คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #2 : รอยแผล : 01
หลังจากที่เฉาก๊วยรีบวิ่งมาที่รถอย่างเร่งรีบ
ทันทีที่เปิดประตูรถขึ้นมานั่ง ก็พบกับสายตาดุดันที่ส่งมาจากร่างสูง
รังสีความน่ากลัวแผ่ออกมารอบตัวเล้งจนคนที่อายุน้อยกว่าได้แต่นั่งประสานมือวางไว้ที่ตักปากอิ่มเม้มเข้าหากันแน่น
ไม่กล้าแม้แต่จะสบตาร่างสูง
“ไอต๋าจะมาส่งมึง?” นี่คือประโยคแรกที่เล้งเอ่ยหลังจากที่เฉาก๊วยขึ้นมาบนรถ
“ ปะ..ป่าวครับ พี่ต๋ามารับน้องชายเขาแล้วเจอก๊วยก็เลยมานั่งคุยกันอยู่ใต้ตึกครับ”
พี่ต๋าที่เฉาก๊วยพูดถึง
หรือไอต๋าที่เล้งเรียกนั้น เป็นหุ้นส่วนไร่ฟ้าที่ทางตระกูลต้วนดูแลอยู่
ถามว่าไม่ชอบขี้หน้ากันทำไมถึงมาเป็นหุ้นส่วนด้วยกันได้
คำตอบเดียวเลยก็คือ...
พ่อของเราเป็นเพื่อนกัน!
ทั้งๆที่พวกเขาก็รู้ว่าลูกทั้งสองคนของเขาไม่ถูกกันตั้งแต่เรียนมัธยมแล้ว
แต่ก็เหมือนจะแกล้งให้ทำงานด้วยกันอยู่เรื่อย โดยเหตุผลที่ป๊าต้วนอ้างนั้นก็คือ
‘ไร่นี้เป็นของเราก็จริง แต่มันจะไม่มีทางประสบความสำเร็จได้เลยถ้าไม่มีตระกูลหวังมาช่วยเรา
และป๊าคิดว่าแกดูแลคนเดียวคงไม่ไหว ป๊าเลยให้ต๋าหวังเข้ามาช่วย
หวังว่าแกจะไม่ก่อเรื่องนะเล้ง’
นั่นแหละครับท่านผู้ชม! คู่เวรคู่กรรมของแท้
“งานการมันไม่ทำรึไง ถึงมีเวลาว่างออกมาทำตัวไร้สาระแบบนี้”
“เอ่อ...พี่ต๋าก็แค่..มารับน้องเขา
เหมือนกับที่เฮียมารับก๊วยไงครับ”
เฉาก๊วยตอบไปอย่างไม่คิดอะไร แต่เมื่อสังเกตุใบหน้าของคนพี่ที่เหมือนจะแปลงร่างเป็นยักษ์ในไม่กี่วินาทีนั้น
เขาก็เลยส่งยิ้มแหะๆไปให้หนึ่งที
“มึงจะบอกว่ากูก็ทำตัวไร้สาระเหมือนมันสินะ”
“ไม่ใช่นะครับ! ก๊วยแค่จะบอกว่าพี่ต๋ามารับน้องเขาเฉยๆ
ไม่ได้ทำตัวไร้สาระแบบที่เฮียบอกเลย”
“ก็กูจะด่ามัน มึงจะมาปกป้องมันทำไม”
“ก๊วยไม่ดะ..”
“มึงรู้เอาไว้นะเฉาก๊วย ถ้าม๊าไม่สั่งให้กูมารับมึง
กูก็ไม่มานั่งทำตัวไร้สาระอยู่ตรงนี้หรอก!” ร่างสูงตะคอกใส่น้องอย่างโมโห
รู้สึกหงุดหงิดทุกครั้งเวลาที่ไอเด็กนี่เข้าข้างคู่ปรับเขา
ใช่! ทุกครั้ง! เพราะนี่ไม่ใช่ครั้งแรกที่เฉาก๊วยเข้าข้างมันไง
“งั้นเฮียก็ไปทำธุระของเฮียเถอะครับ ขอโทษที่ทำให้เฮียต้องมาทำอะไรไร้สาระแบบนี้
เดี๋ยวก๊วยกลับเองก็ได้ครับ”เฉาก๊วยว่าพร้อมเปิดประตูลงจากรถทันที
รู้สึกแย่มากๆเพราะดูเหมือนว่าเขาทำอะไรก็ผิดไปหมดในสายตาเฮีย
โชคดีที่คนพี่ไม่ได้ตามเขามาซึ่งก็เป็นไปตามคาดของคนตัวเล็กอยู่แล้ว
เฉาก๊วยเดินออกมาเรื่อยๆจนมาถึงป้ายรถเมล์ที่หน้ามหาลัย ฝนที่ก่อตัวมาตั้งแต่บ่ายเริ่มทำหน้าที่ของมัน
หยดน้ำเม็ดเล็กๆตกลงมาจากฟ้า เฉาก๊วยจึงเลือกที่จะนั่งหลบฝนอยู่ที่ป้ายรถเมล์
ในหัวก็คิดอะไรไปเรื่อยเปื่อย
ตั้งแต่ที่เขามาอยู่ที่นี่ก็ยังไม่ชินกับความเย็นชาของเฮียสักที
เมื่อสองเดือนที่แล้วเขาได้รับโทรศัพท์จากผู้หญิงคนหนึ่ง
ซึ่งเป็นคุณนายของตระกูลต้วน
ผู้หญิงคนนั้นคือ
คุณนายลี่ เธอเป็นเพื่อนกับแม่ของเฉาก๊วย
คำพูดหนึ่งซึ่งเป็นจุดเปลี่ยนในชีวิตของเฉาก๊วยก็คือ...
“เฉาก๊วย...
น้าสัญญากับแม่ของหนูไว้ตอนที่เธอไม่สบาย ว่าจะเป็นคนดูแลหนูเอง
น้าขอโทษที่ให้หนูอยู่อย่างยากลำบากมาตลอดห้าปี
ต่อแต่นี้ไป...เฉาก๊วยมาอยู่กับน้านะลูก”
ตอนนั้นที่แม่ของเฉาก๊วยเสียไป
คุณนายลี่ตั้งใจจะให้เฉาก๊วยเรียนจบมัธยมก่อนแล้วจะพามาอยู่ด้วยกัน ตามสัญญาที่ให้ไว้กับเพื่อนรักว่าจะดูแลลูกของเธอให้เอง
คุณนายจึงจัดการคุยกับป้าของเฉาก๊วยว่าจะส่งเสียเฉาก๊วยให้
ห้าปีที่ผ่านมานี้เธอจึงคอยส่งเงินไปให้เฉาก๊วยแต่หารู้ไม่ว่า
เงินนั้นไม่เคยถึงมือเฉาก๊วยเลย เนื่องด้วยตอนนั้นเฉาก๊วยอยู่แค่ม.1 จึงไม่ได้รู้เรื่องระหว่างผู้ใหญ่ที่คุยกันไว้
เฉาก๊วยอยู่กับป้าหลังจากที่แม่เสียไป ไม่ต้องถามถึงพ่อที่ทิ้งเขาไปตั้งแต่ยังเล็ก ป้าของเขาติดการพนันมาก เงินทั้งหมดที่คุณนายลี่ส่งมาให้ป้าก็เอาไปเล่นการพนันจนไม่เหลือ
และป้าไม่เคยบอกความจริงกับเขาว่ามีใครคนหนึ่งที่คอยส่งเสียเขาตลอดเวลาที่ผ่านมา...
เฉาก๊วยเองเมื่อย้ายมาอยู่ที่นี่ก็พยายามทำตัวให้มีประโยชน์ที่สุด
ให้สมกับที่คุณนายเธอช่วยเหลือเขาเอาไว้ รวมทั้งการเป็นคู่หมั้นของลูกชายคนโตในบ้านนี้
คุณนายบอกว่าเธอคุยกับแม่ของเฉาก๊วยเอาไว้ตั้งแต่ที่เขายังเด็ก
ว่าจะให้ลูกทั้งสองปรองดองเป็นครอบครัวเดียวกัน
ใครจะไปรู้ว่าคู่หมั้นของเฉาก๊วยจะใจร้ายกับเขาได้ขนาดนี้
ทั้งๆที่ปกติแล้วเฉาก๊วยเป็นเด็กร่าเริงติดไปทางแก่นเฟี้ยวสักหน่อย กับคนในบ้านเขาก็พูดจ้อแจ้ได้ไม่หยุด
แต่พอเป็นเฮียเล้งแล้วเขากลับรู้สึกเกร็งๆอย่างบอกไม่ถูก เพราะเฮียชอบดุ
ชอบว่าเฉาก๊วย คิดแล้วก็... เฮ้อ..... มันเจ็บๆในใจแฮะ
ปี๊นๆ!!
เฉาก๊วยที่นั่งคอตกอยู่ที่ป้ายรถเมล์สะดุ้งเฮือกจากเสียงแตรรถที่มาจอดอยู่ตรงหน้า
เฮียกลับมารับเขาหรอ...?
กระจกฝั่งข้างคนขับลดลงก่อนจะเผยให้เห็น...
“พี่ต๋า!!”
“เฉาก๊วย ขึ้นมาบนรถก่อน” รอยยิ้มใจดีของผู้มาใหม่ยิ้มให้ ก่อนจะกวักมือเรียกคนตัวเล็กให้ขึ้นมาบนรถเพราะเห็นร่างเล็กนั่งตัวสั่นน้อยๆด้วยความหนาวจากสายฝนที่ตกอยู่
เฉาก๊วยนิ่งคิดไปครู่หนึ่งเพราะความเกรงใจ ในหัวตีกันไปหมดว่าจะไปด้วยดีหรือไม่
แต่รอรถเมล์ตอนฝนตกแบบนี้ก็ไม่ไหวนะ
แต่ก็เกรงใจพี่เขาอยู่ดีอ่ะ
เอ๊ะแต่ว่าพี่ต๋าก็มาจอดรถขนาดนี้แล้วนะ
“เฉาก๊วยครับ ไม่ต้องเกรงใจ พี่ผ่านทางนั้นอยู่แล้ว” ต๋าที่เห็นน้องยังนั่งขมวดคิ้วเหมือนเถียงกับตัวเองอยู่ก็รู้ได้ทันทีว่าน้องเกรงใจ
เขาจึงต้องอธิบายไป
เฉาก๊วยฟังดังนั้นก็พยักหน้าหงึกๆ
ก้าวขึ้นมานั่งบนรถก่อนจะหันมายิ้มแฉ่งให้คนขับ ก่อนจะนึกอะไรขึ้นมาได้เมื่อไม่เห็นเพื่อนสนิทอยู่บนรถ
และเพื่อนสนิทที่ว่าก็คือน้องชายพี่ต๋านี่ไงล่ะ
“พี่ต๋ามารับแจนนี่ครับ?”
“ใช่ครับ แต่พอดีพี่มีงานด่วนที่ไร่น่ะ
แจนยังไม่อยากกลับพี่ก็เลยต้องออกมาก่อน”
“อ๋อออ
อย่างงี้นี่เอง” คนตัวเล็กได้ฟังก็ร้องอ๋อออกมา
ไม่แปลกหรอกที่จะเป็นแบบนี้ เพราะเขารู้นิสัยเพื่อนสนิทดี ขี้เม้าที่สุดในโลกแถมยังติดเพื่อนด้วย
เวลาพี่ต๋ามารับแจนก็ต้องมานั่งฟังกลุ่มเราเม้ามอยกันอยู่บ่อยๆจนชินสะแล้ว บางทีพี่ต๋าก็อาสามาส่งก๊วยที่บ้านเพราะว่าเป็นทางผ่านพอดี เฉาก๊วยเองก็แอบเกรงใจแต่แจนก็บังคับให้กลับด้วยกันจนได้
“แล้วทำไมเฉาก๊วยมานั่งอยู่ตรงนี้ล่ะครับ
ไหนบอกว่าเล้งมารอแล้วไง”
“เอ่อ... พอดีเฮียเขาก็มีงานด่วนน่ะครับ
สงสัยงานเดียวกับพี่ต๋าแหละ” โกหกคำโตเลยฮือ
แต่จะให้บอกว่าทะเลาะกันมันก็แปลกๆนะ
“โอเคครับ งั้นเดี๋ยววันนี้พี่ไปส่งเองเนอะ เอาเสื้อพี่ไปคลุมก่อนนะ ตัวเราเปียกหมดแล้ว” ต๋าตัดบทไปไม่ถามอะไรต่อ เพราะก็พอรู้ได้ว่าคงต้องมีปัญหาอะไรกันแน่ๆ
เขาไปบ้านต้วนอยู่บ่อยๆจึงรู้ว่าความสัมพันธ์ของเล้งกับเฉาก๊วยไม่ได้ดีอย่างที่ควรจะเป็น
ณ บ้านต้วน
“ม๊าจะให้เล้งทำไงอ่ะ! เล้งก็ไปรับตามที่ม๊าบอกแล้ว ก๊วยมันลงรถไปเอง” เสียงทุ้มติดไปทางหงุดหงิดพูดกับคนเป็นมารดาอย่างหัวเสีย
ทันทีที่เฉาก๊วยลงจากรถเขาก็ได้แต่เก็บอารมณ์ครุกรุ่นอยู่ในใจก่อนจะขับรถกลับบ้านด้วยความเร็วสูงพอๆกับความโกรธที่มีอยู่เต็มอก
“ก็ดูสิ่งที่แกทำสิ แกจะใจร้ายกับน้องไปถึงไหน
แล้วนี่น้องจะกลับยังไงห้ะ!”
คุณนายลี่เองก็หัวเสียพอๆกับลูกชาย
ฝากฝังอะไรไม่เคยได้ ลูกชายบ้านนี้มันเป็นอะไรกันไปหมด
ไอเล้งลูกชายคนโตก็ใช้แต่อารมณ์แก้ปัญหา ส่วนไอโจอี้ลูกชายคนเล็กก็ใช้แต่คารมหม้อสาวไปวันๆ จะได้เมียก่อนพี่มันอีกมั้ง อกอีแป้นจะแตก!
“ก็คงกลับมากับคนเดิมนั่นแหละ
อาสามาส่งบ้านได้เกือบจะทุกวัน เหอะ ” แน่นอนว่าคุณนายลี่รู้ดีว่าเล้งหมายถึงใคร
นั่นยิ่งทำให้ขุ่นแม่อยากจะกรี๊ดออกมา
“ถ้าแกทำหน้าที่ดี
อาต๋าก็คงไม่ต้องมาส่งหรอก มีของดีอยู่ไม่รู้ตัว ระวังไว้เถอะ
ถ้าเกิดอะไรขึ้นมาม๊าช่วยไม่ได้นะเล้ง” พูดตามความจริงเลยเขาก็สงสารเฉาก๊วยที่โดนลูกชายเขาหมางเมินอยู่บ่อยๆ เพราะฉะนั้นถ้าเฉาก๊วยเลือกที่จะไปเขาก็คงขัดอะไรไม่ได้
ทำได้แค่ช่วยเหลืออยู่ห่างๆ
“ม๊ารู้มั้ย เล้งได้ยินเสียงไอต๋ามันบอกเฉาก๊วยว่ามืดๆจะโทรหา
ลูกสะใภ้ม๊านี่ใช่ย่อยนะ”
“ก็เขาจีบเมียแกไงไอลูกโง่! ” โง่ได้พ่อมันมาจริงๆ
อ่ะไม่ได้หรอ
ท่ดๆ
“แล้วไปให้เบอร์กันตอนไหนก็ไม่รู้ ม๊ายกมันให้ไอต๋าไปเลยง่ายสะกว่า”
“ไม่! แกก็จีบเฉาก๊วยสิ
จะได้ไม่ต้องมาหึงเขาแบบนี้ไง”
“ใครหึงใคร! ม๊าอย่ามาพูดมั่วๆ”
“เปิดใจหน่อยเล้ง แล้วแกจะเห็นอะไรมากขึ้น” พยายามจะเอาน้ำเย็นเข้าลูบลูกชายเจ้าอารมณ์ให้มันตาสว่างสะที
แต่ดูเหมือนจะไม่เกิดผล....
“เล้งไม่เปิดอ่ะม๊า วันนี้เล้งไปนอนไร่นะ ไม่ต้องรอกินข้าว” ว่าจบก็คว้ากุญแจรถแลมโบกินีสีขาวลูกรักที่พึ่งจอดได้ไม่ถึงครึ่งชม.ก่อนจะเดินออกไปทิ้งคนเป็นแม่ให้ยืนกุมขมับอยู่คนเดียว
น้ำยงน้ำเย็นไม่ลูบมันแล้วโว้ยไอลูกบ้า!
“ป้าแจ่ม!!” คุณนายตะโกนเรียกหาหัวหน้าแม่บ้านอย่างหงุดหงิด รู้สึกเหมือนองค์แม่จะลงมาประทับร่างยังไงยังงั้น
“คะคุณนาย” ป้าแจ่มรีบออกมาจากห้องครัวหลังจากได้ยินเสียงคุณนายที่ดูจะอารมณ์ไม่ดีเอามากๆ
“สั่งแม่บ้าน.. ย้ายของเฉาก๊วยไปห้องเล้งให้หมด!!”
“คะ...คุณนายจะดีหรือคะ
ถ้าคุณเล้งกลับมารู้เข้า.. บ้านแตกแน่ๆค่ะ”
“ดีสิ ในเมื่อมันไม่ยอมเข้าหา
ฉันก็จะทำให้มันไม่มีทางเลือกเอง!”
รอยยิ้มรว้ายๆของคุณนายผุดขึ้นอย่างรู้สึกสนุก
แล้วเจอกันพรุ่งนี้ไอลูกชาย!
เฉาก๊วย พาร์ท
“เฉาก๊วย!!”
“แจน!!” เฉาก๊วยที่กำลังเดินไปโรงอาหารอย่างหน้าเคร่งเครียดต้องเงยขึ้นมาเพราะเสียงเรียกจากเพื่อนสนิทของเขา
ก่อนจะวิ่งไปหาแล้วก็กอดๆตบหลังกันเป็นท่าประจำ
เขากับแจนรู้จักกันเมื่อ2เดือนก่อน
พูดง่ายๆก็คือตอนเปิดเทอมมหาวิทยาลัยเนี่ยแหละ เพราะเฉาก๊วยกับแจนมีนิสัยคล้ายๆกันอย่างเช่น
ความร่าเริงสดใส และความแสบ.... ที่ไม่มีใครกินใคร
พวกเขาจึงสนิทกันอย่างรวดเร็ว
และสามารถพูดกูมึงกันได้ตั้งแต่อาทิตย์แรกที่เจอ
อย่างกับเพื่อนรักพลัดพราก.....
วันนี้เป็นวันสุดท้ายของการเรียน
พรุ่งนี้ก็จะเป็นวันหยุดสุดสัปดาห์แต่เฉาก๊วยไม่ได้ดีใจอย่างที่ควรจะเป็น
เมื่อวานเฉาก๊วยได้รับข่าวร้ายจากคุณม๊านั่นก็คือ
เขาต้องย้ายไปอยู่ห้องเดียวกันกับเฮีย
ซึ่งบอกเลยว่าก๊วยทำใจไม่ได้ อดรนทนไม่ไหวต้องโทรไปหาเพื่อนรัก
ระบายความในใจออกมาเหมือนน้ำทะลัก
ยัยแจนฟังเสร็จก็หลุดหัวเราะออกมาพร้อมกับบอกเฉาก๊วยว่า
‘มึงถูกมัดมือชกแล้วก๊วย สมยอมเถอะ’
มันใช่เรื่องตลกหรอแจน!
“เป็นไงบ้างมึง
เฮียเล้งเขากลับมายัง” แจนที่เห็นหน้าเพื่อนเคร่งเครียดมาก็ถามไถ่ด้วยความเป็นห่วง
“ตอนกูออกมาเฮียยังไม่กลับเลย คงกลับเย็นๆแหละ” เฉาก๊วยคาดเดาจากคราวก่อนๆที่เฮียชอบไปนอนที่ไร่ฟ้าเวลาเครียดๆหรืองานเยอะ
แต่เฉาก๊วยก็ชักไม่แน่ใจว่าถ้าเฮียเล้งกลับมารู้เรื่องนี้เข้า
เฮียจะย้ายไปอยู่ที่ไร่ถาวรเลยรึป่าว T^T
“เอาหน่าไม่ต้องคิดมากหรอกมึง
ถ้ามึงอยู่ไม่ได้ก็มานอนกับกูนี่ กูกับพี่ต๋าต้อนรับมึงเสมอ อิอิ” แจนว่าพร้อมตบมือแปะๆเป็นท่าแซวเพื่อนรักกับพี่ชายของเขา
เขาไม่ได้เป็นแม่สื่อหรอก แต่ก็พอรู้ว่าพี่ต๋าเอ็นดูเฉาก๊วยมากเกินกว่าเพื่อนของน้องชาย
เมื่อวานพี่ต๋าก็แกล้งเฮียเล้งผ่านโทรศัพท์เฉาก๊วย
ทำเป็นบอกว่าจะโทรไปหาตอนมืดๆ เขาที่ได้ยินก็ต้องรีบหันไปตีแขนไอพี่ชายตัวดีที่จะทำบ้านคนอื่นเขาแตกแยก
ปลอบใจกันอยู่ไม่นานแจนก็จูงมือพายัยขนมหวาน (เฉาก๊วย)ขึ้นตึกไปเรียน พร้อมกับอาสาว่าเย็นนี้จะไปส่งที่บ้านกับพี่ต๋าเอง
ณ เวลา 17.00 น.
“บ๊ายบายเฉาก๊วย วันจันทร์เจอกันนะ รีบๆมาด้วย!” รถเบนซ์คันสวยของต๋ามาจอดส่งสะใภ้คนโตอยู่หน้าบ้านต้วน หลังจากพาเด็กอ้นสองคนไปกินข้าวเย็นมา
เฉาก๊วยก้าวขาลงจากรถก่อนจะหันไปอำลาทั้งคนพี่คนน้องที่อุตส่าห์มาส่งเขา
ถึงแม้จะใช้ข้ออ้างว่าเป็นทางผ่านกับเขาอยู่ตลอดก็เถอะ
“บ๊ายบายแจน
ขอบคุณที่มาส่งนะครับพี่ต๋า ขับรถดีๆค้าบ” ประโยคแรกคนตัวเล็กพูดกับเพื่อน
ส่วนประโยคหลังพูดกับพี่ชายของเพื่อน
“ครับผม
ราตรีสวัสดิ์นะครับ”
“แหมมม เห็นน้องนั่งอยู่ตรงนี้มั้ยเนี่ยไอพี่ต๋า
จีบข้ามหน้าข้ามตาเฉย” แจนที่นั่งคั่นระหว่างคนขับกับคนที่ยืนอยู่อดจะพูดแซวไม่ได้
“พอเลยแจน ไปๆกลับบ้านกันได้แล้ว ” เฉาก๊วยต้องเอ่ยปากอำลากันรอบสองก่อนจะแยกย้ายกันไป
เฉาก๊วยเดินเข้ามาในตัวบ้านแล้วแต่ยังไม่กล้าจะเดินขึ้นไปข้างบน
คนตัวเล็กยืนเก้ๆกังๆอยู่ตรงบันไดจนหัวหน้าแม่บ้านเดินผ่านมาเห็นเข้า
“คุณหนู.. ทำไมถึงไม่เดินขึ้นไปล่ะคะ”
“เอ่อ... เฮียกลับมารึยังครับป้าแจ่ม” สะใภ้คนโตถามอึกอักเมื่อนึกถึงใครบางคนที่อยู่ข้างบน
“กลับมาแล้วค่ะ.. พอคุณเขารู้เรื่องเข้าก็โวยวายใหญ่
แต่ก็ขัดใจอะไรคุณนายไม่ได้เลยเดินปึงปังขึ้นห้องไปได้สักพักแล้วค่ะ”
“อ่อ...
คงจะโมโหน่าดูเลยนะครับ งั้นก๊วยยังไม่ขึ้นไปดีกว่า” คุณหนูของป้าแจ่มตัดสินใจยังไม่ขึ้นไปข้างบน หันหลังเตรียมจะเดินไปห้องนั่งเล่น
แต่ยังไม่ทันได้ก้าวขาก็โดนป้าแจ่มขัดขึ้นมาสะก่อน
“คุณหนูคะ คุณนายเธอฝากเอาไว้ว่าถ้าคุณหนูกลับมาแล้วให้ขึ้นห้องคุณเล้งได้เลยไม่ต้องเกรงใจค่ะ” หัวหน้าแม่บ้านทำหน้าที่อย่างดีตามที่คุณนายบอก
“แล้วคุณม๊าไปไหนล่ะครับ”
“ไปออกงานสังคมค่ะ
เธอรู้ว่าคุณจะต้องไม่กล้าเข้าห้องคุณเล้ง ก็เลยฝากป้าเอาไว้
แล้วก็บอกอีกว่าถ้ามีอะไรเธอจะจัดการเองค่ะ”
สั่งไว้เสร็จสรรพขนาดนี้ แล้วก๊วยเลือกอะไรได้มั้ย...
เลือกไม่เดินขึ้นไปได้รึป่าว...
“ขอบคุณนะครับป้าแจ่ม
เดี๋ยวก๊วยขึ้นห้องเลยก็ได้ครับ” สุดท้ายก็ต้องยอมเดินขึ้นมาข้างบนเพราะไม่อยากทำให้หัวหน้าแม่บ้านลำบากใจ
เฉาก๊วยยืนอยู่หน้าบานประตูสีขาวใบใหญ่ ก่อนคิดชั่งใจ ชูกำปั้นเคาะประตูส่งสัญญาณให้คนในห้อง
ก๊อกๆๆ......
ไร้สัญญาณตอบรับจากคนในห้องที่ท่านเรียก....
ก๊อกๆๆ...
ครั้งนี้ก็ยังคงไร้วี่แววเช่นเคย
เฉาก๊วยตัดสินใจจับลูกบิดหมุนประตูเปิดออก ไอเย็นฉ่ำจากในห้องกระทบเข้าที่ใบหน้าอย่างจัง
คนอะไรเปิดแอร์เย็นอย่างกับอยู่ขั้วโลกเหนือ ไม่หนาวบ้างรึไงกัน
เฉาก๊วยก้าวเท้าเข้ามาในห้องก่อนจะปิดประตูลง
สายตาเริ่มสำรวจภายในห้องนอนที่เขาต้องมาอยู่นับตั้งแต่วันนี้เป็นต้นไป
เมื่อวานเขานอนที่ห้องตัวเอง เพราะไม่กล้ามานอนห้องเฮียเขาโดยที่เจ้าตัวยังไม่รู้เรื่อง
ห้องนอนเฮียไม่ได้ใหญ่หรูหราอย่างที่คิด
แต่กลับเรียบง่ายด้วยโทนสีเทา ซึ่งก็เหมาะกับสไตล์เจ้าของห้องที่เป็นคนเทาๆ เฉาก๊วยนึกแล้วก็จะขำ คึคึ
อืม...เตียงขนาดใหญ่ตั้งอยู่ในสุดของห้อง อยู่ทางขวามือเวลาเปิดประตูเข้ามา
ส่วนตรงกลางห้องก็เป็นโซฟาที่นั่ง แล้วก็มีทีวีจอแบนที่ก็ใหญ่พอสมควรแล้วหมวดแผ่นดีวีดีที่ตั้งเรียงรายอยู่ด้านล่างของชั้นทีวี
สายตายังคงสำรวจอะไรไปเรื่อยเปื่อยจนลืมไปว่าคนที่เขาเคาะประตูเรียกในตอนแรกยังไม่ปรากฏตัว
“นี่” เสียงทุ้มของใครคนหนึ่งดังขึ้นข้างหลังจนเฉาก๊วยที่กำลังเพลิดเพลินจากการสำรวจห้องสะดุ้งก่อนจะหันไปเจอเจ้าของห้อง
“เฮียเล้ง!!”
“ก็ใช่น่ะสิ”
“ทำไมไม่ใส่เสื้อผ้าครับ!!” เฉาก๊วยว่าแล้วก็เอามือปิดตา
ใช่! เฮียขมวดแค่ผ้าขนหนูผืนเดียวที่เอวแล้วก็มายืนจ้องหน้าเขาที่ยังตกใจอยู่
บนตัวยังมีหยดน้ำเกาะบ่งบอกว่าเจ้าของห้องพึ่งอาบน้ำเสร็จมาเป็นแน่
ผะ..แผงอก กับ
หน้าท้องที่มีกล้ามเนื้อเรียงตัวกันสวยงามมันทำให้หน้าเฉาก๊วยเห่อร้อนขึ้นมา
บ้าจริง! เอามือปิดตาแล้วแท้ๆ
ทำไมถึงปิดไม่หมดกันนะ T^T
“มึงจะยืนปิดตาอีกนานมั้ย” ร่างสูงถามคนตัวเล็กที่ยังเอามือปิดหน้าปิดตา(ไม่สนิท)อยู่
เพราะมือของเฉาก๊วยที่ปิดตาไม่สนิทนั่นแหละ
ทำให้เขามองเห็นตาแป๋วๆที่จ้องมองเขาผ่านนิ้วมือมา
หึ ตลกชะมัด
“ฮะ... เฮียก็ไปใส่เสื้อผ้าให้เรียบร้อยก่อนสิครับ” คนอายุน้อยกว่าได้แต่พูดแล้วก้มหน้างุด
หึ เนี่ยน่ะหรอสะใภ้ที่คนทั้งบ้านเขาเอ็นดูกัน...
เพราะน่าแกล้งแบบนี้นี่เอง
“นี่มันห้องกูนะ กูจะใส่หรือไม่ใส่กูก็ไม่เดือดร้อนนี่” ว่าพลางก้าวเท้าเข้าไปหา ก็เห็นแล้วแหละว่าเด็กมันอายแต่ก็อยากจะแกล้งอีกสักหน่อย
เดี๋ยว...
กูรึป่าววะที่ต้องอาย....
งงว่ะ...
“งะ...งั้นก๊วยออกไปรอหน้าห้องละกันนะครับ เฮียแต่งตัวเสร็จแล้วค่อยเรียกก๊วยก็ได้” คนตัวเล็กเตรียมจะเดินออกไปนอกห้องแต่ก็ถูกคว้าแขนเอาไว้
“เดี๋ยวก่อน..
ถ้ามึงเดินออกไปเดี๋ยวใครเห็นเข้าก็ฟ้องม๊ากูอีก นั่งอยู่นี่แหละ อย่าสร้างปัญหา” พูดจบเฮียก็ปล่อยแขนเขาแล้วก็เดินหายไปในห้องซ้ายมือของห้อง สงสัยจะเป็นห้องแต่งตัว..
เฮ้อ... เข้ามาได้ไม่กี่นาทีก็รู้สึกจะเป็นบ้าตายแล้ว
แล้วนี่จะนอนกันยังไงล่ะเนี่ย ไม่อยากคิดเลยฮือ
ก๊วยจะผ่านคืนนี้ไปได้ยังไงกัน!
TALK : เฮียเล้งอย่าแกล้งน้อง!!
ปากก็ดุก็ว่าเขาจัง
แต่การกระทำนี่ค่อนข้างขัดแย้งนะคะเฮีย
อย่าลืมเม้น+ให้กำลังใจเค้า
แล้วเค้าจะกลับมา อิอิ
ความคิดเห็น