ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    Fanfic : One piece [Are you.... ?] Zoro x Okiku

    ลำดับตอนที่ #1 : บทนำ

    • อัปเดตล่าสุด 27 มี.ค. 63


    "ใครก็ได้ ได้โปรดช่วยด้วยค่ะ!?" หญิงสาวกิมโมโนน้ำเงินวิ่งหนีพลางร้องตะโกนตามหาความช่วยเหลือ


    ชายผมเขียวสาวเท้าเข้าไปหาเธออย่างรวดเร็วพร้อมชักดาบออกมาฟาดฟันใส่คนที่ควบสัตว์ชนิดหนึ่งวิ่งตามหญิงสาว ทำให้สองคนที่ตามมาล้มลงไปกระแทกกับพื้นดินอย่างช่วยไม่ได้



    "แกจะต้องชดใช้!?" ชายรูปร่างอ้วนท้วมพูดแล้วหันดาบไปหาชายหนุ่มผมเขียว


    "เธอน่ะหลบไปซะ" เขาเอ่ยกับหญิงนิรนามที่ตนพึ่งเข้ามาช่วยไว้


    รอมยิ้มถูกยกขึ้นกว้างขณะที่เดินไปหาศัตรู คล้ายจะไปซ้อนทับกับความทรงจำบางอย่างของอีกสองคน


    "แกมัน! เจ้าอาชญากรโซโรจูโร่" โซโลไม่ยักจะสนใจ ทั้งยังจ้องมองไหเหล้าตาเป็นมัน


    "แกน่ะ เหล้านั่น" รอยยิ้มประดับบนหน้าพร้อมแววตากระหาย


    "เอามาให้ฉันซะ!" ก่อนจะฟันศัตรูให้แพ้ไปอย่างง่ายได้


    ทั้งสองร่างนั้นล้มลง โซโลก้าวขายาวไปคว้าไหเหล้าของศัตรู เพราะตนอดมาหลายมื้อแล้ว


    เขายกกระดกขึ้นดื่มราวกับกระหาย หญิงสาวที่ถูกช่วยขอบคุณเขา เขาโค้งตัวลงอย่างสุภาพ พร้อมถามหาเรื่องที่ตนสามารถช่วยได้



    "อ๋อ ไม่ต้องใส่ใจหรอก ฉันก็แค่อยากได้เหล้าของเจ้าพวกนั้นเท่านั้นเอง" โซโลตอบกลับแล้วหันมามองหญิงสาว



    "แต่ยังไง ข้าก็อยากจะตอบแทน" เธอไม่ลดละความพยายาม โซโลจึงมองเหล้าในมือ


    "งั้น ขอเหล้าหน่อยสิ" อย่างไม่ต้องคิด เขายกไหเหล้าประกอบกับสิ่งที่ตนร้องหา พร้อมรอยยิ้มกว้างเมื่อคิดถึงเหล้าที่จะเพิ่มขึ้นในไห



    "นั่นไม่มีเลยล่ะเจ้าค่ะ" เธอลดเสียงเบาลง เพราะไม่สามารถตอบแทนอีกฝ่ายได้




    ขณะที่ทั้งสองคนกำลังพูดคุยถกเถียงเรื่องการตอบแทน จู่ๆเสียงใสกังวานก็ดังขึ้น


    "เฮ้! โซโล ฉันเองๆ !" เสียงที่ดูเหมือนมาจากที่ไกลๆ แต่กลับดังมาก เจ้าของชื่อหันกลับไปหาคนเรียก เพราะเสียงนั้นช่างคุ้นหูเสียเหลือเกิน



    เมื่อหันไปเจอกับเจ้าของเสียง สีหน้าโซโลจากเรียบเฉยก็เปลี่ยนเป็นตื่นตะหนกตกใจดวงตาเบิกกว้างขึ้น ก่อนท้ายสุดจะเปลี่ยนเป็นรอยยิ้มกว้างเพราะความดีใจ



    "ลูฟี่!" โซโลเรียกชื่อกัปตันของตนด้วยความดีใจมาก ถึงมากที่สุด


    "มาถึงแล้วงั้นหรอ!" แขนแกร่งกางออกกว้างตามสัญชาตญาณ


    "เจอกันจนได้ ! โซโล!" ลูฟี่กระโดดลงมาจากสัตว์ปริศนาครึ่งหมาครึ่งสิงห์ พร้อมทั้งตะโกนร้องเรียกชื่อโซโลอย่างไม่ขาดปาก



    โซโลยิ้มกว้างไม่หุบ พร้อมขานรับคำร้องของอีกฝ่าย จู่ๆร่างของกัปตันก็กระโจนอ้าแขนกว้างมาหาเขาบนอากาศ


    "ไม่เจอกันนา-" ไม่ทันจะได้พูดจบประโยคดี ก็เปลี่ยนเป็นความตกใจอีกรอบเมื่อร่างของอีกคนอยู่ตรงหน้าเสียแล้ว เสียงหัวเราะเสียงใสดังไม่หยุด พร้อมกอดอีกคนจมอกจากความคิดถึงและดีใจ



    "ไม่ได้เจอกันนานเลยนะเนี่ย" เจ้าของเสียงหัวเราะพูด แรงกระแทกจากเจ้าตัวทำเอาคนที่รับไว้จำต้องต้องก้าวถอยหลังไปหลายก้าว มือหนาพยายามแงะร่างบนอกออกไป แต่ตัวเกาะกับเกาะไว้เสียแน่นราวกับจะแทนมันด้วยถึงความคิดถึงว่าเขาคิดถึงคนคนนี้แค่ไหน



    แต่ในที่สุดโซโลก็สามารถแงะร่างกัปตันตนออกมาได้ก่อนที่ตนจะขาดอากาศหายใจหมดเสียก่อน ไม่สิ มือหนาไม่ได้แกะออกมาได้ แต่เพราะอีกคนยอมคลายกอดเสียมากกว่า



    โซโลรีบโกยอากาศเข้าปอดทันที ก่อนจะกลับมายิ้มกว้างให้คนที่ยังเกาะบนอกเขาอยู่


    "คนอื่นอยู่ด้วยรึเปล่า?" นักดาบหนุ่มถามหาเพื่อนกลุ่มที่ตามมาที่หลัง


    "อื้อ แต่แยกกันนิดหน่อย แต่ว่าคงไม่เป็นอะไรหรอก" ลูฟี่มีสีหน้าคร่ำคิดอยู่แปปเดียว ก็กลับมายิ้มกว้างใหม่



    จบประโยค ลูฟี่ก็ยื่นหน้าเข้าใกล้ลูกเรือคนแรกของตนทันที ก่อนจะดมอะไรบางอย่าง เริ่มจากศีรษะ ลงมาไหล่ซ้าย อกข้างขวา เอวด้านซ้าย เลื่อนต่ำลงไปอีก



    แล้วก็มาจบลงที่ถุงอาหารซึ่งแขวนไว้บริเวรเอวล่างซ้าย


    "นายมีเนื้อด้วยหรอ? ขอบ้างซี่!" อย่างไม่ต้องคาดคิด กลิ่นที่เขาดมๆอยู่เมื่อครู่คือกินอาหารนั่นเอง เจ้าตัวพูดพร้อมแบมือทั้งสองข้างด้วยตาที่เป็นประกาย



    "แถวนี้มีพวกสัตว์กับปลาให้จับเพียบเลยนะลูฟี่ ไม่ต้องห่วงหิวเลยซักนิด" โซโลยื่นเนื้อติดกระดูกให้ลูฟี่อย่างใจดี พร้อมบอกสิ่งแวดล้อมแถวนี้



    "ไม่ได้นะ ต้องระวังด้วย น้ำแถวนี้น่ะมีพิษ ได้ยินว่าพวกปลากับสัตว์ก็ติดพิษเหมือนกัน" ลูฟี่พูดเตือน พร้อมชี้เนื้อติดกระดูกไปด้วย หลังจากพูดจบก็นำกลับมากิน



    "งี้นี้เอง ก็นึกอยู่ว่าทำไมปวดท้อง" โซโลลูบคางกำลังคิดโดยไม่ได้สนใจคนเตือนที่กินเข้าๆ คล้ายเนื้อชิ้นที่กินไม่ได้มาจากแถวนี้เสียอย่างงั้น



    "ยังไงก็เถอะโซโล รีบขึ้นมาเร็ว มีหลายเรื่องเกิดขึ้นน่ะ แต่ตอนนี้ต้องรีบพาเด็กนี่ไปหาหมอก่อน" ลุฟี่พูดพร้อมโบกมาทางสัตว์ตัวใหญ่ที่มีเด็กสาวนอนหมดแรงอยู่



    "เด็กคนนี้ป่วยจนนอนซมแล้ว อย่ามัวแต่กินอยู่ รีบไปเร็ว" โซโลพูดอย่างเคร่งเครียด เมื่อเห็นสภาพของเด็กสาว



    "โอ้ว ฉันกินไวอยู่แล้ว แปปเดียว" เจ้าตัวยังพูดไปเคี้ยวรีบตามที่เอ่ยปากบอก


    แต่ทันทีที่รีบกินจนหมด ก็มีแขกไม่ได้รับเชิญมาหา

    ฮอว์คินส์



    "อาชญากรโซโรจูโร่กับ... หมวกฟางงั้นสินะ" ชายผมเหลืองพูดพลางมองไผ่ที่ลอยขึ้นมา


    ลูกน้องฉันที่โดนจัดการที่ริมชายหาด โอกาสที่แกเป็นต้นเหตุเก้าสิบแปดเปอร์เซ็น แต่เรื่องนั้นมันไม่สำคัญแล้ว" ฮอว์คินส์มีสีหน้าเรียบเฉยไม่ยินดียินร้าย



    "ในวาโนะคุนิแห่งนี้ ไม่อยู่ภายใต้ผู้แข็งแกร่ง ก็ต้องกลายเป็นเหยื่อที่หลบๆซ่อนๆซะ มีสองทางเท่านั้น เลือกเอา" ฮอว์คินส์พูดพร้อมจับดาบขึ้นมาเตรียมพร้อมจะสู้รบด้วย



    ลูฟี่กับโซโลใช่จะนิ่งเฉย ทั้งคู่ต่างจับดาบขึ้นมา แม้จะมีหนึ่งคนที่ใช้ไม่เป็นก็ตาม


    "คินเอม่อนบอกไว้แบบนี้ ลูฟี่" โซโลพูดพลางพาดดาบซูซุยลงบนบ่า



    " 'อย่าก่อความวุ่นวายเด็ดขาด' " ส่วนมือซ้ายก็จับดาบ ซังได คิเทซึ เอาไว้แม้จะยังไม่ได้ชักออกมาก็ตาม



    "ดีล่ะ ถ้างั้นเราก็..." ลูฟี่ก้มใบหน้าลงเล็กน้อย พลางคิดถึงเจ้าของคำพูด



    "ค่อยไปขอโทษหมอนั่นทีหลัง" ก่อนจะเงยหน้าขึ้นพร้อมยกยิ้ม คู่หูตัวแสบก็ยกยิ้มขึ้นมาด้วยอีกคน

     

     





    การต่อสู้ดำเนินต่อเรื่อยๆ ฮอว์คินส์เรียกหุ่นฟางไม้ขนาดยักษ์ออกมา แต่โซโลกับลูฟี่ไม่อาจสู้ได้เต็มที่ เพราะเจ้าครึ่งสุนัขครึ่งสิงค์ดันรีบวิ่งมาหา ราวกับรู้ว่าคนบนหลังอาการจะหนักขึ้นกว่าเดิม แม้เจ้าสุนัขจะรีบวิ่ง แต่ก็ถูกตามล่าจากหุ่นฟางตัวนั้นอยู่ดี พวกเขาจำต้องสู้กันทั้งที่ยังเคลื่อนที่ แถมมีคนเจ็บอีกหนึ่งคน โซโลออกปากจะเป็นคนจัดการเอง ให้ลูฟี่ดูแลเด็กสาวไปก่อน ซึ่งลูฟี่ก็พยักหน้ารับคำอย่างว่าง่าย เพราะตนเชื่อใจในของเพื่อนตน


    แม้การต่อสู้จะยากเย็นอยู่บ้าง แต่ก็สามารถกำจัดปีศาจหุ่นฟางยักษ์นั่นลงไปได้ แลกกับการมีแผลประปรายจากตะปู แต่โซโลก็ดูท่าจะไม่ใส่ใจซักนิด มือขวาเอื้อมไปดึงตะปูยักษ์ออกมาจากแขนข้างถนัด


    "ฮอว์คิสน์นั่น มีความสามารถที่น่ารำคานจริงๆ" โซโลกัดอย่างรำคานใจหลังจากการต่อสู้เมื่อครู่


    "เด็กคนนั้นเป็นยังไงบ้าง?" ก่อนจะหันไปถามคนดูแลเด็กจำเป็น


    "หวา ตัวร้อนจี๋เลย นี่เจ้าหมาวิ่งเร็วกว่านี้หน่อย" ลูฟี่นำมือไปทาบคนหน้าผากอีกคนก็พบกลับความร้อนจากไข้พิษ ก่อนจะบอกให้ภาหะนะจำเป็นเร่งความเร็ว


    สิ่งมีชีวิตที่พึ่งถูกเรียกว่าหมาก็ขานรับในลำคอ แต่วิ่งไม่นาน มันก็เบรคตัวเอง อยู่ระหว่างทางแยกซ้ายและขวา พร้องเสียงครางหงอยๆเบาๆ


    "หืม? มีอะไรงั้นหรอ?" ลูฟี่เมื่อสัมผัสได้เขายังไม่ได้เคลื่อนที่ ก็ลงมาดูเจ้าหมา ก่อนจะมองทางแยกทั้งสอง


    "อย่าบอกนะว่านายหลงทางน่ะ ขอร้องล่ะเจ้าหมา นายเป็นคนเดียวที่รู้จักเส้นทางนะ" ลูฟี่มีท่าทีร้อนรน เพราะคนป่วยก็ตัวร้อนขึ้น แถมตอนนี้เจ้าหมาก็ดันจำทางไม่ได้อีก 


    "ไม่มีเวลาแล้ว ไปกันเถอะ... ทางขวา" โซโลตอบอย่างใจเย็น จะรออย่างเดียวก็ไม่ใช่เรื่อง แทนที่จะรอเพื่อครวญคิด ถ้าไม่สู้รีบไปก่อนอาจจะทันการกว่า



    ในเมื่อไม่มีทางเลือก ลูฟี่ก็พยักหน้า เพราะต้องลองเสี่ยงโชคจากโซโลเขา ซึ่งดูเหมือนเขาจะเสี่ยงโชคเรื่องเส้นทางผิดคนเสียแล้ว



    "ทางซ้ายค่ะ" เสียงใสของหญิงสาวตอบสวนทันที


    แต่ทั้งสองคนที่จำไม่ได้ว่าตนได้พาผู้หญิงขึ้นมาด้วย ต่างก็ตกใจทั้งคู่ที่ได้ยินเสียงไม่คุ้นหู


    "พวกท่านซามูไรทั้งสองช่างแข็งแกร่งๆจริงๆนะเจ้าคะ ที่สามารถต่อต้านฮอว์คิสน์คนนั้นไว้ได้" เธอพูดพร้อมค่อยๆเงยหน้าขึ้นมามองบุรุษทั้งสอง 


    "เธอเป็นใครกันน่ะ?" ลูฟี่เป็นคนถามขึ้นคนแรก 


    "นี่เธอ..." โซโลมองสาวที่สวมชุดกิโมโนสีน้ำเงิน อย่างคลับคล้ายคลับคลา


    "ฉันถูกช่วยไว้โดย บุรุษผมเขียวคนนี้เจ้าค่ะ" เธอยิ้มขึ้น ครั้งนึกถึงเรื่องเมื่อครู่ที่ตนวิ่งหนีแล้วโดนช่วยเอาไว้


    "ชื่อของข้าคือ สึรุ" เธอกล่าวคำแนะนำตัว


    "ขอบพระคุณที่ช่วยเอาไว้นะคะ" ก่อนจะโค้งตัวลงเพื่อขอบคุณคนตรงหน้า คนโดนขอบคุณเลิ่กคิ้วขึ้น เพราะความไม่คาดฝันว่าอีกคนจะตามมาด้วย


    ครั้งเงยหน้าขึ้น เธอก็ตื่นตะหนกทันที


    "อ้ะ ! แย่แล้ว" สึรุเมื่อได้เห็นเด็กสาวที่หอบไข้อยู่ เธอก็รีบควานหาผ้าของตนก่อนจะยื่นให้ลูฟี่


    "อย่าน้องก็ช่วยซับเหงื่อได้ก็ยังดี" 


    "โอ้ ขอบใจ" ลูฟี่รีบรับไว้แล้วเช็ดหน้าที่เต็มไปด้วยเหงื่อมากมาย


    "ถ้าแบบนี้ ขอให้ข้าดูแลโอทามะจังเองดีกว่าไหมเจ้าคะ" เธอพูดด้วยท่าทีจริงจัง


    เมื่อได้ยินหญิงสาวเรียกชื่อเด็กได้ถูกต้อง ลูฟี่ก็อดถามไม่ได้ว่ารู้จักกันหรอ ซึ่งก็ได้คำตอบว่าใช่ ลูฟี่อธิบายสาเหตุที่ทำให้เด็กคนนี้เกิดป่วยขึ้น จากน้ำเป็นพิษ สึรุจึงเอ่ยปากชวนให้ไปโรงน้ำชาของตนแทนไปหาหมอ โซโลเป็นคนปฏิเสธคนแรก ในเวลาแบบนี้เขาไม่มีความคิดจะดื่มชาทั้งๆที่เด็กป่วยอยู่ แต่สาวเจ้าก็บอกว่าเธอมีชารักษาอาการนี้ได้ ซึ่งนั่นก็เป็นข้อยุติการสนทนา ทั้งคู่พยักหน้ารับคำว่าจะไปโรงน้ำชาของเธอ









    ขณะเดียวกันที่ เมืองโอโคโบเระ คุริ ประเทศวาโนะคุนิ



    "ขออภัยที่ให้รอนะคะ?" สาวกิมโนโมชุดสีเหลืองประปรายด้วยลายดอกไม้สีส้ม เธอยื่นดังโงะให้ชายแก่คนหนึ่ง


    "โอ้ ดังโงะที่หายากแบบนี้ แค่ไม้เดียวได้กินทีราวกับจะขึ้นสวรรค์เลยแหะ" ชายชราคนนั้นยิ้มก่อนจะอ้าปากเพื่อที่จะกินดังโงะ


    "ชมกันเกินไปแล้วค่ะ อีกไม่นานก็จะได้ทานเท่าที่อยากทานแล้วล่ะค่ะ" เธอยิ้มกว้าง พร้อมพูดให้กำลังใจชายที่กำลังจะกินดังโงะ


    "เฮ้ยตาแก่! ร้านนี้กำลังจะปิดแล้ว ไปซะ!?" คนตัวใหญสูงราวๆสามถึงสี่เมตร รูปร่างอ้วนท้วม พูดตวาดไล่ชายแก่ คนโดนไล่หนีอย่างไม่คิดชีวิต ดังโงะที่พึ่งกินได้เพียงครึ่งลูกถูกโยนทิ้งด้วยความตกใจและรีบเร่ง 


    หญิงสาวที่นำมาเสิร์ฟมองลูกดังโงะที่ตกลงพื้นในหลายๆความรู้สึก


    "โอคิคุ" คนที่ไล่ชายชราให้วิ่งนี้ไป เอ่ยเรียกชื่อหญิงสาวเสียงหวาน


    "เธอจ่ายค่าภาษีไม่ไหวแล้วใช่ไหมล่ะ ข้าจะช่วยเจ้าเอง" สีหน้ายิ้มแย้มราวกับเมื่อครู่ตนไม่ได้ทำอะไรแย่ๆลงไป


    "ถ้าเธอมาเป็นเมียฉัน" เจ้าของร่างใหญ่โตอ้วมท้วมกล่าว พร้อมยกนิ้วโป้งชี้เข้าตัวเอง


    "เธอจะสบายไปทั้งชีวิต!" เจ้าตัวพูดพร้อมยกแขนอ้ากว้างเป็นภาษากลาย


    "เธอจะได้กินอาหารอร่อยๆจากฟาร์มได้ตลอดเวลา!" เขาพยายามยัดและยื่นข้อเสนอน่าสนใจทั้งหมดให้เธอ ซึ่งในประโยคสุดท้าย สาวเจ้าจำต้องหันกลับมา


    "เราต่างกันเกินไปค่ะ" เธอตอบพร้อมยิ้มขึ้นบางๆ


    "ถ้าไม่สั่งอะไร ได้โปรดกลับไปเถอะเจ้าค่ะ" หญิงสาวที่ถูกเรียกว่าโอคิคุโค้งตัวเองอย่างมีมารยาท


    "ข้าไม่อยากกินของที่นี่หรอก! ดังโงะกับชา ที่ทำมาจากของเหลือ!" รอยยิ้มจากตอนแรกเปลี่ยนเป็นความเหยียดหยาม


    "ไม่รู้จักข้างั้นหรอ?" ชายร่างโตถามขึ้น


    "ข้าคือโยโกะสึนะที่โด่งดังในเมืองหลวง" ก่อนที่ร่างนั้นจะทำท่าทางประกอบถึงอาชีพของตน


    "นักซูโม่อันดับหนึ่ง แห่งวาโนะคุนิ!" เขาประกาศเสียงดังอย่างภาคภูมิใจ


    "อุราชิมะ!" ก่อนจะขับขานชื่อของตนเองออกมา


    "ออกไปจากโรงน้ำชาสกปรกนี่! เลยใช้ชีวิตแบบเหลือขอเถอะน่า ทำไมถึงไม่ไปกับข้าล่ะ?" ถ้อยคำหยามเหยียดยังคงออกมาจากปากคนตรงหน้า แววตาของสาวเจ้าเริ่มกระตุกสั่น มือบางกำแน่นขึ้น ราวกับกำลังกดอะไรบางอย่างไว้



    "โอคิคุจัง!" เสียงเรียกคุ้นหูทำให้เจ้าของชื่อรีบหันไปหาทันที ซึ่งก็เป็นดังคาด คนที่เธอรู้จักกำลังนั่งขี่สัตว์คุ้นตาวิ่งมาทางเธออยู่


    "คุณโอสึรุ!" โอคิคุโบกมือให้เธออย่างดีใจ ในหลายๆความหมาย



    "โอทามะจัง ดื่มน้ำที่มีพิษมาน่ะ!" สึรุรีบบอกกับโอคิคุทันทีหลังจากลงมา


    "เอ๋!? จริงหรอคะ" เธอมีท่าทางตกใจ เมื่อเห็นอาการของเด็กสาวที่ดูทรุดเป็นอย่างมาก


    "ขอร้องล่ะ ช่วยเธอทีเถอะ!" ชายกิมโมโนสีแดงพูดอย่างเร่งร้อน


    "โอคิคุจัง! ชงสมุนไพรปีศาจ" คนที่พามาเพราะบอกว่าตนมีหนทางรักษารีบเอ่ยสิ่งที่ดูน่าจะเป็นสนุมไพรสำหรับอาการนี้ให้หญิงอีกคนฟัง


    "ได้ค่ะ!" เธอวิ่งนำเข้าโรงน้ำชาทันทีเพื่อไปชงชาที่เจ้าของโรงน้ำชาบอก


    "เฮ้ย พวกแกเป็นใครกันห๊ะ?! โอคิคุกับข้ากำลังคุยกันอยู่!" ร่างยักษ์ที่โดนเมินมีอาการโมโหฉุนเฉียว แล้วโวยวายใส่คนที่พากันเข้าไปในดรงน้ำชาแล้ว


    "นี่ โทษทีนะ แต่แกขวางทางฉันอยู่" ชายในชุดกิมโมโนสีเขียวพูดขึ้น พร้อมมองคนตัวใหญ่ที่ขวางประตูทางเข้าอยู่


    "หลีกไป" ก่อนประโยคคำสั่งจะหลุดออกมาจากปากเขา คนที่โดนสั่งหมุนตัวกลับมามองคนที่เตี้ยตน พร้อมส่งเสียงในลำคออย่างไม่พอใจ


    "ฉันพูดกับแกอยู่" นอกจากอีกคนไม่มีท่าทางหวาดกลัว ยังย้ำคำซ้ำว่ากำลังสั่งใครอยู่


    "แล้วทำไมฉันต้องหลีก-" คนตัวใหญ่ทั้งพูดทั้งจ้องอย่างเอาเรื่องกับคนที่ดูไม่สะทกสะท้านเลยแม้แต่น้อย แต่ไม่ทันจบประโยคดี คนพูดก็ต้องหุบปากลงทันที ที่เจอสายตาคมจ้องมาคล้ายกลับจะฆ่าเขาถ้ายังจะมีปัญหาต่อ คนตัวโตถอยหลังออกมาอย่างขลาด


    "โอคิคุ! ข้าจะนัดเจอเจ้าที่เมืองบากุระทีหลัง ข้าจะแสดงให้เจ้าเห็นว่าข้าแข็งแกร่งแค่ไหน!" ก่อนจะตะโกนบอกหญิงที่ตนมาหา แล้วก็เดินถอยหลังกลับไป 


    โซโลไม่ใส่ใจมากนัก เพียงกวาดตามองดูว่าอีกฝ่ายกลับจนแน่ใจถึงเข้าไปในโรงน้ำชา 






    ลมพัดผ่านไปผ่านมา ก็ทำให้คนที่นั่งรออยู่ข้างนอกรู้สึกดีไม่น้อย หลังจากที่กัปตันที่เอาแต่ใจสุดโต่ง จับชาสมุนไพรรสขมกรอใส่ปากเด็กสาวเพื่อรักษา เธอก็ยังไม่ตื่นขึ้นมา


    สายตาเลื่อนลอยของชายนักดาบมองบรรยากาศรอบๆตัว แม้จะมีลดพัดผ่านให้ความเย็นอยู่เนื่องๆ แต่ลมนั้นกลับกลายเป็นลมแล้ง เมืองนี้แล้งแห้ง ยากจน และขัดสน หากเทียบกับเมืองหลวงที่ชายหนุ่มเคยอยู่ช่วงหนึ่ง เรียกได้ว่าแทบจะต่างกันราวกับฟ้ากับเหวอย่างไม่ต้องสงสัย


    "ขอดูแขนท่านหน่อยนะคะ" หญิงสาวผมสีน้ำเงิน หรือโอคิคุ เธอออกมาจากโรงน้ำชา พร้อมยกกล่องไม้ที่บรรจุไปด้วยชุดปฐมพยาบาล แม้จะไม่ได้มีมากจนเรียกได้เต็มปากว่าเป็นอุปกรณ์ปฐมพยาบาล แต่ก็มีพอที่จะใช้กับอาการแผลเบื้องต้นได้


    "หือ? อ๋อ แค่ถากๆน่ะ" โซโลยกแขนข้างถนัดขึ้นมาดูอาการ แม้จะเป็นรูตะปูขนาดใหญ่กว่าตะปูทั่วไป และเป็นแผลลึกประมาณซักข้อหรือสองข้อนิ้ว แต่เขากลับไม่ได้ให้ความใส่ใจกับมันมากเท่าที่ควร


    "จะทำแผลให้นะคะ" สาวเจ้าย่อตัวลง เพื่อให้ตัวเองอยู่ในระดับเดียวกับคนที่นั่งอยู่ ทั้งยังไม่ฟังคำพูดอีกคนที่บอกว่าบาดเจ็บเพียงเล็กน้อย


    "แค่นี้เดี๋ยวก็หายน่า" เจ้าตัวย้ำก่อนจะหันหน้าไปหาคู่สนทนาพร้อมยกยิ้มขึ้น ราวกับมันไม่ใช่เรื่องร้ายแรงอะไรกับตนซักนิด


    "ไม่ได้ค่ะ!" เธอพูดด้วยน้ำเสียงหนักแน่น และดื้อดึงที่จะทำแผลให้กับคนตรงหน้า มือของเธอแตะลงบนข้อมือซ้ายของโซโลที่กำลังบาดเจ็บอยู่ คนที่จู่ๆก็โดนสัมผัสชะงักลง ความรู้สึกแปลกๆรวมกับความประหลาดใจแล่นลงทั่วร่าง 





    โซโลไม่ชอบการสัมผัสตัวถ้าไม่จำเป็น เขาหันมามองเธอด้วยริมฝีปากเรียบเฉย ขณะเดียวกันดวงตาก็จ้องเธอเขม็ง โอคิคุสบตากลับ 


    "เชิญค่ะ" แต่เพียงชั่วครู่เธอก็เปลี่ยนเป็นยิ้มจนดวงตาปิดไป กลับเป็นโซโลเองที่เบื้อนหน้าหนีอย่างจำใจ เมื่ออีกคนดูท่าจะไม่ปล่อยให้เแผลเขาเป็นไปตามยถากรรมตามปกติของเจ้าของแผล





    สุดท้ายก็เป็นสาวเจ้าก็ได้ดูแลแผลให้เขาสมใจอยาก แต่ขณะที่กำลังจะเริ่มพันผ้าพันแผล ก็ดูเหมือนเด็กสาวทามะโอะจะตื่นขึ้น


    "โอทามะจัง ที่ท้องเป็นยังไงบ้าง" โอคิคุหยุดมือทำแผลให้โซโลต่อ ก่อนจะหันไปถามอาการจากเด็กสาว ทามะนั่งลูบท้องตัวเองอยู่ครู่หนึ่ง เล่นเอาคนที่เฝ้าอยู่อย่างลูฟี่และสึรุลุ้นไปตามๆกัน


    "ไม่ปวดแล้วเจ้าค่ะ" ก็ตอบกลับมาด้วยเสียงใสและกระโดดโล่ดเล่นอย่างร่าเริง พร้อมกับเสียงร้องดีใจของลูฟี่


    "มันจะหายเร็วไปแล้วนะ!" กลับเป็นโซโลเองที่ตกใจกลับอาการที่ดีขึ้นราวกับพลิกหน้ามือเป็นหลังมือ 

     

    "หญ้ากันจาเป็นสมุนไพรที่มีผลด้านนี้ดีมากน่ะค่ะ" โอคิคุยิ้มพร้อมตอบความแคลงใจของโซโล


    โอทามะยิ้มแล้วโยกย้ายตัวไปมาอย่างดีใจ พร้อมกล่าวคำขอบคุณกับทุกคนที่ช่วยตนเอาไว้ แต่สึรุไม่วางใจ เธอกล่าวเตือนว่าพิษอาจจะยังออกไม่หมด แล้วสั่งห้ามทามะดื่มน้ำจากแม่น้ำที่เป็นพิษอีก เด็กสาวตอบรับแทบจะทันที และเสียงที่ตามมาคือเสียงท้องร้องของทามะ เจ้าตัวตกใจกับความอับอายสุดขีด แล้ววิ่งหนี พร้อมตะโกนหาแม่น้ำอยู่ ทำเอาคนที่พึ่งเตือนไป รีบวิ่งตามไปห้าม ด้วยใบหน้าที่บึงบูดเพราะพึ่งจะเตือนไปหยกๆ เจ้าตัวเล็กกลับฝ่าฝืนคำเตือนอย่างรวดเร็ว โชคดีของสึรุที่ตามได้ทัน แต่กลับกลายเป็นโชคร้ายของโอทามะ ที่โดนดุและย้ำกับเรื่องแม่น้ำด้วยใบหน้าบึงตึงของสึรุ




    มือขาวดึงผ้าพันแผลให้แน่นขึ้น ในขั้นตอนสุดท้าย ก่อนจะตัดผ้าที่ยาวเกินออกมา


    "เอาล่ะ เรียบร้อยแล้วค่ะ แค่ปฐมพยาบาลเท่านั้น" โอคิคุพูดหลังจากเสร็จงานปฐมพยาบาล


    "โอ้ว ขอบใจนะ" โซโลพูดพร้อมยิ้มกว้าง สายตาจ้องมองผ้าพันแผลที่ดูเรียบร้อยคล้ายๆที่ช็อปเปอร์ทำให้บ่อยๆ ก่อนจะหันไปมองหญิงผมสีน้ำท้องละเทเข้ม


    "เธอนี่ เป็นผู้หญิงที่ตัวใหญ่ชะมัดเลย" โซโลหันมามองบุคคลที่ช่วยตนเอาไว้ ใบหน้าเปื้อนยิ้มผสมปนเปกับความทึ่งๆเล็กๆ ทั้งๆที่เป็นผู้หญิง แต่กลับตัวสูงมากกว่าตนมาก แม้เขาก็เป็นทั้งนักดาบและนักออกกำลังอยู่ในตัวแท้ๆ ขนาดแค่จะมองหน้าหล่อน ชายหนุ่มยังจำเป็นต้องเงยหน้าขึ้นเลย 


    ส่วนคนที่โดนทักเพียงแค่ยิ้มรับเท่านั้น


    "บิ๊กมัมตัวใหญ่กว่านี้เยอะเลยล่ะ" คู่หูตัวแสบพูดไปทั้งๆที่ก้อนโมจิกลมๆเต็มอยู่ในปาก


    "เมื่อครู่นี้ มีนักซูโม่มารบกวนอยู่ ช่วยไว้ได้พอดีเลยค่ะ" โอคิคุพูดเชิงนัยๆว่าขอบคุณที่ช่วยเอาไว้


    "ไม่ใช่เรื่องใหญ่หรอกน่า" โซโลพูดคล้ายจะไม่ได้สนใจมากนัก ก่อนจะสวมกิโมโนตัวสีเขียวที่ถอดในตอนแรกจากการทำแผล


    "ถึงจะแนะนำตัวช้าไปหน่อย" เธอพูดขณะที่โซโลกำลังจัดแจงเสื้อผ้าตัวเอง ถึงจะไม่ค่อยใส่ใจเพราะเขาก็ได้ยินที่สึรุเรียกเธอบ่อยๆแล้ว แต่ก็เหลือบตามองคนที่กำลังแนะนำตัวอยู่



    " ข้าน้อย " คล้ายกับเสียงของเธอจะเปลี่ยนไปเล็กน้อยจากปกติที่อ่อนหวาน กลายเป็นแข็งกระด้างขึ้นมา


    "ชื่อ โอคิคุค่ะ" เธอพูดจบก็ยิ้มหวานออกมาจนตาปิด


    โซโลจากตอนแรกเพียงแค่เหลือบตามองเล็กน้อย กลับต้องแปรเปลี่ยนเป็นหันกลับมาผลจากคำบางคำ


    "ข้าน้อย ? เรอะ" เขาเลิ่กคิ้วพร้อมทวนคำสรรพนามของคนแนะนำตัวเมื่อครู่ แต่ก็ไม่ได้อะไรกลับมานอกเสียจากรอยยิ้มหวานๆของเธอ












    --------------------------------------------------------------------

    ตัดฉับๆ เขียนต่อไม่ไหว แบบนี้ยังพอเรียกฟิคได้ไหม ดูแกะมาทั้งเรื่องเลย กลายเป็นบรรยายอนิเมะไปแล้ว //จริงๆที่ใส่ฉากลูฟี่เข้ามากอดโซโลคือความชอบส่วนบุค- ///แอ่ก ส่วนคู่ที่แต่งก็ดูไร้แววเหลือเกิน (ทั้งในฟิคและนอกฟิค) แต่ที่จะเปลี่ยนคือตอนต่อจากนี้ (รึป่าวนะ)

















     

     

     

    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×