soulmate เนื้อคู่จริงจริงนะ - soulmate เนื้อคู่จริงจริงนะ นิยาย soulmate เนื้อคู่จริงจริงนะ : Dek-D.com - Writer

    soulmate เนื้อคู่จริงจริงนะ

    เมื่อชายหนุ่มชงโค ชายที่มักฝันถึงเนื้อคู่เมื่อชาติที่แล้วเสมอ ต้องมาพบกับเนื้อคู่เมื่อชาติก่อนตัวเป็นๆ แล้วเหตุการณ์จะเป็นเช่นไร เมื่อเนื้อคู่คนนั้นก็จำเขาได้ซะด้วย มาช่วยกันลุ้นกับรักวุ่นๆตอนเดียวจบของนายชงโคกันเถอะครับ

    ผู้เข้าชมรวม

    483

    ผู้เข้าชมเดือนนี้

    0

    ผู้เข้าชมรวม


    483

    ความคิดเห็น


    2

    คนติดตาม


    0
    หมวด :  ซึ้งกินใจ
    เรื่องสั้น
    อัปเดตล่าสุด :  26 เม.ย. 54 / 00:02 น.


    ข้อมูลเบื้องต้น

    ตั้งค่าการอ่าน

    ค่าเริ่มต้น

    • เลื่อนอัตโนมัติ

      "แม่ลำดวน... ข้าสาบานว่า จะเป็นเนื้อคู่ของเอ็ง  ทุกชาติไป..."
      "
      ตัวข้าเอง  ก็จักขอจดจำพี่อินไปทุกชาติ จนกว่าวิญญาณข้าจักม้วยมลาญเช่นกัน "

                  ท่าม กลางสายฝนที่โปรยปรายในคืนเดือนเพ็ญ ชายหญิงทั้งสองค่อยๆแนบริมฝีปากเข้าหากัน ประหนึ่งว่ากำลังยืนยันแก่พันธสัญญารักของคนทั้งสอง แสงของฟ้าที่แลบแปลบปลาบส่องแสงลงมาเพียงเล็กน้อย...แต่สำหรับพวกเขาทั้งคู่มันก็คงจะเพียงพอแล้ว ที่จะทำให้สัมผัสได้ถึงการมีอยู่ของกันและกัน ตราบนานเท่านาน...

               กริ๊งงงงงงงงงงงงงงงงงงง !!!!!!!!

                  "นี่ตาชงโค จะนอนไปถึงไหนเนี่ย เดี๋ยวก็ไปโรงเรียนไม่ทันหรอก"    เสียง ของนาฬิกาปลุกบนหัวเตียงบวกกับเสียงแม่อันเป็นที่รักปลุกผมตื่น ผมค่อยๆลืมตาขึ้น พร้อมกับสำรวจตัวเองที่ตอนนี้กำลังกอดจูบอยู่กับหมอนข้างอย่างเมามัน

      "โธ่เอ๊ย!!! ให้มันได้งี้ซี้...ดันมาตื่นตอนกำลังจะเข้าด้ายเข้าเข็มเอาซะทุกทีเล้ย.." ผมสบถออกมาเบาเบากับความเซ็งที่เกิดขึ้น แต่ก็ต้องจำใจลุกขึ้นอาบน้ำแต่งตัวก่อนจะรับประยัดข้าวลงท้อง แล้วจึงปั่นจักรยานไปโรงเรียน

      บรรยากาศ ยามเช้าของโรงเรียนครอคโคไดล์พาเลซยังคงครึกครื้นไม่เคยเปลี่ยน ผมนั่งลงที่เก้าอี้ริมหน้าต่างแถวสุดท้ายตัวประจำของผมพลางทอดสายตาไปยัง พื้นสนามสีเขียวที่อยู่ด้านล่าง

      "เฮ้อ~ฝันเห็นอีกแล้วน้า..."ผมเอ่ยขึ้นกับตัวเองด้วยสีหน้าเคลิบเคลิ้มพลางนึกภาพถึงความฝันเมื่อคืน

      "เฮ้ย! ไอ้ชงโคนี่แกเป็นอะไรของแกวะ" เสียงของคเชนทร์เพื่อนสนิทของผมเอ่ยทักขึ้น

      "อ๋อ!อาการนั่นน่ะรึ..."    "ก็คงฝันเห็นเนื้อคู่เมื่อชาติก่อนล่ะม้าง...โอ้แม่ลำดวนจ๋าช้านร้ากเธอ จู๊บบๆ 5555+++"

      พวกแกเลิกล้อข้าสักทีได้มั้ยวะข้าจริงจังนะเฟ้ย"     ผม ปาสมุดเล่มที่อยู่ใกล้มือที่สุดไปยังหัวของไอ้คเชนทร์กะไอ้สุริยนต์ที่ผสม โรงกันปากมอมอย่างแม่นยำก่อนจะละสายตาจากสนามหญ้าด้านล่างมายังพวกมัน

      "โธ่เอ๊ย...ก็มันน่าล้อนี่ฝ่า"ไอ้เชนทร์พูดในขณะที่เอามือกุมหัวที่ถูกสมุดปา

      "ใช่ๆเนื้อคู่เมื่อชาติก่อน เน้า เน่า ว่ะ"

      "พวกแกก็พูดได้ดิว้า...แกคงจะอิจฉาข้าอ่ะดี้...ที่มีเนื้อคู่ที่ทั้งค้าวขาว น่าร๊ากน่ารัก สุดสุดขนาดเนี้ย"

      "ถุย!!ใครเขาจะไปอิจฉาแกว้าใช่ป่ะยนต์

      "ช่าย ช่าย แกก็แค่ดูหนังลามกภาคสาวญี่ปุ่นมากไปแล้วเก็บไปฝันเท่านั้นล่ะ
      ไอ้ชงโค 5555++++" บังอาจไอ้ยนต์...
      "พูดอีกก้อถูกอีกว่ะ ว้าก ฮ่า 5555555++++" หนอย!!! ทนไม่ไหวแล้วว้อย!!! เอานี่ไปกิน บาทาไร้เงาสองทีซ้อน!!!  "อ้าค!!!ช่วยด้วยไอ้ชงโคมันบ้าไปแล้ว"

              แน่นอนล่ะสำหรับคนอื่นแล้วเรื่องนี้คงจะไร้สาระน่าดู แต่สำหรับผมที่ฝันเห็นอยู่บ่อยๆน่ะ มันไม่ใช่เลย ตั้งแต่เมื่อไหร่กันนะที่ผมเริ่มฝันเห็นแต่ผู้หญิงเมื่อชาติก่อนที่ชื่อแม่ ลำดวน ผมมักจะเห็นตอนที่พวกเรายืนสาบานรักอยู่ใต้ต้นไทรกลางทุ่งนาที่กว้างสุดลูก ตาเหมือนกับฉากในหนังย้อนยุค แต่เพราะอะไรไม่รู้ที่ผมกลับรู้สึกคุ้นกับบรรยากาศและแม่ลำดวนคนนั้นอย่าง ประหลาด ราวกับว่าผมเคยอยู่ที่นั่นและรู้จักกับเธอมานานแสนนาน จะว่าไป ถึงผมจะฝันเห็นภาพนั้นบ่อยแค่ไหน ผมก็ไม่เคยที่จะได้เห็นเหตุการณ์ต่อจากนั้นเลย แต่ถึงอย่างนั้นก็เถอะผมก็ยังเชื่ออยู่เสมอว่า สักวันผมคงจะได้พบกับเธอคนนั้น แม่ลำดวน หรือเนื้อคู่ของผม

      "สวัสดีจ๊ะนักเรียน...เรามาเริ่มโฮมรูมกันเลยน๊ะจ๊ะ"คุณครูแย้มฟ้าพูดขึ้นเกือบจะทันทีที่ก้าวเข้ามาในห้อง เล่นเอาหัวหน้าห้องทำความเคารพแทบไม่ทัน...ชั่ว โมงโฮมรูมดำเนินต่อไปอย่างน่าเบื่อ ผมยังคงเหม่อมองไปยังสนามหญ้าที่ตอนนี้ไร้ผู้คนพลางนึกถึงแผนการที่จะโดด เรียนในวันนี้ไปเรื่อย จนกระทั่ง…

      "เอ้านักเรียนจ๋า
      ...นี่เป็นเรื่องสุดท้ายที่จะโฮมรูมกันแล้วนะจ๊ะ"ครูแย้มฟ้ากระแอมหน่อยนึงก่อนพูดต่อ "เข้ามาได้แล้วจ่ะรินรดา"

      ครืด!!!

      เสียงหนึ่งดังขึ้น(ซึ่งผมเดาว่าเป็นเสียงประตู)พร้อม กับเสียงไอ้หน้าหื่นทั้งหลายในห้องร้องฮือฮาขึ้นพร้อมกัน ผมไม่มีแม้แต่อารมณ์แม้แต่จะหันไปดูด้วยซ้ำ กะอีแค่นักเรียนใหม่ตื่นเต้นอะไรกันนักกันหนา

      "เฮ้ยไอ้ชงโค!!!แกดูดิ นักเรียนใหม่คนนั้น สุดยอดเลยว่ะ"ไอ้เชนทร์เรียกผมด้วยท่าทางหื่นสุดสุด 
      "เอ็งนี่ก็" ผมค่อยค่อยเอี้ยวตัวกลับมาที่หน้าชั้นเรียนอย่างเสียมิได้ "มันจะเวอร์อะไรขนาดนั้นฟะ--- ก็แค่นักเรียนมะ...เฮ้ย!!!นั่นมัน ไม่จริงน่า!!!!!!!

      นะนะนะนั่นมัน แม่ลำดวนนี่หว่า

       ไม่ผิดแน่ ทั้งหน้าตา รูปร่าง อะไรกันนี่ บทจะเจอก็เจอกันง่ายๆงี้เลยเรอะ ผม รู้สึกตะลึงผสมกับดีใจอย่างสุดขีด ผมขยี้ตาให้แน่ใจว่าผมไม่ได้ตาฝาดคิดไปเอง และกระทืบเท้าตัวเองเพื่อดูว่าผมฝันไปอีกหรือไม่ แต่เท่าที่ดูแล้ว นี่มันเรื่องจริงนี่!!!!! นี่ ก็แสดงว่าเนื้อคู่ในฝันของผมมีจริงในโลก ดีใจว้อยยยยยย ความรู้สึกของผมตอนนี้มันเหมือนกับภูเขาไฟที่เย็นเยียบแล้วเพิ่งจะเตรียมตัว ปะทุยังไงยังงั้น จนผมอยากจะตะโกนออกมาดังดังเชียวล่ะ

      ลำดวน ของผมยังคงยืนอยู่ตรงนั้น ยืนแนะนำตัวกับเพื่อนๆด้วยอากัปกิริยาน่ารักเกินบรรยาย เธอรวบผมที่ยาวสลวยของเธอไปด้านหลังที่ผูกด้วยโบสีน้ำเงินเรียบอย่างหลวม หลวม

      "เอาล่ะจ่ะ ทีนี้พวกเราก็คงจะรู้จักเพื่อนใหม่ของเราในระดับหนึ่งแล้วนะ ต่อจากนี้ไปก็ขอให้ทุกคนเป็นเพื่อนที่ดีต่อกันล่ะ" ครูแย้มฟ้ากล่าวขึ้นเมื่อรินรดาหรือแม่ลำดวนของผมพูดจบ

      "คร้าบบบบบบ"

      "
      ดีแล้วจ่ะ เอ้ารินรดาเดี๋ยวหนูไปนั่งตรงนู้นน๊ะจ๊ะ ตรงที่ว่างข้างๆชงโคน่ะจ่ะ"โอ้ วววว พระเจ้าช่วยกล้วยปิ้ง มันยอดมากเลยจ๊อดดดด น้องรินของผมพยักหน้ารับเรียบๆก่อนจะเดินตรงมายังที่นั่งข้างๆผม ดีล่ะนี่เป็นโอกาสที่ดีแล้ว ที่จะพิสูจน์ว่าน้องรินจะจำเรื่องเมื่อชาติก่อนได้เหมือนกับเรารึเปล่า และในขณะนั้นเองน้องรินก็เดินมาถึงตรงหน้าโต๊ะผมพอดี เธอมองหน้าผมแว่บนึงก่อนจะยิ้มให้ผมอย่างอ่อนโยน นะนะนะนี่มันเธอยิ้มให้ผมก่อนหรือว่าเธอจะจำเราได้ แต่เอ๋แล้วทำไมน้องรินถึงต้องเงื้อกระเป๋าของเธอขนาดนั้นล่ะ ทำยังกะจะไปฟาดใครแน่ะ..หะหะ..เห่ย...องศาแบบนี้มัน น้องรินจะฟาดตรูนี่หว่าาาาาาาา 

      "ตูม เปรี้ยง อ๊าคคคค"

      "
      เฮ้ยเสียงไรอ่ะ ยังกะสิบล้อชนคนแน่ะ" ทุกคนหันมามองผมกะน้องรินเป็นตาเดียว เออคือว่า...พอดีกระเป๋าของรินหลุดมือใส่คุณชงโคอ่ะค่ะ ยกโทษให้ด้วยนะคะ"น้องรินของผมหันไปบอกกับเพื่อนๆด้วยน้ำเสียงแอ๊บแบ๊วเต็มขั้น ไม่เป็นไรค้าบน้องรินนนนนน" นั่นไอ้หน้าหื่นพวกนี้ไม่ห่วงตรูเล้ย "ไอ้ชงนั่นแหล่ะครับที่ผิดที่ดันเอาหัวไปขวางทางหล่นของกระเป๋าน้องรินอ่ะค้าบบบบ"

      นี่ มันอะไรกันเนี่ย ทำไมจู่จู่น้องรินถึงเอากระเป๋ามาดั๊งแสมชใส่หัวตรูว้า อีแบบนี้มันหมายความว่าไงกันนี่ เอ๋แต่เดี๋ยวก่อน จะว่าไป ถ้าเกิดคนที่ไม่รู้จักกันเค้าจะเอากระเป๋าตีใส่กบาลกันงี้เรอะ งั้นนี่ก็แสดงว่า นะ นะ น้องริน..น้องริน..ก็จำเราได้เหมือนกันน่ะสิ ย้าฮู้ววววววว น้ำตาผมแทบไหลพรากแล้วคร้าบ ดีล่ะผู้หญิงตีแปลว่าผู้หญิงรัก งั้นโบกมือทักทายเลยดีกว่า...

      "หวัดดีครับ ผมชงโคครับ
      "นี่เจอเสียงหล่อขั้นเทพแบบนี้น้องรินก็น้องรินเถอะ...

      "น้อง รินหันกลับมาด้วยสีหน้าบึ้งตึงแต่น่ารัก เธอไม่พูดอะไรตอบ แต่เธอกลับชูเครื่องหมายนิ้วมือให้ผมแทน ทำให้ผมสงสัยทันทีว่า ถ้าผู้หญิงเอากระเป๋าฟาดกบาลแปลว่าผู้หญิงรัก แล้วถ้าผู้หญิงที่ชูนิ้วกลางให้ล่ะมันหมายความว่ายังไง

      เรื่อง ราวของผมกับน้องรินตลอดหนึ่งอาทิตย์ถัดมานั้นยังคงดำเนินไปเหมือนเดิม คือเธอยังคงมีสีหน้าโกรธแค้นผมเหมือนเช่นเดิม พร้อมกับเสียง

      "อ๊าค!!" "โอ๊ย" "ม่ายยยน้า" "ใครล็อคประตูห้องน้ำฟร้า!!!" "ใครเอาราดหน้ามาราดหน้าช้านนนน" "ช่วยด้วย" ของผม ที่เพื่อนๆหรือแม้กระทั่งตัวผมเองได้ยินจนหลอนซึ่งแน่นอนต้นเหตุที่ทำให้เกิดเสียงนั่นก็คือ น้องริน

      "เฮ้ยไอ้ชงโค แล้วแกจะเอาไงต่อฟะ"

      "นั่นดิวะ ไหนแกบอกว่าน้องรินคือแม่ลำดวนของแกไง แล้วไหงทำกับแกหยั่งกะไม่ใช่เนื้อคู่แต่เป็นศัตรูคู่อาฆาตงั้นวะ"

      "จะเอาไงน่ะรึ" ผมพูดด้วยเสียงที่ลอดออกมาจากไรฟัน 

      "
      ก็ต้องไปถามให้รู้เรื่องสิว้า!!!!" ผมระเบิดอารมณ์สุดขีด จนผมรู้สึกได้เลยว่ารอบตัวผมหยั่งกับมีลำแสงออกมาเหมือนซูเปอร์เซยาร์เลยล่ะ

      ผม วิ่งไปอย่างเร็วด้วยทั้งอารมณ์บ้า เดือดดาล ผสมกับกระสัน จะรู้เรื่องราวที่แท้จริงจากปากของน้องริน ผมวิ่งไปตามทางที่ผมเคยแอบสะกดรอยไปบ้านน้องริน จนกระทั่งผมเจอน้องรินที่สวนสาธารณก่อนจะถึงบ้านของเธอ

      "รินรดา ตกลง เธอใช่แม่ลำดวนที่เป็นเนื้อคู่ของชั้นเมื่อชาติก่อนรึเปล่า" ผมตะโกนออกไปอย่างสุดเสียง แย่ล่ะสิถ้าเธอไม่ใช่ขึ้นมาละก้อ...

      "
      ใช่..."น้องรินหันมาตอบกลับด้วยสีหน้าเศร้าสร้อยสุดสุด จนผมแทบอยากจะชกตัวเองเลยด้วยซ้ำที่เผลอตัวโกรธเธอไปเมื่อครู่ "ชั้นนี่แหละ แม่ลำดวน เนื้อคู่ของพี่อิน"

      "
      ถ้าใช่...แล้วทำไมน้องรินถึงทำกับพี่แบบนี้ล่ะ" ผมถามคำถามที่ผมสงสัยที่สุดออกไปจนได้

      "จริงด้วยสินะ พี่อินจำอะไรไม่ได้จริงๆสินะ เรื่องเมื่อชาติก่อนน่ะ" ระ ระ เรื่องเมื่อชาติก่อนหรอ อ๋อ จำได้สิ ก้อที่เราสาบานรักกะ"

      "
      ไม่ใช่!!!"น้องรินตะโกนสุดเสียง "นั่นเป็นเพียงตอนเริ่มต้นเท่านั้น"พอถึงตรงนี้น้องรินก็ทรุดตัวลงกับพื้น น้ำตาของเธอไหลพราก เธอสะอื้นอย่างน่าสงสารจนผมแทบอยากลงไปปลอบทีเดียว "ตอน ที่เราสาบานรักกันน่ะใช่ แต่พอหลังจากนั้น พี่ก็ต้องไปทำงานที่บางกอก แล้วพอพี่กลับมา พี่ก็พาผู้หญิงที่นั่นมาด้วย พร้อมกับบอกชั้นว่าพี่แต่งงานไปแล้ว" เธอพูดเกือบจะไม่เป็นภาษา ผมรู้สึกแย่มากจริงๆ นี่ผมไม่เคยรู้เรื่องที่แท้จริงเลยหรือเนี่ย

      "แต่นั่นมันเรื่องเมื่อชาติที่แล้วนี่" ผมค่อยๆลดตัวลง พร้อมกับค่อยยื่นมือออกไปเพื่อที่จะเช็ดน้ำตาให้เธอ "ถ้าเป็นชาตินี้ล่ะก็..."

      ฉาด!!!!! เธอตบหน้าผมอย่างแรงก่อนพยุงตัวลุกขึ้น

       

      "เรา พอแค่นี้เถอะพี่อิน ความจริงเราไม่ได้เกิดมาเพื่อเป็นคู่กันหรอก แต่ที่เราได้มาเจอกัน มันก็เป็นเพียงเพราะคำสาบานของพี่ที่จะเป็นเนื้อคู่ของชั้น ส่วนชั้นก็จดจำเรื่องของพี่ได้เพียงเพราะคำสาบานที่จะขอจดจำพี่ตลอดไปแค่ นั้น ชั้นไม่อยากที่จะเสียใจซ้ำสองอีกแล้ว

      "
      เดี๋ยว!!!!!น้องริน" เธอ วิ่งหนีไปอย่างรวดเร็ว เรื่องที่เธอเล่านั้นทำให้ผมเสียใจมาก แต่ไม่มีทางที่ผมจะยอมแพ้เด็ดขาด ผมวิ่งตามน้องรินไปเรื่อยๆแม้จะคลาดกันแล้วก็ตาม

      ...............................................................................................................................

      ขอโทษนะพี่อิน ยกโทษให้ชั้นด้วยนะ"นี่ เป็นประโยคเดียวที่ฉันพูดกับตัวเองมาตลอดทางที่วิ่งหนีพี่ชงโคมา ความจริงแล้วฉันไม่อยากจะพูดประโยคนั้นกับพี่ชงโคเลย แต่ถ้าฉันปล่อยให้อำนาจของคำสาบานนั้นมาผูกมัดพี่ชงโคล่ะก็ คนที่จะเสียใจก็คงจะเป็นพี่ชงโคเองที่อีกไม่นานพี่ชงโคก็จะต้องแต่งงานใหม่ เหมือนกับชาติที่แล้วพอถึงตอนนั้นพี่ก็จะต้องตัดใจเลิกกับฉันแน่ๆ ฉันรู้สึกเหมือนหัวใจจะแหลกสลายก็ไม่ปาน การรอคอยอันแสนนานที่ทั้งแสนทรมานและเงียบเหงาเกือบจะสิ้นสุดลงแล้ว ทำไมกันนะ ทั้งทั้งที่นี่เป็นความตั้งใจของเราแท้แท้ ที่จะปล่อยให้พี่อินได้ไปเจอคนที่ดีกว่าเรา เป้าหมายอันยาวนานของเราเกือบจะสิ้นสุดแล้วแท้ๆ แต่ทำไมกัน ทำไมกัน นี่เธอเป็นอะไรกันรินรดา เธอคือรินรดา ไม่ใช่ลำดวนหรือใครทั้งนั้น เพราะฉะนั้นจงอย่ายึดติดกับอดีต แล้วลืมคนชื่อชงโคไปซะ  

       "อ้าว!!!น้องสาวจะไปไหนหรอจ๊ะ"นะนี่มัน เราวิ่งมาทางไหนกันล่ะเนี่ย นี่ไม่ใช่ทางกลับบ้านของเรานี่นา แล้วนี่มันอะไร ไอ้พวกจิ๊กโก๋สามคนเนี่ย

      "สวยซะด้วยนะลูกพี่ น่าหม่ำซะจริง"

      "มามะมาให้พวกพี่หม่ำซะดีดี"พวกมันค่อยเดินเข้ามาล้อมฉัน ไม่เอานะ

      "อย่าเข้ามานะ ปล่อยชั้น ช่วยด้วยยยพี่อินนนนนนน"ถึงตอนนี้ฉันเริ่มเสียใจมากที่หนีพี่อินมา ถ้าเป็นไปได้ล่ะก็ช่วยมาทีเถอะพี่อินนนน

      พลั่ก!!!! ตุ้บ!!!! ร่างของสองจิ๊กโก๋ที่จับฉันค่อยๆล้มลง เผยให้เห็นร่างของชายหนุ่มร่างสูงโปร่งคิ้วที่ต่อกันเป็นเส้นเดียวอันเป็นเอกลักษณ์

      "พี่อิน!!!!"ฉันกระโดดกอดพี่อินอย่างลืมตัว พี่อินกอดฉันตอบด้วยท่าทางอบอุ่น

      "ไม่เป็นอะไรแล้วนะน้องรินของพี่"พี่อิน รินขอโทษ"ฉันพูดพร้อมกับหลั่งน้ำตาออกมาด้วยความดีใจที่ได้เห็นพี่ชงโคอีกครั้ง

      "เอาน่า...แค่ไอ้จิกโก๋สองคนเนี่ยไม่ครณามือพี่ร้อก...แต่จะว่าไปขอเปลี่ยนจากคำขอบคุณเป็นคำตอบตกลงเป็นแฟนกับพี่ได้ไหมจ๊ะ" เอ๋ จิกโก๋สองคน ไม่จริงน่าหรือว่า

      "พี่อิน ระวัง!!!!"

      เปรี้ยง!!!!!

      "สมน้ำหน้าไอ้หนุ่มขี้เก้ก บังอาจจะทำเท่ต่อหน้าแฟนเรอะ ตายไปเหอะไป" จิกโก๋คนที่สามกล่าวขึ้นอย่างสะใจก่อนจะทิ้งปืนไว้แล้วบิดมอเตอร์ไซค์หนีไป

       ฉันหันกลับมามองพี่อินที่ตอนนี้นอนลงบนพื้นถนน ที่นองไปด้วยเลือดสีแดงสด

      "ใครก็ได้ ใครก็ได้ช่วยด้วย มีคนโดนยิง ใครก็ได้ ใครก็ได้ช่วยด้วย" ฉันตะโกนขึ้นเหมือนคนไร้สติก็ไม่ปาน

      "น้องริน พอเถอะ" พี่อินพูดด้วยเสียงแผ่วเบา "พี่คงไม่รอดแล้วล่ะ"ไม่นะพี่อิน อย่าพูดอย่างนั้นสิ"น้องรินฟังไว้นะ" พี่อินพูดขึ้นอีกในขณะที่มือยังคงกุมอยู่ที่แผลที่หน้าท้อง

      ทำไมกันทั้งทั้งที่เราต้องการให้เป็นแบบนี้แท้ๆ ทั้งทั้งที่เราไม่ต้องการข้องเกี่ยวกับพี่อินแล้วแท้ๆ ทำไม กันนะ ทำไมกัน

      "น้องรินรดา... พี่ชงโค...อั่ก...ขอสาบานว่า แค่ก แค่ก พี่จะขอเป็นเนื้อคู่ของน้องทุก..ชาติ...ไป..."สิ้น เสียงสาบาน ร่างของพี่อินค่อยๆนิ่งลง ฉันค่อยๆสัมผัสที่ลมหายใจที่หยุดนิ่งนั้น หัวใจของฉันแทบสลายพอนึกถึงว่าจะต้องทนทุกทรมานกับการอยู่โดยที่ไม่มีพี่อิน การรอคอยอันยาวนานเกือบสิ้นสุดลง ในหัวของฉันขาวโพลน ฉันค่อยๆเอื้อมมือไปหยิบปืนที่จิ๊กโก๋ทิ้งไว้ ...จริงสิ...เราไม่เห็นต้องรอเลย เพราะทุกอย่างมันกำลังจะจบลงแล้ว...

      "ดิฉันรินรดา....ก็จักขอจดจำพี่ชงโคไปทุกชาติ จนกว่าวิญญาณดิฉันจักม้วยมลาญเช่นกัน" น้ำตา ของฉันหลั่งไหล หัวใจของฉันสั่นไหว ทุกสิ่งในกายสั่นไหว แม้แต่ปืนที่จ่ออยู่ตรงขมับก็สั่นไหว มีนิ้วชี้เพียงสิ่งเดียวที่ค่อยๆเหนี่ยวไกลง

      แม้ยามแข็งแรง หรือยามป่วยไข้ ยามกิน หรือยามนอน ยามมั่งมี หรือยากจน เราจะรักกัน ปลอบโยน กัน ตราบเท่าความตายจะแยกเราสองคนให้จากกัน

      เปรี้ยงงง!!!!!

       

       

       

       

       

      ขอเพียงดวงวิญญาณทั้งสองอยู่คู่กันตลอดไป

      โซลเมท

      …………………………………………………………………………………….

       


      ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

      loading
      กำลังโหลด...

      ความคิดเห็น

      ×