ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    [Got7]Got 2 Playful {MarkNior,JackJae,BamYug}

    ลำดับตอนที่ #7 : ตอนที่ 7 : รายงานการบุกครั้งที่1(ต่อ) 100 % ค่ะ

    • อัปเดตล่าสุด 15 ม.ค. 59


     


     

    ตอนที่ 7 : รายงานการบุกครั้งที่ 1 (ต่อ)








    ช่วงนี้ มาร์คกลับบ้านดึกทุกวัน  ส่วนแบมแบมก็ออกจากบ้านแต่เช้ามากๆ    มาร์คบอกว่าทำงานพิเศษหลังเลิกเรียน  แต่ก็ไม่ได้บอกว่าเป็นงานอะไร  หวังว่าคงไม่ใช่งานกลางคืนอันตราย ผิดกฎหมายพวกที่อาจจะทำให้โดนไล่ออกก่อนเรียนจบหรอกนะ   ส่วนแบมแบมก็ดูเหมือนจะไปทำงานพิเศษในตลาดสดตอนเช้า  น้องไม่ได้บอกรายละเอียดอีกเหมือนกัน  แต่ก็น่าเป็นห่วงสุขภาพอยู่   ยิ่งตัวผอมแห้งพักผ่อนน้อยแล้วต้องตื่นแต่เช้ามากๆตลอดแบบนี้  กลัวจะไม่สบาย   แต่ก็แปลกที่สองคนนี้ดูสดใส ร่าเริง มีความสุข ขึ้น ยิ้มแย้ม หัวเราะ บ่อยกว่าเมื่อก่อน   แถมยังดูดีมีออร่า  ดูหล่อขึ้นเหมือนพวกกำลังมีความรัก....……..ห๊า!! หรือว่าเจ้าพวกนี้มันหาแฟนกันได้แล้วฟระ  ไม่ได้การหล่ะ  ผมยังไม่ได้ลงมือทำอะไรเป็นชิ้นเป็นอันเลย   มัวแต่ศึกษาพฤติกรรมมนุษย์อาร์ตตัวพ่ออยู่  ไม่ต่างกับไล่จับก้อนเมฆ   คงต้องจริงจังกว่านี้แล้วสินะ

     


     

    ตอนนี้แจ๊กสันที่ใส่เอี้ยมหมีสียีนส์ซีดๆ  สวมถุงมือผ้าหนาและคาดหน้ากากอนามัยสีดำปิดปาก  กำลังแพ็คขยะใส่ถุงดำ แล้วลำเลียงออกจากบ้านมา  ในช่วงเช้าตรู่ของวันอาทิตย์    คือเมื่อแบ่งงานกันทำไปแล้ว  ก็ต้องลงมือทำจริงๆ  เพราะมาร์คก็สามารถซักเสื้อผ้าได้จริง  แบมแบมก็ยังทำอาหารและล้างจานได้จริง  ส่วนงานเก็บกวาดบ้านทิ้งขยะใช้แรงงานแบบนี้  ถ้าค่อยๆสะสางไปเขาก็คงพอทำได้เหมือนกันแหละ  แถมดูจะสบายที่สุดอีกด้วย  เพราะไม่ต้องทำทุกวันเหมือนงานอาหาร  แล้วก็ไม่ได้ใช้เวลาเยอะแยะเหมือนงานซักรีดเสื้อผ้า 




     

    แต่ช่วงแรกที่เริ่มลงมือสะสางนี่เล่นซะแทบเอาชีวิตไม่รอดเหมือนกัน  ขยะทั้งเปียกทั้งแห้งกองสุมเทิน ทะมึน ในครัวส่งกลิ่นชวนแหวะ คลื่นไส้มาก  ไม่รู้ที่ผ่านมาพวกเขาอยู่กันเข้าไปได้ยังไง  ยังไม่นับเศษกระดาษทั้งชีตเรียน  แลคเชอร์ที่ถ่ายเอกสารมาสะสมของทั้ง 3 คน อ่านแล้วก็โยนกระจัดกระจาย  สอบเสร็จก็ทิ้งกองวางลืม  ถุงขนมขบเคี้ยวที่กินแล้วเหลือเศษติดให้คนหยิบสุดท้ายเป็นคนทิ้ง  ก็ถูกโยนส่งๆไม่สนใจ  ฝุ่นผงที่หนาดำเป็นคืบ  ทิ้งตัวสะสมตามหลืบมุมที่ไม่ได้เดินผ่าน  เศษเส้นผม ที่หลุดร่วงจากการหวี สาง ไม่มีการกวาดทิ้งไปไหน  ขวดน้ำดื่ม และกระป๋องน้ำอัดลม ที่กินแล้ววางไว้ข้างตัวก่อนจะปัดตูดไปทำอย่างอื่นไม่เคยสนใจใยดีที่จะจัดการ  แล้วยังมีเศษอาหารสดคาถุง ค้างกล่อง ที่ทิ้งไว้จนเน่า  เน่าแล้วแห้ง ราขึ้น ออกดอก แมงสาบไต่  หนูแทะ ที่สะสมมาเป็นแรมเดือนตั้งแต่ย้ายเข้ามาที่นี่ กลาดเกลื่อนกระจัดกระจายแทบทั่วทุกตารางนิ้วของพื้นบ้านอีก  ไม่น่าเชื่อว่าพวกเขา 3 คน จะมาถึงจุดนี้ได้  สกปรกจนขนลุก    วันเสาร์ก็ทำทั้งวันแล้วยังไม่สำเร็จเสร็จได้  จึงต้องมาต่อวันอาทิตย์  แล้วก็มีอีกเหตุผลด้วยที่ทำให้แจ๊กสันตื่นมาทำงานแต่เช้าวันหยุดแบบนี้...

     


     

    "กริ๊งงๆ  ... แกร๊ง!  ตุ๊บ!!" เสียงคล้ายกระดิ่งรถจักรยาน และขวดแก้วกระทบกันเสียงแหลม  ดังขึ้นหน้าบ้านของสามหนุ่ม  แจ๊กสันจึงรีบวิ่งออกไปดู




     

    เมื่อ ไม่นานมานี้  เริ่มมีนมสดในขวดแก้ว มาส่งที่บ้านของพวกเขาทุกวัน วันละ 3 ขวดลิตร  โดยที่พวกเขาไม่ได้สั่งซื้อ (แม้จะไม่รู้ที่มา  แต่ทุกทีที่มันมาส่งทุกคนในบ้านก็ดื่มจนหมด   ทั้งๆไม่รู้นั่นแหละว่าของใคร  ไม่ว่าเด็กส่งนมจะมาส่งผิดบ้าน หรือจงใจ หรือต่อให้มียาพิษใส่ไว้  แต่เพราะว่ามันฟรี  ช่วยทุ่นค่าอาหารเช้าไปไม่น้อยอ่ะนะ  ดังนั้นพวกแจ๊กสัน  มาร์ค และแบมแบม  จึงไม่มีทางทิ้งให้มันเสียเปล่าอยู่แล้ว) แต่มันก็คาใจ  จนวันนี้แจ๊กสันจึงวางแผนจะจับเด็กส่งนม  มาถามให้รู้แล้วรู้รอดให้ได้

     


     

    แจ๊กสันเหลือบมองไปทางหัวเสาสี่เหลี่ยมของรั้วเตี้ยๆหน้าบ้านก็พบนมสดสีขาวบริสุทธิ์ในขวดแก้ว หนึ่งลิตร สามขวดใหญ่ของวันนี้วางอยู่แล้ว  และทันเห็นหลังของเด็กส่งนมไวๆ   หนุ่มหล่อเข้มในชุดเอี้ยมหมีจึงรีบวิ่งกระโจนตาม  กระโดดข้ามรั้วบ้าน  ไล่หลังเด็กส่งนมที่ขี่จักรยานแม่บ้านดัดแปลงตะกร้าหน้ารถเป็นแร๊คลวดช่องๆสำหรับใส่ขวดนม  แล้วก็เบาะหลังที่ทำตระแกรงพิเศษพาด 2 ข้างให้บรรทุกขวดนมได้หลายขวดขึ้น

     


     

    "เฮ้!! หยุดก่อนนาย  ฉันมีเรื่องจะถามหน่อย" แจ๊กสันเรียกเด็กส่งนมที่กำลังปั่นจักรยานไกลออกไปเรื่อยๆโดยไม่เหลียวหลัง  สงสัยนมขวดแก้วพวกนั้นจะหนักเอาเรื่องอยู่  และต้องระวังขวดกระทบกันแรงจนแตก  หรือนมกระฉอกออกมา  เจ้านั่นจึงปั่นจักรยานได้ไม่เร็วนัก   แต่ตะโกนเรียกเท่าไหร่เจ้านั่นก็ไม่ยอมหันกลับมา  จักรยานนั่นค่อยๆเคลื่อนไปช้าๆ จนแจ๊กสันที่วิ่งเต็มสปีดนักกีฬาได้ไวกว่า  ตามทันในที่สุด

     


     

    "หูตึงหรือไง   ไม่หยุดพ่อจะถีบให้ล้ม  ทั้งคนทั้งนมเลยนะ!!?" แจ๊กสันสวมมาดนักเลงตะโกนข่มขู่เด็กส่งนมที่ใส่เสื้อฮูดสีดำปิดหน้าปิดตา  จนเขายอมจอดรถหยุดให้

     


     

    "ยะ อย่า ทำแบบนั้นนะครับ  คะ..คุณต้องการอะไร...?." เด็กส่งนมก้มหน้าพูดเสียงสั่น

     


     

    "ฉันว่าฉันจำเสียงนายได้นะ  จะเงยหน้าขึ้นมาดีๆไหมครับ?" แจ๊กสัน เดินอ้อมไปจับแฮนด์ขวางทางจักรยานด้านหน้าเต็มตัว แล้วส่งยิ้มให้

     


     

    ป่าเถื่อนเป็นบ้า.... เด็กส่งนมขยับปากบ่นงุงิ  แต่ก็ยอมเอาขาลงยันรถไว้สองข้าง ก่อนจะวาดขาข้ามเบาะ  จัดแจงตั้งขาตั้งอย่างดิบดี  แล้วก็เงยหน้าหาเจ้าตัวการ

     


     

    “…ยองแจ?” ร่างบางค้อนเล็กน้อยก่อนจะ หัวเราะปากกว้างใส่แจ๊กสันอย่างไม่ทันตั้งตัว

     


     

    ขำอะไร...นะ...นาย จะมาเก็บตังพวกชั้นทีหลังหรือป่าว  กับค่านมพวกนี้อ่ะ!!?” แจ๊กสันทำหน้าซีเรียสใส่




     

    ไม่หรอกครับ  นมพวกนี้เป็นของศจ.วอน โฮดอง  ท่านไปสัมมนาที่ญี่ปุ่น 3 เดือน  แล้วไม่ได้ยกเลิกออเดอร์  ตังค์ก็จ่ายไว้แล้ว  ถ้าผมไม่เอาออกมาส่ง  ผมก็ไม่ได้ค่าจ้างด้วย  แต่จะทิ้งให้มันเสียเปล่าๆก็เสียดาย  อย่างน้อยพวกแจ๊กสันก็เทมันออกจากขวดให้เบาขึ้นเวลามาเก็บ  ถึงจะไม่ล้างขวดคืนก็ตามอ่ะนะ  ไม่ดีเหรอครับ  ผมว่าดีกว่าเททิ้งนะ ยองเจเบิกตาตี่ๆของเขาให้กว้างขึ้น  เอียงคอน้อยๆแล้วยิ้มให้เป็นเชิงถาม

     


     

    ก็จริง...ขอบใจนะ แจ๊กสันลูบศีรษะยองแจแล้วยิ้มตอบ  ใจเริ่มเต้นแรงกว่าตอนวิ่งมาตัดหน้ารถเสียอีก

     


     

    เหลือนมอีกตั้งเยอะ  นายต้องไปอีกกี่บ้านเนี่ย?  แล้วดูซิ  ขี่จักรยานอย่างกับเต่าคลาน  ช้ากว่าชั้นวิ่งอีก?”แจ๊กสันดูเป็นห่วงเด็กส่งนมมือใหม่อยู่ไม่น้อย

     


     

    ก็...อีกหลายบ้านอ่ะ  บ้านพักอาจารย์ในมหาวิทยาลัยเกือบทั้งหมดเป็นลูกค้าบ้านผม  แต่ผมก็มีเวลาเกือบทั้งเช้าแหละครับ  ค่อยๆถีบจักรยานไปร้องเพลงไป  ชมนกชมไม้ไปสบายใจกว่า   รีบกลับบ้านไปก็ต้องโดนใช้งานอย่างอื่นอยู่ดี...เอ่อ ...ผมไปต่อได้ยังฮะ?” ยองแจถีบขาตั้งรถขึ้นแล้วเตรียมจะปั่นรถจักรยานไปต่อ

     


     

    มีอะไรที่ผมช่วยได้ไหม?”แจ๊กสันถามกลับไปทางร่างบางที่กำลังประครองรถจักรยานกระย่องกระแย่ง  น่าเป็นห่วง

     


     

    อืมมม...แจ๊กสันสนใจมาส่งหนังสือพิมพ์ไหมครับ  พอดีพี่คนที่เคยส่งประจำเขาขึ้นปี 4 แล้วเรียนหนัก  เลยมาขอลาออกไป  ถ้าคุณตกลง  ตอนเช้าพวกเราจะได้ออกมาด้วยกัน  ใช้เส้นทางเดียวกับส่งนมเลยนะ  แล้วแจ๊กสันก็จะได้อ่านหนังสือพิมพ์ฟรีทุกวันด้วย   มีทุกปกเลยนะครับ ฮ่าฮ่าฮ่า”  บ้านที่ยองแจอาศัยอยู่ที่โซลนั้นเป็นบ้านของญาติ เพราะเขามาจากต่างจังหวัด   บ้านนั้นเป็นร้านขายของชำ ขายทุกอย่าง  ยองแจที่เลิกร้องเพลงกลางคืนแล้วก็ไม่มีรายได้มาช่วยจ่ายค่าน้ำ ค่าไฟ  จึงอาสาช่วยงานที่บ้านแทน  และเขาก็แค่อยากหาใครสักคนมาเป็นเพื่อน  ใบหน้าแจ๊กสันก็ลอยมาคนแรกเสียด้วย  หนุ่มตาตี่หน้าหวานจึงเอ่ยปากชวน




     

    อ่า.... ตกลงเลย  พอดีที่คณะมีการบ้านให้หาข่าวจากหนังสือพิมพ์เยอะด้วย จะได้ประหยัดตังค์  ประหยัดเวลา  ไม่ต้องซื้อ  หรือรอคิวหนังสือพิมพ์เข้าใหม่ทุกวันที่ห้องสมุด หุ หุ   ถึงจะเห็นแก่การอ่านหนังสือพิมพ์ฟรี แต่จริงๆแล้ว ก็มีข้อดีอีกอย่างคือได้มีโอกาสใช้เวลาใกล้ชิดกับยองแจมากขึ้น  โดยไม่กระทบชีวิตประจำวันอื่นๆ แล้วจากนั้นก็จะได้....

     


     

    "แจ๊กสันยิ้มอะไรครับ?  ทำไมทั้งที่วันนี้เป็นวันหยุดถึงตื่นเช้าขนาดนี้หล่ะ  แถมยังอยู่ในชุด เอ่อ...แบบ......" ยองแจก้มหน้าเขิน เพราะเอี้ยมหมีของแจ๊กสันไม่ได้ใส่เสื้อยืดข้างใน มันจึงค่อนข้างโชว์เนื้อหนัง กล้ามแขนใหญ่ขาว และไหล่แน่น คอหนา ดูแมน ดูหล่อ  ดูดีจนร่างบางไม่กล้าจ้องนาน

     


     

    "อ่อ... เปล่า  ....เอ่อ  ยิ้มเพราะดีใจที่เจอนายไง  ขี่รถจักรยานดีๆหล่ะ  เดี๋ยวจะไปหาที่คณะพรุ่งนี้นะ  วันนี้ขอเคลียของในบ้านต่อก่อน  บายบายครับ"แจ๊กสันยิ้มยืนส่งให้ยองแจขี่รถออกไปจนสุดสายตาก่อนจะกลับไปเก็บขยะในบ้านต่อ

     


     

    "โยนไม้ขีดเข้าไปก้านเดียวก็จบป่าววะ..?." รอยยิ้มหน้าบานเมื่อครู่พลันหายแว๊บ เมื่อเขาหันหน้ากลับมาเผชิญความจริงแจ๊กสันยกแขนขึ้นปาดเหงื่อมองกองถุงขยะสีดำที่สุมอยู่ข้างรั้วสลับกับมองเข้าไปในบ้าน  ที่ไม่ว่าจะเดินเข้าออกกี่ครั้งก็ยังเห็นขยะ  ขยะเต็มไปหมดเลยยย  ฟัคคคคค !!  T^T

     


     

    สองสัปดาห์ต่อมา

     


     

    ค่าจ้างส่งหนังสือพิมพ์มันก็ไม่ได้มากมายอะไรนัก  แต่กลับทำให้แจ๊กสันจดจ่อกับการตื่นแต่เช้ามืดเพื่อไปทำงานนี้  เพื่อจะได้พบใครบางคน  ตอนแรกเขาใช้กระเป๋าเป้ใบใหญ่คล้ายถุงซันตาคลอส สีน้ำตาลของทางร้านสะพายข้างวิ่งจ๊อกกิ้งส่งหนังสือพิมพ์  ตามรถจักรยานส่งนมของยองแจไป ศึกษาเส้นทางตามบ้านลูกค้าไป  แต่แจ๊กสันสามารถส่งหนังสือพิมพ์เสร็จก่อนจักรยานของยองแจจะวนได้ทั่วบ้านลูกค้าเสียอีก  พอทำไปทำมาตอนหลังแจ๊กสันจึงเป็นคนขี่จักรยานส่งนมซะเอง  โดยมียองแจนั่งซ้อนท้ายคอยวิ่งลงไปวางขวดนมกับหนังสือพิมพ์หน้าบ้านแต่ละหลังเป็นการประหยัดเวลา   จนตอนหลังพวกเขาจัดชุดหนังสือพิมพ์กับนมมัดไปด้วยกันเลย  แล้วแจ๊กสันมีหน้าที่ขี่จักรยานเข้าไปใกล้ๆตัวบ้าน  แล้วยองแจมีหน้าที่ โยน บ้าง ขว้างบ้าง หย่อนคู่หนังสือขวดนมลงตาม หัวเสา ประตูบ้าน สนามหญ้า  ตามแต่ละบ้านจะจัดที่ไว้  บางวัน บ้านไหนไม่ได้ผูกสุนัขให้เรียบร้อยก็จะเหนื่อยหน่อย  ต้องปั่นจักรยานหนี สี่คูณร้อย




     

    งานพิเศษนอกจากจะสนุก  ได้ออกกำลังกาย  ได้ใกล้ชิดกับยองแจแล้ว  ผมยังได้กำไรอีกอย่างคือ  ทุกๆวัน ระหว่างทางของแต่ละบ้านที่มีระยะห่างกัน   ยองแจจะอ่านพาดหัวข้อข่าวเศรษฐกิจจากหนังสือพิมพ์แต่ละปกที่เราส่งกันให้ผมฟัง   หัวข้อที่ผมเห็นว่าน่าสนใจ  ผมก็จะขอให้ยองแจอ่านรายละเอียดด้านในให้ฟังอีกที  บางทีก็ขอความเห็นจากเขาในฐานะของคนทั่วไป  หลายงานผมไม่ต้องเสียเวลาถามคนอื่นเลย  ใช้ยองแจนี่แหละเป็น subject แล้วบางทีก็ผลัดกัน  ยองแจมีร้องเพลงให้ผมฟัง เพราะบ้าง ไม่เพราะบ้าง  เขาบอกว่ามันเป็นการวอร์มคอ  บางทีเขาก็มาซ้อมพรีเซ้น  เล่านิทาน อะไรที่เป็นงานเป็นการ  มักจะถามผม  เพราะเขาบอกว่าเพื่อนในคณะไม่มีใครทนฟังเขาได้เลย  มีผมคนเดียวที่ทนฟังเขาได้ (จริงๆแล้วบางทีผมก็ไม่ได้ฟังหรอกครับ  เพราะยองแจพูดน้ำไหลไฟดับมาก  หัวเราะทีเสียงดังมากขี้หูผมนี่เต้นระบำเลย  แต่ผมทนได้เพราะแค่มองหน้าเขา  ก็รู้สึกว่า โลกนี้ทำไมสดใสจังน๊า  อิอิ)  ถ้ามันเป็นแบบนี้ต่อไปเรื่อยๆคงจะดีใช่ไหมหล่ะครับ....

     


     

    แล้ววันมหาวิปโยคก็มาถึงจนได้   เมื่อพวกเรา 3 คนต้องหยุดงานพิเศษทั้งหมดทั้งหลายเพื่อมาเก็บตัวเข้าแข่งขันบาสเกตบอล ประเพณีเฟรชชี่ 4 เส้า ระหว่าง มหาวิทยาลัย YG  SM CUBE และ JYP ที่จะจัดขึ้นเป็นประจำทุกปีในช่วงฤดูหนาวของภาคเรียนสุดท้ายของปีการศึกษา  หลังจากที่รุ่นพี่จบการแข่งขันใหญ่ระดับประเทศมา  ง่ายๆก็คือเป็นการหาดาวเด่นเข้ามาแทนพี่ๆที่กำลังจะจบการศึกษาออกไป  จึงเป็นแมทซ์ที่สำคัญสู่การเป็นตัวจริงของน้องใหม่ปี1 อย่างพวกเรามาก  แล้วมันก็ยังตรงกับช่วงสอบปลายภาคของนักศึกษาภาคปรกติอีก   เพราะพวกผม 3 คนไม่ได้เรียนในคณะเกี่ยวกับกีฬา  จึงไม่ได้รับการยกเว้นที่จะต้องเข้าสอบเหมือนนักศึกษาทั่วไป  แล้วศึกนี้มันยังเหมือนกับเป็นศักดิ์ศรีของมหาวิทยาลัยที่อยู่ในย่านเดียวกันแบบนี้  พวกรุ่นพี่และโค๊ช ต่างก็คาดหวังในตัวพวกเราเป็นอย่างยิ่ง (โคตรจะกดดันมากจริงๆครับ)

     


     

    ปี 1 ตัวจริง  6  คน ต้องกินนอนอยู่ที่โรงยิม  ซ้อมตามตารางที่วางไว้ตลอดเวลา  แต่ละคนมีรุ่นพี่เป็นบัดดี้ดูแล ฝึกสอนควบคุมส่วนตัวเป็นพิเศษ และจะปล่อยให้ออกไปข้างนอกได้เฉพาะตอนสอบเท่านั้น   พวกเราต้องถูกริบเครื่องมือสื่อสารทุกชนิด (ตรงนี้ไม่ค่อยเป็นปัญหาเพราะพวกผมไม่มีตังซื้ออุปกรณ์พวกนี้อยู่แล้ว) งดการติดต่อ ตัดขาดกับโลกภายนอก  รุ่นพี่คนอื่นๆในชมรมที่ไม่ได้เป็นพี่บัดดี้จะต้องปลอมตัว เข้าเรียน อัดเทป จดแล๊คเชอร์  ทำควิซ  ทำแล๊ป ส่งข้าว ส่งน้ำให้แทน งานนี้ไม่รู้ว่าคะแนนของผม  มาร์ค และแบมแบม จะดีขึ้นเพราะได้รุ่นพี่เข้าเรียนให้  หรือแย่ลงเพราะ พี่ๆไม่มีใครเรียนคณะยากๆอย่างพวกเรา 3 คนก็ไม่รู้สิครับ  

     


     

    แบมแบมได้ บัดดี้เป็นพ้อยการ์ดอันดับ 1 จากการจัดอันดับพ้อยการ์ดระดับมหาวิทยาลัยปีล่าสุด ในการแข่งขันบาสเกตบอล กีฬามหาวิทยาลัยแห่งชาติ ที่เพิ่งผ่านมา  คือพี่ นิชคุณ ปี 4  ส่วน แจ๊กสัน ก็ไม่น้อยหน้า ได้บัดดี้เป็นพี่ อูยอง ปี 4 สมอลฟอเวิร์ด ที่เป็น MVP (ผู้เล่นทรงคุณค่า) ของการแข่งล่าสุดมาเหมือนกัน พี่สองคนนี้มีแมวมองเข้ามาจีบไปเล่นลีคอาชีพตั้งแต่อยู่ปี 2 เป็นนักกีฬาที่มีประสบการณ์ และพรสวรรค์อย่างมาก  ส่วนมาร์ค ได้บัดดี้เป็น พี่เจบี ปี 2 เพาเวอร์ฟอเวิร์ด ที่เป็นตัวจริงตั้งแต่ปี 1 จนถึงปัจจุบัน  ถึงพี่เขาจะไม่ได้ MVP แต่ก็เป็นผู้ที่ทำคะแนนได้เยอะที่สุด ในนัดชิงชนะเลิศล่าสุด สดๆร้อนๆ

     


     

    .....

     


     

    ทุกคนว่า มันสมเหตุสมผลดีใช่ไหมครับ? ตอนนี้มาร์ค  ต้วนสุดหล่อกำลังหงุดหงิดกับทุกเรื่องตรงหน้า  ก็ยอมรับว่าโมโหผลควิซ ที่พี่ซองจิน (ตัวสำรอง ปี 2 คณะวิทยาศาสตร์) เข้าไปสอบแทนให้  แล้วได้ 1 เต็ม 10  มาครับ  คิดว่าอาจารย์คงปราณีให้ค่าเขียนชื่อมาตั้ง 1 คะแนน อ่อ ทุกคนไม่ต้องสงสัยนะครับว่าทำไมอาจารย์ถึงจับไม่ได้ว่ามีคนเข้าแทน  เพราะคณะแพทย์ของ มหาวิทยาลัยเราต้องไปฝากเรียนกับคณะแพทย์มหาวิทยาลัยโซล ครับ  ใช้อาจารย์ แล๊ป โรงพยาบาล ที่นั่นเรียนช่วงปีต้นๆ  แล้วปีท้ายๆพอแยกภาค เข้าคลินิก  ฝึกงานค่อยกลับมาฝึกกับโรงพยาบาลของเราเอง  ดังนั้นอาจารย์ที่นั่นจำนักศึกษาได้ไม่ทั้งหมดหรอกครับ  เท่านั้นยังไม่พอ  ไอ้พี่เจบีที่เป็นพี่บัดดี้ผม  ไม่รู้ผมไปเหยียบเงาพี่มันตอนไหนถึงได้ตามจองเวรผมตลอดการเก็บตัวขนาดนี้  ผมฝึกตามตารางที่โค๊ชให้มาครบแล้ว ทั้ง วิ่ง สก๊อทจั๊ม เวทเทรนนิ่ง สตามิน่า  สปีด  ซ้อมเลี้ยง ซ้อมชู๊ท ซ้อมปะทะ สารพัด ไม่ได้หยุด  มันก็ยังไม่พอใจ  ทำไมไม่เห็นเหมือน แจ๊กสันกับพี่อูยองเลยอ่ะ   สองคนนั้นซ้อมกันน่าสนุก  หัวเราะคิกคัก  เสียงดัง  มีแหย่คนนั้น คนนี้ รอบๆด้วย  ไหนจะแบมแบมกับพี่นิชคุณอีก  ซ้อม ชั่วโมง พัก สองชั่วโมงได้  มีสอนทฤษฎีมีบรรยาย  มีสอนแผน  นั่งดูวีดีโอ  มีผมนี่หล่ะที่ซ้อมใช้แรงงานไถนาอยู่คนเดียว  แล้วอย่างงี้ผมจะเอาแรงที่ไหนไปแข่งซ้อมรอบเย็นแบบฟูลทีมอีกหล่ะครับ  ...เขี้ยวเข็น ใส่อารมณ์กับผมอย่างกับว่าผมเคยไปแย่งแฟนพี่มายังไงยังงั้น ..... แฟน..พี่.. เอ่อ....จริงสินะ  เนียร์.... ปีสอง นิเทศน์ฯ  คนที่พี่เจบีสุดโหดไม่กล้าขึ้นเสียง  ...หรือพวกเขาจะมีอะไรกัน...เหรอ?




     

    "มาร์ค ต้วน  ดูนายยังเหลือแรงอยู่นะ  ไปซ้อมรีบาวน์กับพี่แท๊คยอนต่อละกัน  ชั้นจะไปสโมฯ หน่อย (สโม = สโมสรนักศึกษา) " เจบีจับผ้าขนหนูพาดบ่า ทำหน้าตึงๆ แล้วเดินออกไปโดยไม่ฟังคำตอบ  ทิ้งให้มาร์คต้วนมองตามตาเขียว แล้วกัดริมฝีปากอย่างขัดใจ

     


     

    "อยู่ๆจะไปสโมฯ  ไปทำไม? .... เอ้ยยยยยยยยย เอี้ยแล้วไง"  มาร์ค เพิ่งนึกได้ว่า เนียร์  หรือ จูเนียร์ ของเค้าทำงานอยู่สโมฯ ด้วยนี่นา  หรือว่าไอ้พี่เจบีหน่ะ  จะไปหาคนของเขา  

     


     

    พวกเขาหน่ะ  อยู่ๆหลังจากซ้อมเสร็จเมื่อเย็นวันศุกร์ ก็ถูกพวกรุ่นพี่ล้อมกรอบ ล๊อกโรงยิม  แล้วก็กักตัวไว้ในโรงยิมให้กินนอน อาบน้ำ ซ้อมที่นี่ตั้งแต่วันนั้น   เขาเข้าใจนะว่าการแข่งนัดนี้มันสำคัญยังไง  และเต็มใจซ้อมเต็มที่  ทำทุกวิถีทางสุดความสามารถ เพื่อคว้าชัยชนะให้ได้  แต่เล่นทำอะไรกะทันหันแบบนี้  พวกเขายังไม่ทันได้ไปเคลียกับ คนที่กำลังตามจีบอยู่เลยนี่สิ  แค่รบกวนพี่ซองจินไปบอกขอพักเรื่องงานพิเศษแค่นั้น  พวกนั้นต้องไม่เข้าใจแน่ๆ  แต่จะฝากพี่ซองจินไปอธิบายโดยละเอียด  พี่แกก็พูดภาษามนุษย์ไม่ค่อยเข้าใจเสียด้วยสิ




     

    พอพี่เจบีออกจากโรงยิมไป  พี่นิชคุณ สุดหล่อ  เทวดาของทีมบาส JYP ก็เรียกผม เข้าไปนั่งกับแบมแบม  พี่เขาเปิดการแข่งขันนัดที่เจอกับทีม YG ให้ดู  บอกว่าถึงเราจะไม่ได้แข่งกับตัวจริงพวกนี้  แต่รุกกี้ เฟรชชี่ของ YG หน่ะ ก็ผ่านมือโค๊ชคนเดียวกัน  น่าจะมีแผนการเล่นคล้ายๆกันให้ศึกษาไว้  ส่วนพี่อูยอง  คงเมาส์กับแจ๊กสันจนไม่เหลือเรื่องอะไรให้คุยแล้วพี่เขา จึงปล่อยมันมานั่งกับพวกผมอีกคน  จากนั้นพี่อูยองก็เดินตามพี่นิชคุณ ออกไปสูดอากาศข้างนอกกัน




     

    ....




    ....




    ...




    อยู่ๆก็เกิด เดท แอร์  พวกเรา 3 คนเงียบกันสนิท ก่อนจะถอนหายใจออกมาพร้อมกันโดยไม่ได้นัดหมาย




    "เฮ้อออ..." X 3




    "หิวขนมหวานโว้ย" แบมแบมพูดขึ้นก่อน  ร่างผอมในชุดเสื้อบาสทับเสื้อยืดแขนสั้น  ใส่กางเกงบาสพร้อมกางเกงไทด์สีดำข้างใน ดูทมัดทะแมง ลุกขึ้นยันเก้าอี้พับที่อยู่ตรงหน้าล้มโครม  ทำลายความเงียบ (ทีอยู่ต่อหน้าพี่คุณทำเป็นเรียบร้อยเชียวนะ แหม่)




     

    "หิวขนม  หรือหิวคนทำขนมวะแบม  ไปทำงานพิเศษที่ร้านเขาตั้ง 3 เดือนแล้วหนิ  ได้กินคนทำขนมยังหล่ะ?" แจ๊กสันแซวแบมแบม จนแก้มขึ้นสี  ถึงแบมแบมจะดูค่อนข้างตัวผอมบางแต่ก็มีกล้ามเนื้อ  แถมยังสูงกว่าเขา  แล้วเด็กคนนี้ก็แมนเต็มที่ 100เรื่องม่อหญิง ปากมอม  เป็นที่เลื่องลืออยู่ในสายเลือดสีเลือดหมู ของชาววิศวะอยู่แล้ว  ต้องลองหยั่งดูเพราะมีแบมแบมน่าจะเปอเซนต์หาแฟนได้สำเร็จสูงกว่าเขา




     

    "...ยังหรอกฮยอง  อยากจับม้วนๆยัดใส่ปากมากกกกกก  แต่ได้ชิมนิดหน่อยแล้วนะ ฮุ  ฮุ" แบมแบมพูดตาเยิ้ม  หัวเราะลอยๆ เพ้อๆพร้อมกับน้ำลายไหล  เมื่อนึกถึงกลิ่นหอมหวาน ของขนมจากตัวเด็กยูคยอม  แก้มนุ่มนิ่มฟูเต็มฟอด  ริมฝีปาก สีสวย  ลื่นหยุ่น เหมือนเยลลี่  โอ๊ะ  แบมยังไม่ได้เล่าให้ฟังต่อสินะครับ  เรื่องวันนั้นหลังจากที่ยูคยอมเป็นลม แล้วฟื้นขึ้นมาในสวนหย่อมหลังร้านนั่นหน่ะ




     

    "คุณอาบอกให้นายพักต่อไม่ต้องไปช่วยในครัวแล้วนะครับวันนี้" แบมแบมเสยผมหน้าม้าของยูคยอมขึ้นอีกที แล้วก็ใช้ผ้าเช็ดหน้าที่พกมาซับเหงื่อตามไรผมน้องให้  โดยยื่นหน้าคม หล่อน่ารักเข้าไปใกล้ๆ เล่นเอาพ่อครัวฝึกหัดตัวใหญ่เขิลยิ้มแก้มแทบฉีก เท่านั้นยังไม่พอ  แบมแบมยังควักพายเบอร์รี่ เจ้าสตอเบอรี่สีขาวลูกอ้วนกลมฉ่ำขึ้นมาล่อหน้าล่อตาเชฟขนมหวานฝึกหัด  ให้เด็กยักษ์ร้องว๊าวว  เบิ่งตาเป็นประกาย   มองตามของในมือเขาอย่างไม่ปิดบัง




     

    เพราะเจ้าพายเบอรรี่นั้นเป็นวัตถุกิบหายาก ราคาแพงที่พ่อครัวขนมหวานทุกคนปรารถนาจะลิ้มลอง  แล้วยูคยอมก็ไม่เคยทานผลที่มันสวย ใหญ่ อวบ สภาพดีแบบนี้มาก่อน  ทำให้เขาลอบกลืนน้ำลายไปหลายที  ซ้ำตอนนี้เขาคงไม่รู้ตัวว่าดวงตาที่มองเจ้าสิ่งนั้นมันเหมือนลูกหมาตาละห้อยน่ารักขนาดไหน




     

    แบมแบมสังเกตปฏิกิริยาของยูคยอมอยู่ก็แอบอมยิ้มแล้วนึกแผนชั่วร้ายขึ้นมาทันใด  หนุ่มน้อยค่อยๆเอาฟันสวยกัดขั้วสีเขียวของพายเบอรี่ออก แล้วใช้ริมฝีปากอวบเต็มของตน คาบผลสตอเบอรี่สีขาวนั้นไว้ พร้อมทำท่าคุกเข่าลงตรงหน้าน้อง แล้วยื่นหน้ายื่นปากส่งเจ้าสิ่งนั้นให้ยูคยอม




     

    เด็กยักษ์เกร็งนิ้วจิกผ้ากันเปื้อนที่อยู่บนหน้าตักของตัวเองจนแน่น  อยากกินก็อยาก  เขิล ก็เขินมาก  ตอนนี้หัวใจเต้นแรงไปอีก ยิ่งกว่าดีดกาแฟ 5 แก้วใน 1 วัน   รู้สึกร้อนที่แก้มยิ่งกว่ามัฟฟินอันที่มันเพิ่งออกจากเตาใหม่ๆเสียอีก  งืออออ  ทำยังไงดี




     

    "โอ๊ะ ไม่นะ!!"  ยูคยอมร้องออกมาเสียงดังเมื่อแบมแบมแกล้งกัดผลสตอเบอรี่สีขาวที่อยู่ในปากของเขาเข้าไป  แล้วยังทำหน้าฟินเยอะเย้ยอีก




     

    วัยร้ายเชื้อสายไทยยังไม่หยุดแค่นั้น  แบมแบมควักผลไม้อันเดิม มาทำแบบเดิมต่อ  รอบนี้มีการห่อปากจู๋ ระหว่างที่คาบมันยื่นส่งให้ยูคยอมไปด้วย  แก้มพอง เนียนใส กับริมฝีปากที่ไม่เหมือนใครของแบมแบม จะว่าน่ารักไปก็ใช่  หรือจะว่าหล่อไปก็ใช้ได้ทั้งสองอย่าง ยูคยอมเริ่มหายใจติดขัด แต่ก็เริ่มก้มตัวลงมารับโดยไม่รู้ตัวเข้าแล้ว




     

    สมกับเป็นวัตถุดิบชั้นเลิศ  กลิ่นของมันเมื่อโดนบดเคี้ยว ยิ่งส่งความหอมหวานออกมามากขึ้น  จมูกโด่งคมสวยของยูคยอมก็ยิ่งโน้มต่ำลง ต่ำลง มากขึ้น




     

    แบมแบมยิ้มพอใจแล้วก็เคี้ยวเจ้าสอตอเบอรี่สีขาวต่ออย่างน่าหมั่นไส้  ทำเป็นไม่สนใจ  จนน้ำใสๆเอ่อท่วมดวงตากลมหวาน ของคนที่นั่งอยู่ด้านหน้า ปานถูกรังแกจนร้องไห้




     

    "นี่อาจจะเป็นลูกสุดท้ายแล้วนะ  เมื่อเช้าอาจุมม่าในตลาดแถมมาแค่นี้" หนุ่มไทยใจซื่อ ชื่อแบมแบมทำทีเสียดาย แต่ก็ไม่วายกัดขั้วแล้ว ทำเป็นส่งเจ้าผลเบอรี่ทางปากต่อ




     

    รอบนี้เขาไม่ต้องค้างอยู่ในอากาศนาน  เป้าหมายเด็กยักษ์แก้มกลม อมชมพูรีบพุ่งมาหมายจะงับเจ้าผลพายเบอรี่  ที่รอบนี้แบมแบมยอมให้  แต่ด้วยความไม่ประสีประสาอะไร ขณะที่ยูคยอมพยายามใช้ฟันงับ  แบมแบมก็ดันเจ้าผลไม้ที่ปากเขา เข้าปากน้องไป พอสัมผัสของผลไม้แตะเข้าที่ฟัน ยูคยอมก็เผลอเปลี่ยนมาดูดปากรับ  แล้วริมฝีปากทั้งสองเลยได้ประกบ  จุ๊ฟ กันในที่สุด




     

    "เป็นแฟนกัน(ต์)นะ" คำของ่ายๆ ออกมาจากปากคนตรงหน้าที่ยิ้มอ่อนโยนให้  แววตาของแบมแบมดูชัดเจน  จริงใจ ไม่ได้ล้อเล่น  ตอนนี้หัวใจในช่องออกของยูคยอมมันเต้นรัวจนแทบจะระเบิด  ไม่รู้จะตอบกลับไปยังไง  เพราะไม่เคยเจออะไรแบบนี้มาก่อนในชีวิต 




     

    "ไม่ต้องรีบตอบตอนนี้ก็ได้นะ  เดี๋ยวจะมาเอาคำตอบทีหลัง   .......แต่......แบมแบมชอบยูคยอมนะครับ"  ไม่พูดเปล่า ริมฝีปากอุ่น ประทับจูบลงมาที่แก้มหอมนุ่ม  พร้อมสูดลมหายใจอีก สองฟอดใหญ่ ก่อนจะขอตัวกลับไปเรียนต่อแบบเท่ห์ๆ  โดยที่ตัวเองพอเดินพ้นเขตร้านขนมก็รีบวิ่งไม่คิดชีวิตกลับบ้านด้วยความตื่นเต้น  นี่หัวใจของแบมแบมเองก็แทบจะกระเด็นออกจากช่องอกมาเต้นเร๊ป จัสไรท์ สามร้อยห้าสิบรอบ ใน 1 วินาทีแล้วนะ   เขิลหว่ะ  แต่ก็ทำไปแล้ว




     

    "ต้องให้เวลาน้องเขาหน่อย   อ๊าคคคคคคคคคคคคค  อยากเจอ  ใจจะขาดแล้วเนี่ย" กลับมาที่ปัจจุบัน กันต์พิมุกต์คนแมนได้เล่าให้สองสหายฮยองฟังอย่างกระหยิ่มยิ้มย่อง  แจ๊กสันได้แต่กรอกตาอิจฉา ทำปากขมุบขมิบ  ส่วนมาร์คต้วนนั้น เอาผ้าขนหนูพันหน้า พันคอตัวเองตายไปแล้ว





    .....



    "อยากกินนม  แล้วก็อยากอ่านหนังสือพิมพ์ด้วยแจ๊กสันโวยวายขึ้นมาบ้าง  ซึ่งก็ได้รับรอยยิ้มยียวนตอบกลับมาจากแบมแบมอย่างรู้กัน  เพราะแน่นอนว่าระหว่างที่แบมแบมไปจ่ายของในตลาดให้กับที่ร้านขนมหวานตอนเช้า  บางทีเขาก็สวนกับแจ๊กสันที่ขี่จักรยานส่งนมและหนังสือพิพม์พ่วงใครอีกคนก็ไม่รู้ที่ชอบส่งเสียงดัง แล้วก็หน้าตาน่ารักใช้ได้มาด้วยกันเป็นประจำ   ไอ้คุณแจ๊กสันฮยองของเค้านี่แบบ ยิ้มมมม ยิ้มมาก อารมณ์ดี ดีมากกก หน้าบาน บานมากกกก ทุกเช้าที่ได้เจอ  หรือว่าแจ๊กสันฮยองอาจจะก้าวหน้ากว่าเขาก็เป็นได้  ไม่ได้การหล่ะแบมแบม ต้องหลอกถามความคืบหน้าของฮยองบ้าง

     


    "อยากกินนม  หรือ กินเด็กส่งนมกันแน่ฮยอง" แบมแบมทำท่ายักคิ้ว  ไม่รู้ได้ความกวนบาทามาจากใคร  แจ๊กสันยิ้มกว้างอย่างถูกใจ  แล้วปัดเก้าอี้ข้างๆอัญเชิญแบมแบมมานั่งฟังเขาสาธยายอย่างใกล้ชิด

     


    "ก็ไม่เท่าไหร่นะ  แค่ทุกเช้าหน่ะจะมีคนซ้อนท้ายจักรยาน  กอดเอว ซบหลัง อิ๊ อ๊างค์  อะไรแบบนี้ (ทำท่าประกอบด้วยการกอดแบมแบม ดิ๊ด๊า น่าหมั้นไส้โชว์ว่ายองแจทำกับเขายังไง  มี กอด มีไซร้ โอเวอร์ จนแบมแบมขนลุก ต้องถอกศอกใส่ด้วยความรังเกียจเป็นพัลวัน )  วันไหนที่ส่งหนังสือพิมพ์เสร็จเร็ว ก็จะปั่นจักรยานไปบนเนิน อ่างเก็บน้ำหลังมหาวิทยาลัยที่มีต้นเชอรี่ บอซซั่ม ยืนต้นปลูกเป็นแนวสีชมพู ยาว พอโดนลมพัดก็เหมือนกลีบดอกซากุระ โปรยปลิวราวกับละอองหิมะสีชมพู  ค่อยๆทิ้งกลีบบางลงมาเต็มสองข้างทาง  ประหนึ่งคู่รักในมิวสิกวีดีโอ  เสร็จแล้วก็ไปนั่งปูเสื่อ ปิ๊คนิค กินข้าวเช้ากันสองคน  โรแมนติกสุดๆ แล้วค่อยเข้าเรียน แต่ถ้าวันไหนไม่มีเรียนเช้า บางทีก็นอนเล่นแถวนั้นกันถึงบ่ายไปเลย " แจ๊กสันค่อยๆเล่าช้าๆ อย่างภูมิใจ  ถึงเรื่องของเขาจะค่อยเป็นค่อยไปไม่มีอะไรตื่นเต้น หวือหวา แต่มันก็อิ่มในใจเวลาที่นึกถึง  อาหารเช้าฟรี  เอ้ยไม่ใช่  หน้าหวานๆของยองแจสิ

     


    "เชอะ !! แค่ไปรับไปส่ง  ทำงานพิเศษด้วยกันยังไม่เท่าไหร่  ไม่ต้องยิ้มใหญ่ขนาดนั้นหรอก เพื่อนแจ๊กมาร์คที่นิ่งเงียบมานานพูดขึ้นบ้าง  ก่อนหน้านี้ทำเป็นสนใจวีดีโอที่พี่คุณเปิดไว้ให้  แต่จริงๆแล้วหูผึ่งฟังทั้งสองคนคุยกันอยู่ตั้งแต่ต้น  เรื่องของแบมแบมว่าเสี่ยว น้ำเน่าแล้ว  เรื่องของแจ๊กสันนี่ก็น่าแหวะไม่แพ้กัน (คืออิจฉาแต่ต้องวางฟอร์ม)  มาร์คทำเป็นเอาผ้าขนหนูคลุมศีรษะตัวเอง  ซับเหงือ ซับหน้า ด้วยท่าทางหล่อๆ เหลือๆ  เหนือๆ อะไรแนวนั้น

     


    "อ๊ะ  ที่มาร์คฮยอง กลับบ้านมืดๆค่ำๆ ดึกๆดื่นๆนี่ มีอะไรดีๆแอบซ่อนไว้เหมือนกันใช่ไหมล่า!!?" แบมแบมนึกขึ้นมาได้แล้วชี้นิ้ว แกล้งกระแซะแจ๊กสันฮยองให้ช่วยกันแซวคนพี่  ซึ่งแจ๊กสันก็รับมุกอยากรู้อยากเห็นขึ้นมาด้วยอีกคน  ก็มาร์คหน่ะพักหลังดูลึกลับจริงๆ กลับมาดึกหลังจากที่พวกเขาเข้านอนกันไปแล้ว ด้วยต้องตื่นมาทำงานตอนเช้ามืดกัน  ช่วงหลังเลยไม่ค่อยได้คุยกัน


     

    "ผมเป็นใครครับ  ...ธรรมดาที่ไหน  ไม่อยากจะคุยมาร์คยิ้มอวดเขี้ยวหล่อทำท่าเสยผม  แล้วหันมาวิ้งให้เพื่อน กับน้อง ที่สนองตอบด้วยรีแอ๊กชั่น การแกล้งอาเจียน แหวะ โห่ ฮา กันระงม   แต่เขาก็ไม่สน  เพราะดูยังไงเขาก็น่าจะเหนือกว่า  ....ก็เขาหน่ะได้เข้าไปนอนในห้องเดียวกันกับคนที่ชอบเชียวนะ  จูเนียร์ คนน่ารักที่ไมระมัดระวังตัวเลย  ทั้งขี้แกล้ง  ขี้ยั่ว  ที่หนึ่ง  ...ใกล้ชิดกว่า แบมแบม กับยูคยอม  หรือแจ๊กสันกับยองแจตั้งเยอะ  ...แต่กิจกรรมของพวกเขามีอะไรมั่งหล่ะ  ไม่นั่งอ่านหนังสือก็นอนหลับ ให้เนียร์ถ่ายรูป  วันๆพูดกันนับคำได้เลยมั้ง  ที่ผ่านมามัวทำอะไรอยู่เนี่ย... ได้ใกล้ชิดขนาดนี้แล้วแท้ๆ  คู่แบมแบมได้จุ๊ฟกันขอเป็นแฟนแล้ว   คู่แจ๊กสันก็ได้กอดเอว ซบไหล่ สกินชิพ ไปกินข้าวเช้าด้วยกันทุกวัน  มันก็เหมือนคนเป็นแฟนกันแล้วไหม   ส่วนคู่ผมนั้น  ได้แต่มองกันไปมา  เอาจริงๆผมชอบเขามากเลยนะ  รูปร่าง  หน้าตา นิสัย  ทุกอย่างที่เป็นจูเนียร์  ออดอ้อน  น่าหลงไหล  น่าร๊ากกก  นัวเนียยิ่งกว่าแมว  จนมาร์ค ต้วนคนนี้ต้องกลั้นใจ  ระงับสติอารมณ์ไม่ให้เตลิดไปไกลถึงไหนต่อไหนอยู่หลายครั้ง  ทั้งที่จริงๆอยากจะกระชากมา จับกด ย่ำยี  ขย้ำขยี้ลูกพีช  แล้วก็ XXXXxx ให้หนำใจ  ฮืออออ ฮ่าห์ ...แต่เอาเข้าจริงก็ป๊อด แหละครับ  ผมยังไม่ดีพอสำหรับเขา  เราต่างกันเกินไป 

     


    "คุยมั่งก็ได้หน่ะมาร์ค  เดี๋ยวหมาคาบไปรับประทานจะหาว่าเพื่อนไม่เตือนนะ" แจ๊กสันเดินเข้ามาใช้สองมือจับหน้าผม แล้วบังคับหันไปทางประตูโรงยิม คือที่ๆพวกเรานั่งอยู่ตอนนี้ เป็นม้านั่งข้างสนาม 3 (ในโรงยิม มีสนามบาส 4 สนาม  หมายเลขสนามเรียงตามเข็มนาฬิกา  มีประตูเข้าออกทางเดียว คือด้านหน้า สนาม 1)

     


    นั่นมัน!!.......  จูเนียร์ หนุ่มหล่อหน้าหวานใส วันนี้มาในชุดนักศึกษา เสื้อเชิตสีขาวแขนยาวพอดีตัว กับกางเกงแสล๊กสีดำ เน้นสัดส่วน  ( พี่ต้วนคิดไปเองแล้ว -ก็กางเกงนักศึกษาธรรมดาๆนี่แหละค่ะ)  กำลังเดินยิ้มมากับไอ้พี่เจบี  นาทีนี้คนหล่อไม่พอใจอย่างแรงนะครับ   ตั้งแต่โดนกักขังหน่วงเหนี่ยว จากวันศุกร์ที่แล้ว ถึงวันพุธนี้ก็ 5 - 6 วันแล้ว ที่ไม่ได้คุยกัน  คิดถึงนะคุณ...

     


    "มองอะไรมาร์ค ต้วน  ใครให้นั่งพัก" พี่เจบีหน้าเหี้ยม ตะโกนข้ามสนามมาเลยครับ  เสียงแมร่งดังจริง  ผมจะแกล้งทำเป็นไม่ได้ยินก็ไม่ได้ เพราะเกือบ 30 ชีวิต ในโรงยิมแห่งนี้หยุดทุกกิจกรรมหันไปทางพี่แก  แล้วก็หันมามองผมเป็นตาเดียว  ผมรู้สึกหน้าชาขึ้นมาทันที  โมโหมากนะ!!   ผมเลย.... ผมเลยต้องลุกขึ้นโค้งขอโทษพี่เขา  แล้วรีบวิ่งลงสนาม หาพวกเซนเตอร์ ที่ซ้อมรีบาวน์กับพี่แทคยอนกันใต้แป้นบาสทันทีครับ ...

     


    จูเนียร์ยังคงยืนคุยกับไอ้พี่เจบีต่อสักพัก ส่วนไอ้เพื่อนแจ๊ก กับ แบมแบมก็ทำเป็นชี้ชวนกันไปทางสองคนนั่น  แล้วก็หันมาส่งสายตาเย้ยหยันใส่ผม  จนผมไม่มีสมาธิฟังที่พี่แทคยอนสอน  เลยโดนศอกพ่อเซนเตอร์ร่างยักษ์ทั้งปี 1 ปี 2 และปี 4 ที่ซ้อมกันอยู่อัดไปหลายที  (นึกสภาพ ผม สูง 174 อยู่ท่ามกลาง เซนเตอร์ตัวควายๆ สูง 186 - 190 สี่ห้า คนสิครับ กระโดดแย่งลูกใต้แป้นกัน  ผมจะเอาอะไรไปสู้ ) เจ็บตัวแล้วยังโดนพี่เขาด่าซ้ำอีกว่าไม่ได้เรื่อง  เจ็บใจครับ  รันทดกว่าสุดหล่อคนนี้มีอีกไหมเนี่ย

     


    ผมคิดว่าคงต้องเอาชีวิตรอดไปจากตรงนี้ให้ได้ก่อน  เลยตั้งใจซ้อมดีกว่า  (เข้าโซน - ฮา ใครไม่รู้จักโซนลองอ่านคุโรโกะ นะคะ) พอตั้งใจซ้อมจริงๆ ผมก็ลืมเวลาไปเลยครับ  ร่างกายค่อยๆเคยชินกับการปะทะ  และสายตาค่อยๆมองเห็นการเคลื่อนไหว  จับจังหวะของเหล่าเซนเตอร์ที่เข้ามาแย่งลูก  การกระโดดของผมค่อยๆดีขึ้น  การหลบหลีกก็พริ้วขึ้นและรู้สึกเจ็บตัวน้อยลง  ผมจดจ่อไล่ตามลูกยางสีส้มนั่นอย่างบ้าคลั่ง  จนบอลมันกระเด็นออกนอกสนาม  ผมก็วิ่งไปเก็บแล้วสะดุด ชนเข้ากับบางสิ่ง

     


    "โอ้ย!!  ชนมาได้ไม่ดูตามาตาเรือ" เสียงหวานคุ้นหูดังขึ้น  ผมที่เก็บบอลได้แล้วโยนมันกลับเข้าไปในสนาม  แล้วยกมือโบกขอเวลานอกพี่เขาแป๊บหนึ่ง  ก่อนจะหันหน้าไปหาต้นตอของเสียง

     


    "เนียร์  เป็นอะไรมากไหมครับ  เจ็บตรงไหนบ้าง  ทำไมมายืนอยู่ตรงนี้" ผมรีบจับ แขนขา ร่างบางเพื่อสำรวจความเสียหาย  แต่คนตรงหน้าไม่ให้ความร่วมมือ สะบัดแขนกลับ  ทำท่าจะเดินไปทางอื่นด้วย ผมเลยรีบคว้าข้อมือเขาไว้

     


    "จะไปไหน  คุยกันก่อน  มาร์คคิดถึง..... " ซวยหล่ะ เผลอพูดอะไรออกไปเนี่ย   พอคิดได้ว่าที่พูดไปมันน่าอาย  ผมก็อายเลยครับ  ต้องรีบปล่อยมือ แล้วก้มหน้ามองปลายเท้าตัวเองทันที

     


    "(ก็มาหา) ...มาร์ค  เมินเนียร์  ....เมินเค้าทำไมอ่ะ?" เสียงหวาน (แอ๊กติ้ง) สั่นเครือ  จนหนุ่มหล่อชมรมบาสใจกระตุกวูบ  รีบเงยหน้ามองคนที่ตัวเองคิดถึงใจจะขาด  แต่ก็ไม่วายแอบมองหาศัตรูตัวฉกาจ  ไอ้พี่เจบีไปในตัว  มันยังอยู่แถวนี้ไหมเนี่ย....(ผมไม่ได้กลัวพี่เขานะ  สาบานได้ (จริงจริ๊งง -เสียงสูง)


     

    "มองหาใคร  เจบีมันไปตั้งนานแล้ว" จูเนียร์เอียงคอเชิดหน้า 45 องศาใส่

     


    "หะค่อยโล่งอก ... เอ๊ย  ไม่ใช่  ทำไมเนียร์มากับพี่เจบีอ่ะ  เป็นอะไรกัน" มาร์คซักไซ้ ทำเสียงดุใส่ร่างบางตรงหน้า  เผลอลืมตัวใส่อารมณ์หวงมากไปหน่อย

     


    "ไม่บอก  มาร์คจะอยากรู้ไปทำไม?" จูเนียร์ สะบัดบ๊อบ ดื้อใส่คนตรงหน้า  นี่ยังไม่ได้คิดบัญชีที่อยู่ๆหายไปไม่บอกเลยนะ

     


    "ก็เห็นยิ้มแย้ม ให้กันดี  .... อ๋อ.....เป็นแฟนกันเหรอ" มาร์คประชดประชันใส่

     


    "แล้วแต่จะคิด" ใบหน้าหวานบูดบึ้ง  ตอบกลับอย่างไม่ยอมแพ้

     


    "เนียร์อ๊า  ทำไมแกล้งมาร์คงี้หล่ะครับ มาร์คขอโทษที่พูดไม่ดีน๊า

     


    "แล้ว  เนียร์กับมาร์คเป็นอะไรกัน?" ร่างบางกัดริมฝีปากไม่พอใจ ไล่เค้นเอาคำตอบบ้าง

     


    "รุ่นพี่ รุ่นน้อง  เจ้าหนี้ ลูกหนี้  .... หรืออะไร?" สำหรับมาร์ค  เนียร์เป็นอะไร?

     


    "....."

     


    "มาร์ค ตอบไม่ได้ก็อย่ามาถามเนียร์เลย   ว่าเนียร์เป็นอะไรกับใคร!!" จูเนียร์กระแทกเสียง หมดความอดทนใส่  ความน้อยใจที่ไม่ได้รับการเอาใจใส่หลายวัน ประเดประดังเข้ามา  จนใบหน้าเริ่มแดง น้ำตาคลอขึ้นมาแล้ว


     

    พูดดิวะ  มาร์ค ต้วน ไม่ใช่ไม่รู้ใจตัวเองสักหน่อย  สอบแล๊ปกริ๊ง หรือ สอบปากเปล่ายังไม่ตื่นเต้น  ใจแกว่ง จะเป็นจะตายเท่านี้เลยนะ  หนุ่มหล่อจิกปลายเสื้อแน่น  หลุกหลิก อยู่ไม่สุขบอกตัวเอง

     


    "แล้วอยู่ๆหายไปเลย  6 วัน 5 คืน  เนียร์อยู่คนเดียว กินข้าวไม่ได้  นอนไม่หลับเลยนะ  คิดถึงมาร์ค .....พูดอะไรมั่งได้ไหม?" ใบหน้าหวานงอง้ำ  ริมฝีปากปากแบะบึน  ยืนร้องไห้ไม่ห่วงหล่อ  ต่อหน้ามาร์ค จนเขาทำอะไรไม่ถูก

     


    "ขอ...ขอโทษครับ   มาร์คจะชดใช้เวลาที่หายไปเพิ่มเป็น 2 เท่าก็แล้วกันนะ" ว่าที่คุณหมอผู้มาดมั่นไม่เคยหวั่นไหว  ทำไมอยู่ต่อหน้าคนคนนี้  กลับพูดตะกุกตะกัก ไปไม่เป็นทุกทีสิน่า

     


    (มาร์ค ต้วน!  เรียนตั้งคณะแพทย์ศาสตร์ก็ไม่น่าโง่นะ  เนียร์อุส่าห์อ่อยให้ขนาดนี้แล้ว  งี่เง่าที่สุด) แก้มกลมยิ่งพองลมขึ้น  ปากอิ่มสวยก็ยู่ยื่นขึ้น  คราวนี้เสียงสะอื้นของจูเนียร์ดังขึ้นจนคนแถวนั้นน่าจะได้ยิน 

     


    "ผม..เอ่อ..." มาร์ค คิดว่าคนอะไรร้องให้ ยังน่ารัก ขนาดงอลทำปากเป็ด ยังดูเป็นก้อนน่ามอง  น่าแกล้งขึ้นไปอีก  ไวกว่าความคิดมือเจ้ากรรมก็ดันไปลูบแก้มเขา ปาดน้ำตาเบาๆให้คนตรงหน้าโดยไม่ทันคิด  แขนอีกข้างก็โอบศีรษะคนขี้แยแล้วดึงเข้ามาในอ้อมกอด  มาร์คส่งยิ้มหล่อ อบอุ่น โชว์เขี้ยวสวย แล้วทำท่าเสยผมขึ้น  พลังทำล้ายล้างระดับ 10 ใส่คนในอ้อมแขน จากนั้นก็ ลูบศีรษะปลอบโยนนุ่มนวลจนคนที่กำลังไม่พอใจรู้สึกตัวได้ว่ากำลังอยู่ในท่าแบบไหน  ก็ให้อายม้วนซ่อนหน้าซุก อกแกร่ง หยุดงอแง ได้ทันที

     


    คือมันใกล้มากจนได้ยินเสียงหัวใจที่เต้นดัง เร็วถี่ของกันและกัน  คนหล่อในชุดนักกีฬาบาตสเกตบอลสีเขียวของมหาวิทยาลัย สวมเสื้อกล้ามแขนกุด โชว์กล้ามเนื้อแขนเนียนขาวแข็งแรง  ทับด้วยเอี้ยมสีขาวเขียนชื่อ  ปอยผมสีบรอนซ์ทองเปียกชื้นจาก เหงื่อ เส้นเลือดตามคอ และข้อมือ ที่นูนขึ้นเพราะการออกกำลัง  ดึงดูดสายตาจนจูเนียร์เกือบระทวยลงไปกองกับพื้น  ปรกติพวกนักกีฬา ตัวเหม็น  เหงื่อโทรมแบบนี้เป็นอะไรที่เขาไม่เคยคิดจะเข้าใกล้  แต่พอเป็นมาร์ค ต้วน แล้วทำไม  มันดูเท่ห์ ดูแมน  ดูหล่อมาก  จากที่ปรกติ คนคนนี้ก็ดูดีอยู่แล้ว  ตอนนี้ดูดีขึ้นไปอีกหลายสิบเท่า  งือ.... จูเนียร์ใจไม่ดี

     


    "มาร์ค  ต้วน!!!" ... พ่องเอ้ย  เสียงมารร้ายที่ไม่อยากได้ยินดังขึ้นขัดจังหวะ

     


    ไอ้พี่เจบีเดินเข้ามาพร้อมกับพี่นิชคุณและพี่อูยองด้วยหน้าตาทมึงทึง น่ากลัว  (พี่จะเอาไงกับผมครับเนี่ย!!?)  แต่คราวนี้เป้าหมายของพี่เขาไม่ใช่ผม  ไอ้พี่ตัวโตหน้าตาบอกบุญไม่รับมันไปยืนกอด อก แยกเขี้ยวใส่จูเนียร์แทน...?

     


    "นี่คุณปาร์ค จินยอง  ไหนว่าจะมาสัมภาษณ์ผู้เล่นตัวจริงของทีมบาสเกตบอลที่ไปชนะกีฬามหาวิทยาลัยปีนี้มาไง  ทำเป็นคุยกับผมซะดิบดีว่าจะเอาลงเวปไซท์และวารสารมหาวิทยาลัย  ผมก็อุส่าห์ไปตามพี่นิชคุณ กับพี่อูยองมาให้สัมภาษณ์ด้วยเนี่ย  หรือนั่นเป็นแค่ข้ออ้างจะมาหาใครบางคนแถวนี้กันครับ?" ไอ้พี่เจบีทำหน้าเหมือนพูดแทงใจดำ ส่วนจูเนียร์ได้แต่ก้มหน้าแต่ว่าหูงี้แดงสุดๆ  คงเขินแน่ๆเพราะตกลงว่า จูเนียร์ตั้งใจมาหาผมโดยใช้งานเป็นข้ออ้างใช่ไหม  แล้วความดันแตก  ต่อหน้าผมเลยเนี่ยนะ  โอยยย น่ารัก  น่ารักเกินไปแล้ว แม่คูณณณณณณ

     


    "อะแฮ่ม  หยุดแหย่ผมดีกว่านะ  อิม แจบอม  คุณลืมไปแล้วเหรอว่าผมมีไอ้นี่ ..." จูเนียร์ชูโทรศัพท์ขึ้นมาอีก  คราวนี้มันโดนไอ้พี่เจบีแย่งไปอย่างเร็ว   แต่พี่เขาก็ถือครองโทรศัพท์นั่นได้ไม่นาน  ยังไม่ทันจะทำอะไร  พี่นิชคุณ ก็มือไว แย่งต่อมาได้อีกที  พี่คุณพยายามเปิดคลิปที่ค้างไว้ดู  แต่ไอ้พี่แจบอมมันก็ไม่ยอม  จะแย่งกลับให้ได้  เลยพุ่งเข้าชาจพี่คุณจนล้มกลิ้ง  นาทีนั้นโทรศัพท์เครื่องหรู ลอยคว้างกลางอากาศ  ผมรีบกระโดดคว้าไว้  อย่างกับกำลังแข่งบาสกันในสนาม  พอจับได้หัวใจผมงี้เต้นถี่  อยากดูเหมือนกันว่านี่มันคลิปอะไรใจจะขาด  แต่ท่าทางพร้อมฆ่าคนของไอ้พี่แจบอมนี่ทำให้ผมขยาด  ผมเลยไม่กล้ามองแล้วส่งคืนโทรศัพท์ให้จูเนียร์ไป

     


    คู่กรณียิ้มอย่างผู้มีชัย  พร้อมกับโบกโทรศัพท์ในมือเย้ยไม่เข็ดหลาบ   แล้วหัวเราะเสียงใส  ส่วนไอ้พี่เจบีส่งสายตาคาดโทษมาให้ผม  ผมก็ได้แต่ทำใจดีสู้เสือไป  พี่เขายังฆ่าผมไม่ได้หรอกครับ  เรายังไม่ได้แข่งบาส 4 เส้าเลยนี่นา  

     


    จากนั้น  จูเนียร์ก็ขอสัมภาษณ์พี่นิชคุณ กับพี่อูยองจริงๆจังๆ มีอัดเสียง  ถ่ายภาพ ถ่ายคลิป สักพักพี่แทคยอนกับพี่จินอุนก็เข้าไปร่วมสัมภาษณ์ด้วย  ส่วนไอ้พี่เจบีดันมานั่งเป็นผีซ้อนบนห่วงยางรถยนต์ที่ให้ผมผูกเอวลากรอบสนามนี่อ่ะครับ  ผมถามจริงๆเหอะพี่  นี่มีอะไรกับผมจริงๆใช่ไหม  ผม....ลาก....ยาง...ต่อ...ไป...ไม่...ไหว....แล้ว....นะ....คราบ...แฮก  แฮก  แต่ก็ก้มหน้าก้มตาทนต่อไป  เพราะอย่างน้อยก็ยังได้ยินสียงหัวเราะ หวานใส ขณะกำลังสัมภาษณ์คนอื่นเป็นกำลังใจอยู่

     


    สุดท้ายก็ถึงเวลาพักของผมจริงๆ  เพราะเป็นเวลาทานอาหารเย็นที่นักกีฬาทุกคนต้องมาทานรวมกัน  ไอ้พี่เจบีเลยเลิกสิงผม  เป็นโอกาสให้แบมแบม และแจ๊กสัน  เสนอหน้าเข้ามาหาอย่างรวดเร็ว  นาทีนี้ผมต้องเก๊กข่มพวกมันไว้ครับ  จะให้พวกมันรู้ความป๊อดไม่เอาไหนของผมไม่ได้

     


    "เห็นอะไรๆชัดไหมครับเพื่อน  มาร์ค เด็ดแค่ไหนไม่รู้    แต่มีดีจนพี่เขาตามมาถึงที่นี่อ่ะครับ   อ๊ะ อ๊า  อิจฉาผม  อิจฉาผมกันใหญ่ใช่ไหมล่า?" แจ๊กสันและแบมแบมผู้ไม่รู้อะไร  ถึงกับลงไปนอนดิ้นเจ็บใจกับพื้นไม้ปาเก้ของสนามกันเลยทีเดียว ฮุ ฮุ....

     


    แล้วแบบนี้คุณว่าคู่ไหนจะถึงเส้นชัย  ตกลงปลงใจก่อนกันละครับ?   ^^








    ....................................


    ขออภัยมิตรรักแฟนฟิค ที่ดองนานไปนิสนุง  สูมาเตอะเจ้า 


    เราจะต้องเขียนเรื่องนี้ให้จบ ก่อนเข็นเรื่องใหม่ออกมา   บอกตัวเองวรั๊ยยยยย   รักรี๊ดนะจ๊ะ จุฟๆ

    รีดเรื่องนี้สตรองมาก  ตอนหน้า จะสปอยว่า  ฝ่ายเคะ เขาคิดยังไงกันน๊า  อิ อิ  ไม่ม่า  แค่ความแตก  555



     

    T
    H
    E
    M
    Y
    B

    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×