตล่าสุด 11 ก.ย. 54


    คืนนี้เป็นคืนพระจันทร์เต็มดวงจึงทำให้แสงจันทร์ส่องลงมาสู่บ่อน้ำร้อนกลางแจ้งหลังคฤหาสน์ได้มากเป็นพิเศษ  พวกเราเจ็ดพี่น้องทอดกายลงในบ่อน้ำอย่างสบายอารมณ์ ควันกรุ่นๆลอยอยู่เหนือพวกเราไปไม่มากนักทำให้บรรยากาศดูดีอย่างไม่น่าเชื่อ ฉันมองไปทางพวกพี่สาวของฉันที่กำลังเปลือยกายอยู่ภายใต้แสงจันทร์พลางนึกอิจฉาทรวดทรงองเอวของพวกหล่อน ที่แต่ละนาง ตู้ม!! ได้ที่ทั้งนั้น ฉันละสายตามาสำรวจของตนเองบ้าง  แต่แล้วก็ได้พบคติธรรมที่ว่าเส้นผมเส้นเดียวก็บังภูเขามิดได้  แง้ๆๆๆ ทำไมพระเจ้าถึงใจร้าย ส่งฉันมาบังเกิดในหมู่สาวน้อยทุ่นระเบิด แต่กลับให้ฉันเป็นเพียงสาวน้อยไม้ขีดไฟซะได้  แต่ถึงอย่างนั้นก็เถอะฉันก็ไม่เสียใจหรอกนะ (กัดฟัน) เพราะถึงฉันจะหุ่นไม่ดี ไม่มีพรสวรรค์ แต่ฉันก็ภูมิใจที่ได้เกิดเป็น ลิลิต้า อิลิยาสฟีล ซาตานงั่ง ขี้เหร่ และซื่อบื้อที่สุดแห่งสหัสวรรษ  ฮ่า ฮ่า ฮ่า ฮือ ฮือ แง้ ฮ่า ฮ่า

     

    ตายล่ะสิเหมือนฉันจะคิดดังไป จู่ๆฉันก็รู้สึกได้ถึงจิตวิตถารของเหล่าสาวน้อยอกบอลลูนได้ซะแล้ว

     

    นี่พวกเรา--- มาดูยัยลิลิต้านี่สิท่าจะบ้าไปซะแล้ว หัวเราะไปน้ำตาไหลไปดู๊ดูสวยแต่โง่ พูดออกมาได้ ใครจะบ้าหัวเราะไปน้ำตาไหลไป

     

    จริงด้วย ดูสิพวกเรา ยัง ยังอีก ยัยปีศาจอกบวมพวกนี้นี่ อย่ามายุ่งกับชั้นนะ

     

    ว้าย!!! น่ารักจังเลย อย่า อย่านะ อย่าเอาภูเขาไฟฟูจิมาทับหน้าช้าน...

     

    ดูสิหน้าแดงแป้ดเลยสงสัยจะชอบ---งั้น...พวกเราตะลุมบอน!!” ไหนอะไรอีกล่ะ กรี้ด!!! มาเป็นกองทัพเลย แง แง ใครก็ได้ช่วยนู๋ด้วย นู๋โดนค่ายกลบิ๊กมิลค์ค่า...

     

    ครืด!!!’ เสียงของประตูเปิดออกทำให้พวกพี่ๆผงะไปพักหนึ่งฉันจึงถือโอกาสวิ่งออกจากค่ายกลบิ๊กมิลค์แล้วไปหลบหลังโขดหิน หญิงคนหนึ่งยืนอยู่ตรงนั้นเป็นหญิงที่พวกเราคุ้นหน้า และที่สำคัญเธอตู้มกว่าใครๆ ในที่นี้

     

                    แม่ พวกเราพูดเกือบพร้อมกัน โดยเฉพาะฉันที่ได้กลับมาหายใจอีกครั้ง

     

    รีบขึ้นมากันเถอะลูก มีแขกสำคัญมากมาขอพบลูกของแม่น่ะจ่ะ โอ้แม่สุดที่รัก หนูรักแม่ที่สุด และแน่นอนฉันรีบกระโดดขึ้นจากบ่อเป็นคนแรก

    1

    …………………………………………………………………………

     

    “เอาล่ะจ่ะ...เสร็จแล้ว” คุณแม่สุดสวยพูดกับฉันขณะที่ติดกระดุมชุดเม็ดสุดท้ายที่กลางหลังเสร็จ ฉันรีบกระโจนเข้าหากระจกบานใหญ่ที่แขวนไว้กับผนังห้องแต่งตัวแห่งนี้ พลางมองเงาที่สะท้อนอยู่ในกระจก มันเป็นเงาของหญิงสาวร่างเล็กน่าขบเคี้ยว อีกทั้งหน้าตาที่เหมาะกับรูปร่าง ดวงตากลมโตสีน้ำตาลอ่อนช่างหยาดเยิ้มเสียนี่กระไร เรือนผมสีทองม้วนเป็นเกลียวที่ถูกมัดเป็นแกละไว้สองข้างอย่างสวยงาม บวกกับชุดเดรสสีทองตัวยาวรัดติ้วเผยทรวดทรงองค์เอวนี่อีก เพอร์เฟค!!! เพอร์เฟคอะไรอย่างนี้ แบบนี้มีหวังเราต้องเป็นหญิงที่เด่นที่สุดในดินเนอร์ค่ำนี้แหง แหง (โฮะ โฮะ โฮะ)
     
    “นี่!!! ยัยลิลิต้า” ว้าย!!!ตาเถรหกตกแตก “เธอจะให้พวกฉันนั่งแหง่วอยู่ที่โต๊ะอาหารกันอีกนานมั้ย” หวาย...แย่แล้วดันแต่งตัวนานไปเผลอปล่อยให้ยัยซิ้ม เบนชี ขึ้นมาวีนซะได้
     
    “ขอโทษค่ะ...พี่เบนชีที่รัก” ฉันหันไปหาพี่เบนชีพลางทำหน้าแบ๊วสุดขีด “พี่อย่าโกรธหนูเลยนะค้า...”แบ๊วต้องแบ๊วเข้าไว้แบบนี้ยัยพี่โรคจิตต้องหยุดวีนแตกแน่
     
    “ตายล่ะพี่ขอโทษที...พี่ต้องทำให้น้องตกใจมากแน่เลย...โอ๋ โอ๋ น้องรักของพี่ใครจะไปโกรธหนูลงล่ะจ๊ะ” หุ หุ หุ ได้ผล วิชาแอ๊บแบ๊วบันลือโลกของเรายังใช้ได้ผลอยู่ “เอาเป็นว่าเรารีบลงไปที่ห้องดินเนอร์ด้านล่างกันเลยดีกว่านะจ๊ะ” พี่มองลงมาหาฉันด้วยแววตาน่าขนลุก ฉันพยักหน้ารับอย่างยินยอม
     
    “คุณแม่ขาพวกหนูลงไปก่อนนะค้า...” พี่เบนชีหันไปบอกกับคุณแม่ก่อนที่จะปิดประตูห้องแต่งตัวที่เต็มไปด้วยชุดอลังการแห่งนี้ลง
     
    พวกเราเดินไปตามโถงทางเดินที่ทอดยาวไปด้านหน้า ตรงปลายของโถงทางเดินนั้นเป็นบันได ขนาดใหญ่ยักษ์ทอดลงไปสู่โดมดินเนอร์ด้านล่างที่มีพวกพี่ๆนั่งรออยู่ตรงโต๊ะตัวยาวกลางฮอลล์ ส่วนปลายของโต๊ะนั้นมีบุคคลแปลกหน้าผู้หนึ่งสวมผ้าคลุมสีดำสนิทนั่งอยู่ ฉันรู้สึกได้ถึงรังสีแห่งความน่าเกรงขามที่บุคคลลึกลับผู้นั้นปล่อยออกมา นี่ขนาดฉันมองลงมาจากชั้นบนนะเนี่ย เอ...จะว่าไป แม่ก็บอกกับพวกเราว่ามีแขกสำคัญมาขอพบนี่นา หรือว่า...หรือว่าจะเป็น เจ้าชาย!! ใช่แล้วเจ้าชายจากอาณาจักรอันไกลโพ้น ที่กำลังตามหารักแท้!!! หึ หึ ถ้าเป็นแบบนี้ล่ะก็ การเปิดตัวย่อมเป็นช่วงที่สำคัญที่สุด
     
    “พี่ๆค้า...รอน้องสาวคนเล็กที่แสนน่ารักคนนี้นานมั้ยค้า...” ฉันตะโกนลงมาจากบันไดขั้นบนสุดด้วยน้ำเสียงสดใสน่ารักเพื่อเรียกร้องความสนใจสุดขีด ดูเหมือนพวกพี่ๆจะทึ่งกับการเปิดตัวของฉันมากดูสิตาค้างกันทุกคนเลย แม้แต่พี่เบนชีที่เดินอยู่ข้างๆยังทึ่งไปเลย แต่อีตาผ้าคลุมดำนั่นยังไม่สะทกสะท้านเลยสักนิด ไม่เป็นไร เรายังมีแผนรองรับ ฉันก้าวกระโดดลงบันไดอย่างสง่างามและไร้เดียงสาสุดๆ คราวนี้ท่าจะไปได้สวย ดูสิอีตาผ้าคลุมดำนั่นเริ่มมีปฏิกิริยาแล้ว ฉันก้าวกระโดดลงไปจากบันไดขั้นแล้วขั้นเล่าราวกับกำลังเต้นระบำ พวกพี่ๆผงกหัวตามจังหวะที่ฉันก้าวราวกับเครื่องประกอบจังหวะที่มีชีวิต ทุกทุกอย่างสอดประสานกันอย่างลงตัวเปรียบได้กับวงซิมโฟนี ออเคสตร้า ก็ไม่ปาน ในขณะที่บรรยากาศราวกับเจ้าหญิงเสด็จนั้นกำลังดำเนินอย่างราบรื่น สิ่งที่ไม่คาดฝันก็บังเกิดขึ้น ตายล่ะ...สะดุดค่า...สะดุด!!! ฉันสะดุดปลายกระโปรงของตัวเอง เหวอค่ะเหวอ... เกิดอาการเหวอสุดๆ ขาข้างขวาของฉันก้าวไปในอากาศ มือตะเกียกตะกายหาสิ่งยึดเหนี่ยวอย่างไร้ความหมาย สีหน้าของพี่ๆทุกคนเปลี่ยนเป็นเหวอสุดขีด แรงดึงดูดของพื้นโลกดึงตัวฉันลงไปอย่างรวดเร็ว หน้าของฉันทิ้งดิ่งลงไปบนพื้น กรี๊ด!!!! แย่แล้วทำไมการเปิดตัวของฉันถึงได้ทุเรศแบบนี้ ไม่จริ๊งงงงงงงง
     

    “ใครก็ด้ายยยยย.......ช่วยนู๋ด้วยยยยย” แง แง หนูเผลอตะโกนประโยคน่าอายออกไปซะแล้วค่า... แต่เรื่องนั้นช่างมันก่อนขอแค่อย่าให้หนูตกลงไปตายอนาถเลยค่า...
     
    ‘ พรึ่บ ’  เอ๋ ?!?นี่มันอะไรกันความรู้สึกหวิวหวิวแบบนี้ ฉันค่อยเปิดเปลือกตาที่ปิดเพราะความตกใจขึ้น นี่มันชายในผ้าคลุมดำเมื่อกี้นี่นา แต่ตอนนี้เขาถอดผ้าคลุมออกแล้ว หวาว...หล่อค่ะหล่อ หล่อสมกับเป็นเจ้าชายจริงๆเลยค่า...ที่สำคัญ เขากำลังอุ้มฉันอยู่ด้วย *O*
     
    “บาดเจ็บที่ใดรึปล่าวขอรับ คุณหนูอิลิยาสฟีล” มารยาทงามสุดสุด เขาพูดกับฉันอย่างสุภาพ ดวงตาสีเทา สีเดียวกับเรือนผมของเขาทำให้ฉันหวั่นไหว
     
    “มิเป็นไรมิได้ค่ะ---องค์ชาย” ฉันพูดพลางทำท่าเอียงอาย แน่ล่ะก็เราเป็นกุลสตรีนี่ต้องวางตัวเข้าไว้
     
    “เอ๋!!! คุณหนูพูดถึงใครอยู่หรือขอรับ---ข้ามิอาจเข้าใจได้”นั่น นั่น ถ่อมตัวซะด้วย อย่างว่าแหละชายผู้สูงศักดิ์ก็มักถ่อมตนอย่างเนี้ย

    “นั่นสิ” พี่เบนชีที่ยืนอยู่ด้านหลังของฉันพูดขึ้นบ้าง “พล่ามอะไรของเธอยะ---ยัยน้องงั่ง”
                “อย่าไปสนใจคำพูด ของยัยต๊องนั่นเลยค่ะพี่เบนชี” เสียงของพี่ สคิวบัส หนึ่งในพี่สาวของฉันที่นั่งอยู่ตรงโต๊ะตัวยาวพูดขึ้น พลางจิกดวงตาสีม่วงของเธอมาทางฉันอย่างเหยียดหยาม “ก็คงจะเป็นไอ้นิสัยคิดเองเออเองเหมือนเคยนั่นแหล่ะค่ะ โฮะ โฮะ โฮะ”
                “ว่าแต่มีอะไรที่ทำให้น้องคิด ว่าพี่ชายที่ใส่ผ้าคลุมคนนี้เค้าเป็นเจ้าชายล่ะคะ” พี่ เวเนสซ่า พูดด้วยท่าทีที่สุภาพอย่างแรง “พี่รู้ค่ะ---ว่าถึงน้องลิลิต้าจะสมองนิ่มแค่ไหน แต่ก็คงจะมีเหตุผลอยู่ใช่มั้ยล่ะคะ” แป่ว!!! พี่เวเนสซ่าาาาาา อย่าหลอกด่าหนูด้วยกิริยาน่ารักแบบนั้นสิคร้าาาา
                ฉันที่ตอนนี้ถูกพยุงให้ลุกขึ้นแล้ว รู้สึกถึงแรงกดดันจากพี่สาวแสนสวยทุกคน อย่างแรง จึงหันหน้าไปทางเจ้าชายรูปงาม เพื่อเรียกความมั่นใจว่าเราไม่ได้เข้าใจผิดคิดเองเออเองอย่างที่ ยัยคุณพี่
    สคิวบัสกล่าวหาจริงๆ แต่แล้วฉันก็เห็นเจ้าชายในผ้าคลุมสูดลมหายใจเข้าไปเฮือกใหญ่จนน่ากลัว เหมือนเพิ่ง ตัดสินใจว่าทำอะไรบางอย่างได้
                “เอ่อ...คุณหนูอิลิยาสฟีลทุกท่านขอรับ คือความจริงแล้ว ข้าพเจ้าคือ...” มาแล้ว มาแล้ว ในที่สุดเวลานี้ก็มาถึง แต่ฉากเจ้าชายเผยโฉมทั้งทีมันน่าตื่นเต้นน้อยไปรึปล่าวน้า...คิดได้ดังนั้นฉันจึงรีบวิ่งไปกระโดดปิดปากเจ้าชายรูปงามก่อนลากให้ถอยหลังไปสามก้าว
                “ถ้าจะเปิดเผยตัวล่ะก็...ไว้เป็นหน้าที่ของหม่อมฉันเองเพคะ” ฉันกระซิบที่ข้างหูของเจ้าชาย “ไว้ใจได้เลยเพคะ” ก่อนจะขยิบตาทีหนึ่งพร้อมกับชูนิ้วทำเครื่องหมายสู้ตายค่ะ แล้วจึงหันหลังกลับที่โต๊ะอาหารโดยไม่ได้สนใจแม้แต่น้อยว่าสีหน้าของเจ้าชายสุดหล่อจะเป็นอย่างไร
                “นี่ลิลิต้า เลิกเสียมารยาทกับแขกได้แล้วนะ” พี่เบนชีที่ตอนนี่ได้ไปนั่งที่โต๊ะอาหารพร้อมกับพี่พี่คนอื่นแล้วพูดขึ้นด้วยน้ำเสียงแบบห้ามปราม “ในระหว่างที่คุณแม่ ไปจัดการกับอาหารอยู่ พี่ว่านะน้องควรจะนั่งอยู่เฉยๆได้แล้วล่ะ”
                “แต่พี่เบนชีคะ---พี่ก็เห็นไม่ใช่หรอ...เมื่อกี้นี้ที่เจ้าชายเค้าคุยกับหนูน่ะ (ถึงหนูจะเป็นคนลากไปเองก็เถอะ)” ฉันพูดด้วยน้ำเสียงหวานหยด “เจ้าชายท่านรับสั่งให้หนูเป็นคนเปิดเผยตัวให้นะค่ะ”
                “จริงง่ะ อย่ามาอำกันดีกว่าน่า ยัยหัวทอง” พี่ซินยอต้าพูดใส่ไมค์โครโฟนสีชมพูจ๋าที่มักจะพกติดตัวอยู่เสมอถึงแม้มันจะไม่ทำให้เสียงของเธอดังขึ้นแม้แต่เดซิเบลเลยก็ตาม
                “น่าเบื่อจริง จริงเล้ย” พี่อิลูเทียเสริม “พวกโนตมไร้หัวคิด(แล้วแกไม่โนตมรึ)”
                “นี่เธอว่าใครยะ ยัยอิลูเทีย” พี่ซินยอต้าโต้ขึ้นแทบจะทันที
                “ก็ทั้งหมดนั่นแหล่ะ” พี่อิลูเทียแจงด้วยสีหน้าเรียบเฉย “เรื่องที่น้องลิลิต้าพูดน่ะ---มีความเป็นไปได้สูงเลยแหล่ะ” โอ้ พูดได้แจ๋วมากค้าาาา
                “เอ่อ...ความจริงมันมะ...” เจ้าชายขาใจเย็นสิค้า
                “ถ้าสังเกตที่ผ้าคลุมให้ดีล่ะก็---”
                รู้สึกเหมือนมีลมมาปะทะใบหน้าวูบหนึ่งก่อนที่ร่างของพี่อิลูเทียโผล่มายืนอยู่ข้างๆฉัน
                “ก็จะเห็นสิ่งนี้ไงล่ะ” เธอเปิดผ้าคลุมขึ้นเผยให้เห็นสัญลักษณ์ที่อยู่อีกด้านหนึ่งของผ้าคลุมสีดำสนิทนี้
                “นั่นมัน---สัญลักษณ์ ประจำราชวงศ์นี่” พี่ซินยอต้าถึงกับอึ้ง เมื่อเห็นสัญลักษณ์สีทองที่อยู่อีกด้านหนึ่งของผ้าคลุม
                “ไม่ผิดแน่” พี่แวนเด็ปที่เงียบมาตลอดพูดขึ้นโดยที่ไม่ได้ละสายตาไปจากแลปท็อปตัวเก่งเลยแม้แต่น้อย “นั่นคือสัญลักษณ์ประจำราชวงศ์ กราเซีย หนึ่งในเจ็ดราชวงศ์ใหญ่ที่ปกครองโลกซาตานแห่งนี้อยู่ ถึงแม้จะเป็นราชวงศ์ที่มีอำนาจน้อยที่สุดเมื่อเทียบกับราชวงศ์อื่น แต่ก็ว่ากันว่าไม่เคยมีราชอาณาจักรไหนมาโค่นล้มได้เลยสักครั้ง รวมทั้ง......”
                “เจ้าชายงั้นเหรอ” พี่เบนชีพูดขึ้นโดยไม่สนใจพี่แวนเด็ปที่ยังคงพูดน้ำไหลไฟดับแต่เอ๊ะ สายตาแบบนั้น ไม่จริงน่า หรือว่า แย่แล้วไม่ผิดแน่ สายตาแบบนั้นพี่เบนชี…
                “เจ้าชาย...หึ หึ หึ” ยังมีพี่สคิวบัสอีก
                “คุณเจ้าชาย---สินะคะ”พี่เวเนสซ่าก็ด้วย
                “เจ้าชาย...หัวสีเทา...สีเทา..อยากชิม ---จังเลย”ทางนี้ก็พี่ซินยอต้า
                “อย่ามาเกะกะฉันก็แล้วกัน...”พี่อิลูเทียก็เอากะเขาด้วย
                “จะขอเก็บข้อมูลให้หนำใจล่ะนะคร้า...”พี่แวนเด้ปปปปป
     
    ใครก็ด้ายช่วยหนูด้วย!!!!!โหมดสาวน้อยโรคจิตของพี่ๆหนูทำงานแล้วล่ะค้าาาาา!!!!!!
     
                “อย่าบังสิ น้องลิลิต้า”
    “ถอยไปยัยต๊อง”
    “กรุณาหลีกทางด้วยค่ะ คุณน้องลิลิต้า” 
    “หลบไปยัยหัวทอง”
    “ยัยโนนมอย่ามาเกะกะ”
    “หยุดทำหน้าเอ๋อแล้วถอยไปซะ---เดี๋ยวแม่ก็จับสแกนไวรัสซะหรอกค่ะ”
    เหมือนกับพายุทอร์นาโดก็ไม่ปาน พี่สาวทั้งหกของฉันกระโดดเข้าใส่เจ้าชายของฉันพร้อมทั้งตะลุมบอนแบบไม่ยั้ง โดยทิ้งฉันที่โดนดีดออกจากวงตั้งแต่เริ่มเกม ให้แหง่วอยู่ข้างนอกเหมือนม้านอกสนามยังไงยังงั้น ไม่จริงใช่มั้ย นั่นมันเจ้าชายของฉันนะ หนอย..ยัยพวกหื่นโรคจิตเอ๊ย...ใครจะไปยอมแพ้กันเล่า  ฉันจะต้องช่วยเจ้าชายของฉันจากปีศาจโคนมพวกนี้ให้ได้....
    “ย้ากกกกกก!!!!!!” ฉันโห่ร้องเพื่อเรียกพลังพร้อมทั้งพุ่งทะยานไปทางจุดที่เจ้าชายของฉันอยู่ ฉันพยายามหาช่องว่างเพื่อแทรกตัวเข้าไปในวง ผลก็คือง่ายเกินคาด เพราะพี่ๆมัวแต่ยื้อแย่งกันทำให้ฉันมุดเข้าไปถึงข้างในที่เจ้าชายอยู่ได้อย่างไม่ยากนัก แต่เจ้าชายของฉันสิคะหน้าแดงแปร๊ดเลยละด่า
    “คุณหนูลิลิต้าขอรับ” เจ้าชายของฉันที่ตอนนี้นั่งลงในช่องว่างกลางค่ายกลพูดกับฉันด้วยสีหน้าเขินอายที่สุด
    “ไม่ต้องกลัวเพคะ---หม่อมฉันจะพาออกไปเดี๋ยวนี้เพคะ”
    “คือไม่ใช่เรื่องนั้นหรอกขอรับ---แต่ช่วยฟังข้าพเจ้าหน่อยเถอะขอรับ” เอ๋.... “คือความจริงแล้วข้าพเจ้า...ข้าพเจ้าไม่ใช่เจ้าชายหรอกนะขอรับ”
    “ห๊า!!!!!อะไรน้าาาา”
    “ฟังไม่ผิดหรอกขอรับ...ความจริงแล้วข้าพเจ้าเป็น...”
    “เดี๋ยวก่อนทุกคน ดูให้ดีซิเจ้าชายไม่ได้อยู่ตรงนี้แล้ว”แย่ล่ะพี่อิลูเทียรู้ตัวซะแล้ว
    “แล้วอยู่ไหนล่ะ”พี่สาวทุกคนเริ่มหยุดตะลุมบอนกันแล้วก้มมามองที่ปลายเท้าของพวกเธอ
    “เจ้าชาย!!!!” เรียกด้วยเสียงที่หื่นแบบสุดสุดเมื่อเห็นว่าเจ้าชายนั่งอยู่ตรงเท้าของพวกเธอ
    “เดี๋ยวก่อนสิคะพี่”
    “เดี๋ยวเดิ๋วอะไรกันยะ วะวะ ว้ายยยย” เดี๋ยวก๊อนนน นั่นมันขาของพวกพี่พันกันเองไม่ใช่รึนั่น อย่านะ ว้ายจะล้มลงมาทับแว้ววววว
    ‘ตูม!!!’ แง้!!!หนูโดนทับค่าพี่ๆทุกคนถล่มลงมาทับฉันกับเจ้าชาย ที่อยู่เบื้องล่างอย่างแรง ทำให้ฉันที่ไร้หนทางป้องกันต้องฟุบหน้าลงไปที่หน้าอกของเจ้าชายอย่างเลี่ยงไม่ได้ ฉันมองไม่เห็นอะไรเลย รู้ก็แต่ว่าหน้าของฉันซุกอยู่ตรงหน้าอกของเจ้าชาย(ตัวปลอม)อยู่ หึ หึ หึ งั้นขอถือโอกาสเรยนะคะ ถึงจะบอกว่าไม่ใช่เจ้าชายก็เถอะแต่นานนานจะได้ซบอกผู้ชายอกสามศอกซักที...อืม...ใช้น้ำหอมกลิ่นอะไรกันน้า ทำไมถึงห้อม หอม อืม..แต่กลิ่นมันหอมแบบทะแม่งทะแม่งอยู่นา เอ๊ะ...กลิ่นแบบนี้นี่มัน นี่มัน---กลิ่นน้ำหอมผู้หญิงนี่!!! แถมสัมผัสตรงหน้าอกนี่มัน คุ้นเคย---คุ้นเคยอย่างบอกไม่ถูก ใช่แล้ว ไอ้นี่ก็คือเจ้านั่นไงล่ะ หมายความว่าไงเนี่ย เจ้านี่มัน หน่มน้มชัดๆ
    ‘เพล้ง!!!’
    “คุณแม่!!!”พี่เวเนสซ่าที่อยู่ชั้นบนสุดพูดขึ้นเมื่อเห็นคุณแม่สุดสวยทำจานอาหารหล่นกับพื้นด้วยสีหน้าตกใจสุดขีด
    “นี่ลูกลูกทำอะไรกับ องค์ราชินี กันล่ะนี่” คุณแม่พูดขึ้นด้วยน้ำเสียงสั่นเทา ราวกับว่าอยากให้ภาพที่เห็นเป็นเพียงความฝันเท่านั้น
                 ฉันเองก็คิดเช่นนั้นเหมือนกันถ้าหูของฉันยังไม่พิการแล้วก็ยังคงฟังเสียงได้ดีอยู่ล่ะก็ หมายความว่าคนที่ฉันซุกหน่มน้มอยู่นี้   ก็คือสตรีสูงศักดิ์หนึ่งเดียวที่ถือสิทธิขาดปกครองโลกแห่งนี้อยู่สินะ ไม่จริ๊งงง... ไม่จริงใช่ม้าย แม่ขาแล้วหนูจะโดนตัดหัวเสียบประจานมั้ยล่ะคร้า...แง้....แง้...แง้
    ทำไมวันนี้มันซวยอย่างนี้ล่ะเนี่ยยยยยยย
    .................................................................................................................................
    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×