คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #1 : Chapter 1 : EXT
อาร์ที่กำลังนอนอยู่บนเตียงอย่างหมดอะไรตายอยากค่อยๆถอนหายใจแล้วหยิบ NDS ขึ้นมาเล่นแบบไม่ค่อยใส่ใจ วันนี้เป็นวันเสาร์ดังนั้นโรงเรียนหยุดไม่ต้องรีบร้อนลุก
ไปไหนต่อไหนแล้วก็ไม่ต้องรีบลงไปกินข้าว แต่จู่ๆเสียงที่เข้ามาขัดความสุขของเขาก็เข้ามายังโสดประสาทของหู
“อาร์ ตื่นรึยัง!!!” เสียงแม่ตะโกนขึ้นมาดังลั่นบ้าน
“อือ......ฮึ” อาร์ตอบแบบไม่ค่อยจะมีอารมณ์ร่วมเท่าไหร่แต่ก็จำใจตอบๆไป สงสัยในใจว่าจะต้องโดนเรียกลงไปกินข้าว ไม่ก็โดนใช้งานบางอย่างอย่างแน่นอน
“แปปนึงนะคะ” ผมแอบได้ยินแม่พูดกับใครก็ไม่รู้เบาๆเหมือนพูดกับตัวเองงั้นแหละ ไม่มีเสียงตอบกลับมา แต่แล้วเสียงฝีเท้าแม่ก็ใกล้เข้ามาเรื่อยๆ
“นี่โทรศัพท์...” แม่ของอาร์ยื่นโทรศัพท์บ้านสีดำยี่ห้อ Panasonic ให้อาร์อย่ารวดเร็วประมาณว่าแกจะรับไหมอย่างงั้นแหละ
“ก็โทรศัพท์ใช่ฮะ แล้วแม่คิดว่ามันเป็นอะไร??” อาร์ย้อนถามแม่ด้วยน้ำเสียงกวนสุดๆ
“”เอ้ารับสิ เขาโทรมาแพงนะ รับๆไปเร็วๆ” แม่ของอาร์รีบส่งโทรศัพท์ให้แล้วยัดใส่มือผม พอผมถือไว้แล้วแม่ก็เดินออกจากห้องปิดประตูปังลงไปทำอาหารเช้าต่อทันที
อาร์โหมด...
ผมละสงสัยจริงๆว่าใครกันมันโทรมาหาผมในเช้าวันที่น่านอนแบบนี้ตอนที่ผมไม่มีอารมณ์อยากจะทำอะไรต่อมิอะไรที่ค้างคาอยู่ซะด้วยซิ ใครกันนะ ถ้ามันไม่สำคัญล่ะก็ตายแน่แก
“ฮัลโหล...มีอะไรก็ว่ามานะฉันมีเวลาไม่นานต้องรีบไปซ้อมแฮนด์บอล” ผมรีบสวดใส่คนที่ถือโทรศัพท์อยู่ปลายทาง ตอนแรกก็นึกว่าต้องอึ้งไปแน่ๆต้องไม่กล้าพูดกับผมแน่ๆเลย
“อ้าว?กี่ปีมาแล้วเนี่ย นายยังเล่นแฮนด์บอลอยู่อีกหรอ?”
เสียงของคนปลายสายทำให้ผมตกใจจนพูดอะไรไม่ออกอึ้งไปเลย
“ไม่เห็นคุณน้าบอกว่านายมีธุระ งั้นไว้โทรไปใหม่ก็แล้วกันนะ” เมื่อคนปลายสายสิ้นประโยคผมก็รีบพูดด้วยความดีใจ ยินดีอย่างรุนแรงที่มีอยู่ตอนนี้
“ป่าวๆเอิ่ม...ว่างๆฉันแค่คิดว่าไม่ใช่นายเท่านั้นเอง”
“แล้วคิดว่าเป็นใครล่ะ” คนปลายสายผมยังคงถามผมอย่างไร้เดียงสา
“ไม่มีอะไรหรอก?พอดีเพิ่งตื่นน่ะ ก็นอนคิดถึงนายอยู่ไง” ผมหยอดคำหวานเข้าใส่เขา ผมไม่ได้ยินเสียงเขามา 4 ปีแล้ว เห็นได้แต่ลายมือ พอได้ยินเสียงนุ่มสุภาพและเป็นตัวของตัวเองของเขานั้นผมก็แทบจะร้องไห้ออกมาทั้งๆที่ไม่เคยร้องไห้ให้ใครเห็น
“อืมๆ ก็ฉันแค่จะบอกว่าพรุ่งนี้จะบินกลับไทยแล้วนะ แล้วก็กะว่าเย็นๆจะแวะไปบ้านนาย ถ้านายไม่รังเกียจ มีซ้อมแฮนด์บอลรึเปล่าล่ะ” ทีมพูดด้วยน้ำเสียงที่เหมือนกับผู้หญิงมากขึ้นในความรู้สึกของผม ผมรู้สึกว่าของที่ผมรักและหวงแหนมานานกำลังจะกลับมาสู่อ้อมอกของผมจริงๆซะที
“ไม่มีหรอก มาเลยๆนายจำทางได้นะ” ผมถามเขาบ้าง ถ้าผมพูดความจริงว่ามีซ้อมทุกวันอยู่แล้วเพราะตอนนี้ผมได้เป็นรองกัปตันทีมของโรงเรียน แต่โดดสักครั้งก็คงไม่เป็นไรล่ะมั้ง?? อีกอย่างก็ใกล้งานกีฬาเข้ามาแล้วยิ่งต้องซ้อมเยอะ แต่ถ้าโดดแล้วผมจะได้เจอของที่ผมรักที่สุดแล้วล่ะก็ การวิ่งรอบสนาม 20 รอบก็ไม่ครนาแรงผมหรอก
“อืมๆงั้นเอาเป็นว่าเดี๋ยวฉันแวะไปหานายพรุ่งนี้นะ ทำอาหารเลี้ยงด้วยนะ^^” ทีมพูดด้วยน้ำเสียงที่ยั่วยวนเล็กๆทำเอาผมใจเต้นไม่เป็นจังหวะ
“ได้ๆสิ เพื่อทีมฉันทำได้อยู่แล้ว” ผมหยอดคำหวานๆประโยครักที่ใครๆก็พูกันแต่สำหรับผมผมคิดว่าทีมก็คงรู้สึกดีกับประโยคเชยๆแบบนี้ แต่คนที่พูดคือคนที่เขารัก นั่นแหละคือประเด็น
“งั้น...ฉันวางก่อนนะ” ประโยคนี้ทำเอาใจผมแทบหยุดเต้น โทรมาแค่นี้หรอ? ผมอยากจะได้ยินเสียงเขาอีกนาน ผมอยากจะได้ฟังเรื่องราวของเขาเร็วๆ และอยากจะนั่งกุมมือของเขาไว้จนกว่าผมจะพอใจ
“อ๊ะ....เดี๋ยวสิ” ผมรีบขัดก่อนที่เขาจะวางหูไป “นายยัง...จำจูบของฉันได้อยู่รึเปล่า???” ผมถามเขา แต่ตัวผมก็ดันอายซะเอง
“จำได้สิ!ทำไมจะจำไม่ได้ล่ะ...ไปก่อนนะต้องไปนอนแล้วเดี๋ยวพรุ่งนี้ตื่นไม่ทัน Goodnight นะอาร์” ผมนั่งยิ้มจนจบประโยคที่เขาพูดก็เพิ่งตั้งสติได้แต่ว่าเขาก็ตัดสายไปเสียแล้ว
ตู้ด....ตู้ด....ตู้ด....
โทรศัพท์ถูกตัดไปแล้ว ตอนนี้ผมเหลือแต่ความทรงจำที่กำลังพรั่งพรูออกมาตอนนี้ ความทรงจำที่เต็มได้ด้วยความอบอุ่นความเจ็บปวดและเสียงหัวเราะของเรา 2 คน
จริงๆแล้วตอนนี้เป็นตอนเช้าสุดๆของที่นี่ผมอยากจะพูดกับเขาว่า ’อรุณสวัสดิ์นะที่รัก’ มากกว่านะ
ความคิดเห็น